ข่าวการเงิน
บทความโดย "ทศพร อิศรางกูร ณ อยุธยา"
นักวางแผนการเงินCFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
เมื่อวางแผนการเงินเพื่อเกษียณเอาไว้
โดยส่วนใหญ่ก็จะประเมินได้ว่าจะมีเงินใช้หลังเกษียณเท่าไหร่หรือมีเงินใช้ไปได้อีกกี่ปี
อย่างไรก็ตาม
อาจมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เงินไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตหลังเกษียณ ไม่คำนวณเงินเฟ้อ
ตัวอย่าง นาย ก ตั้งใจว่าเกษียณอายุ 60 ปี และจะใช้ชีวิตถึงอายุ 80 ปี
โดยมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท ปีละ 240,000 บาท
หากคิดจากยอดที่ต้องใช้ชีวิตเกษียณแบบไม่ได้เผื่อเงินเฟ้อ จะต้องมีเงินเก็บ
240,000 x 20 ปี = 4.8 ล้านบาท ซึ่งในปีแรก ๆ
ของการเกษียณข้าวของอาหารราคาจากเงินเฟ้อยังไม่ส่งผลมาก
ก็ยังพอที่จะใช้ชีวิตได้ แต่เมื่อผ่านไป อาจทำให้ราคาข้าวจากจานละ 60 บาท
เป็นจานละ 100 บาท ก็จะทำให้ช่วงท้ายของการเกษียณมีเงินไม่พอได้
1. ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย ตัวอย่าง นางสาวเอ
ตั้งใจมีเงินเกษียณแบบคิดเผื่อเงินเฟ้อในอนาคตที่ 8 ล้านบาท
ลงทุนในกองทุนเกษียณอายุ โดยเก็บเงินทุกเดือนแบบ DCA เดือนละ 8,000 บาท 30
ปี (ตั้งแต่อายุ 30 ปี ไปจนถึงอายุ 60 ปี)
ซึ่งมีการจัดพอร์ตผลตอบแทนคาดหวังไว้ 6% เนื่องจากไม่มีการปรับ
การดูแลพอร์ต เมื่อเกษียณอายุ ผลตอบแทนที่ทำได้จริงได้เพียง 4%
จากเงินคาดการณ์ 8 ล้านบาท จะได้เพียง 5.9 ล้านบาท ขาดเงินเกษียณไป 2.1
ล้านบาท
2. มีเหตุฉุกเฉิน ตัวอย่าง นายสมชาย สะสมเงินไว้ได้จำนวน 5
ล้านบาทที่จะเอาไว้ใช้ยามเกษียณ
แต่นายสมชายไม่ได้โอนความเสี่ยงภัยด้านสุขภาพ
โดยการซื้อประกันสุขภาพและไม่มีสวัสดิการสุขภาพใด ๆ
เมื่อเกิดการเจ็บป่วยไม่สบาย จึงต้องนำเงินเกษียณ 5 ล้านบาทออก ไปใช้ 2
ล้านบาท ทำให้เงินเหลือเพียง 3 ล้านบาท เป็นต้น
3. อายุยืนกว่าที่คาดการณ์ไว้ การวางแผนเงินเกษียณ
ควรเผื่ออายุสุดท้ายไว้เนื่องจากวิทยาการทางการแพทย์ที่ดีขึ้น
ทำให้คนมีแนวโน้มอายุยืนมากขึ้น โดยยึดว่า
หากเสียชีวิตแล้วเงินยังเหลืออยู่
ดีกว่าเงินหมดแล้วยังต้องใช้ชีวิตแบบลำบาก
ตัวอย่าง นางสาวสมร มีเงินเกษียณเผื่อเงินเฟ้อแล้วไว้ที่ 10 ล้านบาท
โดยคาดการณ์ว่าจะใช้ชีวิตถึงอายุ 85 ปี แต่เมื่อตอนอายุ 82 ปี
ก็พบว่าตัวเองสุขภาพยังแข็งแรงดี แต่เงินเกษียณเหลือเพียง 2 ล้านบาท
หากนางสาวสมมีอายุถึง 90 ปี ต้องใช้อีก 3 ล้านบาท
หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็จะทำให้นางสมรเจอปัญหาเงินเกษียณไม่พอ เป็นต้น
เมื่อเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ข้างต้น หากเกษียณไปแล้วและเงินเก็บออมไม่เพียงพอ ก็ต้องหาทางออก พิจารณายืดอายุเกษียณออกไป
ตัวอย่าง ตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี แต่เมื่อคำนวณเงินเกษียณแล้วยังไม่พอ
ในยุคนี้สามาถทำงานได้ต่อเนื่อง และหลายบริษัท
ก็ยินดีที่จะจ้างต่อไปจนถึงอายุ 65-70 ปี ซึ่งจะทำให้มีรายได้ต่อไปอีก 5-10
ปี
ก็จะทำให้มีกระแสเงินสดรับเพิ่มและสามารถสะสมเงินเพื่อเกษียณเพิ่มขึ้นได้
ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต
อาจจำเป็นที่ต้องพิจารณาการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต
รวมถึงการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นและการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้เงินที่พอจัดการได้
จะสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยดูจากบันทึกการใช้จ่าย งบกระแสเงินสด
แยกประเภทค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าน้ำไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต ค่าอาหาร
เป็นต้น ประเภทไหนเป็นส่วนค่าใช้จ่ายผันแปร เช่น ท่องเที่ยว กินข้าวนอกบ้าน
ทำบุญ เป็นต้น
สร้างรายได้พิเศษ
การเกษียณไม่ได้หมายความว่าจะต้องหยุดเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
สามารถใช้เวลาว่างในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองทำ เช่น
ทักษะในการทำงานออนไลน์ อ่านหนังสือ เข้ากิจกรรมทางสังคม การออกกำลังกาย
งานอาสา เป็นต้น เพื่อไปใช้ในการสร้างรายได้
อินเทอร์เน็ตก็เปิดโอกาสให้คุณสร้างรายได้ออนไลน์
โดยการเริ่มธุรกิจออนไลน์ขายสินค้า หรืออาจใช้บริการผ่านเว็บไซต์
แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้โอกาสในการหางานรับจ้าง Upwork, Freelancer, Fiverr
และ TaskRabbit ก็สามารถรับงานตามความสามารถและความถนัด
ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนบทความ, การออกแบบกราฟิก, การแปลภาษา,
หรืองานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี
แต่ก็ต้องระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาจจะมาหลอกลวง
ปรับการลงทุนใหม่เพิ่มผลตอบแทน
หากมีเงินเกษียณที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งมีเวลาลงทุนในระยะยาว 7-10 ปี
หรือมีทรัพย์สินที่สามารถนำมาลงทุนได้อาจหาโอกาสในการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงกว่าเดิม
เพื่อเป็นโอกาสสะสมเงินเกษียณได้เพิ่มในระยะยาว อย่างไรก็ตาม
ควรเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เพราะเมื่อต้องการผลตอบแทนสูง
ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย
ขายทรัพย์สินเพื่อเป็นกระแสเงินสด
หากมีทรัพย์สินอะไรที่คุณไม่ได้ใช้ ก็อาจจำเป็นต้องตัดใจนำออกมาขาย
ข้อสำคัญอยู่ที่ควรสำรวจราคาที่เหมาะสม โดยทยอยขายไปเรื่อย ๆ
โดยไม่กระชั้นชิดจนขาดสภาพคล่อง เพราะผู้ซื้ออาจกดราคาทรัพย์สินของเรา
จนต้องขายถูกกว่าราคาตลาด
ใช้วิธี Reverse Mortgage
Reverse Mortgage
จะเป็นเหมือนการขายบ้านให้กับธนาคารและธนาคารผ่อนเงินให้ทุก ๆ เดือน
โดยเป็นการจำนองที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้สูงอายุที่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
แต่ไม่อยากขาย เพราะต้องใช้อยู่อาศัยในบั้นปลายชีวิต
และต้องการรายได้เป็นแบบรายเดือน เพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
โดยนำบ้านหรือคอนโดมิเนียม ไปจำนองกับธนาคาร
แล้วให้ธนาคารจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือนแทน
การหาที่อยู่ใหม่
หากขายทรัพย์สินบางอย่าง เช่น บ้านออกไป
อาจต้องการพิจารณาการย้ายไปอยู่ในที่อยู่ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำลง
ที่อยู่ใหม่อาจเปลี่ยนเป็นเช่าแทน
หรือคุณภาพและราคาที่เหมาะสมกับสภาพการเงินของคุณในปัจจุบัน ในหลาย ๆ ครั้ง
ผู้สูงอายุก็อาจจะขายบ้านออกไป
เพื่อไปเช่าอยู่ในบ้านพักผู้สูงอายุที่เป็นสวัสดิการรัฐ ที่มีการดูแลที่ดี
ราคาไม่แพงก็ได้เช่นกัน
เมื่อเงินเกษียณไม่เพียงพอก็มีทางออกหลากหลาย แต่สิ่งสำคัญ คือ
การทำการวางแผนอย่างรอบด้านก่อนการเกษียณอายุ
ที่ต้องคำนวณเงินค่าใช้จ่ายพื้นฐานบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
โดยเฉพาะการเผื่อเงินเฟ้อในอนาคตที่จะส่งผลกับเงินเกษียณ
ในกรณีที่ไม่มั่นใจในการจัดการเงินหลังเกษียณ
คุณยังสามารถปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
14/03/2024
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024