คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ห้องแสดงนิทรรศการ

สดจากเยาวชน - เล่นกับโต้ง ศิลปะท้องทุ่ง

29/04/2024

“โต้ง” เป็นคำเมือง ล้านนา หมายถึง ทุ่งนาในงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 จัดแสดงหลายพื้นที่ในอำเภอต่างๆ โดยพื้นที่จัดแสดงหลักคืออำเภอเมืองและอำเภอเชียงแสน ในส่วนการจัดแสดงที่อำเภอแม่ลาว กลุ่มศิลปินร่วมกันจัดแสดงงานศิลปะในท้องทุ่ง ในแนวคิด “เล่นกับโต้ง” ซึ่งจะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567วิ่งเล่นกลางโต้งศิลปินคนแม่ลาวแต่ละท่าน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหม่ รุ่นกลาง และรุ่นเก๋า ต่างมีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติและท้องนา จึงสร้างสรรค์ ผลงานชุด “เล่นกับโต้ง” หรือ “เล่นกับทุ่ง” โดยใช้พื้นที่ทุ่งนาเรียวกังของสมาชิกศิลปินกลุ่มแม่ลาวเป็นที่ติดตั้งผลงานประติมากรรมขนาดใหญ่ 4 ชิ้น จากศิลปินแม่ลาว 12 คน ร่วมกับหุ่นไล่กาฝีมือชาวบ้านในหมู่บ้าน ตำบล หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในชุมชนอีกหลายสิบตัวเหนื่อยแล้วพักก่อนด้วยความที่อำเภอแม่ลาวเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เป็นเมืองเกษตรกรรม งานประติมากรรมหลักๆ ทั้ง 4 ชิ้นจึงสื่อสารเรื่องราวชีวิตประจำวันของผู้คนกับท้องทุ่งท้องนา ฉายภาพภูมิประเทศแม่ลาวที่อุดมสมบูรณ์ทั้งพืชพรรณธัญญาหาร แผ่นดิน แม่น้ำ และอากาศ เปิดมุมมองการทำมาหากิน อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตร รวมทั้งสีสันของหุ่นไล่กานานารูปแบบ ซึ่งในอดีตชาวบ้านนิยมใช้หุ่นไล่กาในการไล่นกที่ลงมาจิกกินข้าวและพืชไร่ การเน้นสร้างสรรค์งานศิลปะโดยชวนคนในชุมชนมีส่วนร่วมทำให้ผลงานหุ่นไล่กาหลายชิ้นเกิดจากฝีมือคนที่หลากหลาย ดูสนุกสนานมีชีวิตชีวาช่วยกันซ่อมแซมหุ่นฟางมื่อเลี้ยวรถเข้ามายังพื้นที่เรียวกังคาเฟ่ ฝั่งตรงข้ามเป็นท้องนากว้าง มีทางเดินเข้าไปยังเรียวกังอาร์ตเซ็นเตอร์ สิ่งสะดุดตาสิ่งแรกคงจะเป็นงานศิลปะขนาดใหญ่ หุ่นคน หุ่นฟาง หุ่นสุนัขก้นโด่ง หรือ “หมาเล่นกับโต้ง” เป็นแนวคิดที่นำเสนอจากสุนัขที่ชอบเอาอาหารหรือกระดูกไปฝังไว้ในดิน ศิลปินนำความรู้สึกที่ได้สัมผัสนี้มาสื่อสารผ่านงานศิลปะอย่างน่ารักวรวิทย์ แสงทอง ศิลปินเจ้าของผลงานหุ่นฟางสุนัข กล่าวว่า “ตอนเด็กๆ ทุ่งนาก็คือสนามเด็กเล่นของผม มีหมาคู่ใจตัวหนึ่ง จะคอยไปไล่ดมไล่มุดกองฟาง เป็นความทรงจำที่ผมอยากให้มาอยู่ในงานชุดนี้”ด.ช.คิดถึง แสงทอง บอกว่า “ไอเดียพ่อ แล้วแม่ก็มาช่วยทำด้วย ผมมาช่วยเล่นและซ่อมแซมฟางบ้าง มันสนุกมาก”วรวิทย์ แสงทอง และผูกพันธ์ ไชยรัตน์สำหรับเด็กๆ แล้วหุ่นฟางสุนัขแม่ลูกและหุ่นไล่กาสารพัดรูปแบบที่ยืนเรียงรายอยู่กลางทุ่งเป็นสิ่งดึงดูดใจและเล่นสนุกได้ทุกครั้งที่มาเยือนด.ช.คิดถึงยังบอกอีกว่า “ตอนเย็นพ่อกับแม่พามาเล่นที่นี่ ตอนค่ำๆ บางทีหุ่นไล่กาก็ดูน่ากลัวเหมือนกัน แหะ แหะ”หุ่นใหญ่ หุ่นยักษ์ และท้องทุ่งแห่งงานศิลป์ เป็นสนามเด็กเล่นกว้างใหญ่และเปิดกว้างรอรับทุกคนอย่างอิสระ ศิลปะอยู่ได้ทุกที่ ทุกหนทุกแห่งยิ้มสู้แดดนอกจากงานศิลปะที่จัดแสดงกลางแจ้งแล้ว ในเรียวกังอาร์ตเซ็นเตอร์ยังมีนิทรรศการหมุนเวียนของกลุ่มศิลปินแม่ลาว นำเสนอแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปินแม่ลาวแต่ละท่าน สลับสับเปลี่ยนกันไป 4 ครั้งตลอดระยะเวลาจัดงาน มีความหลากหลายน่าสนใจทุ่งนาเรียวกัง และเรียวกังอาร์ตเซ็นเตอร์ ต้อนรับทุกคนทุกวัย ไม่ว่าจะคนไทยหรือชาวต่างชาติ เพราะอยากให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขที่เชื่อมร้อยสัมพันธ์วิถีชีวิตวัฒนธรรมกับผู้คนทั้งภายในและภายนอกชุมชนผ่านงานศิลปะนิทรรศการหมุนเวียนในอาร์ตเซ็นเตอร์ก่อนมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายนนี้ ขอเชิญชวนผู้สนใจงานศิลปะไปสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ที่เชียงราย ไม่ว่าจะเป็นที่อำเภอแม่ลาว อำเภอเมือง อำเภอพาน และอำเภอเชียงแสน ทุ่งแสงตะวันนำตัวอย่างบางส่วนมาให้ชมกันในวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567 ตอน เล่นกับโต้ง บอกเล่าเรื่องราวโดยลูกหลานศิลปินตัวน้อย พบกันเวลา 05.05 น. ทางช่อง 3 HD และ 07.30 น. ทางเพจเฟซบุ๊กทุ่งแสงตะวัน และยูทูบ payaiTVวสวัณณ์ รองเดชแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับข่าวสดออนไลน์https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_8190370

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

สงสัยไหม หากมีผู้เสียชีวิตบนเครื่องบิน เก็บศพไว้ที่ไหน และต้องทำอย่างไร

19/04/2024

ในปัจจุบันการโดยสารด้วยเครื่องบินได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะต้องมีผู้เสียชีวิตบนเครื่องบินอย่างแน่นอน แต่ก็มีข้อสงสัยว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างบนเครื่องบิน และศพนั้นจะถูกเก็บไว้ที่ไหนเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น นั่นหมายถึงความสูญเสีย พนักงานต้อนรับก็จะนำร่างผู้เสียชีวิตโดยการให้เกียรติสูงสุด และจะนำศพไปให้ไกลจากผู้โดยสารท่านอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น หากชั้นหนึ่ง หรือแถวนั้นไม่มีคนนั่งเลย พนักงานต้อนรับก็จะทำการนำร่างไปไว้โดยไม่ให้ปะปนกับคนอื่น ในบางสายอาจจะอนุญาตให้พนักงานต้อนรับวางศพไว้กับพื้นและใช้ผ้าคลุมไว้ให้เรียบร้อยบริเวณท้ายเครื่องบิน หรืออาจจะมัดนั่งกับเก้าอี้และคลุมศพนั้นไว้สำหรับขั้นตอนการลำเลียงศพนั้น จะมีการดำเนินขั้นตอนตามพิธีของศุลกากรตามปกติ โดยสายการบินจะได้รับแจ้งว่าเป็นสินค้าพิเศษ (human remain) เมื่อทำการโหลดเสร็จแล้ว นักบินจะทราบว่าไฟล์นี้มีศพเป็นสินค้าพิเศษ แต่ผู้โดยสารจะไม่ทราบ ยกเว้นลูกเรือเท่านั้นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447259/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ภาษี

ภาษีที่ดิน เรื่องใหญ่ไม่ไกลตัว

18/04/2024

บทความโดย "สรวงพิเชฏฐ์ หลายชูไทย" นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทยวันที่ 15 เมษายน 2567 ภาษีนั้นเป็นช่องทางรายได้หลักของรัฐในการพัฒนาประเทศ โดยคนที่มีรายได้มากก็มักจะเสียมาก และคนที่มีรายได้น้อยก็มักจะเสียน้อย แต่นอกจากรายได้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีมูลค่ามากและอยู่คู่กับคนมีเงินมาทุกยุคทุกสมัย คือ “อสังหาริมทรัพย์” ซึ่งภาษีที่เก็บจากคนที่มีที่ดินนี้เรียกว่า “ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง”“ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง” เป็นภาษีรายปีที่คำนวณจากมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีไว้ในครอบครอง เริ่มใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 2563 มาแทนที่ “ภาษีโรงเรือนและที่ดิน” ซึ่งเป็นภาษีที่เก็บจากจากอสังหาริมทรัพย์ที่มีการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการให้เช่า เปิดกิจการ และ/หรือให้บริการจากหอพัก โรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล และสถานประกอบการต่าง ๆ มักมีกรณีคนที่หลีกเลี่ยงไม่ยื่นทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีโรงเรือนและที่ดิน แต่ปัจจุบันเป็นภารเก็บภาษีจากรูปแบบการใช้ประโยชน์และมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆแทน ทำให้ยากแก่การหลีกเลี่ยงภาษี แต่ก็สามารถวางแผนภาษีได้ภาษีที่ดินจัดเก็บกับทั้งบุคคลและนิติบุคคล โดยความเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นจะดูว่าใครเป็นผู้ถือครองอสังหาริมทรัพย์นั้นๆในทุกวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี ก็จะเป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีที่ดินของปีนั้น ในอัตราการเก็บที่ 0.01 – 3% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งอัตราดังกล่าวจะมากหรือน้อยขึ้นกับ 2 ปัจจัยหลักคือ1. ลักษณะการใช้ประโยชน์ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ เกษตรกรรม ที่พักอาศัย พาณิชยกรรม ที่รกร้าง2. มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ ตามราคาประเมินของกรมที่ดิน ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งมากยิ่งส่งผลให้ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้นโดยที่ดินเพื่อ “เกษตรกรรม”  จะมีการจัดเก็บในอัตราที่ต่ำที่สุด คือ 0.01-0.1% รองมาคือ “ที่พักอาศัย” ที่อัตรา 0.02 – 0.1% และสูงสุด คือ เพื่อ “พาณิชยกรรม” และ “ที่รกร้าง” ที่อัตรา 0.3 – 0.7% โดยกรณีของ “ที่รกร้าง” อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นไปอีก 0.3% ทุก 3 ปี และมีเพดานสูงสุดที่ 3%แม้ภาษีที่ดิน ที่เห็นทุกวันนี้อาจดูไม่สูงมาก เพราะอัตราภาษีที่เห็นในปี 2566 เป็นแค่ 10% ของอัตราที่จะถูกเก็บจริง และจะเพิ่มเป็น 50% ในปี 2567 เพิ่มเป็น 70% ในปี 2568 และ 100% ในปี 2567 ตามลำดับ เช่น หากมีที่ดินเปล่ามูลค่า 10 ล้านบาท และไม่ได้มีการวางแผนจัดการ จะต้องเสียภาษีที่ดินถึงปีละ 30,000 บาท พร้อมเบี้ยปรับสูงสุดถึง 40% รวมทั้งเงินเพิ่มเดือนละ 1% อีกด้วยการวางแผนภาษีที่ดิน ที่สามารถทำได้อย่างง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด ที่นิยมทำกันนั้น มี 2 ลักษณะ ได้แก่1. การเปลี่ยนลักษณะการใช้ประโยชน์ เพื่อลดอัตราภาษีที่ต้องเสีย เช่น การปลูกพืช หรือ เลี้ยงสัตว์ บางชนิดในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเปลี่ยนอัตราภาษีที่เสีย ทำให้ประหยัดลงได้สูงสุดถึง 30 เท่า2. การเปลี่ยนบ้านให้เป็นบ้านหลังหลัก เพื่อจะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีในการคำนวณภาษี โดยบ้านหลังหลักนี้ จะยกเว้นฐานภาษีให้ 50 ล้านบาทแรก สำหรับกรณีที่เป็นทั้งเจ้าของบ้านและที่ดิน และยกเว้นฐานภาษีให้ 10 ล้านบาท กรณี ที่เป็นเจ้าของบ้านเท่านั้น ซึ่งตรงจุดนี้หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องมีชื่อเป็น “เจ้าบ้าน” ในบ้านหลังนั้นด้วย แต่ความจริงแล้ว การเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินตามนิยามของภาษีที่ดินนั้น ขอเพียงมีชื่อในทะเบียนบ้านและโฉนดที่ดินเท่านั้น ก็นับว่าเป็นบ้านหลังหลักและได้รับการยกเว้นภาษีแล้วทั้งนี้สิ่งที่ควรคำนวณประกอบการตัดสินใจวางแผนประหยัดภาษีทุกครั้ง คือ “ต้นทุน” ทั้งต้นทุนเงิน และ ต้นทุนเวลา ในการดำเนินการต่าง ๆ เช่น หากมูลค่าที่ดินของเราไม่ได้สูงมาก ต้นทุนในการปลูกพืชผล และจ้างคนดูแล อาจสูงกว่าตัวภาษีเอง และอาจเข้าทำนอง “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ได้หลังจากรู้จักภาษีที่ดินและวิธีการจัดการแล้ว วิธีการชำระภาษีก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญเนื่องจาก “ภาษีที่ดินนี้” ผู้จัดเก็บ คือ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ใช่ สรรพากร เหมือนภาษีเงินได้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดบ่อย ๆ เพราะการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ประเมินและจัดเก็บ แปลว่าจะต้องไปเสียภาษีที่ เทศบาล อบต. หรือ สำนักงานเขต ของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆซึ่งหากมีกระจายอยู่หลายจังหวัด และไม่ได้ชำระในเวลาที่กำหนด ก็ต้องไปดำเนินการที่เขตนั้นๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจึงมีช่วงเวลาสำคัญที่ควรทราบ ดังนี้1. ช่วงจัดส่งแบบประเมินภาษี จะอยู่ภายในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี แต่ ในปี 2566 และ 2567 ได้เลื่อนให้จากภายในเดือน กุมภาพันธ์ เป็นภายในเดือน เมษายน2. ช่วงเวลาชำระภาษี จะอยู่ภายในช่วงเดือน เมษายน ของทุกปี แต่ ในปี 2566 และ 2567 ได้เลื่อนให้จากภายในเดือน เมษายน เป็นภายในเดือน มิถุนายนโดยหากชำระผ่านเอกสารที่แจ้งประเมินมาภายในช่วงเวลาชำระภาษีนั้น จะสะดวกสบายมาก เพราะจะสามารถแสกนจ่ายจาก QR Code ในเอกสารที่ส่งมาได้เลย3. ช่วงเวลาแจ้งเตือนภาษีค้างชำระ จะอยู่ภายในช่วงเดือน พฤษภาคม ของทุกปี แต่ ในปี 2566 และ 2567 ได้เลื่อนให้จากภายในเดือน พฤษภาคม เป็นภายในเดือน กรกฎาคม4. ช่วงเวลาแจ้งชื่อผู้ค้างชำระ จะอยู่ภายในช่วงเดือน มิถุนายน ของทุกปี แต่ ในปี 2566 และ 2567 ได้เลื่อนให้จากภายในเดือน มิถุนายน เป็นภายในเดือน สิงหาคมซึ่งหากมีชื่ออยู่ในกลุ่ม “ผู้ค้างชำระ” จะมีทั้งเบี้ยปรับ และ เงินเพิ่ม ซึ่งต่อรองขอลดได้ยากมาก ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องเดินทางไปชำระที่ เทศบาล อบต. หรือ สำนักงานเขต ที่ตัวที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของตัวเองเท่านั้นภาษีที่ดินนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไม่ไกลตัวอย่างที่คิด ดังนั้น ไม่ควรลืมเช็คภาษีที่ต้องชำระในปีนี้ และบริหารจัดการที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของเราเพื่อประหยัดภาษีปีหน้าไว้ให้เรียบร้อยhttps://www.itax.in.th/pedia/ภาษีที่ดินhttps://www.banbuengcity.go.th/archives/15986แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1543057

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

เริ่ม พ.ค. 67 คปภ.-ธุรกิจประกัน แชร์ข้อมูล “ตัวแทนนายหน้าโกง” กลุ่มเสี่ยง 1.8 พันราย

29/04/2024

คปภ. พัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูล “ฉ้อฉอประกันภัย” ของตัวแทนและนายหน้าให้กับภาคธุรกิจประกันภัย เริ่มรันระบบตั้งแต่เดือน พ.ค. 67 จำแนก 4 ระดับความร้ายแรงตามกลุ่มสี ”แดง-ส้ม-เหลือง-เขียว“ ด้าน ”เลขาธิการ คปภ.“ เผยกลุ่มสีส้มเสี่ยงสุด ต้องจับตาใกล้ชิด มีอยู่ราว 1,700-1,800 ราย พร้อมขออนุมัติบอร์ดฉ้อฉลฯ ปลายเดือน เม.ย.นี้ แจ้งความร้องทุกข์อีก 10 คดีวันที่ 17 เมษายน 2567 นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. มีภารกิจและหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การกำกับดูแลตัวแทนและนายหน้าประกันภัย ซึ่งปัจจุบันทั้งอุตสาหกรรมมีจำนวนตัวแทนและนายหน้าบุคคลธรรดาทั้งหมด 561,377 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เม.ย. 2567) แยกเป็นตัวแทนประกันชีวิต 233,174 ราย ตัวแทนประกันวินาศภัย 21,137 ราย นายหน้าประกันชีวิต 126,970 ราย นายหน้าประกันวินาศภัย 180,096 ราย ที่ผ่านมามักพบว่ามีการกระทำผิดอยู่หลัก ๆ ประมาณ 3 ลักษณะคือ1. เก็บเงินแล้วไม่นำส่งบริษัทประกันภัย จากเดิมจะมีโทษทางปกครอง (การเพิกถอนใบอนุญาต) ปัจจุบันได้เพิ่มโทษอาญาในข้อหาฉ้อฉลประกันภัย 2. กรณีไม่แจ้งรายละเอียดหรือบิดเบือนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในความคุ้มครอง ข้อยกเว้น ของกรมธรรม์ประกันภัย และ 3. การแนะนำให้ยกเลิกกรมธรรม์เดิม เพื่อจะทำกรมธรรม์ใหม่ และทำให้เกิดความเสียหายกับผู้เอาประกันภัยซึ่งเมื่อสำนักงาน คปภ. พิจารณาวัตถุประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิตและกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย รวมทั้งมาตรฐานการกำกับดูแลไอซีทีในส่วนที่เกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยแล้ว เล็งเห็นว่าควรดำเนินการจัดโครงการ “พัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย หรืออาจจะฉ้อฉลประกันภัยกับภาคธุรกิจ ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการทำให้คนที่เข้ามาในระบบมีความน่าเชื่อถือจากประชาชน และเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ดาต้า ระบบดิจิทัล เข้ามากำกับดูแลเรื่องเหล่านี้จับตาใกล้ชิดตัวแทนนายหน้า “กลุ่มสีส้ม” 1.8 พันรายโดยสำนักงาน คปภ. จะนำข้อมูลตัวแทนและะนายหน้าประกันภัยที่ได้จากบริษัทประกันภัย รวมทั้งข้อมูลของสำนักงาน คปภ. ที่มีการรวบรวมอยู่ในระบบมาประมวลผลและแชร์กลับคืนให้กับภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อใช้ในการ ”เฝ้าระวัง“ โดยจะมีระดับความร้ายแรง 4 ระดับคือ– สีแดง (อยู่ระหว่างถูกสั่งพักใช้ หรือ เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตครั้งล่าสุด ไม่เกิน 5 ปี) ปัจจุบันมีอยู่ราว 200 ราย– สีส้ม (เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตครั้งล่าสุดเกิน 5 ปีเต็ม หรือบุคคลมีพฤติกรรมฉ้อฉลประกันภัย) ปัจจุบันมีอยู่ราว 1,700-1,800 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังและถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อพ้นระยะเวลา 5 ปีไปแล้ว กฎหมายอนุญาตให้มีสิทธิกลับมานำเสนอขายประกันได้ ทั้งนี้ในมุมของบริษัทประกันภัยกรณีมีตัวแทนและนายหน้ากลุ่มนี้อยู่ คงต้องพูดคุยภายในว่าจะบริหารความเสี่ยงคนกลุ่มนี้อย่างไร ซึ่งอาจต้องเทรนเรื่องจริยธรรมเป็นสำคัญ และอาจต้องโทรไปเช็กกับลูกค้า เพื่อให้เกิดความรอบคอบและความปลอดภัยในระบบ เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับบริการที่ดี– สีเหลือง (บุคคลมีพฤติกรรมอาจจะฉ้อฉลประกันภัย คือมีหลักฐานและกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน)– สีเขียว (กรณีปกติ บุคคลไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต ไม่พบประวัติที่บริษัทรายงานเข้ามาว่ามีพฤติกรรมฉ้อฉลประกันภัย หรืออาจจะฉ้อฉลประกันภัย)“เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชน ปัจจุบันตัวแทนและนายหน้าประกันภัย ในกลุ่มสีเขียวมีสัดส่วนสูงถึง 99% ที่มีปัญหาสัดส่วนถือว่าน้อยมาก ๆ แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะน้อยมาก ๆ คปภ. ก็ไม่อยากให้มีเลย จึงดำเนินโครงการนี้เพื่อระบุสีและแชร์ข้อมูลกันระหว่างบริษัทประกันภัยที่รับสมัครตัวแทนและนายหน้า เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับประชาชน และไม่ให้ทำลายภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของระบบประกันภัย เพราะตัวแทนและนายหน้าถือเป็นด่านแรกในการพบปะประชาชนในการนำเสนอขายประกัน” เลขาธิการ คปภ. กล่าวทั้งนี้การดำเนินการของสำนักงาน คปภ. จะต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เป็นอันดับแรก และที่สำคัญต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการจำแนกตัวแทนและนายหน้า ทั้งนี้ทั้งนั้นกรณีเข้าข่ายจัดอยู่ในกลุ่มสีเหลือง ที่จะกลายไปเป็นสีแดง ก็ยังมีสิทธิในการยื่นอุทธรณ์เพื่อชี้แจงได้เริ่มรันระบบ พ.ค.นี้นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. กล่าวเพิ่มว่า เบื้องต้นโครงการนี้คาดว่าจะเริ่มรันระบบได้ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2567 เป็นต้นไป เพื่อให้บริษัทประกันภัยใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ โดยการจำแนกกลุ่มสีของตัวแทนและนายหน้าจะเห็นได้แบบเรียลไทม์ แต่เฟสแรกยังไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ แต่ในอนาคตมีความตั้งใจจะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน“อนาคตเราคงไม่ได้ใช้กฎหมายอย่างเดียว ต่อไปการกำกับเรื่องจริยธรรมต่าง ๆ จะถูกยกระดับขึ้นตามมา โดยปัจจุบันบทลงโทษตามกฎหมายฉ้อฉลประกันภัย กำหนดไว้ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือจำคุก 3 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือจำคุก 5 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการกระทำผิด“ นายอดิศร กล่าวส่งบอร์ดฉ้อฉลฯ อนุมัติปลายเดือนนี้ แจ้งความ 10 คดีนอกจากนี้ในช่วงปลายเดือน เม.ย. 2567 จะมีการนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการฉ้อฉลประกันภัยภายในสำนักงาน คปภ. เพื่อขออนุมัติดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จำนวนทั้งสิ้น 10 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับเงินแล้วไม่นำส่งบริษัทประกันภัยพื้นฐานธุรกิจประกันอยู่บนความเชื่อมั่นนายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ถือเป็นโครงการที่ดีมาก เพราะพื้นฐานของประกันภัยอยู่บนความเชื่อมั่นและเชื่อใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ต่อให้บริษัทจะมีแบรนดิ้งแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัยจะอยู่มาอย่างยาวนาน แต่ก็เจอปัญหาของคนที่มีใบอนุญาตที่ทำไม่ถูกต้องอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น มักจะกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งอุตสาหกรรมฯ“อย่างไรก็ดีเมื่อมีการแชร์ข้อมูลร่วมกันแล้ว ในมุมของบริษัทประกันภัยเอง ก็ต้องรู้จักใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ อย่างมองแต่จะเอาเบี้ย เพราะจะฉาบฉวย แต่ต้องมองการทำธุรกิจและบริหารได้อย่างยั่งยืน ทั้งในมุมของผู้เอาประกันและบริษัทประกันเองด้วย” นายสาระ กล่าวตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ คัดกรองคุณภาพนายสมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า โครงการนี้เปรียบเสมือน คปภ. ตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ให้ภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส ชัดเจน ในอุตสาหกรรมประกันภัย และสิ่งที่น่าชื่นชมมากที่สุดคือ การเริ่มต้นจากการปัดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน เพราะตัวแทนนายหน้าเปรียบเสมือนคนในบ้าน ซึ่งหากคนในบ้านทั้งหมดถูกคัดกรองและมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ก็จะดูแลประชาชนผู้เอาประกันได้เป็นอย่างดี“ต่อไปเราสามารถเลือกบุคลากรที่ดี เพียบพร้อม และพร้อมจะดูแลประชาชนได้ โดยยึดหลักสุจริตเป็นสำคัญ”ทั้งนี้อยากจะเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ข้อมูลส่วนนี้ต่อไปควรจะขยายไปให้กับประชาชนทั่วไปด้วย หรือสร้างพฤติกรรมใหม่ให้กับตัวแทนและนายหน้าในอนาคตที่เวลานำเสนอขายประกัน ต้องโชว์ข้อมูลส่วนนี้ให้ลูกค้าดูเองเลยว่าเป็นกลุ่มสีเขียวและไม่ควรจำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มการฉ้อฉลประกันภัยของตัวแทนและนายหน้า แต่เป็นเรื่องการฉ้อฉลประกันภัยจากทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือองค์กรใด ๆ ก็ตาม และควรจะเปิดเผยข้อมูลของบริษัทประกันภัยแต่ละบริษัทที่มีพฤติกรรมหรือประวัติไม่เหมาะสมด้วยแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1545041

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

‘พระพุทธชินราช’ ค้นหาทุกเรื่องได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช

29/04/2024

ไทม์ไลน์การจัดตั้ง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช ตั้งแต่ปีพ.ศ.2504 พร้อมเปิด 9 ส่วนจัดแสดงให้ชมหลังทยอยปรับปรุงและสร้างอาคารใหม่เมื่อปี 2557 รวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธชินราช และ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร แห่งพิษณุโลกนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช เมื่อแรกสร้างเป็น 'พิพิธภัณฑ์' นั้นอยู่ในความดูแลของ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยใช้พื้นที่ของ 'พระวิหารพระพุทธชินสีห์' และ 'พระวิหารพระศรีศาสดา' เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุประเภทต่าง ๆอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราชต่อมา กรมศิลปากร ได้ประกาศจัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช เมื่อพุทธศักราช 2504 และได้ก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช เมื่อพุทธศักราช 2557จากนั้น ‘สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย’ จึงได้ดำเนินโครงการจัดแสดงนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช โดยเริ่มดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงมาเป็นลำดับตั้งแต่ปี 2561 กระทั่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2567การจัดแสดงวัตถุโบราณภายใน 'พระวิหารพระศรีศาสดา' ในอดีตการจัดแสดงนิทรรศการถาวรภายในอาคาร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช ได้รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับ พระพุทธชินราช และ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร พิษณุโลก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันโบราณวัตถุภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราชโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นสิ่งของที่มีผู้ถวายแด่พระพุทธชินราชเป็นพุทธบูชา ทั้งพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนทั่วไปแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่มีต่อ พระพุทธชินราช เช่น สังวาลประดับองค์พระพุทธชินราช และสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่ถวายโดยพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์นอกจากนี้ยังมี โบราณวัตถุ ที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีในเขตจังหวัด พิษณุโลก และโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับ พระพุทธชินราช จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งอื่น ๆ แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 9 ส่วน ได้แก่พานพุ่มดอกไม้เงินดอกไม้ทอง สมัยรัชกาลที่ 6  •  1. ส่วนจัดแสดงราช-ราษฎร์ศรัทธาบูชาพระพุทธชินราชจัดแสดงเรื่องราวพระราชศรัทธาของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนความศรัทธาของประชาชนผ่านหลักฐานที่เป็นสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งนำมาถวายพระพุทธชินราช เช่น ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง เครื่องแก้วเจียระไน เครื่องตามประทีป เป็นต้นส่วนจัดแสดง “ย้อนอดีตกาลโบราณคดีและประวัติศาสตร์พิษณุโลก"  •  2. ส่วนจัดแสดงย้อนอดีตกาลโบราณคดีและประวัติศาสตร์พิษณุโลกนำเสนอพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของพิษณุโลก ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตลอดจนความสำคัญของเมืองพิษณุโลกในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ รวมถึงบทบาท สถานะของเมืองพิษณุโลกที่มีความสัมพันธ์กับสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาส่วนจัดแสดง “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร"  •  3. ส่วนจัดแสดงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร เมืองพิษณุโลก และพระพุทธชินราชจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา การบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร เมืองพิษณุโลก การเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระพุทธชินราชของพระมหากษัตริย์ ตำนานประวัติและพุทธศิลป์ของพระพุทธชินราชสังวาลพระพุทธชินราช ในส่วนจัดแสดง “พุทธบูชาราชรัตนาภรณ์"  •  4. ส่วนจัดแสดงพุทธบูชาราชรัตนาภรณ์จัดแสดงสังวาลประดับองค์พระพุทธชินราช และสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ ซึ่งพระมหากษัตริย์ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธชินราช เพื่อแสดงถึงความสำคัญและความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธชินราชของพระมหากษัตริย์ไทยกลองมโหระทึก  •  5. ส่วนจัดแสดงกลองมโหระทึกจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทกลองมโหระทึกที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร พิษณุโลกได้เก็บรักษาไว้พุทธศิลปงาสลัก  •  6. ส่วนจัดแสดงพุทธศิลปงาสลักจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทงาช้างและงาช้างแกะสลักที่ประชาชนถวายพระพุทธชินราชเป็นพุทธบูชา  •  7. ส่วนจัดแสดงพุทธพิมพปฏิมาจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทพระพุทธรูปบุเงินบุทอง พระพุทธรูปแก้ว ที่ประชาชนถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธชินราชโบราณวัตถุประเภทเครื่องไม้  •  8. ส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุประเภทเครื่องไม้จัดแสดงโบราณวัตถุประเภทเครื่องไม้ ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร พิษณุโลก ได้เก็บรักษาไว้ เช่น ยานมาศ ตู้พระธรรม ดาวประดับเพดานพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้นโบราณวัตถุที่ประชาชนถวาย  •  9. ส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุจากประชาชนจัดแสดงโบราณวัตถุที่ประชาชนถวายพระพุทธชินราชเป็นพุทธบูชา เช่น เครื่องแก้วเจียระไน เครื่องถ้วยลายคราม เครื่องเบญจรงค์ เครื่องทองเหลือง เป็นต้นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช เปิดให้บริการโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา 08.30 – 16.00 น. ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1118530

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เปิดครบแล้ว "เส้นทางแอลป์ทาเตยามะ-คุโรเบะ" สู่จุดชม "กำแพงหิมะ" ยอดฮิตของญี่ปุ่น

29/04/2024

หลังจากปิดบริการในช่วงฤดูหนาว "เส้นทางแอลป์ทาเตยามะ-คุโรเบะ" ความยาวกว่า 37 กิโลเมตร ก็เปิดให้บริการเต็มรูปแบบทั้งเส้นทางแล้วในวันนี้ (15 เม.ย.) โดยนี่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดฮิตที่สามารถขึ้นไปชม "กำแพงหิมะ" สูงกว่า 14 เมตร ที่จุดสูงสุดของภูเขา(ภาพจาก : www.alpen-route.com)"เส้นทางแอลป์ทาเตยามะ-คุโรเบะ" ซึ่งเป็นเส้นทางชมภูเขาในเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือที่เชื่อมระหว่างจังหวัดโทยามะและนากาโนะ ได้ปิดบริการหลังจากถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว และล่าสุด วันนี้ (15 เม.ย.) กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการอย่างคึกคักตั้งแต่วันแรกเส้นทางแอลป์ทาเตยามะ-คุโรเบะ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวบนภูเขาที่มีความยาวรวมกว่า 37 กิโลเมตร พาดผ่านวิวทิวทัศน์เทือกเขาที่สลับซับซ้อนสวยงามเหมือนเทือกเขาแอลป์ จนได้ชื่อว่า "เจแปนแอลป์" เชื่อมต่อเมืองทาเทยามะในจังหวัดโทยามะ และเมืองโอมาจิในจังหวัดนากาโนะ ด้วยกระเช้าลอยฟ้าและรถกระเช้าโดยในวันนี้ มีการจัดพิธีเปิดที่ลานจอดรถ Murodo Terminal ที่ระดับความสูง 2,450 เมตร เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดเส้นทางทั้งหมดเป็นครั้งแรกในรอบประมาณสี่เดือนครึ่ง (ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา) และหลังจากมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ นักท่องเที่ยวก็ต่างมุ่งหน้าไปยัง "ยูกิ โนะ โอทานิ" หรือ "กำแพงหิมะ"ที่มีหิมะสูงถึง 14 เมตร บริเวณจุดสูงสุดของภูเขา(ภาพจาก : www.alpen-route.com)(ภาพจาก : www.alpen-route.com)ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงปีใหม่ เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวบริเวณคาบสมุทรโนโตะ แต่ผู้ดูแลเส้นทางนี้ได้ระบุว่า เส้นทางแอลป์ทาเตยามะ-คุโรเบะ ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวสำหรับ "กำแพงหิมะ" หรือ "ยูกิ โนะ โอทานิ" อยู่ที่บริเวณ มุโรโดะ (Murodo) นับว่าเป็นจุดท่องเที่ยวยอดฮิตของเส้นทางนี้ โดยกำแพงหิมะเป็นทางเดินยาวตามถนน ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงามของกำแพงหิมะผ่านกระจกบนรถบัส ซึ่งเป็นรถของทางอุทยานที่ขับโดยคนขับผู้มีความชำนาญเส้นทาง และลงมาเดินเท้าสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000032838

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

นักวิเคราะห์โอด "ปลาไม่เข้าแหติดอวน" หลังนักเทรดเริ่มรู้ทันธาตุแท้เหรียญอัลท์คอยน์

17/04/2024

The Flow Horse นักวิเคราะห์คริปโตยอดนิยม ทวิตร้อนหลังราคาเหรียญคริปโตร่วงยกแผงทั้งกระดาน โดยเหรียญอัลท์คอยน์ส่วนใหญ่พึ่งพิงศักยภาพความเชื่อมั่นของบิทคอยน์เป็นหลัก ไม่สะท้อนความแข็งแกร่งในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนได้ และหลายเหรียญสร้างมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรของคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้น The Flow Horse โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ (X) โดยกล่าวว่าการปรับฐานทั่วทั้งตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้อัลท์คอยน์อยู่ในสถานะสั่นคลอน ซึ่งอาจจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของราคาแบบเงียบๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเขาคาดว่า อัลท์คอยน์ จะมีการซื้อขายแบบไซด์เวย์จนถึงเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ดีตามความเห็นของนักเทรด สะท้อนนัยยะถึงการขาดการไหลเข้าของนักลงทุนรายย่อยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแรงส่งสำคัญในการผลักดันราคาให้เหรียญอัลท์คอยน์ปรับตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้อัลท์คอยน์อยู่ในสภาพกึ่งแช่แข็งเป็นเวลาหลายเดือน “เวลาถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากในความคิดของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่ยังเดินหน้าไปและยาวนานมาก และไม่มีกระแสการซื้อขายของนักลงทุนรายใหม่ๆ เข้ามาและมันอาจจะนิ่งเฉยอย่างนี้ต่อไปจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยที่จุดต่ำสุดยังคงค่อนข้างเหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้" ขณะที่หลายๆคน พยายามที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ แต่ดูเหมือนว่าราคาเหรียญจะพุ่งลงสวนทางด้วยการสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในตลาดการซื้อขายท้องถิ่นในภูมิภาค และนักลงทุนรายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยดันราคาขึ้น ก็ไม่เพียงพอที่ผลักดันให้ราคาเพิ่มขึ้นได้” ในขณะที่ The Flow Horse คาดว่าจะมีทางเลือกสำหรับอัลท์คอยน์เขาบอกว่าเขากำลังมองหากลุ่มย่อย crypto 3 ตัวที่น่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเมื่ออัลท์คอยน์กลับมามีแรงผลักดันขาขึ้นอีกครั้ง “ราคาเคลื่อนไหวอัลท์คอยน์ในจุดซื้อต่ำสุดเดือนกรกฎาคมเป็นสิ่งที่คาดเดาล้วนๆ แม้ว่าจะมีเอไอ (ปัญญาประดิษฐ์) หรือ มีมความเชื่อเพื่อกระตุ้นการเข้าลงทุน (กาว) หรือกระทั่ง FOMO เข้ามา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า RWAs [สินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริงที่โทเค็น] นั้นคือความจริง และสำหรับตอนนี้ เหล่านักเทรดที่สะสมอัลท์คอยน์ต่างรอเวลาเพื่อใช้ประโยชน์จากการฟื้นตัวกลับขึ้นมาครั้งใหญ่” The Flow Horse กล่าวทิ้งท้าย ด้านมืดของเหรียญอัลท์คอยน์ ที่นักลงทุนควรทราบ เหรียญ อัลท์คอยน์ หรือ เหรียญดิจิทัลทางเลือก เปรียบเสมือนเหรียญน้องใหม่ที่เกิดขึ้นมาเพื่อท้าทาย Bitcoin เหรียญดิจิทัลอันดับ 1 ของโลก เหรียญเหล่านี้มีจุดเด่นที่หลากหลาย ดึงดูดนักลงทุนด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ฟังก์ชันการใช้งานที่แปลกใหม่ และโอกาสในการทำกำไรที่สูง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของเหรียญอัลท์คอยน์ก็แฝงอยู่ไม่น้อย นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน 1. ความผันผวนสูง : เหรียญ อัลท์คอยน์ มักมีความผันผวนสูงกว่า Bitcoin มาก ราคาอาจพุ่งสูงหรือร่วงต่ำอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง 2. สภาพคล่องต่ำ : เหรียญ อัลท์คอยน์ บางเหรียญมีสภาพคล่องต่ำ หมายความว่าซื้อขายยาก หาผู้รับซื้อต่อหรือผู้ขายได้ยาก 3. หลอกลวง : โครงการ อัลท์คอยน์บางโครงการเป็นเพียงกลโกงเพื่อหลอกลวงเงินนักลงทุน นักลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนลงทุน 4. ความปลอดภัย : แพลตฟอร์มการซื้อขายเหรียญอัลท์คอยน์บางแห่งมีความปลอดภัยต่ำ เสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก 5. การกำกับดูแล :  กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับเหรียญ อัลท์คอยน์ ยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ ตัวอย่างด้านมืดของเหรียญ อัลท์คอยน์ : กรณีเหรียญ OneCoin : เหรียญ OneCoin อ้างว่าเป็น "นักฆ่า Bitcoin" แต่สุดท้ายกลายเป็นโครงการแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่ นักลงทุนสูญเสียเงินมหาศาล กรณีเหรียญ Bitconnect : เหรียญ Bitconnect อ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนที่ปลอดภัย แต่สุดท้ายกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ นักลงทุนถูกหลอกลงทุนสูญเสียเงินร่วมกันกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนลงทุน และลงทุนในเหรียญ อัลท์คอยน์ที่มีโปรเจคต์ชัดเจน น่าเชื่อถือ ควรกระจายความเสี่ยง อย่าลงทุนในเหรียญ อัลท์คอยน์ เพียงเหรียญเดียว และประเมินศักยภาพการลงทุนของตนเองเท่าที่สามารถสูญเสียได้ นอกจากนี้ควรเก็บเหรียญอัลท์คอยน์ไว้ในกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามเหรียญอัลท์คอยน์มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน ลงทุนด้วยความระมัดระวัง อย่าโลภ และกระจายความเสี่ยง ตลอดจนถึงควรตั้งระดับในการตัดความเสี่ยงเมื่อถึงจุดตัดขาดทุนไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000033118

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

เสพงานศิลป์ กับงาน "ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023"

29/04/2024

โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 ภายใต้แนวคิดเปิดโลก (The Open World) ซึ่งสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับ จ. เชียงราย และหน่วยงานต่างๆ จัดขึ้นจนถึงวันที่ 30. เม.ย. นี้ พี่ม้ามังกร จึงขอพาน้องๆไปเสพงานศิลป์ และเช็กอินในสถานที่ไฮไลต์เด็ดๆกันจ้าเริ่มจากใน อ.เมืองเชียงราย จุดแรก ที่ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) มีผลงานของ หวัง เหวิน-จื้อ สร้างประติมากรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ทำจากไม้ไผ่สานขึ้นรูปเป็นโครงสร้างอุโมงค์ ยกสูงเหนือพื้นให้ผู้ชมเข้าไปภายในเพื่อการพักผ่อน สงบจิตใจ แล้ว ไปต่อกันที่ ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า แสดงผลงานของ ไมเคิล ลิน สร้างสรรค์ ทำศิลปะบนผืนผ้าที่มีอัตลักษณ์ของชาวเขา 7 ชนเผ่า หุ้มตัวอาคารบอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์และความหลากหลายของภูมิภาคนี้ ส่วนที่ โกดังยาสูบ จัดแสดงประติมากรรมลอยได้ที่ทำมาจากถุงพลาสติกใช้แล้วจากชุมชนเมืองเชียงรายที่นำมาบริจาคกลายเป็นบอลลูนขนาดยักษ์ที่ลอยได้จริง รวมถึงผลงานว่าวคนแปะติดอยู่บนผนังกว่า 100 ตัว โดย อาร์โต ลินด์เซย์, อัททา ความิ, มาเรีย เทเรซา อัลเวซ, ชิมาบุกุ และโทมัส ซาราเซโนที่อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง มีศิลปะจากป่าสู่เมืองโครเชต์เชื่อมโลกจากแอมะซอนถึงป่าเชียงราย โดย เอิร์นเนสโต เนโต นำภูมิปัญญาและความรู้ของชนพื้นเมืองมาเล่าผ่านงานศิลปะร่วมสมัยอย่างการถักโครเชต์ และอีกผลงานเป็นประติมากรรม ของ ริวสุเกะ คิโดะ ที่แกะสลักยุ้งข้าวเก่าอายุกว่า 80 ปีให้เป็นตัวแทนของร่างกาย โดยมีเชื้อไวรัสกัดกินจากภายในจนเป็นรูพรุน สะท้อนให้เห็นว่า ยุ้งข้าวหลายแห่งไม่ถูกใช้งาน และวัฒนธรรมชาวนากำลังสูญหายที่ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน มีผลงานของ สนิทัศน์ ประดิษฐทัศนีย์ ชื่อ Garden of Silence (สวนแห่งความเงียบ) ประกอบด้วยสถาปัตยกรรม 3 ชิ้น ติดตั้งอยู่ในสวนยางพาราจำนวน 108 ต้น จำลองมิติของจักรวาลในลักษณะปริภูมิ-เวลา เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนได้หยุดคิดคำนึงและตั้งคำถามถึงการคงอยู่และความว่างเปล่าเดินทางต่อไปที่ อ.เชียงแสน ปักหมุดอีก 3 จุดแสดงงาน ได้แก่ ที่ ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ตำบลเวียง จัดแสดงผลงานของ สวี่ เจีย เหว่ย และ นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล นำเสนอศิลปะผ่านบันทึกการเดินทางของศิลปินรูปแบบภาพยนตร์ และบิลบอร์ดโปส เตอร์หนังขนาดใหญ่ “พลัดถิ่น ดินแดนใคร” ร้อยเรียงเรื่องราว เชื่อมระหว่างศิลปะและชุมชนเข้าด้วยกัน ส่วนที่ ศรีดอนมูลอาร์ต สเปซ จัดแสดงจิตรกรรม ของ ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากพระมาลัย โปรดสัตว์ในนรกภูมิ โดยเชื่อมโยงมิติโลกปัจจุบันที่มนุษย์ได้เผชิญชะตากรรมเดียวกัน อย่างโรคระบาด ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การก่อการร้าย สงคราม คล้ายดั่งนรก และ ที่ โรงเรียนบ้านแม่มะ แสดงผลงาน A Conversation with the Sun (VR) (บทสนทนากับดวงอาทิตย์ ( VR) ของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ด้วยครับ.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/news/local/north/2778195

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ทำไมอาหารบนเครื่องบินถึงไม่อร่อย

17/04/2024

ผู้โดยสารที่เคยทานอาหารบนเครื่องบิน มักจะรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อยเท่าที่ควร สาเหตุนี้เกิดจากงบประมาณที่จำกัดของสายการบิน หรือมีสาเหตุอื่นๆ ด้วย?งานวิจัยจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมทางกายภาพส่งผลต่อประสาทสัมผัสด้านรสชาติของเรา ในสภาวะแวดล้อมที่มีความแห้ง และความกดอากาศต่ำ จะส่งผลให้ความไวของต่อมรับรสต่ออาหารหวานและคาว ลดลงถึง 30% ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ สเปนซ์ นักวิจัยด้านจิตวิทยาการทดลองจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุว่า อาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน มีรสชาติแตกต่างไปจากที่เราทานบนพื้นดิน สาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความชื้น, ความกดอากาศ และเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารหลังจากที่เครื่องบินขึ้นบินและถึงระดับความสูงที่บินได้ (ปกติจะอยู่ที่ความสูงประมาณ 30,000 ฟุต) พนักงานต้อนรับบนเครื่องจะเริ่มบริการอาหารให้กับผู้โดยสาร สิ่งที่น่าสังเกตคือ เมื่อเครื่องบินไต่ระดับสูงขึ้น สภาพแวดล้อมภายในห้องโดยสาร เช่น ความชื้นและความกดอากาศ จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งส่งผลต่อประสาทสัมผัสด้านรสชาติและกลิ่นของเราที่ระดับความสูง 30,000 ฟุต อากาศภายในห้องโดยสารมีความแห้งมาก โดยความชื้นจะลดลงเหลือเพียง 20% หรือต่ำกว่านั้น สภาวะแวดล้อมที่แห้งนี้ ส่งผลต่อประสาทสัมผัสด้านกลิ่น ทำให้การรับรู้รสชาติของอาหารลดลง นอกจากนี้ความกดอากาศที่ต่ำ ยังส่งผลต่อความไวของต่อมรับรส ส่งผลให้เราสูญเสียการรับรู้รสชาติเค็มและหวานไปบางส่วน ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งผลให้รสชาติของอาหารบนเครื่องบิน จืดชืดกว่าปกติ แน่นอนว่า บริษัทผู้จัดเลี้ยงอาหารบนเครื่องพยายามอย่างยิ่งที่จะปรุงแต่งรสชาติของอาหารให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมบนเครื่องบินความกดอากาศและอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สภาวะเหล่านี้ก่อให้เกิดสภาพอากาศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แดด ออก, ฝน ตก, ลมแรง, หนาวเย็น หรือร้อนจัด ล้วนส่งผลต่อกิจกรรมกลางแจ้งของเรา ในความเป็นจริงแล้ว การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางกายภาพเหล่านี้ ยังส่งผลต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นภายในอาคารสถานที่ หรือแม้กระทั่งบนเครื่องบินที่ระดับความสูงหลายหมื่นฟุตแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447187/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

แม่บ้านร้อง ตัวแทนประกันบริษัทดัง ยักยอกสินไหม 1.5 ล้านบาท ส่องโปรไฟล์ใช้ชีวิตหรู อยู่สบาย

29/04/2024

ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 เม.ย.นาง ฐิติรัตน์ อายุ 42 ปี และ น.ส.ศิวปรียา อายุ 20 ปี บุตรสาว เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกตัวแทนบริษัทประกันชื่อดัง ยักยอกเงินสินไหมทดแทนที่อดีตสามีเสียชีวิต จำนวน 1,500,000 บาทไปนางฐิติรัตน์กล่าวว่า ตนได้แต่งงานอยู่กินกับสามี มีบุตรด้วยกัน 2 คนโดยอีกคนนึงเป็นลูกชายคนเล็กแต่ได้เลิกรากันมานาน 15 ปี ต่อมาปี 2565 สามีเสียชีวิตที่จังหวัดยโสธร ด้วยอาการโรคหัวใจวายเฉียบพลันที่จังหวัดยโสธร ตนรับศพอดีตสามีมาทำพิธีศพที่จังหวัดนนทบุรี โดยมารดาของสามี จำได้ว่าสามีเคยทำประกันอุบัติเหตุไว้ของบริษัทประกันแห่งหนึ่ง จึงเอาบัตรไปตรวจสอบปรากฏว่าเมื่อตรวจสอบพบว่ามีจริง โดยผู้ได้รับผลประโยชน์คือลูกคนละครึ่ง โดยลูกต้องเป็นผู้ร้องเรียนเพื่อรับเงินนางฐิติรัตน์กล่าวว่า กระทั่งไปติดต่อต่อแทนบริษัทประกัน ที่สามีทำประกันอุบัติเหตุไว้ เรื่องรับผลประโยชน์จากการเสียชีวิต และมีการติดต่อเรื่องรับเงินผลประโยชน์กันมาตลอดจนเกิดความสนิทสนมไว้ใจกับตัวแทนที่ดูแลต่อมาวันที่ 30 ม.ค.67 ว่า ประธานอนุมัติได้รับเงินจำนวน 5.5 ล้านบาท โดยตัวแทนคนดังกล่าวได้เสนอไปรับเงินให้ พร้อมนัดให้ไปเปิดบัญชีที่ธนาคารทหารไทยธนชาต ในห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม โดยแบ่งเป็น 4 บัญชีเป็นบัญชีลูกสาว บัญชีลูกชาย บัญชีตน และบัญชีร่วมระหว่างตนกับตัวแทนประกัน โดยบัญชีร่วมระหว่างตนกับตัวแทนประกันคนดังกล่าว มีเงินฝากจำนวน 1,500,000 บาทภายหลังตนได้นำเงินของลูกไปซื้อบ้านที่ย่านรามอินทรา และต้องการเงินมาตกแต่งบ้านจึงติดต่อกับตัวแทนประกันเพื่อขอเบิกเงินจำนวน 700,000 บาท ด้วยตนตัดสินใจว่าเงินที่เหลือจะนำไปซื้อประกันตามที่ตัวแทนได้ร้องขอไว้ แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 67 ตนได้เดินทางไปกับตัวแทนคนดังกล่าวที่ธนาคารทหารไทยธนชาตสาขาบิ๊กซีพระราม 4 เพื่อเบิกเงินปรากฏว่าตัวแทนได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีของตัวเองโดยอ้างว่าจะโอนเงินมาให้ตนภายหลัง และทำการปิดบัญชีจากนั้นไม่สามารถติดต่อกับตัวแทนได้อีก และมีการท้าทายพร้อมไปออกรายการทุกรายการ ตนจึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่สน. ทองหล่อแต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงเข้ามาขอความช่วยเหลือกับทางเพจสายไหมต้องรอดให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดีให้นายเอกภพกล่าวว่า ตัวแทนที่เอาเงินไปคุณรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ มีโทษจำคุกข้อหาละ 3 ปี พฤติกรรมของคุณใช้ชีวิตกินหรู อยู่ดี แต่กลับสภาพทั้งสองเป็นคนมันยากลำบาก ผู้หญิงเป็นเพียงแม่บ้านทำความสะอาด อย่าไปคิดว่าเขายากจนหรือไม่มีทางสู้แล้วจะกระทำแบบนี้ได้ โลกวันนี้มันเท่าเทียมกันทั้งหมด จะยากดีมีจน หรือรวยล้นฟ้า กฎหมายคุ้มครองเหมือนกันหมด ตนอยากให้ตัวแทนรายนี้นำเงิน 1,500,000 บาทมาคืน อย่าหน้ามึน ตนพร้อมประสานตำรวจ สน.ทองหล่อ เพื่อเร่งรัดคดีต่อไปแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/news/9315722/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X