ท่องเที่ยว
Travel Card คืออะไร ทำไมนักท่องเที่ยวจึงควรมีติดตัวไว้สักใบ
Travel Card คืออะไร ทำไมนักท่องเที่ยวจึงควรมีติดตัวไว้สักใบ มาทำความเข้าใจกัน
เวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เรื่องการใช้จ่ายในต่างแดนถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ ที่จะต้องวางแผนอย่างรัดกุม หลายคนไม่มีเงินสำรองติดตัว แลกและพกเงินสดไปค่อนข้างพอดีใช้ เมื่อเจอเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ก็สุ่มเสี่ยงที่จะไม่มีเงินแก้ปัญหา และเสี่ยงที่จะเดินทางกลับบ้านไม่ได้ด้วย หรือบางคนไม่จำเป็นต้องมีเงินสำรอง เพราะในมือมีบัตรเครดิตที่สามารถรูดเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อนได้ ในกรณีนี้คุณจะไม่มีความเสี่ยงใด ๆ ระหว่างเดินทาง สามารถรูดเอา ๆ ตามใจชอบตราบเท่าที่วงเงินยังเหลือ แต่คุณอาจจะเผชิญกับอาการหน้ามืดได้เมื่อใบแจ้งหนี้ถูกส่งมา การใช้จ่ายอย่างเพลิดเพลินจนเกินตัวทำให้หลายคนไม่อยากจะสมัครบัตรเครดิต เพราะกังวลการเป็นหนี้
คำถามก็คือ ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาไม่คาดฝัน ปัญหาที่ต้องใช้เงิน แต่คุณไม่มีเงินสำรองจากที่ไหนสักแห่งให้หยิบมาใช้แก้ปัญหาเลย คุณจะทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์นั้น ๆ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการวางแผนการใช้จ่ายในระหว่างเที่ยวต่างประเทศไม่ได้มีแค่การพกเงินสด ที่จะต้องไปแลกเป็นสกุลเงินต่าง ๆ ตามร้านแลกเงินหรือที่ธนาคาร การยอมเป็นหนี้ ใช้เงินในอนาคตอย่างการรูดบัตรเครดิต หรือการใช้บัตรเดบิต แต่ยังมีวิธีใหม่ ๆ อย่างการใช้ Travel Card ที่มีทั้งประเภทเติมเงินและประเภทเดบิต
Travel Card คืออะไร
Travel Card คือ บัตรสำหรับทำธุรกรรมทางการเงินในต่างประเทศ โดยอาจมีลักษณะเป็นบัตรเดบิตหรือบัตรเติมเงิน (Prepaid Card) รูปแบบหนึ่ง สามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ สามารถรูดจ่ายค่าสินค้าและกดเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตทั่วไป โดยมีค่าธรรมเนียมหรืออัตราแลกเปลี่ยนในราคาพิเศษ Travel Card ตอบโจทย์นักเดินทางที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือคนที่ไม่อยากพกเงินสดจำนวนมากไปไหนมาไหน ไม่ต้องเสียเวลาไปแลกเงิน ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายทั่วโลกได้สะดวกด้วยบัตรใบเดียว
Travel Card จึงเป็นไอเทมพิเศษที่คนที่ชอบเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ ควรจะมีติดตัวไว้สักใบ เอาไว้ใช้สำหรับบัตรรูดชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนเงินสดในต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการใช้เงินในต่างประเทศที่สะดวก ง่าย ได้เรตราคาดี แถมยังไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเยอะ ๆ ด้วย หากต้องการเงินสดไว้สำหรับติดตัว ก็สามารถกดเพิ่มได้ตลอดเวลา แค่มองหาตู้เอทีเอ็มที่มีคำว่า Visa อย่างไรก็ตาม บัตรของบางธนาคารจะไม่สามารถใช้ทำธุรกรรมในประเทศไทยได้
Travel Card จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ
• แบบเติมเงิน คือ บัตรที่ต้องเติมเงินเข้าไปก่อนจึงจะสามารถรูดใช้ได้ อีกทั้งยังสามารถแลกสกุลเงินต่างประเทศเก็บไว้ล่วงหน้าก่อนได้ ซึ่งทั้งการเติมเงินและแลกเงิน สามารถทำได้ผ่านแอปฯ ของธนาคารนั้น ๆ บัตรประเภทนี้มีข้อดีตรงที่เราล็อกเรตเงินที่เราจะแลกได้ เมื่อเรตเงินอยู่ในเกณฑ์ที่เราพอใจก็กดแลกได้เลย การใช้จ่ายในต่างประเทศ ค่าเงินจะมีเรตเท่ากับวันที่เรากดแลก ไม่ควรแลกไว้ทีละมาก ๆ เพราะเวลาแลกคืนจะเป็นคนละเรตราคา ที่สำคัญแต่ละบัตรแต่ละธนาคารจะสามารถแลกสกุลเงินได้ต่างกัน ไม่ได้ครอบคลุมทั่วโลกเหมือนบัตรแบบเดบิต
• แบบเดบิต คือ เป็นบัตรที่ไม่ต้องเติมเงิน โดยสามารถผูกกับบัญชีธนาคาร เมื่อเรารูดใช้จ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ ระบบจะตัดเงินจากบัญชีธนาคารของเราเอง ทำให้หลักการใช้งานเหมือนกับบัตรเดบิตทั่วไป คือเราต้องมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคาร เมื่อจะใช้จ่ายในต่างประเทศก็สามารถรูดใช้ได้เลย ไม่ต้องแลกเงินเก็บไว้ในบัตร นั่นจึงทำให้เรตเงินจะแปรผันไปตามวันที่รูดใช้ ไม่สามารถล็อกเรตเงินได้เหมือนบัตรประเภทเติมเงิน ข้อดีของบัตรประเภทนี้ จะสามารถรูดที่ไหนก็ได้ทั่วโลก จึงเหมาะกับคนที่ไม่กังวลกับเรื่องเรตเงินที่ขึ้น ๆ ลง ๆ
ทำไมควรจึงควรมี Travel Card ไว้สักใบ
• สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องพกเงินสดเยอะ ๆ ในขณะเดินทาง
• จัดการบัตรได้ง่าย เติมเงิน แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้สะดวก ทำได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร
• ได้อัตราแลกเปลี่ยนดี เพราะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังสามารถแลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้ เมื่อเห็นว่าเรตเงินอยู่ในเกณฑ์ที่พึงพอใจ
• สามารถถอนเงินสดที่ตู้ ATM ในต่างประเทศได้ทั่วโลก
• สามารถใช้รูดจ่ายในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องมีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน ซึ่งมักจะอยู่ที่ 2.0-2.5%
• มาพร้อมสิทธิพิเศษอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่ให้บริการ เช่น ฟรีประกันการเดินทาง ส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ
• บัตร Travel Card ประเภทเดบิตของบางธนาคาร สามารถใช้ถอนเงินสดที่ตู้ ATM ในไทยได้
• อาจจะมีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และ/หรือค่าธรรมเนียมรายปีหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับธนาคาร ส่วนค่าธรรมเนียมกดเงินที่ต่างประเทศก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ธนาคาร บางธนาคารไม่เรียกเก็บ
Travel Card ต่างจาก Credit Card อย่างไร
หากมองในภาพรวม Travel Card กับ Credit Card อาจจะดูไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก เพราะเป็นบัตรที่เราสามารถใช้รูดได้อย่างสะดวกเวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้เหมือนกัน รูดซื้อสินค้าที่ต่างประเทศได้เหมือนกัน แต่ Travel Card นั้นจะตอบโจทย์กับการใช้จ่ายในต่างประเทศมากกว่า ดังนี้
• Travel Card สามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ตลอดเวลาผ่านระบบออนไลน์ แค่เปิดแอปพลิเคชันของธนาคาร
• สามารถกดเงินจากตู้ ATM ที่ต่างประเทศได้เลย (แต่จะมีค่าบริการ แล้วแต่ธนาคารเจ้าของบัตรกำหนด)
• แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้เรตที่ดีกว่า เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.0-2.5% ของยอดใช้จ่าย เหมือนกับการรูดจ่ายด้วยบัตรเครดิต เพราะ Travel Card เป็นการรูดเงินในบัญชีเราออกไปเลย จึงไม่เสียค่าบริการตรงนี้
• ในช่วงที่อัตราแลกเปลี่ยนดี เราสามารถแลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้ ไม่ว่าเรารูดใช้จ่ายวันไหน เราก็ยังได้อัตราแลกเปลี่ยนในวันที่เราแลกเงินเก็บไว้ ต่างจากบัตรเครดิตที่ไม่สามารถแลกเงินในวันที่เรตดีเก็บไว้ได้ เราใช้บัตรเครดิตรูดซื้อค้าวันไหน อัตราแลกเปลี่ยนก็จะเป็นไปตามวันนั้น ๆ
• ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่ากว่าบัตรเครดิต เนื่องจาก Travel Card จะหักวงเงินจากในบัญชีที่เรามี หรือหักจากที่เราแลกเก็บไว้ หากมีการใช้เงินเกินวงเงิน รายการนั้นจะถูกยกเลิกทันที (เพราะหักเงินไม่ได้) ในขณะที่บัตรเครดิตจะมีวงเงินที่สูงกว่า และเป็นเงินในอนาคตที่เราไม่เสียอะไรเลยใน ณ เวลาที่รูด ทำให้มีโอกาสใช้เกินลิมิตได้
• Travel Card ของบางธนาคารจะมีประกันอุบัติเหตุการเดินทางให้มาพร้อมกัน เป็นสิทธิพิเศษ
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน Travel Card ช่วยชีวิตได้อย่างไร
จริง ๆ แล้ว การเดินทาง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้เสมอ แต่ปัญหามันจะดูรุงรังกว่าเมื่อเราอยู่ต่างประเทศ การอยู่ต่างบ้านต่างเมืองทำให้การแก้ปัญหาต่าง ๆ ไม่ค่อยจะง่ายดายและราบรื่นเท่าไรนัก ทั้งเรื่องของการสื่อสาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่มันไม่ได้มีอยู่เพื่อสนับสนุนขาจรที่เดินทางไปประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็เดินทางกลับ เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นไปตามแผน ก็มีแค่เงินเท่านั้นที่พอจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ซึ่งปัญหาก็ตามมาอีกเช่นกัน ถ้าหากเงินที่เรามีสำรองอยู่ไม่เพียงพอ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คนส่วนใหญ่ไม่ได้คาดคิดอยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องที่ต้องใช้เงินเพิ่มจากที่เตรียมมา การไม่มีเงินสำรองทำให้ตกที่นั่งลำบาก
ในเมื่อการเที่ยวต่างประเทศอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนเสมอไป แลกเงินไปเท่านี้แต่ดันใช้หมดก่อน แล้วไม่ได้พกเงินสด (ไทย) สำรองเพื่อไปแลกด้วย จะทำยังไงล่ะทีนี้ หรือว่าเกิดอุบัติเหตุบางอย่างที่เราจำเป็นต้องใช้เงิน ที่พักที่จองไว้เข้าพักไม่ได้ ต้องจองที่พักใหม่ หรือแค่เรื่องเล็ก ๆ อย่างการชอปปิงเพลินจนสัมภาระงอกเกินกว่าที่คิดไว้ จึงจำเป็นต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม เกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ต้องซื้อไฟลต์ใหม่ หรือเกิดเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่ต้องใช้เงินนอกเหนือจากที่แพลนไว้ จะทำยังไงดี หรือสำหรับบางคนจริง ๆ ก็มีเงินสำรองในบัญชี แต่ไม่อยากกดเงินจากตู้ที่ต่างประเทศ เพราะจะโดนเรตเงินของธนาคารที่ค่อนข้างแพงและมีค่าบริการสูง ถ้าไม่คอขาดบาดตายจริง ๆ ก็ไม่เอาดีกว่า
ดังนั้น การมี Travel Card ติดตัวไว้เพื่อกรณีแบบนี้เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก ส่วนใหญ่ทุกธนาคารจะแข่งกันที่เรตเงิน การให้บริการ และค่าบริการที่ต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น และบางธนาคารก็เคลมว่าสินค้าของตัวเองถูกที่สุดด้วย
สำหรับการไปติดต่อธนาคารเพื่อทำ Travel Card สักใบก็ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องมีเอกสารอะไรวุ่นวายเท่ากับการขอทำบัตรเครดิต เนื่องจาก Travel Card คือการนำเงินในบัญชีที่เรามีอยู่แล้วไปแลกเป็นเงินสกุลประเทศที่เราไป เป็นการนำเงินเก็บของเราเองมาใช้ ไม่ใช่เงินในอนาคต เพราะฉะนั้น เวลาจะออกบัตรจึงไม่จำเป็นต้องมีอาชีพที่มีเงินเดือนมารองรับ เพียงแค่มีบัญชีธนาคารธรรมดา ๆ ก็สามารถมี Travel Card ได้แล้วพูดให้ง่ายที่สุดก็คือ เป็นบัตรเดบิตในคราบเครดิตนั่นเอง เรื่องของการแลกเงิน เราไม่จำเป็นต้องแลกเงินไปก่อนด้วยซ้ำ เพราะสามารถแลกเงินแบบเรียลไทม์ได้ในแอปพลิเคชัน อยากใช้เท่าไรก็แลกเท่านั้น หรือถ้าแลกมาแล้วใช้ไม่หมดก็สามารถแลกกลับได้
บริการเสริมที่จะได้มากับบัตร อีกเกณฑ์หนึ่งสำหรับการพิจารณา
การทำ Travel Card ธนาคารมักจะมีบริการเสริมมาพร้อมกับบัตรอยู่แล้ว เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้าของตัวเอง ดังนั้น เวลาที่เราขอออก Travel Card ส่วนใหญ่แล้วจึงไม่ได้ให้เราใช้บัตรเพื่อรูดในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่มักจะมาพร้อมบริการ อย่างเช่น ประกันการเดินทาง การเข้าใช้บริการเลานจ์ที่สนามบินได้ฟรี การแลกเงินที่ได้เรตเงินถูกกว่าปกติ หรือบางทีมีส่วนลดในการจองโรงแรมด้วย แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
จากนี้ไป คนที่เคยชินกับการเที่ยวต่างประเทศแบบแลกเงินสดไปเป็นปึก ๆ แล้วต้องลำบากแยกเก็บไว้ตามที่ต่าง ๆ ในกรณีเผื่อหายจะได้มีส่วนที่แอบไว้เหลือใช้บ้าง คงจะต้องลองหันมามอง Travel Card กันบ้างแล้ว เพราะมันให้ความสะดวกสบายและปลอดภัยมากกว่า โดยเฉพาะในยุค Cashless ที่คนส่วนใหญเคยชินกับการใช้เงินสดน้อยลงแล้ว การลองไปเที่ยวต่างประเทศพร้อม Travel Card สักใบ อาจทำให้คุณติดใจความง่ายและสะดวก จนอยากจะออกเที่ยวอยู่เรื่อย ๆ ก็เป็นได้นะ!
X