ประกันชีวิต
ฮ่องกง, 27 เมษายน 2566 –
กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299)
ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 28
คิดบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31
มีนาคม 2566
สรุปสาระสำคัญทางการเงิน
อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:
• มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 28 อยู่ที่ 1,046 ล้านเหรียญสหรัฐ
• มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นในทุกส่วนที่รายงาน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
• เอไอเอ ประเทศจีน มูลค่าธุรกิจใหม่กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
• เอไอเอ ฮ่องกง ส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่อันยอดเยี่ยมเป็นตัวเลขสองหลัก
• การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในกลุ่มอาเซียนเติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก รวมถึงมูลค่าธุรกิจใหม่ในอินเดียที่เติบโตเป็นเลิศ
• เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 อยู่ที่ 1,998 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า:
“เอไอเอ ส่งมอบผลประกอบการอันยอดเยี่ยมด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่
(VONB) ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 คิดเป็นมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2566
เรามองเห็นการกลับมาเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งกลุ่มบริษัทเอไอเอ
ในขณะที่เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โรคระบาด
และเราอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในด้านการประกันชีวิตและสุขภาพ
และผมยินดีเป็นอย่างมากที่เอไอเอ ประเทศจีน
ได้รับการอนุมัติตามกฎหมายให้เริ่มดำเนินธุรกิจในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน
ได้แล้ว
“ความแข็งแกร่งทางการเงินของเอไอเอ
และรูปแบบการขายที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น
รวมถึงทีมผู้บริหารที่มากประสบการณ์
ถือเป็นปัจจัยหลักในการสร้างความแตกต่างที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในตลาดการเงินที่ผันผวน
และสามารถทำกำไรได้ในโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างยั่งยืน
“เอไอเอดำเนินธุรกิจในภูมิภาคที่น่าสนใจที่สุดในโลกด้านประกันชีวิตและสุขภาพ
โดยได้รับแรงหนุนจากความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น
และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
ผมมั่นใจว่าการมุ่งยึดปฏิบัติตามกลยุทธ์และข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญของเรา
จะยังคงส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา”
สรุปไตรมาสที่ 1
เอไอเอ มีการเติบโตต่อเนื่องปีต่อปี
ซึ่งผลประกอบการรวมมาจากรายงานของทุกภาคส่วน
โดยมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตรวมทั้งสิ้น ร้อยละ 28 เป็น 1,046
ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566
เราเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักสำหรับมูลค่าธุรกิจใหม่นี้
มาจากการดำเนินงานในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง กลุ่มประเทศอาเซียน และอินเดีย
ผลประกอบการในภาพกว้างของเรามาจากมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างยอดเยี่ยม
ซึ่งมาจากทั้งช่องทางตัวแทนและพันธมิตร
ด้วยผลงานที่ตัวแทนทำได้เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
ประกอบกับตัวแทนใหม่ของเรามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เอไอเอ ประเทศจีน
ยังคงสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอได้มากที่สุด
และสร้างการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี
2565
ซึ่งจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดที่ทำให้การดำเนินชีวิตของคนในประเทศจีนกลับมาเป็นปกติ
ส่งผลให้เราสามารถเพิ่มยอดขายได้ตลอดในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2566
รวมทั้งได้การสนับสนุนจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล
และการวิเคราะห์ รวมไปถึงโครงการพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเราที่มีความแตกต่าง
สามารถสร้างผลงานได้เพิ่มมากขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักในไตรมาสนี้
เรายังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดีเยี่ยมในการดำเนินงานรูปแบบใหม่
และกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการรับสมัครตัวแทนใหม่ในวงกว้างทั่วทุกภูมิภาค
ทำให้เรามีโอกาสเติบโตที่ไม่เหมือนตลาดอื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้
เรายังมีมูลธุรกิจใหม่ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์เมื่อเทียบกับไตรมาส
1 ของปี 2565
เอไอเอ ประเทศจีน ยังเพิ่งได้รับการอนุมัติตามกฎหมายให้เริ่มดำเนินการในมณฑลเหอหนาน
เอไอเอ ฮ่องกง
มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างยอดเยี่ยมสำหรับไตรมาสที่ 1
ของปี 2566 โดยเติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ
และความต้องการอย่างมากในผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ระยะยาว
รวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่กลับมาเดินทางท่องเที่ยวแบบเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
รูปแบบการขายที่หลากหลายของเราและผลิตภัณฑ์สำหรับการออมระยะยาวที่มีหลากหลาย
รวมถึงโซลูชันด้านความคุ้มครอง
ทำให้เอไอเออยู่ในตำแหน่งที่สามารถสร้างความต้องการของลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น
เรายังคงเติบโตจากทั้งตัวแทนที่เป็นผู้นำตลาด
และพันธมิตรคุณภาพสูงของเราในไตรมาส 1 ของปี 2566
เอไอเอ ประเทศไทย สร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครึ่งหลังของปี
2565
และสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเป็นตัวเลขสองหลักในไตรมาสที่
1 ของปี 2566
ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยการจัดผลิตภัณฑ์แบบผสมผสาน
เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ธุรกิจของเราในสิงคโปร์และมาเลเซีย
รายงานการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักเช่นกัน
โดยมาจากการเติบโตจากทั้งช่องทางตัวแทนและพันธมิตร
มูลค่าธุรกิจใหม่ในตลาดอื่น ๆ
เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากธุรกิจของเราในอินเดีย อินโดนีเซีย
นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์ ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต (ทาทา เอไอเอ ไลฟ์)
สร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดีเยี่ยมและต่อเนื่อง
จากทั้งช่องทางตัวแทนและพันธมิตร
อีกทั้งยังขึ้นเป็นบริษัทประกันชีวิตเอกชนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3
ของอินเดีย
กลุ่มบริษัทเอไอเอได้มีการลงทุนในบริษัทบริษัท ไชน่า โพสต์ ประกันชีวิต
(ไชน่า โพสต์ ไลฟ์)
บริษัทประกันชีวิตชั้นนำในเครือธนาคารของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
ซึ่งเป็นการช่วยให้เข้าถึงมูลค่าธุรกิจที่สำคัญจากช่องทางการขายเพิ่มเติมและกลุ่มลูกค้า
ซึ่งเป็นส่วนเสริมอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์ของเอไอเอ ประเทศจีน
มูลค่าธุรกิจใหม่ที่สร้างได้ตลอดทั้งปี 2565 ที่ผ่านมาสูงกว่า 1
พันล้านเหรียญสหรัฐ และไชน่า โพสต์ ไลฟ์
ยังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสที่
1 ของปี 2566
ซึ่งมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ที่จ่ายเบี้ยประกันภัยระยะยาว
อย่างไรก็ตาม รายงานของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สำหรับมูลค่าธุรกิจใหม่
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และเบี้ยประกันภัยรับรวม
ไม่ได้รวมมูลค่าที่ทำได้จากไชน่า โพสต์ ไลฟ์
โดยภาพรวม เบี้ยประกันภัยรับปีแรกสำหรับกลุ่มบริษัทเอไอเอเพิ่มขึ้นร้อยละ
34 เป็น 1,998 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตรากำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ลดลง 2.3 จุด
เป็นร้อยละ 52.3
มาจากการปรับเปลี่ยนการผสมผสานผลิตภัณฑ์เพื่อการออมระยะยาวในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง
อีกทั้งบางส่วนได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานทางเศรษฐกิจและค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี
2565 สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่
ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2565 ของเรา
อัตรากำไรขั้นต้นที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันธุรกิจใหม่
(PVNBP) ยังคงทรงตัวที่ร้อยละ 10 ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI)
เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็น 10,236 ล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2565
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอเป็นตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญและความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก
ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากการจัดการพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของเรา
และแนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบ ในไตรมาสแรกของปี 2566
อัตราความคงอยู่ของพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มบริษัทเอไอเอยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ
95
ภาพรวม
การคาดการณ์ระยะยาวของธุรกิจเอไอเอทำให้เรามีข้อได้เปรียบอย่างเป็นรูปธรรม
เนื่องจากมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมาก
ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และการเติบโตทางโครงสร้างที่แข็งแกร่งเป็นแรงกระตุ้นของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนี้ การมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
การเข้าถึงของบริษัทประกันของเอกชนที่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ
และสวัสดิการภาครัฐที่ให้ความคุ้มครองที่จำกัด
ทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเอไอเอเป็นที่ต้องการไปทั่วทุกตลาดที่เราดำเนินการอยู่
ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเอเชียยังคงแข็งแกร่งโดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่หลังการยกเลิกข้อจำกัดที่เกี่ยวกับโรคระบาด
เรามั่นใจว่าการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
ทำให้เอไอเอสามารถคว้าโอกาสระยะยาวมหาศาลในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชีย
และสามารถส่งมอบมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราต่อไป
ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน
เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น
ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเรามีมูลค่าใกล้เคียงกัน
ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้
ในรายงานงบการเงินรวมของกลุ่มที่มีการแปลเป็นเงินสกุลเหรียญสหรัฐ
ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น
เราจึงมีการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจ
29/04/2024
30/04/2024
20/08/2024
29/08/2023
29/04/2024