ข่าวการเงิน
ชีวิตจริงไม่เหมือนในตำรา บทเรียนการลงทุนจาก 10 เซียนหุ้นไทย
บทเรียนการลงทุนจาก 10 เซียนหุ้นไทย
วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมือเก่า
มืออาชีพหรือมือสมัครเล่น ร้อยทั้งร้อยต่างอาจเคยสงสัยในตนเองอยู่เสมอว่า
ตลอดชีวิตเส้นทางการเป็นนักลงทุนของคุณนั้น ทั้งความสำเร็จ ความล้มเหลว
ความสุขใจ และทุกข์ใจ หรือทุกก้าวย่างตลอดเส้นทางที่เดินผ่านมา
สิ่งเหล่านั้นจะสามารถผลักดันและนำพาคุณไปสู่เป้าหมายที่วาดฝันไว้ได้จริงหรือไม่
“ชีวิตจริงไม่เหมือนในตำรา”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่
ที่เมื่อแรกเริ่มได้มีโอกาสทำความรู้จักกับโลกแห่งการลงทุนอันแสนวุ่นวายและคลุมเครือ
ความลังเลสงสัย ความเดียวดาย
และความสับสนอาจทำให้การเริ่มต้นในเส้นทางการเป็นนักลงทุนของเหล่ามือใหม่ต้องพบเจอกับความยากเย็นเข็ญใจ
บทความชิ้นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการสรุปรวมความคิดรวบยอด ข้อคิด
และบทเรียนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ของเหล่า “นักลงทุนมืออาชีพ”
ที่กลั่นกรองจากประสบการณ์การลงทุนอันยาวนาน
แก่นสารหรือสาระสำคัญที่แฝงเร้นอยู่ในทุกตัวอักษรจากนี้เป็นต้นไป
อาจเป็นกำลังสำคัญเพื่อช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถก้าวข้ามผ่านจุดเริ่มต้นได้อย่างมั่นคงเสมือนมีเครื่องรางยึดเหนี่ยวสภาพจิตใจ
ขณะเดียวกันสำหรับนักลงทุนมือเก่าก็ยังสามารถดูดซึมแก่นสารเหล่านี้ประหนึ่งเพื่อการตกตะกอนทบทวนชีวิตของตนเองอีกครั้ง
และก้าวเดินต่อไปอย่างผู้ที่ “เข้าใจในชีวิต” มากขึ้นกว่าคุณคนเมื่อวาน
มี่ : ทิวา ชินธาดาพงศ์
เราไม่มีทางรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน จะเจ็บป่วยหรือตายเมื่อไหร่
การมีสติอยู่กับปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือประกอบอาชีพอะไรก็ตาม
ไม่ว่าคุณจะมีพอร์ตหุ้นเท่าไหร่ หรือมีเงินมากมายมหาศาลเพียงใด
หากนำมาคูณกับศูนย์ ผลลัพธ์มันก็เท่ากับศูนย์
การมีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้าน เมื่อนำมาคูณกับความตาย
มันก็เท่ากับความว่างเปล่า
หากคุณหลงระเริงเล่นกับระบบทุนนิยมไปเรื่อย ๆ เพียงไม่นาน
คุณก็จะเคลื่อนย้ายกระบวนการหรือวิธีการเดินทางไปสู่เป้าหมาย
ให้กลายไปเป็นเป้าหมายเสียเอง
“การหาเงินกลายเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตไปเสียแล้ว”
เรื่องที่สัมพันธ์กันก็คือ อคติทางการลงทุนที่ร้ายแรงใด ๆ
ก็ไม่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและสภาพจิตใจได้เท่ากับการ
“คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างที่ใจเราต้องการ”
ในตำราการลงทุนทุกแขนงจึงพร่ำบอกคุณเสมอว่า
“คุณควรเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น”
คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญกับความผิดพลาดด้วยตนเองไปเสียทุกเรื่องหรอก
เพราะเมื่อใดก็ตามที่ความผิดพลาดนั้นเผยตัวในชีวิตคุณขึ้นมาจริง ๆ
แล้วล่ะก็ มันอาจสายเกินไปที่จะแก้ไขให้กลับคืนมาดังเดิม
ในชีวิตคุณนั้นต้องการเงินหรือความสุข “สำหรับผม
เงินเป็นเพียงส่วนประกอบของความสุขเหล่านั้น” หากมีทัศนคติเช่นนี้
ก็อาจทำให้เราจัดการกับความโลภ ความกลัว
และสภาวะความตึงเครียดจากการลงทุนหรือการทำงานหาเงินได้บ้าง
การตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่าง ๆ จะมีเหตุมีผลมากขึ้น
มันเป็นเรื่องของการบริหารสภาวะจิตใจ
ซึ่งสามารถทำให้คุณลงทุนและอยู่ในตลาดหุ้นได้อย่างมีความสุข
ชาย มโนภาส
“การบริหารความเสี่ยงและความรู้ คือสิ่งสำคัญของการเป็นนักลงทุน”
ใครที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดหุ้น อยากให้ทุ่มเท พยายามค้นคว้า
ศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอก่อนเป็นลำดับแรก
ในช่วงเริ่มต้นวิถีชีวิตนักลงทุน
คุณไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจให้มากนักว่าผลตอบแทนจะแพ้หรือชนะตลาด
จะลงทุนแล้วได้กำไรมากหรือน้อยกว่าคนอื่นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย
ขอเพียงแค่คุณพยายามสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ ปีก็ดีมากแล้ว
“เมื่อใดก็ตามที่คุณมีความรู้มากขึ้น คุณจะเป็นนักพนันน้อยลง”
หากไม่ขยันไขว่คว้าหาความรู้
คุณอาจจำเป็นต้องเปิดรับความเสี่ยงมากมายมหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
อาหารหน้าตาสวยพริ้งที่วางเกลื่อนกลาดมากมายอยู่บนโต๊ะนั้น
มิใช่ว่าจะสามารถหยิบมากินได้อย่างสบายใจทุกจาน
หากคุณยังไม่รู้จักว่ายาพิษหน้าตาเป็นอย่างไร
สิ่งใดที่ไม่เข้าใจและไม่มั่นใจก็อย่าเข้าไปยุ่งหรือมีส่วนร่วมกับมัน
หากคุณตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าชีวิตนี้ต้องการที่จะเป็นนักลงทุนหุ้นอย่างจริงจัง
ก็ควรค่อย ๆ ไป ค่อย ๆ เดินทีละก้าวอย่างมั่นคงจะดีกว่า
“นักลงทุนนั้นเฉือนกันที่รายละเอียด”
ทุกสิ่งทุกอย่างมีรายละเอียดซ่อนอยู่เสมอ การ์ดจะตกไม่ได้
หากชะล่าใจเมื่อใดก็โดนเตะก้านคอเมื่อนั้น
คุณอาจเคยได้ยินผู้มากประสบการณ์บอกเล่าย้ำเตือนกันมาบ้างว่า สร้างวิธีการ
หรือกระบวนการลงทุนของคุณให้ง่ายเข้าไว้ แล้วจะดีเอง
คำว่าง่ายกับไม่ใส่ใจนั้นมีเส้นบาง ๆ ขวางกั้นอยู่ “อันที่จริงแล้ว
มันควรเป็นความง่ายที่โอบคลุมไปด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดมากกว่า”
หลิน : วีระพงษ์ ธัม
ในโลกแห่งการลงทุนนั้นสามารถเกิด “Black Swan” ได้เสมอ
(เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้จริง) จริง ๆ
แล้วมิได้จำกัดเฉพาะอยู่ในโลกแห่งการเงินหรือการลงทุน
วงการใดก็ตามที่ซึ่งสามารถ “Massively Scalable”
(ความสามารถในการขยายตัวได้อย่างมหาศาล และอย่างรวดเร็ว)
วงการนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดปรากฏการณ์ “Black Swan”
อย่างต่อเนื่องและหลีกเลี่ยงได้ยาก
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาแล้ว
สิ่งที่จะตามมาอย่างค่อนข้างแน่นอนก็คือเหตุการณ์ “Winner Take All”
(การกินรวบ) ในสังคมนักลงทุนนั้นช่องว่างระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จ
และผู้ที่พบกับความล้มเหลว ขยายถ่างออกจากกันอย่างไม่มีวันบรรจบ
สิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องลงมือปฏิบัติอยู่เสมอคือ “การทบทวนตนเอง”
มีสติรู้เท่าทันความคิดของตนเอง
หากคุณตระหนักแล้วว่าโลกที่คุณอยู่นั้นเต็มไปด้วย “Black Swan”
คุณจำเป็นที่จะต้องขยันให้มากเป็นพิเศษ พยายามให้มากเป็นพิเศษ
และระวังตัวให้มากขึ้นเป็นพิเศษ
คุณจึงจะมีสิทธิ์ยืนอยู่เหนือค่าเฉลี่ยในนามของผู้ชนะ
ฮง : สถาพร งามเรืองพงศ์
การที่คุณมีความเชื่อ และเบื้องหลังความเชื่อนั้นเต็มไปด้วย “ความฝัน
เป้าหมาย การศึกษาหาความรู้ แผนการ วิธีการ เครื่องมือ และระเบียบวินัย”
หากคุณหลงใหล มุ่งมั่น และทุ่มเทเตรียมความพร้อมขนาดนี้ คงเรียกได้ว่า
“ความศรัทธา”
แต่หากคุณไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเป้าหมายและความฝันของตัวเอง
ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการและเครื่องมือที่จะนำพาคุณไปพบกับความสำเร็จ
แถมยังมีความเชื่ออย่างที่ไม่คิดตั้งคำถาม นี่คือ “ความงมงาย”
การที่คุณมีความเชื่อและความศรัทธามุ่งมั่นพร้อมแล้ว
ก็ไม่ได้หมายความว่าแผนการและวิธีการของคุณจะราบรื่น
หลายครั้งก็ประสบพบเจออุปสรรคมากมาย
อยู่ที่ว่าคุณจะอดทนอยู่กับมันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ? คำนึงถึงความล้มเหลว
ความผิดพลาด และความสิ้นหวังไว้บ้าง
การศรัทธาในความฝัน และการศรัทธาในตนเอง
ส่วนหนึ่งคงขึ้นอยู่กับอุปนิสัยส่วนบุคคล เช่น ความวิตกกังวล
ความไม่เชื่อมั่นในตนเอง
สิ่งที่สามารถช่วยเป็นที่พักพิงในยามที่คุณหวั่นไหวและอ่อนแอเมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง
ๆ คือ “การพาตนเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความศรัทธา”
ทั้งการอ่านหนังสือดี ๆ หรือรับฟังเรื่องราวดี ๆ ของคนรอบข้าง
สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่านำพาตนเองไปอยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่ไม่มีความฝัน
อีกทั้งยังชอบทำลายความฝันของชาวบ้านในทุกวิถีทาง
สิ่งเหล่านี้อาจเอื้อประโยชน์ให้คุณศรัทธาในตนเองมากขึ้น
“ผมเชื่อเรื่องความพยายาม มุ่งมั่น ทุ่มเท
และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น สิ่งที่ผมเป็น
สิ่งที่ผมได้รับในทุกวันนี้ มันเพียงพอและเหมาะสมแล้ว
กับสิ่งที่ทุ่มเทพยายามมาโดยตลอด”
แล้ววันนี้คุณได้ตั้งใจเดินตามความฝันอย่างสุดความสามารถแล้วหรือยัง ?
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา
อย่าทำสิ่งใดที่เกินไปกว่าขอบเขตความรู้ของตนเอง
นักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุน
อยากให้ลองเริ่มต้นด้วยวิธีการกลับไปคิดทบทวนตนเองดูสักครั้งว่า ณ ปัจจุบัน
ด้วยสถานะทางการเงินส่วนบุคคล อายุ อาชีพ ความสามารถ และรายได้
คุณควรจัดสรรปันส่วนเงินที่มีอย่างไร บางคนทุ่มเทเวลาให้กับการลงทุนมาก
ดูหุ้นตลอดเวลาจนเสียการเสียงาน ส่งผลให้ความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน
อาชีพหลักที่สร้างรายได้
สร้างกระแสเงินสดมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทำได้อย่างไม่เต็มที่
อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะเหมาะสมกับเส้นทางนี้ก็ได้ คงไม่มีใครรู้นอกจากตัวคุณเอง แต่ผมขอพูดตรง ๆ ว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่เหมาะ
“การเป็นนักลงทุนอาชีพ หรือนักลงทุนเต็มเวลา (Full time Investor)
นั้นไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน” มีคนเพียงไม่เกิน 5% ที่เหมาะสม
ชีวิตมีความสมดุล มีความสุข และสามารถประสบความสำเร็จได้ในเส้นทางดังกล่าว
นักลงทุนผู้มั่งคั่งหรือเหล่าเซียนหุ้นชื่อดังทั้งหลายที่เราพบเห็นผ่านสื่อต่าง
ๆ กันในทุกวันนี้คือ คนส่วนน้อยในกลุ่ม 5% นั้น
ส่วนกลุ่มคนที่เหลืออีก 95% ซึ่งนำเงินทั้งส่วนตัวและเงินกู้มาลงทุน
จากนั้นก็เจ๊ง ขาดทุน และล้มหายตายออกจากตลาดหุ้นไป
ก้มหน้าก้มตาทำงานเก็บเงินเพื่อประกอบสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่
พวกเขาไม่เคยมีโอกาสมานั่งเล่าเรื่องราวชีวิตอันสุดแสนขมขื่นให้คุณฟัง
บางคนก็ไม่กล้าพอที่จะระลึกหรือกล่าวถึงความล้มเหลวของตนเอง”
โจ ลูกอีสาน : อนุรักษ์ บุญแสวง
การเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนชนชั้นทางสังคม จากชนชั้นล่างหรือกลาง
ไปสู่การเป็นชนชั้นสูงที่ยืนอยู่เหนือค่าเฉลี่ย
ผมคิดเห็นว่ามีเพียงไม่กี่วิธีที่สามารถทำได้จริง
และผมเชื่อเสมอว่าการลงทุนในหุ้นเป็นอีกวิธีการหนึ่งซึ่งอาจลงมือปฏิบัติจริงได้ค่อนข้างง่ายที่สุดสำหรับคนธรรมดา
หลักการลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้นคุณต้องการเพียงแค่สองสิ่งคือ
“เงินตั้งต้น” จะมีมากหรือน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สิ่งสำคัญอย่างที่สองคือ “แนวคิด” เพื่อเป็นโครงสร้างหลักเข้ามากำหนดแผนการ
วิธีการ และกระบวนการลงทุน
หลายคนชอบพูดว่า “ฉันไม่มีเงิน หรือเงินต้นน้อย
ชีวิตนี้ฉันไม่มีวันร่ำรวยหรอก”
อยากจะบอกเพิ่มเติมว่าชีวิตส่วนตัวผมก็เริ่มต้นมาจากเงินหลักแสน
และตลอดเส้นทางการลงทุนก็ไม่เคยนำเงินจากแหล่งรายได้อื่นใส่เข้าไปเพิ่มเลย
มีแต่จะถอนออกมาทุกปีเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและเลี้ยงลูก
ผมเคยพูดเสมอว่าประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุนในหุ้นคือ “แนวคิด”
เงินก้อนเล็ก ๆ
หากใช้ควบคู่ไปกับวิธีการที่ถูกต้องก็สามารถเพิ่มพูนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้
ส่วนเงินก้อนใหญ่หากใช้วิธีการที่ผิด มันก็มลายหายไป
ผมมีความเชื่อและความศรัทธา ว่าวิธีการดังกล่าวนี้สามารถปฏิบัติได้จริง
มันเป็นไปได้จริง ๆ สำหรับชนชั้นกลาง
ขอเพียงอย่างเดียวว่าคุณอย่ามีข้ออ้างเยอะ หลายคนพอได้ยินเรื่องความรวย
หรือเรื่องอิสรภาพทางการเงิน ก็เกิดข้ออ้างเยอะแยะมากมายไปหมด
ไม่มีเงินบ้าง มีเงินน้อยบ้าง มีรายจ่ายจุกจิก ภาระมากมาย
ไม่มีมรดกตกทอดเหมือนใคร ๆ เขา ไม่ได้เรียนจบเมืองนอกมานี่หน่า
“สุดท้ายเพียงแค่ฝัน คุณยังไม่กล้าที่จะฝันเลย แค่ก้าวแรกคุณก็ล้มเหลวแล้ว
คุณจะเดินทางไปต่อได้อย่างไร
สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อเลยแม้สักบาทเดียวคือความฝัน
คุณต้องมีความฝันก่อน จากนั้นให้ความฝันนำทางชีวิตคุณ คนที่มีความฝัน
อุปสรรคใด ๆ ก็มาฉุดรั้งพวกเขาไว้ไม่ได้หรอก”
พี : พีรนาถ โชควัฒนา
“เมื่อพระเจ้าให้สิ่งตอบแทนแก่มนุษย์ ท่านมักให้มาเกินกว่าที่ร้องขอเสมอ
เมื่อท่านได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าคุณคือมนุษย์ที่น่าไว้วางใจและพึ่งพาได้”
จุดสูงสุดของการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอาจเป็นเพียง “การให้”
บางสิ่งบางอย่าง กลับคืนสู่สังคม เท่านั้นเอง
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คุณอาจลองสังเกต “วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)”
ดูก็ได้ว่าในอดีตที่ผ่านมา
แทบไม่เคยมีปีไหนเลยที่บัฟเฟตต์โด่งดังจากการทำผลตอบแทนได้แบบมหาศาลหลายเด้ง
หลายเท่าตัว หรือทำผลตอบแทนสูง ๆติดอันดับโลก
แล้วมาลองคิดดูสิว่าในทุกวันนี้เขาเป็นอย่างไร ? โดยส่วนตัวผมแล้วจะค่อย ๆ
ดูผลตอบแทนรวมจากพอร์ตการลงทุนเป็นรายปี
ตรวจสอบว่าปีนี้ทำผลตอบแทนได้เท่าไหร่
ซึ่งถ้าผลตอบแทนยังเป็นบวก เพียงเท่านี้ผมมีความสุขแล้ว
จากนั้นก็ปล่อยมันไป หุ้นในพอร์ตจะสลับกันขึ้นหรือลง
ก็อย่าไปเสียดายหรือเสียใจอะไรทั้งสิ้น
ตราบใดที่ทฤษฎีซึ่งอยู่เบื้องหลังหุ้นแต่ละบริษัทที่คุณถือครองอยู่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่คุณคาดการณ์ไว้
พยายามอยู่กับมันต่อไป
หากคุณอยากเป็นนักลงทุนมืออาชีพ อยากจะรวยจากหุ้นจริง ๆ
อย่างที่นักลงทุนวีไอไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาร่ำรวยเป็นร้อยเป็นพันล้าน
คุณก็ต้องศึกษาหาความรู้อย่างหนัก ต้องทุ่มเทพัฒนาตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม
คุณไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำที่กำลังทำอยู่
หากคุณสามารถบริหารจัดการเวลาส่วนตัวได้ มันมีทางออก
สามารถทำควบคู่กันไปได้
ยุคสมัยนี้การศึกษาหาข้อมูลนั้นง่ายดายกว่าสมัยก่อนเยอะ
ส่วนตัวผมเองที่มีโอกาสร่ำรวยจากตลาดหุ้นไทย
อันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยได้ออกไปพบเจอบริษัทหรือผู้บริหารสักเท่าไรนักหรอก
เพียงหมั่นศึกษาเอาจากข้อมูลทั่วไปที่คุณและผมสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกันนี่แหละ
มันสามารถประสบความสำเร็จได้
สุดท้ายก็จงมีความรับผิดชอบ ทำงานประจำของคุณให้ดีที่สุด
เพราะผลตอบแทนมันมีแต่บวก ทำงานไปเรื่อย ๆ ลงทุนไปเรื่อย ๆ
เมื่อรายได้มากขึ้น คุณก็สามารถเก็บออมเงินได้มากขึ้น
จากนั้นนำเงินรายได้จากการทำงานโยกย้ายมาเป็นรายได้จากการลงทุนให้มากขึ้นไปอีกต่อหนึ่ง
“นี่คือพลังแห่งการทบต้นของผลตอบแทนอย่างแท้จริง”
ไม้ฟืน : พะเนียง พงษธา
ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ้าง
บางครั้งก็อยากกลับไปลุยเรื่องหุ้นอย่างหมกมุ่นหลงใหลเสมือนเมื่อแรกครั้งก้าวเท้าเข้าสู่ตลาดหุ้นใหม่
ๆ เพราะเราเห็นโอกาสที่จะทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
แต่ก็ถามตัวเองกลับไปว่า ถ้าอีกหนึ่งปี หนึ่งเดือน หนึ่งสัปดาห์
หรือว่าวันพรุ่งนี้ เราจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เราจะทำอย่างไร
เราจะอยากทำสิ่งนี้ต่อไปไหม นั่งถวายตัว
ถวายชีวิตเพื่อการหาเงินในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว ผมก็เกิดความกลัวขึ้นมา
ขอให้เราอย่าเพิ่งตายเลยนะ ขอดูแลครอบครัวก่อน ยังไม่มีเวลาให้แม่เลย
อยากจะปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น อยากทำประโยชน์กับสังคมให้มากกว่านี้อีก
ผมยังเอ้อระเหยอยู่เลย
การตั้งคำถามเช่นนี้อาจทำให้ได้รู้ว่าอะไรสำคัญกับชีวิตเราจริง ๆ
ผมยังมีชีวิตรอดอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
เพื่อทำในสิ่งที่ตั้งใจจะทำเหล่านี้ไปเรื่อย ๆ
ไม่รู้ว่าวันไหนจะตายแล้วไม่ได้ทำมันต่อไปอีกแล้ว
แต่วันนี้แค่ได้ทำก็พอแล้ว
การหมั่นตั้งคำถามเพื่อสำรวจตรวจสอบตนเองอาจทำให้เราไม่มองข้ามสิ่งที่สำคัญจริง
ๆ ในชีวิตไป สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือ “แม่” ผมไม่เคยพูดมาก่อนเลย
แม่รักและให้กำลังใจผมมาตลอด ตั้งแต่เป็นเด็ก
ไม่ว่าผมจะทำผิดพลาดเรื่องอะไรมา ล้มเหลวในตลาดหุ้น ถึงแม่จะเสียใจ
แต่ก็ให้กำลังใจกันเสมอ “แค่รู้ว่าอะไรไม่ดีก็อย่าไปทำ
ชอบการลงทุนก็ตั้งใจศึกษานะ ล้มเหลวไปแล้วก็อย่าผิดแบบเดิมอีก
อย่าทำผิดพลาดอะไรซ้ำ ๆ นะ” ถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีผมในทุกวันนี้
ที่เรามีอยู่ และที่เราเป็นอยู่ในทุกวันนี้ เพราะคนอื่นให้มาทั้งนั้น
มันเหมือนเราเป็นศูนย์รวมของขวัญ มีแต่คนหวังดีมอบของขวัญให้เรา
จะให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านั้นเราก็ควรมอบของขวัญส่งต่อให้คนอื่นด้วย
การที่ผมเป็นผมแบบทุกวันนี้ ทั้งความสำเร็จ ทัศนคติ
ไม่ใช่เพราะว่าผมเก่งกว่าใคร ๆ
แต่มีผู้คนมากมายอยู่เบี้องหลังความสำเร็จเสมอ มีอาจารย์ มีเพื่อน
มีกัลยาณมิตร หรือแม้กระทั่งคนที่ทำไม่ดีต่อเรา
แต่เราก็ได้เรียนรู้จากพวกเขามากมาย
เป็นเหตุปัจจัยเกื้อหนุนให้เรามีชีวิตแบบนี้
ฉะนั้นแล้วอย่าคิดว่าตนเองเก่งอยู่คนเดียว
โยโย่ : สันติ สิงหวังชา
หากปวารณาตนแล้วว่าเราคือ “นักลงทุนวีไอ (Value Investing)”
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างยึดโยงอยู่กับพื้นฐานกิจการของบริษัท
และมีมุมมองการลงทุนในระยะยาว ต่อให้เราจะซื้อหุ้นมา แล้วขายได้กำไร
เมื่อราคาวิ่งขึ้นไปจนแพงกว่ามูลค่าพื้นฐาน
เหตุเพราะช่วงเวลานั้นผู้คนส่วนใหญ่ต่างคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน
จนกระทั่งผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นไป
แต่สุดท้ายแล้วในระยะยาวกิจการก็ไม่ได้วิเศษอย่างที่ใจคิด
เราก็ควรจะต้องยอมรับว่า
“ผลตอบแทนการลงทุนส่วนหนึ่งอาจเป็นผลลัพธ์จากโชคชะตา”
หากเราถูก ในเหตุผลที่ผิด อนาคตคงก้าวเดินต่อไปอย่างผิดทิศผิดทาง
การยอมรับความจริงก็ไม่เสียหายอะไร
คงไม่ถึงขนาดที่ว่าวิชาความรู้ซึ่งอุตส่าห์สั่งสม
ทุ่มเทศึกษาด้านการลงทุนมันจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าหรอก มันมีประโยชน์เสมอ
ต้นทุนซึ่งแพงที่สุดไม่ใช่เงินทอง หรือเวลา
ที่คุณสูญเสียไปกับการศึกษาหาความรู้ หากแต่เป็นชุดความรู้ ความเชื่อ
หรือทัศนคติแบบผิด ๆ ที่ถูกถ่ายทอดมาจาก “คนที่ไม่ได้รู้จริง”
ซึ่งนี่คือเรื่องใหญ่ มันจะทำให้คุณหลงทางอย่างกู่ไม่กลับ
“การเปิดรับข้อมูลที่ผิดพลาดมาใส่สมอง
คือความเสียหายอันใหญ่หลวงเกินกว่าเงินทองและเวลามากมายนัก”
จากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าคุณจะลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ตาม
คุณควรจะต้องมีกฎเกณฑ์ทางการลงทุนเป็นของตนเอง
และมีวินัยให้มากพอที่จะไม่ก้าวข้ามเส้นนั้นออกไป “กฎเกณฑ์คือแผนการ”
ซึ่งเราออกแบบไว้ล่วงหน้าในสถานการณ์ปกติ
เพื่อหยิบฉวยมาใช้ในยามเหตุการณ์ไม่ปกติที่คุณมีอคติก่อเกิดขึ้นในจิตใจ
และนึกเสมอว่าตนเองคิดอย่างมีเหตุผล
แต่อันที่จริงแล้วความคิดนั้นไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก “BLACK SWAN วันมืดมิด ในชีวิตการลงทุน” EP.1-10 โดยลงทุนแมน และสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
อ้างอิงข้อมูลจาก https://board.thaivi.org/viewtopic.php?p=1950884
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-1098350
X