Everyday knowledge for you
ห้องแสดงนิทรรศการ
18/06/2024
ตะลุยโลกใบใหญ่ สัปดาห์นี้ พี่ม้ามังกร ขอพาน้องๆไป เสพงานศิลป์ กับนิทรรศการ “ศิลปกรรมของสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17” ที่หอศิลป์ร่วมสมัย ราชดำเนิน จัดโดย สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 ก.ค.2567งานนี้ถือเป็นปรากฏการณ์การรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของศิลปินไทยทุกรุ่น ทั้งศิลปินแห่งชาติ ศิลปินอาวุโส ศิลปินรุ่นใหม่ และศิลปินต่างชาติ จำนวนมากถึง 182 คน ที่สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ชิ้นใหม่ๆ จากแนวคิดและความประทับใจ ทั้งที่เกี่ยวกับธรรมชาติ สรรพสิ่งในโลก และแนวนาม ธรรม ให้ผู้ชมได้เดินชมกันอย่างเต็มอิ่มผลงานจากศิลปินแห่งชาติ ที่คัดสรรชิ้นเยี่ยมมานำเสนอ ได้แก่ “จิตรกรรมแบบปะติด” โดย อารีย์ สุทธิพันธุ์ ภาพ “ธรรมมะ ในกรวดหิน” โดย พิชัย นิรันดร์ ภาพ “เริงฤดูร้อน” โดย สมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์ ภาพ “รื่นเริง” โดย ศราวุธ ดวงจำปา ภาพ “พายุ” โดย ปริญญา ตันติสุข ภาพ “หุ่นนิ่งหมายเลข 4” โดย ถาวร โกอุดมวิทย์ ภาพ “ศิลปะกับสิ่งแวดล้อม ณ ภูเก็ต” โดย ปรีชา เถาทอง รวมทั้งมีผลงาน ภาพ “ความวุ่นวาย” จาก บุญเกียรติ โชควัฒนา ศิลปินรับเชิญ กิตติมศักดิ์ด้วยขณะที่ ผลงานศิลปินชั้นแนวหน้า อาทิ ภาพ “กุหลาบพวงชมพู” โดย ไพรวัลย์ ตาเกลี้ยง ภาพ “ร่องรอยความสัมพันธ์ของสี” โดย จรูญ ศรียะ พันธุ์ ภาพ “ศิลปะบูชาครู 84 ปี อารี สุทธิพันธุ์” โดย สาธิต ฑิมวัฒนบรรเทิง ภาพ “น้องโนราห์” โดย ธรรมนูญ เรืองสวัสดิ์ ภาพ “คติธรรม (ชาติ) 1” โดย จิระนันท์ พิตรปรีชา ภาพ “แสงจันทน์” โดย มูฮำมัด โรจนอุดมศาสตร์ ภาพ “เชื่อมต่อ-ประสาน” โดย จิตต์สิงห์ สมบุญ ภาพ “สมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” โดย จีรวัฒน์ วันทา ภาพ “ของเก่าในตู้โบราณ” โดย สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ ภาพ “ปิ่นโต” โดย อำนาจ บุญสนิท ภาพ “จิตวิญญาณอาเซียน” โดย มณีรัตน์ ศรีคำภา ภาพ “What a wonderful world” โดย สุนิษา อัศวินรุ่งโรจน์ ภาพ “ซุปเปอร์จึง” โดย ณเรศ จึง ภาพ “พุทธวิถี” โดย สิทธินนท์ ศรีราเพ็ญ ภาพ “หญิงสาว 4 (2566)” โดย เนติกร ชินโย ภาพ “Apirl smile 2024” โดย ประมวล ทุ่งปรือ ภาพ “ปราณบุรี 2024” โดย ศรีศิลป์ เอมเจริญ ภาพ “เรื่องราวของจินตนาการ 1” โดย ศุภฤดี มณีจันทร์นอกจากนี้ มี ผลงานของศิลปินต่างชาติ มาร่วมแสดง บอกเล่าวิถีชีวิตของผู้คน วัดวาอาราม โบราณ สถาน ธรรมชาติ อาทิ ภาพ “Brilliant Colors” โดย Loo Hooi Nam ชาวมาเลเซีย ภาพ “Dignity” โดย Susanna Wong ชาวสิงคโปร์ ภาพ “Pure Heart” โดย Viet Kim Quyen ชาวเวียดนาม ภาพ “Goddess of Mercy Temple” โดย Nanang Widjaya ชาวอินโดนีเซีย ภาพ “A Garden at Nightfall” โดย Philipp Christoph Haas ชาวออสเตรเลีย และภาพ “The Great Great Life” โดย Yeon Soon Kim ชาวเกาหลีใต้ เป็นต้น.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/news/local/2793447
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
18/06/2024
ปรากฏการณ์ “ทุ่งหญ้าฟีเวอร์” ทำเขาใหญ่แทบแตก หลังนักท่องเที่ยวแห่เช็กอินแน่น ขณะที่นักท่องเที่ยวไร้สำนึกจำนวนหนึ่งไม่สนกฎระเบียบ ลงไปเดินใน “โป่งสัตว์” ทั้งที่มีป้ายห้าม จนเกิดเป็นดราม่าให้คอมเม้นต์กันสนั่นบนโลกโซเชียลถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงต้นฤดูฝนของบ้านเรา สำหรับวิวทิวทัศน์ของ “ทุ่งหญ้าเขาใหญ่” หรือ “ทุ่งหญ้าคาที่เขาใหญ่” ซึ่งหลังสายฝนโปรยสายท้องทุ่งหญ้ากว้างใหญ่หลาย ๆ จุดในพื้นที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” จะเติบโตเขียวขจี ก่อนจะออกดอกสีขาวโพลน ยามต้องสายลมจะโบกพลิ้วไสวดูโรแมนติก ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปถ่ายรูปจุดเช็กอินกันเป็นจำนวนมากทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่จุดเช็กอินยอดฮิตช่วงต้นฤดูฝนของปีนี้ (ภาพ : เพจ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park)“หญ้าคา” (Imperata cylindrica Beauv.) แม้จะเป็นพืชต่างถิ่นรุกราน (invasive alien species) เป็นวัชพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ดูไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจในสายตาของใครหลาย ๆ คน แต่สำหรับทุ่งหญ้าคาเขาใหญ่ที่วันนี้นอกจากจะกลายเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตแล้ว ในบริเวณทุ่งหญ้าคายังเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์กีบและสัตว์กินพืช ไม่ว่าจะเป็น ช้าง กระทิง เก้ง กวาง เนื่องจากอุดมไปด้วยธาตุอาหารดังนั้นเราจึงเห็นภาพสัตว์ต่าง ๆ ลงไปหากินในทุ่งหญ้าคากันจนชินตา รวมถึงมีโป่งสัตว์อยู่ในพื้นที่ทุ่งหญ้าคาบนเขาใหญ่ด้วยสำหรับจุดชมวิวของทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่หลัก ๆ นั้นก็นำโดย “ทุ่งหญ้าที่หนองผักชี” หรือ “หอส่องสัตว์หนองผักชี” ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีวิวทิวทัศน์งดงาม และมีหลากหลายจุดสวย ๆ ให้เลือกถ่ายรูปกันตามใจชอบ นอกจากนี้ก็ยังมีจุดเช็กอินวิวทุ่งหญ้าบริเวณ “โป่งชมรมเพื่อน” เป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเช่นกันทุ่งหญ้าบนเขาใหญ่เป็นหนึ่งในแหล่งหากินสำคัญของสัตว์ป่า (ภาพ : เพจ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park)ในช่วงต้นฤดูฝนของปีนี้ (2567) จุดชมวิวทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่ได้เกิดเป็นกระแสไวรัลที่มาแรงสุด ๆ บนโลกโซเชียล ทำให้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีคนเดินทางไปถ่ายรูปทุ่งดอกหญ้ากันอย่างเนืองแน่น จนดูคล้ายกับมาตลาดนัดหรือเทศกาลที่เขาใหญ่อย่างไรก็ดี งานนี้มีนักท่องเที่ยวไร้จิตสำนึกที่ไม่เคารพกฎระเบียบจำนวนหนึ่งที่มาเที่ยวทุ่งหญ้าคา แล้วสร้าง “ชื่อเสีย” ให้เป็นที่โจษจัน ด้วยการลงไปเดินเล่นในพื้นที่ “โป่งสัตว์” ทั้ง ๆ ที่มีป้ายห้ามเดินลงโป่ง ทำให้เกิดดราม่าบนโลกโซเชียล มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิพฤติกรรมไร้สำนึกดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะใน เพจ เขาใหญ่ เที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ Khaoyai National Park ที่มีชาวเน็ตคอมเม้นต์กันสนั่นอช.เขาใหญ่ ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวลงไปในโป่งสัตว์ (ภาพ : เพจ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park)ขณะที่ก่อนหน้านี้เพจ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park” ก็ได้เคยโพสต์ข้อความและภาพกราฟฟิก (เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 67) ให้ข้อมูลถึงอันตรายหากนักท่องเที่ยวเดินลงไปในโป่งหรือทุ่งหญ้า ว่าสวยแค่ไหน ก็แอบแฝงมาด้วยความอันตราย...🐘โป่ง เป็นแหล่งชุกชุมของสัตว์ป่า เพราะมีสัตว์หลายชนิดที่จะมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่แห่งนี้ หากมีมนุษย์เข้าไปรบกวนบริเวณดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุการกระจายเชื้อโรคจากสัตว์ป่าสู่คนหรือจากคนสู่สัตว์🌱นอกจากโป่งยังมีอีกหนึ่งจุดที่เป็นอันตรายไม่น้อย คือบริเวณทุ่งหญ้าที่แฝงไปด้วยสัตว์ป่าและแมลงที่มีพิษ อาจเกิดอันตรายต่อผู้ที่เดินเข้าไปเช่นกัน💕ด้วยความห่วงใย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวทุกท่านที่มาเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไม่ควรเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนดก่อนได้รับอนุญาต เพราะอาจเกิดอันตรายทั้งคนและสัตว์ป่าได้ภาพกราฟฟิก แนะนำนักท่องเที่ยวไม่ควรเดินลงไปในทุ่งหญ้าหรือโป่งสัตว์ (ภาพ : เพจ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000051872
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
14/06/2024
มอร์นิ่งสตาร์ฯแนะ 4 ข้อผิดพลาดในการจัดพอร์ตลงทุน มีอะไรบ้าง เช็กเลยบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยผ่านบทความว่า ภาพรวมการจัดพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนโดยส่วนใหญ่พบว่าเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง มีการศึกษาข้อมูลที่ดี และมีการลงทุนทั้งในกองทุนรวมและ ETFs ภาพรวมการจัดพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนโดยส่วนใหญ่พบว่าเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องมีการศึกษาข้อมูลที่ดี และมีการลงทุนทั้งในกองทุนรวมและ ETFs ซึ่งมีต้นทุนในการดำเนินการที่ไม่สูงมาก นอกจากนี้หากมีการลงทุนที่เป็นสินทรัพย์เฉพาะทางก็มักจะมีสัดส่วนการลงทุนที่ไม่สูงมากจนเกินไป อย่างไรก็ดี มีบางประเด็นที่นักลงทุนอาจทำพลาดไปในการลงทุน เช่นกระจายการลงทุนพอร์ตโฟลิโอมากเกินไปข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งที่เห็นได้ เช่น การมีหลายบัญชี การถือสินทรัพย์ที่มากประเภทจนเกินความจำเป็น จนทำให้พอร์ตโฟลิโอมีขนาดใหญ่มากจนเกินไป ซึ่งความจริงหากต้องการลงทุนให้หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนก็อาจทำได้โดยการลงทุนใน Index Fundsความซ้ำซ้อนในการลงทุนอีกปัญหาที่พบบ่อยคือ การที่นักลงทุนลงทุนเองในหุ้นรายบริษัทซึ่งมักเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่และมักเป็นหุ้นเดียวกันกับที่กองทุนรวมหรือ ETFs ในพอร์ตโฟลิโอลงทุนอยู่เช่นกัน ตัวอย่างหุ้นขนาดใหญ่ที่นักลงทุนชอบลงทุนเอง และที่กองทุนส่วนใหญ่ชอบถือ เช่น Apple, Amazon.com, Microsoft ซึ่งหุ้นทั้ง 3 บริษัทนี้มีน้ำหนักอยู่ใน S&P 500 สูงถึง 16%ซึ่งการลงทุนที่ซ้ำซ้อนย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงที่มากขึ้นด้วย ทั้งนี้การที่นักลงทุนเลือกที่จะลงทุนหุ้นรายตัวเอง คงต้องแน่ใจว่าจะมีเวลาที่จะติดตามหุ้นเหล่านี้ไปตลอดระยะเวลาที่ลงทุน รวมถึงสามารถติดตามการทำหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหารในกิจการเหล่านั้นได้ นอกจากนี้ในระยะยาวก็ควรที่จะเปรียบเทียบผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนเองกับการเลือกลงทุนในกองทุนที่มีต้นทุนในการลงทุนที่ต่ำกว่าว่าเป็นอย่างไรด้วยทิ้งเงินลงทุนระยะยาวในกองทุนรวมสำหรับนักลงทุนที่มีความอดทนในการลงทุนเพื่อรอสร้างผลตอบแทนระยะยาว ข้อผิดพลาดหนึ่งอย่างที่พบคือการลงทุนในกองทุนรวม โดยที่ตั้งใจว่าจะถือลงทุนระยะยาวแต่กลับไม่เคยย้อนกลับไปดูและสนใจเงินที่ลงทุนไว้อีกเลย ซึ่งหากกองทุนนั้น ๆ ที่เราลงทุนอยู่เกิดมีการเปลี่ยนมือผู้จัดการกองทุน หรือมีผลตอบแทนที่ไม่ดีต่อเนื่องยาวนาน หรือมีเงินไหลออกจากกองทุนจำนวนมากสิ่งเหล่านี้ก็อาจกระทบผลการดำเนินงานให้แย่ได้ ซึ่งถ้าเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็คงไม่เป็นไรในกรณีที่บริษัทจัดการนั้น ๆ มีการรับมือที่ดีก็อาจกลายเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนเพิ่มได้ แต่หากกองทุนเหล่านี้ไม่ได้รับการบริหารจัดการที่ดีพอ และให้ผลตอบแทนที่แย่ต่อเนื่องยาวนานก็คงไม่ดีสำหรับการถือลงทุนต่อไป ดังนั้น นักลงทุนจึงควรหมั่นติดตามและตรวจสอบพอร์ตการลงทุนอยู่เป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินลงทุนยังเป็นไปตามแผนที่ตั้งใจไว้จัดสรรสินทรัพย์ลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผนอีกปัญหาที่พบบ่อยและแก้ไขได้ยาก นั่นคือ สัดส่วนของสินทรัพย์ลงทุนของพอร์ตโฟลิโอที่ไม่เป็นไปตามแผนของนักลงทุนที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะในช่วงที่นักลงทุนใกล้ถึงเวลาเกษียณอายุซึ่งส่วนใหญ่พบว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนไว้มีความเสี่ยงที่มากเกินไป เช่น ลงทุนในหุ้นจำนวนมาก หรืออาจลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ได้สร้างรายได้ที่รองรับความต้องการใช้จ่ายในช่วงดังกล่าวได้มากพอ เช่น ตราสารหนี้นอกจากนี้การใช้จ่ายเงินจากในพอร์ตโฟลิโอที่มากจนเกินไป อาจเกิดความเสี่ยงที่เงินลงทุนเหล่านี้จะมีไม่เพียงพอตลอดช่วงวัยเกษียณ ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงแนวทางในการจัดพอร์ตโฟลิโอให้สอดคล้องกับความต้องการใช้จ่ายที่คาดการณ์ไว้ในช่วงเกษียณ และเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เหมาะสมกับความต้องการใช้จ่ายเงินด้วยโดยอาจผสมกันระหว่างเงินสดสำหรับการใช้จ่ายระยะสั้น การลงทุนในตราสารหนี้เพื่อความต้องการใช้จ่ายในระยะปานกลาง และรองรับความผันผวนจากการลงทุนในหุ้น ขณะที่ยังต้องลงทุนในหุ้นเพื่อการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาวและปกป้องเงินเฟ้ออีกเช่นกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1579846
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
14/06/2024
บทความโดย "กชจุฑา เพียรวนิช" ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTM สมาคมนักวางแผนการเงินไทยวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ในปัจจุบันมีสินทรัพย์สำหรับวางแผนเกษียณให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกู้ หุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้น กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เป็นต้น โดยสินทรัพย์เหล่านี้ให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจโลกผันผวน มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้หลายคนที่ใกล้เกษียณเกิดความกังวลว่าเงินลงทุนจะขาดทุนก่อนเกษียณ หรือไม่ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ต้องการนอกจากสินทรัพย์ลงทุนดังกล่าวข้างต้น ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้สำหรับวางแผนเกษียณ คือ ประกันบำนาญ ถือเป็นช่องทางการวางแผนการเงินที่มั่นคงในการวางแผนระยะยาว เพราะจุดเด่นของประกันบำนาญคือ เงินคืนรายปีในอนาคต ถือเป็นการการันตีกระแสเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหลังเกษียณตัวอย่างการวางแผนเกษียณที่มีประกันบำนาญสมมุติว่าเกษียณอายุปี 2563 เป็นปีที่เกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด โดยเงินลงทุนกระจายในหุ้น ตราสารหนี้ อสังหาฯ รวมทั้งหมด 10 ล้านบาท แต่ผลตอบแทนปรับตัวลดลง 30% เหลือเงินลงทุนอยู่ 7 ล้านบาท คำถามคือ จะตัดสินใจอย่างไร ระหว่างตัดใจขายขาดทุนเพื่อนำเงินออกมาใช้จ่ายตอนเกษียณหรือถือต่อแล้วเลื่อนอายุเกษียณออกไปอย่างไรก็ตาม ถ้าในแผนเกษียณมีประกันบำนาญที่จะมีเงินคืนออกมาให้ปีละ 300,000 บาท ตั้งแต่อายุ 60 ปี ถึง 85 ปี คุณไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินใช้หรือต้องขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนออกมาเพื่อใช้จ่าย เพราะสามารถนำเงินบำนาญที่รับรายปีมาใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็นก่อน ส่วนเงินที่อยู่ในสินทรัพย์อื่น ๆ รอให้ตลาดหุ้นฟื้นคืนกลับมาปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ยกตัวอย่าง ผู้หญิง อายุ 35 ปี ต้องการจำนวนเงินเอาประกัน 3,000,000 บาท เบี้ยประกัน 172,500 บาทต่อปี จะได้รับเงินคืน 10% ของจำนวนเงินเอาประกัน เท่ากับ 300,000 บาท ตั้งแต่อายุ 60-85 ปี อย่างไรก็ตามจำนวนเงินเอาประกันที่ลูกค้าต้องการขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่อง เพศ อายุ จำนวนเบี้ยที่จ่ายและแบบประกันของแต่ละบริษัทสำหรับประกันบำนาญมีโครงสร้างดังนี้ บำนาญแบ่งออกเป็น 2 ช่วง1. สร้างบำนาญ คือช่วงเก็บเงิน (ระยะเวลาการจ่ายเบี้ยประกัน) ช่วงอายุตั้งแต่ 20-55 ปี หรือ 59 ปี หรือบางแบบประกันจะมีจ่ายตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 ปี 5 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี (ขึ้นอยู่กับแผนประกันของแต่ละบริษัท)2. รับบำนาญ คือ ช่วงรอรับเงินคืนทุกปี รับตั้งแต่อายุ 55 60 หรือ 65 รับยาวไปจนถึงอายุ 80, 85 หรือ 90 ปี (ขึ้นอยู่กับแผนประกันของแต่ละบริษัท)ช่วงสร้างบำนาญ แบ่งรายได้ไปลงทุนกับบริษัทประกันชีวิตทุกปี จำนวนเงินที่ต้องเก็บขึ้นอยู่กับเบี้ยที่ผู้เอาประกันต้องจ่าย (ปัจจัยที่กำหนดราคาเบี้ยมีเรื่องอายุ เพศ สุขภาพ จำนวนเงินบำนาญที่ต้องการรับรายปี) ขึ้นอยู่กับว่าการตัดสินใจอยากได้เงินคืนปีละเท่าไหร่ ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ บริษัทประกันก็จะคำนวณเบี้ยที่ต้องจ่ายทุกปีมาให้ช่วงรับบำนาญ บริษัทประกันสัญญาว่าจะจ่ายเงินคืนให้ทุกปี โดยจะจ่ายคงที่ทุกปีหรือจ่ายเพิ่มขึ้นทุกปี ขึ้นอยู่กับแบบประกันบำนาญของแต่ละบริษัท โดยบริษัทประกันการันรีเงินคืนให้ตั้งแต่อายุ 55 ปี 60 ปี หรือ 65 ปี ถึงอายุ 80 ปี 85 ปี หรือ 90 ปี (ขึ้นอยู่กับแผนประกันของแต่ละบริษัท)การวางแผนเกษียณเป็นการวางแผนระยะยาวซึ่งยากแก่การคาดการณ์ เหมือนคำกล่าวของ โฮเวิร์ด มาร์ค ที่กล่าวว่า “คุณไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ แต่คุณสามารถเตรียมตัวรับมือกับมันได้ (You can’t predict, You can prepare)” ดังนั้นการใช้ประกันบำนาญ (Annuity) เป็นส่วนหนึ่งของแผนเกษียณ ช่วยให้แผนมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตได้ทุกปีจากเงินคืนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1582972
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
14/06/2024
เตรียมทุกสัมผัสให้พร้อม! Bangkok City Model Exhibition ครั้งแรกของการจัดแสดงโมเดลจำลองกรุงเทพฯ แบบ Interactive จองคิวเข้าชมก่อนใคร 14 มิ.ย. นี้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงหนึ่งในไฮไลต์ของงาน BKK EXPO 2024 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 23 มิถุนายน 2567 ณ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ นั่นคือ นิทรรศการ “Bangkok City Model Exhibition” กับการยกโมเดลจำลองกรุงเทพฯ กลับมาอีกครั้ง พร้อมอัปเกรดทั้งตัวโมเดลและรูปแบบการจัดแสดงในทุกมิติ ให้ผู้ชมตื่นตา ตรึงใจ ไปกับงานเมืองของกรุงเทพมหานครแบบครบทุกสัมผัสโฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า งาน BMA EXPO 2023 นิทรรศการงานเมืองที่กรุงเทพมหานครจัดเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว โมเดลจำลองกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในการจัดแสดงที่ถือว่า “Popular” อย่างมาก มีประชาชนให้ความสนใจและเข้าชมอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังเป็นไวรัลในโลกโชเชียล ปีนี้ กทม. จัดนิทรรศการงานเมืองอีกครั้ง ในชื่อ นิทรรศการกรุงเทพมหานคร 2567 ‘BKK EXPO 2024 : เมืองเปลี่ยนได้เพราะคุณ’ พร้อมการกลับมาของโมเดลจำลองกรุงเทพฯ โฉมใหม่ ที่ยกระดับให้เป็นนิทรรศการเต็มรูปแบบ พร้อมเสริมทัพแสง สี เสียง และคอนเทนต์เต็มพิกัด และนี่คือครั้งแรกของการจัดแสดงโมเดลจำลองกรุงเทพฯ แบบ Interactive กับ “Bangkok City Model Exhibition”นิทรรศการ Bangkok City Model Exhibition จะพาทุกคนมารู้จักกรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ผ่านการเชื่อมโยงอดีต ฟังเสียงปัจจุบัน และกำหนดอนาคตของกรุงเทพฯ ไปด้วยกัน พร้อมทำความเข้าใจว่า ผังเมืองสำคัญกับชีวิตคนอย่างไร แต่ละนโยบายช่วยแก้ปัญหาเมืองแบบไหน ซึ่งภายในนิทรรศการประกอบด้วย 4 โซนหลัก คือโซน 1 ผู้คน ความท้าทาย ความหวัง : ฟังเสียงและเรื่องราวของคนกรุงเทพมหานครโซน 2 From Policy to Action : จากนโยบายสู่การลงมือทำจริงของ กทม.โซน 3 Model Mapping : ผังเมืองจำลองพร้อมแสงสีเสียง เล่าเรื่องกรุงเทพมหานครแบบ Interactive โซน 4 ACTION NOW! for Better BKK : เกมเมืองเปลี่ยนได้เพราะคุณโดยนิทรรศการ Bangkok City Model Exhibition จัดแสดงวันที่ 20 - 23 มิ.ย. 67 ณ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (MRT ศูนย์สิริกิติ์) จัดแสดงวันละ 18 รอบ หว่างเวลา 09.00 - 21.00 น. เข้าชมรอบละ 30 นาที พร้อมเสียงบรรยายภาษาไทย และรอบเสียงบรรยายภาษาอังกฤษ 4 รอบต่อวัน ได้แก่ เวลา 10.00 / 14.00 / 17.00 / 20.00 น. เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าชมนิทรรศการ สามารถสำรองสิทธิ์ได้ 2 วิธี คือ1. จองสิทธิ์ออนไลน์ (วันละ 1,000 สิทธิ์) ด้วยการสแกน QR CODE หรือคลิก https://script.google.com/macros/s/AKfycbxxbQsFPKFR-qCMfFZ4niorpoBD4pow594HMADr-C_5qadFJR9Hlm8L6eadu9XKDYDJvw/exec โดยเปิดจองออนไลน์ 14 มิ.ย. 67 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป และปิดระบบจองออนไลน์ 19 มิ.ย. 67 เวลา 20.00 น. จองได้ไม่เกินคนละ 4 สิทธิ์ หลังลงทะเบียนเรียบร้อยให้แคปหน้าต่างยืนยันสิทธิ์ และมายืนยันตัวตนก่อนเวลาประตูเปิด 5-10 นาที ในรอบที่ได้จองไว้2. รับสิทธิ์หน้างาน (วันละ 800 สิทธิ์) โดยรับ Passport ณ จุดลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมประทับตราตามเงื่อนไขที่กำหนด เพื่อแลกสิทธิ์เข้าชมโมเดลเมืองจำลอง“ขอเชิญชวนทุกคนมาพบกันในงานนิทรรศการกรุงเทพมหานคร 2567 BKK EXPO 2024 : เมืองเปลี่ยนได้เพราะคุณ วันที่ 20 - 23 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 - 21.00 ณ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (MRT ศูนย์สิริกิติ์) ภายในงานยังมีกิจกรรมดี ๆ อีกมากมายที่จะทำให้คุณรู้จักกรุงเทพมหานครมากกว่าที่เคย” โฆษกกรุงเทพมหานคร กล่าวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ ผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000051002
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
14/06/2024
การทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ หรือ ใครที่พาสปอร์ตหมดอายุ ต้องการเปลี่ยนพาสปอร์ต Sanook Travel ได้รวบรวม สถานที่ทำพาสปอร์ต 2567 เฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีที่ไหนบ้าง ใครใกล้ที่ไหนสะดวกไปทำหนังสือเดินทางที่นั่นได้เลยหากต้องการทำพาสปอร์ตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเล่มแรก หรือ เล่มเก่าหมดอายุ สามารถเดินทางไปที่กรมการกงสุล สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวทั่วประเทศ โดยสามารถ Walk-in ได้เลย หรือหากบางแห่งมีผู้มาใช้บริการเยอะ สามารถจองคิวผ่านระบบออนไลน์ได้ 9 สถานที่ทำพาสปอร์ต 2567 ในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล1. กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210โทรศัพท์: Call Center 02-572-8442 หรือ 02-203-5000 กด 1 เพื่อติดต่อกรมการกงสุลอีเมล: consular05@mfa.go.th2. ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา(**เฉพาะหนังสือเดินทางราชการเท่านั้น**)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (อาคารบี ประตูฝั่งทิศตะวันออก) ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210โทรศัพท์: 02-143-7680อีเมล: passportTH.official@mfa.go.th3. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ศรีนครินทร์ (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 1 โซน Cโทรศัพท์: 02-136-3800, 02-136-3802 และ 093-010-5246แฟ็กซ์: 02-136-3801อีเมล: passportTH.snk@mfa.go.th4. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ - ตลิ่งชันวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนีโทรศัพท์: 02-422-3431แฟ็กซ์: 02-422-3432อีเมล: passportTH.tlc@mfa.go.th5. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตยวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย ถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. 10110โทรศัพท์: 02-024-8896, 093-010-5247แฟ็กซ์: 02-024-8897อีเมล: passportTH.mrt@mfa.go.th6. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรีวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาสุวินทวงศ์ 29 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. 10510โทรศัพท์: 02-024-8362-64แฟ็กซ์: 02-024-8361อีเมล: passportTH.mbr@mfa.go.th7. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันอาทิตย์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ และเสาร์ - อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดยาว)เวลาเปิดบริการ: 10.00 - 18.00 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 17.30น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (MBK CENTER)ชั้น 5 โซน A ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯโทรศัพท์: 02-126-7612แฟ็กซ์: 02-126-7613อีเมล: passportTH.ptw@mfa.go.th8. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรีวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 10.00 - 18.00 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 17.30น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3 ถนนพหลโยธิน ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานีโทรศัพท์: 02-150-9002อีเมล: passportTH.tyb@mfa.go.th9. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่ (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันอาทิตย์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ และเสาร์ - อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดยาว)เวลาเปิดบริการ: 10.00 - 18.00 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 17.30น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต ชั้น G ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ นนทบุรีโทรศัพท์: 02-194-2643อีเมล: passportTH.byi@mfa.go.thการจองทำพาสปอร์ตออนไลน์ 2567ผู้สนใจทำหนังสือเดินทางสามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.qpassport.in.th1. เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อกรอกรายละเอียดส่วนตัว2. เลือกพื้นที่บริการทำพาสปอร์ต ในประเทศ หรือ ต่างประเทศ3. เลือกประเภทการทำพาสปอร์ต สำหรับตัวเองหรือครอบครัว/ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี4. เลือกสถานที่ทำพาสปอร์ต5. เลือกวันที่ต้องการทำพาสปอร์ต (จองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30 วัน)6 เลือกเวลาที่ต้องการเข้าไปทำพาสปอร์ต7. เลือกวิธีรับพาสปอร์ตว่าจะรับด้วยตนเองหรือให้ส่งทางไปรษณีย์ภายใน 5 วันทำการค่าธรรมเนียม การทำพาสปอร์ต 2567 ราคาเท่าไหร่แบบธรรมดา • เล่ม 5 ปี ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท • เล่ม 10 ปี ค่าธรรมเนียม 1,500 บาทสถานที่ทำ • ทุกสำนักงานสถานที่รับ • กรุงเทพฯ และปริมณฑล จัดส่งไปรษณีย์ 2-3 วันทำการ • ต่างจังหวัด จัดส่งไปรษณีย์ 3-5 วันทำการแบบด่วนพิเศษ (รับเล่มในวันเดียวกัน) • เล่ม 5 ปี ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท • เล่ม 10 ปี ค่าธรรมเนียม 1,500 บาทสถานที่ทำ • ทุกสำนักงาน (ก่อน 11.00 น.)สถานที่รับ • กรมการกงสุลแหล่งที่มาข่าวต้นฉบบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447947/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวทั่วไป
13/06/2024
คาโรไลนา ม็อททรัมRole,บีบีซีเวิร์ล เซอร์วิสเราต้องมีความซื่อสัตย์และยอมรับความผิดพลาดของตัวเองให้มากขึ้น นี่เป็นคำพูดของหนึ่งในนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชั้นนำของยุคนี้อย่าง ซอล เพิร์ลมัตเตอร์เพิร์ลมัตเตอร์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2011 และเขายังได้เปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อโลก หลังจากที่งานวิจัยของเขาค้นพบว่า จักรวาลกำลังขยายตัวด้วยอัตราเร่งเขากล่าวว่า การค้นพบของเขาจะไม่เกิดขึ้น หากเขาไม่ทำผิดพลาดในงานวิจัยชิ้นก่อนหน้า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพิร์ลมัตเตอร์สนับสนุนให้ทุกคนไม่กลัวความล้มเหลวสมัยที่ยังเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกวัยหนุ่ม เพิร์ลมัตเตอร์และทีมงานของนักวิทยาศาสตร์อาวุโสคิดว่า พวกเขาใกล้จะค้นพบสิ่งยิ่งใหญ่ที่ยังไม่มีใครค้นพบมาก่อนพวกเขาตรวจพบสัญญาณที่ดูเหมือนจะตรงกับสัญญาณที่ดาวเคราะห์จะส่งออกมา และเชื่อว่าพวกเขาได้พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือของดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะเป็นครั้งแรกการค้นพบครั้งนั้นเกือบจะเป็นเรื่องใหญ่ต่อของโลกใบนี้ แต่โชคร้ายไปหน่อยที่มันไม่เป็นเช่นนั้นปรากฏว่าสัญญาณที่พวกเขาตรวจจับได้ มาจากเครื่องจักรที่อยู่ถัดจากกล้องโทรทรรศน์ที่มีความไวสูงของพวกเขา"โชคดีที่ผมยังหนุ่ม และอยู่ท่ามกลางนักวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงมาก" เพิร์ลมัตเตอร์ระลึกถึงความผิดพลาดครั้งนั้น"ผมคิดว่าเราออกมาอธิบายได้เร็วพอว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้คนไม่ถือโทษโกรธเคืองเรามากเกินไป" เขาเผยในหนังสือใหม่ของเขาชื่อ "Third Millennium Thinking: Creating Sense in a World of Nonsense" ซึ่งเขาร่วมเขียนกับนักปรัชญา จอห์น แคมป์เบล และนักจิตวิทยา โรเบิร์ต แมคเคาน์ซอล เพิร์ลมัตเตอร์ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ชี้ว่าเราทุกคนไม่ควรกลัวความล้มเหลวแม้การยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่แล้วอาจฟังดูขัดกับความรู้สึก แต่เพิร์ลมัตเตอร์ต้องการท้าทายความหมายเชิงลบเกี่ยวกับความล้มเหลว โดยบอกว่ามันช่วยปรับปรุงผลงานของเขาในระยะยาว"ผู้คนมักรู้สึกอายมากที่จะบอกว่าตัวเองทำผิดพลาด" เพิร์ลมัตเตอร์บอกกับบีบีซี "ผมหวังว่าเราทุกคนจะสามารถหาช่วงเวลาแบบนั้นได้ ผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก" เขากล่าว โดยชี้ว่าการยอมรับข้อผิดพลาดทำให้เขา "รอบคอบมากขึ้นในภายหลัง"ในงานวิจัยชิ้นต่อมา ตอนแรกเขาคาดว่าจะค้นพบอัตราการขยายตัวของจักรวาลที่ช้าลง แต่เขากลับค้นพบสิ่งที่ตรงกันข้ามในปี 1998 หลังจากการวิจัยอย่างละเอียดและถี่ถ้วน ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่ามีพลังงานลึกลับที่เรียกว่า "พลังงานมืด" (dark energy) เป็นตัวขับเคลื่อนการเร่งตัวเพิร์ลมัตเตอร์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2011 สำหรับการค้นพบนี้ ร่วมกับนักดาราศาสตร์อีกสองคนคือ ไบรอัน ชมิดท์ และ อดัม รีสส์"สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ทำ ผมคิดว่าคือ การมองหาข้อผิดพลาดของตัวเอง" เพิร์ลมัตเตอร์กล่าวกับองค์กร Nobel Prize Outreach"พวกเราแค่จะออกไปวัดอะไรสักอย่าง และการวัดนั้นยาก คุณใช้เวลามากมายในการพยายามคิดว่า: 'สิ่งที่ฉันทำวันนี้ถูกต้องหรือไม่ ?'" เขากล่าวเสริมสำหรับเพิร์ลมัตเตอร์แล้ว มันไม่ใช่แค่การยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองเท่านั้น เขามีภารกิจที่กว้างไกลกว่านั้นในการนำวิทยาศาสตร์และการคิดวิเคราะห์ไปสู่คนทั่วไปเขาอธิบายว่าเขาเริ่มตั้งคำถามว่า เหตุใดการตัดสินใจที่ง่ายและปฏิบัติได้จริง จึงถูกโต้แย้งในฐานะประเด็นทางอารมณ์หรือความขัดแย้งทางการเมือง มากกว่าการพิจารณาอย่างมีเหตุผล"มันดูเหมือนเป็นการต่อกันไม่ติด" เพิร์ลมัตเตอร์กล่าว "ผมสังเกตว่า ในบทสนทนาที่โต๊ะอาหารกลางวันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ พวกเขาใช้ชุดเครื่องมือทางความคิดที่แตกต่างไปจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง"เพิร์ลมัตเตอร์กล่าวว่า เขาต้องการแก้ไขปัญหานี้ และได้ดำเนินการผ่านหนังสือของเขาและหลักสูตรที่เขาพัฒนาขึ้นร่วมกับองค์กร Nobel Prize Outreach ที่มหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาเพิร์ลมัตเตอร์ต้องการส่งมอบพลังให้คนทั่วไป ผ่านการมอบเครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆแก้ปัญหาอย่างนักวิทยาศาสตร์หัวข้อหนึ่งที่เพิร์ลมัตเตอร์พูดถึงคือ การรู้ว่าจะไว้ใจผู้เชี่ยวชาญคนไหน ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย เราจะเลือกฟังใครดี ?เขาบอกว่าไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด หรือถูกต้องตลอดเวลา แต่ทุกคนสามารถเข้าใกล้สิ่งที่เพิร์ลมัตเตอร์เรียกว่า "การทดสอบความถูกต้อง 100%"ได้ การทดสอบความถูกต้องนี้ ในโลกวิทยาศาสตร์หมายถึงการระบุระดับความมั่นใจตัวอย่างเช่น ถ้าหมอบอกว่าคุณเป็นเนื้องอกในสมอง เพิร์ลมัตเตอร์แนะนำว่า แทนที่จะเชื่อโดยไม่คิด เราควรพิจารณาสถานการณ์เหมือนนักวิทยาศาสตร์ โดยถามหมอว่า พวกเขามั่นใจแค่ไหนเกี่ยวกับการวินิจฉัย อาจจะถามเป็นเปอร์เซ็นต์ด้วยวิธีนี้อาจฟังดูง่าย แต่ถ้าหมอบอกว่ามั่นใจ 99% เทียบกับ 5% มันอาจส่งผลต่างกันอย่างมากกับสิ่งที่คุณจะทำต่อไปเพิร์ลมัตเตอร์บอกว่า คนเรามีแนวโน้มที่จะมั่นใจในตัวเองมากเกินไป ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญที่ประเมินความรู้ของตัวเองอย่างสมจริง ดูเหมือนเป็นคนที่ควรเชื่อถือการคิดแบบนักวิทยาศาสตร์อาจเป็นประโยชน์ในกรณีของหมอที่เราหยิบยกมาเป็นตัวอย่าง หรือแม้กระทั่งตอนที่นายหน้าแนะนำผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่ดีที่สุด เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตลาดปัจจุบัน ทว่าเพิร์ลมัตเตอร์แนะนำว่า บทสนทนาประเภทนี้อาจเป็นประโยชน์ในทางการเมืองด้วยเขาโต้แย้งว่า นโยบายสาธารณะควรมีคำเตือนว่า มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก"ถ้าคุณคิดแผนสำหรับระบบดูแลสุขภาพ มันอาจจะมีปัญหา คุณจำเป็นต้องสร้างกลไกการติดตาม ทดลองดำเนินการ ดูว่าอะไรผิดพลาด อะไรถูกต้อง แล้วลองปรับปรุงใหม่""เราอยากเห็นโลกที่การโต้เถียงทางการเมืองทั้งหมดใช้ภาษาแบบนี้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่ามีพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และปรับตัว แต่แน่นอนว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คนทั่วไปพูดว่า 'อ๋อ นี่แหละคือคนที่ฉันจะลงคะแนนเลือก' อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้" เพิร์ลมัตเตอร์และผู้เขียนร่วมยอมรับในหนังสือเขาทิ้งท้ายว่า ถ้าเราในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม การปฏิบัติต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น เราจะยอมรับความผิดพลาดของผู้อื่นได้ดีขึ้น เขาเชื่อว่าจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรที่เป็นความผิดพลาด แต่มันเป็นโอกาสในการเรียนรู้ หรืออย่างที่เขาพูดว่า "มันไม่ใช่ความล้มเหลว แต่มันคือกระบวนการ"รายงานชิ้นนี้ทีมงานบีบีซีผลิตร่วมกับองค์กร Nobel Prize Outreachแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับบีบีซีไทยhttps://www.bbc.com/thai/articles/c8880ng9d24o
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
13/06/2024
• บางกอก คุนส์ฮาเลอ (Bangkok Kunsthalle) ชวนสำรวจความคิดผ่านนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย nostalgia for unity ผลงานของ กรกฤต อรุณานนท์ชัย • nostalgia for unity พูดถึงความเสื่อมสลายและการเกิดใหม่, การทับซ้อนของจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด, สื่อถึง “สิ่งไร้ตัวตน” ที่สิงอยู่ผลงาน, เป็นทั้งภาพยนตร์ที่ไร้รูปภาพ • “สำหรับผมแค่จะโชว์งานความมืดก็ไม่เคยทำ เพราะส่วนตัวกลัวความมืด งานนี้ช่วยให้ผมเจอความกลัวของตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว” กรกฤต อรุณานนท์ชัย อายุ 38 ปี ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติบางกอก คุนส์ฮาเลอ (Bangkok Kunsthalle) พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะใจกลางเยาวราช ชวนสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการรับชมงานศิลปะ ด้วยนิทรรศการใหม่ล่าสุดของ กรกฤต อรุณานนท์ชัย ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในวัย 38 ปี กับนิทรรศการศิลปะที่มีชื่อว่า nostalgia for unity นิทรรศการลำดับที่สองของแกลลอรีแห่งนี้นิทรรศการ nostalgia for unity เผยให้เห็นจุดเปลี่ยนของแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานของ กรกฤต อรุณานนท์ชัย เขาใช้สิ่งที่เรียกว่า พื้นที่เว้นว่าง (Negative Space) เป็นสื่อสำคัญของการจัดนิทรรศการในครั้งนี้รวมกับแรงบันดาลใจจากประวัติความเป็นมาของสถานที่ตั้ง Bangkok Kunsthalle ซึ่งเดิมก็คือ อาคารไทยวัฒนาพานิช โรงพิมพ์หนังสือแบบเรียนของไทย กับเหตุการณ์เพลิงไหม้สถานที่แห่งนี้เมื่อพ.ศ.2543นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย nostalgia for unityผู้อ่านท่านใดเคยเข้าไปชมงาน nostalgia for unity จะพบว่าตัวเองอยู่ในห้องขนาดใหญ่ราวโกดัง ภายในเวิ้งว้าง ไม่มีภาพวาดใดๆ เหมือนเดินเข้าไปในห้องเปล่าๆ ขนาดมหึมาแต่มี 'เสียง' ที่ศิลปินเก็บมาจากต่างสถานที่และสร้างขึ้นใหม่ให้ได้ยิน มี 'แสงสว่าง' จากโคมไฟ พื้นห้องสีดำและเต็มไปด้วยรอยแตก ขอบนอกของพื้นห้องมีตัวอักษรสร้างหัวใจใหม่ให้กับร่างยักษ์ใครยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่างานศิลปะชิ้นนี้เกี่ยวกับอะไร กรกฤตให้สัมภาษณ์เบื้องต้นว่า สถาปัตยกรรมแห่งนี้ หรือ ‘อาคารไทยวัฒนาพานิช’ เปรียบเสมือนร่างยักษ์ที่กำลังสลายไปตามกาลเวลา เขาจึงสร้าง ‘หัวใจ’ ดวงใหม่ให้ร่างยักษ์ร่างนี้โดยสร้างหัวใจจากเถ้าถ่านที่หลงเหลืออยู่ภายในอาคารจากเหตุเพลิงไหม้ ก่อให้เห็นมวลที่มีลักษณะคล้ายเวที ขอบเวทียังประกอบด้วยการปั้นนูนเป็นตัวอักษรจากบทสวด งานศิลปะชิ้นนี้สร้างขึ้นมาเหมือนสร้างภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งกรกฤต อรุณานนท์ชัย“งานของผมมองเรื่อง ‘วิญญาณนิยม’ สิ่งที่เราคุ้นชินกันอยู่ และใส่ ‘จินตนาการ’ ของแต่ละคนเข้าไป ผมมองว่าพื้นที่ที่ผมมีโอกาสมาจัดแสดงงานศิลปะครั้งนี้คือ บางกอก คุนส์ฮาเลอ พื้นที่แสดงงานศิลปะที่สร้างขึ้นมาจากพื้นดินจากสิ่งที่ตายแล้ว (คือตึกไทยวัฒนาพานิชซึ่งถูกทิ้งร้างและไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเดิมแล้ว) ตึกนี้มีความเป็นงานศิลปะในตัวอยู่แล้ว ผมมองตึกนี้เป็นยักษ์ที่ล้มลง ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ รวมกับเรื่องราวของนกฟีนิกซ์สิ่งที่ไม่มีวันตาย มีพลังงานมากพอก็ลุกขึ้นเป็นไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง พอหมดไฟก็กลับสู่พื้นดิน เป็นความเสื่อมสลายและการเกิดใหม่ และการทับซ้อนของจุดเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุดห้องที่ทุกคนได้เห็น หรืองานศิลปะครั้งนี้ เหมือนหัวใจของยักษ์ ทำอย่างไรให้หัวใจนี้เต้นขึ้นใหม่ เป็นสิ่งที่เราอยากจะทำ” กรกฤต กล่าวพื้นห้องของ nostalgia for unity (มีบริการถุงสวมรองเท้าก่อนเข้าชมนิทรรศการ)‘พื้นห้อง’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะครั้งนี้ สร้างขึ้นใหม่จากการนำโครงสร้างตึกที่ถูกไฟไหม้มาบดเป็นผง ผสมกับสีทาบ้านสีดำ เคลือบด้วยซีเมนต์ให้มีความมันวาว ปูเป็นพื้นให้มีลักษณะของรอยแตกระแหงทั่วทั้งพื้นห้องขนาด 280 ตารางเมตร ผู้เข้าชมนิทรรศการฯ สามารถเดินไปได้ทั่วพื้นห้องแห่งนี้กรกฤตกล่าวถึงความหมายของงานศิลปะส่วนพื้นห้องว่า “อาจเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเรา พอตายก็กลายเป็นพลังงาน เป็นดิน เป็นพื้นให้คนรุ่นต่อไปได้ยืนอยู่”บรรยากาศการเข้าชม nostalgia for unityถามว่า ผู้เข้าชมนิทรรศการฯ จะมีส่วนร่วมกับงานศิลปะ nostalgia for unityในลักษณะใดได้บ้าง กรกฤต ตอบว่า“ผู้เข้าชมนิทรรศการจะสร้างสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรรมชาติ เพราะห้องนี้ว่างเปล่า สิ่งต่างๆ รอบเราไม่มีตัวตน พอคุณเข้าไปอยู่ในห้องนี้ สิ่งที่มีตัวตนมากที่สุด สิ่งที่สร้างอิมเมจหรือพอสซิทีฟสเปซมากที่สุด คือตัวคนทุกคนที่เข้ามาเป็นนักแสดง เป็นส่วนร่วมของงาน เป็นส่วนที่สร้างองค์ประกอบในงานมากกว่าตัวงานด้วยซ้ำ ผมยืนอยู่ข้างบน มองทุกคนเดินไปเดินมา งานก็เปลี่ยนไปมากสำหรับผม เพราะแต่ละคนก็เดินก็มองไปตามจุดที่ต่างกัน”นี่เองคือความหมายที่ศิลปินกล่าวว่า ‘พื้นห้อง’ เปรียบเสมือนเวที ขณะที่ ‘บทสวด’ เปรียบเหมือนบทภาพยนตร์อากัปกิริยาของผู้เข้าชม nostalgia for unity“ผมมองว่าการสวดมนต์ การอ่าน คือบทที่ช่วยนำแนวทางความคิดของเรา ทุกคนมีบทๆ หนึ่งให้อ่านร่วมกัน แล้วแต่ว่าจะเดินอ่านตัวอักษรยังไง ทุกคนมีพื้นๆ เดียวกันให้เดิน เดินกลับไปกลับมาคล้ายการเดินจงกรม เดินย้อนศร แค่ยืนอยู่ นั่งลง จะเต้น จะทำอะไรก็ได้แล้วแต่คุณ”ด้วยเหตุนี้ nostalgia for unity จึงเปรียบเสมือนภาพยนตร์ที่ไม่มีรูปภาพตามที่ศิลปินกล่าว จนกว่าจะมีผู้เข้าชมนิทรรศการนั่นเองกรกฤต อรุณานนท์ชัย เดินบันทึกภาพเคลื่อนไหวเมื่อมีผู้เข้าชม nostalgia for unityกรกฤตกล่าวด้วยว่า โลกยุคดิจิทัลมีแต่ผู้คนนำเสนอ ‘ภาพลักษณ์’ ออกมาให้กันและกันดูผ่านโซเชียลมีเดีย มีโฆษณา มีเสียงที่เอาแต่บอกว่าเราต้องทำอะไรต้องคิดยังไง“การเป็นศิลปิน ผมจะเอาภาพให้คุณดู เอาหนังให้คุณดู สิ่งที่ผมคิดอยากให้เป็นของขวัญครั้งนี้คือ Negative Space คือ ‘ความว่างเปล่า’เพราะฉะนั้นงานศิลปะชิ้นนี้ ผมสร้างขึ้นมาเหมือนหนังเรื่องหนึ่ง แต่ไม่มีรูปภาพ เป็นหนังที่เชิญให้คนดูมาแสดงความทรงจำ ความฝัน เอาภาพเหล่านี้ของคุณออกมาแสดงในพื้นที่นี้”nostalgia for unityเนื่องจากนิทรรศการ nostalgia for unity จัดแสดงภายในพื้นที่ที่มีแสงธรรมชาติส่องถึง แสงสว่างตามธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา รวมทั้งจำนวนผู้เข้าชมในช่วงเวลานั้นๆ ยังสร้างบรรยากาศให้ nostalgia for unity แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของวัน เป็นความสนุก ความตื่นเต้น และความรู้สึกอื่นๆ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความทรงจำของแต่ละคนศิลปินบอกว่า ช่วงเวลาที่เขาชอบที่สุดคือ 19.00-20.00 น. “มีบางจุดในงานที่เราได้อยู่กับความมืดจริงๆ สำหรับผมแค่จะโชว์งานความมืดก็ไม่เคยทำ เพราะส่วนตัวกลัวความมืด งานนี้ช่วยให้ผมเจอความกลัวของตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว เจอความว่างเปล่า แต่ถ้าคุณดูงานนี้ร่วมกับคน 10-20 คน ก็จะได้รับอีกความรู้สึก”กรกฤต อรุณานนท์ชัย เกิดที่กรุงเทพฯ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านภาพพิมพ์และจิตรกรรม (BFA) จาก Rhode Island School of Design ในปี พ.ศ.2552 และปริญญาโทสาขาวิจิตรศิลป์ (MFA) จากมหาวิทยาลัย Columbia University ในปี พ.ศ.2555 ปัจจุบันพำนักและทำงานศิลปะอยู่ที่กรุงเทพฯ และนิวยอร์กกรกฤตมักสร้างสรรค์ผลงานจากการสำรวจประเด็นที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวในสังคม ทั้งประเด็นด้านความเชื่อ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ปรัชญาเกี่ยวกับเวลาและชีวิตพัฒนาผลงานศิลปะที่หลากหลาย เช่น งานจิตรกรรม ภาพเคลื่อนไหว ศิลปะภาพถ่าย ศิลปะจัดวาง และศิลปะการแสดง (Performance Art)เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงมหกรรมศิลปะร่วมสมัย Thailand Biennale จังหวัดเชียงราย พ.ศ.2566ล่าสุดกับนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย nostalgia for unity จัดแสดงที่ บางกอก คุนส์ฮาเลอ (Bangkok Kunsthalle) ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-31 ต.ค.2567 เปิดให้เข้าชมฟรี ระหว่างเวลา 14.00 – 20.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และวันอังคาร) • เดินทาง MRT สถานีหัวลำโพง ทางออก 2 เดินข้ามสะพานคลองผดุงกรุงเกษม เดินข้ามถนนกรุงเกษม เดินเข้าซอยพันธ์จิตต์ เดิน 450 เมตร ใช้เวลาประมาณ 6 นาที • จอดรถยนต์ส่วนตัวได้ที่ลานจอดรถสถานีรถไฟหัวลำโพง • จอดรถยนต์ส่วนตัวได้ที่ Gorilla Parking เดิน 100 เมตรแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1131171
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
13/06/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมลงนามความร่วมมือการสนับสนุนโครงการ KKU Volleyball Academy กับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นำโดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเสรณี (กลาง) นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ. นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล (ที่ 3 จากขวา) อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ. เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และ รศ. ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี พร้อมมอบเงินทุนสนับสนุนจำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อมุ่งส่งเสริมสนับสนุนนักเรียน-นักศึกษาหญิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความชื่นชอบและมีความสามารถด้านกีฬาวอลเลย์บอล ให้มีโอกาสฝึกซ้อมกีฬาด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการกีฬาของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะ และเพิ่มขีดศักยภาพให้สูงขึ้นจนสามารถต่อยอดก้าวสู่การเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมืออาชีพทั้งในระดับชาติและระดับโลกในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของเอไอเอในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมไทย ตลอดจนสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยมีนายกฤช ธีรสุข ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ภูมิภาค 4 และนายนครินทร์ ทองเฟื่อง ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เขต 15 เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ ณ ห้องรับขวัญ โรงแรมบายาสิตา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
13/06/2024
ใครรักการถ่ายรูป หรืออยากได้รูปสวยๆ ห้ามพลาด “อิสตันบูล” กับจุดเช็คอินไฮไลต์ ไปเดินชิลๆ ชมวิว แวะถ่ายรูประหว่างทาง รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักเมืองสวยแห่งนี้แม้ว่า “อิสตันบูล” จะไม่ใช่เมืองหลวงของตุรกี (ทูร์เคีย) แต่กลับเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของตุรกี (ก่อนจะเปลี่ยนเมืองหลวงเป็น “กรุงอังการา” ในปี ค.ศ.1923) เป็นหนึ่งในเมืองไม่กี่แห่งในโลกที่มีพื้นที่ตั้งครอบคลุมอยู่ระหว่างทวีป คือ ทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย กั้นกลางด้วยผืนน้ำสีครามของทะเลมาร์มาราเดินถ่ายรูปตามตึกสวยๆวิวสวยของอิสตันบูลและด้วยความที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ผ่านแต่ละยุคสมัยจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้สถาปัตยกรรมในอิสตันบูลมีการผสมผสานอย่างหลากหลาย ทั้งความงดงามในแบบดั้งเดิม และความสวยงามทันสมัย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปยอดนิยมของคนจากทั่วโลกสำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป รับรองว่าจะต้องติดใจอิสตันบูล เพราะไม่ว่าในมุมไหนของเมืองก็ถ่ายรูปสวยๆ ได้ ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหนก่อน ขอแนะนำเส้นทางจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยที่ “อิสตันบูล” ที่เริ่มต้นจากจัตุรัสใจกลางเมือง แล้วเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เที่ยวสนุกกันได้ทั้งวันเดินเที่ยวในบรรยากาศดีๆGalata tower“หอคอยกาลาตา” ถือว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของอิสตันบูลที่นักท่องเที่ยวจะต้องไปเยือน หอคอยหินสไตล์โรมันแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1384 แทนที่หอคอยเก่า เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกที่จะรุหรานเข้ามาทางทะเล ความสูงของหอคอยประมาณ 67 เมตร ภายในมี 9 ชั้น โดยที่ชั้นที่ 7-9 มีหน้าต่างที่สามารถมองออกไปชมวิวด้านนอกได้ ซึ่งชั้นบนนี้จะมีร้านอาหารและคาเฟ่ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเมืองอิสตันบูลและทะเลมาร์มารา (ปัจจุบันกำลังมีการปรับปรุงหอคอย จึงไม่เปิดให้ขึ้นชมด้านบน – ข้อมูลเดือน พ.ค.67)สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งบริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปกันตลอดทั้งวัน ใครที่อยากได้รูปสวยๆ นักท่องเที่ยวน้อยๆ แนะนำให้รีบมาตั้งแต่เช้า ถ่ายรูปเสร็จแล้วแวะพักนั่งคาเฟ่ จิบเตอร์กิชคอฟฟี่และเตอร์กิชที ชมวิวหอคอยแบบชิลๆGalata towerGalata towerแวะนั่งคาเฟ่ชมวิวหอคอยGalata tower หนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองTaksim Square“จัตุรัสทักซิม” เป็นย่านรวมที่ชอปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงสุดคึกคัก เรียกว่าใครมาอิสตันบูลแล้วไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง บริเวณจัตุรัสทักซิม เริ่มตั้งแต่ Republic Monument ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์การก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี ในปี ค.ศ.1923ถนนที่อยู่ติดกับอนุสาวรีย์ ชื่อว่า ถนน Istiklal เป็นถนนสายหลักของเมือง ขนาบข้างด้วยอาคารในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าที่มีสาขาทั่วโลก โรงภาพยนตร์ ไปจนถึงคาเฟ่ นอกจากนี้ตามตรอกซอกซอยของถนนยังมีบาร์ ร้านขายของโบราณ ไปจนถึงร้านอาหารบนดาดฟ้าและสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากซื้อหาของฝาก บนถนนสายนี้ก็มีของฝากขึ้นชื่อจากตุรกีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมบัคลาวา ขนมหวานของตุรกี หรือที่เรียกรวมๆ ว่า เตอร์กิช ดีไลต์ ถั่วต่างๆ โคมไฟสวยๆ กาต้มชา เป็นต้นTaksim Squareอนุสาวรีย์การก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีถนน Istiklalถนน Istiklalขนมหวานของตุรกี มีให้เลือกซื้อมากมายNostalgic Tram Line“Nostalgic Tram Line” เป็นรถรางโบราณที่วิ่งในระยะทางสั้นๆ ราว 1.7 กิโลเมตร วิ่งไป-กลับบนถนน Istiklal ถนนชอปปิ้งชื่อดังในย่าน Taksim คนท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อ Taksim-Tünel Nostalgia Tramway หรือรถรางสาย T2 เอกลักษณ์ของรถรางสายนี้คือตัวรถรูปทรงโบราณสีแดง ที่ให้บริการเพียงหนึ่งขบวนสั้นๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปช่วงทศวรรษที่ 50-60 เพราะนอกจากตัวรถจะเป็นรถรางโบราณแล้ว สองข้างทางก็ยังเป็นตึกสวยๆ สถาปัตยกรรมในยุคเก่าอีกด้วยใครอยากลองขึ้นรถรางโบราณสายสั้นๆ นี้ สามารถขึ้นได้ที่ต้นทางหรือปลายทาง แต่อาจจะต้องแย่งชิงพื้นที่กันสักหน่อย เพราะนักท่องเที่ยวที่มาย่านนี้ต่างก็อยากลองนั่งกันดูสักครั้ง และหากว่าอยากถ่ายรูปคู่กับรถรางโบราณสีแดงขบวนนี้ แนะนำช่วงเช้าๆ เพราะมีนักท่องเที่ยวไม่มาก จะถ่ายรูปได้สะดวกกว่าNostalgic Tram LineNostalgic Tram LineCukurcuma“Cukurcuma” เป็นย่านชิลๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสทักซิม เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านนั่งชิล ช่วงเย็นๆ หรือวันหยุด จะมีผู้คนแวะเวียนมาย่านนี้กันคึกคัก ส่วนร้านค้าต่างๆ ก็นับว่ามีเสน่ห์ ชวนให้แวะเข้าไปชมอย่างยิ่ง บางจุดเป็นย่านร้านขายของเก่า เสื้อผ้า และสินค้าวินเทจ มีแกลลอรีจัดแสดงงานศิลปะ พิพิธภัณฑ์ สปา และโรงอาบน้ำแบบดั้งเดิมของตุรกีย่าน Cukurcumaย่าน Cukurcumaย่าน Cukurcumaย่าน CukurcumaGalata Bridge“สะพานกาลาตา” ถือว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และการค้า เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อการค้าขายมาตั้งแต่สมัยโบราณ กระทั่งในปัจจุบัน ก็ยังเป็นสะพานหลักๆ ในการสัญจรทางบกและทางน้ำ รวมถึงยังเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของอิสตันบูล ซึ่งภาพที่คุ้นเคยก็คือการมีผู้คนมายืนตกปลาอยู่บนสะพาน จนกลายเป็นอีกภาพจำของอิสตันบูลไปแล้วบริเวณบนสะพาน ก็ถือเป็นอีกจุดชมวิวเมืองอิสตันบูลที่สวยไม่แพ้ที่อื่น สามารถมองเห็นเมืองทั้งสองฝั่งที่คั่นกลางด้วยทะเลมาร์มารา มองเห็นทั้งหอคอยกาลาตาอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ รวมถึงมัสยิด Yeni Cami กับ มัสยิด Suleymaniye สุดวิจิตรที่ตระหง่านงามอยู่ฝั่งตรงข้ามบริเวณเชิงสะพานทั้งสองฝั่งเป็นท่าเรือสำหรับการล่องเรือท่องเที่ยว มีโปรแกรมยอดนิยม คือ การล่องเรือไปตามช่องแคบบอสฟอรัส ผืนน้ำที่คั่นกลางทวีปยุโรป-เอเชีย นอกจากนี้ บริเวณใต้สะพานก็ยังเป็นที่ตั้งร้านอาหารทะเลหลากหลายร้าน ให้นั่งชิมเมนูเด่นของย่านนี้ ไปพร้อมๆ กับการชมวิวGalata BridgeGalata Bridgeวิวสวยยามค่ำจากบนสะพานGrand Bazaar“Grand Bazaar” เป็นหนึ่งในตลาดในร่มขนาดใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน เพื่อให้เป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าในเส้นทางสายไหม จากกรุงคอนสแตนติโนเปิล (ชื่อเก่าของอิสตันบูล) ไปยังประเทศจีน โดยในภายหลัง ผ่านการเปลี่ยนแปลง และมีวิวัฒนาการมาหลายครั้งจนกระทั่งถึงปัจจุบันพื้นที่ตลาดมีความกว้างใหญ่มาก มีทางเข้าออกกว่า 20 ทาง และร้านค้ากว่า 3,000 ร้าน โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ สินค้าที่ขายก็มีตั้งแต่พรมเปอร์เซีย กระเบื้องลายอิซนิก เครื่องเทศ ชา กาแฟ ถั่ว เตอร์กิชดีไลต์ เครื่องทองเหลือง เสื้อผ้า งานหัตถกรรมต่างๆ เป็นต้นส่วนบริเวณใกล้กันก็เป็น “Spice Market” หรือตลาดเครื่องเทศ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งในยุคนั้นอียิปต์เป็นเพียงหนึ่งจังหวัดของจักรวรรดิออตโตมัน และยังต้องจ่ายภาษีให้กับออตโตมัน ทำให้อียิปต์ต้องสร้างตลาดนี้ขึ้นมา ตลาดนี้จึงมีอีกชื่อเรียกว่า Egyptian Bazaar ซึ่งปัจจุบันที่ตลาดเครื่องเทศ นอกจากจะมีเครื่องเทศต่างๆ ก็ยังมีสมุนไพร ชา กาแฟ ถั่ว ผลไม้อบแห้ง และของฝากอื่นๆ ด้วยทางเข้า Grand BazaarGrand BazaarSpice Marketเครื่องเทศสีสันสวยงามถั่วละผลไม้อบแห้งชาแบบต่างๆแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000049511
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
21/04/2023
30/04/2024
18/12/2024
30/04/2024
22/11/2024