ข่าวการเงิน
บทความโดย “วิไล รักต้นตระกูล”
นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
วันที่ 12 มิถุนายน 2566 สมสมร คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
สาวใหญ่วัย 53 ปี ผู้ซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนมาตลอด 30 ปี ตั้งแต่เรียนจบ
สมสมรก็ได้เข้าทำงานในองค์กรใหญ่ และก้าวหน้าในอาชีพการงาน
เป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนมีระเบียบวินัยในการใช้เงิน
มีเงินเก็บเงินออมไว้ให้ตัวเองสำหรับปั้นปลายชีวิตอยู่หนึ่งก้อนใหญ่
แต่ยิ่งใกล้วันที่จะต้องเกษียณอายุเข้ามาจริง ๆ
สมสมรก็มีความกังวลใจว่าเงินก้อนที่สะสมมานั้นจะเพียงพอใช้จ่ายไปจนถึงบั้นปลายชีวิตจริง
ๆ ไหม เพราะค่าครองชีพก็สูงมากขึ้นทุกวัน ๆ ข้าวของแพงขึ้นในทุก ๆ ปี
เพื่อคลายความกังวลใจ
สมสมรจึงศึกษาหาความรู้ในเรื่องการบริหารการจัดการเงินเพื่อการเกษียณและได้พบกับ
“อิสระ” นักวางแผนการเงิน
ผู้มีสโลแกนประจำตัวว่าเป็น “นักสร้างอิสรภาพทางการเงินมืออาชีพ”
ที่บูทของสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ในงาน SET IN THE CITY
เธอจึงนัดเพื่อขอรับคำปรึกษาในทันที
ข้อมูลทางการเงินเบื้องต้นของสมสมร ปัจจุบันสมสมรมีเงินก้อนเตรียมไว้ 15
ล้านบาท สำหรับเกษียณ มีแผนจะเกษียณเมื่ออายุ 55 ปี ไม่มีหนี้สิน
ไม่มีภาระใด ๆ มีลูกชาย 1 คน
ซึ่งจะเรียนจบปริญญาตรีในปีที่สมสมรเกษียณอายุพอดี
สมสมรมีแผนการใช้จ่ายเมื่อเกษียณอายุ ดังนี้
1. กินอยู่ใช้จ่ายเดือนละ 30,000 บาท ไปจนถึงอายุ 99 ปี
2. ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล
สมสมรกลัวค่าใช้จ่ายในเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่แพงหูฉี่
จากประสบการณ์ที่เห็นค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของเพื่อน ๆ
รุ่นราวคราวเดียวกันที่เวียนเข้าโรงพยาบาล ตกครั้งละเป็นหลักแสนเลยทีเดียว
จึงได้เตรียมทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายไว้เพื่อใช้ในยามเกษียณ
ประกันเล่มนี้ต้องชำระเบี้ยประกันทั้งสิ้นประมาณ 2 ล้านบาท
ซึ่งเธอได้เตรียมเงินอีกก้อนไว้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งจากข้อมูลที่ได้มา
อิสระคำนวณเงินที่ต้องการใช้หลังเกษียณออกมาได้เป็นจำนวนเงินที่ต้องเตรียมคือ
13,757,893 บาท โดยตั้งสมมติฐานการลงทุนหลังเกษียณที่ผลตอบแทน 4% ต่อปี
เงินเฟ้อ 3% ต่อปี และเบิกใช้เดือนละ 30,000 บาท เป็นเวลา 44 ปี จนถึงอายุ
99 ปี
ดังนั้น จากการคำนวณเบื้องต้นสินทรัพย์ของสมสมร 15 ล้านบาทนั้น
ก็มีเพียงพอในการดำรงชีวิตหลังเกษียณด้วยการนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนปีละ
4% แต่สมสมรเองนั้นก็ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเลย
ที่เคยลงทุนก็คือการซื้อกองทุนไว้เพื่อลดหย่อนภาษีเท่านั้น
ดังนั้น เธอจึงมีความกังวลในเรื่องของการที่จะจัดสรรเงินลงทุน
เพราะเงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่สำคัญในชีวิต
ซึ่งเธอไม่สามารถรับภาวะขาดทุนหนัก ๆ จากการลงทุนได้
อิสระเข้าใจจึงได้อธิบายหลักการวางแผนการลงทุน
และการบริหารเงินหลังเกษียณเพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุนจากการลงทุน
เพื่อคลายความกังวลของสมสมร แนะนำให้แบ่งเงินก้อนใหญ่ออกมาเป็น 3 ส่วน
หรือกลยุทธ์ที่เรียกว่า 3 Buckets
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นิยมในการบริหารเงินวัยเกษียณดังนี้
ซึ่งการลงทุนด้วยกลยุทธ์ 3 Buckets นี้มีหลักการสำคัญคือ
การ “รินกำไรใส่ถังล่าง” เมื่อ Bucket ที่ 2 มีกระแสเงินสด ก็ให้นำมาใส่
Bucket ที่ 1 และเมื่อ Bucket ที่ 3
มีกำไรจากการลงทุนก็ให้ขายกำไรออกเพื่อมาใส่ใน Bucket ที่ 2
เพื่อเก็บกำไรไว้สม่ำเสมอ โดยตั้งเป้าหมายเมื่อ Bucket ที่ 3 มีกำไรในระดับ
20% ก็จะขายส่วนกำไรมาเข้าใน Bucket ที่ 2 และจะย้ายเงินจาก Bucket ที่ 2
มาอยู่ Bucket ที่ 1 ทุกต้นปีตามจำนวนของค่าใช้จ่ายในปีนั้น ๆ
กลยุทธ์ 3 Buckets นี้มีข้อดีคือ ความอุ่นใจ ว่าจะไม่ขาดทุนหนัก
เนื่องจากเงินส่วนใหญ่ประมาณ 80% จะอยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัย
และแบ่งเงินส่วนน้อย ประมาณ 20% ลงทุนในพอร์ตเสี่ยงสูง
เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เงินเติบโตเพียงพอใช้จ่าย
และรักษาเงินต้นไม่ให้หายไปในวันที่ตลาดหุ้นตกหนัก ๆ
เพราะเป็นกลยุทธ์การลงทุนแบบระยะยาวที่สามารถมีเวลารอจนตลาดฟื้นตัวขึ้นมาได้ในที่สุด
สมสมรได้ฟังกลยุทธ์ 3 Buckets แล้วก็เข้าใจและคลายกังวล
และอยากจะเริ่มเปิดพอร์ตตามหลักการ 3 Backets ในทันที
ภาพการบริหารเงินให้เกษียณอย่างเกษมของสมสมร ก็แจ่มชัดขึ้นสดใส
ขอบคุณน้องอิสระ “นักสร้างอิสรภาพทางการเงินมืออาชีพ”
ที่มาช่วยวางแผนบริหารเงินยามเกษียณให้พี่สมสมรนะคะ
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
29/04/2024