คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ข่าวการเงิน

เสียงเตือนที่หายไป กับ ‘ปัญหาหนี้’ ที่เสี่ยงระเบิด!

30/04/2024

“หนี้” กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย ปีหน้าจะมีหุ้นกู้ที่เตรียมครบกำหนดชำระหนี้ราว 1 ล้านล้านบาท ซึ่งประเมินกันว่า ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจยังย่ำแย่และดอกเบี้ยยังสูงกว่าอดีตอย่างมาก อาจทำให้เกิดการ “ผิดนัดชำระหนี้” จนลุกลามบานปลาย ปัญหาหนี้นับเป็นเรื่องที่กองบรรณาธิการของ “กรุงเทพธุรกิจ” ให้ความสำคัญและเป็นห่วงมาพักใหญ่ๆ แล้ว เราเห็นข้อมูลบางส่วนที่บ่งชี้ว่า “หนี้” กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ภาครัฐที่สัดส่วนต่อจีดีพีขยับขึ้นแตะ 62% และที่น่าห่วงสุด คือ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับ 91% สูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก แต่ที่น่ากังวลไปกว่านั้น คือ หนี้ของภาคธุรกิจซึ่งวิ่งขึ้นมาเร็วมาก ล่าสุดเฉียดระดับ 80% ต่อจีดีพี เทียบกับช่วงก่อนโควิดที่อยู่เพียงราวๆ 70% ต่อจีดีพี สิ่งที่ต้องจับตาดู คือ มีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่า หลายๆ ธุรกิจเริ่มจะแบกหนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ข้อมูลที่ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจได้รับมา พบว่า ปัจจุบันมีเอสเอ็มอีที่ได้รับสินเชื่อราว 283,034 บัญชี ในจำนวนนี้เป็นหนี้เสียราว 10% หรือกว่า 2.8 หมื่นบัญชี นับเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และด้วยความเสี่ยงเหล่านี้ทำให้ ธนาคารพาณิชย์ชะลอการปล่อยสินเชื่อแก่กลุ่มเอสเอ็มอีมาระยะหนึ่งแล้ว ข้อมูลล่าสุดของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่รายงานโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ส่วนหนึ่งเพราะธนาคารพาณิชย์เริ่มระมัดระวังการให้สินเชื่อ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อความสามารถในการชำระคืนสินเชื่อของผู้ประกอบการรายย่อย และมีบางส่วนที่หันไปออก “หุ้นกู้” แทน นอกจากนี้เรายังพบว่า ในปีหน้าจะมีหุ้นกู้ที่เตรียมครบกำหนดชำระหนี้ราว 1 ล้านล้านบาท แน่นอนว่าผู้ออกย่อมต้องออกหุ้นกู้ตัวใหม่เพื่อมาทดแทนหุ้นกู้เดิม (โรลโอเวอร์) แต่มีการประเมินกันว่าถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจยังย่ำแย่ ท่ามกลางดอกเบี้ยในปัจจุบันที่สูงกว่าอดีตอย่างมาก อาจทำให้มีหุ้นกู้ราว 50,000 ล้านบาท เกิดการ “ผิดนัดชำระหนี้” ขึ้นมาได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่เรตติ้งต่ำหรือไม่มีเรตติ้ง ตัวเลข 5 หมื่นล้านบาทที่ว่านี้ นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเป็นเพียงความเสี่ยง และถ้าจะเกิดขึ้นก็ไม่น่าจะสร้างปัญหาต่อระบบการเงินในภาพรวม แต่เราเชื่อว่าหากภาครัฐไม่มีมาตรการใดๆ มารองรับ ก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นลามไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่ยากจะคาดเดาได้ และสิ่งที่น่าห่วงไปกว่านั้น คือ ต้องติดตามดูว่าปัญหาเหล่านี้จะลามไปสู่ภาคธุรกิจขนาดใหญ่หรือไม่ เพราะเอาเข้าจริงตอนนี้หลายรายเริ่มออกอาการให้เห็นต้องวิ่งเต้นหาสภาพคล่องมาเติมให้กับธุรกิจของตัวเองกันบ้างแล้ว คำถาม คือ หน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องพวกนี้อยู่เห็น “ควันไฟ” ที่เริ่มก่อตัวขึ้นจากจุดเล็กๆ เหล่านี้หรือไม่ และได้เตรียมมาตรการอะไรมารองรับเพื่อ “ดับไฟ” ให้ทันก่อนที่จะลุกลามออกไปหรือยัง?  ...สถานการณ์ที่ว่านี้มีสิ่งหนึ่งที่น่ากังวลอยู่มากๆ คือ เราไม่ได้รับเสียงเตือนใดๆ จากหน่วยงานที่ว่านี้เลย มีเพียงเสียงเตือนจากชาวบ้านและภาคธุรกิจที่เริ่มเห็นควันไฟในบางจุดแล้วพากันชี้ดู ที่เหลือก็คงได้แต่เฝ้าระมัดระวังกันเอง! แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1102151

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

3 พื้นที่จัดงาน Bangkok Illustration Fair 2023 งานแฟร์นักวาดภาพประกอบสุดว้าว

30/04/2024

Bangkok Illustration Fair 2023 จัดยิ่งใหญ่ใน 3 พื้นที่ของ 'หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร' ชม-ช้อปผลงาน พูดคุยกับนักวาดภาพประกอบชาวไทย 132 คน ศิลปินต่างชาติ 18 คน และ 17 Guest Artist นักวาดภาพประกอบชื่อดังระดับปกนวนิยาย 80 ปีก่อน จนถึงคนรุ่นใหม่เริ่มแล้ว Bangkok Illustration Fair 2023 หรือ BKKIF งานแฟร์สำหรับวงการนักวาดภาพประกอบไทย (Illustration) เทศกาลที่ศิลปินนักวาดไทยและนักสร้างสรรค์จากทั่วโลกจับตามองBKKIF 2023 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เพื่อส่งเสริมและผลักดันศักยภาพของแวดวงภาพประกอบไทยให้เกิดการพัฒนาและต่อยอดการทำงานในระดับประเทศและระดับนานาชาติ จัดขึ้นโดย 3 องค์กร ได้แก่ happening, DEXEMBELL และ WHAT IFBangkok Illustration Fair 2023งาน Bangkok Illustration Fair 2023 มีนักวาดภาพประกอบคนไทย จำนวน 132 คน ศิลปินต่างชาติ 18 คน จากประเทศฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน ยูเครน และ เมียนมาร์ จัดแสดงผลงานร่วมกับ GUEST Artist อีก 17 ท่านBKKIF 2023 จัดที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (bacc) ใน 3 พื้นที่ด้วยกัน คือ โถงนิทรรศการหลัก ชั้น 7, ชั้น 1 และ ชั้น 5 รวมพื้นที่กว่า 1,500 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยส่วนจัดแสดงและกิจกรรมต่างๆ ดังนี้โถงชั้น 1    •  พื้นที่เข้าฟรี    •  ที่ตั้ง Ticket Booth จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมนิทรรศการหลักชั้น 7นิทรรศการ ณ โถงชั้น 1จัดแสดง นิทรรศการ ภาพ-ประกอบ-เมือง แคมเปญที่ BKKIF และ DOW (Department of Wonder) ร่วมกันจัดขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจาก UTA (อู่ตะเภาอินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น)เป็นการเลือกศิลปิน BKKIF Artist 10 ราย มาร่วมเวิร์คช็อปที่จัดโดย Practical School of Design (PS±D) แล้วนำผลงานที่สร้างขึ้นมาจัดแสดงในงาน BKKIF2023เพื่อแสดงให้เห็นว่า ‘ภาพประกอบ’ ได้รับการหยิบมาประกอบร่างสร้างเป็นเมืองได้อย่างไร ยกตัวอย่าง Octoboxes ผลงานวาดภาพโดย Tent Katchakulภาพประกอบ Octoboxes วาดโดย Tent Katchakulโมเดล Octoboxes สร้างจากภาพประกอบฝีมือ Tent KatchakulTent Katchakul อธิบายผลงานชิ้นนี้ว่า ด้วยความเชื่อที่ว่า 'เมืองคือคน' และ 'คนคือเมือง' คำถามที่ตามมา คือเราสามารถทำอย่างไรเพื่อสร้างสภาวะให้เกิดความเป็นเมืองขึ้นมาได้ส่วนตัวแล้ว ความเป็นเมืองอาจเกิดขึ้นมาไม่ใช่เพียงเพราะมีวัตถุ ตึกราม บ้านช่อง หากแต่เพราะมีผู้คนเข้ามาอาศัย ใช้งาน ทำความรู้จัก และแบ่งปัน เมื่อนั้นความเป็นเมืองถึงเกิดขึ้นและสมบูรณ์ขึ้นมาหมึก Octoboxes มีขาที่เกาะเกี่ยว ดึงดูด ให้ผู้คนที่แตกต่าง เข้ามาใช้ space ร่วมกันความกลมเกลียวของหมึกถูกแทนที่ด้วยความเป็นเหลี่ยมเป็นมุม เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอย และ  symbolize การรวมตัวกันอย่างร้ช่องว่าง และการต่อเติมขยายได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดทุกๆ ด้านของ Otoboxes เป็นด้านหน้า เพื่อเปิดรับผู้คนให้เข้ามาใช้ประโยชน์โดยไม่แบ่งแยกศิลปินนักวาดภาพประกอบ 10 ราย ใน นิทรรศการ ภาพ-ประกอบ-เมือง ได้แก่ BEYA, Buddhaandz, fahsuwaree, PAPENGPA, Uninspired by Current Events, PHAYANCHANA, Khemtit, nnene.iie, Tent Katchakul และ BlueBlurryMondayนอกจากนั้นยังมีโชว์เคสจาก 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่  1. คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ  2. คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร  3. สาขาวิชาการออกแบบสื่อสารสร้างสรรค์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ  4. ครีเอทีฟมีเดีย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีสนุกกับการถ่ายภาพ BKKIF Photo Booth ดีไซน์เฉพาะสำหรับงานนี้เท่านั้น, กิจกรรมพิเศษจาก BKKIF, เลือกซื้อสินค้าที่ระลึกพื้นที่ชั้น 5   •  พื้นที่เข้าฟรี    •  ที่ตั้ง Ticket Booth จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมนิทรรศการหลักชั้น 7จัดแสดงนิทรรศการ Sunflowers โดย BKKIF x SC Assets ที่ชวน 10 ศิลปินมาวาดภาพ ‘ดอกทานตะวัน’ ในรูปแบบของตัวเอง และมีโชว์เคสสุดสร้างสรรค์จากผู้สนับสนุน Canon, KPP Antalis, Central Tham และ Birdy Cafe ให้แวะไปเยี่ยมเยียนและร่วมทำกิจกรรมกันโถงนิทรรศการหลัก ชั้น 7งาน BKKIF 2023 โถงชั้น 7พื้นที่จัดแสดงผลงานของ 150 BKKIF Artists ผู้เข้าชมงานสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยน และรับแรงบันดาลใจจากศิลปินอย่างใกล้ชิด โดยพวกเขานำสินค้ามาจำหน่ายในงานด้วย อาทิ 111, 203 Infographics Lab, ab.bnna, ALANLERT (LERTALAN),  Amy Halloween, BEYA, Bez Yodyuth Chaisuwan, BlueBlurryMondaychangheon Lee, Chatchawan, Chickenmew, chubbynida, Dani Go, DEEDEEISDEE, Emen Lo, faan.peeti, fahsuwareeภาพประกอบ วาดโดย Hongki Dongkiภาพประกอบ วาดโดย I Draw a House for My FriendHongki Dongki, I Draw a House for My Friend, ITSARA GUONG, ivan, Izary Shojo, Joninn, Kanya_Kim, KAPTOR, KawaKHwan, Khemtit, Little Putin, Little theater, Louis Sketcher,  Machillux, MARC KHAN, meanleeNAONEJETTA, Narsid, Nattapon, NATTHAPHORN, OLE, P.Kulkan, palim, Panaholooya, punvacha, Pupha, RERUNN, Rin Jirajakkavan, SEP, Sungseo Yoon, taanntawanบรรยากาศงาน BKKIF 2023 บริเวณโถง ชั้น 7ภาพประกอบ วาดโดย OLEภาพประกอบ วาดโดย Tan-staRภาพประกอบ ผลงานของ YAKKUUTan-staR, taosuan, Taweechob, Tent Katchakul, Thireq Pecko, Uninspired by Current Events, Vachboy, Warhead, WARILY, WASIN, Since 2013, Wunmoon, YAKKUU, yamachen951, Yuki Uebo, Zillustationสามารถรับชมผลงานของศิลปิน BKKIF Artist 2023 ทั้งหมดได้ใน BKKIF Artist 2023 Directoryลายเส้นภาพประกอบโดย Phanom Suwanaboon (พนม สุวรรณะบุณย์)สำหรับ 17 GUEST Artists ผู้จัดได้เชิญศิลปินหลายรุ่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ Phanom Suwanaboon, Pangnual Studio, Juli Baker and Summer, May-T Noijinda, Mushroom Studio, Sorarak Tikaphanya (archive026), Benzilla, Pariwat Anatachina, Lili Tae, NatDao, Rukkit, Suzu จากประเทศไทยArdneks (อินโดนีเซีย), Tomoaki Murayama (ญี่ปุ่น), Taipei Illustration Fair (ไต้หวัน) และ Seoul Illustration Fair (เกาหลี)นำเสนอความหลากหลายของศิลปะการวาดภาพให้ชมกัน และหากต้องการเลือกซื้อของที่ระลึกของ BKKIF2023 ที่ชั้นนี้ก็มี Merchandise shop ให้บริการอยู่ภาพ Benzilla Bloom โดย Benzillaภาพประกอบ ผลงานของ Tomoaki Murayamaบรรยากาศงาน BKKIF 2023 บริเวณโถง ชั้น 7ผลงานภาพประกอบโดย AHCHEN จากไต้หวันแสดง Wristband ก่อนเข้าชมงานชั้น 7Bangkok Illustration Fair 2023 กำหนดจัดระหว่างวันที่ 7-10 ธันวาคม 2566 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  เวลา 10.00 - 20.00 น. เปิดจำหน่ายบัตรแล้วตั้งแต่วันนี้ ทาง Eventpop หรือ ซื้อบัตรราคาเดียวกันได้ที่หน้างานบริเวณชั้น 1 และ 5 บัตรเข้าชมงานมี 2 ประเภท ได้แก่   •  One Day Pass เข้างานได้ 1 วัน วันใดก็ได้ ราคา 150 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียมทั้งหมดแล้ว)   •  Four Days Pass เข้าชมได้ไม่จำกัดจำนวนวัน ราคา 250 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียมทั้งหมดแล้ว) แถมฟรี เซตโปสการ์ด BKKIF2023 ชุดละ 2 ใบ จำนวนจำกัด 700 ชุด สำหรับผู้ซื้อบัตร 700 คนเท่านั้น   •  เด็กความสูงไม่เกิน 130 เซนติเมตร เข้างานฟรีซื้อบัตรออนไลน์ได้ที่ eventpop ช่องทางชำระเงิน: Credit/Debit Card, Alipay, QR PromptPay, KPlus สำหรับผู้ที่ซื้อบัตรผ่าน Eventpop มาแล้วสามารถแสดง QR Code รับริสแบนด์ (Wristband) เพื่อเข้าพื้นที่นิทรรศการหลักชั้น 7 ได้เลยแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1102466

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

วิธีเลือกที่นั่งบนรถทัวร์ ตรงไหนปลอดภัย สบายใจ แม้นั่งนาน

30/04/2024

การนั่งรถทัวร์ รถบัสเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงอาจทำให้คุณรู้สึกมีความกังวลทั้งเรื่องของตำแหน่งที่จะนั่งแล้วสะดวก รวมไปถึงการคำนึงถึงความปลอดภัย ดังนั้นการเลือกที่นั่งบนรถทัวร์ รถบัสสำหรับการเดินทางไกลจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก และนี่คือวิธีเลือกที่นั่งบนรถทัวร์ รถบัสที่ดี สร้างความรู้สึกมั่นใจ สบายใจ ลดความกังวลเรื่องความปลอดภัยที่นั่งบนรถทัวร์ที่ปลอดภัยที่สุด   •  เบาะตรงกลาง (เบาะติดทางเดิน) ระหว่างล้อหน้า   •  เบาะใกล้ทางเดินเหตุผล:   •  อยู่ห่างจากจุดเสี่ยง เช่น ทางออกและหน้าต่าง   •  สะดวกในการเคลื่อนไหวในกรณีฉุกเฉิน   •  มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเบาะริมหน้าต่าง   •  ปลอดภัยจากแสงแดดและลมเย็นนอกจากนั้นยังแนะนำที่นั่งเหล่านี้เบาะหลังคนขับ:   •  คนขับมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้ารถ   •  สามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วเบาะตรงกลาง:   •  มีพื้นที่วางขา และสะดวกในการเดินไปมา   •  เลือกเบาะฝั่งขวาของรถบัส เพื่อให้คนขับมองเห็นได้ง่ายเบาะใกล้ห้องคนขับ:   •  สะดวกในการเดินไปมา   •  ปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินคำแนะนำเพิ่มเติม :   •  ที่นั่งใกล้ด้านหน้าและหลังรถบัสอันตรายที่สุด   •  ที่นั่งที่ปลอดภัยที่สุดคือตรงกลางรถบัส ระหว่างล้อ   •  เลือกที่นั่งด้านขวาของห้องโดยสาร (ใกล้ทางเดิน) ถ้าเป็นไปได้สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกที่นั่งบนรถทัวร์   •  หน้าต่างเปิด-ปิดได้ไหม?   •  มีม่านบังแดดไหม?   •  เบาะปรับเอนได้ไหม?   •  มีห้องน้ำบนรถไหม?   •  มีจอภาพยนตร์ และตั้งอยู่ตรงไหน?   •  ที่นั่งมีการกำหนดล่วงหน้าไหม?   •  มีเครื่องปรับอากาศไหม?เทคนิคการเลือกที่นั่งบนรถทัวร์เบาะติดหน้าต่าง: ดีสำหรับผู้ชื่นชอบทิวทัศน์   •  ข้อดี: เห็นวิวทิวทัศน์   •  ข้อเสีย: ต้องขอคนที่นั่งข้างๆ ให้ลุกทุกครั้งที่ต้องการเข้าห้องน้ำ, พื้นที่วางขาจำกัดเบาะติดทางเดิน: ดีสำหรับผู้ต้องการเข้าห้องน้ำสะดวก   •  ข้อดี: เข้าห้องน้ำสะดวก, มีพื้นที่วางขา   •  ข้อเสีย: ถูกชนโดยผู้คนที่เดินผ่านไปมามุมมองจอทีวีการเลือกที่นั่งที่มีมุมมองจอทีวีโดยตรงจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการชมภาพยนตร์บนรถบัสได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคอยเงยหน้าหรือเอียงคอเพื่อดูจอทีวี นอกจากนี้การเลือกที่นั่งที่มีมุมมองจอทีวีโดยตรงยังช่วยให้คุณฆ่าเวลาระหว่างการเดินทางได้อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดฉากสำคัญในภาพยนตร์ระยะห่างจากห้องน้ำ   •  อย่าเลือกที่นั่งติดห้องน้ำโดยตรง เพราะอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์   •  เลือกที่นั่งห่างจากห้องน้ำประมาณ 5-6 แถว เพื่อลดกลิ่นแต่ยังเข้าถึงห้องน้ำได้สะดวก   •  หลีกเลี่ยงที่นั่งแถวหน้าสุด เพราะอาจถูกรบกวนจากผู้คนที่เดินเข้าออกห้องน้ำเลือกที่นั่งทางเดินในแถวว่าง   •  หากคุณสามารถเลือกที่นั่งล่วงหน้าได้ ให้เลือกที่นั่งทางเดินในแถวที่ว่างเปล่า   •  มีโอกาสสูงที่คุณจะได้ใช้ที่นั่งสองที่ โดยไม่ต้องมีใครมานั่งข้างๆ   •  หากรถบัสเต็ม ที่นั่งทางเดินของคุณอาจมีประโยชน์หากคนข้างๆ ตัวใหญ่เลือกที่นั่งตามเวลา   •  เลือกที่นั่งโดยพิจารณาตำแหน่งของดวงอาทิตย์ระหว่างการเดินทาง   •  ถ้าคุณร้อนอยู่แล้ว แสงแดดส่องลงมาจะทำให้การเดินทางยิ่งแย่   •  ถ้าคุณมุ่งหน้าไปทางเหนือในตอนเช้า ให้เลือกนั่งฝั่งซ้ายของรถบัส   •  ถ้าคุณมุ่งหน้าไปทางใต้ ให้เลือกนั่งฝั่งขวาของรถบัส   •  จำไว้ว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1444331/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

เปิดหลักการทำ Asset Allocation วางแผนประกัน ช่วยป้องเสี่ยงครบด้าน

30/04/2024

บทความโดย “อิศรินทร์ เมืองแตง”ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™ สมาคมนักวางแผนการเงินไทยในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ประกันภัย ได้รับการยอมรับมากขึ้น มีการทำประกันเพิ่มมากขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อความคุ้มครอง เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือไว้เพื่อเป็นแหล่งเก็บออมเงินโดยซื้อประกันชนิดสะสมทรัพย์ (Endowment / Saving Insurance)จากประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย จากตัวแทนประกันชีวิต หรือนายหน้าประกันชีวิตที่ขายผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น Bancassurance และพัฒนาเป็นการซื้อประกันออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ สามารถเลือกแบบประกันที่เหมาะสม สะดวกสำหรับการนำเสนอ และการตัดสินใจซื้ออย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแล้วจะพบว่ายังมีประกันแบบอื่น ๆ ให้ลูกค้าเลือกอีกหลากหลายรูปแบบ แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์ประกันบางประเภทมีความซับซ้อนสูง จึงทำให้แพลตฟอร์มหรือผู้ขายประเภทนายหน้าประกัน ไม่ได้เลือกแบบประกันที่ซับซ้อนให้ความคุ้มครองด้านอื่น ๆ เข้ามาเสนอขายมากนักซึ่งในบางครั้ง อาจมีการนำเสนอให้กับลูกค้ารายเดิมในแบบประกันเดิม ทำให้ลูกค้ามีความคุ้มครองเพียงรูปแบบเดียว เช่น มีเฉพาะประกันแบบสะสมทรัพย์ที่มีแต่ความคุ้มครองชีวิต และอาจทำให้มีทุนประกันที่สูงเกินความจำเป็น (Over Insure)ในขณะที่ความคุ้มครองด้านอื่น ๆ เช่น ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุ อาจจะมีน้อยหรือไม่มีความคุ้มครองAsset Allocation กระจายสินทรัพย์ลงทุนเพราะฉะนั้นหากใช้หลัก Asset Allocation หรือการกระจายสินทรัพย์ในการลงทุนมาประยุกต์ใช้กับการนำเสนอประกันให้กับลูกค้า จึงเป็นการวางแผนปกป้องความเสี่ยงและทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดโดยหลักการในด้านการลงทุน Asset Allocation จะช่วยลดความเสี่ยงและกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน ยิ่งนำมาใช้ในการวางแผนประกันจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ครบทุกด้านมีคำถามตามมาว่า ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องวางแผนกระจายในการทำประกันแบบใดบ้าง โดยหลักการความเสี่ยงภัยที่แท้จริง (Pure Risk) ซึ่งเป็นความเสี่ยงภัยที่สามารถประกันภัยได้ หรือใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้ ถ่ายโอนความเสียหายไปยังบุคคลที่ 3 คือบริษัทประกัน รับความเสี่ยงแทนได้ เป็นความเสี่ยงที่สามารถระบุและประเมินความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเป็นตัวเงินได้ และเพื่อให้เหมาะสมสำหรับประชาชนทั่วไปในการใช้วางแผนประกัน สามารถแบ่งความเสี่ยงที่แท้จริงเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้1. ความเสี่ยงภัยส่วนบุคคล คือ ความเสี่ยงภัยที่มีผลกระทบต่อชีวิตของบุคคลนั้นโดยตรง เช่น     •  การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร มีผลกระทบกับค่าใช้จ่ายของครอบครัวที่ต้องดูแล    •  การเกิดโรคภัยไข้เจ็บเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล    •  การเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง มีผลกระทบกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล    •  การประสบอุบัติเหตุต่าง ๆ    •  กรณีทุพลภาพจนไม่สามารถทำงานได้ มีผลกระทำกับแหล่งเงินได้จากการประกอบอาชีพ    •  การเกษียณอายุ มีผลกระทบกับค่าใช้จ่ายในช่วงหลังเกษียณอายุที่อาจไม่มีรายได้จากการทำงาน2. ความเสี่ยงต่อทรัพย์สิน (Property Risk) คือ ความเสี่ยงภัยที่มีผลกระทบต่อทรัพย์สินของบุคคลนั้น เช่น    •  ค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สินกรณีเสียหาย เช่น เกิดอัคคีภัยกับที่พักอาศัย    •  ภาระหนี้สินต่าง ๆดังนี้ เมื่อระบุความเสี่ยงของบุคคลออกมาได้หลายด้าน จึงสามารถวางแผนประกัน โดยใช้แบบประกันที่หลากหลาย ให้เหมาะกับความเสี่ยงในแต่ละด้านได้เช่นกันโดยสรุปการทำ Asset Allocation ในการวางแผนและนำเสนอประกันให้กับลูกค้า ถือเป็นเรื่องจำเป็น โดยจากตารางการบริหารจัดการความเสี่ยงจะเป็นเครื่องมือในการนำเสนอวิธีจัดการความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ตามความเสี่ยงเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลทั้งนี้ หากมีความเสี่ยงด้านใดที่มีผลกระทบมาก หรือต้องการปกป้องความเสี่ยงนั้นเป็นพิเศษ ก็สามารถวางแผนโดยการเพิ่มน้ำหนัก หรือให้ระดับความสำคัญของความเสี่ยงด้านดังกล่าว ได้โดยการซื้อทุนประกันให้เหมาะสม หรือสามารถติดต่อนักวางแผนการเงินเพื่อช่วยวางแผนและให้คำแนะนำที่ถูกต้องต่อไปแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1452249

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

เจ้าหนี้ต้องรู้! ทวงหนี้ ทวงอย่างไร ไม่ผิดกฎหมาย เตือน! สิ่งห้ามทำ จะเสียมากกว่าได้

30/04/2024

กฎหมายควรรู้ ทวงหนี้อย่างไร ไม่ผิดกฎหมาย ท่องไว้เจอลูกหนี้เหนียวหนี้อย่าวู่วามโทรจิก เพราะทวงเกิน 1 ครั้งต่อวัน "โทษปรับสูงสุด 100,000 บาท" ทวงหนี้อย่างไร ไม่ผิดกฎหมาย จำนวนในการทวงหนี้ 1 ครั้ง / วัน ช่วงเวลาในการทวงหนี้ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 - 20.00 น. วันหยุดราชการ เวลา 08.00 - 18.00 น. นับเป็นการทวงถามหนี้ 1 ครั้ง - ส่งข้อความทางไลน์ และมีการเปิดอ่าน - โทรศัพท์หาลูกหนี้ และทวงหนี้อย่างชัดเจน ไม่นับเป็นการทวงหนี้ - ส่งข้อความทางไลน์ แต่ลูกหนี้ไม่ได้เปิดอ่าน - โทรศัพท์ไปหา แต่ลูกหนี้ยังไม่รับโทรศัพท์ - ลูกหนี้รับโทรศัพท์แล้ว แต่วางสายก่อนจะพูดคุยเรื่องโทรถามหนี้ ทวงเกิน 1 ครั้งต่อวัน “โทษปรับสูงสุด 100,000 บาท" ห้าม! พูดจาดูหมิ่น ข่มขู่ ใช้ความรุนแรง ประจาน ลูกหนี้ เพื่อนยืมเพื่อน “ไม่อยู่ในกฎหมายนี้” ข้อมูล : กระทรวงยุติธรรม  ภาพ : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับamarintvhttps://www.amarintv.com/news/detail/198444?utm_source=aside_big_card&utm_medium=position_latest_news

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวทั่วไป

แพงไปไหม นอนรพ. 4 วัน ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่เกือบ 2.5 แสน

30/04/2024

ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ นอนโรงพยาบาลดังย่านปากเกร็ด 4 วัน ค่ารักษา 2.5 แสน อึ้ง ที่อเมริกากับสวีเดน ยังไม่แพงขนาดนี้ สงสัยเอาอะไรมาแพงภาพจาก ช่อง 3วันที่ 6 ธันวาคม 2566 ช่อง 3 รายงานว่า นางสาวจำลอง วัย 66 ปี เจ้าของร้านอาหารไทยในประเทศสวีเดน ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า ก่อนหน้านี้เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเยี่ยมลูกชาย แต่มีเหตุให้ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลดังแห่งหนึ่งย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 2 ธันวาคม 2566 เนื่องจากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เมื่อเช็กบิลออกมากลับเจอค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งสิ้น 249,704 บาท ซึ่งตนก็รูดจ่ายด้วยบัตรเครดิตแบบงง ๆ ว่า ทำไมค่ารักษาพยาบาลถึงแพงขนาดนี้ แพงจนในต่างประเทศต้องชิดซ้ายไปเลยต่อมาเพื่อนฝูงในไทย พอรู้ถึงค่ารักษาก็พากันแปลกใจ ไม่คิดว่าค่ารักษาพยาบาลจะแพงหูฉี่ขนาดนี้ ดังนั้น ตนจึงนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดไปร้องเรียนที่ สคบ. สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับว่า ค่ารักษาพยาบาลแพงมาก และขอให้ตนลองติดต่อกับทางโรงพยาบาลเพื่อเจรจาดูก่อน หากตกลงกันไม่ได้ค่อยกลับมาที่ สคบ. อีกครั้งทั้งนี้ ตนอยากให้โรงพยาบาลมาชี้แจง จะได้หายแคลงใจเรื่องราคา เพราะตนเคยนอนพักรักษาตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและสวีเดน ยังไม่แพงขนาดนี้ภาพจาก ช่อง 3ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกระปุก.คอมhttps://hilight.kapook.com/view/237895

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

พิกัด 15 ไฮไลต์งานดีไซน์ Chiang Mai Design Week 2023 เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่

30/04/2024

เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2566 หรือ Chiang Mai Design Week 2023 เต็มอิ่มงานดีไซน์ทั่วเมืองเชียงใหม่ การผสมผสานสินทรัพย์ดั้งเดิม งานคราฟต์ งานออกแบบท้องถิ่น อาหาร ดนตรี และย่านสร้างสรรค์ นำเสนอผ่านมิติต่างๆนอกจากอากาศเย็น ความสวยงามตามธรรมชาติของป่าเขา แม่น้ำลำธาร ใครขึ้นไป เชียงใหม่ ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ หลายย่านของเมืองเชียงใหม่กำลังคึกคักกับ เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2566 หรือ Chiang Mai Design Week 2023 (CMDW2023) จัดโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEAปีนี้ CEA ขับเคลื่อน เชียงใหม่ สู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้าน Creative Tourism Festival ในระดับสากล ด้วยการจัดงาน Chiang Mai Design Week ใน 2 พื้นที่หลักของเชียงใหม่ ได้แก่ ㆍย่านช้างม่อย-ท่าแพ ㆍย่านกลางเวียง (พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่น - ล่ามช้าง) กับอีกบางพื้นที่ ได้แก่ ย่านหางดง - De Siam Antiques Chiangmai, ย่านสันกำแพง - MAIIAM  Contemporary Art Museum ฯลฯสำหรับเทศกาลฯ ในปีนี้ นอกจากจะมี งานดีไซน์ ให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกันเต็มอิ่มทั่วเมืองเชียงใหม่แล้ว ยังมีความน่าสนใจในแง่ของการผสมผสานสินทรัพย์ดั้งเดิม อย่างงานคราฟต์ งานออกแบบท้องถิ่น อาหาร ดนตรี และย่านสร้างสรรค์ มานำเสนอผ่านมิติอื่นๆ มากกว่า 200 กิจกรรม แบ่งกลุ่มเป็น 15 ไฮไลต์งานดีไซน์ใน Chiang Mai Design Week 2023 ได้ดังนี้(1) นิทรรศการ หัตถกรรมร่วมรุุ่น (Everyday Contem)สร้างสรรค์โดย กลุ่มนักสร้างสรรค์คืนถิ่น (Homecoming) และ สล่า/ช่างฝีมือแขนงต่างๆ เชิญชวนผู้ชมได้ร่วมค้นหาแนวทางในการอยู่รอดและเติบโตของงานหัตถกรรม ผ่านเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่ถูกพัฒนาใหม่ และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่นได้โดยนำเทคนิคงานหัตถกรรมของภาคเหนือ เช่น เครื่องเขิน งานจักสาน งานแกะสลักไม้ ฯลฯ มาต่อยอดเป็นสิ่งของเครื่องใช้ โดยยังคงเทคนิคดั้งเดิมไว้เพื่อรักษาความเป็นเอกลักษณ์ และสืบทอดทักษะภูมิปัญญาโบราณของช่างฝีมือท้องถิ่น ㆍสถานที่: ห้องนิทรรศการ, TCDC เชียงใหม่(2) นิทรรศการ Persona of thingsนิทรรศการที่นำเสนอวิธีการใช้ทักษะฝีมือจากงานหัตถกรรม มาซ่อมแซมสิ่งของใช้แล้วต่าง ๆ ที่มีร่องรอยของความเสียหาย ให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง พร้อมเพิ่มมูลค่าและคุณค่าใหม่ โดยที่ยังคงไว้ซึ่งเรื่องราวในอดีตและการเดินทางของวัตถุแต่ละชิ้น นำเสนอโดย กลุ่มนักสร้างสรรค์คืนถิ่น (Homecoming) และ สล่า/ช่างฝีมือแขนงต่างๆㆍสถานที่: ชั้น 2, โกดังมัทนา(3) Flavourscapeนิทรรศการที่ชวนตั้งคำถามกับผู้เข้าชมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง 'อาหารกับผู้คน' ในภูมิศาสตร์ของชนบทและชุมชนเมือง ผ่านอาหารที่ไม่มีอยู่จริง ภายใต้คอนเซ็ปต์ รีคอมมอนนิ่ง (Re-Commoning) ผ่านกิจกรรม Interactive ให้ทดลองปรับ สลับ จับคู่ อาหารกับภูมิศาสตร์ และสำรวจผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนัันㆍสถานที่: ธน-อาคาร(4) Transforming Localนิทรรศการที่ชวนสำรวจปรากฏการณ์การเลือนหายไปของบทบาทและอัตลักษณ์ใน งานหัตถกรรมพื้นบ้าน อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมวัฒนธรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมในสังคมสมัยใหม่ (Modernization)นำเสนอผ่านผลงานประติมากรรมจัดวางที่ผสมผสานแนวคิด Memento Mori ในการปรับเปลี่ยนมุมมองของงานหัตถกรรมแกะสลักไม้ดั้งเดิม เพื่อสะท้อนสภาวะของงานหัตถกรรมในปัจจุบัน และสื่อสารประเด็นของการรื้อฟื้นคุณค่าความสำคัญของภูมิปัญญาㆍสถานที่: ห้องประชุม 1, TCDC เชียงใหม่(5) Colour Lives: Furniture Exhibition by Suwan Kongkhunthianสุวรรณ คงขุนเทียน นักออกแบบชั้นครู ร่วมกับ คาล์ม วิลเลจ (Kalm Village) นำเสนอเก้าอี้จากฝีมืองานหัตถกรรมอย่างสร้างสรรค์ เปรียบเสมือน “การแต่งตัวให้กับเก้าอี้” ที่ศิลปินใช้สีสันแต่งแต้มอัตลักษณ์และเติมเต็มชีวิตให้กับผลงานแต่ละชิ้นจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านประสบการณ์กว่า 30 ปี ของความศรัทธาในการสืบสานงานหัตถกรรมให้สามารถมีชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์เราต่อไปอย่างมีความหมาย อยู่เหนือกาลเวลาㆍสถานที่: คาล์ม วิลเลจ(6) Sweet n Sour Canteenซุ้มอาหารการจากเครือข่าย Slow Food ที่ใช้วัตถุดิบและพืชพื้นถิ่น (Local Ingredients) มารังสรรค์เมนูผ่านวัตถุดิบออร์แกนิกพิเศษ! ทดลองใช้เครื่องปรุง เช่น “สิหมะ” ผลไม้รสเปรี้ยวที่เป็นเครื่องปรุงหลักท้องถิ่นของพี่น้องอาข่าและปกาเกอะญอ และ “น้ำผึ้งป่า” ที่ให้รสหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมเรียนรู้กระบวนการทำอาหารที่พิถีพิถัน ไขข้อสงสัยว่ากินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งพาสำรวจการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างคนและธรรมชาติㆍสถานที่: TCDC เชียงใหม่(7) Long Table (เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ)พบกับการจับคู่เมนูอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษที่สร้างสรรค์มาเพื่อเทศกาลฯ ให้มาลิ้มลองรสชาติจาก 5 จานอาหารท้องถิ่น คัดสรรมาว่าคู่ควรกับ 7 เครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมจาก “สิหมะ” ผลไม้รสเปรี้ยว และ “น้ำผึ้งป่า” ให้รสหอมหวานหวานเป็นเอกลักษณ์ร่วมค้นหาว่า อะไรคือเคล็ดลับของความอร่อยในจานจากมื้ออาหารนี้ㆍสถานที่: TCDC เชียงใหม่(8) เปิ้นสานฉันProjection Mapping Decide Kit บนตึกยุคโมเดิร์นในย่านช้างม่อย เติมเต็มบรรยากาศย่านสร้างสรรค์ภายใต้โจทย์ Transforming Local งานหัตถกรรมจักสาน ถูกใช้งานในชีวิตประจำวันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันอย่างแพร่หลายถึงแม้ว่ารูปแบบการใช้งาน รูปทรงหรือแม้กระทั่งวัสดุจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่จักสานยังคงความมีเสน่ห์ของการใช้งานได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงสร้างอาชีพให้กับคนภาคเหนือมาช้านานบนถนนเส้นหลักย่านช้างม่อย มีร้านขายงานหัตถกรรมจักสานไม่น้อยกว่า 3 ร้าน ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิมของย่าน ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลง ย่านช้างม่อย เป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จากภาพจำ การเข้ามาของคาเฟ่ และคนรุ่นใหม่ ที่ทำให้ร้านขายหวายและย่านช้างม่อยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง"เปิ้นสานฉัน" จึงเป็นผลงานที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของย่านช้างม่อย และความมีเสน่ห์ของงานหัตถกรรมและการใช้งานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นผลงานที่เชื่อมโยงย่านกับผู้คน วัฒนธรรมและเศรษฐกิจของย่านㆍสถานที่: ธน-อาคาร(9) CMDW x Mango Art Festivalแพลตฟอร์มแสดงผลงานศิลปะระดับนานาชาติประจำปี ภายใต้ธีม ‘TREASURE DISCOVERED 2023’ จากศิลปิน 18 ท่าน จาก 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดพิษณุโลกนำเสนอบริบทและมุมมองใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินบนพื้นที่ Creative Space แห่งใหม่ หลองข้าวไม้โบราณ และเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่นับหมื่นชิ้นㆍสถานที่: De Siam Antiques Chiangmai(10) Audio Video Installation Art by Kor.Bor.Vorผลงานจากทีม ก.บ.ว. Visual Mapping ของเมืองไทยที่จะมาสร้างสรรค์ผลงานสุดจัดจ้านในย่านช้างม่อย เติมเต็มบรรยากาศย่านสร้างสรรค์ภายใต้โจทย์ที่ท้าทาย และชวนให้ระลึกถึงบรรยายกาศห้องแถวการค้าในอดีต กับโปรเจกต์ แฝดห้า (Original Five) กิจกรรม Visual Mapping นี้สามารถเข้าร่วมได้ตลอดทั้งวันก.บ.ว. ยังมีจุดแสดงงานอีกหลายแห่ง อาทิ Connecting bridge สะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนด้านในและนอกชุมชนจากร้านขายหวายหรืองานจักสาน ภาพจำของย่านช้างม่อย พัฒนาแนวคิดแปลงเป็นผลงานศิลปะจัดวางที่เล่นกับพื้นที่ สะพานข้ามคลองแม่ข่า ด้านในชุมชนช้างม่อยㆍสถานที่ : ห้องแถวห้าห้อง ถ.ราชวงศ์ ซอย 1(11) Labb Fest 2023การแสดงดนตรีสด Live Performance จากศิลปินไทยและต่างชาติ ที่ผสมผสานระหว่างเสียงดนตรีและภาพเคลื่อนไหวในพื้นที่ลานสเก็ตบอร์ดของเมืองเชียงใหม่ศิลปิน A_Root (TW), Common People Like You (TH), Delicious Grapefruit Moon (JP), Echo Resort (TH), Gwenji (HK), How Why When You (TH), Joinjoy (TH), KIKI (TH), L8CHING (TW), SRWKS. (TH) รับบัตรฟรีที่ TICKETS FREE:  จำกัด 300 คนพิเศษสำหรับปี 2023 พบกับการ Live Steam ผ่าน Metaverse ที่สามารถให้คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาชมและมีปฏิสัมพันธ์ในโลกเสมือนได้ㆍสถานที่: Club Carving CNX(12) Unveiling Objectsนิทรรศการที่จะเผยมุมมองของศิลปินที่เป็นที่รู้จักในมิติที่ต่างไป ผ่านการเล่าเรื่องราวจาก วัตถุทางศิลปะ ที่เป็นชิ้นงานส่วนตัว หรือเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานศิลปะและเรื่องราวรอบตัวของพวกเขาอาทิ เชาวลิต เสริมปรุงสุข, ต่อลาภ ลาภเจริญสุข, สิงห์ อินทรชูโต, ไทวิจิตร พึ่งเกษมสมบูรณ์, ลักษณ์ ใหม่สาลี, นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล, ธวัชชัย พันธุ์สวัสดิ์รวมถึงชิ้นงานสะสมส่วนตัวของคุณ Jean-Michel Beurdeley (หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง MAIIAM) ผ่านบทสนทนาด้านการออกแบบและประวัติศาสตร์ศิลปะในแง่มุมต่าง ๆกระตุ้นให้สร้างคำถามในช่วงเวลาที่นิยามความหมายของศิลปะและออกแบบ มีความหลากหลายและเป็นไปได้อย่างไม่สิ้นสุดㆍสถานที่: MAIIAM  Contemporary Art Museum ย่านสันกำแพง(13) POP Marketตลาดที่รวบรวมร้านค้างานหัตถกรรมคัดสรรคุณภาพ งานดีไซน์ที่มีรูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าไลฟ์สไตล์ ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม ที่คัดมากว่า 110 ร้านค้า ภายในตลาดยังเปิดพื้นที่การแสดงออก ให้กับศิลปิน นักแสดงและนักดนตรี ทั้งระดับมืออาชีพและหน้าใหม่ด้วยㆍสถานที่: พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา (14) Chiang Mai Busking อีเวนต์ เชียงใหม่เปิดหมวก กับแนวคิด ‘On The Original Street, Let's join’ ชวนผู้คนและนักท่องเที่ยวในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับการแสดงดนตรีกับนักดนตรีด้วยการสร้างบทสนทนาถึงเชียงใหม่ในแบบฉบับของตัวเองㆍกิจกรรมจัดเฉพาะวันที่ 7 - 10 ธันวาคม 2566ㆍสถานที่: ย่านช้างม่อยและล่ามช้าง(15) Lamchang International Filmเทศกาลฉาย ภาพยนตร์นานาชาติ จากประเทศ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และ ไทย ท่ามกลางบรรยากาศของวัดโบราณ ที่ชวนหวนให้นึกถึงจุดศูนย์รวมของชุมชนในสมัยก่อน ที่ไม่ได้จำกัดแค่เข้าวัด ‘ทำบุญ’ แต่ยังเข้าวัด ‘ดูหนัง’ ได้ด้วย!ㆍกิจกรรมจัดเฉพาะวันที่ 7 - 10 ธันวาคม 2566ㆍสถานที่: วัดล่ามช้าง  เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2566 หรือ Chiang Mai Design Week 2023 (CMDW2023) จัดระหว่างวันที่ 2 - 10 ธันวาคม 2566 แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1101863

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เกิดอะไรขึ้น!? เมื่อนักท่องเที่ยวจีนลดปักหมุดเที่ยวไทย มีวิธีใดช่วยเเก้เกม

30/04/2024

หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายมีรายงานพบว่าอันดับประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนเสิร์ชหามากที่สุดคือ ประเทศไทย ตามด้วยประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ ภาครัฐหวังกระตุ้นการท่องเที่ยวจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเช่นกัน โดยคาดการณ์ไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 4-5 ล้านคน สร้างรายได้ให้ประเทศไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทเป็นตัวเลขคาดการณ์ประมาณแบบประมาณตัว หวังเพียงครึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่แห่มาประเทศไทยมากกว่า 11 ล้านคนก่อนโควิดระบาด สร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยวหลักล้านล้านบาทแต่แล้วก็ไม่ถึงฝั่งฝัน เข้าเดือนสุดท้ายของปีกลับพบว่า ตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนมายังประเทศไทยเพียง 3 ล้านคนเท่านั้น กลุ่มไกด์ไทยผู้ดูแลนักท่องเที่ยวต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า "ซบเซา" กว่าที่คาดหวังไว้ ทั้งยอดจองช่วง Golden Week ที่เคยฟู่ฟ่ากลับลดลงอย่างมากเกิดอะไรขึ้นกับนักท่องเที่ยวจีน!?หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าเหตุเพราะสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาหลังกระทบหนักจากโรคระบาด ทั้งจีนเองก็ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน ส่งผลไปถึงมาตรการในการออกพาสปอร์ตที่เคร่งครัดมากขึ้นแต่อีกสาเหตุที่อาจมีส่วนสำคัญคือความกังวลด้าน "ความปลอดภัย" ผู้สื่อข่าวหลายสำนักรายงานว่า ในช่วงสองปีหลังมานี้ กระแสในโซเชียลมีเดียจีนมีการวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยในเชิงลบอย่างมาก หลังรับชมภาพยนตร์จีน No More Bets เนื้อหาสื่อถึงการค้ามนุษย์ การค้าอวัยวะในตลาดมืดและแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งจับคนรวยเรียกค่าไถ่ มีบางฉากที่มีภาษาไทยออกเผยแพร่สร้างภาพลักษณ์เชิงลบ จนทางการฑูตไทยมีความกังวลต้องเข้าเจรจาเคราะห์ซ้ำเมื่อเกิดเหตุการณ์เด็กวัย 14 กราดยิงกลางเมือง เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวจีนชาวจีนเสียชีวิต ตอกย้ำความกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนอย่างไร้ข้อแก้ตัว แม้รัฐบาลจะประกาศฟรีวีซ่าเปิดทางมาก่อนหน้าก็ไม่เป็นผลจีนเบนเข็มทิศจุดหมายใหม่สำนักข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจีนทั่วโลกหายไปมากถึง 70% ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศราว 40 ล้านคน แต่เปอร์เซ็นต์ที่เดินทางมาประเทศไทยนั้้น มีจำนวนไม่ถึง 4% สอดคล้องกับจำนวนสถิติการท่องเที่ยวของไทย คือคิดเป็นราว 3 ล้านคนขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีน 40 ล้านคน 50% เลือกเดินทางไปมาเก๊า และเลือกเดินทางไปฮ่องกงอีกราว 27% นับเป็นเศษส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยที่เล็กน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับฮ่องกงและมาเก๊า แต่กลับเป็นยอดเชื้อชาตินักท่องเที่ยวที่สูงที่สุดของประเทศไทย ที่ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย เป็นชาวจีนอันดับ 1 รองลงมาคือชาวญี่ปุ่นมองวิธีแก้เกมหลังทัวร์จีนเปลี่ยนไป"Ctrip" แอพพลิเคชั่นท่องเที่ยวอันดับ 1 ของจีนรายงานว่า ยอดจองการเดินทางของไทยลดลงถึงร้อยละ 40 แต่ยังมีนักท่องเที่ยวจีนเตรียมจองตั๋วเดินทางตลอดเดือนตุลาคม 2566 จนถึงมีนาคม 2567 ประมาณ 1.6 หมื่นเที่ยวบิน หรือราว 3.5 ล้านที่นั่ง โดยช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางคือ ตรุษจีน วันแรงงาน วันชาติจีน และช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อน ขณะที่ภาครัฐเตรียมแผนดึงนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาในปีที่ใกล้มาถึงอย่างไรก็ตาม รายงานจากสื่อหลายแห่งพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองและพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีน ที่ชวนให้ภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและคนไทยได้คิดตาม เช่น  •  นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหญ่ลดลงมาก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มย่อยเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพมากขึ้น  •  นักท่องเที่ยวจีนสูงอายุ ยังคงเป็นกลุ่มมีกำลังจ่ายและรายได้สูง พวกเขาต้องการความมั่นใจด้านความปลอดภัยเป็นหลัก  •  นักท่องเที่ยวจีน LGBTQ+ มองว่าประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ พวกเขาสบายใจที่ได้เดินทางมายังประเทศไทย  •  นักท่องเที่ยวจีน ยินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับประสบการณ์ที่พิเศษและต้องการความหลากหลาย  •  นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมสร้างคอนเทนต์ พวกเขาต้องการท่องเที่ยวที่ตรงกับความชอบเฉพาะตัว มองหาแหล่งอันซีน หรือมีแอคทีวิตี้เฉพาะความสนใจ เริ่มมองหาที่ใหม่ ๆ เพื่อเปิดกระแสในโซเชี่ยลมีเดียนักวิชาการและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวต่างเห็นพ้องว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของนักท่องที่ยวจีนเปลี่ยนไป ที่ผ่านมาอาจชอบความเป็นไทย นิยมเอกลักษณ์สินค้าและบริการแบบ Made in Thailand เปลี่ยนเป็นหันมาให้ความสำคัญกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากเดิมเป็นหลักที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับบทเรียนจากทัวร์ศูนย์เหรียญและผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ล้นทะลักรับมือไม่ทันมาแล้ว ช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเช่นนี้จึงเป็นโอกาสดีที่การท่องเที่ยวไทยจะปรับปรุงการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง สร้างมูลค่าการท่องเที่ยวใหม่ เพิ่มความสะดวกในการเดินทาง และพัฒนาการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยคนทำธุรกิจท่องเที่ยว ใครมองเห็นโอกาสนี้ก่อน ปรับตัวก่อน มีโอกาสก่อน ในอนาคตไม่เพียงนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมา แต่นักท่องเที่ยวทุกชนชาติอาจหลงรักประเทศไทยจนต้องปักหมุดหมายไว้ในใจมากกว่าเดิมแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับsanookhttps://www.sanook.com/travel/1444307/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย บริจาคจตุปัจจัยทำบุญ และถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ในงานกฐินพระราชทาน คปภ. ประจำปี 2566

30/04/2024

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมงานกฐินพระราชทานโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ในงานได้รับเกียรติจากนายชูฉัตร ประมูลผล (กลาง) เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2566 ซึ่งเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมบริจาคจตุปัจจัยทำบุญจำนวนเงินทั้งสิ้น 200,000 บาท และร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดทองธรรมชาติ วรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร โดยมียอดกฐินจากบริษัทประกันภัยต่างๆ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคจตุปัจจัยทำบุญ และร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เพื่อถวายพระภิกษุ สามเณร และถวายจตุปัจจัยบำรุงพระอารามหลวง จำนวนทั้งสิ้น 6,084,229.47 บาท ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมดำเนินกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและพระอารามหลวง ไว้ให้คงอยู่คู่ชาติไทยต่อไปนอกจากนี้ นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เป็นผู้แทนเอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการด้านตรวจสอบ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย มอบอุปกรณ์กีฬาและสิ่งของจำเป็น ได้แก่ ลูกฟุตบอลเอไอเอจำนวน 20 ใบ พร้อมด้วยหมวกที่ระลึกสโมสรฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ โดยมี นางสาวจินตนาพร สุวรรณพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดทองธรรมชาติ เป็นผู้รับมอบ ในกิจกรรม “รวมพลังภาคประกันภัย รวมใจเพื่อการศึกษา” เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษาแก่เด็กนักเรียนของโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของวัดทองธรรมชาติ 2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดทองธรรมชาติ และโรงเรียนวัดทองธรรมชาติ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ถือเป็นการตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยและเยาวชนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ‘Healthier, Longer, Better Lives’

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จัดงานเดิน-วิ่งเทรล AIA One Billion Trail 2023 นักวิ่งเทรลรวม 400 ทีมเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ตอกย้ำความมุ่งมั่นสนับสนุนคนทั่วเอเชียแปซิฟิก มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ‘Healthier, Longer, Better Lives’

30/04/2024

กรุงเทพฯ, 4 ธันวาคม 2566 – เอไอเอ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จงานเดิน-วิ่งเทรล AIA One Billion Trail 2023 ประเภททีม 4 คน ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 บนเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามจากดอยอินทนนท์ถึงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีทั้งสิ้น 4 ระยะทางได้แก่ 100 กิโลเมตร 50 กิโลเมตร 25 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 2-3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ในปีนี้มีนักวิ่งเทรลเข้าร่วมพิชิตเป้าหมายมากถึง 400 ทีม พร้อมร่วมระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย โดยสภากาชาดไทย เป็นมูลค่าเงินบริจาคสูงกว่า 4 ล้านบาทซึ่งแสดงถึงพลังความสามัคคี ความแข็งแรง มิตรภาพ และพลังใจอันเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อสานต่อพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมุ่งมั่นสนับสนุนผู้คนกว่าพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ภายในปี 2030 ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยในพิธีมอบรางวัลแก่ทีมผู้ชนะ AIA One Billion Trail 2023 มีผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่งได้เดินทางมาร่วมวิ่งเทรล ให้เกียรติขึ้นกล่าวเปิดงานและมอบรางวัลแก่ทีมผู้ชนะ ประกอบด้วย นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ และนายตัน ฮาค เลห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับภูมิภาค นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาดร่วมเป็นประธานในพิธีและเป็นตัวแทนมอบถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แก่ทีมผู้ชนะเลิศในระยะทาง 100 กิโลเมตร ได้แก่ ทีม AIA S20 ด้วยเวลา 16:20:38 ชั่วโมง ตลอดจนมีผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ และนายแพทย์ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโส ฝ่ายปฎิบัติการ ร่วมในพิธี โดยพิธีมอบรางวัล AIA One Billion Trail 2023 จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “งานเดิน-วิ่งเทรล AIA One Billion Trail 2023 มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนพันธกิจ AIA One Billion ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีส่วนร่วมเพื่อการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ภายในปี 2030ในปีนี้ผมได้มีโอกาสมาร่วมวิ่งในระยะทาง 25 กิโลเมตร ซึ่งการวิ่งเทรลในประเภททีม 4 คนทำให้เราได้ผูกพันและเกิดความสามัคคีกันระหว่างเพื่อนร่วมทีม อีกทั้งยังเป็นบททดสอบความอดทนของนักวิ่งอีกด้วย AIA One Billion Trail จึงถือว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราทุกคนมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้นได้ในระยะยาวสำหรับนักวิ่งเทรลทุกทีมที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งเทรลมือใหม่หรือมืออาชีพ ผมเชื่อว่า AIA One Billion Trail จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่การใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงการมีสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น พร้อมช่วยเปลี่ยนแปลงชุมชนรอบตัวให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”สำหรับผลการแข่งขันการเดิน-วิ่งเทรล AIA One Billion Trail 2023 ในแต่ละระยะทาง ได้แก่ •  AOB100 ระยะทาง 100 กิโลเมตร      -  ประเภททีมชายล้วน ได้แก่ ทีม Core Trail Thailand ด้วยเวลา 18:24.58 ชั่วโมง     -  ประเภททีมหญิงล้วน ได้แก่ พร๊อบเพียบรันนิ่ง ด้วยเวลา 29:30:05 ชั่วโมง     -  ประเภททีมผสม ได้แก่ Success Gym Samui ด้วยเวลา 21:52:02 ชั่วโมง •  AOB50 ระยะทาง 50 กิโลเมตร      -  ประเภททีมชายล้วน ได้แก่ ทีม The Wolf of The Last Man Wall ด้วยเวลา 08:48:45 ชั่วโมง     -  ประเภททีมหญิงล้วน ได้แก่ เจ้มาฟาด ด้วยเวลา 11:41:24 ชั่วโมง     -  ประเภททีมผสม ได้แก่ ทีม ซ้อมน้อยร้อยแรงม้า ด้วยเวลา 13:26:29 ชั่วโมง •  AOB25 ระยะทาง 25 กิโลเมตร      -  ประเภททีมชายล้วน ได้แก่ ทีม Kailas Fuga Team Thailand ด้วยเวลา 02:59:00 ชั่วโมง     -  ประเภททีมหญิงล้วน ได้แก่ ทีม Saucony x REV RUNNR ด้วยเวลา 04:26:41 ชั่วโมง     -  ประเภททีมผสม ได้แก่ ทีม X-REAL ด้วยเวลา 03:29:51 ชั่วโมง •  AOB10 ระยะทาง 10 กิโลเมตร      -  ประเภททีมชายล้วน ได้แก่ ทีม VC 99 Team ด้วยเวลา 01:27:15 ชั่วโมง     -  ประเภททีมหญิงล้วน ได้แก่ ทีม Happy Trail ด้วยเวลา 02:17:18 ชั่วโมง     -  ประเภททีมผสม ได้แก่ ทีม 81Q-วัยว้าวุ่น ด้วยเวลา 01:41:03 ชั่วโมงนายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ประเทศไทย ผมขอแสดงความยินดีกับนักวิ่งเทรลทุกทีมที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดคือเราได้เห็นถึงความสามัคคีและความเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันภายในทีม จนนำพาให้ทุกทีมสามารถพิชิตเส้นชัยได้สำเร็จ นอกจากนี้ ผมขอขอบคุณนักวิ่งเทรลทุกท่านจากทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 2,000 คน ที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน AIA One Billion Trail 2023 ที่สำคัญ AIA One Billion Trail ยังเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียน ภาษาไทย โดยสภากาชาดไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยในถิ่นธุรกันดาร โดยปีนี้มียอดเงินบริจาครวมแล้วกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพของคนไทย เพื่อให้ชุมชนและสังคมไทยเติบโตและแข็งแรงอย่างยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนให้เมืองเชียงใหม่ เป็นเมืองแห่งงานวิ่งเทรลที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยไปสู่ระดับสากล”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X