คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ท่องเที่ยว

“เขาสามเกลอ” มหัศจรรย์ธรรมชาติสุดแปลกตา จุดเช็กอินห้ามพลาดแห่ง “กุ้ยหลินเมืองไทย”

30/04/2024

ททท. ชวนเที่ยว “เขาสามเกลอ” ธรรมชาติงามสุดแปลกตา สัญลักษณ์อันโดดเด่นแห่ง “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “กุ้ยหลินเมืองไทย” จ.สุราษฎร์ธานีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ภูมิภาคภาคใต้ และ ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี ชวนล่องเรือชมทัศนียภาพทะเลสาบ “เขื่อนเชี่ยวหลาน” หรือ “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งมีบรรยากาศที่เงียบสงบน้ำใสรายล้อมด้วยภูเขาหินปูนที่สูงชันมีรูปร่างแปลกตาสวยงามจนได้รับการขนานนามว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย”เขื่อนรัชชประภา หรือชื่อเดิมคือ เขื่อนเชี่ยวหลาน เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 2530ทิวทัศน์สันเขื่อนรัชชประภาหลังสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2530 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานนาม ให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” ที่มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว มีความสูง 94 ม. มีความยาวสันเขื่อน 761 ม. และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตร.กม. สร้างขึ้นเพื่อนปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสกเขื่อนเชี่ยวหลานได้รับฉายาว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทยด้วยสภาพพื้นที่ บรรยากาศ วิวทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบ ภูเขาหินปูน และผืนป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ ผนวกกับองค์ประกอบความงามอื่นๆจากธรรมชาติ ส่งผลให้เขื่อนเชี่ยวหลานเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองไทย โดยได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศความงามอยู่ไม่ได้ขาดสำหรับผู้ที่มาเที่ยวเขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน นั้นก็มีกิจกรรมอันหลากหลายชวนให้เพลิดเพลิน ซึ่งสามารถเลือกเที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริป (ไปเช้า-เย็นกลับ) หรือนอนพักค้างในทะเลสาบเชี่ยวหลานสัมผัสบรรยากาศสุดฟินล่องเรือยามเช้า ชมทะเลหมอกภายในเขื่อนเชี่ยวหลานมีกิจกรรมและสิ่งน่าสนใจหลากหลายให้เลือกทำและเที่ยวชม อาทิ “นอนเขื่อน” สัมผัสบรรยากาศสุดฟินของที่พักต่าง ๆ ท่ามกลางธรรมชาติของทะเลสาบและขุนเขา, “ล่องเรือยามเช้า ชมทะเลหมอก” เป็นบริการเสริม (ฟรี) ของที่พักต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะได้ชมทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งเหนือทะเลสาบแล้ว วันไหนโชคดียังมีนกเงือกฝูงใหญ่ให้ชมกันอีกด้วย“เที่ยวถ้ำ” ภายในพื้นที่เขื่อนเชี่ยวหลาน ได้แก่ ถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำประกายเพชร และ ถ้ำปะการัง ที่งดงามไปด้วยหินงอกหินย้อย “ล่องเรือเที่ยวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง” ชมวิถีชีวิตสัตว์ป่าหายากออกหากิน อาทิ กระทิง ช้าง หมูป่า ค่างแว่นถิ่นใต้, “จุดชมวิวไกรสร”” ชมทิวทัศน์มุมสูง มุมกว้างของธรรมชาติผืนป่า ขุนเขา และสายน้ำในทะเลสาบเชี่ยวหลานล่องเรือชมทะเลสาบเขื่อนเชี่ยวหลานส่วนสายกินไม่ควรพลาดการลองลิ้มชิมรส ปลาน้ำจืดบนแพที่เปิดเป็นร้านอาหารและรีสอร์ต ซึ่งมีเมนูเด็ด ได้แก่ “ปลาแรดทอดกระเทียม” และเมนูปลาปลาน้ำจืดอีกหลากหลายนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต้องห้ามพลาดกับไฮไลต์ล่องเรือชม “เขาสามเกลอ” ที่ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งเขื่อนเชี่ยวหลานเขาสามเกลอ สัญลักษณ์แห่งเขื่อนเชี่ยวหลานเขาสามเกลอ เป็นยอดเขาแหลมเล็ก ๆ 3 ยอดที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดโฉมเรียงกันอยู่กลางทะเลสาบสีมรกตเขาสามเกลอมีตำนานเล่าขานเชื่อมโยงกับศาลศักดิ์สิทธิ์ในเขื่อนเชี่ยวหลานคือ “ศาลพ่อตาโจงโดง” ที่ชาวบ้านในพื้นที่เคารพนับถือ โดยเชื่อว่าเป็นจุดที่เรือขันหมากของพ่อตาโจงโดง ขณะกำลังไปสู่ขอยายแก้ว ล่มลงที่นี่ และพานพุ่มได้จมลงเกิดเป็นภูเขาที่มีรูปร่างคล้ายพานพุ่มสามพานพุ่ม จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “เขาขันหมาก”ล่องเรือชมเขาสามเกลอ กิจกรรมห้ามพลาดแห่งกุ้ยหลินเมืองไทยขณะที่ใกล้ ๆ กับเขาสามเกลอนั้นเป็นที่ตั้งของ “เขาอินเดียนแดง” ที่ตั้งชื่อตามลักษณะรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายอินเดียนแดงเพียงแต่ต้องใส่จินตนาการเข้าไปด้วย ส่วนอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ “หน้าผาหญิงสาว” กับหน้าผาใหญ่ที่มีร่องรอยตามธรรมชาติปรากฏเป็นรูปคล้ายหญิงสาว 2 คนบนหน้าผา ซึ่งก็ต้องใช้จินตนาการในการชมเช่นกันและนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของเขาสามเกลอ ธรรมชาติที่ดูแปลกตาน่าทึ่ง ซึ่งหากใครที่มาเยือนเขื่อนเชี่ยวหลานแล้วไม่ได้ล่องเรือไปชมเขาสามเกลอนั้นถือว่ายังมาไม่ถึงกุ้ยหลินเมืองไทยโดยสมบูรณ์เขาสามเกลอธรรมชาติงามแปลกตาแห่งเขื่อนเชี่ยวหลานสำหรับโปรแกรมท่องเที่ยวที่นี่มีทั้งแบบวันเดย์ทริปและแบบพักค้างคืน ซึ่งมีผู้ให้บริการที่พักอยู่หลากหลายรวมถึงที่พักของอุทยานแห่งชาติเขาสก โทร. 077 395 139สามารถสอบถามข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ที่ ททท. สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7728 8817-9ภาพเขาสามเกลอ โดย อโนทัย งานดีแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9660000111662

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ภาษี

หนุ่มขายต้นไม้ เคยคิดว่าไม่ต้องเสียภาษี โดนเรียกเก็บย้อนหลัง 3 ปี บวกเบี้ยปรับนับล้าน !

30/04/2024

หนุ่มเล่าอุทาหรณ์ขายต้นไม้ คิดว่าไม่ต้องจ่ายเสียภาษี แต่รายได้เกินจนโดนย้อนหลังบวกเบี้ยปรับ หักลดแล้วยังต้องจ่ายนับล้านบาทภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมสำหรับการขายต้นไม้ โดยเฉพาะไม้ด่าง ซึ่งเป็นพืชสวยงาม ซึ่งอีกมุมหนึ่งที่คนทำอาชีพนี้ต้องใส่ใจคือเรื่องของรายได้ เพราะหากเข้าเกณฑ์นั้นก็จำเป็นต้องเสียภาษีเช่นกัน วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก  Anek Chanthatep ได้โพสต์เตือนพ่อค้าแม่ค้าซึ่งมีรายได้จากการขายต้นไม้ หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องแจ้งภาษีด้วย พร้อมยกเคสของตัวเองที่ผิดพลาดจนทำให้ต้องโดนคิดภาษีย้อนหลังบวกกับค่าปรับเป็นจำนวนมาก โพสต์ดังกล่าวระบุว่า "พ่อค้าแม่ค้าที่ขายต้นไม้ทั้งหลาย ฟังทางนี้ อย่าลืมเสียภาษีทุกปีนะ อย่ามองข้าม มันคือเรื่องใหญ่ สำหรับการค้าขาย"ภาพจากเฟซบุ๊ก  Anek Chanthatep หนุ่มคนนี้เล่าให้ฟังว่า ในช่วงปี 2563 ที่ไม้ด่างกำลังบูม และสินค้าของเขาขายดีมาก เขาได้ขายต้นไม้เพราะคิดว่าเป็นสินค้าเกษตรและไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่กลับโดนเรียกเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้ากว่า 30% ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน แม้จะหักลดหย่อนต่าง ๆ ยังต้องจ่ายเองอีกกว่าล้านบาท และยิ่งจ่ายช้า เบี้ยปรับยิ่งทวีคูณ และหากไม่จ่ายอาจถูกอายัดบัญชี ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ทางที่ดีในเรื่องภาษีนั้นสามารถเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้เลย เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดีมาก เจ้าของเรื่องราว แนะนำเพิ่มเติมว่า โชคดีที่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อนำรายจ่ายไปหักลบค่าใช้จ่ายได้เยอะ แต่เนื่องจากเขาไม่ยื่นแบบตั้งแต่แรก ทำให้โดนย้อนหลังบวกเบี้ยปรับเยอะ รวมทั้งหมดกว่าล้านบาท ดังนั้นจึงมองว่าควรต้องยื่นทุกปี เพื่อไม่ให้มีเบี้ยปรับจะดีที่สุดแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://hilight.kapook.com/view/238050

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

‘ครูชลิต’ โชว์ผลงานศิลปะ ของ 7 ลูกศิษย์เด็กพิเศษออทิสติก

30/04/2024

โรงเรียนสอนศิลปะ ห้องเรียนแห่งความสุขบ้านครูชลิต ในนาม Chalit Art Project and Gallery เปิดเวทีให้เด็กพิเศษออทิสติกซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์ชลิต นาคพะวัน ได้แสดงความสามารถผ่านผลงานศิลปะในนิทรรศการกลุ่มภายใต้คอนเซ็ปต์ “I AM SPECIAL” เพราะทุกคนมีความพิเศษในตัวเอง และสามารถถ่ายทอดความพิเศษนั้นออกมาให้โลกได้รับรู้ผ่านงานศิลปะโดยผู้ริเริ่มการเปิดพื้นที่สำหรับเด็กพิเศษออทิสติกในครั้งนี้ คืออาจารย์ชลิต นาคพะวัน ศิลปิน นักออกแบบ และผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนศิลปะ ห้องเรียนแห่งความสุขบ้านครูชลิต ในนาม Chalit Art Project and Gallery ที่ก่อตั้งขึ้นมากว่า 30 ปี เพื่อถ่ายทอดความรู้และแนวทางการสร้างงานศิลปะให้กับเด็กๆ โดยเน้นการดึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละคนถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานที่ไม่ซ้ำใคร และอาจารย์ชลิตยังเป็นศิลปินอารมณ์ดี ที่เปิดบ้านให้เป็นห้องเรียนศิลปะที่แตกต่างจากที่อื่น ซึ่งเป็นทั้งการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อสร้างความสุข ถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นพื้นที่ให้ผู้สนใจได้แสดงออกทางศิลปะอย่างสร้างสรรค์ด้วยสุทธิเดช ถกลศรีปีนี้ในโอกาสที่อาจารย์ชลิต นาคพะวัน ได้รับรางวัลผู้เสียสละเพื่อสังคมจากกระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์ จึงได้ตั้งใจที่จะรวบรวมผลงานของเด็กๆ พิเศษออทิสติกที่เป็นลูกศิษย์ทั้งหมด 7 คน จากห้องเรียนศิลปะแห่งความสุขบ้านครูชลิต เพื่อส่งเสริมให้เด็กๆ ได้มีเวทีในการแสดงผลงานศิลปะของพวกเขา สามารถต่อยอดในอนาคต และส่งต่อคุณค่าของพวกเขาให้กับสังคม ซึ่งผลงานศิลปะในครั้งนี้แสดงออกมาทั้งสีสันและเรื่องราวในเชิงบวก โดยผสมผสานสไตล์การทำงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเด็กๆ แต่ละคน ได้แก่ น้องป็อป, น้องก่อกุศล, น้องแอนนา, น้องชานน, น้องลีออง, น้องเจมส์ และน้องญาญ่านิทรรศการจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “I AM SPECIAL” เพราะทุกคนมีความพิเศษในตัวเอง และสามารถถ่ายทอดความพิเศษนั้นออกมาให้โลกได้รับรู้ผ่านศิลปะ โดยได้จัดแสดงนิทรรศการครั้งแรกไปเมื่อปลายเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ณ ร้านอาหารแซคโซโฟน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปและผู้ชื่นชอบงานศิลปะเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีนักสะสมผลงานศิลปะและผู้สนใจให้การสนับสนุนด้วยการซื้อภาพที่มีความหมายเหล่านั้น และเพื่อให้เด็กๆ ได้มีกำลังใจในการสร้างผลงานศิลปะต่อไป จึงได้จัดงาน “I AM SPECIAL” - We Are All Special Exclusive Event” เพื่อแสดงผลงานขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งมอบรายได้จากการจำหน่ายภาพหลังหักค่าใช้จ่ายให้กับน้องๆ ศิลปินแต่ละคนด้วยอู๋-ธนาธรณ์ ปาละกวงศ์ ณ อยุธยาภายในงานได้รับเกียรติจากคุณสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด เจ้าของแบรนด์ดังอย่าง ไฟน์ไลน์, ดีนี่, บีไนซ์, ทรอส, เอเวอร์เซ้นส์ ฯลฯ ในฐานะผู้สนับสนุนนิทรรศการครั้งนี้, อาจารย์ชลิต นาคพะวัน รวมถึงแขกผู้มีเกียรติในแวดวงศิลปะ เซเลบริตี้ชื่อดัง และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีกับน้องๆ ศิลปินทั้ง 7 คน ต่อด้วยช่วงเวลาสำคัญที่ทุกคนจะได้ทำความรู้จักกับน้องๆ ศิลปินที่ต่างก็มาแนะนำตัวเองนอกจากนี้ ยังมี Gallery Tour นำโดยอาจารย์ชลิตและตัวแทนศิลปินพาเดินชมงานและบรรยายภาพอย่างใกล้ชิด ต่อด้วย “คุณเผือก-ชาตรี ปั้นสมสกุล” แห่งร้านแซคโซโฟน เป็นตัวแทนมอบเงินรายได้จากการจำหน่ายภาพที่ได้มีการจัดงานครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาให้กับน้องๆ ศิลปินแต่ละคนอีกด้วย ก่อนจะปิดท้ายด้วยการโชว์ร้องเพลงกันสดๆ จาก “น้องใบพลู-ด.ญ.ภาวิดา พรวัฒนานุกูล” สร้างความประทับใจให้กับแขกผู้เข้าร่วมงานที่ได้เห็นถึงความสามารถและความกล้าแสดงออกของเด็กๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มต้นและจบลงด้วยรอยยิ้มและความยินดีที่ได้เห็นความสามารถอันน่าทึ่งของเด็กๆ ในครั้งนี้จี๊ด-แสงทอง เกตุอู่ทองบิลลี่ โอแกนน้องใบพลูครูชลิตและเฟม-ชวินโรจน์ อดีตลูกศิษย์แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9660000109767

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

3 เมนูไทยโดดเด่น เว็บไซต์ระดับโลกแนะนำ ส่วนอาหารไทยติดอันดับ 17 ปี 2023

30/04/2024

เว็บไซต์ TasteAtlas ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลอาหารต่างๆ จากทั่วโลก เปิดเผยการจัดอันดับอาหารที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 (100 Best Cuisines in the World) โดย 20 อันดับอาหารที่ดีที่สุดในโลกมีรายละเอียดดังนี้ สำหรับอาหารไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 17 จาก 20 อันดับ1. อาหารอิตาลี2. อาหารญี่ปุ่น3. อาหารกรีซ4. อาหารโปรตุเกส5. อาหารจีน6. อาหารอินโดนีเซีย7. อาหารเม็กซิโก8. อาหารฝรังเศส9. อาหารสเปน10. อาหารเปรู11. อาหารอินเดีย12. อาหารบราซิล13. อาหารโปแลนด์14. อาหารอาร์เจนตินา15. อาหารตุรเคีย16. อาหารสหรัฐอเมริกา17. อาหารไทย18. อาหารเกาหลีใต้19. อาหารโครเอเชีย20. อาหารเซอร์เบียโดยทางเว็บไซต์แนะนำ 3 เมนูอาหารไทยที่ถือว่าอันดับดีที่สุดคือพะแนง ข้าวซอย และผัดกะเพรา นอกจากนั้นมีซอสพริกศรีราชา ส่วนร้านอาหารไทยที่ถูกแนะนำคือร้านป.โภชนา กรุงเทพฯ โรตีสายไหมแม่ป้อม จังหวัดอยุธยา และแตน ข้าวมันไก่ จังหวัดเชียงใหม่แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanook https://www.sanook.com/travel/1444411/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย พาตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2023 ลัดฟ้าร่วมฉลองความสำเร็จ ณ มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส

30/04/2024

เอไอเอ ประเทศไทย ผู้นำธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ พาตัวแทนผู้พิชิตคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2023 จำนวนกว่า 1,500 ท่าน บินลัดฟ้าเปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 – 14 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาด้านการเงินของเอไอเอ ซึ่งล้วนมาจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการทำงานตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยทุกท่านต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการส่งมอบความคุ้มครองและประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้แก่ลูกค้าและคนไทยทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives’สำหรับพิธีเฉลิมฉลองความสำเร็จ AIA Annual Convention 2023 ได้รับเกียรติจากผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต และคุณประกิตติ บุณยเกียรติ ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ร่วมเดินทางเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อแสดงความยินดีและเชิดชูเกียรติแก่ตัวแทนทุกท่าน โดยเอไอเอ ได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันสุดหรูให้กับผู้ที่ทำผลงาน FYC สูงสุดทั้งสิ้น 10 ท่าน เพื่อให้ได้มีประสบการณ์ใกล้ชิดกับผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย พร้อมร่วมพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ณ ร้าน Le Clarence ร้านอาหารฝรั่งเศสระดับ Michelin 2 ดาว นอกจากนี้ ยังได้จัดงานเลี้ยงอาหารเย็นสุดพิเศษสำหรับผู้พิชิตคุณวุฒิ AIA Annual Convention 2023 ในระดับ 300% ขึ้นไป โดยพาไปสัมผัสประสบการณ์ที่เงินหาซื้อไม่ได้ที่ Salon Opera, Intercontinental Paris Le Grand พร้อมชมการแสดงโชว์สุดอลังการอย่าง Phantom of the Opera และสำหรับไฮไลท์ของงาน AIA Annual Convention 2023 เอไอเอ ได้จัดงานเลี้ยง GALA Dinner ต้อนรับเหล่าตัวแทนกว่า 1,500 ท่าน โดยเนรมิตสถานที่ Paris Nord Villepinte ยกเอาความเป็นฝรั่งเศสมาให้กับทุกท่านที่ร่วมงานได้สัมผัสแบบตื่นตาตื่นใจ ในธีม Parisian Chic Style ทั้งหอไอเฟลจำลอง ให้ได้ถ่ายรูปแบบจุใจ การจำลองถนนซ็องเซลีเซ ที่ 2 ข้างทางเล่าวิถีชีวิตชาวปารีสผ่าน Photo Wallที่สำคัญทุกท่านที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ยังได้ร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จให้กับคุณเพชรรัตน์ รงค์บัญฑิต กับการครองตำแหน่ง President of AIA Annual Convention ครั้งที่ 3 อีกด้วย นำมาซึ่งความภาคภูมิใจและพลังใจอันเปี่ยมล้นให้แก่ตัวแทนเอไอเอ พร้อมเตรียมตัวสู่ความสำเร็จในปีต่อไปกับ AIA Annual Convention 2024 ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

ฮาวทู หาค่าเทอมลูกฉบับคนขี้เกียจ ลงทุนทีเดียว หาค่าเทอม 50,000 ได้ยาว 10 ปี

30/04/2024

ฮาวทูหาค่าเทอมลูกฉบับคนขี้เกียจและทำงานที่บ้าน ทำยังไงถึงจ่ายค่าเทอมลูกได้ 5 หมื่นบาทต่อเทอม สามารถส่งลูกเรียนจบเป็น 10 ปี หลายคนเอาไปทำตาม การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงภาพจาก เฟซบุ๊ก Pairtarah Chittrirat หนึ่งในค่าใช้จ่ายสำคัญของการเลี้ยงลูกและทำให้คนเป็นพ่อแม่ต้องหาเงินจนหัวหมุน นั่นคือ ค่าเทอมของลูก ซึ่งแต่ละเทอมก็เสียกันหลายหมื่น ต้องจ่ายแบบนี้เป็น 10 ปีกว่าลูกจะเรียนจบ ถือว่าหนักเอาการไม่น้อย ล่าสุด วันที่ 11 ธันวาคม 2566 เฟซบุ๊ก Pairtarah Chittrirat ซึ่งเป็นเทรนเนอร์คอร์สลดน้ำหนัก มีการเล่าประสบการณ์การหาค่าเทอมลูก แบบฉบับคนขี้เกียจและทำงานที่บ้าน ว่ามีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จ โดยการหาค่าเทอมลูกโดยทำงานที่บ้านนั้น เริ่มต้นจาก การหาโรงเรียนลูก เช็กค่าเทอมว่าเท่าไร และต้องจ่ายค่าเทอมกี่ครั้งต่อปี เมื่อรู้ตัวเลขแน่ชัด ก็คุณแม่ก็หาความรู้ หากองทุนรวมที่เหมาะสม ที่ได้เงินปันผลเพียงพอนำมาจ่ายค่าเทอมลูก โดยของเธอนั้นเป็นกองทุนที่มีปันผล 4 ครั้งต่อปี ลงทุนแล้วได้เงินปันผลไม่ต่างจากค่าเทอมลูก อยู่ที่ 50,000 บาทต่อเทอม ซึ่งเงินปันผลที่จ่ายนี้ ก็เอามาจ่ายเป็นค่าเทอมแทน แบบนี้ก็สามารถได้ค่าเทอมลูกยาว ๆ 10 ปี แบบไม่เสียต้นทุนอะไรเลยภาพจาก เฟซบุ๊ก Pairtarah Chittriratในขณะเดียวกัน ทางคุณแม่ก็ได้เผยให้เห็นสลิปการจ่ายเงินปันผลที่ส่งมาจากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ หรือ TSD ทั้งหมด 7 ใบ จนมีคนแชร์เรื่องนี้กันออกไปกว่า 1.3 หมื่นครั้ง ด้านบรรดาคุณแม่เห็นแบบนี้ก็สงสัยว่า กองทุนอะไร ทำไมให้เงินปันผลเยอะขนาดนี้ อยากให้ทางเจ้าของโพสต์แนะนำเพิ่มเติม และคุณแม่อาจจะต้องลงเงินหลักล้านหรือเปล่า ถึงจะได้ปันผลในระดับ 50,000 บาท ทุก ๆ ไตรมาส ขณะเดียวกัน บางคนก็ยอมรับว่า วิธีนี้เป็นการแนะนำที่ดี เป็นการหา Passive Income และเธอก็ใช้วิธีนี้ในการหาค่าเทอมจนลูกอายุ 16 ปี ซึ่งการลงทุนล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://hilight.kapook.com/view/237989

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

เริ่มแล้ว "ไทยแลนด์ เบียนนาเล่ เชียงราย" มหกรรมศิลปะระดับโลกสุดตื่นตา

30/04/2024

เริ่มแล้ว งาน "มหกรรมศิลปะนานาชาติ ไทยแลนด์ เบียนนาเล่ เชียงราย 2566" (Thailand Biennale, Chiang Rai 2023) ที่มีกำหนดจัดขึ้นในหลายจุดของจังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 - 30 เมษายน 2567งานไทยแลนด์ เบียนนาเล่ เชียงรายมีพิธีเปิดงานในช่วงค่ำของวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย อ.เมือง จ.เขียงราย โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานงานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "The Open World" หรือ "เปิดโลก" ซึ่งได้แรงบันดาลใจ มาจากพระพุทธรูป ปางเปิดโลก วัดป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงรายเพื่อเป็นการเปิดโลกศิลปะในประเทศไทยให้ชาวโลกรับรู้ เพื่อส่งเสริมให้จังหวัดเชียงรายกลายเป็น "เมืองศิลปะระดับโลก" และเป็นจุดหมายให้นักเดินทางทั่วโลกเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายภายในงานชวนตื่นตาตื่นใจกับผลงานการสร้างสรรค์ของ 60 ศิลปิน ร่วมด้วย กิจกรรมคู่ขนาน อาทิ การแสดงดนตรีชาติพันธุ์ ศิลปะการแสดง การฉายภาพยนตร์ กิจกรรมการศึกษา พาวิลเลี่ยน 13 พาวิลเลี่ยน และการเปิดบ้านของศิลปินเชียงรายอีกกว่า 80 หลังแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9660000110659

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

SUPscribe Chanthaburi พายซับไปหลงรักธรรมชาติ วิถีเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ที่คลองบางกะจะ

30/04/2024

เสียงเพรียกแห่ง “คลองบางกะจะ” กระซิบกระซาบผู้มาเยือนให้รับรู้ว่า ภายในผืนน้ำที่โอบอิ่มไปด้วยป่าชายเลนโบราณอายุนับร้อยปีมีความงามซุกซ่อนให้ออกไปค้นหาอีกมากมายแต่วิธีที่ดีที่สุดจะเข้าไปสัมผัสความเร้นลับของธรรมชาติงามพิสุทธิ์ ก็ควรตระหนักด้วยการอนุรักษ์ที่ปราศจากการรบกวนสรรพสิ่งในพงไพร ซึ่งคนกลุ่มหนึ่งในพื้นที่ก็ค้นพบวิถีการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน นั่นคือ “การพายซับบอร์ด” จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวพายซับแนะนำ โดย ททท.สำนักงานจันทบุรีรู้จัก “บางกะจะ”“บางกะจะ” เป็นชื่อตำบลในอำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ในเรื่องการท่องเที่ยวนั้นคนส่วนมากที่เดินทางมาเยือน นิยมปักหมุดหมายไปที่ “วัดพลับ บางกะจะ” วัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ราว พ.ศ. 2300 ซึ่งได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ที่ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ใช้พักไพร่พลก่อนจะเข้าตีเมืองจันท์ในสงครามกู้เอกราช, ชมค่ายเนินวง โบราณสถานอันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญครั้งเมื่อบางกะจะเป็นเมืองหลวงจันทบุรี, แวะจับจ่ายตลาดเล็กๆร้านค้าในชุมชนที่มีอาหารถิ่นราคาย่อมเยา หรือไปทำกิจกรรมขุดพลอย เรียนรู้เรื่องพลอยแต่นอกจากการเที่ยวทางบกแล้ว ยังมี “คลองบางกะจะ” แหล่งน้ำสำคัญที่มีระบบนิเวศแบบป่าชายเลน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าผสม เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และประมงพื้นบ้าน ซึ่งหากย้อนกลับไปราวสิบปีก่อน ก็ยังไม่มีใครรู้หรือเข้าไปสำรวจ นอกจากชาวประมงในท้องถิ่น“พายซับ” ท่องเที่ยวคลองบางกะจะไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ชาวชุมชนบางกะจะ” กลุ่มหนึ่งที่หลงใหลการพายซับบอร์ด (SUP - Stand up Paddle board) โดยพายเป็นกีฬา และงานอดิเรก ได้ใช้อุปกรณ์กีฬาโปรดพายซอกแซกสำรวจไปในลำคลองที่คุ้นเคยตั้งแต่วัยเด็ก“นุศรา กีรติโภฌานันท์” ผู้ก่อตั้ง และผู้จัดการทั่วไป SUPscribe Chanthaburi เล่าว่า จุดเริ่มต้นมาจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนที่เล่นกีฬาซับบอร์ด ซึ่งนอกจากที่บางกะจะแล้ว ยังมี ที่ตำบลหนองบัว กลุ่มที่พายในแม่น้ำจันทบุรีในตัวเมือง ที่อำเภอขลุง และพื้นที่ทะเลจันทบุรี ส่วนตนเองก็จัดกิจกรรมพายซับท่องเที่ยวที่คลองบางกะจะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง ทำให้ค้นพบว่า คลองบางกะจะยังมีความงามที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากนำมาสู่การตัดสินใจเปิดกิจกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบสร้างสรรค์-ยั่งยืน ในนาม "SUPscribe Chanthaburi” ที่ออกไปสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สัมผัสธรรมชาติ และสายน้ำในท้องถิ่น ด้วยการพายซับไปพร้อมๆกับการสร้างแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์ความโดดเด่นของเส้นทาง“คลองบางกะจะ ยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นป่าแสม บางต้นมีอายุร้อยกว่าปี ทำให้เรารู้ว่า ธรรมชาตินั้นอยู่ยาว ถ้ารักษาให้อยู่กับเราไปนานๆ” นักพายซับแห่งคลองบางกะจะ อธิบายจุดเด่นของพื้นที่ พร้อมชี้ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวทางน้ำของบางกะจะนั้นแตกต่างจากทางบกโดยสิ้นเชิง เพราะมีความนิ่งเงียบ การพายซับเข้าไป เป็นวิธีที่พาตัวเราไปหาความสงบของธรรมชาติ ที่มีเพียงเสียงพายกระทบน้ำ เสียงลม เสียงนก และเสียงสนทนากันเบาๆของกลุ่มคนที่พายไปด้วยกันบรรยากาศรอบตัวของเส้นทางพายซับคลองบางกะจะ ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ป่าชายเลน บางช่วงให้ความรู้สึกได้ตัดขาดจากโลกภายนอก ราวกับเข้าไปอยู่ในผืนป่าเร้นลับเป็นส่วนตัว ขณะที่จุดหมายปลายทางของเส้นทางพายซับ นิยมพายไปยังเวิ้งน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตาที่โอบล้อมด้วยป่าชายเลน มีทัศนียภาพงดงามมากหากเลือกพายไปในช่วงพระอาทิตย์ตก แต่หากเลือกพายช่วงเช้ามืด ก็ได้รับพลังความสดชื่นเย็นสบายด้วยอากาศอันบริสุทธิ์ และแดดอ่อนๆยามเช้าข้อดีของซับบอร์ดกับการท่องเที่ยวเมื่อ “ซับบอร์ด” เป็นอุปกรณ์กีฬาประเภทหนึ่ง ข้อดีอย่างแรกจึงเป็นกิจกรรมที่ผู้พายได้ออกกำลังกายไปในตัว แม้ไม่เคยพายมาก่อนก็ฝึกได้ไม่ยากภายในไม่กี่นาที มีความปลอดภัยเมื่อนำมาพายในพื้นที่ไม่มีคลื่นลม โดยมีสายรัดข้อเท้า และอุปกรณ์ก็มีคุณสมบัติลอยน้ำได้ โดยเมื่อนำมาใช้ในการท่องเที่ยว สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อได้เปรียบ คือ บางร่องน้ำที่เรือไม่สามารถเข้าได้ แต่ซับบอร์ดสามารถลัดเลาะเข้าไปได้ทุกเส้นทางในพื้นที่ของคลองบางกะจะอย่างไรก็ดี หัวใจสำคัญของการใช้ซับบอร์ดเพื่อการท่องเที่ยวคลองบางกะจะ อยู่ที่การเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่มีเครื่องยนต์ จึงไม่ต้องเอาสิ่งแปลกปลอมอะไรเข้าไปในธรรมชาติ แม้กระทั่งการเข้าไปเที่ยวด้วยซับบอร์ด ก็ต้องให้ธรรมชาติเป็นตัวกำหนด ด้วยการดูระดับน้ำตามวันเวลาที่เหมาะสมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนกระแสการท่องเที่ยวอย่างความยั่งยืน ถือเป็นเรื่องสำคัญระดับโลกของการท่องเที่ยวในยุคนี้ ซึ่งกิจกรรมพายซับบอร์ดเที่ยวคลองบางกะจะ ก็ถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นให้กับแขกผู้มาเยือนทุกคน “นุศรา" เล่าว่า ลูกค้าจำนวนไม่น้อยเป็นคนในสังคมเมืองไม่มีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติบ่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน เมื่อได้มาอยู่ในธรรมชาติต่างก็มีความสุข พ่อแม่ก็จะสอนลูกๆในเรื่องของการอนุรักษ์ไปด้วย เราก็สอดแทรกเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องไม่ทิ้งขยะ ไม่สร้างมลพิษ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัวแล้ว แต่กลายเป็นขยายไปถึงสังคมโดยเฉพาะปัจจุบัน พื้นที่บางส่วนของป่าชายเลนบางกะจะ ถูกทำลายเปลี่ยนไปเป็นหมู่บ้านจัดสรร รวมทั้งเริ่มมีการขายพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อวัตถุประสงค์สร้างอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ การท่องเที่ยวของคนกลุ่มเล็กๆในชุมชน จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์ให้สังคมภายนอกได้รับรู้ ว่ายังมีผืนป่าชายเลนที่มีคุณค่าของเมืองจันทบุรีที่หลงเหลืออยู่ และคู่ควรกับการช่วยกันอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความใส่ใจของ SUPscribe Chanthaburi คือ ความพยายามเชื่อมโยงกิจกรรมท่องเที่ยวเข้ากับชุมชน แทรกลงไปในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น อาหาร-ของว่างต้อนรับแขก ที่เลือกซื้อมาจากพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่น ภาชนะ ที่รองโต๊ะต่างๆก็ยังใช้งานคราฟต์ในชุมชนที่มีส่วนอนุรักษ์เสื่อจันทบูรของดีเมืองจันท์ เป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีความพิเศษเพิ่มเติม คือ งานภาพสวยๆะดับมืออาชีพที่ถ่ายให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นชาวบางกะจะโดยกำเนิดอย่าง “รักษ์ชาติ โสดาบัน”ช่างภาพที่ผ่านประสบการณ์งานนิตยสารดังมามากมาย ที่กลับบ้านมาร่วมพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชน และทำหน้าที่เป็นผู้กดชัตเตอร์ด้วยตัวเองเพื่อให้ผู้มาเยือนมีภาพความทรงจำอันน่าประทับใจกับสายน้ำในบ้านเกิดของตน“เราเปิดบริการเหมือนพาเพื่อนเที่ยวบ้านมากกว่าการทำธุรกิจ ดังนั้นถ้าใครมาที่นี่ก็จะไม่ได้รับการดูแลแบบนักธุรกิจ หรือกิจการท่องเที่ยวใหญ่ๆ ให้นึกภาพว่าเราเปิดประตูต้อนรับเพื่อนมาหา แล้วพาเพื่อนไปดูธรรมชาติรอบๆบ้าน หาขนมให้เพื่อนรับประทาน” นุศรา กล่าวทิ้งท้ายข้อมูลเพิ่มเติมผู้สนใจ ติดต่อได้ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจไร่ตามฟาร์มสุข (facebook.com/raitamfarmsuk)หรือ SUPscribe Chanthaburi (facebook.com/Supscrib)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9660000110712

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย รับรางวัล “Thailand’s Employee Experience of the Year” ประเภทธุรกิจประกันชีวิต จากงาน Asian Experience Awards 2023

12/12/2023

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนางศรัณยา เทียนถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นตัวแทนรับรางวัล Thailand’s Employee Experience of the Year ประเภทธุรกิจประกันชีวิต จากงาน Asian Experience Awards 2023 ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ประเทศไทย ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยอดเยี่ยมและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่พนักงานในธุรกิจด้านการเงินและการประกันภัย ตลอดระยะเวลา 85 ปีที่ผ่านมา จึงนับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติและน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเอไอเอ ประเทศไทย ตลอดจนยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการดูแลผู้คนทั้งภายในและภายนอกองค์กรด้วยความเข้าใจและความจริงใจ สอดคล้องตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวทั่วไป

หญิง 27 ไม่สูบบุหรี่ แต่ตรวจเจอมะเร็งปอด ไอ 2 สัปดาห์ - น้ำหนักลด 4 โล

09/12/2023

เจออีกเคส หญิงสาววัย 27 ปี ไม่มีประวัติการสูบบุหรี่ แต่ตรวจเจอมะเร็งปอด หลังมีอาการไอเหนื่อยนาน 2 สัปดาห์ – น้ำหนักลด 4 โลการจากไปของ หมอกฤตไท ด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่อายุยังน้อย โดยไม่มีประวัติการสูบบุหรี่ กลายเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางอากาศ ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ว่าคนที่เป็นมะเร็งปอดไม่จำเป็นต้องเป็นคนแก่เสมอไปล่าสุด กรณีคล้ายกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเฟซบุ๊ก Vajira Pulmonary Medicine ได้โพสต์ถึงอาการป่วยของหญิงอายุ 27 ปีรายนึ่ง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่สูบบุหรี่ มาด้วยอาการเหนื่อย ไอ 2 สัปดาห์ น้ำหนัก ตัวลดลง 4 กก.จึงไปโรงพยาบาล แพทย์เอกซเรย์ปอดและพบความผิดปกติว่ามีน้ำในเยื่อหุ้มปอดเป็นจำนวนมาก จึงทำการเจาะปอดออกมา และผลที่ได้คือน้ำปนเลือด จากนั้น ก็ส่งคนไข้ไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบ CT Scan และพบว่าเยื่อหุ้มปอดหนาและปอดข้างขวาแฟบและพบก้อนเนื้อที่ปอดจากนั้นจึงมีการส่องกล้องในปอดและเนื้อเยื่อจำนวนมากในช่องปอด รวมไปถึงชิ้นเนื้อในปอด และหลังจากที่เก็บชิ้นเนื้อ(ก้อน)ในเยื่อหุ้มปอดมาตรวจ ก็พบว่า หญิงรายนี้เป็นมะเร็งปอดเป็นการยืนยันว่าแม้คนไข้จะไม่สูบบุหรี่และอายุยังน้อย ไม่ได้หมายความจะไม่เป็นมะเร็ง เพราะมีผู้ป่วยมะเร็งปอดที่อายุน้อย ประมาณ 0.6 – 13% และเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายผู้ป่วยที่อายุน้อยเช่น ต่ำกว่า 35 ปี, ต่ำกว่า 40 ปี, หรือต่ำกว่า 50 ปี สามารถพบมะเร็งปอดได้ มักไม่มีประวัติสูบบุหรี่ และผู้ป่วยมักมีอาการก่อนได้รับการวินิจฉัยค่อนข้างนาน เพราะผู้ป่วยมักจะไม่เฉลียวใจว่าจะเป็นมะเร็งปอดที่มา: Vajira Pulmonary Medicineแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับข่าวสดออนไลน์https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_8000709

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X