หุ้น
บทความโดย "ฐิติเมธ โภคชัย"
ผู้บริหารงาน ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 เมื่อใกล้ถึงปลายปี
นักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้นปันผลเริ่มจับตามองและประเมินกันแล้วว่า
หุ้นตัวไหนจะจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นกี่บาท (EPS) มีอัตราปันผลตอบแทน
(Dividend Yield) กี่เปอร์เซ็นต์ และนี่คือคุณสมบัติที่ดีของหุ้นปันผล
เลือกบริษัทที่เต็มใจและมีความพร้อมที่จะจ่ายเงินปันผล
โดยให้ดูบริษัทที่สร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอมั่นคง (ไม่ใช่เป็นบริษัทที่มีกำไรไม่แน่นอน ปีนี้กำไรมาก ปีหน้ากำไรน้อย ปีถัดไปขาดทุน)
ดังนั้น เวลาดูว่าบริษัทมีผลประกอบการ ผลกำไรมั่นคงแน่นอน
ต้องกลับไปดูผลการดำเนินงานในอดีตว่าเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะดูย้อนหลัง 5
ปีขึ้นไป โดยดูว่าผลกำไรที่ทำได้สม่ำเสมอ หรือว่าขึ้นๆ ลงๆ
เลือกบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่ไม่ผันผวน
โดยเวลาเลือกหุ้นปันผลต้องมองข้ามหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่แน่นอน หากเป็นช่วงที่ธุรกิจเป็นวัฎจักรขาลง
การซื้อหุ้นเพื่อรอรับปันผลไปเรื่อยๆ คงไม่เหมาะสมมากนัก
เนื่องจากเมื่อธุรกิจมีความผันผวน
ย่อมทำให้ผลการดำเนินงานมีความผันผวนตามไปด้วย
สำหรับหุ้นกลุ่มที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและน่าจับตามอง ได้แก่
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, หุ้นกลุ่มธุรกิจให้บริการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน
เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า
บริษัทมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลมากน้อยแค่ไหน
โดยให้ดูที่โครงสร้างหนี้ว่า มีหนี้สินต่อทุนสูงเกินไปหรือไม่
และโครงสร้างหนี้เป็นหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาว (ถ้ามีหนี้ระยะสั้นมากๆ
ความพร้อมในการจ่ายเงินปันผลอาจจะมีน้อย)
กระแสเงินสด
ซึ่งนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจน้อยมาก เพราะหลักๆ
จะดูแค่กำไรขาดทุนเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วกระแสเงินสดมีความสำคัญที่สุด
เพราะเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีความสามารถจ่ายเงินปันผลหรือไม่
โดยให้ไปดูที่งบกระแสเงินสดว่า บริษัทนั้นๆ มีกระแสเงินสดเป็น “บวก” หรือ
“ลบ”
เนื่องจากเมื่อทำธุรกิจและมีรายได้เข้ามา จะเป็นกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
ซึ่งผู้บริหารของบริษัทจะไปจัดสรรเงินดังกล่าวว่าจะนำไปทำอะไรบ้าง เช่น
นำไปลงทุน นำไปจ่ายหนี้ หรือเป็นเงินปันผล ดังนั้น หากกระแสเงินสด “ติดลบ”
หากคิดจะจ่ายปันผล ก็คงต้องไปกู้เงินมาจ่ายปันผล ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
ดูราคาหุ้น
โดยให้ดูที่ Low Beta ถ้าเป็นหุ้นปันผลจะต้องมี Beta ต่ำๆ หมายความว่า
ลงทุนไปแล้วและหวังเงินปันผล
ก็ไม่ต้องไปกังวลกับความผันผวนด้านราคามากจนเกินไป
เลือกลงทุนหุ้นปันผลที่มีสภาพคล่องในการซื้อขาย
(อย่าเลือกลงทุนหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง)
โดยเลือกหุ้นปันผลที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่พอสมควร
แต่ถ้าเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปน้อยๆ
ต้องเลือกหุ้นที่มีการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float)
มากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด
ดู Pay-out Ratio ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่
โดยอาจจะเลือกหุ้นที่มี Pay-out Ratio มากกว่า 50% ขึ้นไป
เพราะเป็นระดับที่บ่งชี้ว่ามีการดำเนินงานที่นิ่ง
เพราะบริษัทไหนที่อยู่ในช่วงขยายกิจการ ก็ต้องเก็บเงินเอาไว้ขยายกิจการ
ทำให้ระดับการจ่ายเงินปันผลลดลงตามไปด้วย
ให้ลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงกว่าระดับเงินเฟ้อ
เพราะถ้าต่ำกว่าเงินเฟ้อก็ไม่มีประโยชน์ และถ้าจะให้ดีที่สุดเงินปันผลจะต้องสูงกว่าระดับเงินเฟ้อบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
หมายเหตุ: บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น
มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-1431308
30/04/2024
30/04/2024
29/04/2024
29/04/2024
30/04/2024