Everyday knowledge for you
ข่าวการเงิน
15/10/2025
คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) FSA, FIA, FSAT, FRMนักลงทุนที่ดี หมายถึง ผู้ที่สามารถสร้างสินทรัพย์ที่ดีได้โดยการแสวงหาการลงทุนที่เหมาะสม และสามารถเสริมสร้างรายได้ให้งอกงามอย่างยั่งยืน (Sustainable) ในโลกปัจจุบันนี้จึงมีการพัฒนาตลาดการเงินขึ้นมาในรูปแบบใหม่ เพื่อให้นักลงทุนที่ไม่มีกำลังเงินที่เพียงพอในการลงทุนในธุรกิจของตัวเอง ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการโดยทางอ้อมถ้าจะกล่าวอย่างง่าย ๆ คือ ตลาดการเงินทำตัวเป็นตัวเชื่อมให้คนที่มีเงินออม ได้เอาเงินไปลงทุน ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการจ้างให้คนมาทำงานแทนเรา เวลาจะลงทุนก็ควรดูที่พื้นฐาน ไม่ใช่ตัวเลขที่วิ่งขึ้นลงในตลาดเพียงอย่างเดียวนักลงทุนอีกแบบนี้เองที่เราเรียกว่า นักลงทุนที่เป็นเจ้าของกิจการทางอ้อม โดยการเอาเงินไปลงทุนในตลาดการเงิน“นักลงทุนในตลาดการเงิน” การเป็นนักลงทุนในตลาดการเงินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมนุษย์เงินเดือน โดยหลังจากหักภาษีและค่าใช้จ่ายแล้ว ควรเปลี่ยนมาเป็นสินทรัพย์ที่จะงอกเงยเพื่อเป็นรายได้ต่อไปเรื่อย ๆเครื่องมือทางการเงินในตลาดที่แนะนำให้ใช้กันอยู่บ่อย ๆ ทั่วไป คือ1. ลงทุนในหุ้นราคาถูก : โดยคาดหวังว่าจะได้กำไรก้อนงามจากผลต่างราคาที่สูงขึ้นไป (ภาษานักการเงินจะเรียกว่า Capital Gain) ซึ่งผลกำไรนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ลงทุนในการศึกษาข้อมูลหุ้น หรือข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (Initial Public Offering) ก็เป็นตัวอย่างที่ดี อย่างที่ฮ่องกง คนจะเอาเงินไปลงหุ้นของบริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (IPO) อยู่บ่อย ๆ แต่ละครั้งนั้นมีแต่คนแห่ซื้อ แล้วถ้าได้มาก็เหมือนกับถูกเลขท้ายสองตัว เพราะโอกาสที่จะได้นั้นเป็นหนึ่งต่อแปด2. ลงทุนในกองทุนรวม : กองทุนรวม จริง ๆ แล้วคือการระดมเงินทุนเข้ามากองไว้เพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการ โดยจะมีมืออาชีพบริหารตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นักลงทุนจึงไม่ต้องเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์เองโดยตรง แต่คาดหวังกำไรจากราคากองทุนที่สูงขึ้นได้ ซึ่งจะมีสำนักงาน ก.ล.ต. คอยกำหนดกฎเกณฑ์และเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนเข้าถึง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบจากการลงทุน3. ซื้อหุ้นของบริษัทที่โตเต็มที่แล้ว (Blue Chip) : หุ้นของบริษัทประเภทนี้จะให้เงินปันผลที่เป็นผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ โดยคาดหวังว่าจะได้รับเงินปันผลและส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากราคาตอนที่ซื้อเอาไว้มาเป็นของแถม แต่ก็แน่นอนว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยงอยู่ในตัว เนื่องจากการซื้อหุ้นคือการร่วมหัวจมท้ายกับบริษัท ซึ่งทำให้นักลงทุนเสมือนกับเป็นเจ้าของกิจการ ข้อเสียของการลงทุนหุ้นประเภทนี้ก็คือการเสียภาษีส่วนบุคคลในเงินปันผลที่รับมา เพราะเงินปันผลถือเป็นรายได้และต้องนำไปรวมภาษีส่วนบุคคล ขณะที่ผลต่างของราคาหุ้นไม่ต้องเสียภาษี4. ซื้อเงินตราต่างประเทศเมื่อคาดว่าเงินท้องถิ่นจะมีมูลค่าลดลง : นักลงทุนจะคาดหวังว่าดอกเบี้ยและมูลค่าเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้โดยเฉพาะกับคนที่ได้รายได้จากต่างประเทศ เช่น มีสมัยหนึ่งที่เงินหนึ่งเหรียญฮ่องกงสามารถแลกได้ 5.5 บาท แต่มาถึงช่วงหนึ่งตกลงมาเหลือแค่ประมาณ 4 บาทต่อหนึ่งเหรียญฮ่องกงเท่านั้น การเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นเงินนิวซีแลนด์ในสมัยนั้นเป็นการตัดสินใจถูกต้องเพราะสามารถให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำถึงปีละ 8 เปอร์เซ็นต์5. ซื้อทองคำเพื่อป้องกันค่าเงินที่ลดลงจากอัตราเงินเฟ้อ : ผลตอบแทนที่ได้รับคือมูลค่าทองคำที่เพิ่มขึ้น เช่น การซื้อทองในฮ่องกงที่ไม่ต้องเอาทองกลับไปกลับมา แค่มีแผ่นกระดาษจากธนาคารแทน ซึ่งราคาของแผ่นกระดาษจะเปลี่ยนไปตามราคาทองในตลาด การซื้อขายสามารถทำได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อแนะนำคร่าว ๆ คือ 1) ซื้อตอนมีภาวะเงินเฟ้อ เช่น ราคาน้ำมันขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย 2) ซื้อก่อนเทศกาล และ 3) ซื้อตอนที่เครื่องมือการลงทุนไม่น่าสนใจ6. ซื้อพันธบัตร : นักลงทุนสามารถเลือกซื้อพันธบัตรในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นและถือจนถึงวันครบอายุ หรืออาจลงทุนในตราสารทางการเงินรูปแบบใหม่ เช่น Structure Note, Credit Link Note โดยผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ จนถึงวันครบอายุ7. ซื้อ Hedge Fund : Hedge Fund นั้นจะสามารถทำกำไรได้ทั้งตอนตลาดขาขึ้นและขาลง (Long and Short Position) โดยคาดหวังว่าราคา Hedge Fund ที่เพิ่มขึ้นจะคือผลตอบแทนการลงทุน ส่วนใหญ่ต้องลงทุนมากกว่าล้านบาทขึ้นไปถึงจะลงทุนได้ แต่แบบประกันชีวิตก็จัดได้ว่าเป็น Hedge Fund เหมือนกัน ซึ่งในประเทศไทยนั้นยังมีรูปแบบที่จำกัดอยู่8. ซื้ออสังหาริมทรัพย์ : ถ้าไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งก้อน นักลงทุนก็สามารถหันไปหาซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทดแทนค่าเช่าที่เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้น หรือทดแทนมูลค่าเงินของเราที่ลดลง9. ถือเงินสด : สุดท้ายก็ควรถือเงินสดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อรอโอกาสเข้าซื้อกรณีตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว และอีกส่วนหนึ่งก็เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรวย ก็คือ สุขภาพ ความสุข และคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถซื้อได้ ความรวยในมุมมองของผม จึงหมายถึงการมีอิสรภาพทางการเงิน เพื่อใช้ชีวิตและเวลาไปกับสิ่งที่เรารักและมีความสุข ไม่จำเป็นต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์สิน การเดินทางสายกลางจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับการสร้างสินทรัพย์ทางการเงินส่วนบุคคล “การคำนวณผลประโยชน์พนักงาน” ก็เปรียบเสมือนการสร้างสินทรัพย์ที่สำคัญของบริษัท หากองค์กรใดต้องการความเชี่ยวชาญด้านนี้ บริษัท ABS ก็พร้อมให้บริการ โดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากลแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1897231
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
15/10/2025
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สมาคมศิลป์ภูเก็จ เปิดนิทรรศการศิลปะ “สองประสบการณ์” (2 Experiences) รวมผลงานศิลปินภูเก็ต เชื่อมโยงวิถีและจินตนาการ พร้อมเปิดตัวชิ้นงานจำลอง “ดีวีนา” หนึ่งในไฮไลท์ Thailand Biennale Phuket 2025วันนี้ (2 ตุลาคม 2568) เวลา 16.00 น. ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต จัดพิธีเปิดนิทรรศการศิลปะ “สองประสบการณ์” (2 Experiences) โดยมีอาจารย์อารีย์ คงพล และ อาจารย์สัมฤทธิ์ เพชรคง นำผลงานมาจัดแสดง ร่วมกับเครือข่ายศิลปินรับเชิญสำหรับการจัดนิทรรศการครั้งนี้ เป็นการสะท้อนถึงบทบาทของศิลปะ และ วัฒนธรรม ที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้ภูเก็ตก้าวสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับสากลได้อย่างยั่งยืน โดยอาจารย์อารีย์ คงพล ได้นำเสนอผลงานในชุด “จินตนาการงานสร้าง” ที่สะท้อนพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ หนึ่งในนั้นคือ ประติมากรรม “ดีวีนา” (Dheveena) ซึ่งจะได้รับการจัดแสดงในเวทีศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Phuket 2025 ขณะที่อาจารย์สัมฤทธิ์ เพชรคง ถ่ายทอดผลงานชุด “วิถี” ที่หยั่งรากจากชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในภาคใต้ ถ่ายทอดผ่านงานจิตรกรรมที่เรียบง่าย อบอุ่น แต่ทรงพลังอย่างไรก็ตาม นิทรรศการ “สองประสบการณ์” ถ่ายทอดผลงานที่สะท้อนทั้งจินตนาการและวิถีชีวิต ผ่านสายตาของสองศิลปินผู้มากด้วยประสบการณ์ ร่วมด้วยผลงานจากกัลยาณมิตรศิลปินหลากหลายสาขา โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่บริเวณชั้นหนึ่ง โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้โดยการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็ต เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสิทธิ์ ผลเจริญ กรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารโรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้, น.ส.เชิญพร กาญจนสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน, นายชลำ อรรถธรรม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, นายธรรมวัฒน์ วงศ์เจริญยศ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต และนายพุทธา มากหลาย นายกสมาคมผู้บริหารงานช่างและพัฒนาฝีมือช่างภาคใต้ ในฐานะผู้สนับสนุน รวมทั้งศิลปิน ภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/south/detail/9680000094371
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
15/10/2025
ททท.แม่ฮ่องสอน ชวนนักท่องเที่ยวเตรียมเก็บกระเป๋าแล้วมุ่งหน้ามาชมความงาม “ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ” นับถอยหลังฤดูกาลชมดอกไม้สวยชื่อดังระดับประเทศภาพ: ททท.แม่ฮ่องสอนททท.แม่ฮ่องสอน เตรียมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ข้อมูลว่า ที่นี่คือหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในช่วงปลายปี เมื่อทั้งดอยถูกย้อมไปด้วยสีเหลืองทองของ “ดอกบัวตอง” ที่บานสะพรั่งเต็มท้องเขา มองไปทางไหนก็สดใสไปหมด เหมือนภาพวาดจากธรรมชาติจริง ๆช่วงเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม คือ ฤดูกาลแห่งความงามแบบเต็มพิกัด อากาศเย็นสบาย ลมพัดหอมกลิ่นหญ้า และท้องฟ้าใสเหมาะกับการถ่ายรูป ไม่ว่าจะยืนตรงมุมชมวิว หรือเดินลงไปกลางทุ่งดอกไม้ ทุกภาพที่ได้คือ “ความทรงจำสีเหลืองทอง” ที่ยากจะลืมภาพ: ททท.แม่ฮ่องสอนนอกจากทุ่งดอกบัวตองแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมี จุดกางเต็นท์ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-ตก คาเฟ่วิวภูเขา และชุมชนท้องถิ่นให้แวะสัมผัสวิถีชีวิตแบบแม่ฮ่องสอนแท้ ๆปีนี้…อย่าปล่อยให้ภาพความงามนี้ผ่านไปเฉยๆ ปักหมุดที่ “ดอยแม่อูคอ” แล้วมาสัมผัสความเหลืองทองด้วยตาคุณเองภาพ: ททท.แม่ฮ่องสอนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000098065
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
15/10/2025
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (“บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย)”) นำโดย นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายผดุง ทรงอธิกมาศ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้และกองทุน Asset Allocation รับรางวัล Thailand Product Experience of the Year - Financial Services จากเวที Asian Experience Awards 2025 ซึ่งมาจากความสำเร็จในการพัฒนากองทุนรวมผสมสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ โดยสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านการลงทุนที่แตกต่างอย่างมีคุณค่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและยั่งยืน ซึ่งรางวัลนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมิติด้านการลงทุน การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเน้นความยืดหยุ่น การกระจายความเสี่ยง และการสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุน พร้อมตอกย้ำบทบาทของ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำด้านการบริหารจัดการกองทุนสำหรับผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ ในประเทศไทย โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ Marina Bay Sands Expo & Convention Centre ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้สำหรับ Asian Experience Awards เป็นเวทีที่มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้า โดยการพิจารณาอย่างรอบด้านจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มอบรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นและคุณประโยชน์ที่แท้จริง พร้อมส่งมอบคุณค่าได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืน สะท้อนถึงความเข้าใจในมิติของการลงทุนและการสร้างผลลัพธ์ที่มีความหมายในระยะยาวรางวัลในครั้งนี้ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของกระบวนการทำงาน และทีมงานที่มากประสบการณ์ ด้านการลงทุนของบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) รวมถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มการลงทุนภายใต้กลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดย บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นในการบริหารกองทุนรวมผสมให้มีความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละกองทุน พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อส่งมอบประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือกรมธรรม์ เอไอเอ ยูนิต ลิงค์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การวางแผนทางการเงิน
11/10/2025
หลายคนเริ่มมองหาความมั่นคงในชีวิต ไม่ใช่แค่การทำงานหาเงิน แต่คือการ “วางแผนอนาคต” ให้มั่นใจว่าในวันที่เกษียณ เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เป็นภาระใคร และยังได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขช่วงวัย 45+ ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่เราควรหันมาใส่ใจการวางแผนการเงินอย่างจริงจัง ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น หรืออยากปรับปรุงแผนเดิม นี่คือ 5 ข้อคิดสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณจัดระเบียบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมรับทุกสถานการณ์ในชีวิต1. ประเมินสถานะทางการเงินปัจจุบันให้ชัดเจนก่อนจะเริ่มต้นวางแผนใดๆ คุณต้องรู้ก่อนว่า วันนี้คุณยืนอยู่ตรงไหนทางการเงิน- รวบรวมข้อมูล สินทรัพย์ หนี้สิน รายได้ รายจ่าย ทั้งหมด- เช็กว่าคุณมีเงินสำรองฉุกเฉินพอหรือยัง- มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของการเงินตัวเองสิ่งเหล่านี้คือ “กระจกสะท้อนความจริง” ที่ช่วยให้คุณรู้ว่าจะต้องจัดการและปรับปรุงตรงไหนก่อน2. ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและเป็นจริงได้เมื่อรู้สถานะปัจจุบันแล้ว ขั้นต่อไปคือ กำหนดเป้าหมาย ที่จับต้องได้ เช่น- เกษียณอย่างสบาย มีรายได้พอใช้ทุกเดือน- ส่งลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือต่างประเทศ- มีบ้านหรือคอนโดที่สร้างรายได้เสริมการตั้งเป้าหมายที่ “ชัดเจนและวัดผลได้” จะทำให้คุณมีทิศทาง และมีแรงจูงใจที่จะเดินตามแผนการเงินอย่างต่อเนื่อง3. จัดการหนี้สินอย่างชาญฉลาดวัย 45+ ไม่ควรแบกหนี้ที่ดอกเบี้ยสูง เพราะมันคือตัวกินอนาคตของคุณ- เริ่มจากชำระหนี้ บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน- ลดการสร้างหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น- เมื่อหนี้ลดลง คุณจะมีเงินเหลือสำหรับการออมและลงทุนมากขึ้นการปลดหนี้ให้เร็วที่สุดคือ “การลงทุนที่ดีที่สุด” สำหรับวัยนี้4. ทบทวนและกระจายความเสี่ยงการลงทุนหากคุณเริ่มลงทุนมาตั้งแต่วัยทำงาน ตอนนี้คือเวลาที่ต้อง ทบทวนพอร์ตการลงทุน- วัย 45+ มักมีความสามารถรับความเสี่ยงได้น้อยกว่าวัยหนุ่มสาว- การกระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาฯ ตราสารหนี้ จะช่วยลดความผันผวน- คิดในมุม “สร้างรายได้ระยะยาวและมั่นคง” มากกว่าการเก็งกำไรอย่าลืมว่าเป้าหมายไม่ใช่การรวยเร็ว แต่คือการมี ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เพื่อใช้หลังเกษียณ5. วางแผนการเกษียณอย่างจริงจังหัวใจของการวางแผนการเงินวัย 45+ คือ การเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังเกษียณ- คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ต่อเดือนหลังเกษียณ- วางแผนว่าจะต้องมีเงินเก็บเท่าไรถึงจะเพียงพอ- เลือกเครื่องมือออมและลงทุนที่เหมาะ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำนาญ ประกันชีวิตแบบบำนาญ หรืออสังหาฯ ที่สร้างกระแสเงินสดยิ่งคุณวางแผนเร็วเท่าไร โอกาสที่จะเกษียณอย่างมีความสุขก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นการวางแผนการเงินสำหรับคนวัย 45+ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันคือการสร้าง รากฐานชีวิตที่มั่นคง เพื่อให้คุณและครอบครัวมีอนาคตที่ไม่ต้องกังวลจำไว้ว่า “การเงินที่ดี” ไม่ได้หมายถึงการมีรายได้สูงที่สุดเสมอไป แต่คือการรู้จัก จัดการ วางแผน และเลือกใช้เงินอย่างชาญฉลาดเริ่มวันนี้ เพื่ออนาคตที่คุณอยากเห็นในวันข้างหน้า แล้วคุณจะขอบคุณตัวเองที่ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/contents/100927
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
11/10/2025
คอลัมน์ : สัมภาษณ์“เศรษฐกิจปี 2568 จะถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุด หากเทียบอีก 3 ปีข้างหน้า”“ธุรกิจประกันภัยปีนี้ถือว่าเจอศึกหนักพอสมควร นับตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลต่อความเสียหายบ้านเรือนประชาชน เหตุการณ์ถนนทรุดหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ยังไม่รวมถึงอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง กระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชน ค่าเงินบาทแข็งค่าและนโยบายภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ ล้วนแต่กระทบต่อธุรกิจประกันภัย” ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนล่าสุดเศรษฐกิจไม่ดีกดเบี้ยประกันโตต่ำดร.อภิสิทธิ์กล่าวว่า มองแล้วอีก 3 ปีข้างหน้าแนวโน้มเศรษฐกิจจะแย่ลง เพราะยังเผชิญหนี้ครัวเรือนระดับสูง การบริโภคชะลอตัว การส่งออกมีปัญหาจากค่าเงินบาทแข็งค่า และนโยบายภาษีสหรัฐ แม้ว่าไทยจะโดนอัตราภาษีเพียง 19% แต่ผู้ผลิตในประเทศไทยจะเจอภาวะ “China Shock” ที่จะมีผลกับไทยค่อนข้างมาก เพราะเอสเอ็มอีไม่สามารถแข่งขันได้ และอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย“หากต้องการให้เศรษฐกิจโต เงินเฟ้อจะต้องอยู่เฉลี่ย 2% แต่ปัจจุบันไม่ถึง”ซึ่งจากภาพเศรษฐกิจดังกล่าว ย่อมส่งผลต่อธุรกิจประกันภัยอยู่แล้ว โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ธุรกิจประกันวินาศภัยภาพรวมมีเบี้ยรับรวมเติบโต 3% แต่คาดว่าทั้งปีเบี้ยรับรวมจะขยายตัวได้ในกรอบ 1.5-2.5% หรือเฉลี่ยประมาณ 2% อย่างไรก็ดี การเติบโตขึ้นกับนโยบายภาครัฐด้วย เช่น มาตรการคนละครึ่ง พลัส ที่จะส่งผลให้คนมีการใช้จ่ายมากขึ้นประกันรถอีวีแข่งตัดราคาเดือดดร.อภิสิทธิ์กล่าวว่า เบี้ยประกันในภาพรวมที่โต 3% มาจากยอดขายรถยนต์ที่เติบโต 4.7-5% โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่มียอดขายเติบโตสูง 40% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ 6 แสนคัน หรือเติบโต 5% จะมาจากรถอีวีราว 1-1.2 แสนคัน หนุนการเติบโตของธุรกิจประกันภัยอย่างไรก็ดี BKI ไม่ได้เข้าไปแข่งในส่วนอีวีมากนัก เพราะมองว่ามีความเสี่ยงสูง และทุนประกันลดลงเร็ว ซึ่งกระทบพอร์ตประกันรถยนต์ในครึ่งปีแรกของ BKI หดตัว -5% โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนประกันรถอีวีราว 3.7% ซึ่งคาดทั้งปียอดขายรถอีวีจะอยู่ที่ 2.4 แสนคัน ในส่วน BKI จะมี 9,000-10,000 คัน สัดส่วน 8-9% ของรถยนต์ทั้งหมด“เบี้ยรถยนต์ไม่เติบโตเลย ซึ่งพอร์ตประกันรถยนต์มีสัดส่วนถึง 41% ของพอร์ตรวม ในส่วนของรถอีวีเราไม่ได้เข้าไปแข่ง เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง มีการตัดราคามาก โดย BKI ไม่ได้มีนโยบายเข้าไปแข่งขันตัดราคาเบี้ย ไม่ใช่วิถีปฏิบัติของเรา ลูกค้าเลยอาจไม่ได้มาหาเราแม้ว่าเราจะโตต่ำ แต่เรายังสามารถรักษาผลกำไรได้ และคาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อน หากไม่มีเหตุการณ์อะไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เราจะเห็นค่าความเสี่ยงพอร์ตรถยนต์ลดลง (Loss Ratio) ลงมาอยู่ 56-57% จาก 60% จะได้ภาพบวกจากรถยนต์ได้”ขณะที่งานประกันอัคคีภัยเติบโตได้ 1% ในครึ่งปีแรก ไม่สามารถเติบโตมากได้ เพราะต้องพึ่งพาการปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งปัจจุบันธนาคารค่อนข้างเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ขณะที่ประกันภัยนาข้าวหายไปอีก 160 ล้านบาทและจากค่าเงินบาทแข็งค่า บริษัทมีการประกันภัยในรูปเงินดอลลาร์ให้กับ บมจ.การบินไทย หากแลกเงินเป็นบาท ส่งผลให้เงินหายไปเกือบ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทมีเบี้ยประกันภัยเหมืองโพแทสเซียม และ Data Center เข้ามารวม 200-300 ล้านบาทเล็งประมูลงานประกันโปรเจ็กต์รัฐดร.อภิสิทธิ์กล่าวว่า ภายใต้ข้อจำกัดหลายอย่าง คาดว่าปิดปี 2568 บริษัทจะมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 32,500 ล้านบาท เติบโตราว 2.6-3% ต่ำกว่าเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ที่ 8% โดยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2569 จะมาจากการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลปัจจุบันจะอยู่ระยะสั้นเพียง 4 เดือน และรักษาการก่อนเลือกตั้งอีก 4 เดือน รวมประมาณ 8 เดือนแต่คาดว่าจะหนุนโครงการขนาดใหญ่เมกะโปรเจ็กต์ทยอยออกมาได้ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท หรือโครงการรถไฟทางคู่ รวมถึงโครงการ Data Center เป็นต้น“พวกเมกะโปรเจ็กต์ถ้าออกมา บริษัทให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจำเป็นต้องหาพันธมิตรโบรกเกอร์ เข้าไปร่วมประมูลงานด้วย เนื่องจากบริษัทจะเข้าไปรับประกันภัยและส่งต่อความเสี่ยงไปยังบริษัทประกันภัยต่อ (Reinsurance) ขณะที่ประกันภัยรถยนต์อาจจำเป็นต้องแข่งขันเพื่อให้ได้งานใหม่เข้ามา แต่การเข้าไปแข่งขันจะอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและความเสี่ยงที่รับได้“Governance Spending จะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในปี 2569 เพราะส่งออกและท่องเที่ยวก็ชะลอตัวลง และโครงการเมกะโปรเจ็กต์น่าเกิดได้ ซึ่งเราสามารถรองรับงานเมกะโปรเจ็กต์ได้ เพราะบางส่วนส่งต่อไปยังประกันภัยต่อ พวกนี้เป็นโครงการระยะยาว หลังสร้างเสร็จก็เป็นเบี้ยปีต่อปี โดยเฉลี่ยโครงการเมกะโปรเจ็กต์จะอยู่ที่ 700-800 ล้านบาท หรือมีเบี้ยเฉลี่ย 40-50 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นแชร์ประมาณ 20% ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าเบี้ยรับรวมในปี 2569 คาดว่าจะเติบโตได้ 5-6%”แบกความคุ้มครองภัยธรรมชาติพุ่งดร.อภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การคำนวณเบี้ยอาจจะปรับสูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับประกันภัยต่อต่างประเทศที่จะเห็นเบี้ยปรับลดลง เนื่องจากบริษัทประกันภัยต่อมีกำไรต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปี ทำให้อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้น เบี้ยถูกลง เพราะมีศักยภาพในการรับงาน (Capacity) เพิ่มขึ้น แต่ไทยเบี้ยไม่ได้ปรับลดลงตามต่างประเทศอย่างไรก็ดี สัญญาประกันภัยต่อความเสียหายส่วนเกิน (Excess of Loss Treaty Reinsurance หรือเรียก (Excess of Loss หรือ XOL) เป็นการประกันภัยต่อตามสัญญาแบบไม่เป็นสัดส่วน จะแยกตัวภัยธรรมชาติไม่อยู่ในความคุ้มครอง โดยเพดานความคุ้มครองของประกันภัยต่อ หรือ Total Capacity Limit อยู่ที่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ภายหลังจากเกิดแผ่นดินไหว บริษัทได้ซื้อ Top up เพิ่ม ขยายความคุ้มครองเป็น 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยแห่งเดียวและแห่งแรกของไทยที่สามารถซื้อได้สูงที่สุดปี’69 ความเสี่ยงภัยธรรมชาติ“Total Capacity Limit ความคุ้มครองเพดานอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท หากเกินกว่านี้เราจะต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งหลังจากเกิดแผ่นดินไหวเราขอซื้อ Top up เพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท เราคำนวณจากความเสียหายแผ่นดินไหวที่เรารับประกันคอนโดมิเนียมไว้ 4,100 ล้านบาท หากเกิดขึ้นอีกครั้งจึงคำนวณความเสียหายเพิ่ม 1 เท่าตัว และเราไม่ได้ซื้อ Top up อย่างเดียว แต่เราซื้อแบบ Back up ด้วย เช่น หากแผ่นดินไหวไปแล้ว 1 ครั้ง เราซื้อเพิ่ม และสามารถเคลมได้อีก 1 ครั้ง แต่หากครั้งที่ 3 เราจะไม่ได้เคลม จึงเป็นที่มาของการซื้อ Back up เพิ่ม อย่างไรก็ดี บริษัทรีอินชัวเรอร์ไม่ได้ขายให้ทุกคน เขาจะพิจารณาว่าเราบริหารความเสี่ยงอย่างไร”ดร.อภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า การซื้อประกันภัยต่อ Top up และ Back up เป็นเหตุผลให้กำไรของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 หายไป 400 ล้านบาท ซึ่งมาจากซื้อประกันภัยต่อ 300 ล้านบาท และแผ่นดินไหวอีก 100 ล้านบาท ดังนั้น แนวโน้มในปี 2569 จุดเปราะบางยังอยู่ที่ภัยธรรมชาติเป็นสำคัญแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1897803
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
11/10/2025
เปิดม่านนิทรรศการ “It’s Ok to be Artist : เพราะทุกคนคือศิลปิน” เวทีสร้างแรงบันดาลใจผ่านศิลปะของศิลปินออทิสติก มูลนิธิออทิสติกไทย ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ Artstory By Autistic Thai เปิดงานนิทรรศการ “It’s Ok to be Artist: เพราะทุกคนคือศิลปิน” อย่างเป็นทางการ ณ โถง RCB Artery ชั้น 1 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก เพื่อนำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินออทิสติกกว่า 30 คน ที่ถ่ายทอดตัวตน ความคิด และมุมมองต่อโลก ผ่านศิลปะที่เปี่ยมด้วยพลังและความงดงามนายชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย กล่าวว่า “ในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของมูลนิธิออทิสติกไทย ที่ได้เห็นศิลปินออทิสติกกว่า 30 คนมีเวทีในการแสดงออกถึงศักยภาพของพวกเขาอย่างแท้จริง ทุกภาพวาดและผลงานที่จัดแสดงไม่ใช่เพียงงานศิลป์ แต่เป็น ‘เสียง’ และ ‘เรื่องราวชีวิต’ ที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่จับต้องได้ เราเชื่อว่าผลงานเหล่านี้จะช่วยสร้างความเข้าใจใหม่ ๆ ให้สังคมได้เห็นว่าความแตกต่างไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นคุณค่าที่ควรถูกยกย่อง และหวังว่านิทรรศการครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นใหม่กล้าที่จะก้าวตามความฝันของตัวเอง แม้จะมีข้อจำกัดหรือความท้าทายใด ๆ ก็ตาม”ในช่วง Talk Section ได้รับเกียรติจาก คุณเขื่อน – ภัทรดนัย เสตสุวรรณ, คุณเตยยี่ – ประภัสสร กาญจนสูตร และคุณแอนดี้ – วรกันต์ จงธนพิพัฒน์ ที่มาร่วมพูดคุยในหัวข้อ “Why it’s ok?” พร้อมร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับศิลปินออทิสติกในกิจกรรม Live Painting อีกด้วยนิทรรศการ “It’s Ok to be Artist: เพราะทุกคนคือศิลปิน”จัดแสดงผลงานกว่า 100 ชิ้น ภายใต้แนวคิด “Story of Art, Story of Us” ที่เล่าถึงการเดินทางของศิลปินออทิสติก ทั้งในมุมของความฝัน ความท้าทาย และความภูมิใจในผลงาน ตลอดจนการสร้างสังคมที่โอบรับและให้คุณค่ากับความแตกต่าง เริ่มแล้ววันนี้ - 18 ตุลาคม 2568 ณ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก เปิดให้เข้าชมฟรี!! พร้อมกิจกรรมเสริมที่หลากหลายตลอด 15 วัน เช่น Talk Section, Live Painting, Workshop ศิลปะ และ Art Market ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : Artstory By Autistic Thaiแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000095618
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
11/10/2025
อิตาลีเตรียมเปิด “เส้นทางลับของจักรพรรดิ” ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2,000 ปี โดยเส้นทางนี้เป็นทางลับไปสู่ โคลอสเซียม (Colosseum) อันเป็นสนามประลองแบบที่เห็นในภาพยนตร์ดังเรื่อง GladiatorPhoto: Simona Murrone, Colosseum Archaeological Parkโคลอสเซียม (Colosseum) แลนด์มาร์กสำคัญแห่งกรุงโรม เปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนให้ได้สัมผัสประสบการณ์สุดตื่นตาตื่นใจไปกับ “ทางเดินลับของจักรพรรดิ” ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้โดยจักรพรรดิโรมัน เสด็จเข้าสู่สนามประลองได้แบบส่วนพระองค์โดยไม่ให้ใครเห็นทางเดินซึ่งถูกเรียกว่า “ทางเดินคอมมอดัส” (Commodus Passage) ตั้งชื่อตามจักรพรรดิผู้มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ Gladiator ผลงานของริดลีย์ สก็อตต์ มีกำหนดเปิดให้สาธารณชนเข้าชมในวันที่ 27 ตุลาคม 2025 นี้ ซึ่งเส้นทางลับถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การอนุรักษ์ทางโบราณคดีของอิตาลีPhoto: Simona Murrone, Colosseum Archaeological Park“ทางเดินคอมมอดัส” เป็นเส้นทางใต้ดินที่ถูกออกแบบให้มีเพดานโค้ง ปล่องระบายอากาศ และช่องแสง เพื่อให้ภายในมีอากาศถ่ายเท ทางเดินนี้เคยเชื่อมต่อระหว่าง pulvinar แท่นประทับของจักรพรรดิและชนชั้นสูงของจักรวรรดิโรมัน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโคลอสเซียมไปยังพื้นที่ภายนอกของสนามประลองอันยิ่งใหญ่นักโบราณคดีจากสวนโบราณคดีโคลอสเซียมอธิบายว่า ทางเดินแห่งนี้ถูกใช้เพื่อให้จักรพรรดิเสด็จเข้าสู่สนามประลองอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว โดยจะนำตรงไปยังอัฒจันทร์ประจำพระองค์ ซึ่งสามารถชมการแข่งขันการต่อสู้ได้อย่างใกล้ชิดPhoto: Simona Murrone, Colosseum Archaeological Parkทางเดินนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 1810 และตั้งชื่อตามจักรพรรดิคอมมอดัส ผู้ทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 180–192 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ทรงหลงใหลในการต่อสู้ของเหล่านักกลาดิเอเตอร์ (Gladiator)ทั้งนี้มีตำนานเล่าว่าครั้งหนึ่งพระองค์เคยถูกลอบสังหารระหว่างเสด็จผ่านอุโมงค์แห่งนี้ด้วย แต่ก็รอดชีวิตมาได้Photo: Simona Murrone, Colosseum Archaeological Parkการเปิดให้ชม “ทางเดินคอมมอดัส” ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงเพราะนี่คือครั้งแรกที่พื้นที่อันลึกลับซึ่งเคยใช้เฉพาะจักรพรรดิและราชสำนักได้ถูกเปิดเผยต่อสายตาสาธารณะ แต่ยังเพราะการบูรณะครั้งล่าสุดได้เผยให้เห็นรายละเอียดดั้งเดิมของผนังโบราณอย่างชัดเจนอีกครั้งPhoto: Simona Murrone, Colosseum Archaeological Parkภายในอุโมงค์ยังคงมีร่องรอยของแผ่นหินอ่อนที่เคยประดับผนัง โดยสามารถเห็นช่องโลหะที่เคยใช้ยึดแผ่นหิน ซึ่งภายหลังถูกแทนที่ด้วยปูนฉาบและภาพจิตรกรรมฝาผนังแนวภูมิทัศน์ ขณะที่ระหว่างทางเดินยังมีงานปูนปั้นลวดลายเรื่องราวจากตำนานเทพเจ้าดิออนิซัสและอาเรียนนาบริเวณซุ้มทางเข้ายังปรากฏภาพฉากจากการแสดงในสนามอารีนา เช่น การล่าหมูป่า การต่อสู้กับหมี พร้อมการแสดงกายกรรมและกลอุบายเบื้องหลังประตูที่สัตว์ป่าออกมา รายละเอียดทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความพิถีพิถันของจักรวรรดิโรมันในยุคทองได้อย่างงดงามPhoto: Simona Murrone, Colosseum Archaeological Parkแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000097048
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
10/10/2025
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายสหชาติ ขำนิล – รองผู้อำนวยการฝ่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ด้านดิจิทัล ร่วมงานแถลงข่าวสโมสรฟุตบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด More than victory, it’s the smile of The Rabbits และจัดงาน BGPU Partners Connect 2025/26 เปิดตัวผู้สนับสนุนประจำฤดูกาล เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายปิยศักดิ์ ภูมิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สโมสรฟุตบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กล่าวต้อนรับและขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรในปีนี้ ซึ่งเอไอเอ ประเทศไทย ได้สนับสนุนสโมสรฟุตบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 14 ด้วยการมีวิสัยทัศน์เดียวกันในการมุ่งขับเคลื่อนกีฬาฟุตบอลไทยให้แข็งแกร่ง พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนและเยาวชนไทยให้สนใจในการเล่นกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนตาม ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
08/10/2025
เอไอเอ ประเทศไทย โชว์ศักยภาพอันโดดเด่นด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลและความเป็นเลิศด้านวัฒนธรรมองค์กรอีกครั้งด้วยการคว้ารางวัลอันทรงเกียรติ "HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2025" เป็นปีที่ 4 โดยมี นางศรัณยา เทียนถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัลระดับภูมิภาคนี้ ซึ่งพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมารางวัลแห่งความเป็นเลิศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลนี้ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งถูกประเมินอย่างเข้มข้นผ่านระบบ TEAM assessment จากพนักงานโดยตรง สะท้อนถึงความสำเร็จอันโดดเด่นในการสร้างสถานที่ทำงานที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากพนักงานทุกวัยในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นครั้งที่ 4 การันตีได้ถึงความเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำที่น่าทำงานที่สุดในเอเชีย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะไม่หยุดยั้งพัฒนาในทุก ๆ ด้าน ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวของพนักงานทุกระดับตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงไปจนถึงพนักงานทุกท่าน เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้มุ่งสร้าง Inclusive Workplace: รากฐานของความไว้วางใจและความเท่าเทียมความสำเร็จของเอไอเอมาจากการสร้างองค์กรที่มีคุณภาพบนรากฐานของความไว้วางใจ ความเท่าเทียม และการรับฟังเสียงของพนักงานทุกคนอย่างจริงจัง ผ่านการปรับเปลี่ยนและพัฒนานโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่างหลากหลาย และเท่าเทียม (Inclusive Workplace) เอไอเอมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง สนับสนุนให้พนักงานบรรลุความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้เอไอเอเป็นองค์กรที่ทุกคนรู้สึกถึงการเคารพ มีคุณค่า และเป็นส่วนสำคัญขององค์กรอย่างยั่งยืนWorkWell with AIA: หัวใจหลักดูแลสุขภาวะองค์รวม 4 มิติความมุ่งมั่นอันแน่วแน่นี้สอดคล้องกับปณิธานสำคัญ "Healthier, Longer, Better Lives" ของเอไอเอ ในการดูแลผู้คนทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างลึกซึ้งและจริงใจ โดยได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งด้วยแนวคิด "WorkWell with AIA" ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานการดูแลพนักงานสู่ความเป็นเลิศอย่างแท้จริง โดยครอบคลุมการดูแลสุขภาวะองค์รวมทั้ง 4 มิติได้แก่: Live Well (สุขภาพกาย) Think Well (สุขภาพจิตใจ) Plan Well (สุขภาพทางการเงิน) และ Feel Well (สุขภาวะทางสังคม)ทั้งนี้ เอไอเอ ยังคงเดินหน้าต่อยอดพันธกิจขององค์กร เพื่อมุ่งยกระดับมาตรฐานการดูแลพนักงานสู่ความเป็นเลิศ พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานการดูแลด้านประกันชีวิตและสุขภาพที่มีคุณภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
11/03/2024
29/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
18/06/2024