ข่าวการเงิน
ทำงานมาหลายปี แต่ทำไมแทบไม่มีเงินเหลือเก็บ
ทั้งที่รายได้ก็มีทุกเดือน เงินเดือนก็ขึ้นทุกปี บทความนี้จะมาบอก 3
สิ่งที่ควรทำในการบริหารรายจ่าย เพื่อให้มี “เงินเหลือเก็บ” แถมได้ดอกเบี้ยเพิ่มมากกว่าการจัดการแบบเดิม ๆ
1) จ่ายให้กับเงินเก็บ เป็นอันดับแรก
เมื่อมีรายรับหรือเงินเดือนเข้าบัญชี
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการกันเงินอย่างน้อย 10 - 20% ของเงินที่ได้รับ
ไปแยกเก็บไว้อีกบัญชีหนึ่ง
ซึ่งการเก็บเงินที่ว่าควรเป็นการตั้งใจเก็บระยะยาว
ทางเลือกการเก็บเงินจึงควรเน้นไปที่การสร้างผลตอบแทนระยะยาว เช่น
- กรณีรับความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ได้
อาจเลือกหักบัญชีอัตโนมัติทุกเดือนไปเก็บเงินในเงินฝากประจำปลอดภาษี
ที่ให้ดอกเบี้ยสูง หากฝากมียอดเงินที่เท่ากันทุกเดือน ได้อย่างน้อย 24
เดือนขึ้นไป (ระยะเวลาขึ้นกับเงื่อนไขแต่ละบัญชีหรือธนาคาร)
- กรณีรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้และมีภาระภาษีเงินได้
อาจเลือกตัดเงินลงทุนอัตโนมัติไปลงทุนกองทุน SSF หรือกองทุน RMF
ที่เป็นกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้น เพื่อเป็นทั้งเงินเก็บ
เพิ่มผลตอบแทนระยะยาว และช่วยลดหย่อนภาษี
“แต่หากไม่ได้มีภาระภาษีหรือปีนี้ลงทุนกองทุน SSF/RMF เต็มสิทธิแล้ว
อาจเลือกลงทุนในกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้นทั่วไปได้
หรือหากรู้สึกว่าตนเองยังมีเงินเก็บน้อยอยู่
โดยเฉพาะยังมีเงินสำรองฉุกเฉินไม่ถึง 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
ควรเลือกเก็บในเงินฝากออมทรัพย์แบบ e-Savings เงินฝากประจำปลอดภาษี
หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำและสภาพคล่องสูงรอรับเงินค่าขายคืน
1 วันทำการ ก่อน”
2) แยกงบรายจ่าย ให้ชัดเจน
หลังจากกันเงินเก็บ 10 - 20% ของรายได้แล้ว
เพื่อให้มั่นใจว่าเงินส่วนที่เหลือ 80 - 90% จะเพียงพอกับรายจ่ายทั้งเดือน
ควรตั้งงบรายจ่ายในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน และแยกจัดสรรไว้ต่างบัญชีกัน เช่น
- รายจ่ายคงที่ ที่ต้องจ่ายแน่นอน
ขึ้นกับว่าต้องจ่ายช่วงไหนของเดือน จำเป็นต้องกันเงินเพื่อรอจ่ายส่วนนี้ไว้
เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนบ้าน/รถ เบี้ยประกัน ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน/คอนโด
ฯลฯ ห้ามนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น
- รายจ่ายผันแปร
ที่แต่ละเดือนอาจมียอดเงินและช่วงเวลาในการจ่ายที่แตกต่างกัน เช่น ค่าอาหาร
ค่าสังสรรค์ ท่องเที่ยว เลี้ยงดูบุตร/บิดา/มารดา ค่าซื้อของใช้ส่วนตัว ฯลฯ
“การแยกงบรายจ่าย นอกจากกำหนดงบ
จดบันทึกรายจ่ายเพื่อคุมรายจ่ายแต่เรื่องให้อยู่ภายในงบที่กำหนดไว้แล้ว
การแยกบัญชีไว้กันเงินหรือสำรองเงินไว้สำหรับแต่ละงบรายจ่าย
ก็เป็นอีกวิธีการในการคุมรายจ่ายไม่ให้เกินตัว
และช่วยให้การจัดการรายจ่ายในแต่ละเดือนเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น”
3) เลือกที่พักเงินรอจ่าย ที่ช่วยให้งอกเงย
การแยกบัญชีเพื่อรองรับรายจ่าย เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายในปัจจุบัน เนื่องจากแทบทุกธนาคารสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ได้ผ่าน Mobile Banking สำหรับใครที่มีงบรายจ่ายหลายเรื่อง และธนาคารหลักที่ใช้อยู่มีจำกัดจำนวนบัญชีสูงสุดในการเปิดบัญชีออนไลน์ ก็ยังสามารถสมัคร Mobile Banking
และเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารอื่นที่ตนเองไม่เคยมีบัญชีมาก่อนได้บนมือถือที่มี
ด้วยบริการ NDID (บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล)
อีกทั้งการโอนเงินข้ามธนาคาร หลายๆ ธนาคารมักไม่เก็บค่าธรรมเนียมการโอน
ทำให้การแยกบัญชีเงินฝากเพื่อรองรับงบรายจ่ายต่างๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย
“อีกทั้งบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบ e-Savings ที่เปิดบัญชีด้วย
Mobile Banking ธนาคารส่วนใหญ่มักให้อ้ตราดอกเบี้ยสูง
โดยปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่ที่ 1.5% ต่อปี คิดเป็น 5 เท่า
ของอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ทั่วไปที่ 0.3% ต่อปี
ดังนั้นการใช้เงินฝากออมทรัพย์แบบ e-Savings
ถือเป็นเครื่องมือในการแยกงบรายง่าย
ที่นอกจากใช้คุมรายจ่ายไม่ให้เกินงบที่ตั้งใจจนไปดึงเงินเก็บออกมาแล้ว
ยังเป็นตัวช่วยให้เงินที่พักไว้ระหว่างรอใช้จ่ายในแต่ละเดือน
ได้เติบโตเร็วขึ้นถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับเงินฝากแบบเดิม”
ตัวอย่าง: หากมีงบรายจ่ายต่างๆ รวมกันเดือนละ 20,000 บาท
(ไม่รวมเงินเก็บ 10 - 20% ของรายได้)
ซึ่งหากเงินก้อนนี้ถูกนำไปกันไว้ในเงินฝาก e-Savings
ทุกต้นเดือนและถูกทยอยใช้จนหมดตอนสิ้นเดือน จะเสมือนว่าเรามีเงินฝากไว้ใน
e-Savings ประมาณ 10,000 บาท ตลอดเดือนหรือตลอดปี (= [เงินต้นเดือน 20,000
บาท + เงินปลายเดือน 0 บาท] ÷ 2 ) ดอกเบี้ยรวมที่ได้รับจาก e-Savings
ส่วนนี้ตลอดทั้งปีอยู่ที่ 150 บาท (สูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งอยู่ที่ปีละ
30 บาท)
“แม้อาจดูไม่ได้มากมาย แต่อย่างน้อยก็เหมือนได้ทานอาหารฟาสต์ฟู้ดฟรี 1 มื้อ
โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย อีกทั้ง
สำหรับคนที่มีรายได้หรืองบรายจ่ายสูงกว่านี้
หรือมีการเทคนิคบริหารรายแบบอื่นมาเสริม เช่น
การใช้ประโยชน์จากระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 45 - 55 วัน ของบัตรเครดิต
ฯลฯ ดอกเบี้ยรับก็จะสูงขึ้น
จากการแค่เพียงรู้จักเลือกที่พักเงินเท่านั้นเอง”
“อยากมีเงินเก็บ”
ไม่ได้ขึ้นกับว่ามีรายได้แค่ไหนหรือมีภาระรายจ่ายเท่าไร แต่ขึ้นอยู่กับ
“บริหารรายจ่ายอย่างไร” ให้สอดคล้องกับรายรับที่เข้ามา
การกันเงินเก็บตั้งแต่วันที่เงินเข้าและคุมงบรายจ่ายให้เหมาะสม
ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ช่วยให้สามารถเก็บเงินได้และเงินเก็บนั้นจะยังอยู่กับเราไปอีกนาน
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับwealthythai
29/04/2024
30/04/2024
06/04/2024
30/04/2024
30/04/2024