ข่าวการเงิน
คอลัมน์ : แบงก์ชาติชวนคุย
ผู้เขียน : ชญาวดี ชัยอนันต์
โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านค่ะ
เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านอาจเคยเป็นหนี้หรือกำลังเป็นหนี้อยู่
ถ้ามีคนไทยเดินมา 3 คน อย่างน้อย 1 ใน 3 คนนี้จะมีหนี้
และกว่าครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้มีหนี้มากกว่า 1 แสนบาท
โดยข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ว่า ตั้งแต่ปี 2563
หนี้ครัวเรือนของไทยมีสัดส่วนต่อจีดีพีสูงกว่า 80% มาต่อเนื่อง โดยในปี
2565 มีสัดส่วนถึง 87% เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด-19 ถึง 7%
สะท้อนว่ารายได้ทั้งหมดของประเทศ จะเหลือสำหรับใช้จ่ายน้อยลง
เพราะต้องรับภาระหนี้สูงขึ้น
และอาจกระทบกับความมั่นคงทางการเงินของครัวเรือนไทยจำนวนมาก
แต่ตัวเลขหนี้ที่เราพูดถึงกันอยู่
เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำมาเท่านั้น
สิ่งที่อยู่ใต้ผิวน้ำขนาดจะใหญ่กว่าหลายเท่า เพราะส่วนใหญ่จะเป็น “หนี้นอกระบบ” ที่อยากชวนคุยวันนี้ค่ะ
ขึ้นชื่อว่า “หนี้นอกระบบ”
หลายคนคงนึกถึงแก๊งทวงหนี้สุดโหดที่เคยเห็นจากในหนัง
แต่ที่จริงหนี้นอกระบบก็คือ การกู้ยืมเงินที่ไม่ผ่านระบบสถาบันการเงิน
หรือผู้ให้กู้ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินกู้ตามกฎหมาย
จึงไม่อยู่ภายใต้การกำกับของหน่วยงานภาครัฐใด ๆ
ดังนั้น แค่ขอยืมเงินจากเพื่อนก็นับเป็นหนี้นอกระบบแล้ว
ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ยากที่จะเห็นข้อมูลหนี้นอกระบบ เช่น
ผู้ให้กู้เป็นใคร มีจำนวนมากแค่ไหน และแหล่งของเงินที่ให้กู้มาจากที่ใด
(ขาว หรือ เทา ๆ) จากการศึกษาของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในปี
2565 พบว่า มากกว่า 40% ของครัวเรือนที่ไปสำรวจมีหนี้นอกระบบ
โดยส่วนใหญ่กู้จากนายทุนทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดที่สำรวจ
กลุ่มเป้าหมายของเจ้าหนี้นอกระบบคือใครบ้าง ? แล้วทำไมจึงได้รับความนิยม ?
คนคิดโฆษณาให้กู้หนี้นอกระบบ มักใช้คำได้ตรงใจกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น “เงินด่วน” “ได้เงินไว” “ไม่ตรวจประวัติ” “ไม่ต้องยื่นเอกสาร”
ซึ่งคีย์เวิร์ดเหล่านี้ตอบโจทย์ผู้กู้กลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการใช้เงินเร่งด่วน เช่น ค่ารักษาพยาบาล
นำไปลงทุนประกอบอาชีพ ต้องการเงินไม่มากเพื่อนำไปหมุนช่วงสั้น ๆ
จึงไม่อยากเสียเวลาเตรียมเอกสาร
กลุ่มที่มีข้อจำกัดในการกู้เงินจากผู้ให้บริการในระบบ
เช่น ไม่มีงานประจำ
จึงทำให้ไม่มีข้อมูลประวัติทางการเงินอย่างกลุ่มฟรีแลนซ์และพ่อค้าแม่ค้า
หรือเคยเป็นหนี้เสียมาก่อน รวมถึงกลุ่มที่กู้ในระบบจนเต็มวงเงินแล้ว
ซึ่งกลุ่มเหล่านี้หลายครั้งก็มีความจำเป็นจริง ๆ
แต่อยากให้ลองมาดูความเสี่ยงที่มักเห็นกันสำหรับการกู้หนี้นอกระบบ
เพื่อให้บริหารจัดการได้ดีขึ้น หากต้องกลายเป็นลูกหนี้นอกระบบขึ้นมา
“ดอกเบี้ยแอบแฝง” โฆษณาชักชวนอาจบอกว่าดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ซึ่งจริง ๆ แล้ว เป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ “รายวัน”
ซึ่งคิดแล้วจะเท่ากับ 365% ต่อปี
สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบที่เพดานอยู่ไม่เกิน 33% ต่อปี
แถมในระบบส่วนใหญ่ยังเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกด้วย
หากเจอดอกเบี้ยแอบแฝงแบบนี้ ลูกหนี้อาจจ่ายได้แค่ดอกเบี้ย
ขณะที่เงินต้นไม่ลดลงเลย
เพราะดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริงในแต่ละปีสูงมากกว่าเงินต้นด้วยซ้ำ
แถมบางแห่งยังคิดดอกเบี้ยแบบ “ดอกลอย”
ที่แสนอันตรายและยิ่งซ้ำเติมลูกหนี้มากขึ้นไปอีก
เพราะการกู้แบบนี้ลูกหนี้จะปิดหนี้ได้ก็ต่อเมื่อมีเงินต้นมาจ่ายคืนทั้งจำนวนในครั้งเดียว
ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ยาก ทำให้ต้องจ่ายแต่ดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ
“สัญญาที่ไม่ชัดเจนและอาจไม่เป็นธรรม” เพราะไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล
การเจรจาต่อรองเพื่อประนีประนอมก็ทำได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น
ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกทวงหนี้โหด ข่มขู่ หรือถูกทำร้ายร่างกาย
ซึ่งแม้ลูกหนี้จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558
แต่เราคงไม่อยากพบ “ติดกับดักหนี้ไม่จบสิ้นจากการกู้หนี้มาโปะหนี้”
เมื่อดอกเบี้ยสูงและสัญญาไม่เป็นธรรม
ลูกหนี้หลายรายที่จ่ายไม่ไหวจนเกิดการผิดนัดชำระหนี้
จึงใช้วิธีกู้หนี้ใหม่จากเจ้าหนี้อีกรายเพื่อเอาไปจ่ายหนี้เดิม
วนไปแบบนี้จนทำให้หนี้สินล้นพ้นตัว
และติดอยู่ในวงจรของหนี้นอกระบบแบบหาทางออกไม่ได้
ถ้าจำเป็นต้องกู้หนี้นอกระบบจริง ๆ ควรทำอย่างไร ?
อย่างแรก คือ หากู้จากคนรู้จักก่อน เช่น เพื่อน ญาติ ที่พร้อม
เพื่อให้เจรจาง่ายขึ้น สอง คือ
เทียบดอกเบี้ยระหว่างเจ้าหนี้แต่ละรายให้ได้ต่ำที่สุด สาม คือ
กู้ในจำนวนเงินที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ เท่านั้น
ให้นึกอยู่เสมอว่าหนี้นอกระบบแพงมาก และเมื่อกู้แล้วควร
“ปิดหนี้ให้ไวที่สุด” ก่อนอื่นเอาหนี้ทุกก้อนมาดู หนี้ก้อนไหนใกล้หมด
ปิดจบก้อนนั้นก่อน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ
ก้อนไหนดอกเบี้ยสูง ลองหาทางที่จะลดดอกเบี้ย
ไม่ว่าจะเป็นเจรจากับเจ้าหนี้หรือกู้เงินจากแหล่งที่ดอกเบี้ยต่ำกว่ามาปิดหนี้
ถ้ากู้จากสถาบันการเงินได้ จะได้สัญญาที่เป็นธรรมขึ้นด้วย
ซึ่งสถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มให้บริการนี้
เพื่อช่วยให้ลูกหนี้กลับเข้ามาอยู่ในระบบ
ผู้สนใจลอง โทร.มาสอบถามที่ ธปท. โทร.1213 หรือหากต้องการขอคำปรึกษา
หรือร้องเรียนเรื่องหนี้นอกระบบ
ก็สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(กระทรวงการคลัง) โทร.1359 หรือศูนย์ดำรงธรรม (กระทรวงมหาดไทย) โทร.1567
ที่สำคัญต้องพยายามลดรายจ่าย หารายได้เพิ่มเติม
หรือตัดใจขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้
และไม่ต้องกลับไปกู้ใหม่ เพื่อให้หลุดจากวงจรหนี้นอกระบบได้อย่างยั่งยืน
สุดท้าย “วินัยทางการเงิน” เป็นหัวใจสำคัญ ต้องวางแผนการใช้จ่าย
และออมเงินไว้เพื่อให้พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะ
สมการการเงินที่ถูกต้องคือ รายได้-เงินออม=รายจ่าย
การมี “อิสรภาพทางการเงิน” จึงไม่ได้แปลว่าต้องรวยล้นฟ้า
แต่มีอิสระที่จะใช้จ่ายเงินที่เราหามา เก็บออม ลงทุน
โดยไม่ต้องมีพันธนาการจากหนี้สินใด ๆ การไม่มีหนี้
ก็นับเป็นลาภอันประเสริฐเช่นกันค่ะ
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
30/04/2024
30/04/2024
30/04/2024
14/03/2024
29/04/2024