ประกันภัย
คปภ.ยื่นศาลค้าน “สินมั่นคง” ไม่เห็นด้วยนับคะแนนโหวต แผนฟื้นฟูใหม่
“สินมั่นคงฯ” อลหม่าน คปภ.ยื่นคำร้องคัดค้านนับคะแนนโหวตแผนฟื้นฟูกิจการใหม่ เผยศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวน 25 ต.ค.นี้ ชี้หากศาลไม่ยอมรับแผนฟื้นฟู คปภ. ต้องเข้าแทรกแซง สั่งหาเงินเพิ่มทุน ไปจนถึงให้
หยุดรับประกันภัยชั่วคราว ฟากผู้สนใจร่วมทุน 2 ราย ลั่นแผนฟื้นฟูต้องผ่านเท่านั้นจึงจะใส่เงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมเจ้าหนี้ของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 มีมติไม่ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการ ด้วยสัดส่วน 52.72% และต่อมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566
ผู้ทำแผน ซึ่งคือบริษัทสินมั่นคงประกันภัย ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการนับคะแนนการลงมติของเจ้าหนี้ต่อศาลล้มละลายกลาง
ต่อมาในวันที่ 29 กันยายน 2566 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้ลูกหนี้ผู้ทำแผน และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร่วมกันตรวจสอบกระบวนการ ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องในการลงมติล่วงหน้าของเจ้าหนี้ การบันทึกผลคะแนน ระบบการประมวลผล และกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
โดยในการตรวจสอบดังกล่าว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน คปภ. เจ้าหนี้ทั้งที่ลงมติเห็นชอบและไม่เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ ได้ทราบรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงานหรือสังเกตการณ์ได้
และในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ศาลล้มละลายกลางจะมีการพิจารณาตัดสินว่า จะยอมรับแผนหรือไม่ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการ
ล่าสุด แหล่งข่าวสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำนักงาน คปภ.มีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องคัดค้านการนับคะแนนใหม่ต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งได้ยื่นไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 เหตุผลเพราะว่ากระบวนการโหวตแผนฟื้นฟูกิจการ ได้นับคะแนนจริงไปแล้ว 1 รอบ ซึ่งการนับคะแนนใหม่ โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงคงไม่มาก
แต่เนื่องจากศาลล้มละลายกลางได้รับคำร้องของบริษัทสินมั่นคงประกันภัยในการขอนับคะแนนใหม่ไปแล้ว ดังนั้นทางศาลล้มละลายกลางจึงได้มีการนัดสำนักงาน คปภ. และบริษัทสินมั่นคงประกันภัย ในวันที่ 25 ตุลาคม 2566 เพื่อไต่สวนคำร้องเรื่องสมควรจะให้กระบวนการรันใหม่หรือไม่ แต่ระหว่างทางตอนนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็เริ่มมีการนับคะแนนใหม่ไปแล้ว
“ประเมินว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 มีความเป็นไปได้ว่าศาลล้มละลายกลางจะมีการเลื่อนพิจารณาตัดสินออกไป เพราะอาจจะต้องพิจารณาผลคะแนน และกระบวนการที่เกี่ยวข้องก่อน โดยถ้าผลคะแนนออกมายอมรับแผน ทางบริษัทสินมั่นคงประกันภัยจะมีกระบวนการที่จะต้องดำเนินการกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อนศาลจะตัดสิน แต่ถ้าผลออกมาไม่ยอมรับแผน
คาดว่าศาลอาจจะมีคำสั่งตามขั้นตอนกระบวนการ แม้ว่ากฎหมายจะระบุว่า เมื่อแผนฟื้นฟูกิจการไม่ผ่าน จะมีเวลา 6 เดือน ในการยื่นแผนใหม่ได้ แต่ว่า 6 เดือนนั้น จะไม่ได้อยู่ในภาวะพักการชำระหนี้ (automatic stay) แล้ว ฉะนั้นสภาวะนั้น สำนักงาน คปภ.คงจะต้องเข้าแทรกแซง” แหล่งข่าวกล่าว
สุดท้ายแล้วถ้าแผนไม่ได้รับการอนุมัติ จะเป็นกระบวนการตามกฎหมายของสำนักงาน คปภ. ที่จะให้เวลาบริษัทสินมั่นคงประกันภัยในการหาเงินเพิ่มทุน และหากไม่สามารถดำเนินการได้ จะบังคับให้หยุดรับประกันภัยชั่วคราว ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย และระหว่างนี้จะมีเวลาให้หาเงินเพิ่มทุนอีกรอบ ถ้าทำไม่ได้จะใช้มาตรการลงโทษสูงสุดตามมาตรา 59 สั่งเพิกถอนใบอนุญาต
“ส่วนกรณีแผนฟื้นฟูผ่าน สำนักงาน คปภ.ก็จะต้องนำแผนมาเสนอคณะกรรมการ คปภ.พิจารณา และประเมินว่าส่วนไหนที่สำนักงาน คปภ.จะบริหารจัดการให้แผนรันต่อไปได้ และอาจจะมีการเพิ่มหรือผ่อนเกณฑ์การกำกับบางอย่าง
ภายใต้ภาวการณ์นั้น เพื่อให้เกิดความสมดุลที่ธุรกิจจะพอไปได้ ซึ่งตอนนั้นจะต้องหารือบอร์ดอีกรอบ เพราะเป็นอำนาจของบอร์ดในการตัดสิน”
ทั้งนี้ ความคืบหน้าการหาผู้ร่วมทุน ทางบริษัทสินมั่นคงประกันภัย กล่าวไว้ก่อนการโหวตแผนฟื้นฟูว่า ยังมีความมั่นใจเพราะดีลผู้เพิ่มทุนไว้แล้ว 2 ราย คือ 1. บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)และ 2. บริษัท พรีฟอร์มม่า จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีเงื่อนไข คือ แผนฟื้นฟูกิจการต้องผ่านก่อน
“ทางกรุงเทพประกันภัยกำหนดเงื่อนไขไว้ 3 อย่าง คือ 1. ผ่านแผนฟื้นฟู 2. ถ้าผ่านแล้วมูลค่ากิจการของสินมั่นคงประกันภัยเหลืออยู่เท่าไร 3.ต้องขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ส่วนพรีฟอร์มม่ากำหนดเงื่อนไข คือ 1. ใส่เงินลงทุน 5,000-10,000 ล้านบาท 2. แผนฟื้นฟูต้องผ่านก่อน” แหล่งข่าวกล่าว
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า บริษัทยังสนใจเพิ่มทุนสินมั่นคงฯอยู่เหมือนเดิม หากแผนฟื้นฟูผ่าน แต่จะใส่เงินเท่าใดก็คงต้องดูพอร์ตงานก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
X