สมมติให้นาย A และนาย B มีสถานะโสด มีเงินเดือนอยู่ที่ 50,000 บาท
และสมมติให้ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
ทั้งคู่จ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามปกติและไม่มีการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต
โดยนาย A ลงทุนในกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษี ส่วนนาย B ลงทุนในแผน Jitta
Ranking หุ้นไทย โดยเริ่มลงทุนในปีเดียวกันและมีระยะเวลาลงทุน 10 ปีเท่ากัน
สมมติว่านาย A ลงทุนในกองทุนประหยัดภาษี คือ SSF ที่ลงทุนตามดัชนี SET
Total Return Index (SET TRI) เพื่อลดหย่อนภาษีด้วยเงิน 180,000 บาท
(คำนวณตามสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งปี) และกองทุนรวมอิงดัชนี SET TRI
เพิ่มเติมอีก 320,000 บาทในปี 2555 และนำเงินที่ประหยัดภาษีได้ 15,550
บาทมาลงทุนในกองทุน SSF กองเดิมในปี 2556 ขณะที่นาย B ลงทุนแผน Jitta
Ranking หุ้นไทยตั้งแต่ปี 2555 ด้วยเงินลงทุน 500,000
บาทและไม่เพิ่มทุนอีกเลยใน 10 ปี ดังนั้น นาย A จะมีเงินลงทุนรวม 515,550
บาท ขณะที่นาย B มีเงินลงทุนรวม 500,000 บาท
เวลาผ่านไป 10 ปี ณ สิ้นปี 2564 มูลค่าพอร์ตของนาย A จะอยู่ที่
1,133,553.93 บาทจากการลงทุนในกองทุน SSF ที่ลงทุนตามดัชนี SET TRI
ขณะที่นาย B จะมีเงินในพอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทยอยู่ที่ 2,508,634.93
บาท คุณจะเห็นว่านาย B มีมูลค่าพอร์ตสูงกว่านาย A อยู่ถึง 1,375,081 บาท
กรณีที่ 2
สมมติให้นาย A และนาย B สถานะโสด มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 100,000
บาทและไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ทั้งคู่จ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามอัตราปกติ
และไม่มีการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต โดยนาย A ลงทุนในกองทุน SSF
เพื่อลดหย่อนภาษี ขณะที่นาย B ลงทุนในแผน Jitta Ranking หุ้นไทย
โดยเริ่มลงทุนในปีเดียวกัน และมีระยะเวลาลงทุน 10 ปีเท่ากัน
สมมติว่านาย A ลงทุนในกองทุน SSF ที่ลงทุนตามดัชนี SET TRI
เพื่อลดหย่อนภาษีเป็นเงิน 200,000 บาท (เม็ดเงินลงทุนได้ไม่เกิน 200,000
บาท) และกองทุนรวมอิงดัชนี SET TRI เพิ่มเติมอีก 300,000 บาทในปี 2555
และนำเงินที่ประหยัดภาษีได้ 41,550 บาทมาลงทุนในกองทุน SSF กองเดิมต่อในปี
2556 ขณะที่นาย B ลงทุนแผน Jitta Ranking หุ้นไทยตั้งแต่ปี 2555
ด้วยเงินลงทุน 500,000 บาทและไม่เพิ่มทุนเลย ดังนั้น นาย A
จะมีเงินลงทุนรวม 541,550 บาท ขณะที่นาย B มีเงินลงทุนรวม 500,000 บาท
เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ณ สิ้นปี 2564 มูลค่าพอร์ตของนาย A จะอยู่ที่
1,174,619 บาทจากการลงทุนในกองทุน SSF ที่ลงทุนตามดัชนี SET TRI ขณะที่นาย B
จะมีเงินในพอร์ต 2,508,634.93 บาท จากการลงทุนในแผน Jitta Ranking หุ้นไทย
คุณจะเห็นว่านาย B มีมูลค่าพอร์ตสูงกว่านาย A อยู่ถึง 1,334,015.93 บาท
กรณีที่ 3
สมมติให้นาย A และนาย B สถานะโสด มีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 150,000
บาทและไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ทั้งคู่จ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามอัตราปกติ
และไม่มีการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต โดยนาย A ลงทุนในกองทุน SSF
เพื่อลดหย่อนภาษี ขณะที่นาย B ลงทุนในแผน Jitta Ranking หุ้นไทย
โดยเริ่มลงทุนในปีเดียวกัน และมีระยะเวลาลงทุน 10 ปีเท่ากัน
สมมติว่านาย A ลงทุนในกองทุน SSF ที่ลงทุนตามดัชนี SET TRI
เพื่อลดหย่อนภาษีเป็นเงิน 200,000 บาท และกองทุนรวมอิงดัชนี SET TRI
เพิ่มเติมอีก 300,000 บาทในปี 2555 และนำเงินที่ประหยัดภาษีได้ 50,000
บาทมาลงทุนซ้ำในกองทุน SSF กองเดิมต่อในปี 2556 ขณะที่นาย B ลงทุนแผน Jitta
Ranking หุ้นไทยตั้งแต่ปี 2555 ด้วยเงินลงทุน 500,000
บาทและไม่เพิ่มทุนเลย ดังนั้น นาย A จะมีเงินลงทุนรวม 550,000 บาท
ขณะที่นาย B มีเงินลงทุนรวม 500,000 บาท
เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ณ สิ้นปี 2564 มูลค่าพอร์ตของนาย A จะอยู่ที่
1,187,965.15 บาทจากการลงทุนในกองทุน SSF ที่ลงทุนตามดัชนี SET TRI
ขณะที่นาย B จะมีเงินในพอร์ต 2,508,634.93 บาท จากการลงทุนในแผน Jitta
Ranking หุ้นไทย คุณจะเห็นว่านาย B มีมูลค่าพอร์ตสูงกว่านาย A อยู่ถึง
1,320,669.78 บาท