ข่าวการเงิน
เปิด 4 วิธีตรวจสุขภาพทางการเงิน เพื่ออนาคตที่มั่งคั่งและยั่งยืน
คนส่วนใหญ่อาจจะคุ้นเคยกับการตรวจสุขภาพประจำปี
เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงของโรคที่อาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยรุนแรงในอนาคต
ทำให้สามารถวางแผนการดูแลรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นได้ทันการ
เป็นการป้องกันก่อนที่โรคจะลุกลามไปไกลเกินที่จะเยียวยา
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ
ในทางการเงินก็เช่นเดียวกัน
การตรวจสุขภาพทางการเงินเป็นการดูแลสถานะทางการเงินในด้านต่าง ๆ
ให้อยู่ในเกณฑ์ของสุขภาพการเงินที่ดี
ก่อนที่ความผิดปกติทางการเงินจะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่
ทั้งนี้การตรวจสอบสุขภาพทางการเงินสามารถกระทำด้วยตนเองจากหลักใหญ่ ๆ 4
ด้านดังนี้

ด้านสภาพคล่อง
เป็นความสามารถในการใช้จ่ายเงินสดในชีวิตประจำวัน
หรือเปลี่ยนสิ่งของหรือทรัพย์สินให้เป็นเงินสด
เพื่อนำไปใช้จ่ายหรือใช้หนี้สินระยะสั้นได้
รวมทั้งการสำรองไว้เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
การมีสภาพคล่องที่สูงจะแสดงให้เห็นถึงการมีสุขภาพการเงินที่ดี
ตัวอย่างแหล่งเก็บเงินเพื่อสภาพคล่อง เช่น
เงินฝากธนาคารทั้งแบบออมทรัพย์และแบบประจำ หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
เป็นต้น
วิธีตรวจสุขภาพทางการเงินด้านสภาพคล่องโดยนำผลรวมสินทรัพย์สภาพคล่องจากแหล่งต่าง
ๆ ข้างต้น หารด้วยยอดหนี้สินรวมระยะสั้นที่ต้องชำระภายใน 1 ปี
ค่าที่คำนวณได้จะต้องมากกว่า 1 แต่ไม่ควรสูงจนเกินไป
เพราะหากมีสภาพคล่องที่สูงมาก
อาจทำให้มีการออมหรือใช้จ่ายเงินมากกว่าที่ควรจะเป็น
และมีการลงทุนที่น้อยเกินไป
สุขภาพการเงินด้านสภาพคล่อง = สินทรัพย์สภาพคล่อง/หนี้สินรวมระยะสั้น
ด้านภาระหนี้สิน
เป็นหนี้สินที่ต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามข้อตกลงตามสัญญาที่กำหนดไว้
โดยนำยอดหนี้สินรวมหารด้วยสินทรัพย์รวม ตัวอย่างยอดหนี้สินรวม เช่น บ้าน รถ
ยอดผ่อนอื่น ๆ เป็นต้น ส่วนตัวอย่างสินทรัพย์รวม เช่น บ้าน รถ ทอง กองทุน
หุ้น เงินฝากในสถาบันการเงินต่าง ๆ เป็นต้น
ปกติอัตราส่วนนี้จะมีค่าน้อยกว่า 1 ค่าที่คำนวณได้มีค่ายิ่งน้อยก็จะยิ่งดี
เพราะแสดงว่าไม่ได้ก่อภาระหนี้สินไว้มาก
สุขภาพทางการเงินด้านภาระหนี้สิน = หนี้สินรวม/สินทรัพย์รวม
ด้านการออม
เป็นการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งเก็บสะสมไว้ใช้ในอนาคตหรือใช้เวลาฉุกเฉิน
โดยอัตราส่วนของการออมที่สูงมากแสดงถึงสุขภาพทางการเงินที่ดีมาก
และมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งให้สูงได้อีก
โดยคำนวณจากเงินออมต่อปีหารด้วยรายรับรวมต่อปี สำหรับคนที่เริ่มต้นการออม
อาจเริ่มต้นการออม 10% ของรายได้ และเพิ่มขึ้นเมื่อมีรายได้มากขึ้น
นอกจากนี้อัตราส่วนการออมที่เพิ่มขึ้นยังแสดงถึงความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีด้วย
สุขภาพทางการเงินด้านการออม = เงินออมต่อปี/รายรับรวมต่อปี
ด้านการลงทุน
เป็นการนำเงินที่เก็บสะสมไว้ไปต่อยอดสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าการออม
โดยคำนวณจากสินทรัพย์ลงทุนหารด้วยสินทรัพย์รวม
ค่าที่คำนวณได้ยิ่งมากก็จะยิ่งดี
แสดงว่าสินทรัพย์จากการลงทุนที่ก่อให้เกิดรายได้มีมากกว่าสินทรัพย์ที่ไม่ก่อรายได้
ซึ่งหมายถึงการลงทุนทำให้เกิดรายได้หรือได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากทรัพย์สินเดิมที่มี
สุขภาพทางการเงินด้านการลงทุน = สินทรัพย์ลงทุน/สินทรัพย์รวม
จากการคำนวณอย่างง่าย ๆ ข้างต้น เป็นการตรวจสุขภาพทางการเงินได้ด้วยตนเอง
และสามารถสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีได้
ผู้ตรวจสุขภาพทางการเงินสามารถรู้จุดที่ควรปรับปรุงได้ด้วยตัวเอง
มีการปรับเปลี่ยนที่ส่งผลให้การตรวจสุขภาพทางการเงินในครั้งถัดไปให้ดียิ่งขึ้นได้
ส่งผลให้การดำเนินชีวิตมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
คล้ายกับการตรวจสุขภาพประจำปีแล้วกลับมาดูแลตัวเองให้แข็งแรงมีสุขภาพที่ดีขึ้น
นอกจากนี้การตรวจสุขภาพทางการเงิน
ยังสามารถช่วยต่อยอดในการวางแผนการเงินด้านอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพ
ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายเพื่อการเกษียณ การศึกษาลูกหลาน หรือเป้าหมายด้านอื่น ๆ
ตามที่ต้องการ
ดังนั้นการตรวจสุขภาพทางการเงินประจำปีจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรู้
และควรลงมือทำอย่างจริงจังหมั่นตรวจสุขภาพการเงินกันทุกปี
เพื่อสุขภาพการเงินที่แข็งแรงสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน
มีฐานะการเงินที่มีสภาพคล่องดี หมดปัญหาหนี้สิน มีเงินเก็บเงินออม
และมีเงินลงทุน
บทความโดย บุณยนุช ยุทธ์ประทุม นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-1225375
X