ข่าวการเงิน
                    หลายคนกำลังได้ยินถึงกลุ่มคนวัย “เดอะ แบก” ซึ่งคือกลุ่มคน 
Gen Y หรือกลุ่มมิลเลนเนียล ที่มีช่วงอายุระหว่าง 26-40 ปี 
หรืออาจมากกว่านั้น 
เป็นกลุ่มประชากรที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทุกมิติของสังคม 
เพราะอยู่ในวัยทำงาน มีครอบครัว 
ซึ่งต้องแบกรับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในด้านต่าง ๆ
เป็นกลุ่มคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างเจนเนอเรชั่นของพ่อแม่และเจนเนอเรชั่นของลูกและคนรุ่นใหม่
 เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนคงสงสัยว่าพวกเขา (หรือพวกเรา) 
แบกอะไรเอาไว้หนักหนาภายใต้บทบาทของการเป็น “เดอะแบก”
โพลเผย “แบกครอบครัว” ไว้หนักสุด
ผลสำรวจความคิดเห็นมหาชนออนไลน์บนโพล LINE TODAY* ในหัวข้อ “คนวัยเดอะแบก 
วัยที่ต้องแบกรับภาระรอบตัว คุณกำลังกังวลและแบกอะไรเอาไว้หนักที่สุด?” 
พบว่า
อันดับหนึ่ง 30.17% แบกการเป็นเสาหลักของบ้านที่ต้องดูแลครอบครัว
รองลงมา 21.23% แบกความกลัวที่ใช้ชีวิตได้ไม่เต็มที่แถมเงินไม่พอ
และ 15.64% แบกภาระหนี้สินอันหนักอึ้ง
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนชัดถึงความรับผิดชอบของคนวัยเดอะแบก 
นอกจากนี้ยังกังวลเรื่องการเติบโตในหน้าที่การงาน ความคาดหวังจากคนรอบข้าง 
ความสัมพันธ์เพื่อนและคนรัก สามารถเชื่อมโยงไปอีกผลสำรวจจาก The American 
Institute of Stress ในปี 2565 ที่เผยว่าเป็น 76% 
ของกลุ่มคนวัยทำงานออกมายอมรับว่าความเครียดจากการทำงานส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ส่วนตัว

ภาระรอบด้าน แต่ก็ไม่ทิ้งความสัมพันธ์รอบตัว
ขณะเดียวกันคนวัย “เดอะแบก” ในวันนี้กำลังให้ความสำคัญในเรื่องการสื่อสาร 
เพื่อรักษาสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง 
จากข้อมูลสถิติการใช้โซเชียลมีเดียของ TrueList ระบุว่า Gen Y กว่า 61% 
ใช้แอปสื่อสารและโซเชียลมีเดียเพื่อติดต่อสื่อสารกับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน
 โดยในปีที่ผ่านมามีการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 63% 
และมีการคาดการณ์ว่าอีกสามปีข้างหน้าจะเติบโตขึ้นอีกกว่า 46%
และนอกจากนี้ Gen Y กว่า 72% 
ยังมองว่าแอปสื่อสารและโซเชียลมีเดียมีส่วนสำคัญมากในชีวิต 
เป็นสัดส่วนที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับคนในวัยอื่น ๆ 
สะท้อนอีกนัยหนึ่งให้เห็นถึงความพยายามในการเชื่อมต่อกับสังคมและกระชับความสัมพันธ์กับผู้คนขณะที่ต้องแบกรับภาระต่าง
 ๆ ในชีวิตจนความสัมพันธ์ในโลกออฟไลน์ต้องห่างเหินกัน
วัยเดอะแบกกับสิ่งที่มองหาเพื่อสร้างสมดุลให้กับชีวิต
อาจไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าและความมั่นคงเพียงอย่างเดียวที่เดอะแบกกำลังมองหา
 ขณะเดียวกันก็ยังมองหาความสมดุลที่เกิดจาก ความยืดหยุ่น 
การเรียนรู้ที่จะยอมผ่อนปรนเมื่อตัวเองกำลังตึงเครียดมากเกินไป 
ซึ่งเกิดขึ้นได้จากตัวเองและสิ่งแวดล้อมก่อนจะกระทบกับเรื่องอื่นในชีวิต
การสนับสนุน 
ไม่มีอะไรดีไปกว่าความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจจากครอบครัวและคนใกล้ชิด 
ซึ่งจะทำให้การแบกที่ว่าหนักนั้นเบาลงได้ และการสื่อสาร 
ที่สม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นจากเดอะแบกไปยังคนรอบตัวหรือคนรอบตัวไปยังเดอะแบกเพื่อลดความห่างเหินที่อาจจะนำไปสู่ช่องว่างในความสัมพันธ์และยังสามารถกระชับความสัมพันธ์อีกด้วย
 
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างสมดุลให้เดอะแบกไม่รู้สึกว่ากำลังแบกหนักเกินไป
*ผลสำรวจบนโพล LINE TODAY จากจำนวนผู้ร่วมโหวต 179 คน
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ workpointtoday