คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ข่าวการเงิน

อิสระในการเลือกใช้ชีวิต เปิดเครื่องมือสำหรับการวางแผนเกษียณ

30/04/2024

บทความโดย "กชจุฑา เพียรวนิช"  ที่ปรึกษาการเงิน AFPTTM สมาคมนักวางแผนการเงินไทย วันที่ 29 เมษายน 2567 คำว่าเกษียณอาจฟังดูน่าเบื่อและห่างไกลจากความคิดในหลาย ๆ คน คำว่าเกษียณในอดีตอาจหมายถึง คนสูงวัยที่เลิกทำงานและใช้ชีวิตทั้งวันอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ ด้วยคำนิยามเหล่านี้อาจทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สนใจในเรื่องวางแผนเกษียณ เพราะยังรู้สึกว่าไกลตัว แต่ถ้านิยามคำว่าเกษียณใหม่ในยุคนี้ คำว่าเกษียณหมายถึง “อิสระ” อิสระในการเลือกใช้ชีวิตที่ต้องการและงานเป็นแค่ทางเลือกว่าจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ เพราะมีเงินเก็บเพียงพอ อาจจะเกษียณตอนอายุ 40 ปี 50 ปี หรืออาจจะทำงานไปจนถึง 70 ปี เพราะยังสนุกและมีความสุขกับการทำงาน ถ้าอยากจะมีอิสระในการใช้ชีวิตและตั้งใจเริ่มวางแผนเกษียณวันนี้มีหลักการเลือกใช้เครื่องมือวางแผนเกษียณ ดังนี้ ตรวจสอบเครื่องมือสำหรับเก็บเงินเกษียณ เชื่อว่าหลายคนมีแผนในใจว่าอยากจะมีรายได้เท่าไหร่หลังเกษียณ บางคนอาจจะเริ่มคำนวณเงินก้อนที่จำเป็นต้องมีในวันเกษียณ เช่น 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท แต่หลายคนอาจสงสัยหรือไม่รู้ว่าจะเก็บเงินเกษียณไว้ที่ไหนเพื่อให้ได้เงินเกษียณอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนั้น การเลือกเครื่องมือเก็บเงินและลงทุนเพื่อเกษียณ จึงมีความสำคัญ โดยมี 3 ปัจจัยสำคัญ ดังนี้ อาชีพ เครื่องมือเก็บเงินเพื่อการเกษียณ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรสามารถลงทุนได้ทั้งหมด ยกเว้นบางเครื่องมือที่มีเงื่อนไขเรื่องอาชีพที่ต้องพิจารณาเพิ่ม 1. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เฉพาะข้าราชการที่สามารถลงทุนใน กบข. 2. ประกันสังคมมีทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1548147 – มาตรา 33 (ภาคบังคับ) สำหรับลูกจ้างในระบบเป็นภาคบังคับต้องส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม 5% ของเงินเดือน และสูงสุดไม่เกิน 750 บาท/เดือน – มาตรา 39 (ภาคสมัครใจ) สำหรับลูกจ้างที่เคยประกันตนมาตรา 33 นำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนและต้องการรับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากประกันสังคม โดยส่งเงิน 432 บาท/เดือน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1548147 – มาตรา 40 (ภาคสมัครใจ) สำหรับลูกจ้างนอกระบบหรืออาชีพฟรีแลนซ์ มีทางเลือกส่งเงิน 3 ทาง ทางเลือกที่หนึ่ง 70 บาท/เดือน ทางเลือกที่สอง 100 บาท/เดือน ทางเลือกที่สาม 300 บาท/เดือน ซึ่งแต่ละมาตราจะได้รับผลประโยชน์ที่แตกต่างกันไป 3. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) สำหรับพนักงานบริษัททั่วไป เก็บเงินจากการหักเงินเดือนตามสัดส่วนที่เราต้องการ (2%-15%ของรายได้) และได้รับเงินสมทบจากนายจ้าง (2%-15%ของรายได้) อย่างไรก็ตามเงินสมทบจากนายจ้างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละบริษัทว่าจะสมทบเท่าไหร่ นอกจากนี้ Provident Fund ยังมีสิทธิประโยชน์เรื่องภาษี สามารถนำส่วนเงินสะสมไปลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือนและสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท 4. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เหมาะสำหรับอาชีพอิสระที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากทางภาครัฐ นักเรียน นักศึกษา ชาวไร่ชาวนา พ่อค้าแม่ค้า ฯลฯ สามารถออมเงินผ่าน กอช. ขั้นต่ำ 50 บาท/เดือน สูงสุด 1,100 บาท/เดือน และได้รับเงินสมทบจากรัฐบาล เงินออมสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาทต่อปี เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับรายได้ มีบางเครื่องมือที่ต้องพิจารณาเรื่องเกณฑ์รายได้ที่ต้องเสียภาษี จึงจะเลือกเก็บเงินผ่านเครื่องมือนี้ได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขในการลงทุน ดังนั้น ถ้ารายได้ไม่ต้องเสียภาษีก็ไม่ควรใช้เครื่องมือเหล่านี้ กองทุนรวมที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี (RMF / SSF) – กองทุนสำรองเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีเงื่อนไขการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี คือ ซื้อสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 500,000 บาทเมื่อรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ( กบข. / กอช. / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / ประกันบำนาญ / SSF) – กองทุนการออมระยะยาว (SSF) เงื่อนไขการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี คือ ซื้อสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 200,000 บาทเมื่อรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท ( กบข. / กอช. / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / ประกันบำนาญ / RMF) นอกจากนี้ยังมีเครื่องอื่นๆ ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้และไม่มีบทลงโทษกรณีซื้อเกินเงื่อนไข – ประกันบำนาญ ลดหย่อนสูงสุดสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท ( กบข. / กอช. / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / SSF / RMF) ประกันชีวิต/ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนสูงสุด 100,000 บาท อายุ อายุมีส่วนสำคัญในการเลือกเครื่องมือ บางเครื่องมือสามารถซื้อได้ถึงอายุ 55 ปี หรือ 60 ปี เช่น ประกันบำนาญหรือประกันสะสมทรัพย์บางแบบ นอกจากนี้สำหรับคนอายุมาก เช่น อีก 45 ปี 50 ปี ใกล้เกษียณในอีก 5 -10 ปี ต้องเลือกลงทุนในเครื่องมือที่ความเสี่ยงไม่สูงมากเพื่อไม่ให้เงินต้นขาดทุน เครื่องมือที่กล่าวมามีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและมีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนั้น ต้องเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับอายุและความเสี่ยงที่รับได้ ทำความเข้าใจสินทรัพย์การลงทุน เครื่องมือวางแผนเกษียณแต่ละอย่างมีการลงทุนที่แตกต่างกัน ดังนั้น ต้องเรียนรู้สินทรัพย์ลงทุน (Asset Class) โดยสินทรัพย์พื้นฐานที่ควรรู้มี 5 ประเภท 1. เงินสด หรือเงินฝากธนาคาร ใช้เก็บเพื่อเป็นสภาพคล่องหรือใช้เป็นเงินฉุกเฉิน ไว้ในบัญชีออมทรัพย์ธนาคาร โดยเงินฝากจะได้รับผลตอบแทนคือดอกเบี้ย 2. ตราสารหนี้ ถ้าให้รัฐบาลกู้ยืมเงิน เรียกว่า พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ถ้าให้บริษัทกู้ยืมเงิน เรียกว่า หุ้นกู้ ส่วนใหญ่แล้วตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง ความผันผวนต่ำถึงปานกลาง ใช้ลงทุนเพื่อสร้างสภาพคล่องหรือลงทุนเพื่อเน้นกระแสเงินสดรับอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ คือ ดอกเบี้ยและส่วนต่างราคา 3. หุ้น มีความเสี่ยงสูง และมีความผันผวนสูง ลงทุนเพื่อเน้นเติบโตสูงและโอกาสได้ผลตอบที่ชนะเงินเฟ้อ ผลตอบแทน คือ กำไรส่วนต่างจากราคาหุ้นและเงินปันผล 4. อสังหาริมทรัพย์ มีความเสี่ยงสูง สภาพคล่องต่ำ ลงทุนเพื่อการเติบโตของเงินลงทุนหรือสร้างกระแสเงินสดประจำจากค่าเช่า โดยสามารถลงทุนทางตรงโดยการซื้อบ้าน คอนโดหรือลงทุนทางอ้อมผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ได้เช่นกัน ผลตอบแทน คือ ส่วนต่างราคาและค่าเช่า 5. สินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ สินทรัพย์ที่หลายคนนิยมและมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe heaven) มักลงทุนเพื่อไว้กระจายความเสี่ยงเพราะให้ผลตอบแทนที่ดีสวนทางกับเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดี มีสภาพคล่องสูง ผลตอบแทน คือ ส่วนต่างราคา หากรู้จักเครื่องมือให้เหมาะสมกับอาชีพ รายได้ และระยะเวลาของตัวเอง รวมถึงการเข้าใจสินทรัพย์ลงทุน จะทำให้การบริหารเงินเพื่อการเกษียณเป็นไปอย่างประสิทธิภาพมากขึ้น ย่อมส่งผลให้การวางแผนเพื่อการเกษียณมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเช่นกัน แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1548147

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 31 คิดเป็น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567

29/04/2024

พร้อมประกาศนโยบายบริหารเงินทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลตอบแทนโครงการซื้อหุ้นคืนฮ่องกง, 29 เมษายน 2567 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 31 รายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนโดยการเพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนจากเดิม 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐอัตราการเติบโตรายงานตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:  •  มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 31 คิดเป็น 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐ  •  การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก ในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ  •  อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54.2  •  เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 อยู่ที่ 2,449 ล้านเหรียญสหรัฐ  •  ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนเพื่อความชัดเจนขึ้นในการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น  •  เพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนที่ดำเนินการอยู่อีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “มูลค่าธุรกิจใหม่อันแข็งแกร่งของเอไอเอเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 และผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นแสดงให้เห็นถึงพลังอันยั่งยืนของข้อได้เปรียบทางการแข่งขันและวินัยทางการเงินของเรา เราส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ประจำไตรมาสเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นเลขสองหลักในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ ซึ่งตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและความหลากหลายของธุรกิจในเอไอเอ “เรายังประกาศนโยบายบริหารเงินทุนใหม่และชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นประจำปีสูงขึ้น โดยการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เมื่อพิจารณาถึงสถานะทางการเงินอันแข็งแกร่งของเอไอเอ รวมถึงความเชื่อมั่นของเราในการดำเนินงานและการเงินในอนาคต คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติการเพิ่มมูลค่าอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนที่มีอยู่ของเรา รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ การดำเนินการเหล่านี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการคืนผลตอบแทนที่เกินความต้องการของเราอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกันเรายังคงส่งมอบการเติบโตของธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยผลตอบแทนที่น่าดึงดูด“ผลประกอบการในวันนี้แสดงให้เห็นว่าเอไอเอมีการวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอจะมอบผลลัพธ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา เป้าหมายของเรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างผลกำไรผ่านการดำเนินธุรกิจใหม่ ซึ่งจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการกำหนดอนาคตทางการเงินของเอไอเอ ด้วยการส่งมอบรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เงินกองทุนส่วนเกินและมูลค่าผู้ถือหุ้นที่เพิ่มมากขึ้น”นโยบายบริหารเงินทุนด้วยการเพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนเรากำลังประกาศนโยบายบริหารเงินทุนที่จะมอบความชัดเจนยิ่งขึ้นในการคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นผ่านวิธีการดังนี้:(1) เป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายเงินที่ร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินประจำปี (net FSG) คืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปีผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เริ่มตั้งแต่ผลประกอบการประจำปี 2567 ของเรา(2) นอกจากนี้ เราดำเนินการทบทวนสถานะเงินทุนและผลตอบแทนที่เกินความต้องการของเราอย่างสม่ำเสมอในองค์ประกอบแรก นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีความรอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเรานั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลปกติต่อหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี ยอดคงเหลือของเป้าหมายอัตราการจ่ายเงินร้อยละ 75 ต่อปี ของเงินกองทุนส่วนเกินประจำปี จะถูกคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยการซื้อหุ้นคืนในแต่ละปีเงินกองทุนส่วนเกินประจำปี คำนวณจากมูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น (UFSG) หักด้วยส่วนเกินที่ใช้เพื่อสนับสนุนธุรกิจใหม่ ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการจัดสรรจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ต้นทุนทางการเงิน และการเคลื่อนไหวของเงินทุนอื่น ๆ ดังที่แสดงในรายงานผลประกอบการประจำปีของเราเพื่อความชัดเจนเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิจะถูกคำนวณก่อนที่จะมีผลกระทบกับผลต่างของผลตอบแทนการลงทุนและรายการอื่น ๆ ตามข้อมูลอ้างอิงเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยกตัวอย่างในการอธิบาย องค์ประกอบแรกของนโยบายการบริหารเงินทุนที่ได้รับการปรับปรุงจะสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ ซึ่งประกอบด้วย 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐจากเงินปันผลในปีงบประมาณ 2566 และ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐจากโครงการซื้อหุ้นคืนสำหรับองค์ประกอบที่สองตามที่ได้มีการทบทวนสถานะเงินทุนของเรา คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติการเพิ่มมูลค่าอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนที่มีอยู่ของเรา ซึ่งจะเพิ่มยอดรวมเป็น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โครงการซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐมีเป้าหมายที่จะเริ่มโดยเร็วที่สุดและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาประมาณ 12 เดือนในขณะที่อัตราส่วนเกินของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) จะเป็นมาตรการหลักที่แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ตามกฎระเบียบของเราแต่เราเชื่อว่าเงินกองทุนส่วนเกินจะเป็นมุมมองต้นแบบที่ทำ ให้ผู้ถือหุ้นเห็นถึงสถานะเงินทุน เรากำลังให้คำแนะนำกว้าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระดับของเงินกองทุนส่วนเกินที่เราจะกำหนดเป้าหมายของกลุ่มบริษัทในอนาคตและเราจะดำเนินการตามมุมมองของผู้ถือหุ้นต่อทรัพยากรเงินทุนทั้งหมด ซึ่งประกอบ ด้วยเงินกองทุนส่วนเกิน อัตราหนี้สินระดับ Tier 2 ที่มีสิทธิ และเงินกองทุนที่ต้องดํารงตามกฎหมาย (ตามที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจู่) จากการประเมินความต้องการด้านเงินทุนสำหรับธุรกิจของเรา เราตั้งเป้าในมุมมองของผู้ถือหุ้นต่อทรัพยากรเงินทุนทั้งหมดเกินกว่าร้อยละ 200 ของเงินกองทุนที่ต้องดํารงตามกฎหมายสรุปผลประกอบการของธุรกิจใหม่ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567เอไอเอ สร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ได้ถึงร้อยละ 31 เป็นจำนวน 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ด้วยตัวเลขการเติบโตสองหลักจากทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ พรีเมียร์ เอเจนซี่ มีส่วนสร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่ถึงร้อยละ 20 ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น มูลค่าธุรกิจใหม่จากช่องทางพันธมิตรเติบโตถึงร้อยละ 70 ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากทั้งช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์และที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor)เอไอเอ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ร้อยละ 38 ซึ่งมาจากพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่สร้างการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นเลขสองหลัก ตลอดจนมีการเติบโตต่อเนื่องในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์   นอกจากนี้ยังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในวงกว้างทั้งจากฝ่ายการดำเนินงานที่จัดตั้งขึ้นและสาขาใหม่ กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 54.6 จากร้อยละ 52.7 ในครึ่งหลังของปี 2566 เพื่อความชัดเจน การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้ถูกแสดงตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยไม่มีการคำนวณผลเปรียบเทียบมูลค่าธุรกิจใหม่ในปี 2566 สำหรับสมมติฐานทางเศรษฐกิจที่ใช้ในไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่รายงานเพิ่มขึ้นอีกในลักษณะเดียวกันโมเดลพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราที่แตกต่างในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2567 ด้วยการเติบโตมากกว่าร้อยละ 20 ทั้งในด้านจำนวนของตัวแทนใหม่และตัวแทนใหม่ที่สร้างผลงาน ข้อเสนอที่น่าสนใจของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญที่ลดหย่อนภาษีได้ มีส่วนสนับสนุนจำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่จากช่องทางตัวแทนทรงตัวที่ประมาณร้อยละ 60 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่งเป็นเลขสองหลักจากแบบประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ระยะยาวของเราเอไอเอ ประเทศจีน ยังคงส่งมอบการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ที่คัดเลือกมาอย่างดี และได้แรงหนุนจากทั้งกิจกรรมการขายที่แข็งแกร่ง ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ประมาณร้อยละ 40 ในไตรมาสแรกของปี 2567เอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 43 และมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64.3 จากร้อยละ 58.1 ในครึ่งหลังของปี 2566 กลุ่มลูกค้าภายในประเทศและนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ (MCV) มีส่วนทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตคล้ายกันในวงกว้าง และทั้งสองกลุ่มมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก มูลค่าธุรกิจใหม่จากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้สร้างแรงขับเคลื่อนและมากเกินกว่าในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 มูลค่าธุรกิจใหม่มากกว่าร้อยละ 60 มาจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เข้ามาผ่านช่องทางตัวแทนของเราในไตรมาสแรก โดยรวม พรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเรามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในด้านจำนวนตัวแทนใหม่ ในเดือนมีนาคม ปี 2567 เอไอเอ ฮ่องกง ประสบความสำเร็จในส่วนของมูลค่าธุรกิจใหม่รายเดือนสูงที่สุดนับตั้งแต่การเดินทางท่องเที่ยวได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566เอไอเอ ประเทศไทย ส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตเป็นเลขสองหลักทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ สำหรับในด้านตัวแทน การเติบโตได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น และเรายังคงผลักดันในการสรรหาบุคลากรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงแข็งแกร่งที่มากกว่า ร้อยละ 90 โดยได้ประโยชน์จากการสนับสนุนอย่างสูงทั้งจากผลิตภัณฑ์ประกันที่มอบความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์)เอไอเอ สิงคโปร์ มีแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาสแรกด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่โดดเด่น พรีเมียร์ เอเจนซี่ ในฐานะผู้นำตลาดมีการเติบโตได้ได้รับแรงสนับสนุนจากการสรรหาตัวแทนใหม่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และตัวแทนใหม่ที่สร้างผลงานเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20ธุรกิจของเราในมาเลเซีย รายงานว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก โดยมีการเติบโตทั้งในด้านตัวแทนและการกระจายความร่วมมือ การร่วมมือกับ Public Bank ยังคงได้รับประโยชน์จากการมุ่งเน้นที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูงของธนาคารเรายังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เป็นตัวเลขสองหลักในตลาดอื่น ๆ ของเรา โดยได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของ บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (Tata AIA Life) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยตัวเลขสองหลักจากธุรกิจของเราในออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ในช่วงไตรมาสแรกองปี 2567 ผลประกอบการของอินเดียในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ได้รับประโยชน์จากยอดขายที่แข็งแกร่งมาก ก่อนที่จะมีข้อจำกัดด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีส่วนบุคคลของกรมธรรม์ที่มีมูลค่าจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านช่องทางพันธมิตรของเราโดยรวมแล้ว เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ของกลุ่มบริษัทเติบโตขึ้นร้อยละ 26 เป็นจำนวน 2,449 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2567 และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54.2 โดยได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ จากแนวทางปฏิบัติทั่วไปของเรา สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2566 อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 11 ในขณะที่มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เป็นจำนวน 11,223 ล้านเหรียญสหรัฐรายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอช่วยสร้างความแตกต่างที่สำคัญและความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนจากการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่ยังมีผลอยู่ใช้และแนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบอันดับเครดิตเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ยังคงทรงตัวที่ระดับ A เมื่อเทียบกับอันดับเครดิต ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 พอร์ตโฟลิโอหุ้นกู้ของบริษัทมีความหลากหลาย โดยมีผู้ออกหุ้นกู้มากกว่า 2,000 ราย และมีขนาดการถือครองเฉลี่ย 39 ล้านเหรียญสหรัฐณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ร้อยละ 2 ของพอร์ตตราสารหนี้ทั้งหมดได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับการลงทุน หรือไม่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับประมาณ 4.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 หุ้นกู้ประมาณ 132 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.1 ของพอร์ตหุ้นกู้ทั้งหมดของเรา ถูกลดระดับให้ต่ำกว่าระดับการลงทุนในไตรมาสแรกของปี 2567 ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สำหรับพอร์ตหุ้นกู้ของเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงในไตรมาสแรกของปี 2567 การตั้งสำรองของค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตไว้ที่มูลค่า 485 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของพอร์ตหุ้นกู้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 สะท้อนถึงพอร์ตการลงทุนคุณภาพสูงโดยรวมของเอไอเอภาพรวมเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีผู้มุ่งหวังระยะยาวซึ่งน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับการนำเสนอประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เงินออมภาคเอกชนในระดับสูง ประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น การเข้าถึงการประกันภัยที่ต่ำ และความคุ้มครองด้านสวัสดิการที่จำกัด ยังคงสร้างความต้องการผลิตภัณฑ์ของเอไอเออย่างมีนัยสำคัญ ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเราใช้ประโยชน์จากโอกาสอันโดดเด่นเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจใหม่ที่มีผลกำไรให้เดินหน้า ซึ่งจะสร้างรายได้ในอนาคตที่เพิ่มขึ้น เงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าผู้ถือหุ้นที่สูงขึ้นความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินในประเทศของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลกระทบในการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้อัตราการเติบโตและข้อคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

กระทบไหล่ 3 ศิลปินปลุกกระแส ความมหัศจรรย์ของสัตว์ในตำนาน

30/04/2024

แม้กิจกรรม Ruffle Event และ Exclusive Drop ที่ทรู ดิจิทัล พาร์คเปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้มาจับจองเป็นเจ้าของผลงานของ 3 ศิลปินไทยจากนิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition by Cheese Arnon, Bluepalete & Kratai Dudu, curated by Madskills จะจบลงไปแล้ว แต่ภาพความประทับใจยังคงตราตรึง ได้รับเสียงตอบรับจากแฟนคลับที่มาร่วมกระทบไหล่ 3 ศิลปิน ปลุกกระแสความคึกคักอย่างต่อเนื่องให้นิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition ที่เปิดให้เข้าชมไปจนถึง 9 มิ.ย. 67Ruffle Event และ Exclusive Drop เป็นกิจกรรมจำหน่ายผลงานคอลเลกชันสุดพิเศษของศิลปินที่จัดขึ้นในนิทรรศการ "Mythical Dream", Trio exhibition by Cheese Arnon, Bluepalete & Kratai Dudu, curated by Madskills ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความฝันอันทรงพลังของคนยุคใหม่ และเหล่าสตาร์ทอัพที่หัวใจไม่เคยหยุดฝัน เฉกเช่นเรื่องราวความมหัศจรรย์ของสัตว์ในตำนานทั้ง 4 อย่าง ยูนิคอร์น กริฟฟิน ฟีนิกซ์ และเพกาซัส ที่เต็มไปด้วยการผจญภัย ความท้าทาย และจิตวิญญาณที่ไม่มีวันแตกสลาย จัดขึ้นโดยทรู ดิจิทัล พาร์ค ร่วมกับ Madskills แกลอรีสตาร์ทอัพที่สร้างศิลปินมากมายสู่ระดับโลกประกอบไปด้วย ภาพ Print Limited Edition ที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นในโลก ในงาน Raffle Event Edition ซึ่งมีผลงานลิมิเต็ดของศิลปิน Bluepalete ชื่อภาพ “Turn Over a New Leaf” และจากศิลปิน Kratai Dudu ที่มีชื่อผลงานว่า “The Spell Queen”, Edition of 20 (50x50cm) มาพร้อมลายเซ็นและหมายเลขจากมือของศิลปินภาพวาดคอนแลปส์ออริจินอลสุดปัง วาดโดย Cheese Arnon และ Kratai Dudu มีชื่อผลงานว่า “Playground” ซึ่งเป็นการเจอกันครั้งแรกของตัวละครจิ้งจอกน้อยและดูดู๊ ลูกช่างซ่อมรถประติมากรรม ART SCULPTURE แสนน่ารัก ที่ดึงเอาคาแรกเตอร์จากผลงานของศิลปินทั้ง 3 มาตีความผสมผสานกับสัตว์ในตำนาน จนออกมาเป็น ART SCULPTURE ที่น่ารักใจเจ็บ จากนิทรรศการ “Mythical Dream, Trio Exhibition” พร้อมลายเซ็นสุดปัง ที่สามารถซื้อได้เฉพาะบน SASOM ที่เดียวเท่านั้นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000034953

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เที่ยว 'สังขละบุรี'...แดนไกลเมืองกาญจน์ สวยทุกฤดูกาล

30/04/2024

'สังขละบุรี' เป็นเป้าหมายที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว บวกกับวิถีชีวิตอันเรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธาจากหลายชาติพันธุ์ หน้าร้อนก็ยังสวย ทั้งธรรมชาติที่งดงามตามฤดูกาล และเอกลักษณ์แห่งประเพณีที่ไม่เหมือนใครเมืองแห่งสายน้ำและศรัทธารายล้อมด้วยหุบเขา บอกเล่าเรื่องราวของวิถีชาว สังขละบุรี มาอย่างยาวนาน บรรยากาศอันเงียบสงบตั้งแต่เช้าจรดค่ำ รอยยิ้มแห่งไมตรีที่มีให้กัน เราจึงนึกถึงสังขละ-เมืองกาญจน์เสมอตักบาตรตอนเช้าเที่ยวสังขละ ไปไกล ไปยาก ทว่าอุ่นใจเมื่อไปถึงการเดินทางมายัง อ.สังขละบุรี นับเป็นอีกเส้นทางสวยในเมืองไทย แต่ก็มีความลาดชันและคดเคี้ยวพอประมาณ จึงต้องใช้เวลามากกว่าเส้นทางปกติ ถึงจะมายากมาไกล แต่มาแล้วอุ่นใจ มีที่ให้เที่ยวชมอีกหลายจุด ที่โดดเด่นเป็นศูนย์รวมของทุกคน คือ สะพานมอญ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็น สะพานมีชีวิต เพราะในแต่ละช่วงเวลา จะให้ความรู้สึกแตกต่างกันไปสะพานมอญ หรือ สะพานอุตตามานุสรณ์ พาดผ่านแม่น้ำซองกาเลีย เชื่อมโยงวิถีชีวิตของชาวไทยและชาวมอญ รวมทั้งชาวกะเหรี่ยงมาเนิ่นนาน ผ่านการปรับปรุงซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้ง หากจำได้เมื่อปี 2556 สะพานถูกน้ำป่าปะทะจนขาด แต่ได้อาศัยความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านและทหารช่างจากกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ค่ายสุรสีห์ช่วยกันซ่อมแซมจนสำเร็จสะพานมอญยามค่ำคืนปัจจุบันสะพานมอญยังคงเป็น สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นจุดรวมของนักเดินทางที่มาเยือนสังขละบุรี โดยเฉพาะช่วงตักบาตรยามเช้า และยามเย็นที่เสิร์ฟบรรยากาศดี ๆ แบบไม่มีซ้ำ ท่ามกลางวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก บรรดาผู้มาเยือนยังมีส่วนเติมเต็มบรรยากาศให้สดใสขึ้น ด้วยการแต่งตัวแบบชาวมอญ ประแป้งเป็นลวดลายบนใบหน้า ประดับประดาด้วยพวงดอกไม้ มองแล้วชื่นใจไปตาม ๆ กันชมเมืองบาดาล วัดใต้น้ำไม่ไกลจากสะพานมอญเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำ 3 สาย คือ ซองกาเลีย บีคลี่ และรันตี เรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า สามประสบ สมัยก่อนมีวัดประจำหมู่บ้านคือ วัดวังก์วิเวการาม (เดิม) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ เพราะเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" จนปี 2527 มีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ ส่งผลให้น้ำท่วมตัวอำเภอเก่า รวมทั้งตัวหมู่บ้านและวัด จนต้องย้ายวัดและหมู่บ้านขึ้นไปบนเนินเขาวัดใต้น้ำและนั่นก็เป็นที่มาของกิจกรรมท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร เริ่มต้นจากจุดลงเรือใกล้ ๆ สะพานมอญ ล่องออกไปชม วัดใต้น้ำ ซึ่งจะมองเห็นตัวโบสถ์ได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ หากเป็นช่วงหน้าแล้งที่น้ำลงมาก ก็อาจจะมองเห็นตัวโบสถ์ได้แบบเต็ม ๆวัดสมเด็จหลังจากนั้น เรือจะพาเราไปขึ้นฝั่งที่ วัดสมเด็จ ซึ่งเป็นวัดที่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายเมืองเช่นกัน แต่เนื่องจากอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ จึงไม่จมน้ำ เมื่อเดินขึ้นเนินไปเล็กน้อยจะพบกับอุโบสถเก่าแก่ รอบโบสถ์มีต้นไทรปกคลุมอย่างงดงามหลวงพ่อหยกขาวสำหรับ วัดวังก์วิเวการาม (ปัจจุบัน) ตั้งอยู่บนฝั่งที่ไม่ไกลจากตัววัดแห่งเดิมมากนัก เป็นวัดที่มีศิลปะแบบมอญผสมไทยประยุกต์ ภายในวิหารเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ และมีหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าคนจริงของหลวงพ่อนั่งอยู่บนบัลลังก์วัดวังก์วิเวการาม ปัจจุบันยังมีศิลปะที่งดงามทรงคุณค่าอีกหลายจุด อาทิ วิหารพระพุทธรูปหินอ่อน ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนปางมารวิชัยหนัก 9 ตัน คนทั่วไปเรียกว่า หลวงพ่อขาว หรือ หลวงพ่อหยกขาวในช่วงหน้าร้อนของทุกปี มีนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเยือนสังขละบุรีด้วยเหตุผลที่ว่า อยากจะพบภาพความงามที่ซ่อนไว้  ได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองใต้บาดาลด้วยตาสักครั้งบ้านกลางน้ำความเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลนำพาให้เราได้พบเจอเสน่ห์อันหลากหลายในสังขละบุรี ดินแดนที่ยังมีไมตรีและรอยยิ้ม ท่ามกลางหุบเขาที่โอบล้อมสายน้ำกว้างใหญ่ ยังเป็นภาพประทับใจพาให้เรากลับไปเยือนเสมอสกายวอล์คกาญจนบุรีเมืองสะพาน กาญจนบุรีเที่ยวสะพานมอญแล้ว ขากลับสามารถย้อนไปชมสะพานอีก 2 สไตล์ในตัวเมืองกาญจนบุรี เริ่มจาก สกายวอล์คกาญจนบุรี ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ จึงมองเห็นวิวสวยงาม กว้างไกล ทั้งชุมชนเรือนแพ พระพุทธรูปปางประทานพร วัดถ้ำเขาแหลม หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ฯลฯสะพานแม่น้ำแควและชมความงดงามของ สะพานแม่น้ำแคว ที่ยังคงมนต์ขลังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะวันนี้ที่มีกิจกรรมท่องเที่ยวรักษ์โลกอย่างการพายซับบอร์ดในแม่น้ำแควใหญ่มาให้เลือกสนุกกันด้วย โดยจะมีการจัดกิจกรรมกันเป็นประจำแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1124160

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

เปิด 10 ประเทศที่ผลิต และมีทรัพยากรแร่ทองมากที่สุดในโลก ไทยมีแร่ทองทำหรือไม่? ปริมาณเทาไหร่?

29/04/2024

ในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนทั้งจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเงินเฟ้อแบบในปัจจุบัน ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์เนื้อหอมที่ใครๆ ก็อยากซื้อมาเก็บใส่พอร์ต เพราะถือเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่เป็นที่พักเงิน หรือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ถือไว้นานๆ อย่างไรก็ได้กำไร ตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงปัจจุบัน (26 เม.ย.) ราคาทองคำเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณเกือบ 300 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 2,058.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มาเป็น 2,342.57 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ และเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 2,431.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนราคาในไทยเองก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกวันจากการสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอน แต่ก่อนจะมาเป็นทองอย่างที่เราเคยเห็นกันในร้าน เคยสงสัยหรือไม่ว่าทองคำเหล่านี้ผลิตมาจากไหน? และต้องผ่านกระบวนอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงมือผู้บริโภค ในบทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองและแปรรูปทองกันว่าปัจจุบันประเทศใดเป็นผู้นำด้านการผลิตทอง ประเทศใดมีทรัพยากรทองที่ยังไม่ได้ขุดมากที่สุด และแร่ทองต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้างกว่าจะมาเป็นทองที่เราซื้อมาเก็บสะสมไว้ได้ โลกมีทองเท่าไหร่? ขุดไปเท่าไหร่แล้ว? ทองคำ เป็นธาตุชนิดหนึ่งที่พบได้ในหินเกือบทุกชนิด โดยเฉลี่ยแล้วมีประมาณ 0.0035 กรัมต่อตันในเปลือกโลก และมีประมาณ 0.00003 ตันในน้ำทะเล แต่จะมีบางบริเวณเท่านั้นที่มีสภาพทางธรณีวิทยาเหมาะสมต่อการสะสมตัวของทองคำ และเกิดเป็น “แหล่งแร่ทองคำ” ได้ ซึ่งสามารถจำแนกตามลักษณะการเกิดได้เป็น 2 แบบ คือ  1. แหล่งทองคำแบบปฐมภูมิ หมายถึง แหล่งแร่ทองคำที่เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยา เช่น สายน้ำแร่ร้อน และกระบวนการแปรสัมผัส ซึ่งกระบวนการทั้งหลายดังกล่าว ทำให้เกิดการสะสมตัวของแร่ทองคำในหินชนิดต่างๆ ทั้งหินอัคนี หินชั้น และหินแปร จนอาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า 2. แหล่งทองคำแบบทุติยภูมิ หมายถึง แหล่งแร่ทองคำที่เกิดจากการผุพังของหินที่มีแร่ทองคำเป็นส่วนประกอบ หรือแหล่งแร่ทองคำแบบปฐมภูมิ โดยทองคำจะหลุดออกมาเป็นเม็ดกลม หรือเกล็ดเล็กๆ และพบในแหล่งที่ใกล้เคียงกับแหล่งแร่แบบปฐมภูมิ หรือถูกน้ำชะล้างพัดพาไปสะสมตัวใหม่ในบริเวณต่างๆ เช่น เชิงเขา ลำห้วย ทำให้สามารถแยกออกมาได้ด้วยการร่อน ข้อมูลของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ระบุว่า โลกนี้มีทองที่ค้นพบแล้วทั้งหมด 244,000 ตัน ซึ่งถ้าเอามารวมกันทำเป็นลูกบาศก์ ลูกบาศก์นี้จะมีความกว้างและความยาวประมาณ 23 เมตรในทุกด้าน  ปัจจุบัน ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามนุษย์นำแร่ทองออกจากเปลือกโลกและน้ำทะเลมาแล้วกี่ตัน แต่จากการคาดการณ์ของสภาทองคำโลก (Word Gold Council) มนุษย์ได้ขุดแร่ทองคำออกมาใช้แล้วประมาณ 212,582 ตัน และประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณนั้นถูกขุดออกมาหลังปี 1950 เป็นต้นมา  นี่เท่ากับว่า โลกของเราเหลือแร่ทองที่ยังไม่ได้ถูกขุดออกมาใช้อีกเพียงไม่กี่หมื่นตัน และเนื่องจากทองเป็นธาตุที่ทำลายได้ยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ ทองที่ถูกขุดออกมาก็จะถูกหมุนเวียนใช้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ในรูปแบบทองแท่ง ในรูปแบบเครื่องประดับ หรือเครื่องใช้เช่น เป็นส่วนประกอบในเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือสื่อสาร อากาศยาน หรือสินค้าอื่นๆ ออสเตรเลียมีทรัพยากรแร่ทองมากที่สุด แต่จีนผลิตมากที่สุด จากข้อมูลของ Statista ในปี 2023 ประเทศที่มีทรัพยากรแร่ทองมากที่สุดในโลก คือ ‘ออสเตรเลีย’ ซึ่งมีจำนวนทรัพยากรทองเก็บไว้อยู่ 12,000 ตัน รองลงมาเป็น ‘รัสเซีย’ ที่มีทรัพยากรอยู่ 11,100 ตัน และ ‘แอฟริกาใต้’ ที่มีอยู่ 5,000 ตัน ทำให้จำนวนแร่ทองที่เหลืออยู่ในเปลือกโลกหรือธรรมชาติในขณะนี้ อยู่ในการครอบครองของ 3 ประเทศนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้ออสเตรเลียจะเป็นประเทศที่มีแร่ทองเก็บไว้มากที่สุดในโลก แต่ออสเตรเลียกลับไม่ใช่ผู้ผลิตทองรายใหญที่สุดในโลกในขณะนี้ แต่เป็น ‘จีน’ ที่ในปี 2023 ผลิตทองออกมาเป็นจำนวนถึง 370 ตัน โดยบริษัทที่รับผิดชอบผลิตทองในจีน 3 รายใหญ่ คือ China Gold International Resources, Shandong Gold และ Zijin Mining Group ทั้งนี้ ข้อมูลของ OEC ระบุว่า ในปี 2022 จีนส่งออกทองเป็นมูลค่าทั้งหมด 5.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 จีนส่งออกทองเป็นมูลค่าถึง 234 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 231% จาก 70.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023 ถัดจากจีน ประเทศที่ผลิตทองมากที่สุดเป็นอันดับ 2 คือ ‘ออสเตรเลีย’ ที่ในปี 2023 ผลิตทองไปทั้งหมด 310 ตัน โดยทองถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของออสเตรเลีย และทำรายได้ให้ออสเตรเลยไปทั้งหมดถึง 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 5.8 แสนล้านบาทในปี 2022/2023 และอีกประเทศที่ผลิตทองได้มากไม่แพ้กัน คือ ‘รัสเซีย’ ที่ในปี 2023 ผลิตทองได้ทั้งหมด 310 ตัน เท่ากัน แต่ปัจจุบันรัสเซียกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะยังอยู่ในภาวะสงครามกับยูเครน และถูกหลายๆ ประเทศตะวันคว่ำบาตร ทำให้รัสเซียต้องขายทองให้กับกลุ่มประเทศอื่นแทน เช่น กลุ่มประเทศ BRICs (อินเดีย จีน และบราซิล) และคาซักสถาน สำหรับรายชื่อประเทศเจ้าของแร่ทองและผู้ผลิตทอง 10 อันดับแรกของโลก ประเทศอาเซียนประเทศเดียวที่ติดอันดับ คือ ‘อินโดนีเซีย’ ที่เป็นประเทศที่มีแร่ทองมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ที่ 2,600 ตัน และเป็นประเทศที่ผลิตทองได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ที่ 110 ตันในปี 2023ไทยมีแร่ทองคำหรือไม่? มีปริมาณเท่าไหร่? จากข้อมูลของสำนักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยมีแหล่งแร่ทองทำจำนวนทั้งหมด 32 แหล่ง รวมปริมาณประมาณ 148 ตัน โดยสามารถแบ่งได้ทั้งหมดจํานวน 5 แนวหลัก คือ แนวเลย-เพชรบูรณ์-ปราจีนบุรี, แนวเชียงราย-แพร่-ตาก, แนวชลบุรี-นราธิวาส, แนวเชียงราย-ลําปาง-แม่ฮ่องสอน และแนวกาญจนบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ - พังงา ใน 5 แนวดังกล่าว แนวที่มีทรัพยากรแร่ทองสมบูรณ์ที่สุด คือ แนวเลย – เพชรบูรณ์ – ปราจีนบุรี โดยเริ่มตั้งแต่จังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี เพชรบูรณ์ พิจิตร ลพบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว แนวนี้มีแหล่งแร่ทองคําจํานวน 7 แหล่ง ซึ่งมีปริมาณทรัพยากรแร่ทองคํารวมถึง 64 ตัน หรือประมาณ 43% ของปริมาณแร่ทองที่ไทยมีทั้งหมด กว่าจะมาเป็นทองคำแร่ทองต้องผ่านอะไรมาบ้าง? เช่นเดียวกับการผลิตสินค้าแบบอื่นๆ แร่ทองก็ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ในซัพพลายเชน เช่นกัน กว่าจะออกมาเป็นทองคำที่เราหาซื้อได้ตามร้านทอง หรือนำไปใช้ในการผลิตสินค้าต่างๆ ได้ โดยต้องผ่านมือตั้งแต่ ประเทศที่เป็นเจ้าของทรัพยากรทอง→บริษัทเหมืองแร่ที่ได้สิทธิเข้าไปขุดแร่→ผู้ค้าทองหรือผู้ส่งออกทอง→ผู้ขนส่งทอง→ผู้หลอมและสกัดทอง→ผู้ค้าทอง→ผู้ผลิตชิ้นส่วนจากทอง→ผู้รีไซเคิลทองที่จะส่งทองไปยังผู้หลอมและสกัดทองนำกลับมาขึ้นรูปและใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบัน แต่ละประเทศที่มีทรัพยากรทองมีกฎหมายและระเบียบในการให้สัมปทานหรือสิทธิกับหน่วยงานรัฐหรือเอกชนเป็นผู้ขุดทองแตกต่างกัน เพราะบางประเทศอาจไม่เปิดให้เอกชนเข้าไปขุดและทำธุรกิจเหมืองแร่ทอง โดยปัจจุบันการทำเหมืองแร่ทองคำมีวิธีใหญ่ๆ 2 วิธีคือ 1. การทำเหมืองแร่ทองคำแบบเหมือง ซึ่งเหมาะกับแหล่งแร่ทองคำที่อยู่ไม่ลึกจากผิวดินมากนัก ทำได้ด้วยการเปิดหน้าดินลงไปเรื่อยๆ จนถึงแหล่งแร่ทองคำ ซึ่งต้องใช้พื้นที่หน้าเหมืองมาก ถ้าแหล่งแร่อยู่ในระดับที่ลึก หน้าเหมืองจะต้องเปิดให้กว้างขึ้น และต้องใช้เครื่องมือหนัก เช่น เครื่องเจาะ รถขุด รถตัก รถขนแร่ขนาดใหญ่ ตลอดจนต้องมีการระเบิดบริเวณหน้าเหมือง 2. การทำเหมืองแร่ทองคำแบบเหมืองใต้ดิน ซึ่งเหมาะสำหรับแหล่งแร่ทองคำที่อยู่ลึกจากผิวดินมาก และจะใช้พื้นที่หน้าเหมืองน้อย โดยเริ่มจากการเปิดหน้าดิน เพื่อเจาะช่องทางสำหรับเครื่องมือหนักทำงานเข้าหาแหล่งแร่ หรือทำเป็นอุโมงค์ทางเข้าลงสู่แหล่งแร่ เมื่อได้แร่ทองออกมาแล้ว ทองที่ออกจากเหมืองแร่ส่วนมากจะผ่านผู้ค้าทองหรือส่งออกทองในประเทศที่จะส่งต่อทองให้ผู้หลอมและสกัดทองออกมาเป็นสินค้ารูปแบบต่างๆ ซึ่งสินค้าที่ได้ก็จะเป็นทองที่มีความบริสุทธิ์แตกต่างกันไป ส่งต่อไปให้ผู้ค้าทองที่จะนำทองไปขายให้กับผู้ซื้อ โดยอาจจะเป็นผู้บริโภครายย่อย หรือผู้ผลิตต่างๆ ที่จะนำทองไปผลิตสินค้าของตัวเองอีกทีหนึ่ง เช่น แผงวงตรไฟฟ้า และชิปเซ็ต เพราะทองเป็นธาตุที่นำไฟฟ้าได้ดี และไม่ขึ้นสนิมหรือถูกกัดก่อนเหมือนเงินหรือทองแดง แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ อมรินทร์ทีวีhttps://www.amarintv.com/spotlight/economy/detail/64247

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สุขภาพ

มะเร็งปอด คร่าชีวิต "คนเหนือ" วันละ 5 คน สะท้อนปัญหาฝุ่น PM 2.5

29/04/2024

"กรมการแพทย์" เปิดสถิติผู้ป่วยมะเร็งปอด ที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือ พุ่งสูงกว่าภาคอื่น พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 7 ราย เสียชีวิตสูงถึง 1,800 ราย/ปี ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สะท้อนปัญหาของฝุ่น PM 2.5 ที่สะสมต่อเนื่อง หากไม่มีการจัดการปัญหาฝุ่นพิษ จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของหลายจังหวัดนายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งปอดเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขในภาคเหนือ พบว่ามีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดสูงกว่าภาคอื่น ซึ่งภาคเหนือพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดรายใหม่เฉลี่ยปีละ 2,487 ราย/ปี หรือประมาณวันละ 7 ราย และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดเฉลี่ยปีละ 1,800 ราย/ปี หรือประมาณวันละ 5 รายขณะเดียวกัน ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยมะเร็งปอด ส่วนใหญ่อยู่ในวัยสูงอายุ มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ซึ่งอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดที่สูงในภาคเหนือ มีปัจจัยเสี่ยงสำคัญหลายประการนายแพทย์วีรวัต อุครานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง กล่าวว่า โรคมะเร็งปอดเกิดจากหลายปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน ทั้งพันธุกรรม หรือการได้รับสารก่อมะเร็ง ปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคมะเร็งปอดที่สำคัญเกิดจากการสูบบุหรี่ และควันบุหรี่มือสอง นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงอื่น ได้แก่ การสัมผัสก๊าซเรดอน การสัมผัสแร่ใยหิน การสัมผัสรังสี ควันธูป และมลภาวะทางอากาศต่างๆ ซึ่งฝุ่น PM 2.5 จัดอยู่ในส่วนนี้.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/scoop/infographic/2779041

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

เปิด ‘บ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์’ ด้วยความรัก (ศิลปะ) ล้วน ๆ

29/04/2024

‘บ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์’ เปิดให้เข้าชมแล้ว โดย ‘เสริมคุณ คุณาวงศ์’ ในอาคารคิวบิค 5 ชั้น จัดแสดงงานศิลปะ จิตรกรรม ประติมากรรม ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ จากศิลปิน 180 คน รวมมากกว่า 1,000 ชิ้นอาคารคิวบิค 5 ชั้น ใน บ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์ อัดแน่นด้วยงานศิลปะระดับปรมาจารย์ แบ่งเป็น 7 โซน และห้องต่าง ๆ ใน เดอะ เรสซิเดนซ์ จัดแสดงงานจิตรกรรม ประติมากรรม งานประติมากรรมในสวน มาครั้งเดียวไม่เคยพอ...“บางคนมี 100 สะสม 10 แต่ผมมี 100 สะสม 150” เสริมคุณ คุณาวงศ์ เล่าถึงความชื่นชอบงานศิลป์เมื่อแรกใช้เงินส่วนตัวสะสมงานศิลปะเสริมคุณ คุณาวงศ์ นำชมงานศิลปะในห้องต่าง ๆ ไมเว้นกระทั่งโถงบันได ห้องหนังสือ ห้องทำงาน และห้องสะสมผลงานของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต อีกทั้งรวมผลงานของ ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี และอีกหลายท่านเสริมคุณ คุณาวงศ์หลังจากเปิด ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ (ถนนนวลจันทร์) เมื่อปี พ.ศ.2547 วันนี้เปิดใหม่ที่ บ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์ ลาดพร้าว 54 ในอาคารคิวบิค 5 ชั้น แบ่งเป็น 7 โซนจัดแสดง“ผมเรียกว่าเป็น Living Museum หรือ บ้านพิพิธภัณฑ์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต และเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยด้วย งานจากศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ เราขนมาที่นี่ ให้เป็นจุดหมายปลายทางของคนชอบงานศิลปะและมีงานส่วนตัวของผม เช่น งานภาพถ่าย งานแกะไม้ ผมเก็บอุปกรณ์และกล้องไว้เป็นของสะสมส่วนตัวด้วย”เปิดบ้านพิพิธภัณฑ์พร้อมเปิดครอบครัว (ภาพ: วันชัย ไกรสรขจิต)เสริมคุณ คุณาวงศ์ เล่าว่า แม้มีใจรักล้วน ๆ ในงานศิลปะ แต่กว่าจะเริ่มเก็บงานชิ้นแรกก็ใช้เวลานาน ต้องทำบริษัทก่อนเพื่อหาเงิน“คนอื่นถ้ามีเงิน 100 เก็บ 10 ของผม 100 เก็บ 150 ปี 2535 เริ่มเก็บประติมากรรมจากชิ้นเล็ก ๆ แล้วไปชิ้นใหญ่ จนในที่สุดเปิด ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ ในบ้านเราถือว่าเป็นเอกชนรายแรก ๆ”งานของ อ.ปรีชา เถาทอง ในห้อง The Palourคนรักงานศิลปะล้วน ๆ บอกว่า จากประติมากรรมก็เริ่มไต่ระดับขึ้นเป็นหุ่นหลวง เครื่องเบญจรงค์ วัตถุโบราณ เฟอร์นิเจอร์ทั้งของใหม่และแอนทีค เก้าอี้แอนทีคก็สะสมไว้มากกว่า 1,000 ชิ้น“ที่นี่สร้างมากว่า 8 ปี เป็นบ้านที่ใช้อาศัย แล้วปรับปรุงใหม่ รวมพื้นที่ 5,000 ตร.ม. รวมงานศิลปะหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นศิลปินไทย 180 ท่าน ผลงานกว่า 1,000 ชิ้น”ผลงานของ อ.ชำเรือง วิเชียรเขตต์ผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์บ้านคุณาวงศ์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในห้องครุฑ ด้านหลังคือประติมากรรมรูปหล่อครุฑ ผลงานของ อ.ศิลป์ พีระศรี แวดล้อมด้วยเสาไม้แกะสลัก 8 เสา 8 ลวดลาย ผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ผนังซ้ายขวาประดับภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่เกี่ยวกับครุฑ ผลงานของ พัฒน์ดนู เตมีกุล อีกด้านประดับภาพเขียนของ อ.ถวัลย์ ดัชนีดรีม - เหมือนฝัน สิริกรณ์ คุณาวงศ์เปิดบ้านพิพิธภัณฑ์พร้อมเปิดตัวครอบครัว และบุตรสาว เหมือนฝัน สิริกรณ์ คุณาวงศ์ และ วาดฝัน คุณาวงศ์ ที่พานำชมผลงานศิลปะในห้องต่าง ๆทุกห้องล้วนเป็นไฮไลท์ ด้วยรวมผลงานระดับปรมาจารย์ เช่น ห้องพาเลอร์ (The Parlour) คือห้องรับรองแขก โดยรอบประดับงานศิลปะที่หาชมยาก เช่น คอลเลคชั่นยุคแรก ๆ ของ อ.ปรีชา เถาทอง จากปี 2015 จนถึงปัจจุบัน, งานของศิลปินชั้นครู ได้แก่ ชลูด นิ่มเสมอ, อวบ สาณะเสน, สวัสดิ์ ตันติสุข, ชำเรือง วิเชียรเขตห้องทำงานที่รายล้อมด้วยงานศิลปะขึ้นบันไดเวียนไปชั้น 2 เป็น ห้องทำงาน ดรีม - เหมือนฝัน พานำชมเล่าว่า เป็นห้องใช้ทำงานจริง ๆ ตกแต่งสไตล์วิคทอเรียน ขนาดห้องไม่ใหญ่แต่ฟังก์ชั่นใช้ทำงานครบ มีทีวีจอยักษ์แอบอยู่ เฟอร์นิเจอร์ผสมผสานต่างสไตล์ ไม่ได้ชอบฝรั่ง หากความจริงคนตะวันตกชื่นชอบของแต่งบ้านจากตะวันออกมานานแล้ว ผนวกกับประดับงานศิลปะที่ดูเหมือนจะแรง เช่น งานของวสันต์ สิทธิเขตต์ งานประติมากรรมของ อ.ศิลป์ พีระศรี, งานศิลปะคิวบิสซึ่ม, งานคอนเทมโพรารีอาร์ตของ อ.มณเฑียร บุญมา, งานของ อ.เขียน ยิ้มศิริ, ภาพสเก็ตช์ขนาดเล็กของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ฯลฯเดินออกจากห้องนี้ไปที่ คชาเลานจ์ เป็นห้องพักผ่อน มีเคาน์เตอร์บาร์ มีมุมดนตรี ใช้เป็นห้องสังสรรค์พักผ่อน ห้องกว้างเพดานสูงกรุกระจกใส ติดภาพศิลปะที่ดูแรง ดูกล้าหาญ สไตล์เซอร์เรียลลิสต์จากหลากหลายศิลปิน รุ่นใหญ่รุ่นเล็ก  รวมถึงประติมากรรมช้างหรือ “คชา” อยู่กลางห้องคชาเลานจ์ เพดานกรุกระจกใส (ภาพ: บ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์)บนชั้นลอยรวบรวมงานของ ช่วง มูลพินิจ กว่า 10 ชิ้น ขนาบซ้ายขวาด้วยประติมากรรมสแตนเลสเหมือนเสายักษ์กลางห้อง ใช้โลหะกว่า 10,000 ชิ้น ผลงานของ ถนอมจิตร์ ชุ่มวงค์ผลงาน อ.ช่วง มูลพินิจจากนั้นชม เสริมคุณ สตูดิโอ คือห้องทำงานของ “คุณพ่อ” เหมือนฝันเล่า ปัจจุบันคุณพ่อยังนั่งทำงานแกะไม้และถ่ายภาพ ห้องนี้จึงนำผลงานของ เสริมคุณ คุณาวงศ์ มาจัดแสดงไปด้วย ทั้งภาพสเก็ตช์ สมุดโน้ต ภาพลายเส้น งานภาพพิมพ์แกะไม้ งานภาพถ่ายเสริมคุณ สตูดิโอบันทึกการทำงานศิลปะของเสริมคุณ คุณาวงศ์ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 5 ที่ ห้องแกลเลอรี่ มีพื้นที่กว้าง เพดานโปร่ง แสดงงานศิลปะจากศิลปินรุ่นใหม่ ๆ อาทิ ครูปาน - สมนึก คลังนอก, ครูโต – ม.ล.จิราธร จิรประวัติ, พัดยศ พุทธเจริญ, งานประติมากรรมไม้และสื่อผสมของ อินสนธิ์ วงศ์สาม, กมล ทัศนาญชลี, งานศิลปะของ ยุรี เกนสาคู, พิณรี สันพิทักษ์, ก้องกาน, มด CryBaby ฯลฯห้องแกลเลอรี่หลอดสีของ อ.กมล ทัศนาญชลีแค่นี้ก็สำรวจไม่ทั่วแล้ว... แต่ต้องไปต่อที่ เดอะ เรสซิเดนซ์ อาคารพักอาศัย 3 ชั้น อยู่จริงและจัดงานศิลปะให้ชม แบ่งเป็น 11 โซน มีอาทิโถงบทสนทนาของยุคสมัยโถงบทสนทนาของยุคสมัย ห้องโถงเพดานสูง จัดวางงานศิลปะและเฟอร์นิเจอร์ต่างยุคสมัย เช่น เก้าอี้จากยุควิคทอเรียนโกธิค, เก้าอี้มาคิช เบอร์แชร์ จากศตวรรษที่ 19, เก้าอี้มอนเดรียน, งานมาสเตอร์พีซของ อ.ปัญญา วิจินธนสาร, อ.ปรีชา เถาทอง ฯลฯห้องมรดกไทยถัดมาชม ห้องมรดกไทย จัดแสดงงานศิลปะวิจิตรและงานฝีมือแบบไทย ของเก่าเช่น ตู้พระธรรมลายรดน้ำสมัยรัชกาลที่ 4, งานฝีมือช่างทำพัดสมัยรัชกาลที่ 9 โดย หทัย บุนนาค ภาพเขียนและผลงานตาลปัตรอีกหลายชิ้นลวดลายพัดสมัยรัชกาลที่ 9ห้องรุ่งอรุณของศิลปะไทย ห้องสีเหลืองสไตล์โคโลเนียล จัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินชั้นบรมครู เพื่อเชิดชูคุณค่าและเก็บไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาห้องจักรพันธุ์ โปษยกฤตห้องจักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งรัตนโกสินทร์ รวบรวมผลงานทุกประเภทของศิลปินแห่งรัตนโกสินทร์ไว้มากมายเพนท์เฮาส์ศิลปะนามธรรมอ.ประเทือง เอมเจริญยังมี เพนท์เฮาส์ศิลปะนามธรรม บันไดลับศิลปะ โถงพุทธศิลป์ สวนเขียน ยิ้มศิริ และสวนแห่งชีวิต ตกแต่งงานประติมากรรมกลางแจ้งหลายรุ่น แฝงความหมาย สะท้อนให้เห็นถึงแนวความคิดของมนุษย์ในหลากแง่มุมสวนแห่งชีวิตผู้สร้าง บ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์ เสริมว่า ศิลปินเหล่านี้ ท่านได้ทิ้งรอยเท้าและความทรงจำเอาไว้ แล้วเราได้พูดกับท่าน บอกว่า..รอยเท้าของท่านอยู่ตรงนี้และจะอยู่กับเราไปอีกยาวนานเสริมคุณ คุณาวงศ์ติดต่อเข้าชม บ้านพิพิธภัณฑ์คุณาวงศ์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.30 – 18.00 น. บัตรเข้าชมราคา 450 บาท เข้าชมเป็นรอบ จองรอบเข้าเยี่ยมชมล่วงหน้าที่เว็บไซต์ https://www.zipeventapp.com (ไม่มีการจำหน่ายบัตร)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1123757

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เที่ยวญุี่ปุ่น วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอย่างไร ให้สนุกสุดคุ้ม

29/04/2024

เที่ยวญี่ปุ่น! คำตอบของคนไทยส่วนใหญ่ที่ตอบโจทย์ว่าอยากไปเที่ยวไหนมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ เป็นประเทศที่ยอดฮิตที่คนไทยตกหลุมรักแบบติดลมบน เพราะนอกจากเป็นประเทศที่ใช้ระยะเวลาเดินทางก็ไม่ไกลจนเกินไป วิวทิวทัศน์ที่สวยงาม วัฒนธรรม บ้านเมืองและผู้คนชาวญี่ปุ่นก็เป็นเสน่ห์ที่แสนดึงดูดใจหลายคนอาจเริ่มวางแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันเเล้ว แต่จะเที่ยวญี่ปุ่นอย่างไร ให้ทั้งสนุกและคุ้มค่า! แน่นอนว่าเราต้องวางแผนเที่ยวให้ได้ครบทั้งความสนุกและคุ้มค่าในงบประมาณที่กำหนด เรื่องนี้เรามีข้อมูลดี ๆ จาก บัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และกรุงศรี บอร์ดดิ้ง การ์ด ที่เผยเคล็ดลับช่วยให้คุณวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบสนุกสุดคุ้ม มาดูกันว่าจะวางแผนอย่างไรบ้าง1. เดินทางช่วงไหนไม่ว่าใครก็อยากให้ทริปในฝันเป็นช่วงที่เที่ยวสนุกที่สุด นอกจากจะเช็ควันว่างของตนเองและเพื่อนร่วมทริปแล้ว จึงควรหาข้อมูลก่อนว่า กิจกรรมหรือสถานที่ที่เราอยากไปนั้น เหมาะจะเดินทางช่วงไหน เช่น หากอยากไปชมดอกไม้สวย ๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ อาจหาข้อมูลคาดการณ์ช่วงเวลาที่ดอกไม้ตามฤดูกาล เช่น ทิวลิป, วิสทีเรีย, ดอกกุหลาบ จะบานและชมได้สวยงามในภูมิภาคต่าง ๆ จากเว็บไซต์เช่น JNTO, หรือแหล่งข้อมูลทาง Social Media ต่าง ๆ ฯลฯ รวมถึงจุดที่สามารถชมดอกไม้ได้สวยงาม นอกจากนี้ ยังควรเช็คดูในเว็บหรือแอปพยากรณ์อากาศ เช่น AccuWeather ว่าช่วงที่จะเดินทางอากาศเป็นอย่างไร จะไม่ต้องกังวลใจกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจจนเที่ยวไม่สนุก2. แพลนทริปอย่างไร ควรไปเมืองไหนบ้างญี่ปุ่นมีหลายภูมิภาค แต่ละพื้นที่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย หากอยากประหยัดค่าเดินทาง แนะนำให้วางแผนทริป เที่ยวตามภูมิภาคที่ไม่ไกลกันจนเกินไป และศึกษาเส้นทางและตัวเลือกในการเดินทางด้วยวิธีต่าง ๆ ให้เหมาะสม เพราะบัตรโดยสารรถไฟสำหรับแต่ละภูมิภาค มีราคาถูกกว่า Travel Pass ที่ใช้ได้ทั่วประเทศ หรือหากสถานที่ที่เรามีแผนจะเดินทางนั้นไม่ไกลกันมาก อาจจะซื้อตั๋วรถไฟเป็นเที่ยวๆ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อ Pass หรือบางสถานที่ อาจมีวิธีการเดินทางแบบอื่นเช่น รถบัส หากวางแผนทริปได้ดี เลือก Travel Pass และวิธีการเดินทางได้เหมาะสม ก็จะช่วยประหยัดทั้งค่าเดินทาง และเวลา ทำให้ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางอีกด้วย3. จัดสรรงบประมาณอย่างไรหลังกำหนดจุดหมาย และช่วงเวลาที่จะเดินทางได้แล้ว ก็ได้เวลาจัดสรรงบ สำหรับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ อย่างตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมนั้น หากวางแผนดี ๆ เราจะสามารถประหยัดได้ เช่น เลือกเดินทางช่วงที่ไม่ตรงกับช่วง High Season ที่มีราคาสูง นอกจากนี้ อาจลองติดตามโปรโมชันของสายการบิน หรือใช้ตัวช่วยอย่าง ‘Google Flights’ หรือเว็บไซต์รวมข้อมูลราคาของสายการบินต่าง ๆ เพื่อเทียบราคา และวางแผนจองล่วงหน้านาน ๆ ที่สำคัญ อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชันกับบัตรเครดิตที่คุณมี ว่ามีส่วนลด เครดิตเงินคืน หรือแลกคะแนนเป็นบัตรโดยสารได้หรือไม่ จะช่วยให้ได้ดีลท่องเที่ยวที่คุ้มค่าได้ง่ายขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละวันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าชอบกิน เที่ยว ช้อป แบบไหน สามารถประเมินคร่าว ๆ ว่าน่าจะใช้จ่ายตลอดทริปเท่าไร และวางแผนเก็บออมเงิน เพื่อเตรียมงบท่องเที่ยวไปให้เหมาะสมโดยไม่กระทบกับสุขภาพทางการเงินในระยะยาว4. จดก่อนจ่าย คุมงบท่องเที่ยวไม่ให้บานปลายควรแบ่งส่วนเงินให้ชัดเจนว่าจะใช้เงินกับค่าใช้จ่ายแต่ละก้อนเท่าไร และควบคุมการใช้จ่ายให้อยู่ในงบโดยไม่นำมาปนกัน ที่สำคัญควรจดหรือบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ตลอดทริป จะได้รู้ว่าแต่ละวันใช้เงินไปเท่าไร หากใครไม่สะดวกจด อาจลองดาวน์โหลดแอปที่ช่วยบันทึกค่าใช้จ่าย คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน และคำนวณการหารเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กับเพื่อนร่วมทริปได้ง่ายขึ้น5. ทำประกันการเดินทางเพื่อความอุ่นใจป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น เจ็บป่วยฉุกเฉิน, อุบัติเหตุต่าง ๆ, เที่ยวบินเดินทางล่าช้า, ทรัพย์สินสูญหาย เป็นต้น โดยให้เลือกพิจารณาจากความคุ้มครองและศึกษากรมธรรม์อย่างละเอียดเพื่อเลือกซื้อได้เหมาะสมกับความต้องการ6. ติดตามโปรโมชันจากแหล่งต่างๆเช่น อีเวนต์ท่องเที่ยว, เว็บไซต์หรือเพจท่องเที่ยวต่าง ๆ, แพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยว เช่น Agoda, Booking.com, Expedia, Traveloka, Trip.com, klook เป็นต้น รวมถึงโปรโมชันจากบัตรเครดิตที่มักจะมีส่วนลดและสิทธิประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยวให้เลือกใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า7. ควรแลกเงินไปเท่าไร ควรใช้บัตรหรือเงินสดร้านค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น สามารถชำระเงินได้หลายรูปแบบ ทั้งบัตรเครดิต บัตร Travel Card และเงินสด ซึ่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น ความสะดวก ใช้งานง่าย ความปลอดภัย สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้ได้ตามความต้องการ เช่น หากเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ อย่างค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยว หรือค่าช้อปปิ้ง หากเลือกใช้บัตรเครดิตที่เหมาะสมก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ได้ส่วนลด เครดิตเงินคืน ได้คะแนนสะสม และบริหารการใช้จ่ายได้ง่ายเนื่องจากมีกำหนดระยะเวลาในการชำระค่าบัตรเครดิตที่เราทราบล่วงหน้า ส่วนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็สามารถเลือกได้ว่าจะแลกเงินสดติดตัวไปเท่าที่จำเป็น หรือ อาจเลือกใช้บัตร Travel Card ที่มีจุดเด่นเรื่องความคุ้มค่าเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และความสะดวกในการใช้งาน8. ช้อปอย่างไรให้คุ้มค่าสำหรับนักช้อปตัวยง ควรหาข้อมูลก่อนว่า ย่านไหนเป็นแหล่งช้อปของที่เราต้องการซื้อ หากเป็นร้านที่มีสัญลักษณ์ Tax Free ก็จะสะดวกยิ่งขึ้น หากมียอดใช้จ่ายเกิน 5,000 เยนขึ้นไปตามเงื่อนไข ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่สำคัญอย่าลืมเช็คโปรโมชันว่าชำระเงินแบบใดถึงจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม แต่ถ้าจะให้ดีควรคิดก่อนซื้อ และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น จะได้ไม่เป็นภาระทางการเงินหลังจบทริปหากอยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบสนุกสุดคุ้ม อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชันดี ๆ จาก บัตรเครดิตในเครือ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่มอบสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” แบบครบทุกประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่น อาทิ  •  ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อจองบัตรโดยสารสายการบินที่ร่วมรายการ  •  สิทธิพิเศษเมื่อเลือกจองโรงแรม สายการบิน และบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นกับแพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ  •  การใช้คะแนนสะสมแลกซื้อซิมเพื่อใช้งานที่ญี่ปุ่นในราคาพิเศษ  •  สิทธิพิเศษเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ห้างและร้านค้าพันธมิตรที่ญี่ปุ่น และทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นตามเงื่อนไข ยังสามารถสะสมยอดเพื่อรับเครดิตเงินคืน (ระยะเวลาและเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชันขึ้นอยู่กับร้านค้าและประเภทของบัตรที่ร่วมรายการ)นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ลูกค้าที่สนใจใช้บัตร Travel Card ยังสามารถเลือกใช้ Krungsri Boarding Card จากธนาคารกรุงศรีฯ ซึ่งเป็นบัตร VISA Prepaid Card Multi-Currency ที่มีกระเป๋าเงิน e-Wallet 16 สกุลเงินต่างประเทศ และ 1 Wallet สกุลเงินบาท ตอบโจทย์ในด้านความคุ้มค่าของเรทเงินและสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ติดตามได้จาก https://kcc.gg/sf0nขอขอบคุณข้อมูล :แคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” โดย บัตรเครดิตในเครือ กรุงศรี คอนซูมเมอร์แหล่งที่มาข่าวต้นแบบ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447551/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวทั่วไป

5 เทคนิคเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้ได้ผล

26/04/2024

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่จำเป็นต้อทุกอาชีพ ไม่ว่าจะใช้ในการสื่อสาร หรือการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม การเรียนเพื่อเสริมทักษะภาษาอังกฤษจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด แต่ด้วยลักษณะการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ที่มีเรื่องให้ทำมากมาย หลายคนอาจไม่สะดวกกับการเดินทางไปเรียนที่สถาบันสอนภาษา การเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณ นี่คือ 5 เทคนิคที่คุณสามารถนำมาใช้ในการเรียนออนไลน์ได้ แจกโพย 5 เทคนิคเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้ได้ผล 1. ติดตามรายละเอียดของหลักสูตร สิ่งสำคัญประการแรกในการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้ประสบความสำเร็จ คือต้องรับทราบว่าก่อนว่าหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์ที่คุณเลือกจะครอบคลุมหรือเน้นในส่วนใดของการเรียนรู้ เช่น การพูด, การฟัง, การอ่าน, หรือการเขียน รวมถึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาที่จะเรียน เช่น การสนทนาในชีวิตประจำวัน, เรียนรู้คำศัพท์, หรือเรียนรู้เกี่ยวกับไวยากรณ์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียน 2. สร้างเป้าหมายและแผนการเรียนรู้: เทคนิคต่อมาในการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้ประสบความสำเร็จ คือกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการเรียนรู้ เช่น การเพิ่มความรู้คำศัพท์, การปรับปรุงการพูด, หรือการเขียนบทความภาษาอังกฤษ รวมถึงสร้างแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณเอง โดยใช้เวลาที่มีอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบ 3. ใช้ทรัพยากรการเรียนออนไลน์: อีกหนึ่งเทคนิคต่อมาในการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้ประสบความสำเร็จ คือใช้วิดีโอ, เกม, และแบบทดสอบที่มีอยู่ในหลักสูตรเพื่อเสริมความเข้าใจของคุณในเนื้อหา และร่วมกิจกรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เช่น การสนทนากับผู้ชาวต่างชาติ, การอ่านหนังสือ, หรือการเขียนบทความ 4. มีการสื่อสารกับครูและเพื่อนคู่เรียน: มาต่อกันที่อีกหนึ่งเทคนิคต่อมาในการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้ประสบความสำเร็จ คือถามคำถามหรือข้อสงสัยต่อครูหรืออาจารย์ที่ดูแลหลักสูตร และรับคำแนะนำหรือคำชี้แจงเพิ่มเติม รวมถึงเข้าร่วมกลุ่มสนทนาหรือชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และเรียนรู้จากผู้อื่น 5. ปฏิบัติฝึกทักษะทุกวัน: เทคนิคสุดท้ายในการเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้ประสบความสำเร็จ คือใช้เวลาที่สะดวกสม่ำเสมอในการฝึกทักษะภาษาอังกฤษ โดยใช้เวลาสั้นๆ แต่ทำให้มั่นใจว่าคุณทำกิจกรรมฝึกภาษาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังควรใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันของคุณโดยการพูดหรือเขียน เช่น การพูดกับเพื่อน, การเขียนบันทึกบุคคล, หรือการรับชมวิดีโอภาษาอังกฤษ การใช้เทคนิคเหล่านี้ในการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับเดลินิวส์ออนไลน์https://www.dailynews.co.th/news/3159555/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” ประจำปี 2566 ในงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2023

29/04/2024

เอไอเอ ประเทศไทย จัดงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2023 ในคอนเซปต์ “Infinite Inspiration ความสำเร็จสร้างแรงบันดาลใจไม่รู้จบ” เพื่อมอบรางวัลเกียรติยศให้แก่ตัวแทนยอดเยี่ยมของเอไอเอ ประเทศไทย ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศที่มอบให้แก่ผู้บริหารหน่วยและตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอที่มีผลงานเป็นเลิศ “ที่สุดแห่งปี 2566 (Of the Year 2023)” และคุณวุฒิต่าง ๆ จำนวนทั้งสิ้น 4,642 ท่าน โดยในปีนี้มีผู้พิชิตคุณวุฒิ MDRT 2024 มากถึง 3,420 ท่าน ทำให้เอไอเอ สามารถรักษาตำแหน่งอันดับ 1 บริษัทที่มีจำนวน MDRT มากที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กลุ่มบริษัทเอไอเอ เป็นบริษัทที่มีตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิ MDRT มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ความสามารถ และความมุ่งมั่นของพลังตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ที่ต้องการส่งมอบความคุ้มครองและความมั่นคงทางด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงินให้แก่คนไทยทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives' โดยงานมอบรางวัลได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นความภาคภูมิใจให้แก่พลังตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชัน ฮอลล์ 6-8 เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 ที่ผ่านมาในงาน AIA Annual Agency Awards Presentation 2023 ได้รับเกียรติจาก คุณอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมาย คดีและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ขึ้นกล่าวแสดงความยินดีแก่ตัวแทนและผู้บริหารหน่วยที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ นำโดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี กรรมการอิสระ กลุ่มบริษัทเอไอเอ และประธานที่ปรึกษากรรมการ เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทเอไอเอ คุณหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ คุณตัน ฮาค เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารรระดับภูมิภาค และคณะผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ขึ้นกล่าวแสดงความยินดีและร่วมมอบรางวัลให้แก่พลังตัวแทนที่ได้รับรางวัล “ที่สุดแห่งปี 2566 (Of the Year 2023)” สำหรับตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิซึ่งได้รับตำแหน่ง “ที่สุดแห่งปี 2566” ทั้งสิ้น 8 ท่าน ได้แก่   •  Top District Manager Up of the Year - คุณโสภณ นันทาภรณ์ศักดิ์ ผู้จัดการภาค ทริปเปิ้ล เอ  •  Top Manager Up (Direct Team & IO1) of the Year - คุณปราโมทย์ ถิรมงคลชัย ผู้อำนวยการภาคอาวุโส เพชรเหรียญทอง 229  •  Top Unit Manager of the Year - คุณสิทธิชัย กัลยาศิริ ผู้จัดการหน่วย นำทอง 1199  •  Top New Unit Manager of the Year - คุณจักรกฤษณ์ เชาวน์เลิศเสรี ผู้จัดการหน่วย เพชรเหรียญทอง 396 เอ  •  Top Assistant Unit Manager of the Year - คุณปารินทร์ ดีสุขสาม ผู้จัดการหน่วย มันนีพลัส 3  •  Top New Assistant Unit Manager of the Year และ Top Leader (Individual) of the Year - คุณพัชรภัคฏ์ ธนะพงศ์เพชร ผู้จัดการหน่วย เพชรเหรียญทอง 396 เวลธ์  •  Top Agent of the Year - คุณเพชรรัตน์ รงค์บัญฑิต หน่วย เนอวานา  •  Top Agent (Cases) of the Year - คุณสุดารัตน์ ปิยขจรโรจน์ หน่วย เพชรเหรียญทอง 229คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ประเทศไทย ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัลให้กับกับสุดยอดพลังตัวแทนทั้ง 4,642 ท่าน ที่สามารถพิชิตรางวัลไปได้ในปีนี้ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่ได้แสดงให้เห็นตลอดปีที่ผ่านมา นำมาซึ่งความสำเร็จที่ได้รับในวันนี้ ทุกท่านเปรียบเสมือนฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่ช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์ความสำเร็จ ทั้งในด้านการเติบโต และด้านการสร้างตัวแทนใหม่ พร้อมทั้งเป็นพลังขับเคลื่อนให้เอไอเอ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จสูงสุดในปี 2566 และสำหรับในปี 2567 เรายังมีเป้าหมายร่วมกัน คือสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างตัวแทนใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง อีกหนึ่งภารกิจในปีนี้คือการผลักดันให้ตัวแทนทุกท่านมีสถานะ AIA Vitality ตั้งแต่ Silver ขึ้นไป ซึ่งจะเป็นเกณฑ์การพิจารณาในการพิชิตคุณวุฒิ และรางวัลต่าง ๆ ของเราในปีนี้ด้วยเช่นกัน เพราะการสนับสนุนให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้นั้น ควรเริ่มต้นจากการมีสุขภาพที่ดีของตัวแทนทุกท่าน เพื่อส่งต่อการดูแลด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจให้คนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามพันธกิจของเอไอเอ ที่สำคัญผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาพแห่งความสำเร็จในวันนี้ จะส่งต่อแรงบันดาลใจให้พลังตัวแทนออกไปส่งมอบความคุ้มครองแบบเกินร้อยไปยังลูกค้า เพื่อขับเคลื่อนให้เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงความเป็นหนึ่ง ยืนหนึ่ง และที่หนึ่ง ตลอดไป”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X