คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ห้องแสดงนิทรรศการ

ชวนชมจิตรกรรมยุทธหัตถี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรฯ 25 เม.ย.

29/04/2024

ตามตำนานยุทธหัตถีและพระราชประวัติ "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ไปกับผลงานจิตรกรรมภายในวิหาร วัดสุวรรณดาราราม ผลงานของพระเสวกตรีพระอนุศาสน์จิตรกร ต้นแบบภาพคุ้นตาในตำราเรียนประวัติศาสตร์ไทยวัดสุวรรณดาราราม อาจไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ถ้าใครได้เข้ามาแล้วจะรับรู้ได้ถึงความน่าตื่นตาของภาพจิตรกรรมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกภายในวิหาร ผลงานของ พระมหาเสวกตรีพระอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ที่หลายคนคุ้นตาแต่อาจไม่รู้เลยว่า ภาพวาดตำนานยุทธหัตถีที่เราเห็นในตำราเรียนนั้นอยู่ภายในวัดสุวรรณดาราราม พระนครศรีอยุธยา นี่เองภายในวิหาร วัดสุวรรณดาราราม พระนครศรีอยุธยาวัดสุวรรณดาราราม เดิมชื่อว่า “วัดทอง” สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาโดยพระชนกของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  หลังสร้างกรุงเทพมหานครเป็นราชธานีแล้วเสร็จทรงรวบรวมช่างฝีมือจากกรุงเก่ามาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดที่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งเสียกรุงขึ้นมาใหม่ พระราชทานนามว่า วัดสุวรรณดาราราม เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระชนก (ทองดี) และพระชนนี (ดาวเรือง) นับเป็นอารามชั้นเอกของต้นราชวงศ์จักรีที่ได้รับการบูรณะและสร้างเพิ่มเติมจากพระมหากษัตริย์ตลอดมาภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา บริเวณเหนือขอบประตูด้านหน้าของพระประธานสำหรับภาพจิตรกรรมภายในวิหารที่กลายมาเป็นต้นแบบของตำราเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยนั้น เป็นผลงานของ พระมหาเสวกตรีพระอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ผู้มีฝีมือในศิลปะทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ (ได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการร้านถ่ายรูปฉายานรสิงห์ ร้านถ่ายรูปหลวง) นักออกแบบฉาก เครื่องแต่งกาย รวมไปถึงช่างแต่งหน้าละครหากงานที่เชี่ยวชาญมาก คือ การเป็นช่างเขียนภาพ  มีผลงานเป็นที่พอพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลให้ว่า “จิตรกร”จิตรกรรมด้านบนแสดงภาพเทพชุมนุม ระหว่างช่องหน้าต่างแสดงภาพพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตามประวัติพระอนุศาสน์จิตรกรที่ปรากฏในหนังสือ “เที่ยวนครวัด นครธม เมื่อพ.ศ.2467” กล่าวถึงผลงานจิตรกรรมภายในวิหารวัดสุวรรณดารารามว่า เป็นงานที่สร้างขึ้นระหว่างปีพ.ศ. 2473- 2474 ขณะอายุ 59 ปี ความว่า“พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้ไปเขียนภาพประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ การกู้อิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช งานนี้ต้องใช้ความอุตสาหะในการค้นคว้าหาหลักฐาน เขียนตามความนึกคิดของท่านเองที่ได้เค้ามาจากประวัติศาสตร์เมื่อร่างแบบเขียนตอนใดก็นำไปถวายหารือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เพื่อทรงพิจารณาก่อนนำไปเขียนทุกครั้งดังนั้นงานชิ้นนี้จึงนับได้ว่ามีความสมบูรณ์และใกล้เคียงประวัติศาสตร์มากที่สุด และเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานซองบุหรี่ทองคำลงพระปรมาภิไธยเป็นรางวัล”ภาพเทพชุมนุมแบบดั้งเดิมภายในโบสถ์ วัดสุวรรณดารารามภาพเทพชุมนุมภายในวิหารวัดสุวรรณดารารามมีลักษณะผสมผสานระหว่างบุคคลจริงกับอุดมคตินอกจากเนื้อหาของภาพจิตรกรรมในวิหารที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ชาดก มาเป็นพระราชประวัติของพระมหากษัตริย์แล้วเทคนิคในการเขียนภาพก็มีความแตกต่างไปจากขนบเดิม เช่น การใช้สีน้ำมันแทนสีฝุ่น การนำเทคนิคการเขียนภาพแบบตะวันตกที่มีระยะใกล้ไกล ภาพบุคคลมีกล้ามเนื้อแบบกายวิภาคดังจะเห็นได้จากภาพเทพชุมนุมที่อยู่ทางด้านบน ที่มีรูปลักษณ์ผสมผสานระหว่างบุคคลจริงกับอุดมคติได้อย่างลงตัว ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกราวกับกำลังล่องลอยเคลื่อนไหวอยู่บนก้อนเมฆและท้องฟ้าพระสยามเทวาธิราชทูลอัญเชิญพระอิศวรแบ่งภาคลงมาอุบัติลงบนโลกมนุษย์ในขณะที่ภาพพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่อยู่ทางตอนล่างมีการแบ่งเนื้อหารวม 20 ตอน แต่ละตอนมีอักษรเขียนอธิบายเหตุการณ์สั้นๆไว้ที่ใต้ภาพเริ่มตั้งแต่ภาพที่ 1 (มุมด้านซ้ายมือของพระประธาน) พระสยามเทวาธิราชทูลอัญเชิญพระอิศวรแบ่งภาคลงมาอุบัติลงบนโลกมนุษย์ หมายถึงการจุติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  ไล่เรียงเหตุการณ์ ไปจนเสด็จสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรชนไก่กับมังสามเกียดโดยมีเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ ภาพสมเด็จพระนเรศวรชนไก่กับมังสามเกียด (พระมหาอุปราชา) ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง พ.ศ.2127 พิธีดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อหน้าพระอจนะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิภายในวัดศรีชุม จ.สุโขทัย ภาพทรงคาบพระแสงดาบปีนค่ายพม่าอันเป็นที่มาของพระแสงดาบคาบค่าย เป็นต้นภาพจิตรกรรมสงครามยุทธหัตถี วาดด้วยสีน้ำมัน ผลงานพระเสวกตรีพระอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) คุณตาของอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชสำหรับภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ซึ่งถือได้ว่ามีความสำคัญที่สุด จะอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับพระประธาน ในภาพนี้เราจะได้เห็นเหตุการณ์ขณะเท้าหลังของเจ้าพระยาไชยานุภาพช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยันตอต้นพุทราไว้ทำให้มีหลักมั่นคง มีกำลังแรงเสยพลายพัทกอช้างทรงของพระมหาอุปราชาถนัดทำให้สมเด็จพระนเรศวรได้จังหวะจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาที่ไหล่ขวาขาดจนสิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง ตรงตามตำราที่ได้ร่ำเรียนมาไม่ผิดเพี้ยนภาพทรงคาบพระแสงดาบปีนค่ายพม่าอันเป็นที่มาของพระแสงดาบคาบค่ายพระเสวกตรีพระยาอนุศาสน์จิตรกรใช้เวลา 2 ปีเต็มในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมที่แสดงให้เห็นพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในเทคนิคแบบตะวันตกที่ทำให้เราได้เห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตได้อย่างแจ่มชัด มีลักษณะเหมือนจริง มีระยะใกล้ไกล มีต้นไม้และท้องฟ้าที่ดูเหมือนธรรมชาติ บุคคลมีกล้ามเนื้อเหมือนคนจริงๆ  และนำสีน้ำมันมาใช้แทนสีฝุ่นแบบดั้งเดิมกล่าวได้ว่าเป็นงานที่ล้ำสมัยมากในยุคนั้น และยังคงสืบทอดความงดงามอลังการมาจนถึงยุคนี้ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของไทย เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 25 เมษายน 2567ภาพ : สุธี - ลักขณา คุณาวิชยานนท์  •  อ้างอิง : “เที่ยวนครวัด นครธม เมื่อพ.ศ.2467” โดย พระยาอนุศาสน์จิตรกร , ภริยาและบุตร จัดพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระเสวกตรีพระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม พ.ศ.2493  •  “จิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารวัดสุวรรณดาราราม” โดย วาสนา พบลาภ,สารนิพนธ์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย ม.ศิลปากร  •  “แนวคิดการออกแบบจิตรกรรมเทพชุมนุม ฝีมือ พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ในพระวิหารหลวงวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร” โดย ธนากร เพ็ญพาด ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย ม.ศิลปากรแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1123614

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ดอยบ่าโจ๊ะโข้ว ที่เที่ยวเชียงใหม่ ชมอาทิตย์ตกดิน กลางทุ่งหญ้าสีทอง

29/04/2024

ไปชมวิวอาทิตย์ตกดินท่ามกลางทุ่งดอกหญ้าแบบ 360 องศาที่ ดอยบ่าโจ๊ะโข้ว ที่เที่ยวเชียงใหม่ แสนสวยสะกดตา น่าประทับใจสุดๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว เพราะจะมีทะเลหมอกสีขาวมาเติมแต่งให้ทัศนียภาพตรงหน้าดูอลังขึ้นไปอีก หนาวนี้ต้องไม่พลาด ปักหมุดเอาไว้เลย~ดอยบ่าโจ๊ะโข่ว ขุนแปะที่เที่ยวเชียงใหม่ ถ่ายรูปสวยทำความรู้จักกับ ดอยบ่าโจ๊ะโข้วดอยบ่าโจ๊ะโข้ว หรือในภาษากระเหรี่ยงแปลว่า "ภูเขาของกระรอก" เป็นที่เที่ยวลับซึ่งแอบซ่อนอยู่ใน บ้านขุนแปะ ตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หลายคนอาจยังไม่คุ้นหูกับสถานที่แห่งนี้มากนัก แต่กลับแฝงไปด้วยธรรมชาติงดงามแบบเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นอาทิตย์ตกดิน ทุ่งดอกหญ้าสีทอง และทุ่งกะหล่ำปลี เป็นจุดชมวิวสุด Unseen ที่คนรักธรรมชาติและความเงียบสงบจะต้องลุยขึ้นเขาไปสักหน่อยเพื่อให้ถึงที่หมายค่ะไฮไลท์ ดอยบ่าโจ๊ะโข้วเมื่อพูดถึงไฮไลท์ของดอยบ่าโจ๊ะโข้วแล้ว สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ วิวของอาทิตย์อัสดงในยามเย็นที่สาดส่องไปทั่วทั้งเนินเขา รวมถึงทุ่งดอกหญ้าที่ส่องประกายจนกลายเป็นสีทอง เข้ากับแสงสีส้มบนท้องฟ้าได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถมองเห็นได้กว้างไกลถึง 360 องศา เรียกว่าเป็นการชมวิวสวยแบบไม่มีอะไรมากั้นเลยและในช่วงปลายฝนต้นหนาว-ฤดูหนาว จะเป็นช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การไปเที่ยวดอยบ่าโจ๊ะโข้วเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ชมอาทิตย์ตกดินแล้ว ในยามเช้ายังมีทะเลหมอกสียาวไหลปกคลุมขุนเขาไปทั่วบริเวณ พร้อมกับวิวอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า สวยอลังทั้งยามเช้าและยามเย็น แถมยังมีทุ่งกระหล่ำปลีสีเขียวที่ตัดกับท้องฟ้าสีครามอีกด้วย มีจุดเช็กอินเจ๋งๆ เยอะเกินคาดมากเป็นยังไงกันบ้างคะกับดอยบ่าโจ๊ะโข่ว เป็นสถานที่สุด Unseen ที่มีเสน่ห์สุดๆ ไปเลยใช่มั้ยล่ะคะ แม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางไปยากลำบากสักหน่อย แต่ถ้ามีโอกาสได้ไปเยือนแล้วจะต้องตกหลุมรักที่นี่ได้ไม่ยากเลยค่ะข้อมูล ดอยบ่าโจ๊ะโข้ว เชียงใหม่  •  ที่อยู่ : ตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่  •  พิกัด : https://goo.gl/maps/ftKUzNw7xSoHmBop8   •  เปิดให้เข้าชม : สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวัน  •  โทร : -  •  เว็บไซต์ : -แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ trueidhttps://travel.trueid.net/detail/J3em8pQBbjQ3

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ธุรกิจ

อายุถึง แต่ความสามารถไม่ถึง ไม่ใช่ทุกคนจะเป็น ‘หัวหน้า’ ได้

25/04/2024

แนวทางการเติบโตในโลกการทำงานยุคใหม่คงมีวิถีทางคล้ายกันแทบทุกองค์กร เมื่อเริ่มงานในตำแหน่งระดับปฏิบัติการสักระยะ หากผลงานดีจนเป็นที่ประจักษ์ นอกจากฐานเงินเดือนและเงินโบนัสที่ปรับตามเพอฟอร์แมนซ์แล้ว ‘ตำแหน่งงาน’ ก็เป็นอีกหัวโขนสำคัญที่หลายคนพึงปรารถนา และมองว่า เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการเติบโต และความสามารถบนเส้นทางอาชีพให้กับตนเองได้ ไม่ว่าความปรารถนานั้นจะมาจากปณิธานมุ่งหมายส่วนตัว สังคมพร่ำบอก หรือองค์กรให้คุณค่า สิ่งหนึ่งที่ถูกพร่าเลือนจนหลายครั้งก็สร้างผลกระทบให้กับหลายฝ่าย คือในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นหัวหน้าหรือขึ้นสู่ตำแหน่งระดับบริหารได้ หลายครั้งที่การวาง ‘Career path’ ในองค์กร มีแรงจูงใจให้พนักงานเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยเงินเดือนที่สูงขึ้นจากการปรับเพิ่มตำแหน่งงานและความรับผิดชอบใหม่ๆ ทำให้บางครั้ง ‘คนเก่ง’ เหล่านั้น ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานจากเดิมไปโดยสิ้นเชิงแบบไม่ทันตั้งตัว ‘ปีเตอร์ เพทราเลีย’ (Peter Petralia) พาร์ทเนอร์ และที่ปรึกษาทางการตลาด ‘Modern Craft’ บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาด ประเทศแคนาดา ให้ความเห็นกับเรื่องนี้ไว้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่องค์กรต้องพึงระลึกไว้เสมอ คือการที่คนคนหนึ่งทำงานในทักษะเฉพาะด้านได้ดี ไม่ได้แปลว่า เขาหรือเธอจะเป็น ‘Manager’ หรือหัวหน้างานที่ดีได้ การปรับย้ายคนทำงานเข้าสู่ส่วนงานที่ต้องใช้ทักษะการบริหารจัดการ จำเป็นต้องมีคุณลักษณะหรือบุคลิกภาพเฉพาะด้าน การเทรนนิ่งคนเหล่านี้ก่อนเข้ารับตำแหน่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการเป็น ‘หัวหน้า’ ไม่ได้ทำงานตามสัญชาตญาณได้เสมอไป [ อย่าทำให้พนักงานล้มเหลว องค์กรต้องมีทางเลือกสำรองให้คนทำงาน ] ‘เพทราเลีย’ ยกตัวอย่างกรณีคนทำงานที่เก่งและมีความสามารถอันน่าทึ่งมากมายที่เขาเคยเจอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยอายุงานและเวลาอันเหมาะสม คนเหล่านี้ก็มักจะถูกโปรโมต-เลื่อนขั้นสู่ตำแหน่งงานที่ใหญ่ขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น สิ่งที่เขาค้นพบ คือหลายคนตกอยู่ในภาวะ ‘Underperformance’ ไม่ใช่คนเก่งแบบที่เคยเป็นอีกแล้ว เนื่องจากขนบการทำงานที่เชื่อว่า ต้องมีการเติบโตในเชิงตำแหน่งงานที่สูงขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในระดับนโยบายเท่านั้น แต่ยังฝังรากลึกลงไปในความเชื่อของคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงานจะยกย่อง-ชื่นชมเมื่อคุณขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหาร แม้ว่าลึกๆ จะตระหนักดีว่า ตนเองยังไม่พร้อม และไม่ถนัดกับงานเชิง ‘Management’ เอาเสียเลย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับข้อเสนอไป ‘เพรทาเลีย’ ให้ความเห็นว่า คนทำงานต้องกลับมาตกผลึกกับความต้องการของตนเองก่อนว่า เราอยากเติบโตแบบไหน ถ้างานบริหารไม่ใช่เส้นทางที่ต้องการ ลองดูว่า องค์กรมีพื้นที่อื่นๆ สำหรับความเชี่ยวชาญของคุณอีกหรือไม่ หรือหากต้องการโตในสาย ‘Management’ แต่ยังไม่มีทักษะ องค์กรสามารถโค้ชชิ่งให้พนักงานได้รึเปล่า หากไม่มีทั้งสองทางให้เลือก นั่นอาจหมายความว่า บริษัทกำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พนักงานล้มเหลว การเติบโตจากตำแหน่งปฏิบัติการไปสู่ตำแหน่งงานที่ต้องใช้ทักษะการจัดการ และทักษะอื่นๆ ในการทำงานเป็นทีมเป็นส่วนประกอบที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน เมื่อองค์กรเล็งเห็นว่า พนักงานมีศักยภาพ ควรพูดคุยปรึกษาหารือกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย หากพนักงานยังไม่มีทักษะในการเป็นหัวหน้า องค์กรต้องเป็นคนเสนอสิ่งเหล่านั้นให้เขาได้เรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นวิธีการจัดลำดับความสำคัญ ทักษะการสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูง เทคนิคการจัดการความเครียด วิธีกระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วม เป็นต้น [ สร้าง Career path ต้องยึดจากความสามารถ ไม่ใช่ตำแหน่งงานเดิม ] อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่สักหน่อย เพราะส่วนใหญ่แล้วการปรับตำแหน่งมักยึดจากหน้าที่เดิมเป็นหลัก ทว่า ผู้เชี่ยวชาญกลับมองต่างออกไป ‘เพรทาเลีย’ เสนอว่า ให้กำหนดหน้าที่จากความถนัดของคนทำงานดูก่อน เพื่อจะได้เห็นว่า เขาหรือเธอมีทักษะใดที่ต้องเติมเต็ม พูดง่ายๆ ก็คือ ชูจุดแข็งของคนทำงานเข้าไว้ เพื่อจะได้เห็น ‘จุดอ่อน’ ที่ไม่มีได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และตัวองค์กรเองนี่แหละที่ต้องเข้าไปสนับสนุน-อุดรอยรั่วเหล่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้คนทำงานเองก็จะรู้สึกว่า องค์กรมีส่วนในการสนับสนุนการทำงานของพวกเขา ไม่ได้ปล่อยให้เผชิญกับการทำงานในพื้นที่ใหม่ๆ เพียงลำพัง และที่สำคัญที่สุด คือลูกน้องที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหัวหน้ามือใหม่เหล่านี้ ที่ไม่ต้องรับหน้าที่ ‘เดอะแบก’ จนหนักเกินไป เพราะหัวหน้าเองก็ผ่านการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นมาบ้างแล้ว ทั้งยังมีประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีช่วยให้การทำงานในทีมกลมกล่อมยิ่งขึ้น [ เก่งแบบกูรู ≠ เก่งในการบริหารทีม ] ด้าน ‘ไรอัน โฮล์มส์’ (Ryan Holmes) ผู้บริหาร ‘Hootsuite’ บริษัทซอฟต์แวร์ด้าน AdTech ก็มีความเห็นไปในทิศทางคล้ายกัน เขาระบุว่า องค์กรส่วนใหญ่ยังคงวางเส้นทางการเติบโตให้พนักงานผ่านบทบาทของการเป็นผู้บริหาร ทั้งค่าตอบแทนและการยอมรับในองค์กรล้วนเชื่อมโยงกับการรับหน้าที่บริหารทีมทั้งสิ้น ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วชุดทักษะวิชาบริหารเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่ใ่ช่ทุกคนจะมีสิ่งนี้ และไม่ใช่ทุกคนที่ต้องเร่งพัฒนามัน สิ่งที่ขาดหายไป คือ ‘Guru track’ หรือเส้นทางเฉพาะด้านของคนทำงานแบบ ‘Specialist’ สำหรับ ‘โฮล์มส์’ แล้ว พนักงานที่มีความสามารถเฉพาะด้านแบบลงลึก เปรียบเสมือน ‘นักแสดง’ ยอดเยี่ยมที่ไม่ได้มีความกระตือรือร้นในการจัดการผู้คนหากแต่พวกเขาเหล่านี้ คือผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมความรู้อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังสามารถทำงานในขอบเขตหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้ไม่ได้เป็นผู้นำโดยตำแหน่ง แต่ความเก่งเฉพาะตัวแบบนี้นี่แหละที่ทำให้ ‘Specialist’ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนร่วมงานผ่านวิธีการทำงานของตนเอง มากกว่าการส่งทอดผ่านคำสั่งอย่างที่คนระดับบริหารทำกัน ฉะนั้น ความก้าวหน้าบนเส้นทาง ‘Guru track’ จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกัน พวกเขาเหล่านี้ ‘เลื่อนขั้น’ ในองค์กรผ่านวิธีการเฉพาะตัวรูปแบบอื่นๆ แทน อาจจะเป็นการได้รับมอบหมายให้ดูแลเมกะโปรเจกต์ ได้ทำงานกับฝ่ายอื่นๆ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา ให้คำปรึกษากับคนทำงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้เป็นอย่างดี และอาจได้รับเลือกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้นๆ หากใครต้องการปรึกษาเรื่องนี้ ต้องเป็นคนคนนี้เท่านั้นที่ให้คำแนะนำได้แหลมคมที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ‘Win-win’ ทั้งสองฝ่าย พนักงานที่ทำได้ดีอยู่แล้วก็ลึกซึ้งกับเนื้องานมากขึ้น ได้รับคำตอบเรื่องเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานความถนัดแบบที่ไม่ได้ ‘ถูกบีบ’ ให้เติบโตตามขนบ ส่วนองค์กรเองก็เพิ่มโอกาสในการรักษาคนมีความสามารถไว้ได้ หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ คือการเปิดโอกาสให้คนทำงานได้มีส่วนร่วมกับเส้นทางของตัวเอง ให้เขาได้เป็น ‘Owner’ ไม่ใช่ถูกมอบหมาย ‘ให้ทำ’ แต่เกิดขึ้นเพราะเขา ‘อยากทำ’ แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับเวิร์คพอยท์ทูเดย์ https://workpointtoday.com/not-everyone-can-be-a-leader/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ฮ่องกงจัดนิทรรศการ "รำลึก 100 ปี กิมย้ง" ผสานเทคโนโลยี AR โชว์ยุทธภพมังกรหยก

29/04/2024

ฮ่องกงจัดนิทรรศการ "A Path to Glory – Jin Yong’s Centennial Memorial" รำลึก 100 ปี กิมย้ง พร้อมผสานเทคโนโลยี AR เชื่อมต่อโลกจริงเข้ากับโลกเสมือน โชว์เส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์แห่งยุทธภพมังกรหยก“ที่ไหนมีคนจีน ที่นั่นย่อมมีโลกแห่ง “อู่เสีย” (Wuxia) ของกิมย้ง” นับเป็นประโยคกล่าวที่สรรเสริญความยิ่งใหญ่ของกิมย้งได้เป็นอย่างดี และในปี 2567 นี้ ถือเป็นปีที่นักเขียนชื่อดังระดับตำนานในวงการนิยายจีน “กิมย้ง (ดร.หลุยส์ ชา)” มีอายุครบ 100 ปี โดยตลอดชีวิตที่ผ่านมา กิมย้งได้จรดปลายปากการังสรรค์นิยายจีนกำลังภายในรวมทั้งหมด 15 เรื่อง และให้กำเนิดตัวละครมามากกว่า 1,400 ตัวผลงานอันโดดเด่นของเขามียอดจำหน่ายมากกว่า 100 ล้านเล่มทั่วโลก และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ กว่า 14 ภาษา ด้วยความลึกซึ้งในแง่ของคุณค่าด้านมนุษยนิยม สังคม และศิลปะ นิยายของเขาจึงไม่เพียงดึงดูดใจนักอ่านเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลสั่นสะเทือนวงการวรรณกรรมทั่วโลกอีกด้วย ด้วยเหตุผลเช่นนี้เอง ผลงานของกิมย้งจึงขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในงานวรรณกรรมคลาสสิกของทั้งจีนและประเทศต่างๆ ทั่วโลกนิทรรศการ "A Path to Glory - Jin Yong's Centennial Memorial” ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนอีเวนต์ศิลปะและวัฒนธรรมขนาดใหญ่ของฮ่องกง (Hong Kong Mega Arts and Cultural Events Fund), การท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board) และ กรมสันทนาการเเละวัฒนธรรม (Lisure and Cultural Services Department)ฮ่องกงคือบ้านเกิดของ “อู่เสีย” (Wuxia)” ผลงานการประพันธ์ของกิมย้งและเป็นแหล่งที่ผสานรวมวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก โดยนิทรรศการยาวหกเดือนนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ "ผู้ที่มีจิตใจกล้าหาญ" ทุกคนได้หวนคำนึงถึงศิลปะการต่อสู้แบบคลาสสิกและร่วมรำลึกถึงผลงานอันเป็นอมตะเนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งร้อยปีของกิมย้งโดยอีเวนต์ดังกล่าวประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์ และ การนิทรรศการศิลปะสาธารณะ เพื่อนำเสนออีเวนต์ทั่วฮ่องกงในแนวคิดเชิงวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับกิมย้ง ผ่านการผสมผสานของสื่อหลายรูปแบบ ทั้ง นักแสดงท้องถิ่น, ประสบการณ์ศิลปะดิจิทัลเสมือนจริง, รูปปั้น, ภาพวาด, งานออกแบบตัวอักษร (Calligraphy), งานออกแบบ, ภาพยนตร์, สื่อบันเทิงทางโทรทัศน์ และดนตรีนิทรรศการ "A Path to Glory - Jin Yong's Centennial Memorial • The World of Wuxia" จะจัดขึ้นที่ Edinburgh Place ในย่านเซ็นทรัล ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ถึง 2 กรกฎาคม 2567 ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีการจัดแสดงหุ่นรูปปั้นตัวละครของกิมย้ง 10 ตัว จากฝีมือการสร้างสรรค์ของประติมากร Ren Zhe ซึ่งตัวละครทั้งสิบที่จะนำมาจัดแสดง ประกอบไปด้วย เซียวเหล่งนึ่ง, เอี๊ยก้วย,  ก๊วยเจ๋ง, เจงกิสข่าน, ราชครูจักรทอง, จิวแป๊ะทง, อ้วนง้วนอั้งเลียก, แม่ชีมิกจ้อ, Hu Fei, และ Fan Yaoนอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงกระโจมแบบมองโกเลียที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่อง มังกรหยก หยกก๊าหว่า (The Eagle-shooting Heroes) ซึ่งจะเปิดให้ผู้เข้าชมได้เข้าไปดื่มด่ำประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟ รับฟังเรื่องราวผ่านเครื่องบรรยายหลายภาษาและเทคโนโลยี AR ที่ผสานโลกแห่งความจริงเข้ากับโลกเสมือนจริงสถานที่แห่งนี้จะนำฉากและเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครในนิยายมาบอกเล่าใหม่ให้เห็นภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่จะปลุกความทรงจำที่ทุกคนมีร่วมกันเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ถ่ายภาพเก็บความทรงจำ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ทางศิลปะและวัฒนธรรมแบบอินเทอร์แอคทีฟขณะที่นิทรรศการ "A Path to Glory – Jin Yong's Centennial Memorial, Sculpted by Ren Zhe" จะเปิดตัวที่พิพิธภัณฑ์ Hong Kong Heritage Museum ในเมืองซาถิ่นในวันที่ 15 มีนาคม 2567 และจะเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมถึง 7 ตุลาคม 2567 นี้โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงหุ่นรูปปั้นตัวละครจากผลงาน 5 เรื่องของกิมย้ง 22 ตัว ซึ่งรังสรรค์โดยประติมากร Ren Zhe ประกอบไปด้วย Xiaolongnu จากลูกมังกรหยก วีรบุรุษจ้าวอินทรี (The Giant Eagle and its Companion) Guo Jing, Huang Rong, Ouyang Feng, Wang Chongyang, Hong Qigong, Yi Deng และ Huang Yaoshi จาก มังกรหยก หยกก๊าหว่า (The Eagle-shooting Heroes) Dongfang Bubai, Ren Woxing, Linghu Chong, Ren Yingying and Feng Qingyang จากกระบี่เย้ยยุทธจักร (The Smiling) Proud Wanderer Zhang Wuji และ The Four Guardian Kings – Golden-haired Lion King, Purple Robe Dragon King, White-browed Eagle King และ Green-winged Bat King จากดาบมังกรหยก (The Heaven Sword and the Dragon Sabre) และ Xiao Feng, Xu Zhu and Duan Yu จากแปดเทพอสูรมังกรฟ้า (The Demi-Gods and the Semi-Devils)ตารางอีเวนต์ในนิทรรศการ "A Path to Glory – Jin Yong's Centennial Memorial"    •  นิทรรศการ "A Path to Glory - Jin Yong's Centennial Memorial • The World of Wuxia"   •  วันที่: 15 มีนาคม – 2 กรกฏาคม 2567 (ปิดให้บริการทุกวันจันทร์ ยกเว้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)  •  สถานที่: Edinburg Place ย่านเซ็นทรัล  •  เวลา: 10.00 – 22.00 นาฬิกา  •  เข้าชมฟรี    •  นิทรรศการ "A Path to Glory – Jin Yong's Centennial Memorial, Sculpted by Ren Zhe"   •  วันที่: 16 มีนาคม – 7 ตุลาคม 2567 (ปิดให้บริการทุกวันอังคาร ยกเว้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)  •  สถานที่: Hong Kong Heritage Museum ย่านซ่าถิ่น  •  เวลา: 10.00 – 18.00 น. (วันจันทร์/พุธ/ศุกร์) และ 10.00 – 19.00 น. (วันเสาร์/อาทิตย์/วันหยุดนักขัตฤกษ์)  •  เข้าชมฟรีแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ทูเดย์https://www.posttoday.com/smart-life/707702

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

กว่าจะเป็น “มัคคุเทศก์” ไม่ง่าย ใช่ว่าใครจะเป็นก็เป็นได้

25/04/2024

จากประเด็นดราม่าร้อนแรงที่เป็นกระแสดังไปทั่วทุกหย่อมหญ้า กรณีของช่องยูทูบท่องเที่ยวชื่อดังและ 2 ยูทูบเบอร์ชาวเกาหลี “คัลแลน พี่จอง” ที่ถูกจุดประเด็นขึ้นมา เพราะในทริปเที่ยวคลิปชุมพร Day 3 ที่มีผู้หญิงคนหนึ่ง “อ้างว่า” ตนเองประกอบวิชาชีพมัคคุเทศก์ (ไกด์) แต่กลับประพฤติตนไม่เหมาะสมกับลูกทัวร์ ไม่เคารพความเป็นส่วนตัวของลูกทัวร์ และไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่ตนเองแอบอ้าง จนกลายเป็นเรื่องดราม่าใหญ่โตถึงขนาดที่ผู้ใหญ่ในหน่วยงานระดับกรมการท่องเที่ยว ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องออกมาทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ประเด็นดราม่ามันคลี่คลายการเคลื่อนไหวของผู้ใหญ่ระดับกรมการท่องเที่ยว ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้เห็นเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ มันไม่ใช่แค่ประเด็นผิวเผินอย่างที่คนบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันแรก ๆ ว่าดราม่านี้เกิดขึ้นเพราะแฟนคลับผู้หญิงของหนุ่ม ๆ ไม่พอใจที่มัคคุเทศก์สาว (ที่ค่อนข้างหน้าตาดี) ทำตัวใกล้ชิดกับผู้ชายมีชื่อเสียงที่ตนเองติดตามอยู่ หรือสุมดราม่าเพราะอิจฉาที่ผู้หญิงคนในคลิปได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับคัลแลนพี่จอง และแสดงออกต่อกล้องที่ตามถ่ายอยู่จนเกินงาม ทว่าเรื่องมันใหญ่กว่านั้นหลายเท่า และถ้าได้ติดตามข่าวล่าสุด จะพบว่ามันบานปลายถึงขนาดที่กรมการท่องเที่ยว เตรียมเอาผิดกับบริษัททัวร์-ไกด์เถื่อน ที่เกี่ยวข้องกับดราม่าดังกล่าวเพราะเมื่อหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมธุรกิจทัวร์และมัคคุเทศก์อย่างกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สืบสาวราวเรื่องจากกระแสดราม่าที่เกิดขึ้นแล้ว พบว่ามีความผิดเกิดขึ้นจริง คือ บริษัททัวร์ที่นำเที่ยวในรายการดังกล่าว ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวหมดอายุตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 2566 ซึ่งตามกฎหมาย เมื่อใบอนุญาตหมดอายุ ก็ต้องทำการต่อใบอนุญาตให้ถูกต้องก่อนถึงจะดำเนินธุรกิจต่อได้ มิเช่นนั้น สถานะก็มิได้ต่างอะไรกับบริษัททัวร์เถื่อน และที่สำคัญก็คือ ผู้หญิงที่อ้างตัวว่าทำหน้าที่มัคคุเทศก์ตามที่ปรากฏในข่าวนั้น ก็ไม่มีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ด้วย นี่จึงเป็นอีกประเด็นใหญ่ที่เอฟเฟกต์สะเทือนไปทั้งวงการไกด์นำเที่ยวที่จำนวนหนึ่งกำลัง “ทำผิดกฎหมาย”ดราม่าดังกล่าวจะไม่เกิดเลย หากผู้หญิงคนที่แอบอ้างตัวว่าตนเองเป็นไกด์หรือมัคคุเทศก์ในทริปเที่ยวของช่องยูทูบตามดราม่านั้น มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาแอบอ้างตัวว่าเป็นไกด์ได้ง่าย ๆ แบบนี้ เพราะมัคคุเทศก์เป็นอาชีพที่ถูกระบุเรื่องข้อปฏิบัติและข้อห้ามในเวลาปฏิบัติงานเอาไว้อย่างชัดเจน ตามกฎหมายที่เรียกว่า พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ดังนั้น มัคคุเทศก์ทุกคนที่มีใบอนุญาตถูกต้อง จะต้องรู้เรื่องนี้ว่ามันเป็นความผิดร้ายแรงแค่ไหน และคงไม่มีใครจะกล้าเอาหน้าที่การงานของตนเองไปแลก ด้วยรู้ว่ามันผิดกฎหมาย เพียงเพื่อจะสนองความต้องการตนเองที่อยากใกล้ชิดลูกทัวร์คนดัง ที่ตนชื่นชอบเป็นการส่วนตัวหากเป็นมัคคุเทศก์ตัวจริง ต่อให้ชื่นชอบลูกทัวร์คนดังเป็นการส่วนตัว แต่เรื่องส่วนตัวจะต้องถูกแยกออกอย่างเด็ดขาดกับเรื่องงาน ว่าในขณะนี้ตนเองกำลังปฏิบัตหน้าที่อยู่ และกำลังสวมหัวโขนในฐานะไกด์นำเที่ยว ที่ไม่สามารถแสดงถึง “ความไม่เป็นมืออาชีพ” ออกไปได้ แต่เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้หญิงคนดังกล่าวจากในคลิป จะพบว่าเธอทำเรื่องผิดจรรยาบรรณ ผิดมารยาท ผิดข้อปฏิบัติของคนที่ต้องผ่านการอบรมและการสอบ ถึงจะได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพนี้ได้ “อย่างถูกกฎหมาย” โดยสิ้นเชิง เป็นตัวของตัวเองมากจนเหมือนไม่รู้มาก่อนเลยว่าอะไรที่ทำได้และอะไรที่ทำไม่ได้ ซึ่งผิดวิสัยคนเป็นมัคคุเทศก์ ที่ต้องรู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่คุ้มที่จะแลกกับหน้าที่การงานของตัวเองไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเป็น “มัคคุเทศก์”ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกันก่อน ว่าอาชีพไกด์หรือมัคคุเทศก์นี้ทำงานเกี่ยวกับอะไร มัคคุเทศก์ ไม่ใช่แค่คนที่เดินนำหน้ากลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวหลงทางเวลาที่เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ แต่คือผู้ที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวหรือสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่ข้อมูลเหล่านั้นมักเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ วิถีชีวิต ฯลฯดังนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในระดับที่เชี่ยวชาญ มีความสามารถในการสื่อสารและถ่ายทอดข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งต้องระมัดระวังเรื่องความถูกต้องเป็นอย่างมาก เพราะการให้ข้อมูลดังกล่าวจะเปรียบเสมือนการเผยแพร่วัฒนธรรมอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ยังต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการกลุ่มลูกทัวร์ การให้บริการด้วยใจรัก การเอื้อเฟื้อ ความกระตือรือร้น ความอดทน การเป็นผู้นำ การเป็นแบบอย่างที่ดี และที่สำคัญ คือการรักษามารยาทต่อลูกทัวร์ของตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติทั้งลูกค้าและอาชีพของตนเองอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเป็นมัคคุเทศก์ได้ อาชีพมัคคุเทศก์หรือไกด์นำเที่ยวนี้ ไม่ใช่นึกว่าอยากเป็นก็เดินมาเป็นได้เลย หรืออยากจะอ้างตัวว่าเป็นไกด์ก็เป็นได้เลยทันที แบบคุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้เหมือนพนักงานบริษัททั่วไป เพราะมันไม่ใช่แค่ความเสี่ยงเรื่องไม่มืออาชีพ เรื่องความน่าเชื่อถือ แบบปัญหาดราม่าเรื่องพฤติกรรมและมารยาทที่พึงปฏิบัติต่อลูกทัวร์แบบที่เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่เท่านั้น แต่ความผิดร้ายแรงที่สุดที่อาจเกิดขึ้นคือ เข้าข่าย “กระทำผิดกฎหมาย” ซึ่งอาจมีทั้งโทษทางปกครองและโทษทางอาญา เลวร้ายถึงขั้นถูกเพิกถอนใบอนุญาตนำเที่ยวและใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ หรือรับโทษจำโทษปรับตามความผิดได้เลยทีเดียวตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 มีบทบัญญัติในการควบคุมมัคคุเทศก์ ในเรื่องของคุณสมบัติและเงื่อนไขในการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ประเภทของมัคคุเทศก์ การขอใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ หน้าที่ของมัคคุเทศก์โดยละเอียด รวมถึงมีการกำหนดบทลงโทษ ทั้งทางปกครองและทางอาญา เมื่อมัคคุเทศก์กระทำความผิดเริ่มตั้งแต่การแบ่งประเภทของมัคคุเทศก์ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ มัคคุเทศก์ทั่วไป (มี 2 ประเภทย่อย) และมัคคุเทศก์เฉพาะ (มี 8 ประเภทย่อย) ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าสามารถนำเที่ยวให้นักท่องเที่ยวประเภทไหนได้บ้าง นำเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวประเภทไหนได้บ้าง และนำเที่ยวในพื้นที่ไหนได้บ้าง ซึ่งมัคคุเทศก์แต่ละประเภทก็จะต้อง “มีใบอนุญาตการเป็นมัคคุเทศก์” ที่แตกต่างกันออกไป โดยใบอนุญาตดังกล่าวได้มาจากการยื่นคำขอเข้ารับการอบรมและทดสอบความรู้ความสามารถ เมื่อใบอนุญาตใกล้หมดอายุ (5 ปี) ก็ต้องยื่นคำขอต่อใบอนุญาตภายใน 120 วันก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ ต้องอบรมใหม่สอบใหม่ส่วนเรื่องหน้าที่ของมัคคุเทศก์ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ได้ “กำหนด” หน้าที่ของมัคคุเทศก์เอาไว้หลายข้อทีเดียวว่า “ต้องทำ” อะไรบ้าง และ “ห้ามทำ” อะไรบ้าง ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์ที่กฎหมายกำหนดไว้ เรื่องของการทำหน้าที่ ความประพฤติ การแต่งกายที่สุภาพเรียบร้อยตามกาลเทศะ การห้อยบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์ตลอดเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีใบสั่งงาน ฯลฯ หากไม่ปฏิบัติตามที่กำหนดก็จะมีบทลงโทษ โทษทางปกครอง เป็นไปได้ตั้งแต่การพักใช้ใบอนุญาต ร้ายแรงถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนโทษทางอาญา จะได้รับโทษตามความผิด ดังต่อไปนี้1. ผู้ใดทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ หรือทำหน้าที่มัคคุเทศก์ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ2. มัคคุเทศก์ผู้ใดฝ่าฝืนประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ในเขตพื้นที่ที่คณะกรรมการประกาศกำหนดเขตพื้นที่ในท้องถิ่นหรือชุมชน ตามมาตรา 12(4) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท3. มัคคุเทศก์ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด หรือไม่ติดใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท4. มัคคุเทศก์ผู้ใดฝ่าฝืนจ่ายเงินหรือให้ประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวหรือบุคคลอื่นใด หรือยอมตนเข้ารับผิดชอบในค่าใช้จ่ายทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อให้ตนได้มาซึ่งการนำนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ5. มัคคุเทศก์ผู้ใดยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่มีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์แทนตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเป็นการตอกย้ำว่าปัญหาดราม่าที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่ว่าแฟนคลับอิจฉาผู้หญิงที่ (อ้างว่า) เป็นไกด์ แต่มันเป็นเรื่องของข้อปฏิบัติทางวิชาชีพ และมีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 มาตรา 50 กำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติและเงื่อนไขในการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ไว้ดังต่อไปนี้1. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์2. มีสัญชาติไทย3. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าในสาขามัคคุเทศก์หรือสาขาการท่องเที่ยวที่มีวิชาเกี่ยวกับมัคคุเทศก์ หรือสำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงในสาขามัคุเทศก์หรือสาขาการท่องเที่ยวที่มีวิชาเกี่ยวกับมัคคุเทศก์ไม่น้อยกว่าที่คณะกรรมการกำหนด หรือได้รับวุฒิบัตรว่าได้ผ่านการฝึกอบรมวิชามัคคุเทศก์ตามหลักสูตรและสถานฝึกอบรมที่คณะกรรมการกำหนด4. ผ่านการทดสอบความรู้ความสามารถในการเป็นมัคคุเทศก์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนดและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้1. เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังหรือติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นโรคติดต่อที่คณะกรรมการกำหนด2. เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ หรือใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว3. เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา 46(1) (3) หรือ (4) หรือใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ตามมาตรา 63(1) (2) (3) หรือ (4) และยังไม่พ้นกำหนด 5 ปี นับถึงวันยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์4. เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา 46(5) หรือใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ตามมาตรา 63(5)5. เคยถูกเพิกถอนทะเบียนเป็นผู้นำเที่ยวมาแล้วยังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติโดยทั่วไปที่คนจะเป็นมัคคุเทศก์ควรมี คือ สามารถฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาไทยได้เป็นอย่างดี และรักในอาชีพบริการ เนื่องจากการเป็นมัคคุเทศก์มีลักษณะการทำงานที่จะต้องศึกษาข้อมูลเรื่องการท่องเที่ยวและข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเชี่ยวชาญ การกำหนดเส้นทาง การบริหารจัดการเวลา การติดต่อประสานงานส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวไปตามโปรแกรมเที่ยวที่กำหนดไว้อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องทำอย่างมีจรรยาบรรณ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ มัคคุเทศก์ยังมีบทบาทในการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเปรียบเสมือนทูตวัฒนธรรมที่จะเผยแพร่สิ่งที่น่าสนใจในประเทศให้ประจักษ์แก่สายตาของนักท่องเที่ยว จึงต้องทำออกมาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย เพราะมัคคุเทศก์จะต้องคอยดูแล ช่วยเหลือทุกปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวระหว่างการเดินทาง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ มัคคุเทศก์จะต้องใช้ความรู้และทักษะเฉพาะด้านที่ได้รับการฝึกอบรมมาทั้งหมดให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาทำอาชีพได้เพียงแค่กล่าวอ้างสำหรับคุณสมบัติทั่ว ๆ ไปของคนที่จะมาเป็นมัคคุเทศก์ได้ ก็อย่างเช่น  •  มีความรู้และความเชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ และวัฒนธรรมในพื้นที่ที่ตนกำลังนำเที่ยว  •  ทักษะการสื่อสาร มัคคุเทศก์คืออีกอาชีพหนึ่งที่เป็นนักพูด นักสื่อสารข้อมูลการท่องเที่ยว รวมทั้งต้องใช้ในการประสานงานเรื่องต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและเข้าใจ รวมถึงการสื่อสารในภาษาต่างประเทศ เพราะลูกทัวร์ไม่ได้มีเฉพาะคนไทยเท่านั้น  •  ทักษะด้านการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ การทำทัวร์ต้องมีการวางแผนโปรแกรมเที่ยว ทัวร์ 1 วันต้องบริหารเวลาในการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ให้เหมาะสม การบริหารทรัพยากรที่มี และที่สำคัญ ต้องบริหารจัดการคนเป็น เพราะมัคคุเทศก์ต้องเจอนักท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ  •  ช่างสังเกต มีไหวพริบ มีความยืดหยุ่น และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะการจัดทัวร์มีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม รวมถึงต้องประสานงานหลายส่วน เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ก็ต้องปรับเปลี่ยนโปรแกรมเที่ยวได้ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ตามปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  •  มีใจรักการเดินทาง ออกแบบโปรแกรมเที่ยวได้อย่างน่าสนใจ การนำทางที่ง่าย สะดวก ถูกต้อง ไม่ซับซ้อน และรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกทัวร์  •  มีความอดทนต่อแรงกดดันได้ดี การทำทัวร์อาจเกิดปัญหาที่ไม่คาดฝันได้เสมอ ต้องทำงานร่วมกับคนร้อยพ่อพันแม่ และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไป สิ่งเหล่านี้ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพื่อตอบสนองกความต้องการให้กับทุกคนในทัวร์ได้อย่างไร้ปัญหา  •  ทักษะความเป็นผู้นำ สามารถเป็นตัวอย่างที่ดี สร้างความประทับใจให้กับลูกทัวร์ได้ ดูแลลูกทัวร์ดี  •  มีความเสียสละ มีใจรักงานบริการ  •  ซื่อตรง ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา ยึดมั่นในจรรยาบรรณของวิชาชีพ  •  มีทัศนคติเชิงบวก บุคลิกภาพดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีความมั่นใจในตนเอง  •  ใฝ่รู้ ขวนขวายหาความรู้อยู่เสมอ เพราะการนำเที่ยวมักมีข้อมูลใหม่ที่ต้องอัปเดตอยู่เสมอทำไมจะเป็นมัคคุเทศก์ ต้องสอบใบอนุญาต!เพื่อให้การประกอบอาชีพไกด์หรือมัคคุเทศก์เป็นไปอย่างมีมาตรฐาน ผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพนี้จึงต้องเข้ารับการสอบมัคคุเทศก์หรือสอบใบอนุญาตมัคคุเทศก์ เพื่อให้ได้รับใบอนุญาตมัคคุเทศก์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงต้องย้ำอีกครั้งว่าการจะเป็นไกด์นั้นไม่ใช่ใครจะเป็นได้ดังนั้น มัคคุเทศก์เป็นอาชีพหนึ่งที่ต้อง “มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ” ซึ่งการจะได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาก็ต้องผ่านการสอบด้วย เพราะมัคคุเทศก์เป็นมากกว่าแค่ผู้นำเที่ยว แต่ยังเป็นทูตวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราว แนะนำ บอกเล่า นำพานักท่องเที่ยวให้คล้อยตามไปกับชีวิตและจิตวิญญาณแห่งสถานที่นั้น ๆ รวมถึงดูแลองค์ประกอบทุกอย่างตลอดการเดินทางให้ราบรื่น ทั้งความรู้ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความบันเทิงเพราะการเป็นมัคคุเทศก์หรือไกด์นำเที่ยวนั้นจะต้องมีคุณสมบัติต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถทำหน้าที่ “ทูตวัฒนธรรม” แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แนะนำสิ่งที่น่าสนใจ และสามารถดูแลลูกทัวร์ให้เกิดความประทับใจได้ ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ต้องมีความรู้และมีทักษะเฉพาะด้านในการทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องผ่านการทดสอบความรู้ความสามารถในการเป็นมัคคุเทศก์ แล้วจึงจะได้รับ “ใบอนุญาตการเป็นมัคคุเทศก์” ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่มัคคุเทศก์ได้จริงการสอบใบอนุญาตมัคคุเทศก์ จะประกอบไปด้วย 2 หมวดหลัก ๆ ได้แก่  •  หมวดความรู้ทั่วไปสำหรับอาชีพมัคคุเทศก์ สัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 70 ของข้อสอบทั้งหมด โดยจะมีทั้งส่วนที่เป็นความรู้เชิงวิชาการและความรู้ด้านทักษะอาชีพ  •  หมวดวัดความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ สัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ของข้อสอบทั้งหมด โดยผู้สอบจะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบทัวร์เถื่อน ไกด์เถื่อน คืออะไรด้วยความที่ “มัคคุเทศก์” เป็นอาชีพหนึ่งที่มีกฎหมายบังคับเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน การกระทำที่ขัดต่อตัวบทกฎหมายจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เข้าข่าย “ทัวร์เถื่อน” หรือ “ไกด์เถื่อน”ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนําเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 กำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะเป็นมัคคุเทศก์ ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จากนายทะเบียน ทั้งนี้ ผู้ใดทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นมัคคุเทศก์ (ไกด์เถื่อน) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา 15 หรือประกอบธุรกิจนำเที่ยวในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 45 วรรคสอง (ทัวร์เถื่อน) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับอย่างไรก็ตาม คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ที่สำคัญประการหนึ่งคือ ผู้นั้นต้องมีสัญชาติไทย โดยตามกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มัคคุเทศก์ถือเป็นอาชีพหนึ่งที่ “ห้าม” คนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด เหตุผลก็คือ อาชีพมัคคุเทศก์มีหน้าที่สำคัญในการนำเสนอสิ่งที่ดีงามทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โบราณคดี ศาสนา ตลอดจนศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งชาติของคนไทย จึงถูกสงวนไว้ให้เป็นอาชีพของคนไทยเท่านั้นรวมถึงการที่คนต่างด้าวไม่ได้จบการศึกษาในสาขามัคคุเทศก์หรือสาขาการท่องเที่ยว รวมถึงไม่ได้ผ่านการทดสอบความรู้ความสามารถในการเป็นมัคคุเทศก์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนด จึงอาจเกิดปัญหาให้ข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง และอีกเหตุผลก็คือ ความเสี่ยงที่จะก่ออาชญากรรมต่อนักท่องเที่ยว เพราะมัคคุเทศก์ต่างด้าวไม่มีใบอนุญาต ไม่มีข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ เมื่อเกิดปัญหาอาชญากรรม ก็จะไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ หากฝ่าฝืน ก็จะเข้าข่ายเป็นไกด์เถื่อนด้วยเช่นกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447519/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุฟรี แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

29/04/2024

เอไอเอ ประเทศไทย โดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก เป็นตัวแทนรับโล่ประกาศเกียรติคุณจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี และนายกมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ในโอกาสที่เอไอเอ ประเทศไทย สนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ จำนวน 320 กรมธรรม์ ให้แก่เยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และสงขลา (เฉพาะอำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) ภายใต้โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งได้นำเยาวชนรุ่นที่ 42 กว่า 320 คน มาพำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อมาเปิดโลกทัศน์ เสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ในหลากหลายมิติ ทั้งในเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยได้นำเยาวชนไปทัศนศึกษา เข้าค่ายกิจกรรม และได้ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ใน 10 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สระบุรี อ่างทอง และกรุงเทพมหานคร โดยความคุ้มครองอุบัติเหตุนี้ จะช่วยให้เยาวชนและครอบครัวของเยาวชน ได้มีความอุ่นใจในขณะที่ต้องเดินทางมาทำกิจกรรมและใช้ชีวิตในพื้นที่ต่างภูมิลำเนา ซึ่งการมอบความคุ้มครองดังกล่าว ยังสอดคล้องกับนโยบายด้านความยั่งยืน (ESG) ของเอไอเอ และความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ผ่านกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ โดยพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว จัดขึ้น ณ สโมสรทหารบก (ส่วนกลาง) วิภาวดี เมื่อเร็ว ๆ นี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

ลงทุนทองคำทำอย่างไร...ซื้อทองไม่ต้องง้อเซฟ

29/04/2024

หากจะบอกว่า “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย คู่ใจนักลงทุนยามเศรษฐกิจผันผวนก็คงไม่ผิดนัก ว่าแต่จะซื้อทองอย่างไรไม่ต้องง้อเซฟ บทความวันนี้ของหลักทรัพย์บัวหลวงจะมาไขข้อสงสัยพร้อมแนะนำวิธีลงทุนทองคำในหลากหลายรูปแบบให้ทุกท่านได้อ่านกัน ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จัก “ทองคำ” กันก่อนว่า ทำไมถึงสำคัญในการลงทุน นั่นก็เป็นเพราะว่า “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์มั่นคงไม่เสื่อมค่าไปตามกาลเวลา และเป็นทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และสินทรัพย์เพื่อการลงทุน  แล้วทำไมทองคำถึงสำคัญในการลงทุนล่ะ ก็ทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วอย่างยาวนานและได้รับการยอมรับในระดับสากลว่า “เป็นแหล่งสะสมความมั่งคั่ง”   1. ทองคำ สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาว เอาชนะเงินเฟ้อได้  2. ทองคำ มีความปลอดภัยหากลงทุนในช่วงวิกฤติ  3. ทองคำ มีสภาพคล่องสูง และมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย  หมายเหตุ: อ้างอิงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ปัจจุบันราคาทองคำ (Gold Spot) ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ยกตัวอย่าง ตามภาพด้านล่างแต่หากเราอ้างอิงราคาทองคำในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นราคาทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณก็มักจะมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถติดตามราคาทองคำได้ทางโปรแกรม Aspen และยังสามารถเข้าไปติดตามการวิเคราะห์ราคาทองคำได้ผ่านแอป Stock Signals  ปัจจุบันช่องทางการลงทุนในทองคำสามารถทำได้ง่าย ๆ ทั้งรูปแบบการลงทุนทางตรง และการลงทุนทางอ้อม  1. ลงทุนทางตรง ด้วยการซื้อทองคำแท่ง หรือทองคำรูปพรรณ  2. ลงทุนทางอ้อม ด้วยการลงทุนผ่านกองทุนทองคำ หรือลงทุนด้วยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures)  ทั้งนี้การลงทุนทองคำทางอ้อม ผ่านกองทุนทองคำ ปัจจุบันทำได้ง่าย ๆ ผ่านแอป Streaming Fund+ เริ่มต้นลงทุนเพียง 3,000 บาท ก็เป็นเจ้าของกองทุนทองคำได้แล้ว โดยผู้ลงทุนสามารถเปิดบัญชีกองทุนกับหลักทรัพย์ บัวหลวง เพื่อซื้อขายกองทุนจาก 17 บลจ.ชั้นนำได้ที่ www.bualuang.co.th  ส่วนการลงทุนทองคำผ่านสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่มีทองคำแท่งเป็นสินค้าอ้างอิงมีให้เลือกลงทุน ดังนี้  1. TFEX Gold Futures อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% 2. TFEX Gold Online Futures อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% 3. TFEX Gold-D อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% วันนี้เราขอยกจุดเด่นของ Gold Online Futures มาให้ได้อ่านกัน  1. ราคาอ้างอิงตามทองคำในตลาดโลก  2. ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นขาลง  3. เทรดได้ ทั้งกลางวันและกลางคืน  4. วางหลักประกันและคิดกำไร/ขาดทุนเป็นเงินบาท 5. สภาพคล่องสูง 6. ไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน  สำหรับวิธีซื้อขาย Gold Online Futures   หากคาดว่าราคาทองจะ “สูงขึ้น”  1. เปิดสถานะ: Open Long  2. ปิดสถานะ: Close Short   หากคาดว่าราคาทองจะ “ลดลง”   1. เปิดสถานะ: Open Short   2. ปิดสถานะ: Close Long สำหรับนักเก็งกำไรที่สนใจเทรด Gold Futures สามารถเปิดบัญชี TFEX ออนไลน์ ง่าย ๆ ไม่ต้องยื่นเอกสาร ผ่านแอปพลิเคชัน Wealth CONNEX ของหลักทรัพย์บัวหลวง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111 แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ทูเดย์https://www.posttoday.com/columnist/706791

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

ใครเหมาะกับประกันรถยนต์ชั้น 2 คลายกังวลได้หมดจด!!

24/04/2024

สำหรับนักเดินทางคนไหนที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ราคาย่อมเยาพร้อมให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ คงต้องยกให้กับประกันรถยนต์ชั้น 2 แน่นอนว่าจะเป็นตัวช่วยที่สามารถทำให้ทุกท่านคลายความกังวลเรื่องอุบัติเหตุไปได้เลยทันที ยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดคราใดก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณีและคุ้มครองกรณีรถหาย น้ำท่วมหรือไฟไหม้ได้ด้วย ประกันชั้น 2 ราคาสบายกระเป๋า ซื้อสบายจ่ายคล่อง ว่าแต่ดีขนาดนี้ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ไปดูกันเลยประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ตามมาคลายข้อสงสัยกันเลยดีกว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่ารถยนต์ของเรานั้นควรต่อประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ดี ก็ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 1 กันก่อน เพราะถือว่าเป็นประกันรถยนต์ที่เหมาะกับทุกคนที่สามารถรับค่าใช้จ่ายที่เสียไปได้ ในขณะเดียวกันสำหรับประกันรถยนต์ชั้นน 2 ก็เจาะกลุ่มเฉพาะมากขึ้น โดยจุดเด่นๆ ที่ว่าเหมาะกับใครบ้างนั้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีอายุรถไม่เกิน 15 ปีประกันชั้น 2 ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีรถยนต์อายุไม่เกิน 15 ปีเพราะประกันชั้น 2 มีเงื่อนไขให้รถที่ทำได้ก็คือรถที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อประกันชั้น 2 ควรเช็กก่อนว่าอายุรถของท่านเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งถ้าเหมาะสมก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะจะได้รับการคุ้มครองที่ดีอย่างแน่นอน2. เหมาะสำหรับผู้ที่อยากซื้อประกันราคาย่อมเยาแต่คุ้มครองคุ้มค่าสำหรับใครที่อยากได้ประกันราคาสุดประหยัดแต่ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าที่คิด ก็ไม่ควรมองข้ามประกันชั้น 2 นอกจากจะช่วยซ่อมรถคู่กรณีแล้วก็ยังคุ้มครองเรื่องรถหายและไฟไหม้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการคุ้มครองที่คุ้มค่า ดีกว่าที่มีเพียงแค่ พ.ร.บ. รถยนต์ที่ช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย หรือดีกว่าประกันรถยนต์ชั้น 3 อย่างแน่นอน3. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับการขับขี่อยู่แล้วการเลือกทำประกันชั้น 2 ไม่ได้มองแค่เพียงเรื่องของราคาแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ขับขี่อย่างเชี่ยวชาญและมีระเบียบวินัยที่ดีอยู่แล้วด้วย จะเป็นตัวช่วยทำให้ลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้มาก ในส่วนของประกันรถยนต์ชั้น 2 จึงออกแบบให้เหมาะกับคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก4. เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถน้อยคนที่มีรถแต่ไม่ค่อยได้ขับรถไปไหนบ่อยนักหรือจอดเอาไว้มากกว่าขับหรืออาจจะมีรถหลายคัน ก็อาจจะเลือกทำประกันชั้น 2 ติดเอาไว้เพื่อคุ้มครองกรณีฉุกเฉินจริงๆ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ เกิดรถเสียก็สามารถได้รับการคุ้มครองได้อย่างแน่นอนประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้างคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ กรณีสูญหาย, น้ำท่วมรถหรือไฟไหม้จนรถเสียหายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ผู้โดยสารหรือคู่กรณีที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุการเสียชีวิต, ทุพพลภาพหรือสูญเสียมือ, เท้าและสายตาของผู้ขับขี่และผู้โดยสารการประกันตัวผู้ขับขี่กรณีขึ้นศาลความเสียหายส่วนแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินประกันชั้น 2 ไม่คุ้มครองอะไรบ้างไม่คุ้มครองน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติไม่คุ้มครองการขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณี รวมทั้งการชนสิ่งกีดขวางอื่นๆ เช่น รั้วบ้าน, เสาไฟฟ้าหรือการถูกชนโดยไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ไม่คุ้มครองรถของผู้ทำประกัน ในกรณีขับรถชน เพราะให้ความคุ้มครองรถคู่กรณีเท่านั้น จึงไม่ซ่อมรถให้กับผู้ทำประกันทุกคนคงจะเห็นแล้วว่าประกันรถยนต์ชั้น 2 มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง และถ้าอ่านแล้วถูกใจต้องการที่จะ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ก่อนใครก็สามารถเข้าไปอ่านกันได้เลยสำหรับนักเดินทางคนไหนที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ราคาย่อมเยาพร้อมให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ คงต้องยกให้กับประกันรถยนต์ชั้น 2 แน่นอนว่าจะเป็นตัวช่วยที่สามารถทำให้ทุกท่านคลายความกังวลเรื่องอุบัติเหตุไปได้เลยทันที ยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดคราใดก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณีและคุ้มครองกรณีรถหาย น้ำท่วมหรือไฟไหม้ได้ด้วย ประกันชั้น 2 ราคาสบายกระเป๋า ซื้อสบายจ่ายคล่อง ว่าแต่ดีขนาดนี้ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ไปดูกันเลยประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร ตามมาคลายข้อสงสัยกันเลยดีกว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่ารถยนต์ของเรานั้นควรต่อประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ดี ก็ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 1 กันก่อน เพราะถือว่าเป็นประกันรถยนต์ที่เหมาะกับทุกคนที่สามารถรับค่าใช้จ่ายที่เสียไปได้ ในขณะเดียวกันสำหรับประกันรถยนต์ชั้นน 2 ก็เจาะกลุ่มเฉพาะมากขึ้น โดยจุดเด่นๆ ที่ว่าเหมาะกับใครบ้างนั้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีอายุรถไม่เกิน 15 ปีประกันชั้น 2 ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีรถยนต์อายุไม่เกิน 15 ปีเพราะประกันชั้น 2 มีเงื่อนไขให้รถที่ทำได้ก็คือรถที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อประกันชั้น 2 ควรเช็กก่อนว่าอายุรถของท่านเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งถ้าเหมาะสมก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะจะได้รับการคุ้มครองที่ดีอย่างแน่นอน2. เหมาะสำหรับผู้ที่อยากซื้อประกันราคาย่อมเยาแต่คุ้มครองคุ้มค่าสำหรับใครที่อยากได้ประกันราคาสุดประหยัดแต่ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าที่คิด ก็ไม่ควรมองข้ามประกันชั้น 2 นอกจากจะช่วยซ่อมรถคู่กรณีแล้วก็ยังคุ้มครองเรื่องรถหายและไฟไหม้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการคุ้มครองที่คุ้มค่า ดีกว่าที่มีเพียงแค่ พ.ร.บ. รถยนต์ที่ช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย หรือดีกว่าประกันรถยนต์ชั้น 3 อย่างแน่นอน3. ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับการขับขี่อยู่แล้วการเลือกทำประกันชั้น 2 ไม่ได้มองแค่เพียงเรื่องของราคาแต่จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ขับขี่อย่างเชี่ยวชาญและมีระเบียบวินัยที่ดีอยู่แล้วด้วย จะเป็นตัวช่วยทำให้ลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้มาก ในส่วนของประกันรถยนต์ชั้น 2 จึงออกแบบให้เหมาะกับคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก4. เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถน้อยคนที่มีรถแต่ไม่ค่อยได้ขับรถไปไหนบ่อยนักหรือจอดเอาไว้มากกว่าขับหรืออาจจะมีรถหลายคัน ก็อาจจะเลือกทำประกันชั้น 2 ติดเอาไว้เพื่อคุ้มครองกรณีฉุกเฉินจริงๆ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ เกิดรถเสียก็สามารถได้รับการคุ้มครองได้อย่างแน่นอนประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง  •  คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ กรณีสูญหาย, น้ำท่วมรถหรือไฟไหม้จนรถเสียหาย  •  ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  •  ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ผู้โดยสารหรือคู่กรณีที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ  •  การเสียชีวิต, ทุพพลภาพหรือสูญเสียมือ, เท้าและสายตาของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  •  การประกันตัวผู้ขับขี่กรณีขึ้นศาล  •  ความเสียหายส่วนแรก สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สิน ประกันชั้น 2 ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง  •  ไม่คุ้มครองน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติ  •  ไม่คุ้มครองการขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณี รวมทั้งการชนสิ่งกีดขวางอื่นๆ เช่น รั้วบ้าน, เสาไฟฟ้าหรือการถูกชนโดยไม่สามารถระบุคู่กรณีได้  •  ไม่คุ้มครองรถของผู้ทำประกัน ในกรณีขับรถชน เพราะให้ความคุ้มครองรถคู่กรณีเท่านั้น จึงไม่ซ่อมรถให้กับผู้ทำประกันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://siamrath.co.th/n/513187

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ส่องสตรีทอาร์ตในงาน “BKK WALL FEST 2024” ที่ MMAD - MunMun Art Destination

29/04/2024

แมด - มันมัน อาร์ต เดสทิเนชั่น จับมือ PINEAPPLE PRINT PRESS และ Ground Control สร้างสรรค์งาน “BKK WALL FEST 2024” เฟสติวัลที่จะนำเสนอศิลปะรูปแบบสตรีทอาร์ตของประเทศไทย (The Culture of Street Art of Thailand) ผ่าน 20 ศิลปินสายสตรีทที่มีชื่อเสียงมากมายทั้งในประเทศและระดับโลกพร้อมสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นจิตวิญญาณของผู้คนผ่านผลงานสตรีทอาร์ต ที่จะเปลี่ยนพื้นที่ธรรมดาให้กลายเป็นแกลเลอรี่ศิลปะกลางแจ้ง พร้อมบอกเล่าเรื่องราวสะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของศิลปินที่สร้างพื้นที่ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ สายสตรีทเตรียมปักหมุดเช็คอินกับผลงานสตรีทอาร์ตหลากหลายรูปแบบ ทั้งจิตรกรรมบนกำแพง การแสดง นิทรรศการ การบรรยาย และเวิร์คช็อปต่างๆ ตลอด 2 เดือนเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จนถึง 2 มิถุนายน 2567 ที่ MMAD - MunMun Art Destination (แมด - มันมัน อาร์ต เดสทิเนชั่น) ชั้น 1 และชั้น 2, มันมัน ศรีนครินทร์PHASE 1EXHIBITION AT MMAD - MunMun Art Destinationระยะเวลางาน:​1 - 21 เมษายน 2567พิกัด: ​​ชั้น 2 แมด, มันมัน ศรีนครินทร์ประเดิมเฟสแรกกับนิทรรศการ “BKK WALL FESTIVAL 2024” การแสดงผลงานศิลปะที่จะบอกเล่าเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวกับสตรีทอาร์ท ที่แสดงถึงขนบและความหลากหลายของในมิติต่าง ๆ ทั้ง MURAL PAINTING, LIVE PERFORMANCE, EXHIBITION, INTERACTIVE ART ผ่านศิลปินสตรีทอาร์ท ที่มีชื่อเสียงและผลงานที่เป็นที่ยอมรับ อย่างแพร่หลายทั้ง BIGDEL, DEIO, FREAK, HELLO MY NAME IS BKK, JOKER, MONTEMITH, MR. KREME, NEV3R, RUKKIT, SAWASDEE,TRK, YOUNGPRAY, Y? นำเสนอวิธีและกระบวนการสร้างสรรค์ ไปจนถึงการแสดงผลงาน ที่จะเชื่อมต่อเรื่องราวของศิลปะบนท้องถนนสู่พื้นที่ในบริบทที่แตกต่าง พร้อมกิจกรรมไฮไลท์ LIVE PAINTING (MURAL PAINTING)ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานบนผืนกำแพงขนาดใหญ่รวมกว่า 50 เมตรPHASE 2“THE JOURNEY OF STREET ART” EXHIBITION AT MMAD MASS GALLERY PRESENTED BY MMAD X PPPระยะเวลางาน: 27 เมษายน - 2 มิถุนายน 2567พิกัด: MMAD MASS GALLERY (แมด แมส แกลอรี่) ชั้น 2 แมด, มันมัน ศรีนครินทร์เอาใจสายอาร์ตกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจับมือกันระหว่าง PPP (Pineapple Print Press) และ Ground Control ณ ห้อง MMAD MASS GALLERY สร้างสรรค์นิทรรศการภายใต้ธีม “THE JOURNEY OF STREET ART” บอกเล่าเรื่องราวและการเดินทางของศิลปะในรูปแบบสตรีทอาร์ทที่นำเสนอออกมาในรูปแบบการแสดงผลงานนิทรรศการศิลปะ โดยใช้สื่อทางศิลปะที่หลากหลายทั้ง Painting, Sculpture, Printmaking, Mixed Media, VDO Documentary and Installation Art ผ่านศิลปินที่มีชื่อเสียงในแวดวงและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง อาทิ BIGDEL, DEIO, FREAK, HELLO MY NAME IS BKK, JOKER, MONTEMITH, MR. KREME, NEV3R, RUKKIT, SAWASDEE, TRK, YOUNGPRAY, Y?นอกจากนี้ ยังเตรียมพบกับกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ พร้อมพบปะศิลปินสตรีทอาร์ตอีกมากมายในงาน “BKK WALL FEST 2024” ไม่ว่าจะเป็น  •  1 - 4 เมษายน 2567 Live Painting ลานกิจกรรม บริเวณประตูทางเข้า มันมัน ศรีนครินทร์    •    •  6 เมษายน 2567 เปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการ พร้อมกิจกรรมหลากหลาย อาทิ Open Wall พบกับศิลปินสตรีทอาร์ตที่จะมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานบนพื้นที่บริเวณสะพานลอย และการสร้างสรรค์ผลงานบนเสื้อกว่า 100 ตัว เพื่อแจกเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้โชคดี พร้อม Exclusive Party จากดีเจชั้นนำ4 พฤษภาคม 2567 ร่วมสนุกกับกิจกรรมเวิร์คช็อป โดย DREAM GRAFF (CNX.) เวลา 15.00 น.- 17.00 น.  •  18 พฤษภาคม 2567 ร่วมพูดคุยกับศิลปินในหัวข้อ “INTRO TO STREET” EB CREW & TEMPORARY WEST เวลา 15.00 น.- 17.00 น.  •  25 พฤษภาคม 2567 เปิดประสบการณ์เวิร์คช็อปสุดเอ็กคลูซีฟไปกับ GRAFITI WORKSHOP BY DEIO เวลา 14.00 น - 16.00 น.ติดตามความเคลื่อนไหวของ “BKK WALL FEST 2024” ได้ที่ Facebook: MMAD - MunMun Art Destination และ Facebook: MunMunแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ทูเดย์https://www.posttoday.com/smart-city/707705

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

4 เมืองท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก นักเดินทางควรไปเยือนสักครั้ง

29/04/2024

เอาใจนักท่องเที่ยวสายยั่งยืน รวมเมืองท่องเที่ยวจาก 4 ประเทศทั่วโลกที่มีสิ่งแวดล้อมอันสวยงาม โดยเมืองเหล่านี้มีความยั่งยืนอย่างเหมาะสม พิจารณาจากตัวชี้วัดตามเกณฑ์ทั้ง 69 ตัว เช่น อัตราการรีไซเคิล ระดับมลพิษทางอากาศ ปริมาณเส้นทางปั่นจักรยาน และเปอร์เซ็นต์ของห้องพักในโรงแรม ที่ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทรนด์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสท่องเที่ยวที่น่าสนใจไปทั่วโลก เนื่องจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนี้ เป็นการส่งผลกระทบเชิงบวกไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างเศรษฐกิจให้กับแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ ในทิศทางที่ดีขึ้น สร้างบรรยากาศที่ดี และยังเป็นการรณรงค์ที่จะช่วยลดผลกระทบทางลบต่อการท่องเที่ยวในสถานที่นั้นๆ ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วยกระแสท่องเที่ยวนี้ทำให้ทางไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวม 4 แหล่งท่องเที่ยวสุดยั่งยืนที่น่าสนใจ และต้องเดินทางไปสัมผัสความยั่งยืนนี้ด้วยตนเองสักครั้ง ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ ได้รับการพิจารณาจากตัวชี้วัดตามเกณฑ์ความยั่งยืนทั้ง 69 ตัวในลำดับต้นๆ ของโลกเมืองท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก  •  Gothenburg ประเทศสวีเดนกอเทนเบิร์ก (Gothenburg) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศสวีเดน และเป็นเมืองท่าสำคัญ บรรยากาศและผังเมืองที่นอกจากจะอุดมไปด้วยความเจริญแล้ว ยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวจะได้เห็นหมู่บ้านสไตล์นอร์ดิกเรียงรายตลอดทาง ที่เน้นเป็นหนึ่งเดียวกับความเขียวขจีจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศของความเรียบง่าย สงบ อบอุ่น และผ่อนคลาย สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเน้นไปในเชิงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ สวนสาธารณะ จุดชมวิวที่เหมาะสมมากๆ กับนักท่องเที่ยวสายชิลที่อยากจะลิ้มลองวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์  •  Oslo ประเทศนอร์เวย์ออสโล (Oslo) เป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นอีกประเทศสำคัญที่เป็นดั่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เนื่องจากมีความสวยงาม ไม่ว่าจะจากธรรมชาติก็ดี ประติมากรรมจากยุโรปที่เหมือนหลุดมาจากภาพวาดถึงแม้ว่าออสโลจะเป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ ที่เมืองหลวงแห่งนี้ยังมีพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่มากกว่าครึ่ง เช่น สวนสาธารณะ ป่า ทิวเขา และทะเลสาบอยู่มากมาย และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นพื้นที่พัฒนาเพื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีความสะอาดเป็นเลิศ สำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ บอกเลยว่าที่ออสโลนี้ ต้องเดินทางมาท่องเที่ยวให้ได้สักครั้ง  •  Copenhagen ประเทศเดนมาร์กโคเปนเฮเกน (Copenhagen) เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งที่นี่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเมืองหนึ่งในทวีปยุโรป โดยกรุงโคเปนเฮเกนเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการบริหารประเทศ เป็นที่ตั้งพระราชวังหลวง ทำให้ที่นี่มีวัฒนธรรมและความดั้งเดิมของพื้นที่ตั้งแต่ยุคเก่า เคล้ากับความพัฒนาและความเจริญได้อย่างลงตัวนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความสวยงามของการออกแบบผังเมือง ตึกรามบ้านช่องสไตล์เดนิช ที่มีให้เห็นในประเทศเดนมาร์กโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางการจราจรที่ไม่แออัด พร้อมทั้งพื้นที่ปั่นจักรยานภายในเมืองที่จัดได้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน ทำให้เป็นที่ชื่นชอบแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนในลำดับต้นๆ อีกหนึ่งประเทศ  •  Helsinki ประเทศฟินแลนด์เฮลซิงกิ (Helsinki) เมืองหลวงขนาดใหญ่ของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ มีความสวยงาม เคล้าคลอกับธรรมชาติ แถมยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้ติดตามอย่างน่าหลงใหลในช่วงฤดูหนาวนอกจากนี้ เฮลซิงกิ ยังมีการตกแต่งสถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่สวยงาม ซึ่งทั้งหมดเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมของฟินแลนด์ได้อย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งเมืองและประเทศที่หากมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยว ควรเก็บไว้ในลิสต์อีกหนึ่งสถานที่ข้อมูล : bbcภาพ : istockแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/abroad/2780106?gallery_id=1

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X