ข่าวการเงิน
เงินเกษียณใครว่าไม่สำคัญ?
ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีข่าวสลดที่น่าสะเทือนใจในสังคมประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลายคนอาจจะคาดไม่ถึง
เมื่อมีรายงานข่าวว่า คุณตาวัย 81 ปีชาวญี่ปุ่น
ผลักภรรยาของตนเองตกทะเลพร้อมวีลแชร์ โดยอ้างว่า “เหนื่อยเพราะดูแลมาตลอด
40 ปี” โดยทาง สำนักข่าวเดอะไทเกอร์ รายงานว่า
ข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวญี่ปุ่น
หลายคนบอกว่าเป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ที่ผู้สูงอายุต้องเผชิญในญี่ปุ่น
เนื่องจากผู้สูงอายุหลายคนไม่ได้รับความช่วยเหลือ
พวกเขาจึงต้องดูแลทั้งตัวเองและคนรักที่มีอายุมากเช่นกัน
ย้อนกลับมายังประเทศไทย ซึ่งกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัยเช่นกัน
ซึ่งเป็นการก้าวมาแบบไม่ค่อยพร้อมนัก
สำหรับกลุ่มคนที่ไม่มีเงินออมสำหรับวัยเกษียณ
แม้ว่าบางครอบครัวยังยึดติดกับวัฒนธรรมเดิมๆ คือ การให้ลูกหลานช่วยดูแล
แต่ทว่าด้วยโลกเปลี่ยนไปความคิดของคนรุ่นใหม่
อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ปั้นปลายชีวิตของหลายๆ คนได้
ดังนั้น เพื่อให้ก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างมั่นคง
เราอาจต้องหันมาใส่ใจสุขภาพร่างกายและสุขภาพทางการเงินมากขึ้น
เพราะค่าใช้จ่ายยามชราในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าอาจไม่เหมือนเดิม
สำหรับเคล็ดลับดีๆ เพื่อให้การวางแผนเกษียณอายุได้ตามเป้าหมาย
ผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด ได้มี 5 เครื่องมือเพื่อการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ มาช่วยวางแผน โดยเริ่มจาก
1. ออมหุ้น – ออมกองทุน โดยการวางแผนเกษียณอายุ
โดยไม่กังวลเรื่องภาษีเงินได้หรือมีการวางแผนภาษีไว้ดีแล้ว
อาจเลือกการออมหุ้นหรือออมกองทุนได้ โดยเน้นเลือกหุ้นหรือกองทุนที่ดี
แล้วทำการทยอยซื้อสม่ำเสมอด้วยเงินเท่าๆกัน หรือที่เรียกว่า Dollar Cost
Average (DCA) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะการลงทุน
และได้ราคาหุ้นหรือกองทุนในค่าเฉลี่ย สำหรับการลงทุนระยะยาวเพื่อเกษียณ
ควรเลือกประเภทสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มจะเติบโตระยะยาวด้วย
แต่DCAก็มีความเสี่ยง
เพราะถ้าเกิดช่วงที่เราเกษียณอายุแล้วเกิดเหตุการณ์สภาวะตลาดผันผวนหนักทำให้หุ้นลงพอดี
ผลตอบแทนเราก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้น DCA ทำได้ แต่ต้องนานพอ
ซึ่งก็สอดคล้องกับการออมเพื่อการเกษียณอายุพอดี
2. Super Saving Fund (SSF) ซึ่งกองทุนSSF
เป็นกองทุนรวมที่มีสิทธิทางภาษี สามารถเลือกลงทุนได้ทรัพย์สินที่หลากหลาย
ตั้งแต่ตราสารเงิน ตราสารหนี้ ตราสารทุน และสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ
โดยสามารถซื้อได้สูงสุด 200,000 บาท แต่ต้องไม่เกิน 30%
ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และต้องถืออย่างน้อย 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
ข้อดีของการใช้ SSF ออมเพื่อเกษียณอายุ คือสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี
ส่วนข้อเสียคือ เมื่อครบ 10 ปี แทนที่เราจะเอาเงินไปลงทุนต่อ
เราอาจเอาเงินไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นแทน
ทำให้เก็บเงินเกษียณได้ต่ำกว่าเป้าหมาย
3. Retirement Mutual Fund (RMF) กองทุนRMF
มีลักษณะคล้ายๆ SSF แต่ต้องถือยาวนานกว่า คือ ต้องถือไปจนอายุ 55 ปี
ซึ่งถ้าใครถอนก่อนจะมีโทษในลักษณะการคืนภาษีที่ได้รับลดหย่อนมา
หรือการเสียภาษีในเงินส่วน Capital Gain เว้นแต่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
4. ประกันบำนาญ หลักของประกันบำนาญ คือ การชำระเบี้ย
จนถึงอายุที่กำหนดไว้ตามสัญญา
และหลังจากอายุเกษียณประกันบำนาญจะจ่ายเงินให้เราเป็นงวดๆ เช่น
ชำระเบี้ยถึงอายุ 60 ปี หลังจากนั้น เริ่มรับบำนาญจนถึงอายุ 85 ปี
ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ทำไว้ มีหลายแบบ หลายอายุเลยทีเดียว
สำหรับทางเลือกการออมอันนี้ นอกจากได้บำนาญแล้วยังลดหย่อนภาษีได้ด้วย
5. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข)
สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถเลือกสะสมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน
แล้วนายจ้างสมทบ 2-15% ขึ้นกับเงื่อนไขของนายจ้าง ส่วน
กบข.สามารถเลือกสะสมได้ตั้งแต่ 3-15% ของเงินเดือน โดยรัฐจะสมทบให้ 3%
ของเงินเดือน แต่ในส่วนของ กบข. จะมีเรื่องเงินชดเชยที่รัฐให้เพิ่ม
สำหรับคนที่ได้บำนาญน้อยลงด้วย
อย่างไรก็ตาม แผนการเงินเพื่อวัยเกษียณจะเป็นไปตามเป้าหมายได้
อาจจะต้องวางแผนกันตั้งแต่เนิ่นๆ
อย่าปล่อยให้อายุมากไปจนออมเงินเกษียณกันไม่ไหว เริ่ม ณ ตอนนี้ยังทัน!!
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์
https://www.sequelonline.com/?p=136769
X