Everyday knowledge for you
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
นับตั้งแต่ปี 1854 “หลุยส์ วิตตอง” ได้สร้างสรรค์ดีไซน์ ที่เป็นเอกลักษณ์สู่สายตาชาวโลก ภายใต้ปรัชญา “ศิลปะแห่งการเดินทาง” พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และเปิดรับศาสตร์ใหม่ๆ จากเหล่าสถาปนิก, ศิลปิน และดีไซเนอร์ต่างสาขา เพื่อรังสรรค์ผลงานระดับไอคอนให้โลกจำล่าสุด “หลุยส์ วิตตอง” พาออกเดินทางสู่ “LV THE PLACE BANGKOK” ณ ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ จุดหมายแห่งใหม่ที่รวมคอนเซปต์ครบทุกประสบการณ์ภายในพื้นที่เดียวกัน ตั้งแต่งานนิทรรศการ, คาเฟ่ “LE CAFÉ LOUIS VUITTON”, รีเทลสโตร์ และร้านอาหาร โดยเชฟชื่อดัง “กากัน อนันต์” เพิ่มความโดดเด่นด้วยดีไซน์สถาปัตยกรรมอันเป็นแรงบันดาลใจ และการตกแต่งสวยงาม ตลอดจนเมนูต่างๆที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะ เพื่อพาไปค้นพบจินตนาการไร้ขีดจำกัด“LV THE PLACE BANGKOK” ครอบคลุมพื้นที่สองชั้นภายในตึกเกษรอัมรินทร์ บนทำเลล้ำค่าใจกลางกรุงเทพฯ ด้านนอกตกแต่งด้วยประติ มากรรมรูปทรงแบบเพชรขนาดใหญ่ที่ส่องแสงยามค่ำคืน ส่วนด้านในรวบรวมหลากหลายรูปแบบประสบการณ์ไว้ครบครัน ทั้งรีเทลสโตร์, อาหาร และเรื่องราววัฒนธรรมต้อนรับผู้มาเยือนอย่างน่าตื่นเต้น ด้วยพื้นที่จัดแสดงเรื่องราวการเดินทางแห่งวิสัยทัศน์ “VISIONARY JOURNEYS” นิทรรศการใหม่ที่จะพาไปสัมผัสมรดกล้ำค่าของเมซง ซึ่งไม่เคยแสดงที่ใดมาก่อน ด้วยผลงานออกแบบของบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง “OMA” และ “Partner Shohei Shigematsu” โดยนำจินตนาการของเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมมาถ่ายทอดในคอนเซปต์ใหม่ ห้องต่างๆ ถูกแบ่งเป็นธีมต่างกันชัดเจน ผสานเรื่องราวบริบทใหม่ทั้งประวัติศาสตร์ และชิ้นงานร่วมสมัย เพื่อเชิญชวนผู้มาเยือนให้ดื่มด่ำไปกับหัวใจหลักในเรื่องความเชี่ยวชาญงานฝีมือ, นวัตกรรม, การเดินทาง และความคิดสร้างสรรค์“Trunkscape” คือจุดเริ่มต้นแห่งการเดินทาง ที่นำทรังก์ 96 ใบ มาเรียงต่อกันราวกับอุโมงค์ทอดยาวไปสู่เรื่องราวงานฝีมือและนวัตกรรมของ “หลุยส์ วิตตอง” ห้องแรกนำเสนอภายใต้ธีม “Origins” อุทิศให้กับเรื่องราวของตระกูลวิตตอง จัดเป็นแท่นแสดงคลังเก็บเรื่องราวที่อยู่รอบด้าน และชิ้นงานที่เป็นแรงบันดาลใจ รวมทั้งดีไซน์ต่างๆในยุคแรก รูปแบบของทรังก์ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์ทรังก์และบรรจุสิ่งของต่างๆ ส่วนตัวอย่างของโมโนแกรมแคนวาสหลากหลายรูปแบบที่พัฒนามาหลายทศวรรษ บ่งบอกถึงความต่อเนื่องและนวัตกรรมของแบรนด์อันไม่หยุดนิ่งห้องต่อมา “Iconic Bags” จัดแสดงเพื่อเฉลิมฉลอง 25 ปี ในประวัติศาสตร์แฟชั่นของ “หลุยส์ วิตตอง” ถ่ายทอดเรื่องราวของดีไซน์กระเป๋าไอคอนิก 5 รุ่น คือ Alma, Keepall, Speedy, Noé และ Petite Malle ซึ่งนำกลับมาตีความใหม่โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แต่ละยุคสมัยล้วนแสดงวิสัยทัศน์ความก้าวล้ำของสไตล์และความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ รูปทรงและเอกลักษณ์ของกระเป๋าไอคอนิก ถูกนำเสนอผ่านกระเป๋า 21 ใบ พร้อมเสื้อผ้า 2 ลุค จัดแสดงภายในลูกบอลอะคริลิกใสทรงกลม 19 ลูกส่วนห้องสุดท้าย “Collaborations” พาไปค้นพบความสัมพันธ์กับเหล่าศิลปินที่รังสรรค์ให้เกิดผลงานกระเป๋าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่จดจำสูงสุดจากการตีความของสตีเฟน สเปราส์, ริชาร์ด ปรินซ์, ทากาชิ มุราคามิ และยาโยอิ คุซามะ โดยนำผลงานดั้งเดิมทั้ง 7 ชิ้น เป็นตัวแทนสะท้อนศักยภาพไร้ขีดจำกัด อีกด้านเป็นจอสกรีนแอนิเมชันครึ่งวงกลมฉายแพตเทิร์นงานของศิลปินแต่ละคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะลงบนฉากหลัง ซึ่งเป็นกระเป๋าชุบโครมจำนวน 184 ใบนอกจากนี้ ผู้มาร่วมชมนิทรรศการจะได้พบกับห้อง “Giveaway Room” ที่ชวนทำกิจกรรมเพื่อรับของที่ระลึก พิเศษสุดคือภายในรีเทลสโตร์มีบริการประทับลวดลายมาสคอตใหม่ของเมซง “น้องวิเวียน” (Nong Vivienne) เพื่อต้อนรับการเปิดตัวจุดหมายใหม่แห่งนี้...ถือเป็นแม่พิมพ์บทใหม่ของร้าน “หลุยส์ วิตตอง” ในอนาคต.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/fashion/2767098
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ สร้างความตื่นเต้นให้กับคนราชบุรีได้ไม่น้อย สำหรับ “สะพานหนุนลอย M4” ฝีมือของ กรมทหารช่างที่ 11 โดยหลายคนบอกว่าได้รำลึกความหลังที่เคยใช้สะพานแบบนี้เมื่อตอนเด็กๆภาพ: แฟนเพจกรมการทหารช่างสืบเนื่องมาจาก กรมทหารช่างที่ 11 ได้ดำเนินการประกอบสร้าง สะพานหนุนลอย M4 เรือทุ่นโลหะผสม ข้ามแม่น้ำแม่กลอง จาก สนามฟุตบอล กรมการทหารช่าง ค่ายภาณุรังษี ไปยัง ตลาดเก่าโคยกี้ จ.ราชบุรีภาพ: แฟนเพจกรมการทหารช่างซึ่งทางแฟนเพจกรมการทหารช่าง ระบุว่า สะพาน M4 ทหารช่างข้ามแม่น้ำแม่กลอง พร้อมต้อนรับพี่น้องประชาชนทุกท่าน ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ถึง 22.00 น.ภาพ: แฟนเพจกรมการทหารช่างสะพาน M4 สร้างขึ้น (ชั่วคราว) ในโอกาส จ.ราชบุรี เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 "ราชบุรีเกมส์" ประจำปี 2567 ห้วงวันที่ 21 - 31 มี.ค.67 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในการจอดยานพาหนะ ในกรมการทหารช่าง และให้พี่น้องประชาชนได้ใช้เดินข้ามแม่น้ำแม่กลอง พร้อมกิจกรรมมากมายร่วมกับ จ.ราชบุรี เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจใน จ.ราชบุรีภาพ: แฟนเพจกรมการทหารช่างแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000024425
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
20/03/2024
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายแพทย์ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว (ที่ 2 จากซ้าย) ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วยนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท แก่ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแทพย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล (กลาง) เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการ "ศิริราช เดิน-วิ่ง ครั้งที่ 16" ที่ทางคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 เพื่อส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขและแข็งแรงอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives'
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
29/04/2024
บทความโดย "ศุภฤกษ์ ตรงจิตสุนทร" AFPT,IP สมาคมนักวางแผนการเงินไทย ถึงแม้ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มค่อย ๆ ดีขึ้น จากการที่รัฐบาลประกาศให้โควิด-19 เป็น “โรคประจำถิ่น” ธุรกิจภายในประเทศกลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติ อีกทั้งการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวให้กลับเข้ามาแล้ว แต่ก็ยังเห็นว่าปัญหาที่ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องคือ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ รายได้ การลงทุน และส่งผลกระทบไปยังทุกภาคส่วน โดยสถาบันการเงินก็ต้องออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การให้พักชำระเงินต้น ลดค่างวดที่ต้องชำระ เป็นต้น ปัจจุบันสถาบันการเงินจึงจำเป็นเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มความเข้มงวดในการขอสินเชื่อเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ก็เพื่อลดความเสี่ยงป้องกันการเกิดหนี้เสียขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้อาจจะสุ่มเสี่ยง ขอสินเชื่อได้ยาก เพราะสถาบันการเงินหลายแห่งก็มีมาตรการรัดกุมมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถขอสินเชื่อได้ เพียงแต่ถ้าอยากกู้ให้ผ่านฉลุย ต้องมีการเตรียมความพร้อม 1. หลักฐานการแสดงรายได้ต่าง ๆ เช่น สลิปเงินเดือน ใบรับรองเงินเดือน โบนัส 50 ทวิ ในกรณีที่เป็นรายได้อื่น ๆ ทางธนาคารจะขอดูหลักฐานในการยื่นภาษี บางธนาคารมีเกณท์เรื่องรายได้ขั้นต่ำเพิ่ม เช่น ต้องมีรายรับอย่างน้อยที่ 15,000-20,000 บาท ถึงจะผ่านเกณท์ในการยื่นกู้ ในการเตรียมตัวถ้า มีบ้าน คอนโดฯ หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ปล่อยเช่าแล้วมีรายได้ ก็สามารถยื่นเป็นรายได้ในการพิจารณาขอสินเชื่อได้ แต่ต้องสอบถามทางธนาคาร ซึ่งแต่ละที่เกณท์ในการประเมินจะไม่เหมือนกัน สิ่งที่ต้องระวังคือ ห้ามนำบ้านที่ติดจำนองแล้วปล่อยเช่ามีรายได้ไปยื่นขอสินเชื่อบ้านหลังใหม่กับธนาคารเดียวกัน เพราะอาจจะโดนดอกเบี้ยปรับจากธนาคารได้ เนื่องจากทางธนาคารจะมองว่าเป็นการกู้ยืมที่ผิดวัตถุประสงค์ ต้องเป็นการกู้ยืมเพื่อการพักอาศัยเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการพาณิชย์ 2. ประเมินความสามารถในการผ่อน สามารถคำนวณได้เองเบื้องต้น โดยเกณท์ของธนาคารจะประเมินโดยเทียบกับรายได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ธนาคารจะคำนวณความสามารถในการผ่อนที่ประมาณ 40% ของรายได้ซึ่งบางธนาคารก็จะมีเกณท์ให้ที่ 60% แต่ถ้าในกรณีที่มีสิทธิสวัสดิการของบริษัท ที่ทำร่วมกับบางธนาคารอาจจะยอมให้ถึง 80% ของรายได้ ตัวอย่าง การคำนวณเบื้องต้นในการประเมินวงเงินขอสินเชื่อหมายเหตุ : สูตรการคำนวณดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น หากต้องการทราบข้อมูลแบบละเอียดชัดเจน ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่จากธนาคารที่ขอสินเชื่อ ในส่วนของข้อ 2 อาจจะต้องพิจารณาหักลบกับหนี้สินที่มีอยู่เดิมด้วย เช่น สินเชื่ออื่น ๆ ที่ยังต้องผ่อนชำระอยู่ และรายการที่มักจะไม่ค่อยทราบกันว่าจะส่งผลต่อการประเมินขอสินเชื่อกับธนาคารด้วย คือรายการผ่อนสินค้า 0% ต่าง ๆ มีโอกาสทำให้ขอสินเชื่อไม่ผ่าน หรือถ้าผ่านก็ได้วงเงินน้อยลง เช่น ซื้อโทรศัพท์ 40,000 บาท ผ่อน 0% 10 เดือน โดยผ่อนชำระตกเดือนละ 4,000 บาท ทางธนาคารก็จะมองเป็นภาระค่าใช้จ่ายทันที โดยสมมติว่ากู้ซื้อบ้าน 2 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี ผ่อนต่อเดือนประมาณ 14,000 บาทต่อเดือน แต่มีภาระผ่อนมือถือ 4,000 บาทต่อเดือน ทางธนาคารก็อาจจะพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อน้อยลงจากการที่ต้องนำความสามารถในการผ่อนชำระไปหักภาระที่ต้องผ่อน เท่ากับว่า 14,000-4,000 = 10,000 บาท คงเหลือความสามารถในการผ่อนชำระที่ 10,000 บาท ซึ่งอาจทำให้ขอสินเชื่อบ้านได้เพียงวงเงินที่ 1.5 ล้านบาท 3. ทำบัญชีทรัพย์สิน เงินออมในรูปแบบต่าง ๆ การมีเงินออมที่ฝากไว้ในธนาคารบัญชีออมทรัพย์, บัญชีเงินฝากประจำ, สลากออมสิน หรือการออมเงินในรูปแบบการลงทุน เช่น กองทุนรวมทั่วไป กองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี ซึ่งบางธนาคารก็จะพิจารณาในส่วนนี้ให้เป็นการเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อบ้านให้ผ่าน ทั้งนี้ เกณท์การพิจารณาก็จะแตกต่างไปตามแต่ละธนาคาร ดังนั้น ในการยื่นเอกสารผู้ขอสินเชื่อควรที่จะสอบถามข้อมูลเพื่อเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย 4. เช็กประวัติเครดิตบูโร การขอข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเองมาตรวจสอบ โดยขอได้จากช่องทางของธนาคารกรุงไทย ผ่าน Application Mobile Banking โดยจะมีค่าดำเนินการอยู่ที่ 150 บาท ภายใน 24 ชม. ก็จะมีการส่งให้ตาม Email ที่ลงทะเบียนไว้ ข้อมูลที่ได้มาก็เพื่อที่จะไว้ตรวจสอบ รายการแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต หรือสินเชื่อต่าง ๆ แม้กระทั่งรายการค้างชำระ โดยปกติระยะเวลาของบัญชีต่าง ๆ ที่แสดงในเครดิตบูโรจะอยู่ที่ 3 ปี กรณีที่มีรายการที่ค้างชำระนานเกิน 3 เดือน ข้อมูลก็จะปรากฏในรายการเครดิตบูโรว่าเป็นการผิดนัดชำระ แปลว่าต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี ในการให้ข้อมูลดังกล่าวหายไปจากเครดิตบูโร 5. การเตรียมตอบคำถาม จากสถานการณ์ช่วงโควิดที่ผ่านมา ที่ทางธนาคารประกาศมาตรการเยียวยาให้ผู้ที่ขอสินเชื่อไปลงทะเบียนในการแจ้งความประสงค์ ว่าได้รับผลกระทบจากงานประจำ หรือจากธุรกิจต่าง ๆ โดยธนาคารก็จะประเมินและให้การเยียวยา เช่น ให้พักชำระทั้งเงินต้น + ดอกเบี้ย ให้ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย เป็นต้น ในส่วนนี้ธนาคารจะเช็กข้อมูลจากเครดิตบูโรว่ามีการหยุดพักชำระหรือไม่ และจะถามจากผู้ขอสินเชื่อ ว่าได้มีการใช้มาตรการเยียวยาจากธนาคารหรือไม่ เพราะเหตุใด แล้วในปัจจุบันได้กลับมาผ่อนชำระปกติแล้วหรือไม่ โดยธนาคารก็จะซักข้อมูลถึงความจำเป็นที่ต้องพักชำระในช่วงที่ผ่านมา ว่าเกิดจากเหตุใด เช่น โดนลดเงินเดือน, ตกงาน, ขายของไม่ได้ และสถานะปัจจุบันปัญหาเหล่านั้นคลี่คลายแล้วหรือไม่ เพื่อเป็นการให้ธนาคารมีความเชื่อมั่นว่าผู้ขอสินเชื่อมีความสามารถในการผ่อนคืนชำระสินเชื่อได้ โดยกรณีที่เป็นพนักงานบริษัทแล้วมีการโดนปรับลดเงินเดือน ธนาคารอาจจะมีการขอดูเอกสารเพื่อเป็นการยืนยันว่าเงินเดือนที่โดนลดไปได้มีการกลับคืนให้แล้วหรือไม่ เพื่อประเมินผู้ขอสินเชื่อ และความมั่นคงของบริษัทที่ผู้ขอสินเชื่อทำงานอยู่ด้วย จากวิธีการเตรียมตัวดังกล่าว เป็นเพียงการช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อให้ผ่านได้ อย่างไรก็ตาม ในการขอสินเชื่อแต่ละธนาคารเองก็ยังมีวิธีในการประเมินที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังสามารถใช้ตัวช่วยอื่น ๆ ได้ เช่น การพิจารณาหาคนมากู้ร่วม ดังนั้น การพูดคุยสอบถามทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารที่เราไปขอสินเชื่อโดยตรงนั้นก็มีความสำคัญมากที่จะช่วยให้ความกระจ่าง ทั้งในเรื่องการเตรียมตัวและการพิจารณาในการเลือกใช้บริการจากธนาคารที่ต้องการยื่นสินเชื่อ อ้างอิง : การคำนวณรายได้ในการประเมินวงเงินเพื่อขอสินเชื่อโดยประมาณของธนาคาร ธอส. แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1522966
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันสุขภาพ
19/03/2024
เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันนั้นมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หลายคนจึงเริ่มหันมาสนใจเลือกทำ ประกันสุขภาพ ไว้เป็นตัวช่วยในยามเจ็บป่วย ซึ่งประกันแบบเหมาจ่าย จะเป็นตัวช่วยดีๆ ที่ช่วยให้ผู้เอาประกันสามารถที่จะผ่านวิกฤตค่ารักษาพยาบาลก้อนโตไปได้ และสำหรับผู้ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวช่วยการวางแผนทางการเงิน หรือประกันประเภทนี้อยู่ บทความนี้จะช่วยทำให้คุณรู้จักกับ “ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย” เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมประกันสุขภาพ เหมาจ่าย คืออะไร?ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นประกันภัยสุขภาพที่จะให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องของค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันภัย โดยจะคุ้มครองในเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการเจ็บป่วย โรคภัย รวมไปถึงการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะมีการกำหนดวงเงินค่ารักษาต่อปีรอบกรมธรรม์ หรือมีการกำหนดวงเงินที่มากเพียงพอในค่ารักษาพยาบาลต่อครั้ง โดยจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลในทุกหมวดหมู่ตามที่กรมธรรม์นั้นๆ กำหนดเอาไว้ความคุ้มครองของประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายประกันสุขภาพ แบบเหมาจ่าย อาจมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง ซึ่งผู้เอาประกันสามารถที่จะอ่านรายละเอียดความคุ้มครองได้จากเงื่อนไขของประกันภัยที่เลือกซื้อ แต่โดยส่วนมากแล้วความคุ้มครองของประกันภัยสุขภาพแบบเหมาจ่าย มักที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล รวมถึงการดูแลสุขภาพที่จำเป็น ดังต่อไปนี้1. คุ้มครองผู้ป่วยใน หรือ IPD • ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะมีความคุ้มครองค่าห้องพัก ในกรณีห้องผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งจะ • รวมไปถึงค่าอาหารของผู้ป่วยด้วย ซึ่งบางแผนอาจมีความคุ้มครองกรณีห้องผู้ป่วยวิกฤตเพิ่มเติม • ค่าบริการทางการแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น การตรวจวินิจฉัย, การบำบัดรักษา, การบริการโลหิต, การพยาบาล, ค่าและเวชภัณฑ์ทั่วๆ ไป เป็นต้น • ค่าประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์) • ค่าหัตถการและค่าผ่าตัด2. คุ้มครองผู้ป่วยนอก หรือ OPD • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก ยกตัวอย่างเช่น MRI, CT Scan, การล้างไต, เคมีบำบัด และรังสีบำบัด เป็นต้น • คุ้มครองในส่วนของค่ากายภาพบำบัด3. คุ้มครองการรักษาพยาบาล ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ • ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ให้ความคุ้มครองกรณีที่เกิดการบาดเจ็บทางร่างกาย จากการเกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง • ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาลในอาณาเขตประเทศไทยเท่านั้น โดยบริษัทจะให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาลนอกอาณาเขตประเทศไทยเฉพาะการบาดเจ็บ หรือการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และไม่สามารถคาดการณ์ได้ระหว่างอยู่ในต่างประเทศจนเป็นเหตุให้ต้องได้รับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล4. คุ้มครองค่าใช้จ่าย ในการฟื้นฟูสุขภาพและร่างกายหลังการเจ็บป่วย • บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์สำหรับค่าเวชศาสตร์ฟื้นฟู ค่าบริการกายภาพบำบัด ค่าบริการกิจกรรมบำบัด ค่าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ เวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือนักกายภาพบำบัด ค่าเครื่องมือและเวชภัณฑ์สำหรับการรักษาต่อเนื่องในแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลที่เกิดขึ้นภายใน ตามที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัย หลังออกจากการเข้าพักรักษาเป็นผู้ป่วยในครั้งนั้น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงค่าบริการทางการพยาบาลและจิตวิทยาคลินิกก่อนซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ต้องพิจารณาจากอะไรถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น ประกันสุขภาพ แบบเหมาจ่าย เหมือนกัน แต่ใช่ว่าประกันภัยทุกกรมธรรม์จะเหมือนกันเสมอไป ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อประกันภัยสุขภาพ จำเป็นจะต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขต่างๆ ของกรมธรรม์ เพื่อให้ได้ประกันที่ครอบคลุมมากที่สุด และเพื่อความคุ้มค่าในการซื้อประกัน 3 สิ่งนี้ คือสิ่งที่ควรนำเอาไปพิจารณาเพิ่มเติม • ค่าเบี้ยประกัน ยิ่งหากประกันที่เลือกซื้อครอบคลุมเยอะเท่าไหร่ ค่าเบี้ยของประกันจะยิ่งสูงตามขึ้นไปด้วย ดังนั้นก่อนที่จะทำการเลือกซื้อจะต้องคำนวณค่าเบี้ยก่อนว่ากระทบต่อค่าใช้จ่ายระยะยาวหรือไม่ • ประเมินค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลที่ต้องการเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันปัญหาวงเงินไม่เพียงพอต่อการเข้ารับการรักษา แนะนำให้ทำการประเมินค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลที่คาดว่าจะเข้ารับการรักษายามเจ็บป่วย • นำสวัสดิการที่มีมาประเมินร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เป็นพนักงานบริษัทและอาจมีประกันแบบกลุ่มอยู่แล้ว บางครั้งการเจ็บป่วยบางโรคค่ารักษาพยาบาลของประกันกลุ่มอาจไม่เพียงพอ การมองหาประกันภัยสุขภาพแบบเหมาจ่าย จึงอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสรุปบทความถึงแม้ว่าประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย จะเป็นรูปแบบของการทำประกันภัยที่มีค่าเบี้ยสูงหากเปรียบเทียบกับประกันภัยประเภทอื่นๆ แต่เชื่อเถอะว่าค่าเบี้ยประกันภัยสุขภาพที่จ่ายในแต่ละปีนั้นถูกมาก หากเทียบกับค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยเพียงแค่ครั้งเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคร้ายยิ่งมีค่ารักษาที่สูง ประกันจึงเป็นตัวช่วยดีๆ ที่จะเข้ามาดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากคุณมองหาประกันที่คุ้ม และครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ TIPINSURE คือคำตอบแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/517748
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
เดินเที่ยว “พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น” ชวนไปสำรวจเงินตราของภาคอีสาน ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน และยังมีโซนจัดแสดงเรื่องราวของเมืองขอนแก่นในยุคปี 2500 ในฐานะเมืองหลวงของภาคอีสานพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่นมาเที่ยวที่ “ขอนแก่น” หลายคนคงจะนึกถึงการมาตระเวนไหว้พระ หรือการไปสำรวจโลกยุคดึกดำบรรพ์กับเหล่าไดโนเสาร์ แต่ยังมีอีกสถานที่ท่องเที่ยว ที่มาแล้วทั้งได้ความสนุกสนานและความรู้กลับบ้านไปด้วย นั่นก็คือที่ “พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น”“พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น” ตั้งอยู่บนถนนศรีจันทร์ในย่านเศรษฐกิจสำคัญของเมืองขอนแก่น เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเงินตราไทยที่สำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการด้านเศรษฐกิจและสังคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่นอาคารพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น เดิมเป็นอาคารสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2511 จนหมดสัญญาเช่าที่ราชพัสดุใน พ.ศ. 2560 กรมธนารักษ์จึงปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเงินตราไทย โดยเฉพาะเงินตราท้องถิ่นของภาคอีสาน ซึ่งเป็นแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการด้านเศรษฐกิจการค้าและสังคมของจังหวัดขอนแก่นและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยตั้งแต่อดีตกับปัจจุบันมาถึงที่หน้าอาคาร ก็จะสังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่อยู่ในวงกลมขนาดใหญ่ อยู่ที่ด้านบนเหนือบันไดทางเข้าอาคาร ซึ่งนี่ก็คือ ตราสัญลักษณ์ประจำพิพิธภัณฑ์ เป็นสัญลักษณ์ที่นำมาจากตราประทับบนเงินฮ้อย เงินตราท้องถิ่นอีสาน มีลักษณะที่ถูกตีความจากหลายความเชื่อ รวมถึง นาค ซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิที่เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ตามความเชื่อพื้นถิ่นดั้งเดิมของคนอีสานนิทรรศการเงินตราภาคอีสานการมาชมนิทรรศการที่นี่ จะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ และมีผู้นำชมบรรยายในส่วนต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์ โดยที่นี่จะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน คือ นิทรรศการธนารักษ์พัฒนา นิทรรศการเงินตราภาคอีสาน และ นิทรรศการเล่าเรื่องเมืองขอนแก่นในส่วนแรกคือ “นิทรรศการธนารักษ์พัฒนา” บอกเล่าเกี่ยวกับภาคกิจสำคัญของกรมธนารักษ์ และพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในความดูแลทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 6 แห่งต่อมาคือ “นิทรรศการเงินตราภาคอีสาน” ที่เริ่มต้นตั้งแต่การใช้โลหะในยุคก่อนประวัติศาสตร์ พาเดินทางย้อนเวลาไปในโลกของเงินตรา ที่เชื่อมโยงทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม โดยผ่าน “นาค” สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนอีสาน ผู้ทำหน้าที่ดูแลรักษาสมบัติมีค่าในทุกยุคทุกสมัย และ ภูมิปัญญางานโลหกรรม อันเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของคนอีสานที่สืบทอดกันมายาวนานห้องมรดกภูมิปัญญาไทยใต้ผืนดินอีสานเหรียญในสมัยทวารวดีเริ่มชมกันตั้งแต่ห้องแรกคือ “นาคา ผู้คน และเงินตรา จากตำนานสู่เรื่องราวบนแผ่นดินอีสาน” จากจุดกำเนิดของการค้นพบโลหะสำริดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อกว่าสองพันปีก่อน สืบต่อมายังห้อง “มรดกภูมิปัญญาไทยใต้ผืนดินอีสาน” เรียนรู้เงินตราในสมัยทวารวดี รวมถึงตัวอย่างหลักฐานทางโบราณคดีสมัยวัฒนธรรมทวารวดี และวัฒนธรรมเขมรบนแผ่นดินอีสานสืบต่อมาถึงยุคของอาณาจักรล้านช้าง ที่ห้อง “อาณาจักรล้านช้าง ยุคสมัยของความรุ่งเรืองบนแผ่นดินลุ่มแม่น้ำโขง” เล่าถึงเงินตราท้องถิ่นภาคอีสาน ตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้าง มาจนถึงเงินตราในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยในห้องนี้ จะแสดงให้เห็นความรุ่งเรืองของอาณาจักรล้านช้าง มีการค้าขายกับชุมชนต่าง ๆ ทำให้เกิดการใช้เงินตราเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เจ้าเมืองคือมีผู้อำนาจผลิตเงินตรา นั่นก็คือ “เงินฮ้อย” และ “เงินลาด” ซึ่งเป็นเงินตราของอาณาจักรล้านช้าง จนเมื่อเข้าสู่ยุคสยามใหม่ ข้าหลวงประจำมณฑลคือตัวแทนของการรวมอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางเพื่อให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้มีการนำเหรียญกษาปณ์ออกใช้ และเงินตราท้องถิ่นหมดสิ้นไปห้องอาณาจักรล้านช้าง ยุคสมัยของความรุ่งเรืองบนแผ่นดินลุ่มแม่น้ำโขงเงินฮ้อย เงินลาด ในยุคล้านช้างวิธีการทำเงินจากโลหะในยุคก่อนแผงค้าขายยุคล้านช้างห้องอีสานยุคใหม่ สยามใหม่ สู่ ระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้าก้าวเข้ามาสู่ห้อง “อีสานยุคใหม่ สยามใหม่ สู่ ระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้า” เงินตรามีการพัฒนาการทั้งทางด้านวัสดุ รูปแบบ และเทคนิคการผลิต ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละยุคสมัย โดยที่ห้องนี้จะจัดแสดงเหรียญกษาปณ์ของไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕-๘จากนั้นก็ผ่านโบกี้รถไฟ ตัวแทนแห่งยุคสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ผ่านเข้ามาสู่ห้อง “อีสาน จากพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการเมืองการปกครอง สู่พื้นที่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต” ในห้องนี้จะได้ชมเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึกในสมัยรัชกาลที่ ๙-๑๐เริ่มพัฒนาการผลิตเหรียญกษาปณ์ของไทยเหรียญกษาปณ์ของไทย สมัยรัชกาลที่ ๗โบกี้รถไฟ ตัวแทนแห่งการค้าขายยุคสมัยใหม่เหรียญกษาปณ์ไทยในยุครัชกาลที่ ๙-๑๐ลองทายว่าในตู้มีเหรียญอยู่กี่เหรียญสัมผัสเงินที่นำมาใช้ทำเหรียญกษาปณ์และส่วนสุดท้าย “นิทรรศการเล่าเรื่องเมืองขอนแก่น” บอกเล่าประวัติศาสตร์ ของเมืองขอนแก่นตั้งแต่ยุค 2500 ซึ่งภาครัฐได้กำหนดให้ ขอนแก่นเป็นเมืองหลวงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ขอนแก่นมีการพัฒนาโดยภาครัฐเป็นอย่างมาก นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและเป็นรากฐานการพัฒนาของเมืองขอนแก่นมาถึงปัจจุบันแบ่งออกเป็น ห้อง “นิราศขอนแก่น” ชมคลิปย้อนอดีตความศิวิไลซ์ของเมืองขอนแก่นในยุค 2500 พร้อมกับฟังนิราศขอนแก่น แต่งโดย โสภัณ สุภธีระ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น ที่เล่าถึงสถานที่ ผู้คน และบรรยากาศในยุคสมัยนั้นนิทรรศการ “เล่าเรื่องเมืองขอนแก่น”ขอนแก่น รากฐานจากยุคเหมืองหลวงอีสาน สู่ปัจจุบันและอนาคตสมาร์ทซิตี้ห้อง “ขอนแก่น รากฐานจากยุคเหมืองหลวงอีสาน สู่ปัจจุบันและอนาคตสมาร์ทซิตี้” บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านเมืองและผู้คนในขอนแก่น ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มาดูกันว่าขอนแก่นในยุค 2500 หน้าตาเป็นอย่างไร แล้วในปัจจุบันสถานที่เดิมตรงนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างสุดท้ายคือห้อง “แม่นหยังน้อ สมาร์ทซิตี้” แนวคิดการพัฒนาเมืองในแบบคนขอนแก่น ร่วมกันออกแบบทิศทางของเมืองขอนแก่นในอนาคต ให้ไปสู่สมาร์ทซิตี้ ใครที่อยากให้เมืองขอนแก่นมีอะไรเพิ่มขึ้น มีด้านไหนที่ต้องพัฒนา ก็ร่วมลงมือออกแบบกันได้เลยนอกจากจะมาเดินชมนิทรรศการเพิ่มพูนความรู้และความสนุกสนานกันแล้ว ที่อาคาร “พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น” ก็จะมีโซนจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนที่บริเวณชั้นล่าง มีคาเฟ่เล็กๆ และยังมีกิจกรรมหลากหลายที่หมุนเวียนมาให้ร่มสนุกกันแม่นหยังน้อ สมาร์ทซิตี้“พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น” ตั้งอยู่ที่ถนนกลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิดให้บริการ วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. (ปิดบริการทุกวันจันทร์ วันหยุดเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์)อัตราค่าเข้าชม : บุคคลชาวไทยและชาวต่างชาติ คนละ 50 บาท / เด็กหรือเยาวชนไทย อายุระหว่าง 10-18 ปี คนละ 20 บาทการเข้าชม จะมีเจ้าหน้าที่นำชมเป็นรอบ รอบละ 60 นาที รอบสุดท้ายเวลา 15.00 น.ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ Facebook : พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น เว็บไซต์ www.trdmuseumkhonkaen.treasury.go.thแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000022680
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
19/03/2024
กระจกใสในห้องน้ำของโรงแรมโดยเฉพาะกระจกใสในห้องน้ำของห้องเตียงคู่มักจะทำให้แขกหลายคนที่ไม่ใช่คู่รักรู้สึกเขินอาย แต่ความจริงแล้วจุดเริ่มต้นในการติดตั้งผนังกระจกใสในห้องน้ำของโรงแรมมีด้วย 4 เหตุผลดังนี้1. ประหยัดต้นทุนการก่อสร้าง เมื่อเปรียบเทียบกับผนังทึบ ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของผนังกระจกคือสามารถประหยัดต้นทุนได้มาก2. เพิ่มเอฟเฟกต์ภาพ พื้นที่ห้องพักทั่วไปมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ด้วยการออกแบบกระจก เอฟเฟกต์ภาพโดยรวมจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก3. ทำความสะอาดและบำรุงรักษาง่าย เมื่อเทียบกับกระเบื้องเซรามิกหรือโครงสร้างอื่นๆ กระจกจะพบคราบง่ายกว่าและยังดูแลง่ายกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังไม่สึกกร่อนง่ายดังนั้นค่าบำรุงรักษาจึงค่อนข้างต่ำ4. เพิ่มแสงสว่างในห้องน้ำ ห้องน้ำมักจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก หากอยู่ในที่ที่ปิดบังสายตาก็จะรู้สึกอึดอัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การออกแบบกระจกสามารถเพิ่มแสงสว่างในห้องน้ำได้ เพื่อให้ผู้คนไม่รู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ในห้องน้ำแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446983/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
18/03/2024
คอลัมน์ : แบงก์ชาติชวนคุย ผู้เขียน : ชญาวดี ชัยอนันต์ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย “จ่ายได้แค่ดอกเบี้ย เงินต้นแทบไม่ลด” เลยต้องผ่อนน้อย และผ่อนนาน เป็นอาการที่มีการพูดถึงกันมากขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งเราอาจเรียกง่าย ๆ ได้ว่าเป็น “หนี้เรื้อรัง”นั่นเอง ปัญหาหนี้เรื้อรังเกิดจากการที่ลูกหนี้มีรายได้ หรือสภาพคล่องในมือน้อย เทียบกับภาระการผ่อนชำระหนี้ ส่งผลให้หนี้ลดช้า สภาพคล่องในมือของครัวเรือนที่ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงทุนเพื่อการประกอบอาชีพก็มีจำกัด เพราะต้องนำส่วนหนึ่งไปชำระหนี้ไม่จบไม่สิ้น เกิดทั้งความเครียดและยังฉุดรั้ง การขยายตัวทางเศรษฐกิจและอาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงิน ซึ่งนับเป็นหนึ่งใน “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” สำคัญของประเทศที่ต้องเร่งแก้ไข ที่ผ่านมาแบงก์ชาติได้รับฟังความคิดเห็นทั้งจากหลากหลายเจ้าหนี้และลูกหนี้ เพื่อนำมาออกแบบมาตรการในการช่วยเหลือดูแลให้ตรงจุดและมีความสมดุล เพื่อให้การช่วยเหลือลูกหนี้เกิดขึ้นได้จริง โดยไม่ส่งผลต่อความมั่นคงในภาพรวมของระบบสถาบันการเงิน ซึ่งภายใต้มาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม หรือ Responsible Lending ที่เคยเล่าสู่กันฟังไปแล้ว และได้ทยอยมีผลตั้งแต่ต้นปี มีมาตรการใหม่ของแบงก์ชาติที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหนี้เรื้อรังโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มในเดือนเมษายน 2567 นี้ มาตรการแก้หนี้เรื้อรังนี้ เปรียบเสมือนยารักษาผู้ป่วยที่สามวันดีสี่วันไข้มานานให้หายขาด เพราะจะเป็นการให้ “ทางเลือก” กับกลุ่มเปราะบางที่ยังติดอยู่ในวงจรหนี้ไม่เห็นทางออก ให้ปิดจบภาระหนี้ได้ แล้วผู้ป่วยที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรังมีอาการอย่างไร ? อาการ “เรื้อรัง” แสดงว่าลูกหนี้ยังเป็นลูกหนี้ดีที่จ่ายหนี้อย่างสม่ำเสมอ จึงมีสถานะเป็นลูกหนี้ปกติ ไม่ได้เป็นหนี้เสีย หรือ NPL แต่อย่างใด เพียงแต่จ่ายน้อย ทำให้ส่วนที่จ่ายไปเป็นการชำระค่าดอกเบี้ยเป็นส่วนใหญ่ จึงตัดต้นได้น้อย ปิดจบหนี้ได้ยาก ต้องใช้เวลา เหมือนผู้ป่วยที่กินยาบรรเทาอาการมานาน แต่ยังไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ การรักษาอาการหนี้เรื้อรังนี้ จะโฟกัสไปที่ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ที่มีวงเงินกู้ โดยมีกำหนดชำระตามรอบบิล ชำระแล้วก็อาจกู้ใหม่ได้อีกตามวงเงินที่เหลือ ทำให้ไม่มีกำหนดเวลาว่าต้องจ่ายกี่งวดจึงจะจบ เช่น สินเชื่อบัตรกดเงินสด ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงจะติดกับดักหนี้เรื้อรังมากกว่ากลุ่มอื่น เพราะสามารถจ่ายขั้นต่ำไปได้เรื่อย ๆ โดยมาตรการนี้จะไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลและบัตรเครดิต ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสจะเป็นหนี้เรื้อรังน้อยกว่า การรักษาลูกหนี้เรื้อรัง จึงต้องให้ยาตามอาการ มีตั้งแต่ยาอ่อนไปจนถึงยาแรง ลูกหนี้ที่เพิ่งเริ่มมีสัญญาณของหนี้เรื้อรัง สะท้อนจากการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นนานกว่า 3 ปีนั้น มาตรการจะเน้น “กระตุ้นเตือน กระตุกให้ปรับพฤติกรรม” โดยเจ้าหนี้จะต้องแจ้งเตือนลูกหนี้ผ่านช่องทางที่ผู้ให้บริการใช้สื่อสารกับลูกหนี้ (เช่น จดหมาย อีเมล์ SMS แอปพลิเคชั่นธนาคาร และบัญชีทางการ LINE) พร้อมทั้งแนะนำให้จ่ายหนี้เพิ่มขึ้นตามกำลังและความสมัครใจ เพื่อลดภาระและเวลาในการผ่อนลง ที่สำคัญเจ้าหนี้ต้องให้ข้อมูลดอกเบี้ยที่จ่ายไปแล้ว รวมถึงเงินต้นและหนี้คงเหลือ เพื่อให้ลูกหนี้ใช้ตัดสินใจ และหากลูกหนี้อยากปิดหนี้เร็วขึ้น เจ้าหนี้ก็ต้องมีแนวทางช่วยเหลือให้ด้วย สำหรับลูกหนี้ที่มีอาการหนี้เรื้อรังขั้นรุนแรง โดยมีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าต้นมาแล้วนานกว่า 5 ปี และเป็นลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ที่มีรายได้น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน และลูกหนี้น็อนแบงก์ที่มีรายได้น้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือน เจ้าหนี้จะต้อง “เสนอทางออกผ่านการปรับโครงสร้างหนี้” ไปยังช่องทางที่ผู้ให้บริการใช้แจ้งข้อมูลกับลูกหนี้ พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่จำเป็น เช่น ผลเสียของการชำระหนี้ขั้นต่ำต่อเนื่อง คุณสมบัติของลูกหนี้ที่จะเข้าร่วม แนวทางการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข ช่องทางติดต่อขอรับคำปรึกษา โดยลูกหนี้มีสิทธิเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมมาตรการหรือไม่ ตามความสมัครใจ ลูกหนี้ที่ตอบรับจะได้เข้าสู่กระบวนการเจรจา เพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระที่สอดคล้องกับความสามารถของตน พร้อมทั้งปรับเป็นสินเชื่อแบบผ่อนชำระเป็นงวดแทน เพื่อให้มีวันจบ และได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือไม่เกิน 15% ต่อปี (จากปกติไม่เกิน 25% ต่อปี) ทำให้เงินค่างวดที่ชำระในจำนวนเท่าเดิมสามารถลดเงินต้นได้มากขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มจนกว่าจะปิดจบหนี้แล้ว (ยกเว้นกรณีที่จำเป็น เช่น เจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือตกงาน) เพื่อให้สามารถปิดจบหนี้ได้ภายใน 5 ปี นอกจากนี้ จะมีมาตรการเสริมเชิงป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เรื้อรัง โดยตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ สถาบันการเงินต้องตั้งค่าเริ่มต้นในการชำระหนี้ผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคารให้เป็นการชำระเต็มจำนวนเท่านั้น อีกทั้งจะต้องมีข้อความแจ้งเตือนให้คนที่ไม่ชำระเต็มจำนวนรู้ว่าจะทำให้มีภาระดอกเบี้ยสูงขึ้นด้วย มาตรการแก้หนี้เรื้อรังให้กับกลุ่มเปราะบางนี้ เป็นเพียงจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งของการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในภาพใหญ่เท่านั้น โดยยังมีจิ๊กซอว์สำคัญอีกหลายชิ้นที่จะทำให้ภาพของการแก้หนี้อย่างยั่งยืนมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งการเป็น “ลูกหนี้ที่มีวินัย” เป็นหนี้เท่าที่จำเป็น และจ่ายไหว ขณะที่ผู้ให้บริการก็ต้องเป็น “เจ้าหนี้ที่มีความรับผิดชอบ” ให้สินเชื่อที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและความสามารถของลูกหนี้ ซึ่งในครั้งต่อ ๆ ไปจะขอนำมาตรการอื่น ๆ และแนวทางการกำกับดูแลเชิงรุกของแบงก์ชาติมาเล่าให้ฟัง แล้วพบกันใหม่ค่ะ แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1509190
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
18/03/2024
บทความโดย "บุณยนุช ยุทธ์ประทุม" นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทยประโยชน์สูงสุดของการวางแผนประกันคือ การทำประกันให้ครอบคลุมเรื่องจำเป็นที่สำคัญ เพื่อป้องกันความเสียหายใหญ่ จากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ในบทความนี้ผู้เขียนขอเชิญชวนท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับความเสี่ยง 4 ด้านหลัก เกี่ยวกับการวางแผนประกันบุคคล ซึ่งผู้วางแผนการเงินจะต้องเตรียมการให้พร้อมอย่างรอบคอบและครบทุกด้านความเสี่ยงจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ เจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ หรือเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เนื่องจากการจากไปก่อนวัยอันควรมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทุกคนในครอบครัวไม่ได้มีเวลาตั้งตัวมากนัก โดยเฉพาะการสูญเสียบุคคลสำคัญอันเป็นที่รักของสมาชิกในบ้าน หรือการจากไปของผู้ที่ทำงานมีรายได้หลักหาเลี้ยงครอบครัว การจากไปยิ่งเพิ่มความสูญเสียเป็นทวีคูณบวกกับความสั่นคลอนของสถานะการเงินภายในครอบครัว จากสถานะที่อยู่ดีมีสุข มีใช้ไม่ขัดสน การศึกษาของบุตรหลานอาจจะต้องหยุดชะงัก หนี้สินอาจเพิ่มขึ้น ในการวางแผนการเงินนั้น การทำประกันชีวิตที่มีทุนสูงเพื่อมาปิดความเสี่ยงทางด้านนี้ จะช่วยบรรเทามูลค่าความเสียหาย ลดภาระหนี้สิน ช่วยให้ครอบครัวมีเงินเพื่อใช้จ่ายไปอีกระยะหนึ่ง ไม่เดือดร้อนจนเกินไป และ/หรือบุตรหลานได้รับการศึกษาจนจบปริญญาตามที่ตั้งใจไว้ความเสี่ยงจากการมีรายได้ไม่เพียงพอเมื่อเกษียณอายุผู้วางแผนการเงินสามารถเริ่มวางแผนง่าย ๆ จากการสำรวจความต้องการใช้เงิน ของตนเอง ว่าต้องการจะใช้เงินเดือนละเท่าไหร่หลังเกษียณ เช่น ต้องการใช้เงินเดือนละ 50,000 บาท โดยมีเงินที่ได้รับแน่นอนเดือนละ 25,000 บาท และมีเงินปันผลจากการลงทุนหรือรายได้อื่น ๆ อีกเดือนละ 25,000 บาทจะเห็นได้ว่าการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณด้วยการประกันบำนาญ จะทำให้ผู้วางแผนการเงินมีรายรับแน่นอน ซึ่งเงินส่วนนี้นำมาเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ส่วนเงินที่ได้จากการลงทุนอื่น ๆ ก็อาจนำมาใช้ในการเติมเต็ม Life Style เช่น ท่องเที่ยว ทำบุญ ฯลฯความเสี่ยงจากการมีสุขภาพไม่ดีเมื่อบุคคลมีอายุมากขึ้น โอกาสที่เป็นโรคเรื้อรังก็จะเพิ่มขึ้นตามวัย สำหรับเด็กเล็กก็มักจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ ในขณะเดียวกันเด็ก ๆ จะต้องมีพัฒนาการในการฝึกกล้ามเนื้อเล็ก ๆ มีการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และการชอบจับสิ่งของรอบ ๆ ตัวเข้าปากด้วยความสนุก เป็นสาเหตุให้เด็กติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย ถึงแม้ว่าการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกเพศทุกวัยต้องกระทำ แต่ทุกคนยังคงมีโอกาสเจ็บป่วยได้อีกทั้งสาเหตุจากภายในร่างกายเอง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นต้น และจากปัจจัยภายนอก เช่น มลพิษทางอากาศ อาหารที่เจือปนสารพิษ เป็นต้นดังนั้นการทำประกันสุขภาพไว้เผื่อเวลาเจ็บป่วยจะทำให้ผู้เอาประกันเข้าถึงสถานพยาบาลได้ง่ายขึ้น และเป็นการช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะการเจ็บป่วยแต่ละครั้ง เราไม่สามารถทราบค่ารักษาที่แน่นอน ซึ่งอาจเป็นหลักหมื่น หลักแสน หรือหลักล้านบาท การทำประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาที่มากพอ จะช่วยให้ลดความกังวลใจในเรื่องค่ารักษาพยาบาลได้ความเสี่ยงกรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงสาเหตุหลักของภาวะทุพพลภาพนั้นส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ การได้รับบาดเจ็บหรือมีภาวะเจ็บป่วยอย่างหนัก และอาจสูญเสียอวัยวะหรือร่างกายไม่อยู่ในสภาวะปกติ ทำให้ความสามารถในการทำงานลดลงจนไม่อาจประกอบอาชีพการทำงานได้ตามปกติเช่น การสูญเสียนัยน์ตา 2 ข้าง แขน 2 ข้าง หรือขา 2 ข้าง แม้โอกาสเกิดจะมีน้อยมาก แต่การปิดความเสี่ยงด้วยการทำประกัน หรือเตรียมเงินอีกส่วนไว้เพิ่มเติมจากค่ารักษาพยาบาล สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในช่วงพักฟื้นก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งผู้ป่วยและครอบครัว เพราะเป็นการช่วยลดความกังวล และทำให้มีกำลังใจในการฟื้นฟูสภาพร่างกายให้ดีขึ้นโดยเร็วจากความเสี่ยงหลักทั้ง 4 ด้านดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้วางแผนการเงินควรเตรียมการไว้ล่วงหน้า แม้ในบางกรณีที่โอกาสเกิดจะน้อยมาก แต่ถ้าเกิดขึ้นเมื่อใดแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นมักจะมีมูลค่าสูงมาก เงินเก็บเงินออมที่เตรียมไว้อาจไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการรักษาพยาบาล หรือมีพอ แต่ไม่อยากสูญเสียทรัพย์สินบางอย่างที่ครอบครัวได้สะสมกันมาด้วยเหตุนี้ การวางแผนประกันให้อย่างรอบคอบและครอบคลุมการปิดความเสี่ยงทุกด้าน ย่อมจะเป็นการช่วยให้ผู้วางแผนการเงินอุ่นใจและไม่กระทบสถานะทางการเงินของครอบครัวมากจนเกินไปแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1498677
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
GroundControl ผู้สร้างสรรค์งานทางด้านสายอาร์ต และ แกลเลอรีเปิด MMAD MASS Gallery ผลักดันผลงานศิลปินไทยสู่ตลาดสากลเพราะศิลปะอยู่รอบตัวเรา สื่อศิลป์ 360 องศา GroundControl ผู้สร้างสรรค์งานทางด้านสายอาร์ต และ แกลเลอรี เล็งเห็นถึงช่องทางการเติบโตของตลาดศิลปะที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่เล็กๆ พร้อมเป็นสื่อกลาง ผลักดันงานศิลปะ และศิลปินไทยที่มีความสามารถสร้างสรรค์ผลงานโดดเด่นให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ วางกลยุทธ์ดำเนินงานอย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการเฟ้นหา เป็นที่ปรึกษา รังสรรค์ผลงาน การจัดแสดงและประชาสัมพันธ์งานศิลปะรวมถึงผลงานของศิลปินผ่านช่องทางสื่อในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางออนไลน์ และพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะอย่าง MMAD MASS Galleryคุณสิริมา ไชยปรีชาวิทย์ ตำแหน่ง Creative Director & Art Curator และ คุณศิขรินทร์ ลางคุลเสน ตำแหน่ง Communication & Social media Director ผู้ร่วมก่อตั้ง GroundControl (กราวด์คอนโทรล) มากกว่า 3 ปี กล่าวว่า ปัจจุบันงานศิลปะเป็นเสมือนสื่อกลางที่เชื่อมโยงทุกอย่างไว้ด้วยกัน และมีอิทธิพลเป็นส่วนหนึ่งของการสอดแทรกและขับเคลื่อนสังคม รวมไปถึงชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ไม่ว่า จะเป็นด้านประวัติศาสตร์ การเมือง ตลอดจนไปถึงสื่อบันเทิง ล้วนมีศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้องและถูกสร้างสรรค์ ไปในทิศทางที่มีเอกลักษณ์รูปแบบที่โดดเด่นและชัดเจนคุณสิริมา ไชยปรีชาวิทย์ ตำแหน่ง Creative Director & Art Curator และ คุณศิขรินทร์ ลางคุลเสน ตำแหน่ง Communication & Social media Directorปัจจุบันกระแสและทิศทางการเติบโตทางด้านศิลปะในแง่มุมต่างๆ ทำให้แนวโน้มการตอบรับจากสังคม ที่มีต่องานศิลปะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทาง GroundControl ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงโควิดแต่กลับมีกระแสการเติบโตทางด้านรายได้ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันกว่าร้อยละ 60 รวมถึงลูกค้าและพาร์ทเนอร์ที่เติบโตต่อเนื่องกว่าร้อยละ 65 จึงทำให้เล็งเห็นช่องทางการผลักดันงานทางด้านศิลปะที่ไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทยแต่ยัง รวมไปถึงต่างประเทศ ด้วยการเชื่อมโยงหรือเป็นสื่อกลางประสานระหว่างศิลปิน องค์กร หน่วยงานต่างๆ ทั้ง ภาครัฐและเอกชน และ ผู้บริโภค นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับงานศิลป์ พร้อมสร้างรายได้ โดยมุ่งเน้น ไปที่การดำเนินงานด้าน Arts Creative Services and Publisherและในปี 2567 ทาง GroundControl ได้วางแผนงานขยายงานด้าน Arts Creative Services โดยเฉพาะกิจกรรมทางด้านศิลปะและไลฟ์สไตล์ชื่อว่า GroundPLAY! ให้เติบโตและมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับจำนวนการตอบรับของผู้สนใจงานศิลปะที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีผู้ร่วมงาน 4,000 คน เป็น 10,000 คนในปีนี้ และยังขยายขอบเขตงานให้ครอบคลุมถึงด้านดนตรี ภาพยนตร์ การเพิ่มกิจกรรมเวิร์กชอปเพื่อให้ ผู้ที่สนใจได้สัมผัสและเข้าถึงงานศิลปะ รวมถึงการประชาสัมพันธ์แสดงผลงานของศิลปินที่หลากหลายแนวนอกจากนี้ GroundControl ยังปรับโครงสร้างเพื่อรองรับและขยายตัวด้วยการเป็นตัวแทนดูแลจัดการ งานด้านต่างๆ ให้กับศิลปิน เช่น การเปิดโครงการ Artist On Our Radar ซึ่งเป็นโครงการแบบครบวงจรช่วย ผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างศิลปินภาพประกอบและแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ทั้งในด้านการวางแผน และส่วนของการเวิร์กชอปเพื่อให้ศิลปินมีความเข้าใจพื้นฐานในการทำงานเพื่อก่อให้เกิดรายได้ รวมถึงการทำงาน ทางด้านแกลเลอรี ผ่านวิทยากรที่มีประสบการณ์และเป็นที่ยอมรับในวงการด้านศิลปะ ซึ่งปัจจุบันโครงการ Artist On Our Radar ได้ทำการคัดเลือกศิลปินจากผู้สมัครกว่า 200 คน โดยมีทีมงานพิจารณาผลงานที่ ส่งประกวดร่วมกับผลงานที่ผ่านมาของศิลปิน ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คาแรคเตอร์ที่ชัดเจน และพร้อมที่ จะพัฒนาผลงานเพื่อตอบรับการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ จนได้ศิลปินจำนวน 12 คน และนำผลงานมา แสดงที่ MMAD MASS Gallery ซึ่งเป็น Illustration Gallery ที่นำเสนอและสนับสนุนผลงานของศิลปิน ภาพประกอบในไทย รวมถึงศิลปินในเอเชีย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผ่านการจัดนิทรรศการเดี่ยว กลุ่ม หรือการทำงานแบบ Duo Exhibition รวมถึงการเป็นพื้นที่สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความคิด มุมมองของ ศิลปินผ่านงานศิลปะ ทั้งระหว่างตัวศิลปินด้วยกันเองและศิลปินที่ต่อเรื่องราวในสังคม ซึ่งทาง GroundControl ยังวางแผนจะขยายโครงการนี้เพื่อให้ครอบคลุมถึงศิลปินในด้านอื่นๆ อีกด้วยนอกจากนี้ทาง GroundControl ยังมีช่องทางสื่อออนไลน์ของตนเอง เพื่อนำเสนอความเคลื่อนไหวใน โลกศิลปะและวัฒนธรรมจากทั้งไทยและต่างประเทศ และยังเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ด้วย เป้าหมายที่จะนำเสนอศิลปะให้เป็นเรื่องสนุกใกล้ตัว ที่ใคร ๆ ก็สามารถทั้ง “เข้าถึง” และ “เข้าใจ” ได้ และยัง เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์งานของศิลปิน และกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ศิลปินไทยได้เป็นที่รู้จัก มากยิ่งขึ้น เชื่อมหัวใจงานศิลป์ให้เป็นพลังขับเคลื่อนของทุกคน ผ่านทางWebsite: https://groundcontrolth.com/FB: https://facebook.com/GroundControlTh/IG: https://www.instagram.com/groundcontrolth/Tiktok: https://www.tiktok.com/@groundcontrolthYouTube: www.youtube.com/groundcontrolthแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447151/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
29/04/2024
19/11/2024
03/04/2024
30/04/2024