ข่าวการเงิน
แบงก์เดินหน้าลดสาขา-จุดให้บริการต่อเนื่องในปี 2567
หวังบริหารจัดการต้นทุน-ลุยช่องทางโมบายแบงกิ้งเต็มสูบ เปิดข้อมูลปี’66
ปิดสาขาเกือบ 200 แห่ง ขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานยังเพิ่ม ทั้งระบบกว่า 1.24
แสนคน “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้สัญญาณแบงก์ลดสาขาต่อแต่ไม่รุนแรง
ตอบโจทย์ลดต้นทุน-พฤติกรรมเปลี่ยน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯปิดมากสุด “ทีทีบี”
ปรับรูปแบบ-ไซซ์เล็กลง จ่อเพิ่มในพื้นที่ EEC หลังปริมาณธุรกรรมพุ่ง
“CIMBT” ส่อง 3 ปัจจัยหนุนแบงก์ลดสาขา “ลดต้นทุน-เทรนด์ดิจิทัลโต-โรดแมป
ธปท.”
ปี’66 ปิดสาขาเกือบ 200 แห่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
รายงานสรุปจำนวนสาขาและจุดให้บริการของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ณ
เดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,489 แห่ง ลดลง 196 แห่ง
จากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีจำนวน 5,685 แห่ง
โดยกลุ่ม 6 ธนาคารใหญ่ ณ สิ้นปี 2566 พบว่า ธนาคารกรุงไทย
มีสาขาและจุดให้บริการมากที่สุดจำนวน 966 แห่ง มีการปรับลดลง 29 แห่ง
จากปีก่อนหน้า, ตามมาด้วยธนาคารกรุงเทพ มีจำนวน 882 แห่ง ปรับลดลง 9 แห่ง,
ธนาคารกสิกรไทย มีจำนวน 814 แห่ง ปรับลดลงไป 16 แห่ง, ธนาคารไทยพาณิชย์
จำนวน 729 แห่ง ปี 2566 ที่ผ่านมามีการปรับลดสาขาและจุดให้บริการ 72 แห่ง
อันดับ 5 คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำนวน 604 แห่ง ปรับลดลง 28 สาขา
และธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี มีจำนวน 532 แห่ง ปรับลดลง 37 แห่ง
อย่างไรก็ดี ในส่วนของธนาคารไทยเครดิต ที่เป็นธนาคารน้องใหม่
เป็นแห่งเดียวที่มีสาขาและจุดให้บริการเพิ่มขึ้น โดย ณ เดือนธันวาคม 2566
มีจำนวนทั้งสิ้น 525 แห่ง เพิ่มขึ้น 3 แห่ง จากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีอยู่
523 แห่ง
ค่าใช้จ่ายพนักงานยังเพิ่ม
สำหรับข้อมูลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ
ของไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 39,843 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2566 ที่อยู่ 39,536 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3/2565
ที่อยู่ 39,671 ล้านบาท
ขณะที่จำนวนพนักงาน ณ ไตรมาสที่ 3/2566 อยู่ที่ 124,271 คน
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2566 ที่อยู่ 124,033 คน แต่ลดลงจากไตรมาสที่
3/2565 อยู่ที่ 125,242 คน
ลดสาขาตอบโจทย์ลดต้นทุน
นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า
ภาพรวมสาขาธนาคารพาณิชย์ในระบบของปี 2567 มองว่า
นโยบายยังคงทิศทางปรับลดลงต่อเนื่อง
สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคและความคุ้นชินในการทำธุรกรรม Digital Payment
อย่างไรก็ดี อัตราการลดลงของสาขาจะชะลอลงเมื่อเทียบช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากธนาคารได้ปิดและปรับรูปแบบไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างมากแล้ว
ภาพการปรับลดลงจะเห็นทั้งในส่วนของสาขาและจุดให้บริการ
จากเดิมจะเห็นการลดเฉพาะสาขา และเพิ่มจุดให้บริการแทน ทั้งนี้
เป็นการลดลงในทุกภาคของประเทศ แต่จุดที่มีการปรับสาขาลงเยอะสุด คือ
กรุงเทพฯ
สอดคล้องกับพฤติกรรมและปริมาณการทำธุรกรรมในการใช้บริการด้านออนไลน์มากขึ้น
โจทย์เรื่องสาขาของธนาคารยังเป็นภาพเดิมของการบริหารต้นทุน
ซึ่งแนวโน้มอาจเห็นการพิจารณายุบสาขาในห้างมากขึ้น เนื่องจาก 1 ธนาคาร
อาจจะไม่ได้มีอยู่ในทุกห้างสรรพสินค้า หากพื้นที่อยู่บริเวณใกล้กัน
โดยรูปแบบอาจมีการปิดสาขา ควบรวม หรือย้ายพื้นที่
รวมถึงสนับสนุนให้คนใช้ช่องทางบริการอื่น เช่น โมบายแบงกิ้ง
และทำให้ช่องทางการขายที่มีอยู่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ภายใต้แนวคิดของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เรื่อง Open Data
คือการเปิดให้มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าระหว่างธนาคารได้
ซึ่งจะทำให้บริบทของสาขาและจุดให้บริการของธนาคารแตกต่างไปจากเดิม
ทำให้การทำธุรกรรมง่ายขึ้น ทำให้ความจำเป็นของสาขาและจุดให้บริการจะลดลง
จะเหลือแต่สาขาที่ไว้ทำธุรกรรมซับซ้อน
และที่เหลือจะถูกโอนไปบนแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้ง”
ttb ปรับรูปแบบ-ลดไซซ์
ด้านนายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี
เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางสาขาของธนาคารยังคงปรับลดลง
แต่อัตราการปรับลดลงคงไม่ได้เร่งมากเมื่อเทียบกับในอดีต
เพราะมีการปรับลดลงไปพอสมควรแล้ว ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น
ปริมาณธุรกรรมสาขามีน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ หรืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
อาจจะใช้วิธีการควบรวมสาขา หรือย้ายไปในพื้นที่ไม่ทับซ้อนกัน เป็นต้น
ขณะดียวกันรูปแบบสาขาอาจจะเห็นการปรับเปลี่ยนไป
โดยมีการปรับลดขนาดพื้นที่สาขาให้เล็กลง ลดจำนวนพนักงานเฉลี่ยต่อสาขาลง
เนื่องจากไม่เน้นพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยจะปรับการทำธุรกรรมที่ไม่ซับซ้อนประมาณ
90% โยกไปอยู่บนโมบายแอปพลิเคชั่น “ttb touch” หรือออนไลน์ทั้งหมด
รวมถึงเรื่องการขอ Statement เพื่อทำวีซ่า แม้กระทั่งการขอหนังสือค้ำประกัน
(L/G) หรือการนำเช็คเข้าบัญชี เป็นต้น
เพิ่มสาขาพื้นที่ EEC ธุรกรรมพุ่ง
อย่างไรก็ดี นายฐากรกล่าวว่า
ธนาคารยังมีแผนการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมเช่นกัน
โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
และระยอง พบมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจค่อนข้างดี
เห็นสัญญาณของปริมาณธุรกรรมการเงินที่เพิ่มขึ้น
สอดคล้องตามการเติบโตของสังคมเมือง
จึงอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่และการเปิดสาขาเพิ่มเติม
เพราะเป็นโอกาสขยายธุรกิจของธนาคาร คาดว่าภายใน 6 เดือนน่าจะสามารถสรุปได้
อย่างไรก็ดี คาดว่าในปี 2567 ทีทีบีจะมีการปรับลดสาขาลงราว 10 แห่ง
“สาขาคงปรับลดลงอีก แต่อัตราลดลงคงไม่เยอะ
เพราะถือว่าช่วงก่อนหน้านี้ก็ปรับลดลงไปค่อนข้างเยอะแล้ว
ซึ่งปีนี้เราคาดว่าจะลดลงอีก 10 แห่ง แต่ก็มีเปิดเพิ่มด้วย
ซึ่งเรากำลังศึกษาในพื้นที่ EEC เราเห็นธุรกรรมเยอะขึ้น
ซึ่งสาขาที่มีอยู่ไม่เพียงพอ เพราะมีการเกิดขึ้นของคอมมิวนิตี้
บ้านและชุมชน จึงเป็นโอกาสที่จะเปิดสาขารองรับ”
กรุงศรีฯสาขาเริ่ม “จุดสมดุล”
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การลดสาขาในปี 2567
ทิศทางน่าจะเห็นการปิดสาขาเริ่มลดลงและเข้าจุดสมดุลมากขึ้น
เนื่องจากในช่วง 2-3
ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าธนาคารปรับลดจำนวนสาขากันเยอะพอสมควรแล้ว
รวมถึงมีการปรับรูปแบบสาขาให้สอดคล้องตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
และตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น สาขา Smart Branch ที่เน้นเครื่องอัตโนมัติ
และสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตัวเอง
รวมถึงการทำธุรกรรมผ่านช่องทางโมบายแบงกิ้ง
ทำให้เทรนด์การปิดสาขาเริ่มชะลอลง
3 ปัจจัยหนุนแบงก์ลดสาขา
นายเอกสิทธิ์ พฤฒิพลากร ผู้บริหารผลิตภัณฑ์และธนาคารดิจิทัล
และรักษาการผู้บริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย
เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า
ภาพรวมสาขาของธนาคารยังคงเห็นการลดลงต่อเนื่อง
แต่จะเห็นการปรับลดลงจำนวนไม่มากเหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
ที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีการปรับลดทั้งสาขา
และเครื่องเอทีเอ็มลงค่อนข้างมาก โดยมาจาก 2-3 ปัจจัยด้วยกัน
ได้แก่ 1.ธนาคารต้องการบริหารจัดการต้นทุน
เนื่องจากสาขามีต้นทุนค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับช่องทางบริการอื่น ๆ เช่น
ดิจิทัล เนื่องจากสาขามีต้นทุนทั้งในส่วนของคน ค่าเช่าพื้นที่
ทำให้ธนาคารลดจำนวนสาขาลง โดยเฉพาะในส่วนของสาขา Stand Alone
ที่มีปริมาณธุรกรรมน้อยลง ไม่คุ้มกับต้นทุนบริหารจัดการ
อาจจะมีการควบรวมในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงหันไปเปิดบนศูนย์การค้ามากขึ้น
2.ทิศทางดิจิทัล ปัจจุบันธนาคารส่วนใหญ่มีระบบยืนยันตัวตน (e-KYC)
และสามารถเปิดบัญชีออนไลน์โดยไม่จำเป็นต้องไปสาขา
หรือการทำธุรกรรมพื้นฐานผ่านแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้งได้เช่นกัน
ทำให้ความจำเป็นของสาขาธนาคารลดลงตามพฤติกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
และ 3.สอดคล้องกับแผนการผลักดันของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ในเรื่องของภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทยเพื่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน
ที่ต้องการเพิ่มปริมาณการใช้ Digital Payment เป็น 2.5 เท่าภายใน 3 ปี
และลดการใช้เงินสดด้วยอัตราเร่งเป็น 2 เท่า ภายใน 3 ปี (2565-2567)
จะเห็นว่า ธปท.พยายามผลักดันเรื่องการชำระเงินระหว่างประเทศ (QR Cross
Border) หลังจากพร้อมเพย์ในประเทศประสบความสำเร็จ
รวมถึงแผนการอนุมัติจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank)
เพื่อให้เจาะกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (Under Bank)
และยังมีอีกหลายแผน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนคนไทยใช้ดิจิทัลมากขึ้น
“จาก 3-4 ปัจจัยเป็นเหตุผลที่ทำให้สาขาธนาคารลดลง
เพราะแบงก์ต้องการลดต้นทุนเรื่องสาขา พฤติกรรมและเทรนด์ดิจิทัล
และโรดแมปของ ธปท. ดังนั้นภาพเรายังคงเห็นสาขาและตู้เอทีเอ็มลดลงอยู่
ซึ่งโดยปกติทั้งระบบจะลดลงเฉลี่ย 10% ต่อปี
แต่ภาพการลดลงคงไม่ได้ลดรุนแรงเหมือนในอดีต”
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
07/06/2024
30/04/2024