ประกันชีวิต

6 ปัจจัยสำคัญเลือกซื้อประกันชีวิตให้มีแต่คำว่าคุ้ม


“ตอนนี้อายุ 25 ปี อยากทำประกันชีวิตให้ตัวเองซัก 1 กรมธรรม์ ประกันชีวิตแบบไหนดีที่สุดคะ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ” 

ประกันชีวิตเป็นอีก 1 ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ พูดง่ายๆ ก็คือ การทำประกันชีวิตเป็นการถ่ายโอนความเสี่ยงที่มีไปให้บริษัทประกันช่วยดูแล ถึงแม้จะไม่สามารถชดเชยความสูญเสียได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดทอนผลกระทบจากความสูญเสียได้บางส่วน 

การวางแผนซื้อประกันชีวิตที่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะพิจารณาจากเบี้ยประกันชีวิตที่สอดคล้องกับสภาวะการเงินแล้ว การพิจารณารายละเอียดปลีกย่อยที่ครอบคลุมในหลายๆ ปัจจัยก็เป็นเรื่องสำคัญที่คนอยากทำประกันชีวิตไม่ควรมองข้าม



ปัจจัยสำคัญเลือกซื้อประกันชีวิตให้มีแต่คำว่าคุ้ม 

1. เข้าใจความแตกต่างของประกันชีวิตแต่ละประเภท 
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ใช้เกณฑ์ในการแบ่งประเภทของประกันชีวิตไว้ 2 แบบ ดังนี้ 

ประชีวิตแบบทั่วไปมี 5 ประเภท ได้แก่ 
1) ชั่วระยะเวลา (Term Life Insurance) 
2) ตลอดชีพ (Whole Life Insurance) 
3) สะสมทรัพย์ (Endowment/Saving Insurance) 
4) เงินได้ประจํา/แบบบํานาญ (Annuity Insurance) 
5) ควบการลงทุน (Unit link)

ประกันชีวิตแบบพิเศษมี 2 ประเภท ได้แก่ 
1) ควบการลงทุน (Investment-linked life insurance) 
2) เฉพาะผู้สูงอายุ  

ประกันชีวิตทั้ง 7 ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์ในการบริหารความเสี่ยงที่ที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนการตัดสินใจซื้อประกันทุกครั้งจึงควรศึกรายละเอียดของประกันชีวิตแต่ละประเภทให้ดีเสียก่อน เพื่อผลประโยชน์อันสูงสุดของตัวเราเอง 

2. เลือกทุนประกันชีวิตที่เหมาะสม
การวางแผนการซื้อประกันชีวิตนอกจากต้องเข้าใจความแตกต่างของประกันชีวิตแต่ละประเภทแล้ว ปัจจัยด้านทุนประกันเองก็สำคัญไม่แพ้กัน การเลือกทุนประกันที่ดีจะต้องมีวงเงินการคุ้มครองที่เพียงพอต่อความเสี่ยงทางการเงินของเรา ไม่ว่าจะเป็น ภาระทางการเงินที่อาจจะตกไปถึงคนข้างหลัง หรือ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เรามีความมั่นใจว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ไหน ชีวิตก็จะดำเนินต่อไปแบบไม่สะดุด 
ยกตัวอย่างเช่น เรามีหนี้สินเชื่อบ้านอยู่ 1 ล้านบาท การเลือกทุน เลือกกำหนดทุนประกันก็ควรจะให้เพียงพอต่อภาระหนี้สินที่มี เพื่อให้ผู้รับผลประโยชน์จากการทำประกันชีวิตของเรานั้นสามารถปลดภาระหนี้สินที่ตกทอดไปถึงพวกเขาได้ 

3. ระบุความต้องการ และความแตกต่างให้ชัดเจน 
ความต้องการ เป้าหมาย และความเสี่ยงของคนเรามีความแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ และวิถีการดำเนินชีวิต การเลือกซื้อประกันชีวิตจึงควรเลือกแบบประกันให้ตอบโจทย์กับความต้องการ และสอดคล้องกับความแตกต่างของแต่ละบุคคล  
ยกตัวอย่างเช่น นาย noon เป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้อยู่ในระดับกลางๆ ต้องการสร้างมรดกเป็นเงินจำนวนก้อนหนึ่งไว้ให้กับคนที่รักในยามที่เขาจากไป “ดังนั้นประกันชีวิตที่น่าจะเหมาะกับเขาคือ”ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ “เนื่องจากแบบดังกล่าว เน้นความคุ้มครองชีวิตที่สูง มีมูลค่าเงินสด และเบี้ยประกันไม่สูงมากนัก” 

4. สำรวจความพร้อมในการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต  
เราวางแผนจ่ายเบี้ยประกันดีหรือยัง? ถึงแม้ว่าเราจะได้เจอกับแบบประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์กับความต้องการของเราทุกประการ แต่ถ้าเราฝืนจ่ายเบี้ยประกันเกินกำลังของตัวเองอาจทำให้แบบประกันปังๆ กลายเป็นพังได้ ดังนั้นนอกจากจะมองหาแบบประกันที่ตรงใจแล้ว เบี้ยประกันก็ควรอยู่ในเกณฑ์ที่เราจ่ายไหวด้วย หรืออ้างอิงตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินส่วนบุคคล ที่ระบุว่าเบี้ยประกันภัยต่อปีในระดับแนะนำนั้น อาจจะอยู่ที่ราว ๆ 10% ของรายได้ต่อปี  

5. ทำความรู้จักบริษัทประกันให้มากขึ้น หาข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงเพื่อความมั่นใจ
ปัจจัยด้านความมั่นคงของบริษัทประกันชีวิตมักเป็นปัจจัยที่เรามักหลงลืม หรือไม่ค่อยคำนึงถึง แต่รู้หรือไม่? ความมั่นคงของบริษัทประกันนั้นจะช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความปลอดภัยในการทำประกันชีวิต เช่น เราสามารถศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยได้จากรายงานอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) หรือจากงบการเงินของบริษัทประกันภัย ทั้งที่เผยแพร่โดยสำนักงาน คปภ. หรือจากบริษัทประกันภัยโดยตรง เพราะยิ่งบริษัทประกันมีความมั่นคงมากเท่าไหร่ ความพร้อมในการให้บริการด้านการประกันภัย อาทิเช่น การจ่ายค่าสินไหมทดแทน ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น 

6. ศึกษาข้อยกเว้นและเงื่อนไข
การเลือกซื้อแบบประกัน ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต หรือประกันใดๆ ก็ตาม เรามักย้ำเตือนอยู่เสมอว่าควรอ่านรายละเอียดความคุ้มครอง และข้อยกเว้น หรือเงื่อนไขต่างๆ ให้ดี เพราะหากพลาดไปแม้แต่จุดเดียวอาจทำให้เราพลาดสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองจากประกันไปเลยก็ได้  
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เอาประกันฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญาครั้งสุดท้ายบริษัทประกันชีวิตจะยกเว้นการจ่ายเงินเอาประกันให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ทันที เพราะผิดเงื่อนไขที่ตกลงไว้ในสัญญาประกันภัย 

สรุป การเลือกซื้อประกันชีวิตให้มีประสิทธิภาพควรพิจารณาจาก 6 ปัจจัยด้วยกัน ซึ่ง ประกอบไปด้วยปัจจัยด้านความเข้าใจความแตกต่างของประกันชีวิตแต่ละประเภท ปัจจัยด้านการเลือกทุนประกันชีวิตที่เหมาะสมทุน ปัจจัยด้านความต้องการ และความแตกต่างเฉพาะบุคคล ปัจจัยด้านความพร้อมในการจ่ายเบี้ยประกัน ปัจจัยด้านข้อมูลของบริษัทประกัน และสุดท้ายปัจจัยด้านรายละเอียดของข้อยกเว้น และเงื่อนไขของแบบประกันชีวิต  

หากรู้คำตอบแล้วว่าตัวเรานั้นเหมาะสมกับประกันชีวิตแบบไหนก็อย่าลืมแวะเข้ามาเลือกซื้อประกันชีวิตผ่าน noon.in.th ที่นี่เรามีแบบประกันชีวิตให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งตอบโจทย์ และครอบคลุมทุกความต้องการ 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : oic.or.th , moneybuffalo.in.th, prachachat.netthaipublica.org

หนังสือ หลักสูตรวางแผนการเงิน : ชุดวิชาที่3 การวางแผนประกันภัย หน้าที่ 7-8


แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับnoon
https://www.noon.in.th/blog/6-point-select-the-right-life-insurance/
X