ข่าวการเงิน
บทความโดย “ราชันย์ ตันติจินดา”
นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
วันที่ 15 มกราคม 2567 โบนัส เงินก้อนโตที่ปีหนึ่งจะได้สักครั้ง
เพื่อเป็นรางวัลให้กับการทำงานหนักมาทั้งปี
แล้วเราจะบริหารเงินโบนัสที่ได้นี้อย่างไรดี
ให้คุ้มกับความเหนื่อยล้าทั้งปีที่แลกมา
1. ปย์ให้ตัวเอง
แบ่ง 10-20% ของเงินโบนัส เพื่อเป็นรางวัลให้กับชีวิต เช่น ซื้อ Gadget
ใหม่ ไปท่องเที่ยวต่างเมือง หรือทานอาหารหรู ๆ สักมื้อ
ก็เป็นการเติมพลังให้กับชีวิต ทำให้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป
รวมถึงช่วยกระชับความสัมพันธ์สมาชิกในครอบครัวด้วยการใช้เวลาร่วมกัน
แต่ก็ไม่ควรเปย์มากเกินไปเพราะเป็นเงินส่วนที่ใช้แล้วหมดไป
แม้ส่งผลดีต่อจิตใจ แต่ไม่ช่วยลดต้นทุนหรือทำให้เงินงอกเงยได้ในอนาคต
2. ดหนี้ที่มี
ลองเช็กหนี้สินที่มีอยู่ ว่ามีหนี้ไหนคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกบ้าง
มียอดหนี้เหลืออยู่เท่าไร ถูกคิดอัตราดอกเบี้ยกี่ % ต่อปี
พร้อมทั้งเรียงลำดับจากหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดและหนี้คงเหลือน้อยที่สุดก่อน
เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต หนี้บ้าน ฯลฯ
หากมีหนี้ไหนที่ดอกเบี้ยสูงกว่า 10% ต่อปี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล
บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต ฯลฯ ควรนำเงินโบนัสส่วนใหญ่ เช่น 50-70% ของโบนัส
ไปเร่งปิดหนี้ส่วนนี้ เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยให้เหลือน้อยที่สุด
ทำให้อนาคตสามารถเก็บเงินได้มากขึ้น
3. นเงินไว้ ให้อุ่นใจ
การมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินช่วยให้อุ่นใจได้ว่าจะมีเงินไว้รองรับกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
ทำให้สามารถใช้ชีวิตไว้อย่างสบายใจและโฟกัสกับการทำงานได้มากขึ้น
รวมถึงยังเพิ่มความมั่นใจได้ว่าเงินเก็บส่วนที่เกินกว่าเงินสำรองนั้น
สามารถนำไปลงทุนในทางเลือกที่มีพันธะด้านระยะเวลาลงทุน เช่น พันธบัตร
หุ้นกู้ กองทุน Term Fund หรือมีความเสี่ยงที่มากขึ้นได้ เช่น กองทุนผสม
หุ้น กองทุนหุ้น รวมถึงกองทุน SSF/RMF ฯลฯ
เงินสำรองเผื่อฉุกเฉินที่ดี ควรมีจำนวนให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย 6 เดือน
ในทางเลือกที่พร้อมถอนหรือนำออกมาใช้จ่ายได้ทันเวลา เช่น
เงินฝากที่โอนเงินผ่านมือถือ ถอนผ่านตู้ ATM/สาขาธนาคารได้ทันที
หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ขายคืนและได้รับเงินคืนภายใน 1
วันทำการถัดจากวันที่ขายคืน ฯลฯ
โดยปัจจุบันทางเลือกเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินที่น่าจะตอบโจทย์คนส่วนใหญ่
คือ เงินฝาก e-Savings ที่หลายธนาคารให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% ต่อปี
ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนที่ผ่านมาของกองทุนตราสารหนี้หลายกองทุน
ทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าและมีความคล่องตัวในการถอนหรือโอนมากกว่าด้วย
4. ยอยสร้าง Passive Income
แหล่งรายได้ที่มั่นคงโดยไม่ต้องออกแรงทำงาน เริ่มต้นได้ไม่ยาก
แต่หากจะให้มีจำนวนเพียงพอกับการใช้จ่ายโดยเฉพาะช่วงหลังเกษียณอายุ
คงไม่สามารถทำได้ทันทีแต่สามารถทยอยเริ่มได้ทีละน้อยและสะสมจนเพียงพอกับการใช้จ่ายในที่สุด
ตัวอย่างเช่น การสร้าง Passive Income ด้วยประกันชีวิตแบบบำนาญ
ที่จ่ายเบี้ยสั้น ๆ เช่น 5 ปี สามารถเริ่มต้นด้วยการแบ่งเงินโบนัสส่วนหนึ่ง
อาจจะสัก 50,000 บาท เพื่อเตรียมเป็นเบี้ยประกันบำนาญปีละ 10,000 บาท
แล้วหากปีหน้าได้รับเงินโบนัสอีกก็แบ่งเงินเพื่อเป็นเบี้ยประกันบำนาญฉบับต่อ
ๆ ไปได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินเป็นค่าเบี้ยประกันปีต่ออายุหรือไม่
โดยเงินบำนาญรวมที่จะได้รับตอนเกษียณ
ก็มีโอกาสที่จะเพียงพอกับการใช้จ่ายได้ในที่สุด
นอกจากประกันบำนาญแล้ว ยังมีทางเลือกในการสร้าง Passive Income อื่นอีก
เช่น พันธบัตร/หุ้นกู้ ที่หากทยอยลงทุนจากเงินโบนัสที่ได้รับในแต่ละปี
รวมถึงนำดอกเบี้ยและเงินครบกำหนดที่ได้รับจากเงินลงทุนแต่ละก้อนไปลงทุนต่อใน
พันธบัตร/หุ้นกู้ ที่ออกใหม่เรื่อย ๆ ก็ช่วยให้มี Passive Income
มากขึ้นได้ในอนาคต
หรือหากสะสมไว้หลายปีจนมากพอที่จะนำไปลงทุนคอนโดด้วยเงินสดเพื่อปล่อยเช่า
ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำได้เช่นกัน
5. งทุนให้งอกเงย
การลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยจำเป็นต้องลงทุนในทางเลือกที่มีความเสี่ยง
แต่หลายคนยังกังวลกับความเสี่ยงนั้น
จึงเลือกที่จะเก็บเงินหรือลงทุนในทางเลือกความเสี่ยงต่ำที่เน้นความปลอดภัยของเงินต้น
อย่างไรก็ตามเงินโบนัสเป็นเงินที่ได้มาปีละหนึ่งครั้ง
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
เงินที่แบ่งจากเงินโบนัสเพื่อนำไปลงทุน
จึงสามารถเป็นเงินที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่าเงินเก็บส่วนอื่น
โดยอาจแบ่ง 10-30% ของเงินโบนัส ไปลงทุนในกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้น
ในภูมิภาคหรือธีมการลงทุนที่ชื่นชอบ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
หรือเลือกลงทุนในกองทุน SSF/RMF ที่เป็นกองทุนหุ้น/ผสม
เพื่อผลประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมได้
เงินโบนัส ถือว่าเป็นรางวัลตอบแทนจากการทำงานด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งปี
ที่ต้องจัดสรรให้ดีเพื่อเป็นรางวัลให้กับตนเองด้วยเทคนิคการบริหารที่เหนือล้ำเพื่อให้มีเงินมากขึ้นได้ในอนาคต
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจ
https://www.prachachat.net/finance/news-1479082
30/04/2024
29/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024