ประกันภัย
น้ำท่วมรถเสียหาย คปภ. เปิดเรต 5 ระดับ บริษัทประกันจ่ายเคลมให้กี่บาท ?
คปภ. พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหลายพื้นที่ภาคเหนือ แนะผู้เอาประกันตรวจสอบกรมธรรม์ที่ซื้อไว้มีความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่ พร้อมเปิดเรต 5 ระดับ กรณีรถโดยน้ำท่วม บริษัทประกันจ่ายเคลมให้กี่บาท
วันที่ 23 สิงหาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) รายงานว่า จากกรณีพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน บ้านเรือน รถยนต์ และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
สำนักงาน คปภ.ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) ในการลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัย พร้อมทั้งติดตามและรายงานความเสียหาย เพื่อเตรียมพร้อมในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย และบูรณาการร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่
สำนักงาน คปภ.ขอให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่าให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่ อย่างไร โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วม อาทิ
• การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
• การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
• การประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติม
• การประกันภัยพืชผลทางการเกษตร เช่น การประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การประกันภัยทุเรียน เป็นต้น
• การประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับอาคาร
ในส่วนของรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม ให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐาน
การซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับดังนี้
• ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท
• ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
• ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
• ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป
• ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์
สำหรับการทำประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับอาคารนั้น มีทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับตามกฎหมาย โดยในส่วนของอาคารอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งบังคับให้เจ้าของอาคาร ผู้ครอบครองอาคาร หรือผู้ดำเนินการ สำหรับอาคารชนิดหรือประเภทตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และจำนวนเงินเอาประกันภัยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดในกฎกระทรวง โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคาร
สำหรับอาคารของเอกชนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว ประกอบด้วย อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารชุมนุมคน โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ รวมถึงป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่สูงจากพื้นดินตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป
หรือป้ายที่ติดหรือตั้งบนหลังคา หรือดาดฟ้าของอาคาร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอาคารที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครอง หรือความเกี่ยวเนื่องกับไฟไหม้ เช่น ประกันอัคคีภัยจะให้ความคุ้มครองตัวอาคาร เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน สต๊อกสินค้า เครื่องจักร และเครื่องตกแต่งที่ติดตั้งไว้กับตัวอาคาร โดยให้ความคุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า และการระเบิดของแก๊สที่ใช้ทำแสงสว่าง หรือประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย
รวมถึงภัยธรรมชาติ 4 ภัย ได้แก่ ภัยน้ำท่วม ภัยลมพายุ ภัยลูกเห็บ และภัยแผ่นดินไหว ในขณะที่ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) จะให้ความคุ้มครองกว้างกว่าอัคคีภัย เช่น การโจรกรรม และอุบัติเหตุจากสาเหตุที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อยกเว้น เป็นต้น
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเรื่องประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) 0-5311-2730-2
X