ข่าวการเงิน
เปิดสถิติ กว่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่า ตั้งแต่ต้นปีอ่อนค่าลงไปกี่ครั้ง ?
ย้อนดูสถิติเงินบาทปี 2565 อ่อนค่าลงไปกี่ครั้ง ? ก่อนดีดกลับมาแข็งค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่งอีกครั้งที่ 34.76 บาทต่อดอลลาร์
วันที่ 5 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลังจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและดำเนินมาตรการ QT
ลดสภาพคล่องเงินดอลลาร์ในตลาด
และส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทำให้คนหันไปถือเงินดอลลาร์และซื้อพันธบัตรมากขึ้น
เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้
เป็นผลให้ค่าเงินทั่วโลกดิ่งอ่อนค่าลงในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น
เงินเยนของญี่ปุ่น เงินยูโรของฝั่งยุโรป และอีกหลาย ๆ
ประเทศรวมถึงเงินบาทของประเทศไทย
ก็ได้รับผลกระทบและอ่อนค่าลงไปทำจุดต่ำสุดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.76
บาทต่อดอลลาร์ หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือนครึ่งที่ 34.71
บาทต่อดอลลาร์ ในระหว่างสัปดาห์
“ประชาชาติธุรกิจ” พาย้อนดูสถิติค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2565 กว่าจะกลับมาแข็งค่า อ่อนค่าลงไปกี่ครั้ง ?
มกราคม : บาทผันผวนหนัก
เงินบาทสัปดาห์แรกของปี 2565 ผันผวนหนัก เริ่มต้นด้วยแข็งค่า
ก่อนจะพลิกกลับมาอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในขณะนั้น
โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงวันทำการแรก ๆ
ของปีสอดคล้องกับสัญญาณเงินทุนไหลเข้า
โดยเฉพาะแรงซื้อสุทธิในพันธบัตรระยะสั้นและหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ดีเงินบาทก็พลิกกลับมาอ่อนค่า
แต่โดยภาพรวมในเดือนมกราคมเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า
กุมภาพันธ์ : บาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 7 เดือน
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือนในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่
32.20 บาทต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 3.8%
เมื่อเทียบกับระดับสิ้นปี 2564
และกลายเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในเอเชีย
จากการที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดี
บริษัทจดทะเบียนมีกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
เป็นปัจจัยดึงดูดเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตร
และตลาดหุ้นต่อเนื่องจากปลายปีก่อน โดยมีแรงซื้อสุทธิหุ้นไทยสะสม 64,580
ล้านบาท พร้อม ๆ กับเพิ่มการถือครองพันธบัตรไทยอีก 127,778 ล้านบาท
ทำให้ยอดถือครองพันธบัตรไทยโดยนักลงทุนต่างชาติขยับสูงขึ้นไปแตะ 1.15
ล้านล้านบาท
มีนาคม : บาทผันผวนจากสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน”
จากสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนตั้งแต่หลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565
เป็นต้นมา
การปะทุของสงครามรัสเซีย-ยูเครนนำพาโลกเข้าสู่ความยุ่งเหยิงและความไม่แน่นอน
สร้างความเสี่ยงครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
และเงินบาทมีการผันผวนและอ่อนค่า
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่เงินดอลลาร์
แข็งค่าขึ้นอย่างแข็งแกร่งในฐานะสกุลเงินปลอดภัยและมีสภาพคล่องสูงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย
รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจได้รับผลกระทบมากขึ้นจากราคาน้ำมัน
และเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
เมษายน : เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือน
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจนอยู่ระดับที่อ่อนค่าที่สุดในรอบ 4
เดือน และกลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่าที่สุดในภูมิภาคที่ 33.95
บาทต่อดอลลาร์
จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นรับเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวและการคาดการณ์ถึงโอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยแบบรุนแรงของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อสหรัฐ
นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากแรงขายของต่างชาติในตลาดพันธบัตรไทย
พฤษภาคม : บาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปี
เงินบาทอ่อนค่าในรอบ 5 ปี ทะลุ 34 บาทต่อดอลลาร์
จากทิศทางนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟด
ที่ในขณะนั้นนักลงทุนคาดกันว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแบบรุนแรง
ประกอบกับความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ทำให้เงินทุนไหลออกจากประเทศไทยกลับไปสู่สกุลดอลลาร์ที่ถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าหนัก ไม่ได้มีประเทศไทยเท่านั้น
หลายประเทศในในฝั่งเอเชียก็ต่างพากันอ่อนค่ากันถ้วนหน้า
แต่ในช่วงกลางเงินบาทก็สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นได้สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ก่อนที่จะกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือน
มิถุนายน : บาทอ่อนต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน
เงินบาทยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าโดยในมิถุนายนอ่อนค่าลงไปต่ำสุดในรอบ 5 ปี 3 เดือน ที่ 35.05 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค
ซึ่งปัจจัยหลักคืออ่อนลงตามดอลลาร์แข็งค่ารวมถึงตลาดและนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยถึง
0.75%
นอกจากนี้เงินบาทยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของต่างชาติด้วยในเดือนนี้
กรกฎาคม : เงินบาทสวิงใกล้อ่อนค่าสุดรอบ 16 ปี
ค่าเงินบาทอ่อนค่าไปที่ระดับ 36.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งยังเป็นการอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 7 ปีอยู่ เนื่องจากในปี 2015 (พ.ศ. 2558)
ค่าเงินบาทอ่อนค่าสูงสุดที่ 36.665 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี
ถือว่าเข้าใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปีแล้ว
จากแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่ามาก
หลังเงินเฟ้อสหรัฐออกมาเหนือกว่าที่ตลาดคาดไว้
ทำให้แทบทุกสินทรัพย์ถูกเทขาย
เงินไหลกลับเข้าสกุลดอลลาร์ทำให้เงินบาทอ่อนค่าอย่างมาก
ทั้งนี้ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐ
รวมถึงความกังวลแนวโน้มทางการจีนอาจใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด
เพื่อควบคุมการระบาดโควิด-19 ทำให้เงินบาทยังคงเสี่ยงอ่อนค่าต่อเนื่อง
สิงหาคม : บาทแกว่งตัวผันผวน
เงินบาทยังคงผันผวนแกว่งตัวอย่างหนักตลอดทั้งเดือน
ทั้งนี้เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบประมาณ 3 สัปดาห์ที่ 36.33
บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงแรกท่ามกลางทิศทางที่อ่อนค่าของสกุลเงินเอเชียและเงินหยวน
หลังจากธนาคารกลางจีนเพิ่มการผ่อนคลายทางการเงินด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
LPR ลงเพื่อบรรเทาแรงกดดันในตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจจีนในภาพรวม
นอกจากนี้เงินดอลลาร์ ยีังขยับขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐ
ท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ซึ่งอาจจะมากกว่า 50 bps. ในการประชุมเดือน ก.ย.
กันยายน : บาทอ่อนทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอ่อนทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงราว 0.41%
ถือเป็นระดับการอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปี
ปัจจัยส่วนใหญ่มาจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
นอกจากนี้เงินบาทลดช่วงบวกทั้งหมดลงและพลิกอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์
หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI และ Core CPI ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด
ซึ่งหนุนแนวโน้มการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐ
แม้เสียงส่วนใหญ่จะมองว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ย 75 bps.
แต่ตลาดบางส่วนเริ่มมองความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะขึ้นมากกว่านั้นในการประชุม
20-21 ก.ย. ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ตุลาคม : บาทร่วงอ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันอ่อนค่าค่าลงตามทิศทางภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย
โดยเงินบาทร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 16 ปีที่ 38.46 บาทต่อดอลลาร์
โดยมีปัจจัยจากดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าอีกรอบหลังจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐออกมาดี
ขณะที่สมาชิกธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
ก่อนการประกาศรายงานการประชุมเฟดกับรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ ในวันที่ 13 ต.ค.
65 โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับ 114 จุด ส่งผลให้ค่าเงินสกุลต่าง ๆ
อ่อนค่าลงตามไปด้วย
พฤศจิกายน : บาทแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือน
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือนอยู่ที่ 35.92 บาทต่อดอลลาร์
ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ ทั้งเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก
และสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ทั้งนี้เงินดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลง
โดยเฉพาะหลังการรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน ต.ค. ของสหรัฐ
ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์สหรัฐ
ยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งสะท้อนว่า
เฟดอาจปรับขนาดการขึ้นดอกเบี้ยให้มีความแข็งกร้าวน้อยลงในการประชุม FOMC
รอบถัด ๆ ไป
ธันวาคม : เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดรอบ 5 เดือนครึ่ง
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่ง อยู่ที่ 34.76
บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ
โดยมีแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟด
ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอขนาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ
ในการประชุมรอบสุดท้ายของปี
นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะพอร์ตการลงทุนระหว่างวันที่
28 พ.ย.-2 ธ.ค. 2565
ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทย 25,269 ล้านบาท และ
4,493 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ ห้องค้ากสิกรไทยประเมินทิศทางเงินบาท มีโอกาสแข็งค่าต่อ
จากการที่ทิศทางตลาดการเงินโลกถึงจุดกลับตัว
หลังเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาดการณ์
และเฟดแสดงท่าทีเตรียมชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในระยะถัดไปมีจำกัด
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงต้องตืดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ในเดือน ธ.ค.ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเศรศฐกิจไทย รวมถึงในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/prachachat-wealth/news-1139304
X