Everyday knowledge for you
ข่าวการเงิน
11/10/2024
คอลัมน์ : Smart SMEs ผู้เขียน : ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ กรุงศรี SME ที่ผ่านมาดิฉันมักจะถูกถามความคิดเห็นจากสื่อมวลชน ในฐานะผู้มีโอกาสพบปะพูดคุยและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตต่าง ๆ ที่ผ่านมา ว่าอะไรทำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ คนพร้อมที่จะสู้ต่อจนสามารถผ่านพ้นวิกฤตเหล่านั้นมาได้ และยังนำพาธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นได้อีกด้วย ขณะที่บางคนกลับถอดใจ ซึ่งสิ่งที่ดิฉันได้สังเกตและพบเห็นจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ การคงไว้ซึ่ง “ทัศนคติที่ดี” ต่อสิ่งที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะต้องเจอกับเรื่องที่ยาก ๆ และกินเวลายาวนาน ทำให้ดิฉันนึกถึงประโยคที่กล่าวว่า “Attitude is Everything!” (ทัศนคติ คือ ทุกสิ่ง) ประโยคสั้น ๆ แต่กลับมีความหมายทรงพลัง ที่สื่อว่า มุมมอง ความคิด และทัศนคติของเรา ต่อตัวเอง ต่อผู้อื่น และต่อโลกใบนี้ ส่งผลอย่างมากต่อทุกอย่างในชีวิตของเรา ทัศนคติส่งผลต่อความคิด โดยทัศนคติที่ดีจะช่วยให้เราคิดบวก มองเห็นโอกาสในทุกสถานการณ์ ทัศนคติยังส่งผลต่อการกระทำ โดยเมื่อเรามีทัศนคติที่ดี เรามีแนวโน้มที่จะลงมือทำ กล้าที่จะเผชิญกับความท้าทาย และทัศนคติส่งผลต่อผลลัพธ์ โดยงานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า คนที่มีทัศนคติที่ดีมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่มีทัศนคติแย่ สำหรับผู้ประกอบการ ทัศนคติมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จ ประโยคที่ว่า “Attitude is Everything” นั้นเป็นความจริงที่พิสูจน์ได้ ทัศนคติส่งผลต่อการตัดสินใจ โดยผู้ประกอบการต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากอยู่เสมอ ทัศนคติที่ดีจะช่วยให้พวกเขามองเห็นภาพรวม ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล และรับมือกับความเสี่ยงได้ ดั่งเช่น ผู้ประกอบการสองคนที่เผชิญกับวิกฤตทางธุรกิจ คนแรกมีทัศนคติที่ดี มองวิกฤตเป็นโอกาส พยายามหาทางแก้ไข ในขณะที่ผู้ประกอบการอีกคนมีทัศนคติที่แย่ รู้สึกท้อแท้ คิดว่าธุรกิจของเขาจะล้มละลาย ผลลัพธ์ก็คือ ผู้ประกอบการที่มีทัศนคติที่ดี มีโอกาสที่จะผ่านพ้นวิกฤต และประสบความสำเร็จในธุรกิจ เพราะเขามีความมั่นใจ กล้าที่จะเสี่ยง และหาทางออกได้ ทัศนคติส่งผลต่อแรงจูงใจ โดยการประกอบธุรกิจนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย อุปสรรค และความยากลำบาก ทัศนคติที่ดีจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีแรงจูงใจ มุ่งมั่น อดทน และไม่ยอมแพ้ เช่น ผู้ประกอบการสองคนที่เริ่มต้นธุรกิจใหม่ คนแรกมีทัศนคติที่ดี มุ่งมั่น อดทน เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ในขณะที่ผู้ประกอบการอีกคนมีทัศนคติที่แย่ รู้สึกท้อแท้ คิดว่าธุรกิจของเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์ก็คือ ผู้ประกอบการที่มีทัศนคติที่ดีมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ เพราะเขามีความมุ่งมั่น อดทน และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทัศนคติส่งผลต่อความสัมพันธ์ โดยผู้ประกอบการต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า พนักงาน คู่ค้า และนักลงทุน ทัศนคติที่ดีจะช่วยให้พวกเขาสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ได้รับความไว้วางใจ และสร้างความร่วมมือ ตัวอย่าง เช่น ผู้ประกอบการสองคนที่ต้องติดต่อกับลูกค้า คนแรกมีทัศนคติที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส บริการลูกค้าด้วยความประทับใจ ในขณะที่ผู้ประกอบการอีกคนมีทัศนคติที่แย่ หน้าบึ้งตึง บริการลูกค้าไม่ดี ผลลัพธ์ก็คือ ผู้ประกอบการที่มีทัศนคติที่ดีมีโอกาสที่จะมีลูกค้าประจำ และสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เพราะเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ทั้งนี้ การมีทัศนคติที่ดี เราสามารถฝึกฝนและปรับเปลี่ยนกันได้ค่ะ โดยการฝึกคิดบวกในการมองหาโอกาสในทุกวิกฤต คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ ให้คิดว่าทุกประสบการณ์คือการเรียนรู้ ทั้งที่สำเร็จและที่ล้มเหลว นำมาปรับปรุงแก้ไขพัฒนาตัวเองและธุรกิจ พยายามล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่มีทัศนคติที่ดี โดยหาเพื่อน คนรอบตัว หา Mentor หาแรงบันดาลใจจากผู้คน หนังสือ บทความความรู้ และรู้สึกขอบคุณในสิ่งดี ๆ ที่มี มองโลกในแง่ดี มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ทัศนคติที่ดี เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางให้ผู้ประกอบการไปสู่ความสำเร็จ หมั่นฝึกฝน พัฒนา และปรับเปลี่ยนทัศนคติ เพื่อให้การคิดบวกเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันของคุณกันนะคะ – Change Your Attitude, Change Your Business and Change Your Lifeปล. อ่านบทความ ความรู้และมุมมองธุรกิจดี ๆ สร้างแรงบันดาลใจ ได้ที่ FB Page : Krungsri Business Empowerment แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1516050
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
29/04/2024
สาวเล่าอุทาหรณ์ หลงเชื่อตัวแทนประกัน จ่ายเงินทำไป 2.3 ล้าน กรมธรรม์ไม่ตรงตามที่คุย อึ้งซ้ำบอกโดนสอนกันมาแบบนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangrawee โพสต์เรื่องราวหัวข้อ "เสียเงินหลงเชื่อทำประกัน 2,300,000 บาท" พร้อมเล่าอุทาหรณ์จากความไว้ใจตัวแทนประกันภัยซึ่งรู้จักกัน โดยหลงเชื่อทำประกันแบบสะสมทรัพย์ เพราะเชื่อว่าจะได้กำไรและเงินต้นคืนหลังออมเงินได้ 7 ปี เธอจึงไปชวนคนรู้จักมาทำประกันแบบเดียวกันนี้เพิ่ม รวมทั้งเปิดกรมธรรม์เพิ่มให้ตัวเอง แต่สุดท้ายกลับพบว่า เงื่อนไขของกรมธรรม์ไม่ตรงตามที่คุยไว้ ซ้ำยังต้องเสียความรู้สึกกับคำชี้แจงจากตัวแทนที่บอกว่า พวกเขานั้นก็เข้าใจผิดเหมือนกัน เพราะโดนสอนกันมาแบบนี้ภาพจาก เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangraweeทำประกันสะสมทรัพย์ เข้าใจว่าฝาก 7 ปี รับเงินคืนปีที่ 8 ชวนเพื่อน ๆ มาทำ ซื้อเพิ่มกระหน่ำ 2.3 ล้านเจ้าของเรื่องราวระบุว่า ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ทำประกันชีวิตไปรวม 2,300,000 บาทมารู้ทีหลังว่า กรมธรรม์ไม่ตรงตามที่คุยไว้แต่แรก ไม่ได้โทษบริษัท ใด ๆ คือตัวแทนความรู้ไม่แน่นพอ บวกกับเราไว้ใจตัวแทน เลยไม่ได้อ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ ใครจะทำประกัน ศึกษากันให้ดีจากภาพมีการอธิบายว่า แบบแผนประกันที่ตัวแทนส่งให้ดู บอกว่าสามารถเลือกฝากประกันแบบสะสมทรัพย์ได้ 7 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี ซึ่งหากฝากเงิน 7 ปี ได้คืนปีที่ 8, ฝาก 10 ปี ได้คืนปีที่ 11, ฝาก 15 ปี ได้คืนปีที่ 25 จะได้ผลตอบแทนกำไรเยอะที่สุด เธอเห็นว่าได้กำไรเยอะ จึงเลือกแบบฝาก 7 ปี คิดว่าจะได้คืนปีที่ 8 โดยจ่ายเงินไปครั้งแรก 499,100 บาทต่อมา มีเพื่อนสนใจทำประกันเธอจึงไปชวนเพื่อนหลาย ๆ คนมาทำ เพราะมองว่าออมเงินระยะสั้นแถมได้กำไรเยอะ ซึ่งแชตไปถามเพื่อความแน่ใจ ตัวแทนยืนยันว่า เอาเงินออกได้แบบ 7 ปี 10 ปี และ 15 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งที่เชื่อใจ เพราะมองว่าเขามีความรู้ และดูแลดี เวลาป่วยเข้าโรงพยาบาลมีการแวะเวียนมาหาและซื้อของมาให้ตลอดหลังจากที่เพื่อนสนใจจะทำ เธอเองมองเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสดีใจการลงทุนเพิ่ม จึงชวนแฟนมาทำกรมธรรม์ดังกล่าวเพิ่ม เป็นเงิน 518,625 บาท รวมทั้งเปิดเพิ่มให้ตัวเองอีก 1 กรมธรรม์ เป็นเงิน 800,000 บาท เนื่องจากเชื่อใจในตัวแทนประกัน พูดอะไรมาเธอก็เชื่อหมด รวมทั้งการันตีว่าได้เงินคืนเต็ม ๆ ไม่ขาดทุน มีคนได้มาแล้วด้วยภาพจาก เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangraweeภาพจาก เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangraweeเปิดเล่มกรมธรรม์แล้วเอะใจ เกิดอะไรขึ้น โทร. ไปถามจึงทราบ ไม่เหมือนที่คุยกับตัวแทนหลังเปิดเล่มกรมธรรม์ เธอก็เริ่มเอะใจว่าทำไมได้กำไรเยอะขนาดนี้ จะเป็นไปได้จริงไหม เพื่อนจึงแจ้งมาว่าเธอเข้าใจผิด กรมธรรม์ นี้เป็นสัญญา 15/25 จ่าย 15 ปี เอาเงินออกได้ปีที่ 25 หากจะเอาเงินออกปีที่ 8 ต้องเวนคืน ซึ่งขาดทุนแน่นอน แต่พอทักกลับไปถาม ตัวแทนประกันรายนี้ก็ยืนยันว่าเอาเงินออกได้ปีที่ 8 ไม่ขาดทุนเธอเริ่มไม่มั่นใจในตัวแทนประกันรายนี้ จึงโทร. ไปสอบถามคอลเซ็นเตอร์ของประกันภัยเจ้าดังกล่าว พนักงานยืนยันว่าไม่สามารถคืนเงินได้ในปีที่ 8 เล่มที่ทำคือ 15/25 สัญญา 25 ปี ซึ่งต้องจ่ายเงินตลอดสัญญาทุกปี รวมกว่า 27 ล้าน มองว่าเป็นยอดที่เยอะมากและไม่สามารถจ่ายไหวหลังนำเรื่องนี้กลับไปแจ้งตัวแทนประกัน อีกฝ่ายบอกว่า เศร้าเหมือนกันที่เข้าใจผิด ไม่เคยมีเจตนาที่ไม่ดี คิดว่าพี่ไม่เสียใจเหรอ พวกพี่โดนสอนมาแบบนี้ ไม่ใช่แค่พวกพี่ 2 คน คนในทีมอีกตั้งหลายคนก็ถูกสอนให้ไปเสนอลูกค้าผิด ๆ เช่นนี้ ที่กล้าการันตีไปผิดแบบนั้น เพราะถูกครูที่สอนการันตีมาอีกทีภาพจาก เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangraweeสุดหนทางจะจ่ายไหวถึง 15 ปี ต้องไปคุยกับ คปภ. ไปต่อก็ลำบาก เวนคืนก็ขาดทุนสุดท้ายนี้สิ่งที่เสียความรู้สึกคือ ตัวแทนประกันกลับแนะนำให้เธอส่งประกันต่อให้ครบทุกเล่ม เพราะเงินที่จ่ายไปนั้นเยอะแล้ว แต่เธอมองว่าจะให้จ่ายต่อในจำนวนนั้นอีก 15 ปีคงจะไม่ไหว ดังนั้นใครจะทำประกันก็ควรจะอ่านเอกสารดี ๆ เพราะคนที่เป็นตัวแทน อาจจะไม่ได้เข้าใจทั้งหมดจริง ๆ จึงอาจเกิดกรณีแบบนี้ได้ ตอนนี้ยื่นเรื่องไปที่ คปภ. แล้ว โดยตัวแทนก็รับปากว่าจะช่วยเต็มที่ให้เธอสามารถยกเลิกได้ หากมีบทสรุปอย่างไรจะนำมาแจ้งอีกครั้งทั้งนี้เรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจ เพราะถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนซึ่งรู้จักกับตัวแทนประกัน อาจถูกแนะนำกรมธรรม์ประเภทนี้แล้วเข้าใจรายละเอียดคลาดเคลื่อน กลายเป็นภาระที่ต้องหาเงินส่งจนครบสัญญาอย่างยากลำบาก หากจะเวนคืนก่อนสัญญาก็เสี่ยงต้องขาดทุนอีกด้วยขณะเดียวกัน มีหลายคนเข้ามาให้ข้อมูลว่า เคสนี้ เลือกหยุดส่งช่วงปีที่ 7 เป็นต้นไปนั้นทำได้ แต่ไม่ใช่ฝาก 7 ปี ได้คืนปีที่ 8 ต้องรอไปจนสิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 25 ตามระยะสัญญาอยู่ดี กรณีนี้มองว่าข้อมูลที่ตัวแทนแจ้ง ไม่ตรงเงื่อนไขสัญญากรมธรรม์ สร้างความเข้าใจผิด ไม่ตรงกับเป้าหมายในการทำประกันสะสมทรัพย์ของลูกค้า เคสนี้จึงอาจยกเลิกได้จากคำสั่งของ คปภ. ผลที่ตามมามีได้เช่น ตัวแทนอาจจะถูกดึงค่านายหน้าคืน และอาจมีการพิจารณาบทลงโทษตามมาได้ ส่วนลูกค้าอาจได้เงินต้นคืน แต่ก็อาจกระทบส่วนของลดหย่อนภาษีที่ผ่าน ๆ มาถ้านำไปใช้ เป็นต้นภาพจาก เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangraweeภาพจาก เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangraweeภาพจาก เฟซบุ๊ก Maomao Lalitsinee Pitaksangraweeแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://hilight.kapook.com/view/239232
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
• ครั้งแรกในไทยและครั้งแรกของโลก! Da Vinci Alive Bangkok นิทรรศการศิลปะดิจิทัล อิมเมอร์ซีฟ เต็มรูปแบบและครบเครื่องที่สุดในโลก • Da Vinci Alive Bangkok เป็น นิทรรศการศิลปะดิจิทัล อิมเมอร์ซีฟ ที่รวบรวมผลงานของ เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) อัจฉริยะชาวอิตาลี ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเรอเนซองส์ • ค้นหาแรงบันดาลใจจากวิธีคิดทั้งในแง่วิทยาศาสตร์ ความคิดสร้างสรรค์ และสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกใน Da Vinci Alive Bangkok ระหว่าง 15 มี.ค. - 31 ก.ค. 2567 เปิดจำหน่าย บัตร Early Bird แล้ววันนี้Grande Experiences ผู้สร้างและผู้ผลิตเจ้าของลิขสิทธิ์ Monet & Friends Alive ร่วมกับ Live Impact Events ผู้ถ่ายทอดและนำเสนอประสบการณ์ระดับโลก และ ไอคอนสยาม แลนด์มาร์คระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยาผนึกกำลังสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญอีกครั้ง กับการแสดงผลงาน นิทรรศการศิลปะดิจิทัล อิมเมอร์ซีฟ ระดับโลก Da Vinci Alive Bangkok (ดา วินชี อะไลฟ์ แบงคอก) ที่สมบูรณ์ที่สุดครั้งแรกในเอเชียDa Vinci Alive Bangkok นิทรรศการศิลปะดิจิทัล อิมเมอร์ซีฟ รวบรวมผลงานของดา วินชีนิทรรศการ Da Vinci Alive Bangkok (ภาพพรีวิว)นิทรรศการนี้รวบรวมผลงานของ เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) อัจฉริยะชาวอิตาลี ผู้รอบรู้ในสรรพวิทยาการ ทั้งในบทบาทศิลปิน ประติมากร นักดนตรี ตลอดจนนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักคณิตศาสตร์ วิศวกร และสถาปนิกที่เก่งกาจอย่างหาตัวจับยาก ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ และประชาชนมาแล้วมากมาย นำมาจัดแสดงให้ผู้คนที่สนใจงานศิลปะได้เรียนรู้และสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ พร้อมสัมผัสและเปิดประสบการณ์การรับชมในรูปแบบ Immersive Exhibition ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครนิทรรศการ Da Vinci Alive Bangkok (ภาพพรีวิว)นิทรรศการ Da Vinci Alive Bangkok (ภาพพรีวิว)นิทรรศการ Da Vinci Alive Bangkok สุดยิ่งใหญ่นี้ จัดขึ้นเพื่อเชิดชูมรดกทางศิลปวิทยาการที่ตกทอดมาอย่างยาวนานของ เลโอนาร์โด ดา วินชี โดยความร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์เลโอนาร์โด ดา วินชี (Museo Leonardo da Vinci) ในกรุงโรม และผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจากอิตาลีและฝรั่งเศส สะท้อนผลงานอันทรงคุณค่าของเลโอนาร์โดที่ส่งอิทธิพลต่อทั้งด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา โดยนำเสนอภาพรวมชีวิตและความปราดเปรื่องของอัจฉริยะที่ยากจะหาใครเทียบได้ท่านนี้ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสโลกอันน่าหลงใหลของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคเรอเนซองส์ พร้อมได้รับแรงบันดาลใจจากวิธีคิด ทั้งในแง่วิทยาศาสตร์ ความคิดสร้างสรรค์ และด้านเทคนิคที่พบในผลงานชิ้นเอก สิ่งประดิษฐ์ บันทึกโบราณ และภาพวาดของปรมาจารย์ยุคเรอเนซองส์อิทธิพลของ เลโอนาร์โด ดา วินชี แผ่กระจายไปทั่วทุกแขนงวิชา ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ไปจนถึงศิลปะ วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ทั้งเป็นแบบอย่างของวิธีการสร้างสิ่งใหม่และตั้งคำถามกับโลกรอบตัวเรานิทรรศการ Da Vinci Alive Bangkokร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์สุดพิเศษกับ นิทรรศการศิลปะดิจิทัล อิมเมอร์ซีฟ ระดับโลก Da Vinci Alive Bangkok สุดยิ่งใหญ่ได้ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2567 ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม เปิดจำหน่าย บัตร Early Bird 750 บาท แล้ววันนี้ที่ Thai Ticket Major และ เว็บไซต์ Live Impact ราคาบัตร VIP 1,580 บาท, บัตรทั่วไป 1,080 บาท และบัตรนักเรียน/นักศึกษา 480 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.1338แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1116223
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
29/04/2024
ที่เที่ยวหน้าร้อน ไม่ใช่ทะเล แต่เย็นฉ่ำคลายร้อน เหมาะสำหรับวันพักผ่อนในช่วงซัมเมอร์เมื่อเข้าช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี เป็นช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิสูงแบบทะลุทะลวง หลายคนเตรียมวางแพลนมองหาที่เที่ยวหน้าร้อนทะเลสวย ๆ แต่รู้ไหมว่านอกจากทะเลช่วงซัมเมอร์ ยังมีที่เที่ยวหน้าร้อนไม่ใช่ทะเลที่ช่วยดับร้อน เพิ่มความเฟรชให้ตัวเองกันอีกด้วย ส่วนจะมีพิกัดไหนน่าแพ็กกระเป๋าแล้วชวนคนข้าง ๆ ไปเที่ยวบ้าง มาดูกันที่เที่ยวหน้าร้อน ไม่ใช่ทะเล 25671. ล่องแก่งกื้ด จังหวัดเชียงใหม่หน้าร้อนที่เชียงใหม่ก็มีที่เที่ยวสวย ๆ น่าไปอยู่เหมือนกัน สำหรับใครที่ไม่ชอบเที่ยวทะเลน้ำเค็ม การไปล่องแก่งก็คือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อยอย่าง ล่องแก่งกื้ด ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นลำน้ำไม่กว้างมาก อีกทั้งระดับน้ำก็ไม่ลึกมาก มีระดับความยากง่ายหลายระดับให้สายแอดเวนเจอร์ได้เลือก บรรยากาศโดยรอบอุดมไปด้วยต้นไม้ธรรมชาติ นอกจากการล่องแก่งแล้ว ที่แก่งกื้ดยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้เล่น ไม่ว่าจะเป็น ขี่ช้าง เลี้ยงช้าง ล่องแพไม้ไผ่ ขี่รถ ATV หรือแม้แต่นอนพักโฮมสเตย์ ก็มีให้ได้เลือกตามชอบเลยภาพจาก : THRUZ PANYAWACHIROPAS / Shutterstock.com • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก แก่งกื้ด ล่องแก่ง โทรศัพท์ 08-6919-55042. น้ำตกก้อหลวง จังหวัดลำพูนน้ำตกก้อหลวง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่ที่เกิดจากห้วยแม่ก้อ ไหลผ่านเทือกเขาหินปูนที่ลดหลั่นลงมาเป็นขั้น ๆ ถึง 7 ชั้น ความสูงรวม 20 เมตร ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีฟ้าครามอมเขียว และบริเวณนี้ยังมีหินปูนและมีน้ำไหลตลอดทั้งปีอีกด้วย ทำให้บริเวณน้ำตกนั้นจะมีหินงอกหินย้อยมากมาย มองแล้วสวยงามอันซีนสุด ๆ ไปเลยทั้งนี้ สาเหตุที่แอ่งน้ำเป็นสีฟ้านั้น เพราะสารแคลเซียมคาร์บอเนต และแร่ธาตุต่าง ๆ จากภูเขาหินปูน ที่ละลายและไหลปนมากับน้ำ ทำให้น้ำกลายเป็นสีฟ้าครามสวยงาม มีความเป็นด่างสูง สาหร่ายหรือตะไคร่น้ำจึงไม่สามารถเจริญเติบโตได้ แต่ไม่เป็นอันตรายกับมนุษย์ สามารถลงเล่นได้ แต่ต้องขอเตือนก่อนว่าน้ำลึกถึง 8 เมตร เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นต้องใส่เสื้อชูชีพที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ก่อนลงเล่นเสมอ เพื่อความปลอดภัย • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่ปิง - Mae Ping National Park โทรศัพท์ 0-5203-03803. น้ำตกภูซาง จังหวัดพะเยาน้ำตกภูซาง หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งคือ น้ำตกอุ่นภูซาง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูซาง ตำบลภูซาง อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา น้ำตกนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยผาหม่น เกิดมาจากสายน้ำที่ไหลมาจากผาหินปูน มีความสูง 25 เมตร เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี และความพิเศษของน้ำตกแห่งนี้คือ เป็นน้ำตกน้ำอุ่นเพียงแห่งเดียวในไทย เพราะน้ำจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 35-36 องศา และใส ปราศจากกลิ่นกำมะถัน บริเวณใต้น้ำตกเป็นแอ่งน้ำใสสีเขียวมรกต สามารถลงเล่นน้ำได้ นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าของน้ำตกภูซาง จะเป็นพื้นที่ของสนามหญ้ากว้างขวาง และมีร่มเงาจากต้นไม้ ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศร่มรื่น ฝั่งตรงข้ามจะมีร้านอาหาร เครื่องดื่ม ห้องน้ำ และร้านขายของที่ระลึก ให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมน้ำตกอีกด้วย • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูซาง - Phu Sang National Park โทรศัพท์ 0-5407-02054. หาดแห่ จังหวัดนครพนมหาดแห่ หรือแผ่นดินผุดกลาน้ำโขง ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำก่ำ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลอีสานยอดฮิตในจังหวัดนครพนม มีลักษณะเป็นเกาะกลางแม่น้ำโขง เกาะเดียวในประเทศไทย และได้มีการปรับพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อน เล่นน้ำคลายร้อน ดื่มด่ำกับวิวริมแม่น้ำโขงสวย ๆ พร้อมด้วยการบริการต่าง ๆ ทั้งร้านอาหาร และกิจกรรมทางน้ำอย่างครบครัน ยิ่งในช่วงหน้าร้อนที่น้ำโขงไม่เสี่ยงอันตราย และความสูงของน้ำที่ไม่ลึกมาก จึงเหมาะสำหรับการทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ทั้งเล่นห่วงยาง บานาน่าโบ๊ต เจ็ตสกี เป็นต้น แถมยังมีลมพัดเบา ๆ คอยช่วยพัดบรรเทาความร้อนกันแบบชิล ๆ อีกด้วยภาพจาก : เฟซบุ๊ก หาดแห่ ร้านครัวติ๋งลี่ ธงสีแสด• สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก หาดแห่ ร้านครัวติ๋งลี่ ธงสีแสด โทรศัพท์ 09-8219-49345. หาดปราสาททอง จังหวัดบุรีรัมย์หาดปราสาททอง หรืออ่างเก็บน้ำทุ่งกระเต็น ตั้งอยู่ที่ตำบลเย้ยปราสาท อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่ ที่สวยงามที่สุดแห่งใหม่ของจังหวัดบุรีรัมย์ มีส่วนหนึ่งเป็นหาดทรายกว้าง เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวพักผ่อน เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างจุใจ บรรยากาศเงียบสงบ ในบริเวณนี้จะมีการจัดที่นั่งไว้รองรับนักท่องเที่ยว มีร้านค้าร้านอาหาร จำพวกของกินง่าย ๆ เปิดให้บริการ บรรยากาศโดยรอบของหาดปราสาททองถือได้ว่าชิลสุด ๆ ยิ่งช่วงเวลาที่แดดร่มลมตก เหมาะอย่างยิ่งในการปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นรับลมเย็น ๆ และยังเป็นสถานที่สำหรับฝึกซ้อมกีฬาประเภทต่าง ๆ เช่น เจ็ทสกี จักรยานน้ำ วอลเลย์บอลชายหาด เป็นต้นภาพจาก : เฟซบุ๊ก หาดปราสาททองทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถอุ่นใจในเรื่องความปลอดภัย เพราะมีเจ้าหน้าที่หาดคอยอำนวยความสะดวก และดูแลความเรียบร้อยตลอดเวลา • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก หาดปราสาททอง6. บ่อน้ำผุดปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาบ่อน้ำผุดปากช่อง หรือ น้ำพุธรรมชาติบ้านท่าช้าง ตั้งอยู่ที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นอันซีนไทยแลนด์ที่เราไม่อยากให้คุณพลาดในช่วงหน้าร้อนนี้ เพราะที่นี่เป็นตาน้ำธรรมชาติที่ผุดออกมาตลอดปี ซึ่งน้ำผุดจะมีบ่อหรือชั้นลดหลั่นกันไปเป็นบ่อ ๆ ลงมาประมาณ 4 บ่อ และมีฝายกันน้ำเพื่อให้เป็นน้ำตกที่สามารถลงเล่นน้ำได้ (ยกเว้นบริเวณที่เป็นตาน้ำ จะไม่อนุญาตให้ลงเล่น) ทั้งนี้ น้ำที่ผุดขึ้นมาจะเป็นน้ำฝนที่ตกไปอยู่ในใต้ดิน และก่อนที่จะผุดขึ้นมาจากผิวดินก็ได้กรองจากก้อนหินที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตสูง ทำให้น้ำมีความใสและมีสีออกเป็นฟ้าเขียวเลยคล้ายกับสระมรกตนั่นเองอย่างไรก็ตาม ต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าปากหรือห้ามดื่มเด็ดขาด เพราะน้ำมีความเป็นด่างสูง นอกจากจะเป็นสถานที่ที่สามารถเล่นน้ำได้แล้ว น้ำผุดปากช่องยังเหมาะแหล่งท่องเที่ยวสำหรับการมานั่งปิกนิกและพักผ่อนชิล ๆ อีกด้วย บริเวณทางเข้าด้านหน้าจะมีร้านค้าและร้านขายอาหารไว้ให้บริการ และที่สำคัญต้องอย่าลืมรักษาความสะอาดกันด้วยนะ • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานนครราชสีมา TAT Nakhonratchasima โทรศัพท์ 0-4421-3 6667. น้ำตกเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรีเล่นน้ำคลายร้อนที่ น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่สวยงามขนาดใหญ่ แบ่งเป็น 7 ชั้น มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุด 1,500 เมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาหินปูน น้ำใส มองเห็นปลาแหวกว่ายไปมา น้ำสีฟ้าอมเขียวมรกตเหมือนน้ำในสระว่ายน้ำที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่นี่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวและประชาชนทุกวัน เหมาะสำหรับพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อน เล่นน้ำคลายร้อน • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเอราวัณ Erawan National Park โทรศัพท์ 0-3457-42228. ล่องแก่งเรือยางแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรีแก่งกระจาน นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่บรรยากาศสวยงาม น่าไปเที่ยวพักผ่อนชิล ๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดมันให้ได้ไปสัมผัสกันด้วย หนึ่งในกิจกรรมสุดฮิตคือ การล่องแก่งเรือยางไปตามแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาสูงชันในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไหลเข้าสู่เขื่อนแก่งกระจาน แล้วไหลต่อไปยังอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดเพชรบุรี โดยจุดล่องแก่งเรือยางจะอยู่ด้านหลังเขื่อนแก่งกระจาน ซึ่งจะมีน้ำให้ได้เล่นกันตลอดทั้งปี มีระยะทางราว ๆ 6-8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ระดับการล่องแก่งไม่ยาก สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีที่พักให้บริการริมแม่น้ำเพชรบุรีมากมาย ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวหน้าร้อน ไม่ใช่ทะเล ที่หลายคนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียวภาพจาก : TuM_Klidsada / Shutterstock.com9. แก่งภูเกาะ จังหวัดสระบุรีเปลี่ยนบรรยากาศที่เที่ยวหน้าร้อนที่ไม่ใช่ทะเล กับ แก่งภูเกาะ ตั้งอยู่ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวผจญภัยทางสายน้ำที่ตอบโจทย์คนรักธรรมชาติและสายแอดเวนเจอร์ได้เป็นอย่างดี เพราะได้ทั้งบรรยากาศที่สวยงาม และมีกิจกรรมน่าสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ล่องแก่ง ขับรถ ATV กระโดดหอ สไลด์เดอร์ เป็นต้น โดยเฉพาะเส้นทางการล่องแก่ง ซึ่งมีระยะทางล่องประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และเรือที่ให้บริการที่นี่จะเป็นคายักแบบ 1-2 ที่นั่ง และเรือยางแบบ 6 ที่นั่ง ความเร้าใจในการล่องแก่งที่นี่เริ่มตั้งแต่จุดปล่อยเรือจากสไลเดอร์ไม้ลงสู่ลำน้ำ จากนั้นเรือจะถูกสายน้ำพัดลอยผ่านแก่งน้อยใหญ่กว่า 16 แก่ง มีระดับความยากของแก่งอยู่ที่ 1-3 โดยแก่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแก่งปราบเซียนอันดับต้น ๆ ได้แก่ แก่งท่าข้าม แก่งวัดใจ แก่งสไลด์เดอร์ แก่งขวาง และ แก่งภูเกาะ บอกเลยว่าคนรักความหวาดเสียวของการล่องแก่งไม่ควรพลาดภาพจาก : เฟซบุ๊ก สระบุรีล่องแก่งภูเกาะและเอทีวี มินิออฟโรส • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก สระบุรีล่องแก่งภูเกาะและเอทีวี มินิออฟโรส โทรศัพท์ 08-3249-515510. ตลาดน้ำท่าคา จังหวัดสมุทรสงครามที่เที่ยวหน้าร้อนตามสไตล์นักช้อปที่ตลาดน้ำท่าคา หนึ่งในจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดน้ำแห่งนี้มีขนาดเล็กน่ารัก เต็มไปด้วยสินค้าท้องถิ่นน่าซื้อหา ราคาไม่แพง ผลิตด้วยฝีมือของชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น บรรยากาศของตลาดทั้งเขียวขจีด้วยธรรมชาติ บ้านริมน้ำเก่าแก่อายุหลายร้อยปีที่ยังมีผู้คนอาศัย ชวนช้อปกันได้อย่างเพลิดเพลิน มีทั้งร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมน้ำ และแม่ค้าพ่อค้าที่พายเรือแวะมาจอดขายกันริมทาง เหมือนกับการท่องเที่ยวย้อนอดีตสู่วันวานของรุ่นคุณปู่คุณย่าก็ว่าได้ นอกจากจะได้เดินชิล ช้อปของอร่อย ๆ แล้ว ที่ตลาดน้ำท่าคายังมีบริการล่องเรือชมสวน การสาธิตเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว และการหยอดน้ำตาลมะพร้าว ให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับวิถีชีวิตกันอีกด้วยภาพจาก : Death of a salesman / Shutterstock.com11. ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด จังหวัดสุราษฎร์ธานีบ่อน้ำที่ผุดขึ้นมาที่เชิงเขาในป่าของบ้านน้ำราด ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม แหล่งท่องเที่ยวอันซีนภาคใต้ เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามมาก โดยน้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินนั้นไหลลอดใต้ภูเขาผ่านออกมายังจุดที่เรียกว่า ตาน้ำ เป็นน้ำที่ใสบริสุทธิ์ และชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จุดเด่นคือเป็นป่าต้นน้ำ ทำให้น้ำมีความใสมองเห็นพื้นด้านล่างได้ด้วยตาเปล่า สามารถลงไปนอนแช่น้ำแบบสบาย ๆ และที่นี่ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ เว้นแต่มีค่าที่จอดรถ และค่าบริการนั่งเรือชมวิว นอกจากนี้ยังมีน้ำชา กาแฟ และเค้กโฮมเมด ราคากันเองบริการด้วย • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด โทรศัพท์ 08-0696-116612. ล่องแก่งหนานมดแดง จังหวัดพัทลุงแหล่งท่องเที่ยวพัทลุงที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม เป็นการล่องเรือคายักไปตามคลองน้ำใส ซึ่งน้ำในลำคลองจะมีตลอดทั้งปี เพราะมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส โดยผู้ที่ริเริ่มกิจกรรมล่องแก่งในคลองน้ำใส คือ หนานมดแดงรีสอร์ต จึงทำให้ที่นี่มีชื่อเรียกกันปากต่อปากว่า ล่องแก่งหนานมดแดง โดยจะมีระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องราว ๆ 2 ชั่วโมง มีระดับความยากอยู่ที่ 2-3 สามารถเล่นได้ทั้งครอบครัวภาพจาก : Anucha Cheechang / Shutterstock.com • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ล่องแก่งหนานมดแดง พัทลุง โทรศัพท์ 08-1082-0206ช่วงนี้ใครกำลังรู้สึกร้อนและอยากจะหาที่เที่ยวคลายร้อนที่ไม่ใช่ทะเล ลองดูตัวอย่างจากลิสต์ที่เรานำมาฝากกัน และจัดทริปเที่ยวออกไปเที่ยวให้สดชื่นกันเถอะ ไม่แน่ว่าหน้าร้อนครั้งหน้า คุณอาจจะติดใจจนไม่อยากไปเที่ยวทะเลอีกก็ได้นะหมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้งขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก แก่งกื้ด ล่องแก่ง, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่ปิง - Mae Ping National Park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติภูซาง - Phu Sang National Park, เฟซบุ๊ก หาดแห่ ร้านครัวติ๋งลี่ ธงสีแสด, เฟซบุ๊ก หาดปราสาททอง, เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานนครราชสีมา TAT Nakhonratchasima, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเอราวัณ Erawan National Park, เฟซบุ๊ก สระบุรีล่องแก่งภูเกาะและเอทีวี มินิออฟโรส, เฟซบุ๊ก ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด, เฟซบุ๊ก ล่องแก่งหนานมดแดง พัทลุงแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://travel.kapook.com/view278597.html
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ภาษี
07/03/2024
หากที่ดินถูกเวนคืน เจ้าของที่ดินจะได้รับเงินทดแทนจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน ซึ่งเงินทดแทนนี้ถือเป็นรายได้ ดังนั้นเจ้าของที่ดินจะต้องเสียภาษีหรือไม่ หากเสียภาษีจะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง? การถูกเวนคืนที่ดินเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินหรือผู้ให้เช่าที่ดิน หากที่ดินถูกเวนคืน ท่านที่เป็นเจ้าของที่ดินจะได้รับเงินทดแทนจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่เวนคืนที่ดินนั้น ซึ่งเงินทดแทนนี้ถือเป็นรายได้ตามประมวลรัษฎากร และต้องนำมารวมคำนวณภาษีประจำปีอีกด้วย ดังนั้นหากจะพูดลงลึกถึงในมุมของภาษี เนื่องจากเงินที่ได้จากการถูกเวนคืนที่ดินนี้ ถือเป็นรายได้ที่เจ้าของที่ดินนั้นจะได้รับ จะต้องเสียภาษีหรือไม่ หากเสียภาษีจะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ในบทความนี้มีคำตอบอธิบายได้ดังต่อไปนี้ เปิดข้อมูลความรู้ เวนคืนที่ดิน คืออะไร ความหมายของคำว่า “เวนคืน” เจ้าของที่ดินสมัครใจในการถูกเวนคืนที่ดิน โดยการมอบที่ดินกลับคืนให้กับทางรัฐ กรณีที่รัฐมีความจำเป็นที่จะต้องนำพื้นที่นั้นๆ นำมาใช้ประโยชน์ในทางสาธารณูปโภค การวางผังเมือง การพัฒนาการเกษตร การอุตสาหกรรม การปฏิรูปที่ดิน หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น ถ้าไม่ได้ตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่น รัฐสามารถดำเนินการบังคับเวนคืนได้ ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของที่ดินเมื่อถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำการเวนคืนควรศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเวนคืนที่ดิน เพื่อเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งโดยปรกติแล้วแม้ว่าการเวนคืนที่ดินจะมีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน แต่เงินชดเชยที่ได้รับมักจะต่างกันมากเมื่อเทียบกับราคาที่ดิน ซึ่งไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ราคาที่ประเมินมูลค่าได้เป็นจำนวนเงิน แต่รวมถึงราคาที่เกิดขึ้นจากความผูกพันของผู้เป็นเจ้าของเข้าไว้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองจึงมีความพยายามอย่างสูงในการเรียกร้องให้ราคาชดเชยในการเวนคืนเป็นไปตามราคาตลาด เมื่อได้รับเงินจากการถูกเวนคืนที่ดิน จำเป็นต้องเสียภาษีหรือไม่ ในทางกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทนจากการถูกเวนคืนที่ดิน เจ้าของที่ดินจะได้รับเงินจำนวนนี้และถือเป็นรายได้ จำเป็นต้องนำมาคำนวณภาษีอีกหรือไม่อย่างไร สามารถหาคำตอบได้ดังนี้ 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล หากเจ้าของที่ดินเป็นนิติบุคคลที่ได้รับเงินทดแทนค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ องค์กรผู้จ่ายเงินทดแทนต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 1% ของจำนวนเงินค่าทดแทน และให้ถือเป็นเครดิตในการคำนวณภาษีเงินได้ของเงินค่าทดแทนที่จ่ายของนิติบุคคล ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถูกหักภาษีไว้ตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร 2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในกรณีที่เจ้าของที่ดินเป็นบุคคลธรรมดา เมื่อได้รับเงินทดแทนค่าเวนคืนที่ดินจากทางภาครัฐ เงินค่าทดแทนนี้จัดเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8 หรือมาตรา 40(8) แต่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้นเมื่อได้รับเงินค่าทดแทนนี้มา กรมที่ดินก็จะไม่สามารถหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ด้วย 3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ เมื่อเจ้าของที่ดินในนามบุคคลธรรมดาได้เงินทดแทนจากการเวนคืนที่ดิน จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เพราะไม่เข้าลักษณะของการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าหรือแสวงหากำไรตามมาตรา 3(6) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการค้าหรือหากำไร ส่วนเจ้าของที่ดินในนามนิติบุคคล เมื่อได้รับเงินทดแทนค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเนื่องจากเข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางการค้าหรือหากำไร 4. อากรแสตมป์ หากกรณีหลักฐานการรับเงินค่าทดแทนการเวนคืนที่ดิน เข้าลักษณะเป็นใบรับสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นเมื่อมีการทำนิติกรรมและจดทะเบียนตามกฎหมาย จำเป็นต้องมีการปิดแสตมป์เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายนั้นครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ในกรณีค่าทดแทนจากการเวนคืนที่ดินนี้ในนามบุคคลธรรมดา จะได้รับการยกเว้นค่าอากรแสตมป์ ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 เนื่องจากเป็นใบรับจากการตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนนิติบุคคลที่ได้รับเงินค่าทดแทนจากการเวนคืนที่ดิน จะได้รับการยกเว้นค่าอากรแสตมป์เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา ตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 เนื่องจากถือว่าเป็นใบรับจากการตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และเป็นใบรับที่ผู้รับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้วด้วย กล่าวโดยสรุป การเวนคืนที่ดินเป็นกระบวนการที่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐใช้เพื่อเข้าครอบครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์ทางสาธารณะ กระบวนการเวนคืนที่ดินนี้มักใช้เมื่อรัฐต้องการสร้างโครงการสาธารณะ เช่น ถนน โรงเรือน หรือโรงพยาบาล ดังนั้นหากเจ้าของที่ดินถูกเวนคืนที่ดิน ก็มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทน โดยค่าทดแทนนี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น มูลค่าของที่ดิน ขนาดของที่ดิน และการใช้งานที่ดิน ในแง่ของภาษีเนื่องจากเงินค่าทดแทนจากการถูกเวนคืนที่ดินนี้ ถือเป็นรายได้ที่เจ้าของที่ดินได้รับก็จะมีภาษีที่เกี่ยวข้องหลักๆ ประกอบด้วย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ อ่านบทความน่ารู้เกี่ยวกับภาษีเพิ่มเติม Accounting แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ทูเดย์https://www.posttoday.com/columnist/706399
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
29/04/2024
นับเป็นการร่วมมือครั้งแรกของ 3 ศิลปินผู้รักในศิลปะแกะสลักไม้ อย่าง ชนาธิป ชื่นบำรุง, ตูนย์ แก้วเกิด และ ณพล อิสรชีวา ในการแสดงผลงานศิลปะ “...WITH A TIME CAPSULE” นิทรรศการกลุ่มที่นำเสนอภาพแห่งความทรงจำที่เป็นอมตะและเรื่องราวที่น่าสนใจ ผ่านงานศิลปะการแกะสลักไม้ที่มีมิติและชีวิตชีวา ผสมผสานมุมมองและแนวคิดที่มีเอกลักษณ์ของตัวศิลปินที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งได้ถูกเล่าขานผ่านความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเสนอผลงานที่ไม่เหมือนใครในโลกของศิลปะแกะสลักไม้ชนาธิป ชื่นบำรุงนิทรรศการนี้จะพาผู้ชมเดินทางไปในเส้นทางที่น่าตื่นตาตื่นใจในช่วงเวลาอันน่าจดจำ ผ่านผลงานศิลปะที่ถูกแกะสลักจากไม้อย่างประณีต จำนวน 30 ชิ้น ของ 3 ศิลปินรุ่นใหม่ ซึ่งทุกชิ้นงานเปรียบได้กับภาพฉายของความทรงจำอันล้ำค่าของผู้สร้าง และเป็นสื่อในการแบ่งปันเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในใจของศิลปินซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาผ่านงานศิลปะนี้ โดยทุกชิ้นงานไม่เพียงแค่เป็นการแสดงผลงานศิลปะ แต่ยังทำหน้าที่เป็นแคปซูลกาลเวลาที่มีชีวิต เล่าเรื่องราวส่วนตัวของศิลปินอย่างมีเอกลักษณ์ และเชื่อมโยงกับผู้ชมให้เข้าถึงประสบการณ์และความรู้สึกมีส่วนร่วมในจิตวิญญาณของยุคที่ผ่านเลยมา ผสานเข้ากับงานศิลปะได้อย่างลึกซึ้ง เป็นการสร้างคอล เลกชันที่มีคุณค่าเก็บรวบรวมไว้ใน ‘ไทม์ แคปซูล’ ที่แสดงถึงทักษะและความทุ่มเทของศิลปินอย่างชัดเจน ด้วยการนำไม้มากลายเป็นผืนผ้าใบที่ศิลปินใช้เป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ตูนย์ แก้วเกิดร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการกลุ่ม “...WITH A TIME CAPSULE” ที่นำเสนอการผสมผสานระหว่างศิลปะแกะสลักไม้และความทรงจำนี้ได้ วันนี้ถึง 17 มี.ค.2567 ณ พื้นที่นิทรรศการ Event Space ชั้น 4 เซ็นทรัล ดิ ออริจินัล สโตร์ วันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2767853
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
07/03/2024
เอไอเอ ประเทศไทย จัดกิจกรรมสรุปโครงการ AIA Step to Strong 30 days – Start for Better ซึ่งได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 มกราคม ถึง 17 กุมภาพันธ์ 2567 โดยได้ โค้ชมิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร กูรูตัวจริงด้านสุขภาพ โภชนาการ และการออกกำลังกาย มาร่วมแชร์ประสบการณ์ ความรู้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการออกกำลังกาย และด้านโภชนาการที่ดี เพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 40 ท่าน ได้สุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป โดยในวันสรุปโครงการ AIA Step to Strong 30 days – Start for Better โค้ชมิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร ได้มอบรางวัลให้แก่ผู้ที่มีผลการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพอย่างโดดเด่น ในระยะเวลาโครงการฯ ตลอด 30 วัน และเป็นผู้ที่มีวินัยในการทำกิจกรรมประจำสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกได้รับรางวัลจากโค้ชมิกกี้ จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ คุณนันทพร ธงชัยสุริยา คุณกรรณิกา เทอดศรีศิลป์ และคุณสุพรรณี กิจบรรเจิดจรัส นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันปิดโครงการฯ ยังได้วัดดัชนีมวลกายก่อนการเริ่มกิจกรรมโดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก TANITA คอยแนะนำและวัดผล เพื่อเปรียบเทียบผลการเปลี่ยนแปลงจากเครื่องวัดมาตรฐานจาก TANITA เพื่อตอกย้ำถึงเป้าหมายของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Livesสำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากฟิตเนสพาร์ทเนอร์ในการสนับสนุนพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมจาก วี โซไซตี้ ที่ตอบโจทย์ในด้านคลาสมากที่สุด ที่ให้คุณมากกว่าสถานที่ออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีโปรโมชันพิเศษมอบให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ อีกด้วย โดยกิจกรรมได้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ณ วี โซไซตี้ สาขาเอสพลานาด รัชดา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
07/03/2024
พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank) ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ได้ไม่เกินกี่แอมป์ ปี 2024พาวเวอร์แบงค์ หรือ แบตเตอรี่สำรอง อุปกรณ์สำคัญสำหรับนักเดินทางเพื่อรองรับสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นของติดตัวที่ขาดไม่ได้ไปเสียเเล้ว ยิ่งหากต้องเดินทางไปท่องเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศยิ่งจำเป็นต้องนำพบพาไปด้วย แต่หลายคนคงสงสัยว่า พาวเวอร์แบงค์ ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ขึ้นเครื่องได้ไม่เกินกี่แอมป์ หรือพกได้กี่ก้อนกันแน่นะการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบิน1. จำกัดขนาดความจุไฟฟ้าปัจจุบันทุกสายการบิน ได้ทั้งในและต่างประเทศ กำหนดการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบินตามกฎของ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA)ซึ่งกำหนดไว้ดังนี้ • แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาดน้อยกว่า 20,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยไม่มีการระบุจำนวน (จะนำขึ้นเครื่องกี่ก้อนก็ได้) • แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาด 20,000-32,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อนเท่านั้น (ขึ้นเครื่องได้แค่ 2 ก้อนเท่านั้น ) • แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาดมากกว่า 32,000 mAh ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ในทุกกรณี (ห้ามพกพา ห้ามขึ้นเครื่องเลย )2. ถือขึ้นเครื่องพร้อมผู้โดยสารเท่านั้นจากความจุกระแสไฟฟ้าทุกขนาดตามกฎข้อที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นขนาดใด ห้าม!!! ใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ที่โหลดใต้ท้องเครื่องเด็ดขาด นักเดินทางต้องนำแบตสำรองใส่กระเป๋าที่ถือติดตัว และนำขึ้นเครื่องไปด้วยเท่านั้น3. ได้มาตรฐานมีระบุรายละเอียดชัดเจนพาวเวอร์แบงก์ที่สายการบินอนุญาติให้ขึ้นเครื่องได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานโดยมีฉลากกำกับและแสดงให้เห็นขนาดความจุกระแสไฟฟ้าที่ตัวแบตอย่างชัดเจน กรณีที่เป็นแบตเตอรี่สำรองแฟชั่นหรือไม่ได้มาตรฐานไม่มีตัวเลขกำกับ ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยเด็ดขาดดังนั้นสิ่งที่หลายคนสงสัยว่าพาวเวอร์แบงก์ที่ใช้กันทั่วไปสามารถนำขึ้นเครื่องได้ไหม ตอบคำถามได้ดังนี้ • พาวเวอร์แบงค์ 10000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2567 คำตอบ ได้ จะนำขึ้นไปกี่ก้อนก็ได้ไม่จำกัด • พาวเวอร์แบงค์ 15000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2567 คำตอบ ได้ จะนำขึ้นไปกี่ก้อนก็ได้ไม่จำกัด • พาวเวอร์แบงค์ 20000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2567 คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น • พาวเวอร์แบงค์ 30000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2567 คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น • พาวเวอร์แบงค์ 32000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2567 คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น • พาวเวอร์แบงค์ 35000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2567 คำตอบ ไม่ได้โดยเด็ดขาด เก็บไว้ใช้ที่บ้านเถอะ!ตรวจสอบให้ดี เพียงเท่านี้ก็ขึ้นเครื่องเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกยึดพาวเวอร์แบงก์ที่ด่านตรวจอีกต่อไปแหล่งที่มาข่าวต้ยฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446967/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
06/03/2024
ในแต่ละวันมีคนจำนวนมากที่มีโอกาสทำเงินมหาศาลจนเปลี่ยนสถานะตัวเองจากกลุ่มคนร่ำรวยระดับหนึ่งทะลุขึ้นไปเป็นร่ำรวยมากเป็นพิเศษ ดังที่ “ไนท์แฟรงค์” (Knight Frank) บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกเปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมีคนที่ได้เลื่อนเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยมากเป็นพิเศษวันละเกือบ 70 คน บุคคลที่มีทรัพย์สินสูงเป็นพิเศษ (Ultra-High-Net-Worth Individual : UHNWI) หรือผู้ที่มีความมั่งคั่งร่ำรวยมากตาม “รายงานความมั่งคั่ง” ของไนท์แฟรงค์ กำหนดเกณฑ์ความมั่งคั่งสุทธิขั้นต่ำไว้ที่ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,076 ล้านบาท) ซึ่งในปี 2023 ทั่วโลกมีคนกลุ่มนี้อยู่จำนวน 627,000 คน เพิ่มขึ้น 4.2% จากปีก่อนหน้า เฉลี่ยเป็นเพิ่มขึ้นวันละเกือบ 70 คน ในทวีปอเมริกาเหนือ จำนวนกลุ่มผู้มั่งคั่งระดับ UHNWI เพิ่มขึ้นเร็วที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 7.2% สะท้อนถึงผลงานที่แข็งแกร่งของหุ้นสหรัฐและเศรษฐกิจสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง บวกกับความหวังที่เพิ่มมากขึ้นถึงความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าฟื้นตัวได้ และการว่างงานอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ “แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้น ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาในตลาดทุน ช่วยสร้างความมั่งคั่งทั่วโลก” เลียม เบลีย์ (Liam Bailey) หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของไนท์แฟรงค์กล่าว นอกจากสินทรัพย์ในตลาดทุนแล้ว สินทรัพย์อื่น ๆ ก็ให้ประโยชน์แก่บรรดาผู้มั่งคั่งเช่นกัน โดยราคาทองคำเพิ่มขึ้น 15% ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) เพิ่มขึ้น 155% มูลค่าที่อยู่อาศัยในตลาดชั้นนำของโลกเพิ่มขึ้น 3.1% และค่าเช่าอสังหาฯ เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าของอัตราเฉลี่ยในระยะยาว แต่ในทางกลับกัน การลงทุนในสินค้าหรู ทั้งในภาพรวมและรายสินค้าให้ผลตอบแทนเป็นลบ ข้อค้นพบหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในกลุ่มเศรษฐีพันล้านทั่วโลก มีสัดส่วนของ “ผู้หญิง” เพียง 11% เท่านั้น แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นแล้วจากสัดส่วน 8% ในช่วงไม่ถึง 10 ปีที่แล้ว นอกจากนั้น การสำรวจของไนท์แฟรงค์พบว่า เหล่า UHNWI รุ่นเบบี้บูมเมอร์มีมุมมองแง่ลบต่อตลาดและเศรษฐกิจมากกว่ารุ่นอื่น โดยมีเพียง 52% เท่านั้นที่คาดการณ์ว่าความมั่งคั่งของพวกเขาจะเติบโตในปีถัดไป และมี UHNWI รุ่นเบบี้บูมเมอร์น้อยกว่า 10% ที่คาดว่าจะซื้อบ้านในปีนี้ ขณะที่ UHNWI รุ่นมิลเลนเนียล หรือ Gen Y มีมากกว่า 20% ที่คาดว่าจะซื้อบ้านในปีนี้ ความแตกต่างนี้อาจสะท้อนได้หลายอย่าง ทั้งคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์มีบ้านของตนเองอยู่แล้ว ในตอนนี้พวกเขามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการจำนอง เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี หรือกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการที่ตลาดหุ้นตกต่ำ หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย และพวกเขาไม่เต็มใจที่จะลงทุนก้อนใหญ่ ไม่ว่าจะกับสินทรัพย์ใด ๆ มองไปยังอนาคต ไนท์แฟรงค์คาดการณ์ว่าจำนวนผู้มีฐานะร่ำรวยมากเป็นพิเศษ (UHNWI) จะเพิ่มขึ้น 28% ในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า นำโดยชาวอินเดียและจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณว่าจะมีการโอนสินทรัพย์มูลค่า 90 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,228 ล้านล้านบาท) จากคนรุ่นเก่าไปสู่คนรุ่นมิลเลนเนียลในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้า ซึ่งคาดว่าการส่งต่อทรัพย์สินดังกล่าวนี้จะสร้าง “เจเนอเรชั่นที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์” แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์ https://www.prachachat.net/world-news/news-1513202
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
29/04/2024
พฤติกรรมและนิสัยของคนแต่ละเจนเนอเรชั่น (Generation) มีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งเจนเนอเรชั่น Y หรือ Gen Y คือกลุ่มคนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2523 – 2540 เติบโตมากับการพัฒนาของเทคโนโลยีมีการก้าวหน้าที่ไกลไปกว่าเดิม ทำให้คน Gen Y มีความเชียวชาญพร้อมปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและ IT ได้อย่างคล่องแคล่ว ทำให้การใช้ชีวิตของมีคน Gen Y นี้ความใกล้ชิดกับอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเป็นอย่างดี ลักษณะทำงานต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นหลัก และมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จึงทำให้คน Gen Y สามารถทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้การใช้เทคโนโลยีสำหรับคนเจนเนอเรชั่น Yจากข้อมูลในปี 2565 รายงานจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA สำรวจพบว่า Gen Y ใช้ ใช้อินเทอร์เน็ตสูงถึง 8 ชั่วโมง 55 นาทีต่อวัน ครองแชมป์การใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุด ซึ่งคน Gen Y ครองแชมป์ “นักช้อปออนไลน์” สูงถึง 88.36% โดยกลุ่มคนที่เข้าชมมากที่สุด คือ Gen Y ซึ่งกิจกรรมการดู Live Commerce รับชมมากที่สุดถึง 64.65% และเพศหญิงรับชมมากกว่าเพศชาย นี่จึงทำให้ช่องทางที่คนไทยเลือกซื้อออนไลน์มากที่สุด คือ e-Marketplace อย่างเช่น Shopee, Lazada หรือ Kaidee มากถึง 75.99% รองลงมาคือ Facebook 61.51% Website 39.7% LINE 31.04% Instagram 12.95% และ Twitter 3.81%และสำหรับช่องทาง Social Commerce ที่ผู้ขายนิยมใช้ขายสินค้าหรือบริการมากที่สุด สูงถึง 66.76% คือ Facebook รองมาคือ e-Marketplace 55.18% LINE 32.05% Website 26.67% Instagram 19.91% และ Twitter 9.90% (ข้อมูลจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA)อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจยืนยันว่า กลุ่ม เจนเนอเรชั่น Y ไทยมีความคล่องตัวด้านเทคโนโลยีมากกว่ารุ่นอื่นๆ จากระดับการใช้งานอินเทอร์เน็ตและ สื่อสังคมออนไลน์ โดย 79% ของ Gen Y ติดตามและรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ และ 69% อ่านข่าวจากเว็บไซต์ ต่างๆ มีเพียง 26% เท่านั้นที่ยังคงอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทั้งนี้ ในแต่ละวัน คน Gen Y กว่าครึ่งหรือราว 55% ใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงในการเข้าใช้เว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ จึงทำให้เห็นว่าคนเจนเนอเรชั่น Y โตมากับเทคโนโลยีและใช้โซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวันมากที่สุดภาพรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจประกันปี 2566 คปภ.คาดว่าอีก 3 ปี มีเบี้ยรับรวมถึง 1 ล้านล้านบาทสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตของปี 2566 ระหว่าง มกราคม - ธันวาคม มีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 633,445 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.61 เมื่อเทียบกับปี 2565 จำแนกเป็น เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ (New Business Premium) 178,470 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.06 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) 454,975 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.06สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย1. เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) 112,377 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.832. เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) 66,093 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.18จำแนกเบี้ยประกันภัยรับรวมแยกตามช่องทางการจำหน่าย ดังนี้1. การขายผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิต (Agency) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 338,920 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.21 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53.502. การขายผ่านช่องทางธนาคาร (Bancassurance) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 239,112 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.41 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.753. การขายผ่านช่องทางนายหน้าประกันชีวิต (Broker) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 30,808 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.19 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.864. การขายผ่านช่องทางอื่น (Others) เช่น การขาย Worksite , Walkin การขายผ่านการออกบูธ การขายผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ Direct Mail , Tele Marketing เป็นต้น เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 22,676 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.58 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.585. การขายผ่านช่องทางดิจิทัล( Digital) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1,930 ล้านบาท อัตรา การเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.07 เมื่อเทียบกับปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.30 ( ข้อมูลจาก https://www.sequelonline.com/?p=160340 )จากข้อมูลการเติบโตของเบี้ยประกันภัยในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 โดยเห็นได้จากการที่ธุรกิจมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยของธุรกิจประกันชีวิต 3.92% ส่วนธุรกิจประกันวินาศภัย มีอัตราการเติบโต 5.16% โดยคาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2566 เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ (891,621 – 927,377 ล้านบาท) ดังนั้น จึงประเมินว่าอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2569 อุตสาหกรรมประกันภัย (รวมทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย) จะมีเบี้ยประกันรับรวมที่ 1 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจาก คปภ.)จะเห็นได้ว่าภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตของปี 2566 การขายประกันชีวิตผ่านช่องทางดิจิทัลมีอัตราที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเป็นอย่างมาก ซึ่งอนาคตจะมีช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพราะในช่องทางนี้สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการเข้าถึงมากยิ่งขึ้นปัจจัยการซื้อประกันของเจนเนอเรชั่น Yโดยผลงานวิจัยจาก “ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ : กรณีเปรียบเทียบช่วงอายุของกลุ่มผู้ซื้อ” ของ นางสาวอารนี ทองเจริญสุขชัย ได้กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เคยซื้อประกันสุขภาพมาก่อนนั้น มักจะซื้อ จากช่องทางของตัวแทน (Agent) เป็นหลัก นอกจากนี้ช่องทางที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือ ช่องทางผ่านทางธนาคาร (Bancassurance) และนายหน้า (Broker) และพบว่า กลุ่ม ตัวอย่างที่อยู่ใน Gen Y จะให้ความสำคัญในเรื่องของความสะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริการ การติดต่อสื่อสาร การให้ข้อมูลช่วยเหลือในการแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงการมีเทคโนโลยีที่ที่ทันสมัยเป็นหลักส่วนในเรื่องของตัวแทนประกัน กล่าวได้ว่าไม่มีความจำเป็นเท่าใดนัก คน Gen Y มีความคิดความชอบที่จะศึกษาหาข้อมูลเปรียบเทียบด้วยตัวเองเป็นหลักก่อน ส่วนหนึ่งอาจ เป็นเพราะบุคคลในกลุ่ม Gen Y เติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่มีอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ส่งผลให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและคุ้นเคยดีกับเทคโนโลยี ( https://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2017/TU_2017_5904010575_8256_7103.pdf )จากงานวิจัยการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ในประเทศไทยสำหรับเจนเนอเรชั่น Y ของ จิรายุ แก้วกูล ยังกล่าวอีกว่า ปัจจัยส่วนผสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ในประเทศไทยสำหรับเจนเนอเรชั่น Y ประกอบไปด้วย ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้าน การส่งเสริมทางตลาด มีผลต่อการการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ในประเทศไทย สำหรับเจนเนอเรชั่น Y • ด้านผลิตภัณฑ์ จากการวิจัยพบว่า คนเจนเนอเรชั่น Y ให้ความสำคัญกับ ผลิตภัณฑ์ที่ออกจำหน่าย ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด เช่น ทำสินค้าให้มีรูปแบบที่ดูดี ทันสมัย ตรงตามความต้องการในยุคสมัครนั้น ๆๆ • ด้านราคา จากการวิจัยพบว่า คนเจนเนอเรชั่น Y ให้ความสำคัญกับการตั้งราคาของสินค้าให้เหมาะสม และสามารถเข้าถึงได้สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ • ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย จากการวิจัยพบว่า คนเจนเนอเรชั่น Y ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์แล้วจึงควรมุ่งเน้นการเลือกโฆษณา ประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมากที่สุด • ด้านการส่งเสริมการตลาด จากการวิจัยพบว่า คนเจนเนอเรชั่น Y มักจะอยากให้มีโปรโมชั่นใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้รับบริการอยู่ตลอดเวลาอีกปัจจัยนึงที่คนเจนเนอเรชั่น Y ให้ความสำคัญคือ ด้านคุณภาพของการให้บริการเว็ปไซต์ที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อประกัน จะต้องมีความรวดเร็ว และใช้งานง่าย รวมถึงการสนับสนุนการให้บริการสำหรับผู้รับบริการอย่างรวดเร็ว และผู้ให้บริการควรพัฒนาการติดต่อสื่อสารให้ครบทุกรูปแบบจึงจะทำให้มัดใจคนเจนเนอเรชั่น Y ได้( ข้อมูลจาก https://mmm.ru.ac.th/MMM/IS/vlt15-2/6114993854.pdf )ทางด้าน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทหนึ่งที่ขายผ่านช่องทาง Online โดยปีที่ผ่านมามีแบบประกันที่ขายดี 2 แบบ ที่เน้นให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง เช่นประกันมะเร็งราคาเล็ก แต่ความคุ้มครองสูงสุดถึง 5 แสนบาท ซึ่งกลุ่มคนที่เข้ามาซื้ออายุ 35 ปีขึ้นไป ส่วนช่องทาง Online sale มีให้เลือกซื้อสะดวก รวดเร็ว ไม่วุ่นวาย มีเทรนเพิ่มขึ้น ไซด์ไม่ใหญ่ แบบประกันเฉพาะดังนั้น สรุปได้ว่าคนเจนเนอเรชั่น Y เป็นคนที่เติบโตมากับเทคโนโลยี ไม่ว่าจะการซื้อของส่วนใหญ่ก็จะเป็นการซื้อของออนไลน์เพราะสะดวกและเร็วต่อการใช้งาน และจะเห็นได้ว่าการขายผ่านช่องทางดิจิทัล (Digital) มีแนวโน้มที่สูงขึ้นจึงสะท้อนให้เห็นธุรกิจภาคประกันก็มีการขายประกันผ่านทางออนไลน์มากยิ่งขึ้นเพราะจะตอบโจทย์ต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะคน Gen Y ที่ชอบเลือกซื้อของหรือช้อปปิ้งออนไลน์เป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นการซื้อของออนไลน์ถึงแม้จะง่าย และสะดวกก็จริง แต่ก็ยังต้องมีตัวแทนให้คำปรึกษาทางด้านประกันเฉพาะทางร่วมด้วยเช่นกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=160772
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
31/07/2024
06/06/2024
30/04/2024
30/04/2024