ข่าวการเงิน

คริปโตช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ได้อย่างไร?



แม้ว่ากระแสการลงทุนในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ดูเหมือนจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากจากการที่ตลาดเข้าสู่ภาวะขาลงแบบไม่รู้ตัว แต่สำหรับประเทศที่มีฐานะยากจนแล้ว เหรียญคริปโตมีความหมายต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก

ความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้น

เป็นเวลากว่าหลาย 10 ปีแล้วที่ความเหลื่อมล้ำในเรื่องของการกระจายรายได้มีช่องว่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่มีความมั่งคั่งอย่างสหรัฐอเมริกาที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมีรายได้เหลื่อมล้ำมากเมื่อเทียบกับคนรวยส่วนน้อย ตัวอย่างเช่นในปี 2022 ข้อมูลจาก Statista ได้เปิดเผยว่า ประชาชนอเมริกันที่รวยมั่งคั่งกว่า 10 % มีการถือครองทรัพย์สินเทียบกับประชาชนส่วนใหญ่กว่า 70 % กล่าวคือเมื่อเทียบกับประชาชนส่วนใหญ่กว่า 90 % แล้ว ประมาณ 30 % มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง หรือหากหยิบยกกรณีตัวอย่างของประเทศแอฟริกาใต้นั้น ประชาชนที่รวย 10 % มีความมั่งคั่งเท่ากับรายได้ของประชาชนกว่า 65 %




ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่อาจเข้าถึงระบบการเงินการธนาคาร โดยที่ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการปล่อยกู้ยืมให้ผู้มีฐานะทางสังคมได้ใช้เงินส่วนนี้ลงทุน โดยการเข้ามามีอิทธิพลของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ถือเป็นการเข้ามาที่ท้าทายระบบการเงินการธนาคารที่มีอยู่แต่เดิม




จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเข้ามาของสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ทำให้หลายคนมองว่า พวกเขาสามารถใช้ช่องทางนี้ลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องของการเข้าถึงรายได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนจากการเก็งกำไรสูงไม่แพ้หุ้นขนาดเล็กหรือตราสารประเภทฟิวเจอร์ หรือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต้องใช้เงินมัดจำในการซื้อขายสูง ซึ่งจะเห็นได้จากในช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังบูมใหม่ ๆ จู่ ๆ ก็มีการเล่นข่าวเกี่ยวกับเศรษฐีหน้าใหม่ที่ทำเงินได้จากการลงทุนคริปโตในช่วงที่เหรียญบิทคอยน์เพิ่งเกิดใหม่ๆ

หลายประเทศเริ่มรับคริปโต

เช่นกันหลายประเทศที่กำลังพัฒนาเริ่มอาศัยการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยคริปโตมากขึ้น ตัวอย่างเช่นประเทศเอลซัลวาดอร์ที่รัฐบาลได้เปิดกว้างเรื่องคริปโตอย่างเต็มที่ หรือแม้แต่ประเทศอย่างเฮติกับตองกาเองก็เริ่มมีการใช้เหรียญ USDC กับ Tether เข้ามาประคับประคองให้ชีวิตของพวกเขาได้ลืมตาอ้าปากได้ อีกทั้งจะต้องไม่ลืมว่าการชำระเงินระหว่างประเทศด้วยคริปโตสามารถทำได้อย่างรวดเร็วมากเมื่อเทียบกับระบบ SWIFT ที่อาจมีกระบวนการขั้นตอนในการตรวจสอบที่ซับซ้อนและใช้ระยะเวลานานกว่า





แม้ทางด้านวอร์เรน บัฟเฟตต์กับบิล เกตต์จะมีทัศนคติเชิงลบต่อคริปโตเป็นอย่างมากก็จริง แต่นั่นก็อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาอยู่กับการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอยู่แต่เดิมมาช้านาน แต่สำหรับคริปโตแล้วถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับโลกใบนี้ และอาจต้องใช้ระยะเวลาในการให้คริปโตพิสูจน์ตัวเองในระยะยาว

ข้อมูลจาก : https://cointelegraph.com/news/how-cryptocurrency-could-help-tackle-global-income-inequality


แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับโพสต์ทูเดย์ออนไลน์
https://www.posttoday.com/post-next/model-business-era/1743
X