ห้องแสดงนิทรรศการ

เปิดตัว "LV THE PLACE BANGKOK" รวมทุกประสบการณ์เพื่อคนรัก "หลุยส์ วิตตอง"


นับตั้งแต่ปี 1854 “หลุยส์ วิตตอง” ได้สร้างสรรค์ดีไซน์ ที่เป็นเอกลักษณ์สู่สายตาชาวโลก ภายใต้ปรัชญา “ศิลปะแห่งการเดินทาง” พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และเปิดรับศาสตร์ใหม่ๆ จากเหล่าสถาปนิก, ศิลปิน และดีไซเนอร์ต่างสาขา เพื่อรังสรรค์ผลงานระดับไอคอนให้โลกจำ


ล่าสุด “หลุยส์ วิตตอง” พาออกเดินทางสู่ “LV THE PLACE BANGKOK” ณ ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ จุดหมายแห่งใหม่ที่รวมคอนเซปต์ครบทุกประสบการณ์ภายในพื้นที่เดียวกัน ตั้งแต่งานนิทรรศการ, คาเฟ่ “LE CAFÉ LOUIS VUITTON”, รีเทลสโตร์ และร้านอาหาร โดยเชฟชื่อดัง “กากัน อนันต์” เพิ่มความโดดเด่นด้วยดีไซน์สถาปัตยกรรมอันเป็นแรงบันดาลใจ และการตกแต่งสวยงาม ตลอดจนเมนูต่างๆที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะ เพื่อพาไปค้นพบจินตนาการไร้ขีดจำกัด








“LV THE PLACE BANGKOK” ครอบคลุมพื้นที่สองชั้นภายในตึกเกษรอัมรินทร์ บนทำเลล้ำค่าใจกลางกรุงเทพฯ ด้านนอกตกแต่งด้วยประติ มากรรมรูปทรงแบบเพชรขนาดใหญ่ที่ส่องแสงยามค่ำคืน ส่วนด้านในรวบรวมหลากหลายรูปแบบประสบการณ์ไว้ครบครัน ทั้งรีเทลสโตร์, อาหาร และเรื่องราววัฒนธรรม


ต้อนรับผู้มาเยือนอย่างน่าตื่นเต้น ด้วยพื้นที่จัดแสดงเรื่องราวการเดินทางแห่งวิสัยทัศน์ “VISIONARY JOURNEYS” นิทรรศการใหม่ที่จะพาไปสัมผัสมรดกล้ำค่าของเมซง ซึ่งไม่เคยแสดงที่ใดมาก่อน ด้วยผลงานออกแบบของบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง “OMA” และ “Partner Shohei Shigematsu” โดยนำจินตนาการของเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมมาถ่ายทอดในคอนเซปต์ใหม่ ห้องต่างๆ ถูกแบ่งเป็นธีมต่างกันชัดเจน ผสานเรื่องราวบริบทใหม่ทั้งประวัติศาสตร์ และชิ้นงานร่วมสมัย เพื่อเชิญชวนผู้มาเยือนให้ดื่มด่ำไปกับหัวใจหลักในเรื่องความเชี่ยวชาญงานฝีมือ, นวัตกรรม, การเดินทาง และความคิดสร้างสรรค์








“Trunkscape” คือจุดเริ่มต้นแห่งการเดินทาง ที่นำทรังก์ 96 ใบ มาเรียงต่อกันราวกับอุโมงค์ทอดยาวไปสู่เรื่องราวงานฝีมือและนวัตกรรมของ “หลุยส์ วิตตอง” ห้องแรกนำเสนอภายใต้ธีม “Origins” อุทิศให้กับเรื่องราวของตระกูลวิตตอง จัดเป็นแท่นแสดงคลังเก็บเรื่องราวที่อยู่รอบด้าน และชิ้นงานที่เป็นแรงบันดาลใจ รวมทั้งดีไซน์ต่างๆในยุคแรก รูปแบบของทรังก์ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์ทรังก์และบรรจุสิ่งของต่างๆ ส่วนตัวอย่างของโมโนแกรมแคนวาสหลากหลายรูปแบบที่พัฒนามาหลายทศวรรษ บ่งบอกถึงความต่อเนื่องและนวัตกรรมของแบรนด์อันไม่หยุดนิ่ง








ห้องต่อมา “Iconic Bags” จัดแสดงเพื่อเฉลิมฉลอง 25 ปี ในประวัติศาสตร์แฟชั่นของ “หลุยส์ วิตตอง” ถ่ายทอดเรื่องราวของดีไซน์กระเป๋าไอคอนิก 5 รุ่น คือ Alma, Keepall, Speedy, Noé และ Petite Malle ซึ่งนำกลับมาตีความใหม่โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แต่ละยุคสมัยล้วนแสดงวิสัยทัศน์ความก้าวล้ำของสไตล์และความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ รูปทรงและเอกลักษณ์ของกระเป๋าไอคอนิก ถูกนำเสนอผ่านกระเป๋า 21 ใบ พร้อมเสื้อผ้า 2 ลุค จัดแสดงภายในลูกบอลอะคริลิกใสทรงกลม 19 ลูก








ส่วนห้องสุดท้าย “Collaborations” พาไปค้นพบความสัมพันธ์กับเหล่าศิลปินที่รังสรรค์ให้เกิดผลงานกระเป๋าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่จดจำสูงสุดจากการตีความของสตีเฟน สเปราส์, ริชาร์ด ปรินซ์, ทากาชิ มุราคามิ และยาโยอิ คุซามะ โดยนำผลงานดั้งเดิมทั้ง 7 ชิ้น เป็นตัวแทนสะท้อนศักยภาพไร้ขีดจำกัด อีกด้านเป็นจอสกรีนแอนิเมชันครึ่งวงกลมฉายแพตเทิร์นงานของศิลปินแต่ละคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะลงบนฉากหลัง ซึ่งเป็นกระเป๋าชุบโครมจำนวน 184 ใบ


นอกจากนี้ ผู้มาร่วมชมนิทรรศการจะได้พบกับห้อง “Giveaway Room” ที่ชวนทำกิจกรรมเพื่อรับของที่ระลึก พิเศษสุดคือภายในรีเทลสโตร์มีบริการประทับลวดลายมาสคอตใหม่ของเมซง “น้องวิเวียน” (Nong Vivienne) เพื่อต้อนรับการเปิดตัวจุดหมายใหม่แห่งนี้...ถือเป็นแม่พิมพ์บทใหม่ของร้าน “หลุยส์ วิตตอง” ในอนาคต.


แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/lifestyle/fashion/2767098
X