ข่าวการเงิน

บทความโดย “สมาคมนักวางแผนการเงินไทย”


บทความโดย “สมาคมนักวางแผนการเงินไทย”


วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 หากเอ่ยถึงคำว่า “หนี้” ก็ถือเป็นดาบสองคมของหลาย ๆ คน โดยด้านหนึ่งเปรียบเสมือนทางลัดที่ช่วยให้เข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการได้เร็วขึ้นที่ไม่ต้องรอเก็บเงินให้ครบทั้งก้อน เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ แทนที่จะรอเก็บเงินก้อนใหญ่เป็นเวลาหลายปี ก็กู้สินเชื่อบ้านหรือรถ ก็จะช่วยให้มีบ้านหรือได้รถเร็วขึ้น หรือหากต้องการเรียนต่อก็ใช้วิธีกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาก็จะช่วยให้สามารถเรียนต่อได้เร็วขึ้น


ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเป็นหนี้แต่บริหารจัดการผิดพลาด อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ ๆ ได้ เช่น จ่ายหนี้ช้าก็มีภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ยิ่งมีหนี้มาก ดอกเบี้ยก็ยิ่งสูงก็กัดกินเงินออม แถมเสียค่าปรับก็ส่งผลเสียต่อเครดิต หรือเกิดความเครียดก็ส่งผลต่อสุขภาพจิต เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม หากเป็นช่วงเศรษฐกิจดี ๆ การงานมั่นคง เงินทองเข้ามาไม่ขาดมือได้โบนัสทุกปี ภาระหนี้สินที่ก่อเอาไว้ก็ไม่น่าจะกระทบกับเงินในกระเป๋า แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจเพราะหากมีภาระหนี้ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนมากจนเกินไป ย่อมส่งผลต่อสุขภาพการเงินในระยะยาว ดังนั้น ต้องถามตัวเองว่ามีความจำเป็นแค่ไหนในการก่อหนี้


การสำรวจว่าตัวเองมีภาระหนี้แต่ละเดือนมากน้อยแค่ไหน สามารถคำนวณได้จากDSR ย่อมาจาก Debt Service Ratio หมายถึง อัตราส่วนเงินสำหรับใช้ผ่อนชำระหนี้กับรายได้ในแต่ละเดือน ซึ่งตามหลักสุขภาพการเงินที่ดี DSR ไม่ควรเกิน 40%


สูตรคำนวณ DSR = (ภาระหนี้ต่อเดือน ÷ รายได้ต่อเดือน) x 100


โดยหนี้สินที่นำมาเพื่อตรวจสุขภาพทางการเงินจะเป็นหนี้สินปัจจุบันต่อเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต ต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนรายได้ที่นำมาคำนวณจะเป็นรายได้ต่อเดือนทั้งหมด เช่น เงินเดือน รายได้พิเศษ เป็นต้น


ตัวอย่าง


มีเงินเดือน 50,000 บาท มีหนี้สินต้องผ่อนต่อเดือน ได้แก่ หนี้บ้าน (9,000 บาท), หนี้รถ (7,000 บาท), หนี้บัตรเครดิต (3,000 บาท), ผ่อนมือถือ (800 บาท) รวมทั้งหมด 19,800 บาท


จากสูตร DSR = 18,800 ÷ 50,000 x 100 = 39.60% แสดงว่า ถือว่าฐานะทางการเงินยังแข็งแรง มีความสามารถในการจ่ายหนี้แต่ละเดือนได้ตามปกติ แต่หากลดหนี้ลงไปได้ก็ควรลด


อย่างไรก็ตาม ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดวิกฤต เงินทองหายาก ไม่รู้ว่าจะถูกเลิกจ้างวันไหน รายได้พิเศษก็ไม่เข้ามาเลยแม้แต่บาทเดียว หากต้องการทำให้สุขภาพการเงินมีความแข็งแรง นอกจากการลดค่าใช้จ่ายแล้ว การหยุดก่อหนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดี


อาจโต้แย้งว่าที่ผ่านมาเคยผ่อนหนี้เดือนละ 19,800 บาท จะให้มาลดทันที เจ้าหนี้คงไม่ยอม ที่สำคัญเมื่อไม่ผ่อนตามเงื่อนไขก็จะผิดเงื่อนไขและมีปัญหาตามมา เช่น ภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย หรือรถโดนยึด ดังนั้น หากให้การผ่อนหนี้ลดลง


ควรเริ่มต้นด้วยการหยุดกู้ยืมก้อนใหม่ ถัดมา คือ ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น หากทำได้จำนวนหนี้ที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือนจะลดลง


จากตัวอย่างด้านบน เช่น หากหยุดการใช้บัตรเครดิต (3,000 บาท) ก็จะเหลือผ่อนหนี้แต่ละเดือน 16,800 บาท ทำให้ DSR เหลือ 33.60% หมายความว่า จะมีเหลือเงินในกระเป๋าเอาไว้ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น


ตารางประกอบบทความ




อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นในการก่อหนี้ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดวิกฤติ จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ รัดกุม เพื่อลดความเสี่ยงและภาระหนี้ในอนาคต ต่อไปนี้ คือ แนวทางการวางแผนก่อหนี้ให้เหมาะสม


ประเมินสถานการณ์ทางการเงินของตัวเอง


  •  ตรวจสอบรายรับ รายจ่าย เงินออม และภาระหนี้ที่มีอยู่
  •  คำนวณความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ ว่าสามารถผ่อนไหวหรือไม่
  •  พิจารณาถึงความมั่นคงของหน้าที่การงานและรายได้


พิจารณาความจำเป็นในการกู้ยืม


  •  กู้ยืมเงินเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ
  •  หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
  •  พิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การหารายได้เสริม


เปรียบเทียบข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่าง ๆ


  •  เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม เงื่อนไข และระยะเวลาการผ่อนชำระ
  •  เลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการผ่อนชำระ


กู้ยืมเงินในจำนวนที่จำเป็น


  •  กู้ยืมเงินในจำนวนที่น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
  •  หลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินเกินตัว


เตรียมแผนสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉิน


  •  เตรียมเงินสำรองเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
  •  วางแผนรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย เช่น ตกงาน


ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเงื่อนไขการกู้ยืม


  •  อ่านสัญญาเงินกู้ให้ละเอียดก่อนเซ็นชื่อ
  •  สอบถามข้อมูลให้ครบถ้วน


ชำระหนี้คืนตรงเวลา


  •  วางแผนการผ่อนชำระหนี้ให้ชัดเจน
  •  ชำระหนี้คืนตรงเวลาทุกงวด
  •  หลีกเลี่ยงการจ่ายหนี้ล่าช้า


ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ


  •  ปรึกษานักวางแผนการเงิน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ
  •  ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินและการจัดการหนี้จากนักวางแผนการเงิน


การก่อหนี้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเกิดวิกฤตอาจมีความเสี่ยงสูง จึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูล ถามตัวเองว่าควรก่อหนี้แค่ไหนที่ไม่สร้างปัญหาด้านการเงินในระยะยาว และเมื่อตัดสินใจก่อหนี้ก็ต้องจ่ายหนี้คืนให้ตรงเวลาตามเงื่อนไขที่กำหนด และเตรียมแผนสำรองการเงินเพื่อช่วยให้การกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในอนาคต


แหล่งที่ข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-1607247
X