Everyday knowledge for you
ห้องแสดงนิทรรศการ
10/06/2024
ตะลุยโลกใบใหญ่ สัปดาห์นี้ “พี่ม้ามังกร” ขอพาน้องๆไปชม นิทรรศการ Mosaico–Italian code of a timeless art มองโมเสก : ถอดรหัสหัตถศิลป์จากดินแดนอิตาเลีย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมิวเซียมสยามกับสถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมระหว่างประเทศ จัดแสดงที่ห้องอเนกประสงค์ มิวเซียมสยาม ถึงวันที่ 25 มิ.ย.2567 เวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)โมเสก Mosaico คืองานหัตถศิลป์ชิ้นเอกที่มีการสืบทอดกันในประเทศอิตาลีมายาวนานมากกว่า 2,000 ปีภายในแบ่งการจัดแสดงศิลปะโมเสก ออกเป็น 6 โซน 8 เมือง นำเสนอภาพผ่านสื่อผสม โดยฉายภาพ ประกอบเสียงบรรยาย 3 ภาษา ทั้งไทย อังกฤษ และอิตาเลียนโซนที่ 1 โรม และปอมเปอี โดยที่โรมนำเสนอผลงานโมเสกหลากสีประดับผนังรูปเรือและประภาคาร จากพิพิธภัณฑ์คาปิโตลีนี เช่น โมเสกรูปนกยูง สิงโตผู้น่าเกรงขาม และกามเทพตัวน้อย ขณะที่โมเสกจากเมืองปอมเปอี ซึ่งเคยเป็นเมืองที่ถูกลาวาจากการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสกลบฝัง แต่ก็รักษาสภาพเมืองเอาไว้ โดยมีผลงานโมเสกที่งดงามภายในคฤหาสน์ของฟอน (Faun) เป็น ภาพการประจัญบานที่เมืองซิสซุ ระหว่าง อเล็กซานเดอร์มหาราช แห่งโรมัน กับ ดารีอุสมหาราชแห่งเปอร์เซีย ประกอบขึ้นจากเศษหินแผ่นเล็กๆ มากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนชิ้น ทำให้เห็นรายละเอียดของสีหน้า ท่าทางของนายทหาร ม้าศึก อย่างชัดเจนโซนที่สอง เมืองอากวิเลอา นำเสนอโมเสกภายในพื้นมหาวิหารอัสสัมชัญของพระแม่มารีย์ นำเสนอเรื่องราวของท่านโยนา ศาสดาพยากรณ์ชาวยิว และคติเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูโซนที่สาม เมืองราเวนนา เป็นเมืองที่รุ่งเรืองในอดีต ผลงานโมเสกที่สำคัญปรากฏที่ สุสานกัลลา ปลาชิเดีย, มหาวิหารนักบุญวิตาเล และ มหาวิหารนักบุญอาโปลลีนาเร โดยเฉพาะภาพดวงดาวบนท้องฟ้าในคืนเดือนมืด ภาพคนเลี้ยงแกะ ภาพพระคริสต์ไร้ซึ่งหนวดเคราประทับนั่งบนโขดหิน รายล้อมด้วยฝูงแกะ 6 ตัวโซนที่สี่ เมืองปาแลร์โม และเมืองมอนเรอาเล ผลงานโมเสกแสดงเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าสร้างโลกและมวลมนุษย์ สู่การเสด็จมาของพระคริสต์ เพื่อช่วยไถ่บาปไปจนถึงวันสิ้นโลกโซนที่ห้า เมืองปีอาซซ่า อาร์เมรีนา จัดแสดงผลงานโมเสกภายในวิลล่า โรมานา เดล คาซาเล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมประจำวันของชาวโรมัน เช่น ภาพการล่าสัตว์ การใช้ชีวิตของชนชั้นสูง ซึ่งผลงานโมเสกที่มีชื่อเสียงคือ ชื่อรูป “นักยิมนาสติก” เป็นรูปหญิงสาว 10 นาง ในท่วงท่าออกกำลังกาย โดยสวมใส่เครื่องแต่งกายน้อยชิ้นโซนที่หก เมืองบาย่า นำเสนอลวดลายโมเสกในอุทยานโบราณคดีใต้น้ำเมืองบาย่า ซึ่งจมอยู่ใต้ท้องทะเลจากการยุบตัวของผิวโลก ซึ่งภายในนิทรรศการ น้องๆ จะได้ชมภาพโมเสกใต้น้ำผ่านตู้จำลอง ให้ความรู้สึกเหมือนเรา ได้ดำดิ่งลงใต้ผืนน้ำ เพื่อชมความงามของโมเสกนั่นเอง.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/news/local/2791597
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
10/06/2024
Travel Card คืออะไร ทำไมนักท่องเที่ยวจึงควรมีติดตัวไว้สักใบ มาทำความเข้าใจกันเวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เรื่องการใช้จ่ายในต่างแดนถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ ที่จะต้องวางแผนอย่างรัดกุม หลายคนไม่มีเงินสำรองติดตัว แลกและพกเงินสดไปค่อนข้างพอดีใช้ เมื่อเจอเข้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ก็สุ่มเสี่ยงที่จะไม่มีเงินแก้ปัญหา และเสี่ยงที่จะเดินทางกลับบ้านไม่ได้ด้วย หรือบางคนไม่จำเป็นต้องมีเงินสำรอง เพราะในมือมีบัตรเครดิตที่สามารถรูดเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อนได้ ในกรณีนี้คุณจะไม่มีความเสี่ยงใด ๆ ระหว่างเดินทาง สามารถรูดเอา ๆ ตามใจชอบตราบเท่าที่วงเงินยังเหลือ แต่คุณอาจจะเผชิญกับอาการหน้ามืดได้เมื่อใบแจ้งหนี้ถูกส่งมา การใช้จ่ายอย่างเพลิดเพลินจนเกินตัวทำให้หลายคนไม่อยากจะสมัครบัตรเครดิต เพราะกังวลการเป็นหนี้คำถามก็คือ ถ้าคุณกำลังเผชิญปัญหาไม่คาดฝัน ปัญหาที่ต้องใช้เงิน แต่คุณไม่มีเงินสำรองจากที่ไหนสักแห่งให้หยิบมาใช้แก้ปัญหาเลย คุณจะทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์นั้น ๆอย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการวางแผนการใช้จ่ายในระหว่างเที่ยวต่างประเทศไม่ได้มีแค่การพกเงินสด ที่จะต้องไปแลกเป็นสกุลเงินต่าง ๆ ตามร้านแลกเงินหรือที่ธนาคาร การยอมเป็นหนี้ ใช้เงินในอนาคตอย่างการรูดบัตรเครดิต หรือการใช้บัตรเดบิต แต่ยังมีวิธีใหม่ ๆ อย่างการใช้ Travel Card ที่มีทั้งประเภทเติมเงินและประเภทเดบิตTravel Card คืออะไรTravel Card คือ บัตรสำหรับทำธุรกรรมทางการเงินในต่างประเทศ โดยอาจมีลักษณะเป็นบัตรเดบิตหรือบัตรเติมเงิน (Prepaid Card) รูปแบบหนึ่ง สามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ สามารถรูดจ่ายค่าสินค้าและกดเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตทั่วไป โดยมีค่าธรรมเนียมหรืออัตราแลกเปลี่ยนในราคาพิเศษ Travel Card ตอบโจทย์นักเดินทางที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือคนที่ไม่อยากพกเงินสดจำนวนมากไปไหนมาไหน ไม่ต้องเสียเวลาไปแลกเงิน ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายทั่วโลกได้สะดวกด้วยบัตรใบเดียวTravel Card จึงเป็นไอเทมพิเศษที่คนที่ชอบเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ ควรจะมีติดตัวไว้สักใบ เอาไว้ใช้สำหรับบัตรรูดชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แทนเงินสดในต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการใช้เงินในต่างประเทศที่สะดวก ง่าย ได้เรตราคาดี แถมยังไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเยอะ ๆ ด้วย หากต้องการเงินสดไว้สำหรับติดตัว ก็สามารถกดเพิ่มได้ตลอดเวลา แค่มองหาตู้เอทีเอ็มที่มีคำว่า Visa อย่างไรก็ตาม บัตรของบางธนาคารจะไม่สามารถใช้ทำธุรกรรมในประเทศไทยได้Travel Card จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ • แบบเติมเงิน คือ บัตรที่ต้องเติมเงินเข้าไปก่อนจึงจะสามารถรูดใช้ได้ อีกทั้งยังสามารถแลกสกุลเงินต่างประเทศเก็บไว้ล่วงหน้าก่อนได้ ซึ่งทั้งการเติมเงินและแลกเงิน สามารถทำได้ผ่านแอปฯ ของธนาคารนั้น ๆ บัตรประเภทนี้มีข้อดีตรงที่เราล็อกเรตเงินที่เราจะแลกได้ เมื่อเรตเงินอยู่ในเกณฑ์ที่เราพอใจก็กดแลกได้เลย การใช้จ่ายในต่างประเทศ ค่าเงินจะมีเรตเท่ากับวันที่เรากดแลก ไม่ควรแลกไว้ทีละมาก ๆ เพราะเวลาแลกคืนจะเป็นคนละเรตราคา ที่สำคัญแต่ละบัตรแต่ละธนาคารจะสามารถแลกสกุลเงินได้ต่างกัน ไม่ได้ครอบคลุมทั่วโลกเหมือนบัตรแบบเดบิต • แบบเดบิต คือ เป็นบัตรที่ไม่ต้องเติมเงิน โดยสามารถผูกกับบัญชีธนาคาร เมื่อเรารูดใช้จ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ ระบบจะตัดเงินจากบัญชีธนาคารของเราเอง ทำให้หลักการใช้งานเหมือนกับบัตรเดบิตทั่วไป คือเราต้องมีเงินอยู่ในบัญชีธนาคาร เมื่อจะใช้จ่ายในต่างประเทศก็สามารถรูดใช้ได้เลย ไม่ต้องแลกเงินเก็บไว้ในบัตร นั่นจึงทำให้เรตเงินจะแปรผันไปตามวันที่รูดใช้ ไม่สามารถล็อกเรตเงินได้เหมือนบัตรประเภทเติมเงิน ข้อดีของบัตรประเภทนี้ จะสามารถรูดที่ไหนก็ได้ทั่วโลก จึงเหมาะกับคนที่ไม่กังวลกับเรื่องเรตเงินที่ขึ้น ๆ ลง ๆทำไมควรจึงควรมี Travel Card ไว้สักใบ • สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องพกเงินสดเยอะ ๆ ในขณะเดินทาง • จัดการบัตรได้ง่าย เติมเงิน แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้สะดวก ทำได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร • ได้อัตราแลกเปลี่ยนดี เพราะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังสามารถแลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้ เมื่อเห็นว่าเรตเงินอยู่ในเกณฑ์ที่พึงพอใจ • สามารถถอนเงินสดที่ตู้ ATM ในต่างประเทศได้ทั่วโลก • สามารถใช้รูดจ่ายในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องมีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน ซึ่งมักจะอยู่ที่ 2.0-2.5% • มาพร้อมสิทธิพิเศษอื่น ๆ ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่ให้บริการ เช่น ฟรีประกันการเดินทาง ส่วนลดจากร้านค้าที่ร่วมรายการ • บัตร Travel Card ประเภทเดบิตของบางธนาคาร สามารถใช้ถอนเงินสดที่ตู้ ATM ในไทยได้ • อาจจะมีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และ/หรือค่าธรรมเนียมรายปีหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับธนาคาร ส่วนค่าธรรมเนียมกดเงินที่ต่างประเทศก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ธนาคาร บางธนาคารไม่เรียกเก็บTravel Card ต่างจาก Credit Card อย่างไรหากมองในภาพรวม Travel Card กับ Credit Card อาจจะดูไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก เพราะเป็นบัตรที่เราสามารถใช้รูดได้อย่างสะดวกเวลาเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้เหมือนกัน รูดซื้อสินค้าที่ต่างประเทศได้เหมือนกัน แต่ Travel Card นั้นจะตอบโจทย์กับการใช้จ่ายในต่างประเทศมากกว่า ดังนี้ • Travel Card สามารถใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ตลอดเวลาผ่านระบบออนไลน์ แค่เปิดแอปพลิเคชันของธนาคาร • สามารถกดเงินจากตู้ ATM ที่ต่างประเทศได้เลย (แต่จะมีค่าบริการ แล้วแต่ธนาคารเจ้าของบัตรกำหนด) • แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้เรตที่ดีกว่า เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.0-2.5% ของยอดใช้จ่าย เหมือนกับการรูดจ่ายด้วยบัตรเครดิต เพราะ Travel Card เป็นการรูดเงินในบัญชีเราออกไปเลย จึงไม่เสียค่าบริการตรงนี้ • ในช่วงที่อัตราแลกเปลี่ยนดี เราสามารถแลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้ ไม่ว่าเรารูดใช้จ่ายวันไหน เราก็ยังได้อัตราแลกเปลี่ยนในวันที่เราแลกเงินเก็บไว้ ต่างจากบัตรเครดิตที่ไม่สามารถแลกเงินในวันที่เรตดีเก็บไว้ได้ เราใช้บัตรเครดิตรูดซื้อค้าวันไหน อัตราแลกเปลี่ยนก็จะเป็นไปตามวันนั้น ๆ • ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่ากว่าบัตรเครดิต เนื่องจาก Travel Card จะหักวงเงินจากในบัญชีที่เรามี หรือหักจากที่เราแลกเก็บไว้ หากมีการใช้เงินเกินวงเงิน รายการนั้นจะถูกยกเลิกทันที (เพราะหักเงินไม่ได้) ในขณะที่บัตรเครดิตจะมีวงเงินที่สูงกว่า และเป็นเงินในอนาคตที่เราไม่เสียอะไรเลยใน ณ เวลาที่รูด ทำให้มีโอกาสใช้เกินลิมิตได้ • Travel Card ของบางธนาคารจะมีประกันอุบัติเหตุการเดินทางให้มาพร้อมกัน เป็นสิทธิพิเศษเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน Travel Card ช่วยชีวิตได้อย่างไรจริง ๆ แล้ว การเดินทาง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้เสมอ แต่ปัญหามันจะดูรุงรังกว่าเมื่อเราอยู่ต่างประเทศ การอยู่ต่างบ้านต่างเมืองทำให้การแก้ปัญหาต่าง ๆ ไม่ค่อยจะง่ายดายและราบรื่นเท่าไรนัก ทั้งเรื่องของการสื่อสาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่มันไม่ได้มีอยู่เพื่อสนับสนุนขาจรที่เดินทางไปประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็เดินทางกลับ เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นไปตามแผน ก็มีแค่เงินเท่านั้นที่พอจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ซึ่งปัญหาก็ตามมาอีกเช่นกัน ถ้าหากเงินที่เรามีสำรองอยู่ไม่เพียงพอ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คนส่วนใหญ่ไม่ได้คาดคิดอยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องที่ต้องใช้เงินเพิ่มจากที่เตรียมมา การไม่มีเงินสำรองทำให้ตกที่นั่งลำบากในเมื่อการเที่ยวต่างประเทศอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนเสมอไป แลกเงินไปเท่านี้แต่ดันใช้หมดก่อน แล้วไม่ได้พกเงินสด (ไทย) สำรองเพื่อไปแลกด้วย จะทำยังไงล่ะทีนี้ หรือว่าเกิดอุบัติเหตุบางอย่างที่เราจำเป็นต้องใช้เงิน ที่พักที่จองไว้เข้าพักไม่ได้ ต้องจองที่พักใหม่ หรือแค่เรื่องเล็ก ๆ อย่างการชอปปิงเพลินจนสัมภาระงอกเกินกว่าที่คิดไว้ จึงจำเป็นต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม เกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ต้องซื้อไฟลต์ใหม่ หรือเกิดเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่ต้องใช้เงินนอกเหนือจากที่แพลนไว้ จะทำยังไงดี หรือสำหรับบางคนจริง ๆ ก็มีเงินสำรองในบัญชี แต่ไม่อยากกดเงินจากตู้ที่ต่างประเทศ เพราะจะโดนเรตเงินของธนาคารที่ค่อนข้างแพงและมีค่าบริการสูง ถ้าไม่คอขาดบาดตายจริง ๆ ก็ไม่เอาดีกว่าดังนั้น การมี Travel Card ติดตัวไว้เพื่อกรณีแบบนี้เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มาก ส่วนใหญ่ทุกธนาคารจะแข่งกันที่เรตเงิน การให้บริการ และค่าบริการที่ต่างกันนิดหน่อยเท่านั้น และบางธนาคารก็เคลมว่าสินค้าของตัวเองถูกที่สุดด้วยสำหรับการไปติดต่อธนาคารเพื่อทำ Travel Card สักใบก็ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องมีเอกสารอะไรวุ่นวายเท่ากับการขอทำบัตรเครดิต เนื่องจาก Travel Card คือการนำเงินในบัญชีที่เรามีอยู่แล้วไปแลกเป็นเงินสกุลประเทศที่เราไป เป็นการนำเงินเก็บของเราเองมาใช้ ไม่ใช่เงินในอนาคต เพราะฉะนั้น เวลาจะออกบัตรจึงไม่จำเป็นต้องมีอาชีพที่มีเงินเดือนมารองรับ เพียงแค่มีบัญชีธนาคารธรรมดา ๆ ก็สามารถมี Travel Card ได้แล้วพูดให้ง่ายที่สุดก็คือ เป็นบัตรเดบิตในคราบเครดิตนั่นเอง เรื่องของการแลกเงิน เราไม่จำเป็นต้องแลกเงินไปก่อนด้วยซ้ำ เพราะสามารถแลกเงินแบบเรียลไทม์ได้ในแอปพลิเคชัน อยากใช้เท่าไรก็แลกเท่านั้น หรือถ้าแลกมาแล้วใช้ไม่หมดก็สามารถแลกกลับได้บริการเสริมที่จะได้มากับบัตร อีกเกณฑ์หนึ่งสำหรับการพิจารณาการทำ Travel Card ธนาคารมักจะมีบริการเสริมมาพร้อมกับบัตรอยู่แล้ว เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้าของตัวเอง ดังนั้น เวลาที่เราขอออก Travel Card ส่วนใหญ่แล้วจึงไม่ได้ให้เราใช้บัตรเพื่อรูดในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่มักจะมาพร้อมบริการ อย่างเช่น ประกันการเดินทาง การเข้าใช้บริการเลานจ์ที่สนามบินได้ฟรี การแลกเงินที่ได้เรตเงินถูกกว่าปกติ หรือบางทีมีส่วนลดในการจองโรงแรมด้วย แค่นี้ก็คุ้มแล้วจากนี้ไป คนที่เคยชินกับการเที่ยวต่างประเทศแบบแลกเงินสดไปเป็นปึก ๆ แล้วต้องลำบากแยกเก็บไว้ตามที่ต่าง ๆ ในกรณีเผื่อหายจะได้มีส่วนที่แอบไว้เหลือใช้บ้าง คงจะต้องลองหันมามอง Travel Card กันบ้างแล้ว เพราะมันให้ความสะดวกสบายและปลอดภัยมากกว่า โดยเฉพาะในยุค Cashless ที่คนส่วนใหญเคยชินกับการใช้เงินสดน้อยลงแล้ว การลองไปเที่ยวต่างประเทศพร้อม Travel Card สักใบ อาจทำให้คุณติดใจความง่ายและสะดวก จนอยากจะออกเที่ยวอยู่เรื่อย ๆ ก็เป็นได้นะ!แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1448023/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
07/06/2024
สภาพัฒน์ฯ รายงานภาวะสังคมไทย ครองโสดมากขึ้น 40.5% สะท้อนการใช้ชีวิต ด้วยภาวะเศรษฐกิจ การทำงานที่ต้องแบกรับมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การมีลูก 1 คน ใช้เงินเฉลี่ย 2-3 ล้านบาท กว่าจะเรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขณะที่เพศสภาพเปิดกว้างมากขึ้น แม้รัฐมีนโยบายปั๊มลูกเพื่อชาติ แต่ต้องเปลี่ยนมุมมอง พัฒนาคุณภาพคน มากกว่าปริมาณประชากรที่เพิ่มสูงจากรายงานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาวะสังคม ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ‘สถานการณ์คนโสด’ ช่วงวัยเจริญพันธุ์ ที่มีอายุ 15-49 ปี มีคนโสดถึง 40.5% สูงกว่าภาพรวมในประเทศเกือบเท่าตัว และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2560จำนวนดังกล่าวกว่าครึ่งอยู่ในช่วงอายุ 15-25 ปี ส่วนใหญ่อาศัยในเมืองหลวง และ 1 ใน 3 เป็นผู้หญิงที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป อยู่ที่ร้อยละ 42.0 สูงกว่าผู้ชายเกือบเท่าตัว หรือร้อยละ 25.7 หากพิจารณาในกลุ่มคนมีคู่ พบว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกันมากขึ้น สะท้อนได้จากคนที่แต่งงานแล้ว ที่มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 57.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 52.6 และจำนวนการหย่าร้างเพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.0 จากปี 2560รศ.ดร.ศุทธิดา ชวนวัน อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยถึงการครองโสดของคนไทย มาจากปัจจัยด้านทัศนคติเปลี่ยนไป โดยมองว่าการมีครอบครัวไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่มีปัจจัยอื่นพ่วงเข้ามา เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อการแต่งงาน และใช้ชีวิตครอบครัว ซึ่งมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นส่วนตัวเลขประชากรชี้ชัดว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโสดมากกว่าชาย เนื่องจากผู้หญิงมีบทบาทในสังคมมากขึ้น ทำให้มุมมองด้านการแต่งงานช้าลงไปเรื่อยๆ เพราะผู้หญิงหลายคนมุ่งมั่นกับการทำงาน จนไม่ได้สนใจการมีคู่ครอง จากเดิมผู้หญิงจะแต่งงานเร็ว เฉลี่ยตั้งแต่อายุ 24 ปี อีกปัจจัยสำคัญมาจากการศึกษาของผู้หญิงสูงขึ้น ทำให้มีมุมมองการใช้ชีวิตพึ่งพาตัวเอง มากกว่าจะต้องมีสามีอีกภาวะที่ทำให้มีคนโสดมากขึ้น เนื่องจากผู้ชายในช่วงวัยทำงาน เฉลี่ยอายุ 20-30 ปี มีอัตราการตายสูง ประกอบกับสังคมไทย เปิดรับเรื่องเพศสภาพของกลุ่ม LGBTQ มากขึ้น ทำให้เกิดการสมรสระหว่างชายกับหญิงเหมือนในอดีตลดลงขณะเดียวกันรูปแบบการอยู่อาศัยของคู่ครอง มีความหลากหลายมากขึ้น หรือการอยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงาน เหมือนอยู่เป็นเพื่อนกัน เช่นเดียวกับการใช้ชีวิตอยู่กับพี่น้องครอบครัวเดียวกันมากขึ้นในการวิจัยมีการประเมินว่า การเลี้ยงลูก 1 คน พ่อแม่ต้องใช้เงิน 2-3 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายให้กับลูกจนจบการศึกษาพื้นฐาน ดังนั้น แนวทางแก้ปัญหาของภาครัฐ การบังคับให้คนมีบุตร ไม่ประสบความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์ ก็เคยเจอกับปัญหาเหล่านี้ ทำให้เขาต้องกลับมาคิดใหม่ว่า การมีประชากรน้อยแต่มีคุณภาพ ดีกว่ามีประชากรมากแต่ไม่มีคุณภาพผู้หญิง 1 คน ต้องมีบุตรเฉลี่ย 2.1 คน แต่ไทยต่ำกว่าเกณฑ์มากดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ มองว่า คนไทยเป็นโสดมาก นอกจากปัญหาทางด้านการเงินแล้ว ยังเกี่ยวโยงกับภาระการทำงาน จากความคิดผู้หญิงในอดีต ที่มีความคาดหวังว่าผู้ชายจะต้องดูแลครอบครัว ปัจจุบันผู้หญิงสามารถดูแลตัวเองได้ เช่นเดียวกับความคิดของผู้ชาย ที่ไม่แต่งงาน หรือไม่มีลูกก็ได้ ขณะที่ทางเลือกด้านเพศสภาพในสังคมเปิดกว้างมากขึ้นการที่คนไทยเป็นโสดมาก ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างประชากร เพราะทางทฤษฎีเกี่ยวโยงกับอัตราวัยเจริญพันธุ์ ที่ผู้หญิง 1 คน ต้องมีบุตรเฉลี่ย 2.1 คน เพื่อให้อัตราประชากรในอนาคตมีอัตราคงที่ แต่ถ้ามีอัตราการเกิดน้อยกว่านั้น จะทำให้อัตราประชากรลดลง สุดท้ายเกิดความเสี่ยงในประเด็นของประชากรดังนั้น อัตราการมีบุตรของคนไทย ตอนนี้ต่ำกว่า 2.1 คนอยู่จำนวนมาก ขณะที่สัดส่วนโครงสร้างประชากรจะกระทบกระเทือนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ เพราะถ้าประเทศมีวัยแรงงานมาก ช่วยทำให้มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น ยิ่งเมื่อไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้ประชากรวัยทำงานต้องแบกภาระทางเศรษฐกิจของประเทศกระบวนการที่จะกระตุ้นให้คนมีคู่ ภาครัฐต้องมีนโยบายให้คนมาเจอกันมากขึ้น ซึ่งตอนนี้มีการเจอกันในระบบออนไลน์ ที่ต้องมีระบบที่ปลอดภัยมากขึ้น หรือตัวอย่างในจีน ที่พ่อแม่นำรูปลูก และแนะนำอุปนิสัยส่วนตัว มาหาคู่ที่เหมาะสมในสวนสาธารณะช่วงวันหยุดด้านการกระตุ้นให้มีบุตร หน่วยงานรัฐต้องมีการลดภาระ ในการให้เงินสนับสนุนในการเลี้ยงดู ระบบการศึกษาที่ลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ซึ่งช่วยเอื้ออำนวยให้คนมีบุตรเพิ่มขึ้น ไม่ต้องเป็นหนี้ในการหาเงินมาเลี้ยงดูลูก.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2789067
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
07/06/2024
จะให้ความคุ้มครองชีวิตด้วยเงินก้อนใหญ่ เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตตรงตามเงื่อนไชที่ระบุไว้ตามกรมธรรม์แล้ว ยังสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ประกันลดหย่อนภาษีเป็นหนึ่งใน ผู้ช่วยด้านการเงินของคนยุคใหม่ที่ต้องการบริหาร จัดการด้านการเงินให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประเภทของประกันลดหย่อนภาษีการใช้ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีสามารถนำไประกันมาใช้ลดหย่อนภาษีได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของ ประกันลดหย่อนภาษี ซึ่งโดยหลัก ๆ สามารถแบ่งประกันชีวิตลดหย่อนได้เป็น 3 ประเภท • ประกันชีวิตทั่วไป เป็นประกันชีวิตที่มีการคุ้มครองผู้เอาประกัน ซึ่งในระหว่างอายุสัญญาหากผู้เอาประกันเสียชีวิตด้วยสาเหตุตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์กำหนด หรืออยู่จนครบอายุสัญญา จะได้รับเงินก้อนตามเงื่อนไขของประกันชีวิต สำหรับประกันชีวิตที่สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้มีด้วยกัน 4 ประเภท ได้แก่ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) , ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term) , ชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) และประกันชีวิตควบการลงทุน (Investment Linked Life Insurance) สำหรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีและเงื่อนไขในการลดหย่อยนภาษี ดังนี้1. ต้องเป็นประกันของบริษัทประกันภัยที่จดทะเบียนในประเทศไทยเท่านั้น2. ต้องเป็นประกันที่มีระยะความความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป3. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ แบบชั่วระยะเวลา หรือแบบสะสมทรัพย์สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ขณะที่ของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้สามารถนำมาลดหย่อนได้ไม่เกิน 10,000 บาท 4. ประกันชีวิตควบการลงทุน เป็นประกันที่แบ่งค่างวดออกเป็น 3 ส่วน คือ ค่าเบี้ยประกัน , ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของกรมธรรม์ และการลงทุน แต่จะมีเพียงส่วนที่ 1 และ 2 เท่านั้น สามารถนำมาคำนวณเพื่อใช้ลดหย่อยภาษีได้ โดยสามารถใช้ลดหย่อยภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท 5. ในกรณีที่เป็นประกันชีวิตที่มีการจ่ายเงินคืนทุกปี หรือตามช่วงเวลาตามเงื่อนไขของประกัน ต้องร่วมกันไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมรายปี6. หากผู้เอาประกันยกเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบอายุ 10 ปี จะถือว่าผิดเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด จะไม่สามารถนำเบี้ยประกันมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ และที่สำคัญต้องจ่ายคืนภาษีย้อนหลังและดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนอีกด้วย • ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันคุ้มครองรายได้ที่ให้ผู้เอาประกันหลังเกษียณอายุ หรือตามระยะเวลาที่กรมธรรม์กำหนด สำหรับประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถนำใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ 300,000 บาท เมื่อไม่ใช่สิทธิ์การลดหย่อนรวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไป แต่กรณีที่ใช้สิทธิ์ร่วมกับประกันชีวิตทั่วไป (ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท) สามารถใช้ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท แต่ทั้งนี้ต้องเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญของบริษัทประกันภัยที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีระยะคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอและจ่ายผลประโยชน์ในขณะผู้เอาประกันมีอายุ 55 – 85 ปี • ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี เป็นประกันประเภทที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อผู้เอาประกันเจ็บป่วย บาดเจ็บ หรือตรวจพบโรคร้ายตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ซึ่งในการนำมาใช้ลดหย่อยภาษีในกรณีเป็นประกันสุขภาพของผู้เอาประกันเองสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อนำไปรวมกับประกันประเภทอื่นต้องไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนกรณีนำประกันสุขภาพของบิดามารดาสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นประกันสุขภาพของบริษัทประกันที่จดทะเบียนในประเทศไทย เป็นประกันชีวิตของบิดามารดาที่ถูกต้องตามกฎหมาย บิดามารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และผู้ทำประกัน บิดา หรือมารดา คนใดคนหนึ่งต้องพำนักอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 180 วันในปีที่จ่ายภาษีเทคนิคเลือกประกันลดหย่อนภาษีแบบไหนคุ้มที่สุดเนื่องจากประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีหลายแบบหลายประเภทให้เลือก ซึ่งนอกจากจุดประสงค์ของความคุ้มครองแล้ว ยังต้องพิจารณาในส่วนของเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้หลายคนสับสนไม่รู้ว่าจะซื้อประกันแบบไหนดี มีเทคนิคดี ๆ มาฝาก • คำนวณภาษีก่อนตัดสินใจเพราะหลายคนเข้าใจว่ายิ่งมีรายได้เยอะก็ต้องซื้อประกันลดหย่อนเยอะไว้ลลดหย่อนภาษี แต่ในความจริงซื้อเยอะอาจกลายเป็นซื้อประกันเกินความจำเป็น เพราะนอกจากการลดหย่อนจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่สรรพากรกำหนดแล้ว ในการเสียภาษียังต้องมีการนำรายการลดหย่อนมาใช้คำนวณลดภาษี อย่างส่วนลดค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 บาท ส่วนลดค่าเลี้ยงดูบุพการี 30,000 บาท ส่วนลดบุตร 30,000 บาท ส่วนลดจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากการประกอบอาชีพไม่เกิน 500,000 บาท ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีควรคำนวณภาษีสุทธิของตัวเอง ไม่เช่นนั้นอาจซื้อประกันเกินความจำเป็นได้ • อัพเดตภาษีอย่างสม่ำเสมอเพราะรายได้ของทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงทำให้ทุกคนที่มีรายได้อาจเสียภาษีเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะฉะนั้นผู้เอาประกันควรคำนวณภาษีอย่างสม่ำเสมอ หากมีการเสียภาษีเพิ่มควรซื้อประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมเพื่อการบริหารจัดด้านภาษีอย่างมีประสิทธิภาพแนะนำประกันลดหย่อนภาษีได้ของ SCBสำหรับคนที่เป็นกังวลเรื่องภาษีและอยากทำ ประกันลดหย่อนภาษี ไว้เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคล แนะนำประกันชีวิตและประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีของ SCB ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น • ประกันอีซี่ อีเซฟ 10/5 ประกันสะสมทรัพย์ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ระยะเวลาจ่ายเบี้ย 5 ปี ระยะความคุ้มครอง 10 ปี โดยในปีที่ 1 – 5 จะได้รับเงินคืน 4% ของทุนประกัน ขณะที่ปี 6 – 9 จะได้รับเงินคืน 5% โดยสิ้นปีที่ 10 จะได้รับเงินคืน 350% ของทุนประกัน • ประกันทริปเปิ้ล เซเว่น ประกันคุ้มครองชีวิตที่จ่ายเบี้ยเพียง 7 ปี แต่ผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองจนถึงอายุ 77 ปี โดยจะได้รับเงินคืน 10% ทุกปี จนถึงอายุ 76 ปี นอกจากนั้นหากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุยังได้รับความคุ้มครองเพิ่มเป็น 2 เท่า เรียกว่าได้ทั้งเงินก้อนใหญ่และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีไปพร้อม ๆ กัน • ประกัน 15/5 Pro Max (แบบมีความคุ้มครองโรคร้ายแรง) ประกันคุ้มครองโรคร้ายที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีและความคุ้มครองทันทีเมื่อตรวจเจอโรคร้ายแรงตามเงื่อนไขตามกรมธรรม์ในปีที่ 4 – 15 แต่ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นโรคร้ายก็ยังได้รับเงินคืนรวม 14 ครั้ง รวมตลอดอายุสัญญาได้เงินคืนรวม 578%ประกันชีวิตและประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบริหารการเงินที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูผลิตภัณฑ์อื่นๆที่น่าสนใจจาก SCB ได้ที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/salary-man/10-things-to-know-before-buy-insurance-to-reduce-tax.htmlแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://www.siamrath.co.th/n/535041
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
07/06/2024
สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ตอกย้ำการเป็น The Biggest Arena of Lifestyle Experiments ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์สุดตื่นเต้นเร้าใจ พร้อมให้ทุกคนเข้ามาค้นพบ (Experiment), สร้างสรรค์ (Create) และพัฒนา (Cultivate) ได้อย่างไม่รู้จบ จัดแคมเปญ Earth Discovery: Go Astro Boy Go! - Mission To Save The World ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน และยืนหยัดเป็นต้นแบบสร้างองค์ความรู้ในการรักสิ่งแวดล้อม ในปีนี้สยามดิสคัฟเวอรี่ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ จัดงาน Siam Discovery x Go Astro Boy Go! ชวนทุกคนมาค้นพบค้นหาประสบการณ์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยร่วมคอลแลบอเรชั่นกับ “Go Astro Boy Go!” เวิลด์คาแรคเตอร์สุดฮอตระดับโลกมาร่วมสร้างความสนุกกับกิจกรรมมากมาย ระหว่างวันที่ 5 - 30 มิถุนายน 2567 ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม"แอสโทร" (Astro) เป็นตัวละครหุ่นยนต์ฮีโร่ใน "Go Asto Boy Go!" จากประเทศญี่ปุ่น ได้มีโอกาสเดินทางรอบโลก และเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาวะสิ่งแวดล้อมโลกมาโดยตลอด ครั้งนี้จึงเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญที่ “Go Astro Boy GO!” จะเป็นตัวแทน เป็นกระบอกเสียงเชิญชวนทุกคนมามาร่วมกอบกู้โลกไปด้วยกันเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นภาระกิจหลักในโอกาสที่เดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ไฮไลท์พิเศษ พบกับการคอลแลบอเรชั่นกับ Go Astro Boy Go! เวิลด์คาแรคเตอร์สุดฮอตระดับโลกกับ Art Exhibition ผลงานคอลแลบอเรชั่นสุดพิเศษจากศิลปินไทย 10 ท่าน ที่ล้วนแต่มีผลงานอาร์ททอยสุดปังมาร่วมภารกิจกอบกู้โลกกับ Go Astro Boy Go! พบกับคาแรคเตอร์ที่ครีเอทเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น ผลงาน “คงฤทธิ์” แต่งตัวในชุด Astro ที่เป็นแรงบันดาลในเรื่องความกล้าหาญ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และ “น้องอรทัย” แมวจรจัด แต่งตัวเป็น Astro เพื่อเตือนให้คนระลึกถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกัน ไม่ทอดทิ้งกัน, ผลงาน Meowon ครีเอทอาร์ททอยในชื่อ “Go Astro boy Go Shinobi / Go Astro boy Go iron heart” ได้แรงบันดาลใจมาจากความเชื่อใน Astro ที่มีทักษะพิเศษและความกล้าหาญ สะท้อนถึงความสามารถพิเศษและการอุทิศตนเพื่อช่วยโลก การต่อสู้กับความชั่วร้ายเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้น, KOROKE กับผลงาน “Yui Astro” ยุ้ยอยากช่วยแอสโตรทำมิชชั่นลดขยะจากอาหาร โดยวิธีง่ายๆ เช่น ทานอาหารให้หมด ไม่ซื้ออาหารเกินความจำเป็น เป็นต้น และ “Yui Astro Kitty” ที่พร้อมช่วยทุกคนให้ทำภารกิจช่วยโลกของเราให้สำเร็จ, PUCK เจ้าของคาแรคเตอร์ WORLD BOY สร้างสรรค์ “Astro x WORLD BOY” ในอีกมิตินึง WORLD BOY เป็นแฟนคลับของ Astro เขาจึงฝึกฝนร่างกาย ความแข็งแกร่งเพื่อที่จะได้ออกไปช่วยโลกเช่นเดียวกับไอดอลของเขา, korn doll ครีเอทงาน “Go Fanboy Go” โดยให้คาแร็คเตอร์ korn doll ขึ้นปก Go Astro boy Go! ยุคคลาสสิคเพื่อแสดงความรักในฐานะ fanboy ของ Astro boy คนหนึ่งนอกจากนี้ยังมีอีกมากมาย ทั้ง GREENIE & ELFIE, HOGKEY, Dylie, BKK BROS., Shew Sheep พร้อมพบกับกิจกรรมไฮไลท์ศิลปินมาร่วมพูดคุย และตัว Art Toy ชิ้นพิเศษที่งานนี้งานเดียวในสยามดิสคัฟเวอรี่ ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน - 30 มิถุนายน 2567เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก สยามดิสคัฟเวอรี่ ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน ร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และการสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Values) ซึ่งได้อยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ รวมทั้งการนำเสนอ “ECOTOPIA” ที่สุดของแหล่งรวมสินค้า ECO สำหรับทุกคน ครบครัน หลากหลายเพื่อโลกที่ดีขึ้น เป็นสเปเชียลตี้สโตร์ ที่ให้แรงบันดาลใจกับทุกคนด้วยสินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบรักษ์โลกกว่า 3,000 รายการ ท่ามกลางการตกแต่ง ที่สร้างสรรค์จากผลิตภัณฑ์รีไซเคิล หรือ ไม่ใช้แล้วมาตกแต่งพื้นที่ ได้แรงบันดาลใจจากดอกไม้และแมลงเพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และเกื้อกูลกันของธรรมชาติ และยังมีการนำเสนอคอลเลคชั่น Go Astro Boy Go! พร้อมผลิตภัณฑ์รักษ์โลกจากแบรนด์อื่นๆอีกมากมายพร้อมมอบโปรโมชั่น Earth Discovery: Go Astro Boy Go! สมาชิกวันสยามที่มี ONESIAM SUPERAPP ช้อปครบ 7,000 บาทขึ้นไป แลกรับกระเป๋า ASTRO BOY TOTE BAG 1 ใบ พิเศษ!! สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต TTB ช้อประหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2567 – 31 กรกฎาคม 2567 แลกรับ Siam Gift Card 300 บาท เมื่อช้อปสินค้า Astro Boy ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไปสยามดิสคัฟเวอรี่ ขอชวนมา Come Play With Us! กับคาแรคเตอร์ Go Astro Boy Go! ตัวการ์ตูนฮีโร่หุ่นยนต์ตัวแทนจากโลกอนาคตที่จะพาทุกคนกอบกู้โลกไปด้วยกัน และพบกับกิจกรรมสร้างความยั่งยืนอีกมากมาย พร้อมกับแบรนด์ชั้นนำ ในวันที่ 5 มิถุนายน - 30 มิถุนายน 2567 ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยมแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000048287
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
07/06/2024
หลังการท่องเที่ยวแคมป์ปิ้งกลายเป็นสไตล์สุดฮิตในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คอนเทนต์แคมปิ้งก็เชื้อชวนให้ท่องเที่ยวธรรมชาติกันในทุกแพลตฟอร์มเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเปิดเฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ ต้องได้เห็นเพื่อนๆ หรือคนรอบตัวกางเต็นท์ ต้มกาแฟ ถ่ายรูปสวยๆกับธรรมชาติ เล่นน้ำ ทำอาหารกลางป่าเขา ดูน่าอิจฉาสุดๆเลยไป แล้วรู้หรือไม่ว่าการท่องเที่ยวแบบนี้จุดเริ่มต้นมาจากไหน จึงกลายมาเป็นวัฒนธรรมการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ วันนี้จะพาทุกคนย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวสไตล์นี้กันวัฒนธรรมแคมป์ปิ้งมาจากไหน?จุดเริ่มต้นการแคมป์ปิ้งนั้นมีหลากหลายมาก ว่ากันว่ามีจุดเริ่มต้นจากการแคมป์ปิ้งของ โทมัส ไฮแรม โฮลดิ้ง ช่างตัดเสื้อชาวอังกฤษ ที่รอนแรมมาตั้งแคมป์อยู่ริมแม่น้ำเทมส์ จนเกิดการทำตามเป็นกิจกรรมในที่สุด เขาได้เขียนคู่มือผู้ไปพักแรมในปี 1908 และก่อตั้ง Association of Cycle Campers ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งและ Caravanning Clubโทมัส ไฮแรม โฮลดิ้ง ผู้บุกเบิกวงการแคมป์ปิ้งกิจกรรมหรือวัฒนธรรมการตั้งแคมป์นั้นได้มีหลากหลายสไตล์ไม่ว่าจะเป็น ฝั่งอเมริกัน ที่เน้นไปทางแนวรถแคมป์ปิ้งหรือรถบ้านที่เรียกว่า RV (Recreational Vehicle) อยู่หลายๆวัน อุปกรณ์พร้อม เหมือนที่เรามักเห็นกันในหนังหรือการ์ตูน ส่วนฝั่งยุโรปที่เน้นไปทางเทรกกิ้ง (Trekking) เดินป่า เดินเขา ด้วยอากาศที่เหมาะกับการเดินทางไกล เราเลยมักจะเห็น ชาวยุโรปส่วนมากเดินทางไกล กางเต็นท์นอนกับธรรมชาติ แบบง่ายๆ ส่วนในฝั่งโซนเอเชียบ้านเราจะออกแนวสบายๆ เน้นทำอาหารสนุกๆ มีดริปกาแฟ นั่งชิลๆเที่ยวกันเป็นกลุ่มในประเทศไทยเองกระแสเริ่มมาแรงมากขึ้นจนเห็นได้ชัดในช่วงย้อนไปไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากรีวิวต่างๆ บรรยากาศสวยๆที่หาไม่ได้ในการเที่ยวปกติและสังคมไทยที่ชอบเที่ยวกันเป็นหมู่คณะ มีพื้นป่า ภูเขา แม่น้ำ ธรรมชาติที่สมบูรณ์ เลยทำให้การเที่ยวสายแคมป์ปิ้งบูมขึ้นมากำเนิด Camper หรือคนที่ตั้งเต็นท์ ตั้งค่ายกันทั่วประเทศ จนมีการตั้งกลุ่ม จัดงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับแคมป์ปิ้งเป็นจำนวนมากในปีที่ผ่านมาจากจุดเริ่มต้นจนมาถึงทุกวันนี้กระแสแคมป์ปิ้งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และพัฒนารูปแบบที่สะดวกสบายมากขึ้น หลายคนที่ได้อ่านคงเริ่มรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะลองดูสักครั้ง หรืออาจจะผ่านประสบการณ์การตั้งแคมป์กันมาบ้างแล้วไม่แน่ตอนนี้หลายคนคงตกหลุมรักการตั้งแคมป์จนถอนตัวไม่ขึ้นเลยก็ได้แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447955/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
06/06/2024
กระแสที่กำลังมาแรงในขณะนี้คงหนีไม่พ้น “รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV)” หรือรถยนต์ EV ซึ่งเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มจากปี 2563 ในเดือนมกราคม – ธันวาคม มียอดรวม 1,056 คัน ต่อมาปี 2564 ในเดือน มกราคม – ธันวาคม มียอดรวม 1,935 คัน ในปี 2565 เดือน มกราคม – ธันวาคม มียอดเพิ่มขึ้นรวม 9,729 คัน และทว่าปี 2566 เดือน มกราคม – ธันวาคม กลับมียอดพุ่งสูงขึ้นอย่างมากกว่าปีอื่นๆ รวม 76,314 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 66,585 คัน เติบโตอย่างก้าวกระโดด +684.4% และในปี 2567 เป็นที่น่าจับตามองถึงตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) พบว่ามียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 22,289 คันหากมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการได้แล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” ต้องมีการศึกษาและวางแผนดีๆ ก่อนที่จะซื้อเช่นกัน จากข่าวล่าสุดมีการปรับกฎเกณฑ์ใหม่ของประกันรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2566 สํานักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกคําสั่งนายทะเบียนที่ 47/2566 เรื่อง ให้ใช้แบบ ข้อความและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle: BEV) เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป โดยจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการวันที่ 1 มิถุนายน 2567 นี้ ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าฉบับนี้เป็นการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เท่านั้น ไม่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ดัดแปลงมาจากรถยนต์สันดาป เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัย รวมถึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยเงื่อนไขเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้ามีเรื่องทั้งหมด ดังนี้1. ความคุ้มครองของแบตเตอรี่ความคุ้มครองของแบตเตอรี่ โดยมีการคิดจากค่าเสื่อมของแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งาน เริ่มต้นจากในปีแรกจะมีการคุ้มครอง 100% และลดลงเรื่อย ๆ ตามอายอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ลดลงถึง 50 ปี โดยจะเป็นตามเงื่อนไขของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ การนับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มนับจากวันที่รับมอบรถยนต์จากผู้จำหน่ายรถยนต์ หรือวันที่ตามเอกสารการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายรถยนต์ แล้วแต่วันใดเกิดขึ้นก่อน • อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าไม่เกิน 1 ปี มีความคุ้มครอง 100% • อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าไม่เกิน 2 ปี มีความคุ้มครอง 90% • อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าไม่เกิน 3 ปี มีความคุ้มครอง 80% • อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าไม่เกิน 4 ปี มีความคุ้มครอง 70% • อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าไม่เกิน 5 ปี มีความคุ้มครอง 60% • อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเกิน 5 ปี มีความคุ้มครอง 50%ซึ่งบริษัทได้ชดใช้ความเสียหายโดยการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ตามอัตราที่กำหนดในตารางแล้ว กรรมสิทธิ์ของซากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ให้เป็นของผู้เอาประกันภัยและบริษัทตามสัดส่วนเดียวกับอัตราการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่ กรณีที่มีการตกลงให้มีการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกเปลี่ยน ให้บริษัทดำเนินการจำหน่ายและจัดสรรจำนวนเงินที่ได้จากการจำหน่ายดังกล่าวให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามสัดส่วนข้างต้น2. การระบุผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยปกติจากเดิมแล้วการซื้อประกันชั้น 1 ของรถยนต์ไฟฟ้า EV จะสามารถเลือกกำหนดผู้ขับขี่ได้ หรือไม่ต้องระบุผู้ขับขี่ได้เช่นกัน สำหรับประกันรถยนต์ไฟฟ้าต้องระบุชื่อผู้ขับขี่สามารถระบุได้สูงสุด 5 รายชื่อ และต้องมีใบอนุญาตขับขี่เท่านั้น ถ้าเป็นกรณีที่เป็นนิติบุคคลไม่ต้องระบุผู้ขับขี่ ยกเว้นรถประจำตำแหน่ง3. ความคุ้มครองของสายชาร์จพกพา (Portable EV Charger) • ในความคุ้มครองในส่วนของสายชาร์จพกพา (Portable EV Charger) ที่ติดมากับตัวรถยนต์เท่านั้น ซึ่งประกันจะมีความคุ้มครองในกรณีที่สายชาร์จสูญหายเนื่องจากการโจรกรรม ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ จะไม่คุ้มครอง Wall Charge ที่ติดอยู่ที่บ้าน • การได้รับความคุ้มครองนั้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะคิดเบี้ยประกันเป็นสัดส่วนตั้งแต่ 0.035% – 3.5% จากมูลค่าเครื่องชาร์จ4. การลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีการลดเบี้ยประกันภัยประวัติดีสำหรับลักษณะการใช้ส่วนบุคคล ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีรถยนต์เอาประกันภัยไว้กับบริษัท ซึ่งเกณฑ์ในการได้ส่วนลดประวัติดี คือ 1. ไม่มีเคลม ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด 2. ต่อประกันกับบริษัทประกันเดิม โดยบริษัทจะลดเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย เป็นลำดับขั้น ดังนี้ • ขั้นที่ 1 20% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ใน การประกันภัยปีแรก • ขั้นที่ 2 30% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ใน การประกันภัย 2 ปีติดต่อกัน • ขั้นที่ 3 40% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ สำหรับรถยนต์คันที่ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัท ใน การประกันภัย 3 ปีติดต่อกัน หรือกว่านั้นนอกจากส่วนลดของประวัติผู้ขับขี่แล้ว อีกทั้งยังมีส่วนลดในส่วนของพฤติกรรมการขับขี่ในการพิจารณาเพิ่มด้วยเสียงสะท้อนจากผู้ใช้รถยนต์ EVจากการสัมภาษณ์ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า BYD รายแรก เผยว่าตนทำประกันสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเข้าปีที่ 2 แล้ว เมื่อมีประกันก็มีความมั่นใจในการขับรถมากยิ่งขึ้น หากเจออุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็คิดว่าเรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่มากระทบกับตัวเราเอง โดยส่วนตัวในปีแรกเกิดอุบัติเหตุก็มีการเคลมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทประกันรายแรกมีการบริการที่ดี ศูนย์ซ่อมค่อนข้างเยอะ มีความหลากหลายในพื้นที่แต่ต่อมาเมื่อต้องต่อประกันเป็นปีที่ 2 ถูกปรับเบี้ยประกันแพงขึ้น ทุนประกันก็มีการปรับลงอย่างมากจากเดิม จึงทำให้ต้องมีการเปลี่ยนบริษัทประกันภัยที่มีเบี้ยถูกกว่า และอีกประเด็นหนึ่งถึงแม้บริษัทประกันจะมีศูนย์บริการค่อนข้างเยอะก็จริง แต่บางศูนย์ก็ไม่สามารถรับซ่อมรถ EVได้ เพราะบริษัทประกันบางแห่งก็ยังไม่ได้ทำข้อตกลงกับศูนย์ซ่อม จึงทำให้อยากให้ทุกศูนย์ในประเทศไทยสามารถเคลมได้ และมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมว่า อยากให้ทำความเข้าใจเรื่องประกันภัยเข้าถึงง่ายกว่านี้รายที่ 2 ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า Volvo เผยว่าในมุมของการช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งตนได้ซื้อการช่วยเหลือฉุกเฉินแยกออกมาจากประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV จึงไม่ค่อยสะดวก จึงต้องการทางด้านประกันมีส่วนควบในส่วนของประกันภัยพร้อมกับมีการช่วยเหลือฉุกเฉินควบคู่ไปพร้อมกัน และขอชี้แนะในส่วนของเบี้ยประกัน หากกรณีไม่เคยมีประวัติในการชน ควรมีการลดค่าเบี้ยประกันต่อปี หรือสมนาคุณให้แก่ลูกค้าด้วยรายที่ 3 ผู้ใช้รถยนต์รถไฟฟ้าไฮบริด HAVAL เผยว่าในส่วนตัวอยากให้เบี้ยประกันยนต์รถไฟฟ้า EV มีราคาคงที่ เพราะตนมีการต่อประกันทุกๆ ปี เบี้ยประกันก็ราคาเพิ่มขึ้น แต่ทุนประกันกลับสวนทางมีการปรับลดลง จึงทำให้มีการเปลี่ยนบริษัทประกันทุกๆ ปี ดังนั้น ขอชี้แนะให้เบี้ยประกันของประกันรถยนต์ EV มีความคงที่จะเป็นผลดีต่อผู้เอาประกันหรือผู้ขับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรก็ดี การประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนสำคัญเพื่อช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถตั้งรับความเสี่ยงได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด สำหรับใครที่กำลังจะวางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรมีการศึกษา "ประกันรถยนต์ไฟฟ้า" ให้ถ้วนถี่ทั้งด้านความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าบริษัทประกันชี้แนะให้ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเพื่อคงความคุ้มครอง 100%ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ปัญหาของรถยนต์ EV ที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ อัตราค่าซ่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของแบตเตอรี่นั้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ เมื่อมีอุบัติเหตุเกิดการบุบสลายทำให้เกิดความไม่มั่นใจต่อผู้ใช้รถว่า จะสามารถใช้รถคันนี้ต่อไปได้หรือไม่ จึงเป็นที่มาของการต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งลูก ซึ่งแบตเตอรี่นั้นก็มีมูลค่าแพงมาก มีมูลค่าสูงถึง 60 ถึง 70% ของตัวรถ ทำให้มูลค่าความเสียหายของรถ EV นั้นสูงอย่างมหาศาล กรมธรรม์ประกันภัยรถไฟฟ้าฉบับใหม่ที่จะออกมานี้จะออกมาแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะโดยจะต้องมีการระบุชื่อผู้ขับขี่ และกำหนดความคุ้มครองไว้ตามขั้นบันไดที่ลดลง 10% ในแต่ละปียกตัวอย่าง รถปีแรกทำประกันภัยก็ได้รับความคุ้มครองเต็ม 100% และหลังจากนั้นในแต่ละปีมูลค่าความคุ้มครองก็จะลดลงปีละ 10% ในปีที่ 2 ความคุ้มครองเหลือ 90% คุ้มครองแบตเตอรี่ลดลงไป 10% ในปีที่ 3 ลดลงไป 20% เหลือความคุ้มครอง 80% เป็นต้นโดยกรมธรรม์รูปแบบใหม่นี้ เปิดโอกาสให้ผู้เอาประกันภัย สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ เพื่อที่จะรักษาความคุ้มครองให้เต็ม 100% ดังเดิม โดยจะที่เป็นเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยสลักหลังในแต่ละปี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเทคโนโลยีที่จะพัฒนาขึ้นมาในอนาคตอาจจะพัฒนาเป็น module ได้ หากมีการชำรุดเสียหายก็สามารถเปลี่ยนได้แบบเฉพาะโมดูลได้แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ ซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=165333
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
06/06/2024
“พี่ม้ามังกร” ลัดฟ้าไปเกาะติดพรมแดง เทศกาลหนังเมืองคานส์ ร่วมกับคณะของ กระทรวงวัฒนธรรม มีโอกาสชะแว้บไปเสพงานศิลป์ และเช็กอินที่ เมือง Antibes (อานทีบส์) เมืองเก่าที่น่าหลงใหลของประเทศฝรั่งเศสตอนใต้ จึงนำความประทับใจมาบอกเล่าแก่น้องๆครับเริ่มจากที่แรกเข้าชม พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ หรือ Musee Picasso สถานที่เก็บรวบรวมผลงานที่หาชมได้ยากของ ปาโบล รุยซ์ ปิกัสโซ จิตรกรเอกของโลกชาวสเปน ตั้งอยู่ในปราสาท Chateau Grimaldi เป็นปราสาทหินตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเล็กๆ มีห้องจัดแสดง 2 ชั้น นำเสนอผลงานจิตรกรรม ภาพเขียน ภาพพิมพ์ งานแกะสลัก ประติมากรรม และเซรามิก บอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตอยู่ในอานทีบส์เป็นระยะเวลาสั้นๆในปี 1946 โดย ปิกัสโซ ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของปราสาทจัดทำเป็นสตูดิโอสร้างสรรค์ผลงานขณะเดินชมนิทรรศการ จะสัมผัสได้ถึงความน่าทึ่งในความสามารถและพรสวรรค์ของศิลปินผู้นี้ ที่ผลิตผลงานได้หลากสไตล์ หลายแนวคิด ที่มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากการนำรูปทรงทางด้านเรขาคณิตมาเป็นพื้นฐานของผลงานศิลปะผลงานของ ปิกัสโซ แบ่งออกเป็นหลายยุคหลักๆ คือ ยุค Blue Period นำเสนอออกมาในแนวเศร้าหม่นหมอง ตามสภาวะของชีวิตและจิตใจในช่วงนั้นที่ต้องสูญเสียเพื่อนรัก จึงถ่ายทอดออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง ไร้ชีวิตชีวา ใช้สีโทนฟ้าและน้ำเงินเป็นหลัก ขณะที่ ยุค Rose Period ถ่ายทอดความรู้สึกถึงความเบ่งบานในใจ เมื่อได้พบรักกับ แฟร์น็องด์ ออลิวีเย ซึ่งเป็นรักแรก จึงสร้างผลงานที่มีความสุข มีชีวิตชีวา เน้นสีแดง ชมพู ส้มส่วน ยุค Cubism Period มีการใช้เทคนิคที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ลงในผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวิวัฒนาการความเจริญทางวิทยาศาสตร์ รูปแบบหน้ากากของชนเผ่าดั้งเดิมในแอฟริกา ส่งผลให้งานศิลปะมีการนำเอารูปทรงเรขาคณิตมาประกอบกันเป็นภาพคนหรือสิ่งของต่างๆ และมีการนำหนังสือพิมพ์หรือเศษกระดาษมาตัดแปะกลายเป็นภาพศิลปะด้วยนอกจากผลงานของ ปิกัสโซ แล้ว ยังมีคอลเลกชันศิลปะร่วมสมัยของศิลปินระดับโลก เช่น Nicolas de Stael ที่เคยอาศัยอยู่ในอานทีบส์, Hans Hartung, Anna–Eva Bergman และ Joan Miro รวมทั้งมีประติมากรรมยอดเยี่ยมจาก Joan Miro, Germaine Richier, Bernard Pages และศิลปินคนอื่นๆบนลานระเบียงปราสาท ส่วนด้านนอกอาคารยังสามารถชมวิวทิวทัศน์อันน่าประทับใจของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วยออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วก็แวะเดินเล่นที่ Marche Provencal ตลาดในร่มขายสินค้ามากมาย ทั้งดอกไม้ ผลไม้ ผักสด ชีส เครื่องหอม เครื่องเทศ อาหารสด สินค้าหัตถกรรม ส่วนด้านนอกเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อกันเต็มที่เลยครับ.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/news/local/2790017?gallery_id=6
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
06/06/2024
เรียกความสนใจเป็นอย่างมากกับเอกลักษณ์ของ "ลิงซากิ" สายพันธุ์ลิงที่มีรูปลักษณ์แปลกตา โดยชาวเน็ตแห่แชร์ความน่ารักน่าเอ็นดูจนกลายเป็นไวรัลในโซเชียลเซเลปลิงตัวนี้มีชื่อว่า "ตู้ตู้" เป็นลิงซากิ (Saki monkey) มีลักษณะหน้าตาโดดเด่นคล้ายมนุษย์ จุดเด่นของมันคือตัวผู้จะมีขนสีดำทั้งตัว ยกเว้นบริเวณหน้าที่เป็นขนสีขาว แถมขนบริเวณหัวของมันยังคล้ายทรงผมของคนไปอีก จนชาวเน็ตแชร์ภาพกันเพียบ แม้หน้าตาของมันคล้ายจะทำหน้ามุ่ยอยู่ตลอดเวลา แต่จริง ๆ แล้วตู้ตู้เป็นลิงที่อ่อนโยนและใจดีมากภาพจาก Weiboตู้ตู้ จัดเป็นหนึ่งในดาวเด่นของสวนสัตว์ป่าหงซาน (Hongshan Forest Zoo) ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวมากมายที่แวะมาเยี่ยมเยือนและแชะภาพของมันอยู่เสมอ และมันก็เป็นขวัญใจชาวจีนจนมีข่าวโด่งดังมาตั้งแต่ปี 2566ภาพจาก Weiboนอกจากนี้ชาวเน็ตคนไทยต่างชื่นชอบความเป็นเอกลักษณ์ของลิงสายพันธุ์นี้ และได้แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก อาทิ "ผมดกดำมาก โฆษณาแชมพูต้องเข้าแล้ว" , "ผมสวยมาก" , "ผมน้องสวยกว่าเราอีก" เป็นต้นภาพจาก Weiboสำหรับลิงซากิหน้าขาว พบได้ในประเทศทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ เช่น บราซิล, เฟรนช์เกียนา, กายอานา, ซูรินาม และเวเนซุเอลา มีอายุขัยเฉลี่ย 15 ปี แต่หากอยู่ในความดูแลของมนุษย์สามารถอยู่ในนานถึง 35 ปี ตัวผู้จะมีขนสีดำยกเว้นส่วนหัวเป็นสีขาวหรือสีแดง ส่วนตัวเมียมีสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเทา และมีแถบสีขาวจนถึงแดงจากตาจนถึงมุมปาก มีลำตัวยาวราว 30-42 เซนติเมตร และช่วงหางที่ยาวเท่ากัน ลิงซากิมักอาศัยอยู่เป็นคู่หรือครอบครัวเล็ก ๆ มีสมาชิก 2-5 ตัว โดยลูกอาจอยู่กับพ่อแม่ได้ 1-2 ปีหลังลูกตัวต่อไปเกิดภาพจาก Weiboภาพจาก Weibo 南京市红山森林动物园แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000048295
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
31/05/2024
เปิดข้อมูลลูกหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน แม้จะปิดชำระหนี้ครบ แต่ข้อมูลถูกบันทึก 3 ปี และแบงก์จะส่งข้อมูลต่อเนื่อง 5 ปี รวม 8 ปีในเครดิตบูโร ยันขอสินเชื่อใหม่ขึ้นกับธนาคารพิจารณา แต่อัตราการอนุมัติสินเชื่อจะยากขึ้นวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวกระทรวงการคลังต้องการช่วยลูกหนี้ให้เข้าถึงระบบสินเชื่อ โดยการให้ลูกหนี้หลุดพ้นเป็นหนี้เสียและนำประวัติออกจากเครดิตบูโร เนื่องจากมองว่าผู้ที่เป็นหนี้เสียติดประวัติข้อมูลเครดิตบูโร หรือแบล็กลิสต์เป็นระยะเวลารวม 8 ปี ถือว่าค่อนข้างนาน จึงมีแนวคิดในการแก้กฎหมายหรือประกาศดังกล่าวจากประเด็นดังกล่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับเครดิตบูโรคืออะไร เครดิตบูโรติดกี่ปี และหากติดเครดิตบูโรจะสามารถขอสินเชื่อได้หรือไม่เครดิตบูโร คืออะไรเครดิตบูโร หรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลเครดิตจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิก ซึ่งสถาบันการเงินและเจ้าของข้อมูลสามารถเรียกดูรายงานข้อมูลได้ตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับข้อมูลเครดิตบูโรที่ถูกเก็บรวบรวมไว้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่1. ข้อมูลบ่งชี้ เป็นข้อมูลที่แสดงตัวตนเจ้าของข้อมูล เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด การสมรส อาชีพ เลขบัตรประชาชน หากเป็นนิติบุคคลจะแสดงข้อมูล ชื่อบริษัท สถานที่ตั้ง หรือเลขทะเบียนนิติบุคคล2. ข้อมูลสินเชื่อ คือข้อมูลการยื่นขอสินเชื่อทุกประเภท ทั้งที่ผ่านการอนุมัติและไม่ผ่าน รวมถึงพฤติกรรมการชำระเงิน ทั้งประวัติดี ประวัติชำระล่าช้าการติดเครดิตบูโรเกิดจากอะไรการติดเครดิตบูโรเกิดจากบุคคลมีภาระหนี้ชำระค้างค่าใช้จ่ายบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อกับทางธนาคาร หรือผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ได้สมัครไว้ จนล่วงเลยเวลาที่ครบกำหนดเกินกว่า 90 วัน หรือ 3 เดือน เมื่อไม่สามารถชำระเงินคืนตามวันที่กำหนด เป็นผลให้บุคคลดังกล่าวกลายเป็นผู้ติดเครดิตบูโรในที่สุดติดเครดิตบูโรกี่ปีหายคำตอบคือ แม้เจ้าของบัญชีชำระหนี้ครบหมดเรียบร้อย จนยอดหนี้เหลือ 0 บาท ยังต้องรอ 3 ปี ประวัติทางการเงินทั้งหมดถึงถูกลบ และเปลี่ยนจากสถานะติดเครดิตบูโรมาเป็นสถานะปกติ เนื่องจากธนาคารหรือผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินซึ่งเป็นสมาชิกบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด จัดส่งข้อมูลประวัติติดค้างชำระทุกเดือน ไม่ว่าจะยอดค้างชำระ หรือการชำระหนี้ตามงวดปกติโดยข้อมูลดังกล่าวจะถูกบันทึกซ้อนกันไปเรื่อย ๆ ทั้งหมดครบ 36 แถว (36 เดือน) เป็นผลให้ข้อมูลติดเครดิตบูโรใหม่เข้ามาแทนที่ข้อมูลเดิมแต่สำหรับใครที่ติดเครดิตบูโรแล้วไม่เคลียร์หนี้ที่ค้างชำระ เพราะคิดว่ารอ 3 ปี ข้อมูลที่ติดเครดิตบูโรจะหายไปกรณีนี้ข้อมูลการค้างชำระไม่ได้หายไปไหน เพราะกรณีผิดนัด หรือค้างชำระหนี้เกินกว่า 90 วัน หรือ 3 เดือน ทางธนาคารหรือผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินจะจัดส่งข้อมูลการค้างชำระให้เครดิตบูโรทุกเดือน ต่อเนื่องอีกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี ดังนั้น ผู้ถือบัตรเครดิตหรือขอสินเชื่อทุกประเภทควรชำระเงินคืนให้ตรงตามเวลา นอกจากแสดงถึงวินัยทางการเงินที่ดี ยังช่วยให้ประวัติทางการเงินดูดีเวลายื่นขอสินเชื่อในอนาคตติดเครดิตบูโร ขอสินเชื่อได้ไหมหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากได้เงินลงทุนสักก้อน เพื่อเปิดร้านชาบู หรือขยายธุรกิจเดิมให้เติบโตยิ่งขึ้น แต่กังวลใจว่าจะขอสินเชื่อไม่ผ่าน เพราะติดเครดิตบูโรซึ่งหากพิจารณาตามข้อมูลข้างต้นพบว่า บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นเพียงหน่วยงานที่รวบรวบประวัติและข้อมูลการชำระสินเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งสถาบันการเงินสามารถเรียกดูข้อมูลดังกล่าว เพื่อดูประวัติทางการเงิน และประเมินความสามารถในการชำระหนี้ก่อนตัดสินใจพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังนั้น ถึงติดเครดิตบูโรก็ยังคงสามารถยื่นขอสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม เพียงแต่ถ้ามีประวัติผ่อนชำระล่าช้า หรือค้างชำระหนี้อาจเป็นผลให้ผ่านการพิจารณาได้ยากขึ้นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1575537
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
30/04/2024
30/04/2024
04/09/2024
29/04/2024
30/04/2024