ข่าวทั่วไป
“นาฬิกาหรู” เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ดีสำหรับการลงทุน
ยิ่งเก็บยิ่งเก่ายิ่งมีมูลค่าสูงขึ้น
โดยเฉพาะถ้าเป็นเรือนเวลาสุดหรูที่พ่วงความเป็น Limited Edition
ผลิตออกมาเพียงน้อยนิด ชนิดที่ว่าอาจจะมีแค่ไม่ถึง 10 เรือนในโลก
จากข้อเท็จจริงที่เคยเป็นมา
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้มูลค่าของนาฬิกาหรูลดลงไปได้ง่าย ๆ แต่ในช่วง
1 ปีที่ผ่านมา นาฬิกาหรูราคาลดลงมาก อาจจะเรียกว่าเป็นภาวะ
“นาฬิกาหรูราคาถดถอย” เลยก็ได้
“Watch Market Index” ดัชนีตลาดนาฬิกาหรูของ WatchCharts
ซึ่งติดตามราคานาฬิกาหรู 60 รุ่น จากแบรนด์นาฬิกาชั้นนำ เช่น โรเล็กซ์
(Rolex), ปาเต็ก ฟิลิปป์ (Patek Philippe) และโอเดอมาร์ส ปิเกต์ (Audemars
Piguet) ลดลง 32% จากจุดสูงสุดในเดือนมีนาคม 2022
และดัชนีแยกเฉพาะแบรนด์โรเล็กซ์ ลดลง 27% ในช่วงเวลาเดียวกัน
การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วง 5
ไตรมาสที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคานาฬิกาหรูตกต่ำลง
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ผู้คนเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ
กระตุ้นให้นักลงทุนลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และเก็บออมเงินสดมากขึ้น
ข้อมูลของ WatchCharts เผยให้เห็นว่า นาฬิกากลุ่มที่ราคาสูงที่สุดยิ่งราคาลดลงมากที่สุด โดยนาฬิการุ่นที่อยู่ในช่วงราคา 50,001-100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาร่วงลงมากกว่า 15% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน นาฬิการุ่นที่อยู่ในช่วงราคา 10,001-20,000 ดอลลาร์ ราคาลดลง 10.4% ส่วนนาฬิกาในช่วงราคา 5,001-10,000 ดอลลาร์ ราคาลดลง 6.8%
นาฬิกาแบรนด์ Rolex/ขอบคุณภาพประกอบจากงาน “Horological Society of Gaysorn” โดย เกษรวิลเลจ/หมายเหตุ : ภาพประกอบไม่ได้เจาะจงนาฬิการุ่นที่อยู่ในดัชนีราคานาฬิกาตามเนื้อหาข่าว
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นเพียงไม่กี่ครั้งในช่วงเวลาหลายปี
ที่เมื่อเทียบกันระหว่างนาฬิกาหรูกับหุ้นแล้ว
นาฬิกาหรูให้ผลตอบแทนต่ำกว่าหุ้น โดยนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022
ที่เฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยรอบปัจจุบันนี้ ดัชนี S&P500
(ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ที่สุด 500 ตัวในตลาดหุ้นสหรัฐ) เพิ่มขึ้นประมาณ 8%
ข้อมูลของ WatchCharts เผยให้เห็นว่า
นาฬิกาโครโนมิเตอร์บางแบรนด์สูญเสียมูลค่าไปมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ เห็นได้จาก
Rolex Market Index ดัชนีราคานาฬิกาโรเล็กซ์ที่ราคาสูงสุด 30 อันดับแรก
ลดลง 12.5% จากปีที่แล้ว ขณะที่ Patek Philippe Index ลดลง 18% ส่วน
Audemars Piguet ราคาลดลงหนักที่สุดเกือบ 20%
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สวนทางกับในช่วงสองสามปีก่อนหน้านี้ที่โควิด-19
ระบาด ซึ่งผู้คนนำเงินส่วนเกินไปลงทุนในการลงทุนทางเลือก เช่น NFT
และหุ้นมีม และนาฬิกาหรู
ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความนิยมมากในช่วงนั้น
อิงตามข้อมูลจากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ Boston Consulting
Group ยอดขายนาฬิกาหรูมือสองในปี 2021 มีมูลค่าสูงถึง 22,000 ล้านดอลลาร์
ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของตลาดนาฬิกาหรูที่มีมูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์
ราคาของนาฬิกาโรเล็กซ์, ปาเต็ก ฟิลิปป์ และโอเดอมาร์ส ปิเกต์
พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นปี 2022
ก่อนจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและธนาคารกลางสำคัญ ๆ
ทำให้ราคาร่วงลงมา
กราฟ Watch Market Index โดย WatchCharts ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนีสูงสุด ณ วันที่ 11 มีนาคม 2022
จากข้อมูลที่ว่ามานี้ ไม่รู้ว่าทำให้หลายคนที่สะสมนาฬิกาอยู่ หรือคนที่คิดอยากลงทุนในนาฬิการู้สึกหวั่นใจหรือไม่
แต่มาถึงตรงนี้ ขอบอกว่าไม่ได้มีแต่ข่าวร้ายสำหรับคนสะสมนาฬิกาหรู
เพราะหากพิจารณาจากกราฟดัชนี “Watch Market Index” ของ WatchCharts
ย้อนหลังไปสองสามปี (ดังภาพข้างบน)
จะเห็นว่าดัชนีที่ลดลงนั้นเพียงแต่เป็นการลดลงหลังจากที่พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดในเดือนมีนาคม
2022 เท่านั้น
แต่ไม่ได้ลดลงต่ำถึงระดับจุดเริ่มต้นที่ดัชนีเริ่มไต่ขึ้นเมื่อช่วงต้นปี
2021
และถึงแม้ว่าราคานาฬิกาหรูลดลงมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
แต่ถ้ามองถึงการลงทุนและผลตอบแทนในระยะยาว
นาฬิกาหรูก็ยังให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้นค่อนข้างมาก
โดยเฉพาะดัชนีราคานาฬิกาโรเล็กซ์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 55% จาก 5 ปีที่แล้ว
รายงานของ Boston Consulting Group ที่เผยแพร่เมื่อต้นปี 2023 บอกว่า
นาฬิกาหรูทำผลงานได้ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบดั้งเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018
ถึงมกราคม 2023
ราคาเฉลี่ยในตลาดมือสองของนาฬิการุ่นท็อปจากแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดสามแบรนด์
ได้แก่ โรเล็กซ์, ปาเต็ก ฟิลิปป์ และโอเดอมาร์ส ปิเกต์ เพิ่มขึ้นในอัตรา
20% ต่อปี แม้ว่าจะมีการชะลอตัวของตลาดในวงกว้างในช่วงที่เกิดโรคระบาด
ขณะที่ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทน 8% ต่อปี
อ้างอิง :
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
30/04/2024
09/12/2023
30/04/2024
12/06/2024
30/04/2024