ภาษี

นักออมเงินทราบหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินฝากต้องเสียภาษี?


ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของผู้มีรายได้ จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้กรมสรรพากรสามารถทราบรายได้ของคุณได้ จากการส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากโดยสถาบันการเงินส่งให้กับกรมสรรพากร และหากมีรายได้ผิดปกติมีผลให้ถูกตรวจสอบ ตลอดจนถูกเรียกเก็บภาษีได้

โดยทั่วไปบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จะคิดดอกเบี้ยให้ผู้ฝากทุกวัน แต่จะจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ฝากปีละ 2 ครั้ง คือ ในเดือนมิถุนายนและธันวาคม ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้รับในแต่ละงวดก็จะมารวมเป็นเงินต้นสำหรับคิดดอกเบี้ยในแต่ละวันต่อไปด้วย

ซึ่งในปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ของผู้มีรายได้ จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้กรมสรรพากรสามารถทราบรายได้ของคุณได้ จากการส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากโดยสถาบันการเงินส่งให้กับกรมสรรพากร และหากมีรายได้ผิดปกติมีผลให้ถูกตรวจสอบ ตลอดจนถูกเรียกเก็บภาษีได้ หากรายได้และดอกเบี้ยของคุณถึงเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งในครั้งนี้จะขออธิบายเรื่องของดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มเติมดังนี้

ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์แบบคร่าวๆ

ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้แจกแจงรายละเอียดการคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์โดยยกตัวอย่างดังนี้ เมื่อวันที่ 1 มกราคม นาย A ฝากเงินธนาคารไว้ 20,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี มี 6 เดือนระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน ถึง 31 ธันวาคมของทุกปี ดังนั้น นาย A จึงฝากเงิน 20,000 บาทไว้ทั้งปี และไม่ถอนออกหรือฝากเพิ่ม ซึ่งดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่นาย A จะได้รับในปีนี้สามารถคำนวณได้ดังนี้

เงินฝาก (ณ วันที่ 1 มกราคม) เงินต้น 20,000 บาท

เงินฝาก+ดอกเบี้ย (ณ วันที่ 30 มิถุนายน) เงินต้น 20,197.26 (คิดดอกเบี้ย 2%)

เงินฝาก+ดอกเบี้ย (ณ วันที่ 31 ธันวาคม) เงินต้น  20,203.63 (คิดดอกเบี้ย 2%)

ระยะเวลาในการคำนวณจำนวนวันในการฝากเงินจะคำนวณถึงวันก่อนวันที่จ่ายดอกเบี้ย คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 29 มิถุนายน รวม 180 วัน

ระยะเวลาในการคำนวณจำนวนวันในการฝากเงินจะคำนวณถึงวันก่อนวันที่จ่ายดอกเบี้ย คือ ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ถึง 31 ธันวาคม รวม 184 วัน

ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ นาย A จะได้รับในปีนี้จะเท่ากับมูลค่าของเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม ลบด้วยมูลค่าของเงินฝาก ณ วันที่ 1 มกราคม = 20,203.63 บาท ลบด้วย 20,000.00 บาท หรือเท่ากับ 203.63 บาท

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม หาก นาย A ไม่ได้ถอนเงินต้นและดอกเบี้ยออกมา แต่ฝากเงินจำนวนดังกล่าวต่อเนื่องไป เงินต้นที่ถูกใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยในปีถัดไปจะเท่ากับ 20,203.63 บาท

ดอกเบี้ยออมทรัพย์แบบไหนที่ได้รับการยกเว้นภาษี

จากตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้กล่าวไปแล้ว จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยประจำปีที่ผู้ฝากได้รับคือ 203.63 บาท ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้รับนี้ ทางสถาบันการเงินของผู้ฝากจะต้องส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากร

นอกจากนี้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ยังอาจจะต้องถูกหักภาษีด้วย แต่มีบางกรณีที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากเข้าเงื่อนไงดังนี้

- ดอกเบี้ยและผลตอบแทนเงินฝากทุกบัญชีรวมกัน มีจำนวนไม่เกิน 20,000 บาทตลอดปีภาษี
- ชื่อบัญชีเงินฝากและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรที่ใช้ในการเปิดบัญชีเงินฝาก ต้องเป็นของผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยและผลตอบแทนเงินฝาก  
- ผู้มีเงินได้ต้องแจ้งธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝาก ว่าไม่ให้นำส่งข้อมูลดอกเบี้ย และผลตอบแทนเงินฝากให้กับกรมสรรพากร

ดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ต้องเสียภาษี

เชื่อว่าหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ภาษีของกรมสรรพากร หากมีเงินอยู่ในบัญชีของผู้มีรายได้ไม่ว่าจะเป็นรายได้เงินฝากหรือเงินผ่านช่องทางบัตรเครดิต จากสถาบันการเงินต่างๆ มีหน้าที่ส่งข้อมูลไปยังกรมสรรพากร ซึ่งมีเงื่อนไขในการส่งข้อมูลคือ

- เงินที่ฝากเข้าบัญชี 3,000 ครั้ง/ปี/บัญชี โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าของแต่ละครั้ง 
- จำนวนการฝาก 400 ครั้ง/ปี/บัญชี และยอดรวม (เฉพาะฝาก) เกิน 2 ล้านบาท

และทางกรมสรรพากรยังได้กำหนดให้ธนาคารส่งข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ยออมทรัพย์แก่กรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ โดยผู้มีเงินได้ที่ไม่ประสงค์ให้ธนาคารส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรจะต้องแจ้งให้ธนาคารทราบ พร้อมกับต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับดอกเบี้ยในอัตรา 15% โดยทางธนาคารจะดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย และให้ธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝาก นำส่งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากของผู้ที่มีเงินได้ตามรูปแบบและวิธีการที่กำหนดบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร และเก็บหลักฐานการยินยอมไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ระยะเวลาในการนำส่งภายในกำหนดเวลา ดังนี้

- ข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากทั้งปี ซึ่งได้จ่ายก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม ให้นำส่งภายในเดือนมกราคมของปีถัดไป
- ข้อมูลที่เกี่ยวกับการคำนวณเพื่อจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากทั้งปี โดยคำนวณถึงวันที่ 15 พฤศจิกายนให้นำส่งภายในวันที่ 20 พฤศจิกายนของปีนั้น
 - ข้อมูลที่เกี่ยวกับการคำนวณเพื่อจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากในครึ่งปีแรก โดยคำนวณถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ให้นำส่งภายในวันที่ 20 พฤษภาคมของปีนั้น
- ข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากในครึ่งปีแรก ซึ่งได้จ่ายเงินก่อนหรือในวันที่ 30 มิถุนายน ให้นำส่งภายในเดือนกรกฎาคมของปีนั้น


กล่าวโดยสรุป ตามประกาศของกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยออมทรัพย์ หากผู้ได้รับดอกเบี้ยจากบัญชีออมทรัพย์รวมทุกบัญชีจากธนาคารเดียวกันเกิน 20,000 บาทในปีภาษีนั้น ธนาคารมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย 15% แต่ถ้ามีการฝากออมทรัพย์ในหลายๆ ธนาคารและมีดอกเบี้ยรับรวมกันเกินกว่า 20,000 บาทในปีภาษีนั้น ผู้ฝากมีหน้าที่แจ้งแก่ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ย เพื่อให้ดำเนินการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งกรมสรรพากรต่อไป


แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ทูเดย์ออนไลน์
https://www.posttoday.com/columnist/699146
X