Everyday knowledge for you
ห้องแสดงนิทรรศการ
17/02/2025
ไฟ-ฟ้า โดยทีทีบี โครงการแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน เพื่อการจุดประกายเยาวชนและชุมชนที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ร่วมกับทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดตัวนิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising” เพื่อแสดงพลังความคิดสร้างสรรค์และศักยภาพของเยาวชนไฟ-ฟ้า ภายใต้แนวคิด “The Power of Youth, Igniting Change – พลังแห่งเยาวชน จุดประกายการเปลี่ยนแปลง” เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นในพลังของเยาวชนที่จะสร้างอนาคตที่ดีขึ้น สอดรับกับการจัดงาน Bangkok Design Week 2025 หรือเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568 ภายใต้ธีม “Design Up+Rising: ออกแบบพร้อมบวก” ที่ชวนทุกคนมาสร้างสรรค์ทุกความเป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัดของกรุงเทพฯ ซึ่งนิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising” พร้อมเปิดให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์ทางศิลปะและการสร้างสรรค์ผลงานสู่ผลิตภัณฑ์คุณภาพของเด็กๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ – 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ทรูดิจิทัล พาร์ค (TDPK Studio 1 ชั้น 2)นิทรรศการ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising”นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี เดินหน้าตามปรัชญา Make REAL Change มุ่งสร้างชีวิตที่ดีขึ้นรอบด้านให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนทุกกลุ่มของธนาคาร ตามกรอบ B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญที่ทีทีบียึดถือมาโดยตลอด คือ การให้โอกาสกับเยาวชน ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการสอนจับปลา แทนการให้ปลา จึงเปิดพื้นที่ให้เยาวชนในชุมชน อายุ 12-17 ปี ได้เข้ามาเรียนรู้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านเรียนรู้ไฟ-ฟ้าทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ประชาอุทิศ, จันทน์, บางกอกน้อย, สมุทรปราการ และนนทบุรี มีเด็กเข้าร่วมโครงการมากกว่า 12,000คน ผ่านคลาสเรียนต่าง ๆ ที่มุ่งพัฒนาทักษะศิลปะและชีวิต (Art & Life Skills) อย่างครอบคลุมศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิ ทีทีบี จึงเป็นมากกว่ากิจกรรมเพื่อสังคม แต่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างอนาคตที่ดีขึ้น เพราะทีทีบี เชื่อว่าเมื่อเยาวชนได้รับโอกาสและพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง พวกเขาจะกลายเป็นพลังสำคัญที่เปลี่ยนแปลงสังคมในทางที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน นิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising” จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสของเด็ก ๆ เป็นเสมือนเวทีที่สะท้อนถึงความสำเร็จและแรงบันดาลใจที่บอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของเด็กไฟ-ฟ้า นอกจากเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บุคคลทั่วไปได้เห็นพลังและศักยภาพของเด็ก ๆ รวมถึงความภาคภูมิใจว่าผลงานของเขาเป็นที่ยอมรับในวงกว้างแล้ว เชื่อว่ายังจะสร้างแรงบันดาลใจขับเคลื่อนสังคมและผู้คนเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย”ด้านดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค สร้างขึ้นด้วยแนวคิด “One Roof, All Possibilities - ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้” ที่มุ่งสร้าง Ecosystem เชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือและความคิดสร้างสรรค์ ในชุมชนเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ให้เป็นมากกว่าพื้นที่พบปะ แลกเปลี่ยน แต่ยังมอบประสบการณ์อันไร้ขีดจำกัด และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้ผู้คน ผ่านการจัดกิจกรรมและนิทรรศการต่าง ๆ ที่สามารถเข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และร่วมสร้างไอเดียใหม่ ๆ ในการทำงานได้อย่างไม่มีสิ้นสุด จึงเป็นที่มาของการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนจากศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า โดยมูลนิธิทีทีบี เข้ามาจัดแสดงนิทรรศการศิลปะ fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising ได้โชว์พลังและศักยภาพแก่สังคมในวงกว้าง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ศิลปะจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนให้สังคมเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับเป้าหมายหลักในการสนับสนุนเยาวชนและคนรุ่นใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต เป็นอีกหนึ่งพลังในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย(จากซ้าย) นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต และดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์คสำหรับนิทรรศการ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising” เป็นเวทีที่เด็กไฟ-ฟ้าได้ถ่ายทอดการเดินทางของพวกเขาผ่านผลงานศิลปะ ตั้งแต่การตั้งคำถามเกี่ยวกับโลกและสังคม การค้นพบคุณค่าในตัวเอง ไปจนถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากห้องเรียนศิลปะในศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า ทุกผลงานสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ ความหวัง และพลังในการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง นิทรรศการนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสมุมมองใหม่ ๆ ผ่านผลงานของเด็กธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ซึ่งพร้อมจะจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้ชมร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีกว่านิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising”นิทรรศการฯ ประกอบด้วย 5 โซน ที่นำเสนอประสบการณ์การเดินทางผ่านผลงานศิลปะกว่า 80 ชิ้นที่ออกแบบเป็นศิลปะจัดวาง (installation art) และมัลติมีเดีย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชมในทุกมิติ เริ่มต้นด้วย1. The Spark of Change (จุดประกายแห่งการเปลี่ยนแปลง) เริ่มต้นด้วยพลังที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณ ผ่านการออกแบบที่แสดงถึงการเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง ความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นจะนำพาคุณเข้าสู่โลกแห่ง "Youth + Uprising"2. The Reflection (การสะท้อนตัวตนและสังคม) โซนที่ชวนคุณมองโลกผ่านสายตาของเยาวชน ตั้งคำถามถึงปัญหาปัจจุบัน เช่น ความยั่งยืน ความเท่าเทียม และการเปลี่ยนแปลงในสังคม ผลงานในโซนนี้ท้าทายให้คุณตั้งคำถามกับมาตรฐานที่เคยมีและเปิดมุมมองใหม่3. Being Myself (เป็นตัวเองในโลกที่ไม่มีผิดถูก) โซนแห่งการยอมรับความหลากหลาย ที่บอกเล่าว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวของตัวเองในโลกที่เต็มไปด้วยการตัดสินผลงานในโซนนี้สะท้อนถึงความกล้าที่จะยอมรับตัวเองและเฉลิมฉลองในความแตกต่าง4. Playground (สนามเด็กเล่นแห่งความฝัน) พื้นที่ที่ชวนให้คุณย้อนกลับไปสู่ความสดใสในวัยเด็กอีกครั้ง ที่ซึ่งความสุข ความสนุก และการมองโลกในแง่ดีสามารถเป็นพลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง เพลิดเพลินกับดีไซน์ที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกในแบบที่ไร้กรอบ5. The Wall of Inspiration (กำแพงแห่งแรงบันดาลใจ) จุดสุดท้ายที่ให้คุณฝากแรงบันดาลใจส่วนตัวไว้ เป็นพื้นที่ที่รวบรวมความตั้งใจของทุกคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ นิทรรศการนี้คือบทสนทนาแห่งพลังเยาวชนที่ชวนให้คุณเชื่อมั่นว่า "พลังแห่งเยาวชน จุดประกายการเปลี่ยนแปลง" อนาคตไม่ใช่แค่สิ่งที่เราจะไปถึง แต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนร่วมกันสร้างได้ตั้งแต่วันนี้นิทรรศการ “fai-fah Art Exhibition: Youth + Uprising” เปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ ตั้งแต่วันที่ 8 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10:00 – 20:00 น. ณ TDPK Studio 1 ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง และสัมผัสพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นนิทรรศการศิลปะ “fai-fah Art Exhibition : Youth + Uprising”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9680000012910
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
17/02/2025
ใครวางแผนไปเที่ยวเกาหลีบ้าง? หนึ่งในด่านสำคัญที่ต้องเจอคือ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.เกาหลี) หลายคนอาจกังวลว่า ตม.เกาหลีถามอะไรบ้าง จะตอบยังไงให้รอดและผ่านง่าย ๆ ไม่ต้องห่วง เรารวมคำถามยอดฮิตที่ ตม.เกาหลีมักถาม พร้อมตัวอย่าง คำตอบภาษาอังกฤษ ให้คุณได้เตรียมตัวไว้แล้ว อ่านจบ มั่นใจ ตอบเป๊ะ!12 คำถามยอดฮิต ตม.เกาหลีถามอะไรบ้าง ?การเดินทางไปเกาหลีใต้ด้วยตัวเอง ต้องมีเอกสารครบถ้วน เพื่อเพิ่มโอกาสผ่าน ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.เกาหลี) ได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางครั้งแรก หรือ ไม่มีประวัติการเดินทางมาก่อน1. What is the purpose of your visit to Korea? เดินทางมาทำอะไรที่เกาหลี?คำตอบตัวอย่าง: • I come for traveling.ฉันมาเที่ยวค่ะ/ครับ • I come to visit my friend.ฉันมาเยี่ยมเพื่อนค่ะ/ครับ2. How long will you stay in Korea? / How long? จะอยู่ที่เกาหลีนานแค่ไหน?คำตอบตัวอย่าง: • I will stay for 7 days. ฉันจะอยู่ 7 วันค่ะ/ครับ3. Where are you staying? พักที่ไหน?คำตอบตัวอย่าง: • I will stay at a hotel named... ฉันพักที่โรงแรมชื่อ...4. What places will you visit in Korea? / Where do you go? จะไปเที่ยวที่ไหนบ้างในเกาหลี?คำตอบตัวอย่าง: • I will visit Seoul, Lotte World, and Hongdae.ฉันจะไปโซล สวนสนุกล็อตเตเวิลด์ และฮงแดค่ะ5. Do you have an accompany? เดินทางมากับใคร?คำตอบตัวอย่าง: • Yes, I am traveling with my family. ฉันเดินทางมากับครอบครัวค่ะ/ครับ • Yes, I am traveling with my friends.ฉันเดินทางมากับเพื่อนค่ะ/ครับ6. Do you have a return ticket? คุณมีตั๋วเครื่องบินขากลับยัง?คำตอบตัวอย่าง: • Yes, I have a return ticket on (date).ใช่ค่ะ/ครับ ฉันมีตั๋วขากลับวันที่...7. What is your job? / What is your occupation?คำตอบตัวอย่าง: • I am a/an ......ฉันเป็น.....(อาชีพ)8. Is this your first time in Korea? นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาเกาหลีหรือเปล่า?คำตอบตัวอย่าง: • Yes, it’s my first time.ใช่ค่ะ/ครับ นี่เป็นครั้งแรก • No, I have been here before.ไม่ค่ะ/ครับ ฉันเคยมาแล้ว9. How much money do you have for this trip? คุณพกเงินมาเท่าไหร่สำหรับการเดินทางครั้งนี้?คำตอบตัวอย่าง: • I have about 500,000 Won.ฉันมีประมาณ 500,000 วอน10. Is there a hotel reservation? มีใบจองโรงแรม ที่พักไหม?คำตอบตัวอย่าง: • Yes, here you go.มีค่ะ นี่ค่ะ/ครับ (ยื่นใบจองให้)11. Do you know anyone in Korea? คุณรู้จักใครในเกาหลีไหม?คำตอบตัวอย่าง: • Yes, I have a friend in Seoul.ใช่ค่ะ/ครับ ฉันมีเพื่อนอยู่ที่โซล • No, I don’t know anyone here.ไม่ค่ะ/ครับ ฉันไม่รู้จักใครที่นี่12. Are you traveling alone? คุณเดินทางคนเดียวหรือเปล่า?คำตอบตัวอย่าง: • No, I am traveling with my family.ไม่ค่ะ/ครับ ฉันเดินทางมากับครอบครัว • Yes, I am traveling alone.ใช่ค่ะ/ครับ ฉันเดินทางคนเดียวเรื่องสำเนียงเกาหลี เวลาใช้ภาษาอังกฤษ 1. อาจได้ยินเสียง "L" และ "R" สลับกัน เช่น friend > "프렌드 (เพอเร็นด์)" 2. ลงท้ายคำไม่ชัดเจน เช่น hotel > "호텔 (โฮเทล)" 3. การออกเสียงสระจะฟังดูยาวหรือสั้นผิดปกติ เช่น "visit" อาจฟังเป็น "비짓 (บีจิท)"การเตรียมตัวตอบ คำถาม ตม. เกาหลี ล่วงหน้า เป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้คุณมั่นใจและผ่านด่านตรวจได้อย่างราบรื่น ลองฝึกตอบคำถามภาษาอังกฤษเหล่านี้ไว้ รับรองเที่ยวเกาหลีสบายใจแต่งกายอย่างไรให้ผ่าน ตม. เกาหลีง่ายขึ้นแต่งตัวให้เหมือนนักท่องเที่ยว สุภาพ และดูเป็นมิตรสำหรับผู้หญิง • สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อย เหมาะสมกับอากาศ • ไม่แต่งตัวโป๊จนเกินไป • แต่งหน้าพอดี ไม่จัดจ้านเกินไป • ไม่ใส่แบรนด์เนมของปลอมสำหรับผู้ชาย • สามารถใส่เสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ตได้ • หลีกเลี่ยงการใส่สูทเต็มชุด เพราะอาจถูกสงสัยว่ามาทำงาน • ควรใส่กางเกงขายาว และรองเท้าผ้าใบทริคพิเศษ: พกกล้องถ่ายรูปคล้องคอไว้ จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ว่าเป็นนักท่องเที่ยวหากเคยติด ตม. เกาหลี ยังไปได้อีกไหม?ยังสามารถเดินทางไปเกาหลีได้อีก แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลี หากเคยถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ไม่ได้หมายความว่าจะถูกแบนตลอดไปวิธีเพิ่มโอกาสผ่าน ตม. ครั้งต่อไป • เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน (ตั๋วเครื่องบิน, การจองที่พัก, แผนการท่องเที่ยว, เอกสารรับรองการทำงาน ฯลฯ) • ตอบคำถามให้มั่นใจ ไม่ลังเล • แสดงหลักฐานการเดินทางที่ชัดเจนเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนไปเจอตม. เกาหลี • หนังสือเดินทาง (Passport) • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ • เอกสารจองที่พัก • แผนการท่องเที่ยวภาษาอังกฤษ • เอกสารรับรองการทำงาน หรือการศึกษา • รายการบัญชีย้อนหลัง (กรณีไม่มีเอกสารรับรองอื่น ๆ)เตรียมเอกสารให้ครบ ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง และตอบคำถาม ตม. ด้วยความมั่นใจ เพียงเท่านี้ก็สามารถเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองได้อย่างราบรื่นแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451411/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
11/02/2025
หนี้ดี-หนี้เสีย รู้จักหนี้แต่ละประเภท ตั้งเป้าหมายจัดการหนี้ กลยุทธ์จัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 11 ธ.ค. มีมาตรการทางด้านเศรษฐกิจหลายเรื่องที่จะถูกเสนอให้ที่ประชุมอนุมัติ โดยที่สำคัญจะเป็นมาตรการแก้ปัญหาหนี้ การอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงช่วยหนี้กลุ่มเปราะบางกลุ่มอื่นของสถาบันการเงิน เพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนด้วยเรื่องการลดภาระการชำระหนี้และดอกเบี้ย ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ เน้นการตัดเงินต้นและดอกเบี้ย เมื่อลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข เพื่อให้ลูกหนี้สามารถรักษาทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ รวมถึงสถานประกอบการของตัวเองเอาไว้ได้รวมถึงการให้ลูกหนี้ NPL ที่มียอดมูลหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท โดยการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อสามารถปิดหนี้ได้ และสามารถเคลียร์เครดิตปรับปรุงชำระหนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในอนาคตนอกจากนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางเพิ่มเติม ทั้งลูกหนี้ประวัติหนี้ดี เพื่อให้กำลังใจในการรักษาวินัยการเงินการคลังต่อไป รวมถึงลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้เรื้อรังส่วนมาตรการการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร Nonbank ลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเหลือ 70% และลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 เช่น อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 25 ต่อปี ก็จะเหลือร้อยละ 15 ต่อปีหนี้ดีและหนี้เสีย คืออะไรหนี้เพื่อการประกอบอาชีพ เป็นหนี้ที่สร้างอาชีพให้กับเรา ทำให้เรามีโอกาสมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น การกู้เงินมาเปิดร้านขายของ การกู้เงินมาตั้งบริษัทหนี้เพื่อสร้างอนาคต เช่น การกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อให้เรามีความรู้มาใช้ในการทำงาน หรือมีทักษะ ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพที่ทำอยู่ ซึ่งจะทำให้เรามีอนาคตที่มั่นคงมากขึ้นหนี้เพื่อความมั่นคงระยะยาว เช่น การกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้มีบ้านเป็นของตนเอง แทนที่จะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านก็กลายเป็นการจ่ายค่าผ่อนบ้านแทน ทำให้มีทรัพย์สินส่วนตัวเพิ่มขึ้นหนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่สร้างรายได้ในอนาคต และอาจจะทำให้ความมั่นคงลดลงอีกด้วย เช่น หนี้เพื่อการประกอบอาชีพ เป็นหนี้ที่สร้างอาชีพให้กับเรา ทำให้เรามีโอกาสมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น การกู้เงินมาเปิดร้านขายของ การกู้เงินมาตั้งบริษัทหนี้เพื่อสร้างอนาคต เช่น การกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อให้เรามีความรู้มาใช้ในการทำงาน หรือมีทักษะ ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพที่ทำอยู่ ซึ่งจะทำให้เรามีอนาคตที่มั่นคงมากขึ้นหนี้เพื่อความมั่นคงระยะยาว เช่น การกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้มีบ้านเป็นของตนเอง แทนที่จะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านก็กลายเป็นการจ่ายค่าผ่อนบ้านแทน ทำให้มีทรัพย์สินส่วนตัวเพิ่มขึ้นหนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่สร้างรายได้ในอนาคต และอาจจะทำให้ความมั่นคงลดลงอีกด้วย เช่น เมื่อเข้าใจความแตกต่างของหนี้ดีและหนี้เสีย ก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้เสีย ในขณะเดียวกันก็สร้างหนี้ดี เพื่อเป็นเส้นทางไปสู่อนาคตที่มั่นคงขึ้นตั้งเป้าหมายจัดการหนี้เมื่อเราจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างเป็นระบบแล้ว จะรู้ว่าในแต่ละเดือนจะมีกระแสเงินสดเหลืออีกเท่าไหร่ ก็สามารถหาวิธีการจัดการหนี้ที่เหมาะกับตัวเองได้ สิ่งสำคัญ คือ ต้อง “ตั้งเป้าหมายการจัดการหนี้” โดยอาจมีการให้รางวัลเล็ก ๆ กับตนเองก็ได้ เช่น ชำระหนี้บัตรเครดิตให้หมดภายใน 1 ปี หากทำได้ จะไปทานอาหารมื้อพิเศษเพื่อเป็นรางวัลในการพิชิตเป้าหมายนี้ได้ หรือใช้ตั้งเป้าหมายที่เรียกว่า SMARTS-Specific : เป้าหมายควรมีความเฉพาะเจาะจง เช่น ต้องการปลดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดภายใน 12 เดือนM-Measurable : เป้าหมายควรวัดผลได้ เช่น ต้องการลดจำนวนหนี้ลง 10,000 บาทต่อเดือนA-Achievable : เป้าหมายควรเป็นไปได้จริง เช่น จะหางานเสริมเพื่อหารายได้เพิ่ม 5,000 บาทต่อเดือนR-Relevant : เป้าหมายควรเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ เช่น จะลดค่าใช้จ่ายด้านอาหารลง 2,000 บาทต่อเดือนT-Time-Bound : เป้าหมายควรมีกรอบเวลาที่ชัดเจน เช่น จะออมเงิน 100,000 บาท ภายใน 2 ปีกลยุทธ์จัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพสิ่งสำคัญในการจัดการหนี้ คือ ต้องหยุดสร้างหนี้เพิ่ม จากนั้นสรุปรายการหนี้ทั้งหมด หากมีหนี้หลายก้อน ให้รีบเคลียร์หนี้ก้อนที่ดอกเบี้ยมากที่สุดก่อน แต่บางครั้งหากมีหนี้บางก้อนเหลือไม่มาก การเลือกที่จะเคลียร์หนี้ก้อนเล็กออกไปก่อนก็ช่วยให้มีกำลังใจในการปลดหนี้ก้อนอื่น ๆ ด้วย (เนื่องจากจำนวนของหนี้ลดลง) ทั้งนี้ สามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการจัดการกับหนี้ได้ เช่นมองหาแหล่งเงินทุนไร้ดอกเบี้ย โดยขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือญาติพี่น้อง และสามารถให้ยืมเงินก้อนใหญ่มาชำระหนี้ทั้งหมดในปัจจุบัน แล้วผ่อนชำระให้เขาโดยไม่มีดอกเบี้ย หรือคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ๆพูดคุยกับเจ้าหนี้โดยตรง ขอลดอัตราดอกเบี้ย ยืดเวลาการผ่อนชำระ หรือการพักชำระเงินต้น ซึ่งต้องแสดงให้เห็นว่ามีความจริงใจที่จะชำระหนี้จนครบถ้วนอย่างแน่นอนการรีไฟแนนซ์ เป็นการรวมหนี้ก้อนเดียว โดยสามารถติดต่อกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มีบริการในด้านนี้ ซึ่งจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยโดยรวมลดลง และการชำระหนี้ไปที่เจ้าหนี้เพียงรายเดียวทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้นกลยุทธ์ Snowball หรือการล้างหนี้แบบหิมะถล่ม เหมาะกับผู้ที่มีหนี้สินหลายก้อน โดยแต่ละก้อนก็มีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ก็จะใช้วิธีชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน ส่วนหนี้ก้อนอื่น ๆ ให้ชำระเป็นเงินขั้นต่ำ เมื่อชำระหนี้ก้อนที่ดอกเบี้ยสูงสุดครบแล้ว ก็ให้ชำระหนี้ก้อนที่มีดอกเบี้ยสูงรองลงมา ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย ทำให้หนี้หมดไวขึ้นสุดท้าย พึงระลึกไว้ว่าอย่านำเงินไปจ่ายหนี้ทั้งหมด แต่ให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งเก็บออม และเมื่อเห็นจำนวนเงินในบัญชีที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นกำลังใจให้เราในการต่อสู้กับชีวิตต่อไป และเมื่อใดที่มีโอกาสในการลงทุนต่อยอด ก็ยังมีเงินสำรองในการเพิ่มความมั่งคั่งได้อีกด้วยคำแนะนำ หากมีปัญหาเรื่องหนี้สินหรือการจัดการด้านการเงิน อย่าอายที่จะ “ขอความช่วยเหลือ” จากผู้ที่มีความรู้ เพราะยิ่งปล่อยให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น อาจจะแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่หากได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีความรู้ ก็จะสามารถจัดการปัญหาที่มีอยู่ และพลิกกลับมาเป็นผู้ที่มีความมั่นคงทางการเงินได้แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1713400
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
11/02/2025
ป้ายยานักท่องเที่ยวสายอาร์ต - สายมูเตลู ชวนเที่ยวงาน “คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย” นิทรรศการจาก GOODSTUPH Thailand หนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดใน Bangkok Design Week 2025ใกล้ที่จะเริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับงาน Bangkok Design Week 2025 หรือเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2568 งานอาร์ตประจำปี อีเวนต์สร้างสรรค์ของชาวกรุงเทพ ที่เวียนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคอนเซปต์ใหม่ "Design Up+Rising: ออกแบบพร้อมบวก+" จัดเต็มกว่า 350 โปรแกรม ณ 7 ย่านหลักทั่วกรุงเทพฯ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์โดยโปรแกรมทั้งหมด มีหนึ่งงานไฮไลท์ที่น่าสนใจในปีนี้ สำหรับผู้เสพงานอาร์ต รวมถึงนักท่องเที่ยวสายมูเตลู กับงานนิทรรศการ ‘คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย’ ที่นำเสนอ 6 ต้นแบบของขลังที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง พร้อมสถานการณ์จำลองในรูปแบบ Interactive Abstract Art ทั้ง 6 จัดเต็มทั้งแสง สี เสียง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร ซึ่งอีเวนต์ที่เป็นผลงานศิลปะสุดครีเอทจาก GOODSTUPH Thailand ครีเอทีฟเอเจนซี่อิสระสัญชาติไทย ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ (Creative) และการออกแบบ (Design) ที่มาร่วมจัดแสดงเป็นครั้งแรกพรพิรุณ ชูชื่น Head of Designerพรพิรุณ ชูชื่น Head of Designer เล่าว่า “เพราะคนไทยเชื่อในเรื่องมู เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับบ้านเรามาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็เชื่อเรื่องเหล่านี้กันทั้งนั้น แถมยังพกติดตัวกันอยู่ในทุกวัน จึงเกิดประเด็นคำถามที่ว่า “ที่พึ่งพาทางใจ จะสามารถพึ่งพาในชีวิตจริงได้ไหม”ทั้งหมดจึงต่อยอดเป็น 6 โปรดักต์ ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองกรุงตามสถานการณ์ต่างๆ ผ่านนิทรรศการ 6 เหตุการณ์จำลองในรูปแบบ Interactive Art แสง สี เสียงจัดเต็ม พร้อมให้ชาวกรุงมาลองของ ว่าจะขลังพร้อมบวกแค่ไหน ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เจอคนที่ชอบ สถานการณ์ซอยมืดเปลี่ยวในกรุง สถานการณ์เมื่อต้องส่งเสียงให้คนช่วย สถานการณ์แบตมือถือหมด สถานการณ์เจรจาค้าขายให้สำเร็จ และสถานการณ์ต้องการหาโทรเบอร์ฉุกเฉินซึ่งสอดคล้องกับธีมงาน Bangkok Design Week 2025 ในปีนี้อย่าง Design Up+rising หรือ ออกแบบพร้อมบวก” “คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย” (DIVINE POWER 2.0) เมื่อของขลังที่คนไทยรู้จัก ศรัทธา และชอบพกพา ถูกนำไปเสริมฟังก์ชั่น เพิ่มอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ กลายเป็นไอเทมต้นแบบที่ให้คนเมืองพร้อมบวก+ ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น • ปลัดขิกพลิกเสน่ห์ (IRRESISTIBLE ALLURING PALAD-KHICK) ของขลังอานุภาพโดดเด่นด้านเสริมเสน่ห์ มาพร้อมกับบาล์มสูตรยั่วพิเศษ ที่เมื่อรวมกับบารมีแห่งปลัดขิก คุณก็สามารถพิชิตใจคนได้ง่ายๆ • พระพิฆเนศ รุ่นเป่าเคราะห์ (GANESHA, BAD OMEN BLOWER MODEL) เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่ ความสำเร็จ และพระผู้ขจัดอุปสรรค เราเพิ่มคุณสมบัติการปัดเป่าความชั่วร้ายด้วยการฟิวชั่นกับนกหวีด เจอภยันอันตรายที่ใด ก็หยิบขึ้นมาเป่าเรียกคนมาช่วยเหลือได้ทันที • ผ้ายันต์สารพันเบอร์ (EMERGENCY NUMBER YANTRA CLOTH) หนึ่งในของขลังครั้งโบราณ ผ้ายันต์ถูกพกไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เราอัปเกรดด้วยการนำเบอร์โทรฉุกเฉินมาใส่ ให้คุณใช้ชีวิตในเมืองกรุงได้อย่างสบายใจ • ตะกรุดเสือพ่นไฟ (THE ALL-SEEING TIGER-TAKRUD) เครื่องรางที่เชื่อว่าหากนำติดตัว ฝูงสัตว์ร้ายและภูตผี จะมิกล้าทำอันตรายใดๆ เป็นคงกระพันมหาอุดและแคล้วคลาดเป็นที่สุด เสริมพลังอิทธิฤทธิ์ ด้วยการฟิวชั่นกับไฟฉายพร้อมส่องทางมืด และสิ่งชั่วร้ายในเมืองกรุง • ราหูอมไฟสำรอง (RAHU’S RECHARGER) ตัวแทนแห่งพลังเหนือธรรมชาติอันลึกลับ ที่เชื่อกันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสุริยุปราคา ในครั้งนี้ พระราหูในรูปแบบพาวเวอร์แบงค์จะมาเติมไฟให้กับมือถือคุณ ให้คุณสบายใจที่ได้มีท่านอยู่เคียงข้าง • ถั่ว 5 เม็ด เคล็ดวาจาพารวย (GOLD-TONGUE BEANS) ถั่ว 5 เม็ด มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยม ผู้คนรักเอ็นดูและในครั้งนี้ การเจรจาทำมาค้าขายจะไหลลื่นกว่าที่เคย ด้วยลูกอมดับกลิ่นปาก เสริมความมั่นใจ พูดกับใคร ใครก็รัก คุยกับใคร ใครก็หลงพบกับที่พึ่งทางใจ ที่พึ่งพาได้ในชีวิตจริง และสัมผัสประสบการณ์เสพงานศิลปะสุดเจ๋ง ‘คุณพระช่วย ช่วยได้จริงด้วย’ (DIVINE POWER 2.0) จาก GOODSTUPH Thailand ตั้งแต่วันนี้ ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณชั้น 2 ร้าน DECK ME COMMUNITY ซ.เจริญกรุง 45 เวลา 11.00 - 22.00 น.แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/2841262
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
11/02/2025
ช่วงเย็นๆ เดินเล่นที่ “สะพานแดง” จ.สมุทรสาคร มาดูนกนางนวลอพยพ ที่จะมีให้เห็นเฉพาะช่วงเดือน พ.ย.-พ.ค. ของทุกปี รอชมพระอาทิตย์ตกริมทะเลที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งยามเย็น อากาศดีๆ ชวนไปเดินเล่นรับลมริมทะเลแบบใกล้กรุงเทพฯ กันที่ “สมุทรสาคร” เพราะที่นี่มีอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เที่ยวของจังหวัด นั่นคือ “สะพานแดง” หรือที่เรียกว่า “จุดชมวิวโลมา” ถือเป็นแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน เพราะจุดหมายแห่งนี้มีบรรยากาศสุดโรแมนติก พร้อมทัศนียภาพชายฝั่งทะเลที่งดงาม“สะพานแดง” หรือ “จุดชมวิวโลมา” ตั้งอยู่ที่ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจุดชมวิวริมชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะมีพัดลมหนาวเข้าสู่อ่าวไทย สายลม และน้ำเค็ม จะพาเอาฝูงโลมาเข้ามาบริเวณนี้ จึงเป็นจุดชมโลมาตามที่มาของชื่อ แต่ปัจจุบันโอกาสที่จะได้เห็นโลมามีน้อยลง หรืออาจจะไม่เห็นเลย แต่จุดชมวิวแห่งนี้ก็ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอสำหรับเหตุผลที่ทาสีสะพานแห่งนี้ด้วยสีแดง นั่นก็เพราะว่ามีหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของสะพานแดง มีชื่อว่า หมู่บ้านแดง โดยสะพานแดงจะสร้างด้วยไม้และปูน รองฐานด้วยเสาปูน และบริเวณทางเข้า จะมีร้านอาหารทะเลหลายร้านไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงร้านขายขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ผลไม้ หรือของฝากช่วงยามเย็นของทุกวันจะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ออกมาเดินรับลมชมบรรยากาศ ฟังเสียงคลื่นซัดเบาๆ เคล้าด้วยเหล่าของฝูงนกประจำถิ่นบินถลาไปมา นับว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ที่งดงามของสมุทรสาคร เพราะเราสามารถชมได้ทั้งวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน แล้วยังสามารถเดินเล่นรับลมทะเล พร้อมถ่ายภาพกับสะพานแดงที่โดดเด่นตัดกับท้องฟ้าและชายฝั่งของทะเลเป็นเอกลักษณ์ ใครที่มองหาจุดชมวิวพระอาทิตย์สวยๆ ทั้งเช้าและเย็นริมทะเล ที่สำคัญใกล้กรุงเทพฯ จะต้องไม่พลาดที่นี่สะพานสีแดงทอดยาวไกลสุดตา ให้เราได้เดินเล่นชมวิวถ่ายภาพกันอย่างเพลิดเพลิน หากใครมาช่วงกลางวันแดดจะค่อนข้างแรง แต่มีลมพัดเข้ามาตลอดช่วยคลายร้อนไปได้บ้าง แนะนำให้พกร่ม หมวก มาให้พร้อม บริเวณทางเข้ามีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบายบริเวณใกล้กับสะพานแดง จะมี “ศาลเจ้าพ่อมัจฉานุ” แต่เดิมนั้นศาลแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนบก โดยศาลหลังเดิมจะตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวตำบลพันท้ายนรสิงห์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพประมงชายฝั่ง โดยจะมีความเชื่อว่าถ้ากราบไหว้ก่อนออกเรือ จะช่วยคุ้มครองรักษาและช่วยให้หาสัตว์น้ำได้จำนวนมาก ต่อมาเกิดการกัดเซาะชายฝั่งของทะเล ชาวบ้านได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างศาลแห่งใหม่ขึ้น โดยนำมาตั้งไว้บนบก เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อผู้มาเคารพกราบไหว้การเดินทางมายังสะพานแดง ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ให้เข้าถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ให้ไปจนสุดถนนจุดชมปลาโลมาแล้วให้เลี้ยวขวา ไปประมาณ 3 กิโลเมตร สะพานแดงจะอยู่ด้านข้างของศาลเจ้าพ่อมัจฉานุนอกจากจะไปชมวิวสวยๆ ริมทะเล กับวิวสะพานแดงที่ถ่ายรูปสวยสุดๆ แล้ว ช่วงนี้หากใครเดินทางไปสะพานแดงในตอนบ่ายๆ เย็นๆ ก็จะพบกับนกอพยพกลุ่มใหญ่ที่บินฉวัดเฉวียนไปมา บ้างก็ลอยตัวอยู่ในน้ำ ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณโดยเจ้านกอพยพเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็น “นกนางนวลธรรมดา” เป็นนกอพยพย้ายถิ่นมาจากแถบมองโกเลีย จีน ทิเบต ไซบีเรีย ซึ่งจะอพยพมาอยู่แถบนี้ในราวๆ เดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม ของทุกปีการอพยพย้ายถิ่นของนกนางนวล คือการเคลื่อนย้ายซึ่งเกิดเป็นประจำระหว่างพื้นที่เดิมที่ใช้เป็นแหล่งสร้างรังวางไข่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กับพื้นที่ที่นกใช้เป็นแหล่งหากิน ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลง น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง พืชหยุดการเจริญเติบโต ทำให้สภาพที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมและมีอาหารน้อยลง นกจึงต้องอพยพย้ายมายังซีกโลกใต้ที่อากาศอบอุ่นกว่า และมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ โดยจะอยู่อาศัยตลอดฤดูหนาว พอถึงฤดูร้อนก็จะย้ายกลับไปยังถิ่นฐานเดิม เพื่อสร้างรัง วางไข่ และเลี้ยงดูลูกนกให้เติบโตแข็งแรงดี จากนั้นก็จะอพยพย้ายถิ่นอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว เป็นวงจรแบบนี้ในทุกๆ ปีซึ่งนกนางนวลมักจะอาศัยรวมกันเป็นฝูงใหญ่ และอาจอยู่กับนกนางนวลสายพันธุ์อื่นๆ โดยเฉพาะนกนางนวลขอบปีกขาว เวลาพักผ่อนจะลอยตัวอยู่ในน้ำ บินได้ดีมาก และแข็งแรง จะใช้ปากโฉบอาหารแล้วบินขึ้นเหนือน้ำ ก่อนจะกลืนเหยื่อใครที่รอชมและอยากให้อาหารนกเหล่านี้ บริเวณทางเดินเข้าสะพานแดงก็จะมีร้านขายอาหารให้นก นักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็จะซื้ออาหารมาล่อนกให้บินโฉบมาใกล้ๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปใกล้ๆ กับเจ้านกแนะนำคนที่จะมาชมนกนางนวล ให้มาถึงสะพานแดงราวๆ 16.00-16.30 น. จะได้เดินถ่ายรูปสะพานแดงและนกอพยพไปเรื่อยๆ แบบไม่เร่งรีบ หากมาช่วงบ่ายอาจจะร้อนเกินไป เพราะบริเวณสะพานแดงไม่มีที่ให้หลบแดด ส่วนช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ฟ้าเริ่มมืด นกนางนวลเหล่านี้ก็จะบินกลับเข้าไปพักผ่อนในแถบป่าชายเลนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000001213
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
11/02/2025
กรุงเทพฯ, 11 กุมภาพันธ์ 2568 - เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง บัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัม และ วีซ่า จัดคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับสมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมในชื่อคอนเสิร์ต “AIA VISA Exclusive Concert –Dual Marvels: A Day of Excitement” โดยเป็นการรวมตัวนักร้องเสียงทรงพลังระดับดีว่า ทั้งดีว่าในตำนาน “เบน ชลาทิศ” มาปะทะเสียงร้องกับ ดีว่าเสียงคุณภาพ “มาเรียม B5” ร่วมด้วยนักร้องขวัญใจยุค 90 ตลอดกาล “เจ เจตริน” โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณชลิดา นครชัย (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และคุณญดา วงศ์ทองคำ (ขวาสุด) รองผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสิทธิพิเศษและกิจกรรมลูกค้า พร้อมด้วย คุณชัยพล กฤตยาวาณิชย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด คุณอดุลย์ ชูชัยเจริญ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการหาลูกค้าใหม่ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด และคุณนพร อิงคตานุวัฒน์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดวีซ่า ประจำประเทศไทย ซึ่งได้มาร่วมพบปะและทำกิจกรรมสุดพิเศษกับลูกค้าคนสำคัญ ณ True Digital Park, Hall 1-3 เมื่อเร็ว ๆ นี้ทั้งนี้สำหรับคอนเสิร์ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟในครั้งนี้ นับเป็นสิทธิประโยชน์ที่สมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมได้รับในหมวดไลฟ์สไตล์ ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ความบันเทิงเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนสำคัญ นอกจากนี้ สมาชิก AIA Prestige Club และผู้ถือบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลทินัมยังจะได้รับสิทธิพิเศษเหนือระดับอีกมากมาย อาทิ รับเครดิตเงินคืนสูง มากกว่าเดิม รวมสูงสุด 14,000 บาท เมื่อชำระเบี้ยประกันของเอไอเอผ่านบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า แพลตินัม เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ก่อนทำรายการผ่านแอป UCHOOSE พิมพ์ค้นหา AIAOT (1 ม.ค. 68 – 30 มิ.ย. 68) พร้อมสิทธิพิเศษ เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต เอไอเอ วีซ่า ช้อปจุใจที่ Boots หรือ Watsons รับเครดิตเงินคืน 12% (1 ม.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68) เที่ยวสบายใจ รับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก (1 ม.ค. 68 – 31 พ.ค. 69) รวมถึงสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารและศูนย์การค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ตรวจสอบโปรโมชันโดนใจ ง่าย ๆ ผ่านแอป UCHOOSE (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนด) สามารถติดตามข่าวสารและสิทธิประโยชน์ได้ทาง https://www.krungsricard.com/th/Product/creditcard/AIA-Visa-Platinum ทั้งนี้ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การทำงาน
08/02/2025
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แชร์ 9 เทคนิค แนวทางที่ช่วยให้ช่วงเริ่มการทำงานนั้นง่าย สะดวกสบาย และมีความสุขเพิ่มมากขึ้นปัจจุบันผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อาการกดดันตัวเอง สภาวะทางอารมณ์ไม่คงที่ และความเครียดสูง เริ่มมีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ บนสภาพสังคมของโลกในปัจจุบัน และส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นบุคคลวัยทำงานหนึ่งในสาเหตุที่เดาไม่ยาก มาจากปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงขึ้นในแวดวงการทำงาน ปัจจัยเหล่านี้ เป็นสารตั้งต้นหลักที่ส่งผลให้ “คนวัยทำงาน” นั้นเกิดความเครียดได้ง่าย และมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆด้วยเหตุนี้ทำให้สังคมโลก รวมไปถึงสังคมไทย เริ่มทำความเข้าใจ หาสาเหตุ และวิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จำเป็น เพื่อที่จะเข้ามาช่วยให้คนวัยทำงานสามารถปรับตัวกันได้ง่ายมากขึ้น เกิดสภาวะทางจิตใจ และอารมณ์นั้นดีขึ้น ด้วยวิธีต่างๆสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ออกมา ร่วมแชร์ 8 เทคนิคที่จะช่วยให้ “คนวัยทำงาน” นั้นสามารถปรับตัวได้ง่าย ทำงานดี และมีความสุขมากขึ้น8 เทคนิคช่วยให้คนทำงานง่าย และมีความสุขมากยิ่งขึ้น • ไม่วิตกกังวลมากเกินไปความวิตกกังวลสามารถทำให้จิตใจเราร้อนรน ฟุ้งซ่าน ดังนั้นแล้วควรจัดการอารมณ์ และลำดับความคิดของตนเองอย่างมีสติ มองหาแง่มุมใหม่ๆ ให้แก่ตัวเอง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตามเมื่อปัญหาความวิตกกังวลเหล่านี้เพลาลงแล้ว ควรปล่อยวางตัวเองให้ได้ไวที่สุด • เริ่มต้นวันด้วยสติแน่นอนว่ามนุษย์เราหากมีสติ จะสามารถควบคุม และลำดับความสำคัญได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละวัน และลดความเครียดจากการทำงานได้อีกด้วย • ไม่ผัดวันประกันพรุ่งการมีวินัยในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะเป็น ดังนั้นการทำงานควรมีการวางแผน ลำดับความสำคัญ และตั้งใจทำงานตามแผนให้เสร็จตามกำหนด สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยลดความกดดันความเครียดได้เป็นอย่างดี • มองหาสิ่งที่เหมาะกับตนเองการทำงานในแต่ละวัน มักจะมีสิ่งที่เราชอบ และไม่ชอบบ้าง แต่อย่างไรก็ตามการมองหาสิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุด จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนทั้งด้านความตั้งใจ ประสิทธิภาพ และทำให้เกิดการทำงานอย่างมีความสุขโดยแท้จริง • ปรับตัวเสมอการปรับตัวเป็นเรื่องที่ไม่ได้แย่อะไร เพราะสิ่งเหล่านี้คือความท้าทายใหม่ๆ ที่เราจะได้เจอในทุกๆ สังคมการทำงาน ดังนั้นให้มองเสียใหม่ว่าการปรับตัว คือ โอกาสของชีวิตที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ พัฒนาตนเอง และเพิ่มความสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง • กำหนดเวลาภายในหนึ่งวันควรกำหนดเวลา และบริหารงานในแต่ละอย่างให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สมองเกิดการปรับตัวจนเป็นนิสัยว่าภายในหนึ่งวันเราต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินชีวิตนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น • ลำดับงานตามความสำคัญการลำดับงานตามความสำคัญ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตทำงาน แน่นอนว่าวันหนึ่งอาจจะเจองานแทรก งานซ้อน เข้ามาขัดจังหวะ ดังนั้นการหัดเรียบเรียงความสำคัญของเนื้อหางานจะช่วยให้การทำงานไหลลื่น และทำงานได้สอดคล้องกับเวลาที่กำหนดได้ • เตรียมงานให้พร้อมก่อนนอนการเตรียมงานให้พร้อมก่อนนอน เปรียบเสมือนการจัดกระเป๋าไปโรงเรียน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ในการทำงานวันถัดไปเราจะสามารถบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น และมีความพร้อมในวันถัดไปแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2837631
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
08/02/2025
7 กุมภาพันธ์ 2568 : นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% (อ้างอิงจาก WTW) ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การเข้าสู่สังคมสูงวัย โรคอุบัติใหม่ มลพิษทางอากาศ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ และโครงสร้างค่ารักษาพยาบาล โดยการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพส่งผลให้ อัตราการเคลมประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาคธุรกิจประกันภัยต้องวางแผนรับมืออย่างรอบคอบ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ปัจจุบันอัตราการเคลมประกันสุขภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไปอีกทั้ง ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ “New Health Standard” ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 ซึ่งบริษัทประกันชีวิตพร้อมที่จะดูแลผู้เอาประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัย ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันภัยที่เคยคำนวณไว้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระบบประกันสุขภาพได้รับผลกระทบโดยตรง นำไปสู่การปรับเบี้ยประกันภัยทั้งพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) จนทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ ดังนั้น ภาคธุรกิจประกันภัยจึงต้องวางแผนรับมือกับความท้าทายนี้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือช่วยลดความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของประชาชนได้อย่างแท้จริงภาคธุรกิจประกันภัยจึงได้นำส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" มาใช้เป็นเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) เพื่อลดการ เคลมจากการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยของทั้งพอร์ตโพลิโอ (Portfolio) โดยส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับผู้เอาประกันภัย ภายใต้การบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์และความจำเป็นทางการแพทย์โดยไม่นับรวมผ่าตัดใหญ่หรือโรคร้ายแรงสำหรับเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขแนวปฏิบัติประกันสุขภาพส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่กรณีที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล การเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple diseases) หรืออาการที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันภัยสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 2 การเคลมสำหรับโรคทั่วไปแต่ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 3 หากเข้าเงื่อนไขทั้งในกรณีที่ 1 และ กรณีที่ 2 จะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปซึ่งเมื่อผู้เอาประกันภัย เข้าเงื่อนไขส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในปีต่ออายุถัดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมจ่าย 30% หรือ 50% ตามสัดส่วนที่กำหนดในค่ารักษาพยาบาล แต่หากการเคลมมีการปรับตัวลดลงและไม่เข้าเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) บริษัทประกันภัยจะพิจารณายกเลิกการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) กรมธรรม์ดังกล่าวจะกลับสู่สถานะปกติได้เช่นเดิมในปีถัดไปอย่างไรก็ตาม สมาคมประกันชีวิตไทยแนะนำให้ประชาชนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกันภัย ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาลได้ดี เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย เนื่องจากเงื่อนไขดังกล่าวมีลำดับ ขั้นตอน การนับ การพิจารณา ซึ่งเป็นตัวกรองหลายชั้น โดยบริษัทจะแจ้งรายละเอียดในหนังสือแจ้งเตือนการต่ออายุสัญญาประกันสุขภาพทั้งนี้ เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้อยู่ในมาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 โดยคปภ.ไม่ได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์ใดๆ เพียงแต่บริษัทประกันชีวิตมองว่า ตัวเลขของอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% สมาคมประกันชีวิตจึงจำเป็นต้องบังคับใช้ เงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment)"สิ่งสำคัญภาคธุรกิจประกันชีวิตคิดว่าจะเป็นจุดตั้งต้นที่จะสร้างการตระหนัก และเริ่มระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกินความจำเป็น โดยการเจรจาร่วมกับสมาคมโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับกรณี อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงขึ้นไปถึง 15% ถ้าไม่นับเรื่องอื่นเลย ทางธุรกิจประกันชีวิตก็ต้องปรับเพิ่มเบี้ยประกันสุขภาพ ที่พิจารณาจากสินไหมทดแทนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนแต่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกันภัย หรือ คปภ.ก็ไม่ได้ปล่อยให้บริษัทประกันภัยขึ้นเบี้ยตามใจชอบ จึงต้องกลับมาพิจารณาว่าคนทัังพอร์ต 90-95% จะต้องถูกกระทบจากคนที่มีพฤติกรรมเคลมบ่อยเกินความจำเพียง 5-10% ดังนั้น ต้องสร้างการตระหนักรู้จากผู้บริโภคโดยตรงก่อนการนอนโรงพยาบาล นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ตระหนักถึงความจำเป็นเพื่อทำให้การประกันสุขภาพของภาคธุรกิจสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน ส่งผลกรทบต่อผู้บริโภคให้น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้" นางนุสรา กล่าวเสริมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=178124
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
08/02/2025
“กาญจนบุรี” เมืองแห่งประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่งดงาม นอกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควและอุทยานแห่งชาติอันเลื่องชื่อแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ นั่นคือ “โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” โรงงานกระดาษเก่าแก่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต แม้กาลเวลาจะล่วงเลยไป แต่ความงดงามของสถาปัตยกรรมและเรื่องราวในอดีตยังคงอยู่ ที่นี่จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเมื่อมาเยือน“โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี” อีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดฮิตของเมืองกาญจน์ อาคารเก่าแก่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแต่เสน่ห์ของตัวอาคารยังไม่จางหายไปตามกาลเวลา กลายเป็นจุดถ่ายรูปของสายชอบแชะ อยากได้รูปสไตล์วินเทจไม่ควรพลาดโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในตัวเมืองกาญจนบุรี แต่เดิมโรงงานแห่งนี้ใช้ชื่อ “โรงงานทำกระดาษทหารกาญจนบุรี” สรุปความจากข้อความในแผ่นศิลาที่ใช้ในพิธีฝังศิลาฤกษ์ (ฝังรากติก)อาคารโรงงานกระดาษ ได้ความว่า นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) กับนายพันเอกหลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) ได้ร่วมกันคิดสร้างโรงงานผลิตกระดาษขึ้นที่เมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่พ.ศ. 2476 เจ้าหน้าที่กรมแผนที่ ได้ดำเนินการตลอดมาจนถึง วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2479 จึงได้ประกอบพิธีฝังศิลาจารึกโดยเหตุผลที่เลือกพื้นที่จังหวัดกาญจนบรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีไม้ไผ่อุดมสมบูรณ์ และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษ รวมถึงมีแม่น้าเป็นเส้นทางขนส่งไม้ไผ่ได้สะดวก การก่อสร้างและดำเนินกิจการ แรกเริ่มบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น (สยาม) จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จํากัด (มหาชน) Christiani&Nielsen (Thai)Public Company Limited)การออกแบบก่อสร้างเริมท่าสัญญาในปี พ.ศ. 2478 ส่วนการก่อสร้างอาคารโรงงานอาคารประกอบต่างๆ และการติดตั้งเครื่องจักรนั้น แบ่งแยกออกเป็นหลายส่วนซึ่งมีทั้งบริษัท บุคคล กรมยุทธโยธาทหารบก และแผนกท่ากระดาษเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างในแต่ละส่วนสำหรับเครื่องจักร บริษัท กระดาษสยาม จํากัด สั่งซื้อจากต่างประเทศ และมีการตรวจรับเครื่องจักร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2481 ทดลองผลิตกระดาษเป็นผลสำเร็จ และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2481 ซึ่งเป็นวันปฐมฤกษ์ “ว่าไทยได้มีเครื่องทำเยื่อกระดาษและทำกระดาษใช้ได้เองแล้ว” โดยพระยาพหลพลพยุหเสนา รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานต่อมาในปีพ.ศ. 2530 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ยกเลิกกิจการโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี และเห็นชอบให้ บริษัท อุตสาหกรรมกระดาษศิริศักดิ์ จํากัด เป็นผู้ประมูลชื้อโรงงาน อาคารสิ่งปลูกสร้าง และให้กระทรวงการคลังดำเนินการเกี่ยวกับการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุ โดยให้ระบุวัตถุประสงค์ของการให้เช่าที่ดินไว้ในสัญญาว่า "เพื่อการดำเนินกิจการโรงงานกระดาษเท่านั้น” และครบกำหนดสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560กลุ่มอาคารหลักของโรงงานกระดาษแห่งนี้ มีการออกแบบและวางผังอาคารตามหน้าที่การใช้งานต่อเนื่องกันในแต่ละขั้นตอนกระบวนการผลิตกระดาษ กล่าวคือ กลุ่มอาคารที่เกี่ยวกับระบบสูบน้ำ การกรองน้ำ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ใกล้กับแม่น้ำแม่กลอง ถัดมาเป็นกลุ่มอาคารที่ผลิตไอน้ำและกระแสไฟฟ้า ซึ่งมีหน้าที่ผลิตไอน้ำเพื่อใช้ในการต้มเยื่อไม้สำหรับใช้ในขั้นตอนการผลิตกระดาษ และผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องจักรในโรงงานส่วนกลุ่มอาคารโรงงานตั้งอยู่ตรงกลาง โดยอาคารกลุ่มนี้ มีขนาดใหญ่ที่สุด มีหน้าที่ใช้งานตั้งแต่การผลิตขั้นต้น คือ โรงทำเยื่อจนถึงอุตสาหกรรมกระดาษขั้นกลางทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมเยื่อ ขั้นตอนการผลิตกระดาษจนสิ้นสุดกระบวนการที่การตกแต่งผลผลิต และการแปรรูปซึ่งบรรจุกระดาษในหีบห่อเพื่อส่งจําหน่ายส่วนอาคารสำนักงาน ที่เชื่อมต่อกับตัวโรงงานอยู่อีกฟากหนึ่งทางด้านทิศตะวันออกของกลุ่มอาคารรวมถึงส่วนซ่อมบํารุงด้วย กลุ่มอาคารที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มอาคารที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีในกระบวนการผลิตกระดาษ เช่น โรงทำโซดากลับคืน โรงคลอรีนเก่า โรงคลอรีนใหม่ โรงแยกเกลือ อาคารเหล่านี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือติดอยู่กับอาคารโรงงานภายในอาคารที่อยู่ในกระบวนการผลิตกระดาษแต่ละหลัง มีเครื่องจักรที่จําเป็นตามกระบวนการผลิตกระดาษ มีการนําเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ เช่น เครื่องทำเยื่อทำกระดาษ ของบริษัทฟอยท์ เครื่องทำไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องทำคลอรีนของบริษัทซีเมนต์ซุคเกิต หม้อน้ำและเครื่องประกอบของบริษัทโบร์สิก และเครื่องทำโซดากลับคืนของบริษัท แวกเก็นลีน แอนฮิบเนอร์ถือได้ว่ากลุ่มอาคารโรงงานกระดาษและสิ่งปลูกสร้างของโรงงานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติการอุตสาหกรรมในประเทศไทย เนื่องจากก่อตั้งเป็นโรงงานกระดาษแห่งแรกของประเทศไทย ที่ผลิตเยื่อกระดาษเอง มีความทันสมัยมากในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้งานในการผลิตได้ด้วยตนเอง มีกระบวนการผลิตกระดาษที่ทันสมัย ใช้เครื่องจักรจากต่างประเทศ กลุ่มอาคารในพื้นที่นี้จึงเป็นประจักษ์พยานอันแสดงถึงการพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมหนัก และการค้าขนาดใหญ่ รวมไปถึงความเข้มแข็งของประเทศที่พัฒนาไปสู่การเป็นผู้ผลิตสำหรับโครงสร้างอาคารโรงงานกระดาษ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาทรงจั่ว ใช้หน้าต่างกระจกเป็นช่องแสง มีทั้งอาคารชั้นเดียวและหลายชั้น การออกแบบรูปทรงอาคารให้ช่วงเสากว้าง ในส่วนของอาคารอื่นยังออกแบบให้กลมกลืนเช่นเดียวกัน อาคารที่มีเอกลักษณ์อีกหลังหนึ่ง คือ โรงหลอมโซดา การออกแบบอาคารมีความชับซ้อนกว่าอาคารอื่น มีชั้นหอคอย และมีส่วนประกอบภายนอก คือ ปล่องไฟขนาดใหญ่ ที่มีความสูงมากในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถือได้ว่าโรงงานกระดาษเป็นโรงงานขนาดใหญ่และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยในช่วงเวลาดังกล่าว หมู่อาคารโรงงานเป็นตัวแทนการวางผัง และเป็นตัวแทนกลุ่มอาคารอุตสาหกรรมที่ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบโมเดิร์นยุคเริ่มแรกในประเทศไทย ซึ่งเน้นความเกลี้ยงเกลา เรียบง่ายและให้ประโยชน์ใช้สอยโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตั้งอยู่ที่ 218/11-12 ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000011501
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
08/02/2025
อุทยานแห่งรัฐไนแองการา ฟอลส์ เผยภาพความงดงามแปลกตาในช่วงฤดูหนาวของ “น้ำตกไนแองการา” น้ำตกที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนPhoto: Niagara Falls State Park, USA“น้ำตกไนแองการา” (Niagara Falls) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของทวีปอเมริกาเหนือ นับเป็นน้ำตกขนาดใหญ่อันดับต้นๆของโลก ประกอบด้วยน้ำตกย่อย 3 แห่ง ได้แก่ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls) หรือ น้ำตกแคนาดา สูง 57 เมตร “น้ำตกอเมริกา” (American Falls) สูง 21-34 เมตร และ น้ำตกไบรดัลเวล (Bridal Veil Falls) ในฝั่งอเมริกา น้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ใกล้ๆกันPhoto: Niagara Falls State Park, USAนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า น้ำตกไนแองการ่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงยุคปลายน้ำแข็ง จึงมีอายุมากกว่า 12,500 ปีมาแล้ว โดยฝั่งแคนาดาตั้งอยู่ที่รัฐออนตาริโอ ส่วนฝั่งสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ที่รัฐนิวยอร์กPhoto: Niagara Falls State Park, USAสำหรับในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด จนเต็มไปด้วยหิมะ และน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชม “ Cave of the Winds” ของน้ำตกไบรดัลเวลได้อย่างใกล้ชิด โดยจุดที่ใกล้ที่สุดระยะประมาณ 6 เมตรเท่านั้นโดยชมได้จากอุทยานแห่งรัฐไนแองการา ฟอลส์ ในสหรัฐอเมริกา บริเวณ Hurricane Deck ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม - 31 มีนาคมPhoto: Niagara Falls State Park, USAPhoto: Niagara Falls State Park, USAแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000009830
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
29/04/2024
20/03/2024
04/10/2024
29/04/2024
03/05/2024