คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ธุรกิจ

9 กฎเหล็กทำธุรกิจก้าวหน้า ให้ได้มาถึงความสำเร็จแบบง่ายๆ

17/01/2025

การทำธุรกิจต้องมีกฎเหล็กที่ต้องยึดมั่นเป็นแนวทาง เรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่ามีหลายตำราให้เลือกเดิน แต่ smartsme มีมานำเสนอเหมือนกันกับ 9 กฎเหล็กทำธุรกิจก้าวหน้า ให้ได้มาถึงความสำเร็จแบบง่ายๆกฏเหล็กของคนทำธุรกิจกฎข้อแรก: อย่ากลัวที่จะล้มเหลวไม่มีใครเคยได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมจากการอยู่ในพื้นที่ Comfort Zone เช่นเดียวกับในสถานการณ์เป็นผู้ประกอบการ หากอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องเต็มใจที่จะเสี่ยงถึงจะได้รางวัลเป็นสิ่งตอบแทน นั่นหมายความว่าอย่ากลัวที่จะล้มเหลวถ้าคุณไม่กล้าที่จะเสี่ยง คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ถ้าล้มเหลวก็ควรใช้เป็นโอกาสในการเรียนรู้ และเสี่ยงไปจนจะประสบความสำเร็จกฎข้อที่สอง: ศรัทธาในตัวเองผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และความสามารถของคุณ นี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณอวดดี หรือมั่นใจมากเกินไป แต่ควรศรัทธาในทักษะที่มี หากไม่เชื่อในตัวเอง จะเป็นการยากที่จะโน้มน้าวผู้อื่นให้สนใจกับธุรกิจของคุณหนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมผู้ประกอบการถึงล้มเหลว เพราะว่าพวกเขายอมแพ้แบบง่ายดาย แม้ว่าพวกเขาอาจจะมีไอเดียทางธุรกิจแบบเจ๋ง ๆ แต่ไม่เคยเชื่อมั่นในตัวเอง ดังนั้น พวกเขาจะไม่ได้สิ่งที่มุ่งหวัง โดยจำไว้เสมอว่าความสำเร็จต้องใช้เวลา และความอดทน หากอยากประสบความสำเร็จก็ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำกฏข้อที่สาม: มุ่งมั่นและจัดระเบียบในฐานะผู้ประกอบการ เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกมองข้ามโดยคนนับล้าน และเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือคุณต้องมุ่งมั่น และจัดระเบียบต่าง ๆ ให้ดี ตั้งเป้าหมายทั้งรายวัน, รายสัปดาห์ และรายเดือนการกำหนดเป้าหมายจะทำให้คุณมีความคิดที่ชัดเจนว่าจะต้องทำอะไร เมื่อใด จากนั้นก็สามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน และมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมีความก้าวหน้าอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการจัดระเบียบก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น การเงิน, การเก็บข้อมูล และภาษี ตลอดจนระบบ และกระบวนการในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นกฏข้อที่สี่: มอบหมายและจ้างเอาท์ซอสเมื่อธุรกิจเติบโต คุณจะรู้ทันทีว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้ตัวเอง ดังนั้นจะต้องมอบหมายให้คนอื่นทำหน้าที่นั้น พร้อมกับนำเวลามาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญเพื่อรันธุรกิจให้ดำเนินต่อไป โดยวิธีแก้ไขเรื่องนี้ คือการจ้างพนักงานเพิ่ม หรือเอาท์ซอสเพื่อประหยัดเวลา และเงินทุนลองประเมินว่างานส่วนไหนควรจ้าง ส่วนไหนยังบริหารทำเองได้อยู่ จะได้บริหารงานอย่างคล่องตัวกฎข้อที่ห้า: เรียนรู้อยู่เสมอสิ่งหนึ่งของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คือต้องไม่หยุดเรียนรู้ มีสิ่งใหม่ ๆ ให้ศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจอยู่เสมอ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเรื่องดี โดยหนึ่งในการเรียนรู้ ได้แก่ การอ่านหนังสือ, อ่านบทความเกี่ยวธุรกิจ อีกช่องทางหนึ่ง คือการเข้าร่วมเวิร์คช็อป และสัมมนาในหัวข้อที่คุณสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจสำคัญที่สุดอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ ท่องเอาไว้ในใจเสมอกฏข้อที่หก: หลงใหลเกี่ยวกับสิ่งที่ทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือต้องมีความหลงใหลในสิ่งที่คุณทำอยู่ นั่นหมายความว่าต้องมีความสนใจอย่างแท้จริงในสินค้า และบริการที่นำเสนอ รวมถึงเต็มใจที่จะทุ่มเทความพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจที่สุดว่ามันจะออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นอกจากนี้ คุณยังต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มองว่าธุรกิจควรปรับปรุง หรือแก้ไขตรงให้สิ่งที่มีอยู่ดียิ่งขึ้นกฏข้อที่เจ็ด: อดทนนักธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทาย และอุปสรรค สิ่งสำคัญคือต้องมีความอุตสาหะที่จะเดินหน้าต่อ แม้จะเจอความอยากลำบาก อาจจะมีบางครั้งที่รู้สึกเหมือนยอมแพ้ แต่ต้องไม่ลืมว่าคุณต้องผลักดัน และทำงานต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยคุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง และความสามารถในการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ให้ได้กฎข้อที่แปด: รับความเสี่ยงแน่นอนว่า คุณต้องการที่จะมีกลยุทธ์รับกับความเสี่ยง ไม่มีใครอยากสุ่มสี่สุ่มห้ากระโดดเข้าไปในบางสิ่งที่คุณไม่เคยรู้ แต่ถ้าคุณไม่เสี่ยงก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จหากต้องการประสบความสำเร็จ คุณต้องเต็มใจที่จะออกไปข้างนอก และลองสิ่งใหม่ ๆ อาจจะล้มเหลว แต่เป็นเรื่องที่รับได้ เหล่านี้คือกระบวนการของการเรียนรู้ อย่าปล่อยให้ความกลัวเข้ามาฉุดรั้งความเชื่อมั่นของตัวเองกฎข้อที่เก้า: ยืนหยัดกับสิ่งที่ทำในโลกธุรกิจปัจจุบัน กฎการมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยกฎข้อหนึ่งที่คงที่ คือผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด มักจะเป็นคนที่เต็มใจจะยืนหยัดในช่วงเวลาขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งการยืนหยัดไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนกดดัน แต่หมายถึงความมุ่งมั่น และเพียรพยายาม ที่จะทำต่อไปแม้สิ่งที่ทำจะยากลำบาก แต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ พร้อมก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอที่มา: linkedinแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ thairath moneyhttps://smartsme.co.th/content/9-%e0%b8%81%e0%b8%8e%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันสุขภาพ

ทำความเข้าใจ Co payment เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันสุขภาพใหม่ ผู้ป่วยต้องร่วมจ่ายอย่างไรบ้าง?

17/01/2025

"ทำความเข้าใจ Co payment เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันสุขภาพใหม่ ก่อนบังคับใช้จริง มี.ค. 2568 ผู้ป่วยต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล 30% หรือ 50% หากเข้าเงื่อนไข ตามที่กำหนดไว้ใน 3 กรณี พร้อมเปิดตัวอย่างสถานการณ์กรมธรรม์ที่เข้าเงื่อนไข"ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ของวงการกรมธรรม์ประกันสุขภาพ หลังจากบริษัทประกันต่างๆ เตรียมปรับเงื่อนไขใช้ Copayment โดยจะเริ่มใช้ 1 มีนาคม 2568 นี้แล้วล่าสุด สมาคมประกันชีวิตไทยเผยแพร่หลักการของกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่จะเริ่มคุ้มครอง โดยตอบคำถามสำคัญที่ว่า ใครบ้างที่จะเข้าเงื่อนไข Copayment และเงื่อนไขนี้จะมีผลต่อการทำประกันอย่างไรบ้าง หลังจากมีข้อมูลว่าผู้ป่วยต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง ซึ่งเปลี่ยนจากรูปแบบเหมาจ่ายในปัจจุบันใครบ้างที่จะเข้าเงื่อนไข Copaymentโดยข้อมูลดังกล่าวระบุว่า กรมธรรม์ประกันสุขภาพที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่มีนาคม 2568 จะมีเงื่อนไข Copayment ระบุอยู่ในกรมธรรม์ ซึ่งจะมีเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขในลักษณะต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน โดยแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังนี้กรณีที่ 1: การเจ็บป่วยเล็กน้อย  •  การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง (Simple Diseases) หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ด้วยจำนวนการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์  •  อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 2: การเจ็บป่วยโรคทั่วไป (ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่)  •  การเคลมสำหรับโรคทั่วไป แต่ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง จำนวนการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์  •  อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปกรณีที่ 3: หากเข้าเงื่อนไขทั้งในกรณีที่ 1 และ 2  •  การเคลมผู้ป่วยจะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไปทั้งนี้ ข้อคำถามที่ถามว่า ถ้าเข้าเงื่อนไข Copayment ประกันสุขภาพแล้ว จะมีผลทุกปีกรมธรรม์หรือไม่นั้นสมาคมประกันชีวิตระบุว่า Copayment จะปรับเปลี่ยนได้เมื่อสถานการณ์การเคลมดีขึ้น โดยบริษัทต่างๆ จะพิจารณาทุกรอบปีกรมธรรม์เช่น หากปี 2568 ผู้ป่วยเข้าเงื่อนไขทั้งกรณีที่ 1, 2 และ 3 ส่งผลให้ในปี 2569 ผู้ป่วยต้องร่วมจ่าย Copayment 30% หรือ 50% ตามเงื่อนไข ซึ่งปี 2570 จะเข้าเงื่อนไข Copayment ต่อหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับอัตราการเคลมในปี 2569 ที่ผ่านมานั่นเอง ว่าเข้าเงื่อนไขกรณีที่ 1, 2 และ 3 หรือไม่?ตัวอย่างสถานการณ์กรมธรรม์ที่เข้าเงื่อนไขสำหรับ Copaymentโรคที่ไม่รุนแรง (Simple Diseases) มีลักษณะอย่างไรบ้าง?  •  อาการไม่รุนแรง: อาการมักไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว  •  รักษาง่าย: การรักษามักไม่ซ้ำซ้อน เช่น การใช้ยาสามัญประจำบ้าน หรือวิธีการธรรมชาติ  •  หายได้เอง: ในบางกรณีร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาการรักษา  •  พบได้บ่อย: เป็นโรคหรืออาการที่พบได้ทั่วไปในทุกเพศทุกวัยตัวอย่างการเจ็บป่วยเล็กน้อย- เวียนศีรษะ- ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน- กล้ามเนื้ออักเสบ- ไข้ไม่ระบุสาเหตุ- ปวดหัว- ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน- ไข้หวัดใหญ่- ภูมิแพ้- กล้ามเนื้ออักเสบ- ท้องเสีย- โรคกระเพาะอาหารอักเสบและกรดไหลย้อนรายชื่อโรคร้ายแรงและผ่าตัดใหญ่ที่การเคลมจะไม่ถูกนับเข้าเงื่อนไข Copaymentทั้งนี้ สิ่งที่ต้องรู้อีกข้อ คือ ถ้าเข้าเงื่อนไข Copayment แล้ว (จำนวนการรักษาและอัตราการเคลมเกินกำหนด) เบี้ยประกันภัยจะไม่มีการลดลง ที่มา : สมาคมประกันชีวิตไทยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ thairath moneyhttps://www.thairath.co.th/money/personal_finance/insurance/2836050

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ช็อตเด็ดโดนใจ “ไอคอนสยาม” ประกาศสุดยอดภาพถ่ายพลุรักษ์โลก งาน “Amazing Thailand Countdown 2025”

17/01/2025

“ไอคอนสยาม” ประกาศผลรางวัลภาพถ่ายพลุรักษ์โลก งาน “Amazing Thailand Countdown 2025” โดยผลงานของผู้ชนะการประกวดทั้งหมดจะจัดแสดงผ่านดิจิทัลมีเดียภายในไอคอนสยาม ในวันที่ 10-31 ม.ค. นี้จากความสำเร็จอย่างงดงามของงาน Amazing Thailand Countdown 2025 ส่งผลประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็น 1 ใน TOP 5 ของ Global Countdown Destination ระดับโลก นอกจากนี้ “ไอคอนสยาม” ยังได้จับมือกับ “สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์” จัดประกวดภาพถ่ายการแสดงพลุรักษ์โลกในงาน “Amazing Thailand Countdown 2025” ภายใต้หัวข้อ “The Iconic Moments: Capturing the Countdown” โดยปีนี้มีจำนวนผู้ส่งภาพถ่ายพลุเข้าประกวดมากเป็นประวัติการณ์รางวัลที่สอง - กุสุมาลย์ วชิรวราการสำหรับผลการแข่งการประกวดภาพถ่ายการแสดงพลุรักษ์โลก มีจำนวนทั้งสิ้น 13 รางวัล ดังนี้- รางวัลชนะเลิศ (รางวัลที่ 1) : พรรษ บุณยะประภัศร์ ได้รับเงินสด 100,000 บาท- รางวัลที่ 2 : กุสุมาลย์ วชิรวราการ ได้รับเงินสด 50,000 บาท- รางวัลที่ 3 : ทวีชัย จันทะวงค์ ได้รับเงินสด 20,000 บาท- รางวัลชมเชย 5 รางวัล รางวัลละ 2,000 VIZ Coins ได้แก่ อรรถพล ด้วงนิ่ม, นันทพันธ์ กอบกฤศวัฒน์, ทรงพล เทศกิจ, สันต์ทัศน์ บุญสรรค์สร้าง และธนพล ตันตินิกร- รางวัลผู้ชนะจากกิจกรรม Social Media Popular Vote จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 5,000 Coins ได้แก่ ปรีดา เลิศล้ำ, ศิลา ปิยธรรมรัตน์, วรวุฒิ ยิ้มศิริ, ภาคิณ ผู้กำจัด และภีมพัฒน์ สวัสดิวณิชย์รางวัลที่สาม - ทวีชัย จันทะวงค์นายตุลย์ หิรัญญลาวัลย์ นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การประกวดภาพถ่ายครั้งนี้ ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมกว่า 633 ผลงาน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วเท่าตัว โดยผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจะเป็นผลงานที่ส่งต่อความประทับใจไปทั่วโลก โดยจัดแสดงผ่าน Social Media และจอ Digital ใน ICONSIAM ในวันที่ 10-31 มกราคม 2568รางวัล Social Media Popular Vote - ปรีดา เลิศล้ำนายพรรษ บุณยะประภัศร์ ผู้ชนะเลิศจากการประกวดภาพถ่ายการแสดงพลุรักษ์โลก กล่าวว่า ในทุกครั้งของการกดชัตเตอร์ตนเองคิดเสมอว่า ทุกภาพจะนำเรากลับไปสู่ความทรงจำ ความสวยงาม ความประทับใจต่าง ๆ ในแต่ละโมเมนต์ ดังนั้นจึงไม่พลาดโอกาสที่จะร่วมส่งผลงานเข้าประกวดในครั้งนี้ ยอมรับว่าการแสดงพลุที่ไอคอนสยาม ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีการเป็นตัวแทนประเทศไทย ให้คนทั่วโลกได้สัมผัสภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ผ่านความตระการตาของการแสดงพลุที่มีสีสันสวยงาม หลากหลายรูปทรง เทคนิคพิเศษ และยิ่งงดงามหลายเท่าเมื่อปรากฏเหนือโค้งน้ำเจ้าพระยา ตนคิดว่าที่ได้รับรางวัลเพราะองค์ประกอบของภาพที่ลงตัวและถ่ายทอดความงดงามได้อย่างสมบูรณ์รางวัลชมเชย - สันต์ทัศน์ บุญสรรค์สร้างนายปรีดา เลิศล้ำ ผู้ได้รับรางวัล Social Media Popular Vote กล่าวว่า ขอขอบคุณ ไอคอนสยาม ที่จัดให้มีรางวัลพิเศษ Social Media Popular Vote ของการประกวดภาพพลุให้ได้ร่วมสนุก ขอบคุณทุกเสียงโหวต ที่มาร่วมส่งกำลังใจกดไลก์ผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้มียอดไลก์มากที่สุดและได้รับรางวัลนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่รางวัล แต่เป็นความสุข ความทรงจำ ความประทับใจ และเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าทั้งนี้ผลงานของผู้ชนะการประกวดทั้งหมดจะจัดแสดงผ่านดิจิทัลมีเดียภายในไอคอนสยาม ในวันที่ 10-31 มกราคม 2568 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมสัมผัสบรรยากาศความงดงามตระการตาของแสดงพลุรักษ์โลกยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่สร้างชื่อเสียงกล่าวขานไปทั่วโลกไปพร้อมกัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ Facebook : ICONSIAMแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000003808

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

พาวเวอร์แบงค์ ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ พกได้ไม่เกินกี่แอมป์ กี่ก้อน ปี 2025

17/01/2025

พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank) ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ได้ไม่เกินกี่แอมป์ ปี 2025พาวเวอร์แบงค์ หรือ แบตเตอรี่สำรอง อุปกรณ์สำคัญสำหรับนักเดินทางเพื่อรองรับสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นของติดตัวที่ขาดไม่ได้ไปเสียเเล้ว ยิ่งหากต้องเดินทางไปท่องเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศยิ่งจำเป็นต้องนำพบพาไปด้วย แต่หลายคนคงสงสัยว่า พาวเวอร์แบงค์ ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ขึ้นเครื่องได้ไม่เกินกี่แอมป์ หรือพกได้กี่ก้อนกันแน่นะการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบิน1. จำกัดขนาดความจุไฟฟ้าปัจจุบันทุกสายการบิน ได้ทั้งในและต่างประเทศ กำหนดการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบินตามกฎของ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA)ซึ่งกำหนดไว้ดังนี้  •  แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาดน้อยกว่า 20,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยไม่มีการระบุจำนวน (จะนำขึ้นเครื่องกี่ก้อนก็ได้)  •  แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาด 20,000-32,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อนเท่านั้น (ขึ้นเครื่องได้แค่ 2 ก้อนเท่านั้น )  •  แบตเตอรี่สำรองความจุกระแสไฟฟ้าขนาดมากกว่า 32,000 mAh ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ในทุกกรณี (ห้ามพกพา ห้ามขึ้นเครื่องเลย )2. ถือขึ้นเครื่องพร้อมผู้โดยสารเท่านั้นจากความจุกระแสไฟฟ้าทุกขนาดตามกฎข้อที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นขนาดใด ห้าม!!! ใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ที่โหลดใต้ท้องเครื่องเด็ดขาด นักเดินทางต้องนำแบตสำรองใส่กระเป๋าที่ถือติดตัว และนำขึ้นเครื่องไปด้วยเท่านั้น3. ได้มาตรฐานมีระบุรายละเอียดชัดเจนพาวเวอร์แบงก์ที่สายการบินอนุญาติให้ขึ้นเครื่องได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานโดยมีฉลากกำกับและแสดงให้เห็นขนาดความจุกระแสไฟฟ้าที่ตัวแบตอย่างชัดเจน กรณีที่เป็นแบตเตอรี่สำรองแฟชั่นหรือไม่ได้มาตรฐานไม่มีตัวเลขกำกับ ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้โดยเด็ดขาดดังนั้นสิ่งที่หลายคนสงสัยว่าพาวเวอร์แบงก์ที่ใช้กันทั่วไปสามารถนำขึ้นเครื่องได้ไหม ตอบคำถามได้ดังนี้  •  พาวเวอร์แบงค์ 10000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ จะนำขึ้นไปกี่ก้อนก็ได้ไม่จำกัด  •  พาวเวอร์แบงค์ 15000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ จะนำขึ้นไปกี่ก้อนก็ได้ไม่จำกัด  •  พาวเวอร์แบงค์ 20000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น  •  พาวเวอร์แบงค์ 30000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น  •  พาวเวอร์แบงค์ 32000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ได้ นำขึ้นเครื่องได้มากสุดเพียง 2 ก้อนเท่านั้น  •  พาวเวอร์แบงค์ 35000 ขึ้นเครื่องได้ไหม 2568คำตอบ ไม่ได้โดยเด็ดขาด เก็บไว้ใช้ที่บ้านเถอะ!ตรวจสอบให้ดี เพียงเท่านี้ก็ขึ้นเครื่องเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกยึดพาวเวอร์แบงก์ที่ด่านตรวจอีกต่อไปแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1446967/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การดำเนินชีวิต

5 เทคนิคตั้งตัวชี้วัดชีวิตให้ประสบความสำเร็จ

16/01/2025

ช่วงนี้เราเห็นข่าวคนดังหลายคนถูกดำเนินคดี เพื่อนผมจึงโพสต์ถึงหนังสือที่ส่วนหนึ่งกล่าวถึงเพื่อนนักธุรกิจของผู้เขียนที่มีชื่อเสียงและดูเหมือนอนาคตสดใส แต่ปลายทางกลับต้องเข้าคุก สาเหตุหนึ่งมาจากการโอนอ่อนของตัวเองด้วยคำว่า “ขัดหลักการครั้งเดียวคงไม่เป็นไร”ใน “How will you measure your life?” เขียนโดย Clayton M. Christensen นักธุรกิจ-นักวิชาการที่ทรงอิทธิพลระดับโลกและป่วยเป็นมะเร็งขณะเขียนเรื่องนี้ ผมจึงขออนุญาตดึงส่วนที่ประทับใจมา Remix กับมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัวในบทความนี้ครับตั้งเป้าให้ชัด พร้อมกำหนดน้ำหนักที่ชัดเจนเมื่อถามถึงความสำเร็จในชีวิตในวงสนทนาต่างๆ ผมพบว่าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จด้านการเงินมาเป็นอันดับแรก ทั้งการเพิ่มสินทรัพย์ เพิ่มความมั่นคง ส่วนอันดับถัดมามักเป็นความสำเร็จด้านการงาน ทั้งการมีตำแหน่งสูง อำนาจบารมี จนไปถึงการมีหน้ามีตาในสังคมทั้งออฟไลน์และออนไลน์คนที่มองเป้าหมายเดียวคือ “เงิน” หรือให้น้ำหนักกับเป้าอื่นๆ ต่ำกว่ามาก ผมพบว่ามักจะมุ่งใช้เวลากับการเพิ่มทรัพย์สินอย่างไม่มีวันจบสิ้น สำเร็จแล้วก็ขยับเป้าเดิมสูงขึ้นอีก บางคนแม้หลักการของตัวเองก็ถูกยกเว้นบ่อยครั้ง เริ่มจากโอนอ่อนให้กับกิจกรรมสีเทาจนไปสู่ธุรกิจสีเทาเข้มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่ให้น้ำหนักกับเป้าที่สองที่สามก็จะมีเงื่อนไขที่ยากขึ้น เพราะต้องคำนึงถึงเป้าอื่นด้วย เช่น การมีหน้าตาในสังคมระยะสั้น-ระยะยาว ความสำเร็จด้านความสัมพันธ์ ครอบครัว สุขภาพ การพัฒนาตนเอง จนไปถึงความสำเร็จด้านจิตวิญญาณตามความเชื่อของตน ซึ่งคนที่เป้าเยอะ แม้จะต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะจะตัดสินใจทำอะไรก็ต้องมองหลายมิติ แต่สิ่งที่ประสบความสำเร็จมีโอกาสที่จะยั่งยืนมากกว่าในขณะที่การตั้งเป้าด้าน “การสร้างผลกระทบกับผู้อื่นในเชิงบวก” (Create positive impacts on others) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในเป้าที่จับต้องได้ดีและเห็นผลชัดเจน (ผลในที่นี้หมายถึง Impact ที่เกิดกับคนอื่นนะครับ ไม่รวมถึงที่กลับมาตอบแทนคนทำ) ทุกคนสามารถทำได้ในขอบเขตหน้าที่ที่ตัวเองใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน และพบว่าคนใกล้ตายหลายคนสรุปตรงกันว่า นี่คือการตั้งเป้าหมายที่ถูกต้องของชีวิตจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพทรัพยากรหลักที่ทุกคนมีคือ เวลา (Time) พลังงาน (Energy) และความสามารถ (Talent) ซึ่งต้องจัดสรรไปกับกิจกรรมต่างๆ ที่จะทำให้เราไปถึงทุกเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างสมดุลตามลำดับความสำคัญ โดยคนที่ล้มเหลวมักเกิดจากการเพลิดเพลินกับความสำเร็จระยะสั้น จนหลงลืมที่จะจัดสรรไปกับสิ่งที่จะพาไปถึงเป้าระยะยาวสร้างวัฒนธรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมในทุกที่ที่เราใช้ชีวิต ซึ่งเริ่มได้จากในครอบครัว หน่วยงาน จนไปถึงองค์กรที่เรามีส่วนร่วม จะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมความสำเร็จของชีวิตที่ตั้งเป้าไว้ได้ ตามหลักแล้ววัฒนธรรมจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากคนหนึ่งส่งไปสู่คนรอบตัวในการเริ่มให้คุณค่ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนนำไปสู่ค่านิยมที่ยั่งยืนมากขึ้นจนเป็นวัฒนธรรม เช่น ให้ค่ากับการตรงต่อเวลา การเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน การเรียนรู้ความผิดพลาด หลักการใดที่ทุกคนควรยึดมั่น จนไปถึงการสร้างกิจกรรมร่วมกันที่มีคุณภาพเช่น การทานอาหาร และออกกำลังด้วยกันเทคนิคที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จคือ การตั้งเป้าหมายและวิธีการร่วมกัน ออกแบบค่านิยมที่จะส่งเสริมให้ไปถึงเป้านั้นให้ชัดเจน (อย่าให้เกิดโดยบังเอิญโดยไม่มีทิศทาง) เรียนรู้-ปรับเพื่อให้เกิดความสำเร็จขึ้นซ้ำๆ และสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากสมาชิกที่เกี่ยวข้องผิดหลักการ “แค่ครั้งเดียว ก็ไม่ได้”หนึ่งในบทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดคือ เมื่อได้วางหลักการของตัวเองแล้ว (Personal Principles) อย่าประนีประนอมในสิ่งที่ขัดกับหลักการ แม้จะดูเหมือนเล็กน้อย แต่การโอนอ่อนแม้เพียงครั้งเดียว ก็อาจเปิดให้เกิดการทำซ้ำๆ จนนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุดการยึดมั่นในหลักการของตนช่วยสร้างความมั่นคงในจิตใจและเป็นแนวทางให้กับการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น หากเรามีหลักการในการทำงานอย่างซื่อสัตย์และยุติธรรม แม้จะมีแรงกดดันมาก แต่เรายังสามารถยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อมั่นว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายระยะยาวได้ตั้งตัวชี้วัดให้สัมพันธ์กับเป้าหมายตัวชี้วัดที่ผิดจะนำสู่การตัดสินใจที่ผิด ในฐานะนักข้อมูลผมจึงมองว่าขั้นตอนนี้สำคัญที่สุดโดย1. ระบุสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต: เช่น การเงิน การงาน ความสัมพันธ์ สุขภาพ จนไปถึงการสร้างผลกระทบกับผู้อื่น ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนจะเรียงลำดับนี้ต่างกัน2. เลือกตัวชี้วัดให้สัมพันธ์กับเป้าหมาย หรือสะท้อนคุณค่าที่เรายึดถือ: อย่าไขว้เขวกับคุณค่าของคนอื่น เพราะความสำคัญและตัวชี้วัดของแต่ละคนต่างกัน3. หลีกเลี่ยงตัวชี้วัดที่มุ่งเฉพาะผลระยะสั้น: เพราะจะทำให้ละเลยเป้าหมายระยะยาว ซึ่งผมพบว่าหลายคนที่เวลาผ่านไปแล้วพูดคำว่า “รู้งี้” เกิดจากเหตุผลนี้กันเยอะ4. ประเมินและปรับปรุงตัวชี้วัดอย่างต่อเนื่อง: ทบทวนตัวชี้วัดเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงสอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิต ซึ่งหากพบว่าตัวชี้วัดเดิมไม่เหมาะสม ก็ปรับเป็นตัวใหม่แนะนำให้ลองอ่าน “ปรัชญาปัญญาชีวิต” โดย คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ที่เป็นฉบับแปลไทยซึ่งเพิ่มทฤษฏีธุรกิจที่ถูกอ้างอิงจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ แล้วนำมา Remix เป็นเทคนิคส่วนตัวสำหรับวัดผลชีวิตกันดูนะครับแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/blogs/lifestyle/1154562

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการศิลปะกลุ่ม “White Canvas 2024 ภูฏาน & ไทย” เปิดโลกศิลปะไร้พรมแดน ชมฟรี วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ณ อีเว้นท์ สเปซ ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะ

16/01/2025

สยาม ทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นขนานแท้แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ไอคอนสยาม ร่วมกับ พาเลท อารต์สเปช แกลลอรี่แสดงผลงานศิลปะชั้นนำของไทย และมูลนิธิวัฒนธรรมตะวันออก (ECF) ขอเชิญทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์ศิลปะอันทรงคุณค่าในนิทรรศการกลุ่ม "White Canvas 2024 ภูฏาน & ไทย" ระหว่างวันที่ 3 – 31 มกราคม 2568 ณ อีเว้นท์ สเปซ ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะ นิทรรศการเสนอผลงานสร้างสรรค์ของเยาวชนไทยและภูฏานกว่า 80 ชิ้น ที่ผ่านเข้ารอบจากการประกวน White Canvas ประจำปี 2024 โดดยผลงานเป็นการสะท้อนถึงการเติบโตทางความคิดและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด ผ่านเทคนิคที่หลากหลาย อาทิ ลายเส้น สีน้ำ อะคริลิค และสีน้ำมัน นิทรรศการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ และส่งเสริมศักยภาพของศิลปินรุ่นใหม่ พร้อมเชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับงานศิลปะ ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ผ่านแพลตฟอร์มที่ติดตามกระบวนการสร้างสรรค์ผลงาน และเปิดโอกาสให้เข้าถึงงานศิลปะในรูปแบบ Metaverse ที่จะนำผู้ชมไปสู่โลกเสมือนจริงที่ไร้ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ทำให้ผู้ชมทั่วโลกสามารถเข้าถึงและชื่นชมงานศิลปะได้อย่างไร้ขีดจำกัดสำหรับผลงานไฮไลต์ของประเทศภูฏาน เป็นภาพผลงาน “วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป The way of life that has changed” โดย วราศิณี ไชยมงคล ศิลปินไทย นำเสนอเกี่ยวกับสัตว์น้ำหิมพานต์ที่ว่ายหนีขยะที่อยู่ในน้ำที่สื่อถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน โดยแบ่งภาพออกเป็น 2 ฝั่ง อยู่ฝั่งจะเป็นน้ำที่อัดแน่นไปด้วยขยะ อีกฝั่งจะเป็นสัตว์หิมพานต์ที่ว่ายอยู่กับปลาในปัจจุบันให้รู้สึกว่ามันอยู่ร่วมกันได้ โดยเทคนิคที่ใช้จะเป็น สีน้ำบนกระดาษ, ผลงาน “Nightmare” โดย ยุวันดา สิงห์ฆาฬะ ศิลปินไทย นำเสนอมุมมองของศิลปินที่อยากตอกย้ำความสุขของช่วงชีวิตในวัยเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น เป็นการตอกย้ำความสุขในวัยเด็กจะไม่มีวันย้อนกลับมา, ภาพผลงาน “ปีกที่โบกสะบัดของนกกระยางท้องขาว” โดย Jigme Yangchen Gama ศิลปินภูฏาน ภาพวาดสีอะคริลิกที่เล่าเรื่องนกกระยางท้องขาวเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของนกที่หายากที่สุดในโลก โดยคาดว่ามีประชากรนกกระยางท้องขาวประมาณ 60 ตัว เชื่อว่ามีประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรนกกระยางท้องขาวอาศัยอยู่ที่ประเทศภูฏาน อย่างไรก็ตาม กิจกรรมต่างๆ ด้านการพัฒนการการทางอุตสาหกรรมทำให้ประชากรของนกลดน้อยลงจากที่อยู่ทางธรรมชาติของพวกมัน ทำให้เกิดการคุกคามที่สำคัญต่อการรอดชีวิตของนกกระยางท้องขาว และสำหรับผลงานไฮไลต์ของประเทศไทยเป็นภาพผลงาน “ฝันดีนะเจ้าตัวเล็ก” โดย ด.ญ. อารีวรรณ ยางนอก ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญทอง รุ่นเด็ก นำเสนอแนวคิดแม่มีความสุขและตื่นเต้นที่สุดที่จะเจอลูก ฝันดีนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้จ้า, และภาพผลงาน “การผจญภัยในเมืองหลวง” โดยนายธนา จิตรการนทีกิจ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเหรียญเงิน(รองชนะเลิศ) รุ่นเยาวชน นำเสนอการสะท้อนความวุ่นวายของชีวิตคนเมืองในยุคใหม่ ผ่านภาพแอบสแตร็กต์สีสันสดใสที่ผสมความตลกร้ายและเสียดสี สื่อถึงความไม่เป็นระเบียบที่กลายเป็นเรื่องปกติ พร้อมกระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคำถามต่อสิ่งที่มองข้ามในชีวิตประจำวันขอเชิญผู้ที่สนใจในศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้ได้ที่นิทรรศการ “White Canvas 2024 ภูฏาน & ไทย” เปิดให้ชมฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันนี้ – 31 มกราคมนี้ ณ บริเวณ อีเว้นท์ สเปซ ชั้น 4 สยาม ทาคาชิมายะ ณ ไอคอนสยาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-011-7500 หรือ Facebook : Siam Takashimayaแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/business/detail/9680000004631

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ” ตระการตา 2 แลนด์มาร์กใหม่ “หัว-ท้ายมังกร” บนถนนเจริญกรุง

16/01/2025

สสธวท. ร่วมกับ ททท. และ องค์กรภาคีเครือข่าย ชวนร่วมฉลองเปิด “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ” 2 แลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนเจริญกรุง โดยซุ้มประตู “วชิรสถิต ๗๒ พรรษา” สะพานดำรงสถิต เป็น “หัวมังกร” ส่วนซุ้มประตู “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” ห้าแยกหมอมี เป็น “ท้ายมังกร” ซึ่งในหลวงและพระราชินี จะเสด็จฯ เปิดซุ้มประตูทั้ง 2 แห่ง ในวันที่ 25 ม.ค. 68 เวลา 17.00 น.สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สสธวท) ผนึกกำลังภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จัดสร้าง “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗” 2 แห่งบนถนนเจริญกรุง กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ซุ้มประตู “วชิรสถิต ๗๒ พรรษา”บริเวณสะพานดำรงสถิต และ ซุ้มประตู “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” บริเวณห้าแยกหมอมี เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ภายใต้แนวคิด“เบญจกตัญญุตา บารมีแห่งมังกรสยาม”คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธาน สสธวท เปิดเผยว่า ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ 2 แลนด์มาร์คใหม่ บนถนนเจริญกรุง มีองค์ประกอบสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระบรมราชสมภพในปีมังกร 2.ปี 2567 ตรงกับปีนักษัตรมังกร 3.มังกร หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน 4.พระคณาจารย์จีน ธรรมวชิรานุวัตร (เย็นงี้) เจ้าอาวาส วัดมังกรกมลาวาส เป็นที่ปรึกษา และ 5.ถนนเจริญกรุง เป็นถนนสายแรกของประเทศไทย ถือว่าเป็นถนนสายมังกร ฉะนั้นเราจึงได้ครบ 5 มังกรที่จะถวายพระมหาจักรพรรดิของเราฃนอกจากนี้ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล เผยถึงเหตุผลว่าทำไมต้องมีซุ้มประตู 2 แห่ง ตอนแรกเล็งพื้นที่ตรงบริเวณ ห้าแยกหมอมี เพราะคิดว่าเหมาะสมที่สุด แต่ได้รับคำแนะนำจากพระคณาจารย์จีน ธรรมวชิรานุวัตร (เย็นงี้) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาสว่า มีหัวมังกรต้องมีท้ายมังกรจึงจะครบ โดยเฉพาะตรงที่บริเวณ ห้าแยกหมอมี ซึ่ง 5 แยก ก็เหมือน 5 เล็บมังกร และมังกร 5 เล็บ มีความหมายว่า” จักรพรรดิ” การนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อ สวนหัวมังกรอยู่ที่สะพานดำรงสถิต นามว่า “วชิรสถิต ๗๒ พรรษา” หมายถึง ซุ้มประตูนี้เป็นเอกลักษณ์แสดงถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุยั่งยืน 72 พรรษา ส่วนที่ห้าแยกหมอมีพระราชทานนามว่า “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” หมายถึง ซุ้มประตูนี้เป็นเอกลักษณ์จารึกการเทิดทูนของพสกนิกรขาวไทยในอภิมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว“ความยิ่งใหญ่ของโครงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ สัญลักษณ์แห่งความกตัญญู และความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งความเจริญที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนผู้มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สามารถจัดสร้างสำเร็จเรียบร้อยได้ระยะเวลาเพียง 8 เดือน ด้วยพระบารมีและบุญญาธิการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้การดำเนินงานทุกขั้นนตอนผ่านไปได้อย่างราบรื่น พร้อมด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และอีกหนึ่งวาระสำคัญเนื่องจากความสัมพันธ์ไทย-จีนในปี 2568 จะครบ 50 ปี รัฐบาล สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้แสดงออกถึงมิตรภาพความสัมพันธ์ทางการทูต ด้วยการได้มอบประติมากรรมมงคลจากหินฮั่นไป๋หวี่ (หินอ่อนหยกสีขาว) ซึ่งเป็นหินชนิดพิเศษของจีน ที่ใช้เฉพาะในพระบรมมหาราชวังจีนเท่านั้น รังสรรค์โดยศิลปินชาวจีน แกะสลักเป็นรูปช้าง สิงโต เป็นตัวแทนประเทศไทยและจีน และกลอง เพื่อประดิษฐานที่ฐานเสาซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ด้วย” คุณหญิงณัฐิกา กล่าวนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ความสำคัญของ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ เป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูกตเวที และความจงรักภักดีของชาวไทย นอกจากนี้ ททท. ยังเห็นความสำคัญ ที่จะต้องสร้างเสริมให้ “ซุ้มประตูวชิรสถิต ๗๒ พรรษา” และ “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” ทั้งสองแห่งนี้ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนเจริญกรุง เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกภูมิภาคทั่วโลก อีกทั้งยังเชื่อว่าแลนด์มาร์กทั้งสองแห่งนี้จะมีเรื่องราวเป็นที่น่าดึงดูดนักท่องเที่ยวให้สนใจเลือกประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องมาเที่ยวให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต“จริงๆ แล้ว ถนนเจริญกรุงเคยมีบทบาทสำคัญทางด้านการค้าระหว่างประเทศในรัชสมัยเมือ เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน การมีซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติทั้งสองแห่งนี้บนถนนเจริญกรุงจะเป็นการกฟื้นฟูความสำคัญ และบทบาทของถนนเจริญกรุงให้กลับมาเป็นที่รุ่งโรจน์เฟื่องฟูอีกครั้ง และจะสอดคล้องความสำคัญและยิ่งใหญ่ของถนนเยาวราชที่มีความสำคัญและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน” ผู้ว่า ททท. กล่าวนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่มีโอกาสร่วมดำเนินงานจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ จำนวน 2 ซุ้มประตู อันเป็นมิ่งมงคลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกคนปลื้มปีติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ หอการค้าไทยก่อตั้งขึ้นมา 92 ปี สมัยก่อนชาวจีนอพยพเข้ามาในประเทศไทย ก่อร่างสร้างตัว ประกอบธุรกิจการค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของไทย ทำให้คนไทยที่ทำภาคเกษตร รู้จักการทำมาค้าขาย นำมาสู่การจัดตั้งหอการค้าในแต่ละจังหวัด ก่อนจะรวมกันเป็นหอการค้าไทย ถือเป็นองค์กรภาคเอกชนและภาคธุรกิจของคนไทยที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ โดยดำเนินงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนปฏิบัติตามพระราชประสงค์เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม และสนองงานตามแนวพระราชดำริในหลวง“หอการค้าไทยปัจจุบันมีสมาชิกมากถึง 156,000 ราย ประกอบด้วยหอการค้าไทยทุกจังหวัด สมาคมการค้า 174 แห่ง และหอการค้าต่างประเทศอีก 40 ประเทศ พร้อมด้วยเครือข่ายภาคธุรกิจทั่วประเทศ รวมทั้งมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศ แสดงออกถึงความจงภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยทั้งชาติ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง ร่มเย็น ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นายสนั่น กล่าวนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน ในนามองค์กรชาวไทย เชื้อสายจีนในประเทศไทยกล่าวว่า หอการค้าไทย-จีน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2453 จากสมาชิกหลักสิบเป็นหลักล้าน ล้วนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์ไทยทุกยุคทุกสมัย โดยบทบาทของหอการค้าไทย-จีน มุ่งตอบสนองความต้องการของชาวจีนที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย ควบคู่การดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆ ให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการศึกษา การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม จนกระทั่งการบริจาคช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยธรรมชาติและภัยพิบัติในประเทศไทย กาลเวลาผ่านมาจวบจนถึงปัจจุบันกว่า 115 ปี นายณรงค์ศักดิ์กล่าวนายชิม ชินวิริยกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย ในนามองค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย กล่าวว่าหอการค้าไทย-จีน มั่นคงภายใต้ร่มพระบารมี เป็นศูนย์รวมของนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน ชาวจีนโพ้นทะเล และนักธุรกิจชาวจีนที่มาทำการค้าการลงทุนในไทย ที่อพยพถิ่นฐานเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีบทบาทในฐานะสะพานเชื่อมความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศไทยและจีนในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าการลงทุนดร.กิตติ อิทธิภากร ประธานสหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทยในนามองค์กรชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย กล่าวเสริมว่า หอการค้าไทย-จีน น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ตลอดจนเคารพเทิดทูนพระบรมวงศานุวงศ์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องในโอกาสมหามงคล 72 พรรษา ชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศต่างมีความปลื้มปีติ ทั้งพ่อค้าไทยจีนที่มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ จนถึงนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผนึกกำลังร่วมสนับสนุนการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูต่อแผ่นดิน ปรากฏชั่วลูกชั่วหลาน เหนือสิ่งอื่นใดเป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่แสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง ศูนย์รวมใจพสกนิกรทุกเชื้อชาติในประเทศไทยสำหรับพิธีเปิดซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ ทางคณะกรรมการผู้จัดทำโครงการฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดซุ้มประตู “วชิรสถิต ๗๒ พรรษา” บริเวณสะพานดำรงสถิต และ ซุ้มประตู “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” บริเวณห้าแยกหมอมี จึงใคร่ขอเรียนเชิญพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศและชาวไทยเชื้อสายจีน ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ ในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ ถนนเจริญกรุง กรุงเทพมหานครพร้อมกันนี้ทางผู้จัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษาฯ ยัง เชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้มีส่วนร่วมจารึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ครั้งสำคัญ ด้วยการลงนามผ่านช่องทาง https://www.thaichamber.org/donation รวมพลังชูแลนด์มาร์ก “ซุ้มประตูมังกร” ถนนสายใยแห่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย-จีนอันล้ำค่า หนึ่งในซอฟต์เพาเวอร์ของไทยให้ดังไกลไปทั่วโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวมงคล เปิดศักราชใหม่ เสริมพลัง รับความเฮง ในเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็ง 2568แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000004839

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มแก่ผู้พิทักษ์ป่าสัญญาจ้างในพื้นที่มรดกโลก

16/01/2025

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายโยฮัน ดีทอย (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน จับมือกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำโดย นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง ปฏิบัติการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือตามโครงการมอบความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าและบุคลากรประเภทสัญญาจ้างที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรี แก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าประเภทสัญญาจ้างในพื้นที่มรดกโลกครอบคลุมทั้งสิ้น 3 แห่ง ได้แก่ 1) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ - ห้วยขาแข้ง 2) กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ และ 3) กลุ่มป่าแก่งกระจาน (“พื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ”) รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 2,104 ราย ระยะเวลาคุ้มครองเริ่มตั้งแต่ 1  กุมภาพันธ์ 2568 นาน 365 วัน หรือ 1 ปี ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพื่อมอบเป็นสวัสดิการและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่มีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุอย่างครบถ้วนและจำเป็นในการปฏิบัติงาน  เพื่อหวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและดูแลเจ้าหน้าที่ให้มีสวัสดิการความคุ้มครองอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง (กลาง) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอกประดิษฐ์ บุญเกิด (ที่ 2 จากซ้าย) เลขาธิการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พันเอกนนท์ จุลานนท์ (ซ้ายสุด) ที่ปรึกษามูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา (ที่ 2 จากขวา) ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงาน คปภ. และ นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การวางแผนทางการเงิน

Lifestyle Inflation กับดักขวางทางรวย เมื่อรายได้เพิ่ม แต่ไม่มีเงินเก็บ

14/01/2025

โดย : วาณิชชา สายเสมารายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการชำระหนี้สิน การลงทุนต่อยอด ไปจนถึงเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินและการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ แต่คุณเคยสังเกตไหมว่าเมื่อมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทำไมเงินเก็บของคุณในบัญชีธนาคารกลับไม่เติบโตขึ้นอย่างที่คาดหวังไว้ และบางครั้งกลับกลายเป็นว่าต้องจ่ายเงินมากขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Lifestyle InflationLifestyle Inflation คืออะไรแนวทางการใช้จ่ายที่คุณมีรายได้เพิ่มมากขึ้น แต่รายจ่ายก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เรียกว่า “Lifestyle Inflation” ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากความรู้สึกที่ว่าคุณมีอำนาจในการใช้จ่ายมากขึ้น เช่น การกินอาหารในร้านที่หรูหรามากขึ้น การเปลี่ยนมาใช้เครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์แทนดรักสโตร์แบรนด์ ไปจนถึงการซื้อรถยนต์และการขยับขยายที่อยู่อาศัยให้มีความกว้างขวาง และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แน่นอนว่าบางสิ่งก็เป็นจำเป็นในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคุณให้ดีขึ้น รวมถึงการให้รางวัลตัวเอง หลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทกับการทำงานกว่าประสบความสำเร็จด้านรายได้ แต่หลายครั้งก็ต้องยอมรับว่าสิ่งของบางอย่างก็จัดอยู่ในหมวดฟุ่มเฟือยและอาจไม่ได้จำเป็นกับชีวิตมากนัก แม้ว่าคุณจะสามารถจ่ายได้ก็ตามแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณติดกับดักขวางทางรวยอย่าง Lifestyle Inflation เข้าแล้วหรือยัง ? สิ่งที่จะพิจารณาได้ง่าย ๆ คือคุณยังใช้เงินแบบเดือนชนเดือนอยู่หรือไม่ จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตตลอดเวลาหรือเปล่า ท้ายสุดถ้าคุณหยุดทำงานในวันนี้ คุณจะยังสามารถซื้อสิ่งของที่คุณเคยซื้อได้หรือไม่ หากคำตอบคือ “ไม่” คุณอาจต้องหันกลับมาโฟกัสกับเป้าหมายทางการเงินให้หนักแน่นขึ้น โดยเฉพาะเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินและการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุไม่อยากติดกับ Lifestyle Inflationอันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า Lifestyle Inflation สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน หรือไต่ระดับขึ้นมาจนมีตำแหน่งสูงและรายได้ที่มากขึ้นแล้ว ดังนั้นเพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักนี้อย่างยั่งยืน ความรู้ที่ถูกต้องและการวางแผนทางการเงินที่ดีจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าขั้นตอนพื้นฐานที่สุดคือการสร้างวินัยทางการเงินอย่าง “การเก็บก่อนใช้” โดยเมื่อมีรายได้เข้ามาก็ให้แบ่งเงินเป็นสัดส่วนตามความจำเป็นและการใช้งาน เช่น 50 / 30 / 20 โดย 50% คือค่าใช้จ่ายจำเป็น 30% คือค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง และ 20% คือการเก็บออมเงินถัดมาคือ “การทำบัญชีรายรับรายจ่าย” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่สิ่งนี้จะทำให้คุณมองเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าคุณกำลังใช้จ่ายอยู่กับอะไรบ้าง ของสิ่งนั้นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน หากเป็นของชิ้นใหญ่ ของราคาสูง หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ต้องมีการผ่อนจ่ายระยะยาว นอกจากจะต้องประเมินความจำเป็นในการใช้งานอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณอาจจะต้อง “ทดลองเก็บเงินทุกเดือนเท่ายอดผ่อนชำระต่อเดือน” เพื่อเป็นการลองสนามก่อนว่าคุณสามารถปรับตัวกับค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้อย่างไม่ติดขัด ก่อนจะข้ามขั้นไปสร้างรายจ่ายระยะยาวจริง ๆ ในแบบที่ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว แม้ว่าสินค้าบางอย่างจะเป็นการผ่อน 0% นาน 48 เดือนก็ตามท้ายที่สุดคือ “หยุดเป็นหนี้บัตรเครดิต” และควร “จ่ายบัตรเครดิตในจำนวนเต็มทุกครั้ง” เพราะประโยชน์ที่แท้จริงของการใช้งานบัตรเครดิต คือสิทธิพิเศษในระยะปลอดดอกเบี้ย ไปจนถึงคะแนนสะสม ส่วนลดสินค้าพิเศษสำหรับผู้ถือบัตร และการแลกไมล์สะสมเพื่อการเดินทาง ทั้งนี้ ใครที่กลัวหักห้ามใจใช้จ่ายเกินตัวไม่ได้ การไม่ใช้บัตรเครดิตเลยอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนความกังวลเรื่องการชำระค่าบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่ต้องชำระผ่านบัตรเครดิตนั้น ปัจจุบัน ก็มีทางเลือกเป็นบัตรเดบิตหรือดิจิทัลวอลเล็ตหลากหลายเจ้า ที่ให้บริการชำระค่าสตรีมมิง ซึ่งสามารถใช้ทดแทนบัตรเครดิตได้Lifestyle Inflation ในแบบที่มีรายจ่ายสูงขึ้นตามรายได้ เพราะมีเป้าหมายในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น หรือให้รางวัลกับการทำงานหนักของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ผิด ขอเพียงคุณคิดอย่างรอบคอบ ใช้จ่ายอย่างเข้าใจ และสะสมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ ให้พร้อมก่อน การยกระดับคุณภาพชีวิตขึ้นตามรายได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ amarintvhttps://www.amarintv.com/spotlight/finance/503411

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

เสพงานศิลป์แบบครบรส “Arte Museum Yeosu” อาร์ตมิวเซียมที่เกาหลีใต้

14/01/2025

ชวนไปเสพงานศิลปะที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีดิจิตัล ออกมาเป็นอาร์ตมิวเซียมสุดตื่นตาด้วยแสง สี เสียง และกลิ่น “Arte Museum Yeosu” แห่งเมืองยอซู ประเทศเกาหลีใต้FlowerBeach Cloudใครเป็นคอศิลปะ หรือรักการไปชมผลงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ บอกเลยว่าต้องห้ามพลาดที่นี่ เพราะมีความน่าสนใจตรงที่เป็นการผสมผสานงานศิลปะเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ จนกลายมาเป็นอาร์ตมิวเซียมสุดตื่นตาที่นี่คือ “Arte Museum Yeosu” ตั้งอยู่ในเมืองยอซู ประเทศเกาหลีใต้ โดยอยู่ในพื้นที่ของ Yeosu Expo Convention Center สถานที่จัดประชุม World Expo 2012 และเป็นศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ มีทั้งห้องจัดนิทรรศการ ห้องประชุม สัมมนา ห้องประชุมขนาดเล็ก สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน รวมไปถึงความสะดวกในการเดินทาง ด้วยการมีสถานี KTX หรือสถานีรถไฟความเร็วสูง ตั้งอยู่ด้านหน้าศูนย์ประชุมLost TubeLive Sketch Bookสำหรับ “Arte Museum Yeosu” นิทรรศการศิลปะในรูปแบบมีเดียอาร์ต ใช้เทคนิคมัลติมีเดียผสมผสานงานศิลปะจนออกมาเป็นผลงานสุดสร้างสรรค์ โดยที่นี่เป็น Arte Museum ลำดับที่ 2 ในเกาหลีใต้ ถัดจากเกาะเชจู ตามมาด้วย คังนึง และล่าสุดที่ ปูซานArte Museum Yeosu นำเสนอในธีมหลักคือ “มหาสมุทร” ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงทะเลและภูมิทัศน์ทางธรรมชาติของเมืองยอซู ภายในพื้นที่ 1,400 ตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็น 12 โซน ได้แก่Flower – พบกับดอกคามิเลีย ดอกไม้แห่งความรักและวงจรแห่งชีวิต ดอกคามิเลียจะเบ่งบานเมื่ออากาศเย็นลง แม้จะไม่มีกลิ่นหอม แต่สีสันความสดใสของดอกไม้ก็ช่วยดึงดูดให้สัตว์เข้ามาช่วยให้ดอกไม้บานสะพรั่ง และร่วงหล่นลงสู่พื้นดินตามวัฏจักรBeach Cloud – ชายหาดที่น่าตื่นตาตื่นใจมาพร้อมกับเมฆหลากหลายสีสันและรูปแบบ ทำให้ชายหาดที่เห็นนี้มีการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศไปตลอดเวลา ทั้งฟ้าครึ้ม คลื่นซัดสาดยามเย็น หรือแม้แต่ยามค่ำคืนWaterfall MetalMoonLost Tube – ทางเดินนี้จะพบกับนกฟลามิงโก้ขนาดยักษ์ในท้องทะเลLive Sketch Book – สร้างโลกนี้ด้วยฝีมือการวาดของเรา ในธีมแนวปะการัง โดยเปิดให้ลงมือสร้างสรรค์โลกใต้ท้องทะเลสีสันต่างๆ เมื่อวาดในกระดาษแล้ววางในจุดที่กำหนด รูปวาดนั้นก็จะฉายขึ้นบนจอWaterfall Metal – สัมผัสถึงพลังของน้ำตกโลหะที่ยืดหยุ่นและลึกลับMoon – กระต่ายบนดวงจันทร์ตัวโตกว่า 4 เมตร ที่เรืองแสงสีนวลคล้ายกับสีของพระจันทร์Star - Shooting StarRomantic ThunderStar Shooting Star – ดวงดาวนับร้อยนับพันที่คล้ายกับฝนดาวตก เป็นโคมกระดาษเล็กใหญ่ที่แขวนอยู่เต็มห้อง และจะเปลี่ยนสีสันไปเรื่อยRomantic Thunder – สายฟ้าที่ฟาดลงมาบนโลกเป็นสีชมพูดูโรแมนติกWhale – วาฬที่เกิดจากการเต้นระบำของสายน้ำและเกลียวคลื่นGarden Arte Museum X Musee D'orsay – นำเสนอคอลเลกชั่นศิลปะของ Musee D'orsay ที่ถูกตีความใหม่โดย Arte Museum แบ่งงานศิลปะออกเป็นยุคต่างๆ นำเสนอโดยเริ่มต้นจากการเป็นสถานีรถไฟ ผันเปลี่ยนงานศิลปะไปตามยุค พร้อมกับเสียงเพลงคลาสสิกที่คลอกันไปGarden Arte Museum X Musee DorsayGarden Arte Museum X Musee DorsayGarden Arte Museum X Musee DorsayGarden Ocean, Yeosu's Dream – ดำดิ่งลงสู่มหาสมุทร พบกับความน่าอัศจรรย์ใต้ท้องทะเล ไปจนถึงทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลยอซูArte Tea Bar – ปิดท้ายที่บาร์เครื่องดื่มที่ยังคงผสมผสานมีเดียอาร์ต หากสั่งเครื่องดื่มมาแล้ววางแก้วไว้บนโต๊ะ เซ็นเซอร์ก็จะจับตัวแก้วแล้วปรากฏภาพดอกคามิเลียในรูปแบบต่างๆ ภายในแก้ว จนกระทั่งเครื่องดื่มหมด ดอกคามิเลียก็จะหายไปGarden Ocean, Yeosus DreamGarden Ocean, Yeosus DreamArte Tea BarArte Tea Bar“Arte Museum Yeosu” เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น. (รอบสุดท้ายเข้าเวลา 19.00 น.) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://artemuseum.com/YEOSUแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000003491

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X