ไฮไลต์ของเทศกาล Singapore Art Week เช่น Immortal Words ผลงานจาก Boedi Widjaja ศิลปินร่วมสมัยชาวสิงคโปร์เชื้อสายอินโดนีเซีย ภายใต้ความร่วมมือกับรองศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์ Eric Yap จัดแสดงความเชื่อมโยงอันละเอียดอ่อนระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์ได้อย่างสนุกสนาน นอกจากผลงานที่จะจัดแสดงแล้ว ยังมีศิลปะรูปแบบใหม่ที่เป็นการนำข้อความทั้งที่เป็นคำพูดและเป็นลายลักษณ์อักษรจากภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเข้ารหัสและแปลงคำเหล่านั้นให้กลายเป็นโครงสร้างโมเลกุล DNA ที่บรรจุในขวดด้วยน้ำหมึกที่เป็นสารแขวนลอย DNA ด้วยเช่นกัน โดยผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถรับของที่ระลึกดังกล่าวได้ผ่านตู้กาชาปอง[] ที่จะจ่ายคำที่อนุรักษ์ไว้เป็นพิเศษในภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรำลึกถึงรากวัฒนธรรมอันงดงาม
Open studio sessions กิจกรรมที่เปิดให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักกับศิลปินแนวหน้า และนำเสนอประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในการพบศิลปินตัวจริงผ่านกิจกรรมอย่างการเข้าชมสตูดิโอ การจัดแสดงผลงาน รวมไปถึงการพูดคุยผ่านงานเสวนา โดยมีศิลปินผู้บุกเบิกวงการศิลปะในสิงคโปร์ อย่างศิลปินโมเดิร์นอาร์ต Teo Eng Seng และนักกวีและช่างอักษรวิจิตรอย่าง Tan Swie Hian ผู้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ศิลปะของสิงคโปร์เข้าร่วมกิจกรรมด้วยเช่นกัน
Light to Night Singapore 2024 หนึ่งในอีเวนต์สำคัญของ SAW และถือเป็นไฮไลท์ประจำปีของสิงคโปร์ ที่จะทำให้ย่าน Civic District (ซีวิค ดิสทริคท์) สว่างไสวด้วยการฉายภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ การแสดงงานศิลปะจัดวางและกิจกรรมให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ภายใต้ธีม "Reimagine" งาน Light to Night Singapore 2024 จัดแสดงโดย National Gallery Singapore โดยร่วมมือกับสถาบันทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นที่สุด 5 แห่งของ Civic District
ได้แก่ พิพิธภัณฑ์อารยธรรมเอเชีย (Asian Civilisations Museum) ดิอาร์ตเฮาส์ (The Arts House) โรงละครวิคตอเรียและคอนเสิร์ตฮอลล์ (Victoria Theatre & Victoria Concert Hall) และ ศูนย์แสดงศิลปะ เอสพลานาด – เธียเตอร์ส ออน เดอะเบย์ (Esplanade Theatres on the Bay) นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการที่เป็นที่จับตามองอย่าง Tropical: Stories from Southeast Asia and Latin America ซึ่งเป็นนิทรรศการแรกของโลกที่นำเสนอผ่านแนวทางการเล่าเปรียบเทียบระหว่างทั้งสองภูมิภาค โดยเป็นเรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการต่อต้านการครอบครองในยุคอาณานิคม แสดงผลงานมากกว่า 200 ชิ้น จากกว่า 70 ศิลปิน รวมถึงศิลปินแนวหน้าอย่าง Latiff Mohidin, Frida Kahlo และ Diego Rivera ให้ทุกคนร่วมชมสีหมึกแห่งการท้าทายและฝีแปรงแห่งความสามัคคี ผลงานที่เป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวจากศิลปินในยุคล่าอาณานิคมจากทั้งสองภูมิภาค
Ho Tzu Nyen: Time & the Tiger เป็นนิทรรศการจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะสิงคโปร์ หรือ Singapore Art Museum (SAM) โดยจะพาผู้ชมไปสำรวจงานศิลปะอันเป็นผลงานจากศิลปินชาวสิงคโปร์ที่ได้รับการยกย่องอย่าง Ho Tzu Nyen ในระหว่างการเป็นศิลปินระดับ Mid-career ที่ครอบคลุมหลากหลายประเภทงาน ทั้งภาพวาด ภาพยนตร์ ละครเวที และวิดีโอจัดวาง ที่เกิดขึ้นในช่วงกว่า 2 ทศวรรษของเส้นทางการเป็นศิลปิน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลงานใหม่ของ Ho Tzu Nyen ที่จัดร่วมกับ Art Sonje Center จากกรุงโซล อันได้แก่ T for Time ซึ่งเป็นการนำเสนองานศิลปะผ่านการฉายวิดีโอซ้อนทับจากสองช่องทาง เพื่อสื่อถึงเสน่ห์ของช่วงเวลาและการรับรู้เวลาที่แตกต่างกัน และสร้างมุมมองใหม่ให้กับผู้เข้าชม
ทั้งนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะสิงคโปร์ (SAM) ยังมีการจัดแสดงผลงาน Simryn Gill and Charles Lim Yi Yong: The Sea is a Field ซึ่งเป็นผลงานร่วมกันระหว่างภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสิงคโปร์และศิลปิน ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางสำรวจพื้นที่ซึ่งคั่นกลางระหว่างบ้านเกิดของศิลปินทั้งสามที่อยู่ใน Port Dickson ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งก็คือทะเลนั่นเอง โดยศิลปินจะมีวิธีในการอธิบายเรื่องราวของการข้าม การอพยพ และเขตแดนในชีวิตประจำวันที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและการเมืองอันลึกซึ้งของภูมิภาค