ประกันชีวิต

ทำไมคนไทย กลัวการขาย ‘ประกัน’


โทรมาขายประกันอีกแล้ว…..

ความน่าเบื่อของการรับสายเบอร์แปลก ที่โทรมาตื้อขายประกัน บางคนกว่าจะปฏิเสธได้ ต้องอดทนเกรงใจนั่งฟังจนจบ บางคนตัดปัญหาโดยการกดวางสายไปเลยเพื่อตัดความรำคาญ แต่ก็ยังไม่ได้ผล คนพวกนี้เอาเบอร์เรามาจากไหน แล้วทำไมคนไทยถึงไม่ชอบ หรือกลัวการทำประกัน

หากดูจากสถิติสมาคมประกันชีวิตพบว่า คนไทยมีประกันชีวิตเฉลี่ยเพียง 39% คิดเป็นตัวเลขง่าย ๆ คือ คน 100 คน มีประกันชีวิตแค่ 39 คนเท่านั้น แล้วอีก 61 คน ที่ยังไม่มีประกันชีวิต เขามีเหตุผลอะไร 

เงินในกระเป๋าเราไม่เท่ากัน

เพราะภาระค่าใช้จ่ายของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีเงินเหลือเก็บ แต่บางคนใช้แทบไม่ชนเดือน หลายคนมองว่า การจ่ายเบี้ยประกันคือ ความสิ้นเปลือง เป็นรายจ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือยังไม่จำเป็นต้องใช้ เอาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันดีกว่า 

ซื้อไว้ไม่ได้ใช้

คุ้นไหม? กับคำว่า ‘คนซื้อไม่ได้ใช้คนใช้ไม่ได้ซื้อ’ คนส่วนใหญ่คิดว่าการทำประกันชีวิต คือการออมเงินไว้ให้คนข้างหลัง เมื่อเราไม่อยู่แล้ว ลูกหลานหรือคนที่เราห่วงก็จะสบาย มีเงินก้อนไว้ดูแลตัวเอง เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นความรับผิดชอบล่วงหน้านั่นเอง 

มีสวัสดิการอื่นคุ้มครองอยู่แล้ว

ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือน นอกจากจะมีประกันสังคมแล้ว บริษัทส่วนใหญ่จะมีประกันกลุ่มเพิ่มให้กับพนักงาน เอาไว้ดูแลยามเจ็บป่วยอยู่แล้ว การทำประกันเพิ่มจึงยังไม่ใช่เรื่องจำเป็น ไหนจะคำบอกเล่าที่ว่า ตอนมาขายสาธยายแต่ข้อดี พอเกิดเรื่องทีเคลมยากเหลือเกิน การทำประกันจึงเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เบือนหน้าหนี 

ไม่ชอบการโทรตื้อ อยากซื้อเดี๋ยวซื้อเอง

การโทรมาเสนอขายประกันทางโทรศัพท์ ด้วยการพูดจูงใจต่าง ๆ นานา ยิ่งทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม ไม่มีความเป็นส่วนตัว หลายคนรู้สึกไม่อยากคุย ยิ่งตื้อยิ่งไม่อยากทำ หรือหากอยากทำจริง ๆ ขอเลือกแบบที่เราติดต่อไปเองจะสบายใจกว่า เพราะบางครั้งช่วงที่ประกันติดต่อมา สถานการ์ณทางการเงินของบางคนยังไม่พร้อม เลยไม่อยากคุยให้เสียเวลา รู้สึกโดนละเมิดสิทธิเมื่อมีประกันโทรเข้ามาเพื่อเสนอขายนู่นนี่นั่น ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้สนใจ 

สุดท้ายแล้ว ประกันชีวิตเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการออมที่ไม่ใช่การฝากเงิน บางคนเปรียบเทียบ ‘ประกัน’ ว่าเป็นเหมือน ‘ร่ม’ ตอนที่ฝนไม่ตก ก็ไม่มีใครเห็นคุณค่าหรือนึกถึง เหมือนคำกล่าวของ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ที่บอกว่า “จงลงทุนในความรู้ ลงทุนในสุขภาพของตัวเอง เพราะจะไม่มีใครมาแย่งมันไปจากคุณได้ เพราะตัวคุณเองคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด” 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส


แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbeartai
https://www.beartai.com/brief/1332325
X