ข่าวการเงิน
ออมอย่างไร ไม่ให้พลาดเป้า เปิดสูตรแบ่งเงินตามหลักการ 6 ขวดโหล
บทความโดย “พรชัย พิพัฒนกุลวานิช”
ที่ปรึกษาการเงิน AFPT™ สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ในยุคที่สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตผู้คนมากขึ้น ข้อมูลของความสำเร็จ
รวมไปถึงเทคนิค เคล็ดลับ
การไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ก็มีให้เห็นแทบทุกวัน
เช่นเดียวกับแวดวงการเงินที่ถูกเผยแพร่เกี่ยวกับเทคนิคการลงทุน ความสำเร็จ
ทำให้กลายเป็นแรงบันดาลให้ผู้คนอยากเดินตามรอย
อย่างไรก็ตาม มีบางครั้งที่ผู้คนตั้งเป้าหมายแต่ไม่สามารถไปถึงเป้าหมาย
ทำให้หลายคนเลิกล้มความตั้งใจ
ขณะที่อีกหลายคนพยายามมองหาเครื่องมือเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
แบ่งเงินสูตร 6 ขวดโหล
ผู้เขียนขอนำการจัดการเงินตามหลัก 6 Jars Model ของ T.Harv Eker
ที่จะแบ่งเงินออกเป็น 6 ขวดโหล
ตามสัดส่วนที่แตกต่างกันและใช้จ่ายภายในสัดส่วนที่กำหนดไว้ในแต่ละช่อง
ขวดโหลใบที่หนึ่ง ขอเรียกว่า โหลนี่หรือค่าใช้จ่ายฉัน
ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่าง ๆ เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์
ค่าบัตรเครดิต ค่าอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น แบ่งเงินมาไว้ในขวดโหลใบนี้
55% ของรายได้
ขวดโหลใบที่สอง Long–Term Saving for spending ขอเรียกว่า
โหลนั่นสินะค่าใช้จ่ายที่รอเราอยู่
ใช้สำหรับการเก็บออมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น เช่น
การท่องเที่ยว เงินสำรองฉุกเฉิน (Rainy day fund)
และค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพที่ไม่คาดคิด เป็นต้น
แบ่งเงินมาไว้ในขวดโหลใบนี้ 10% ของรายได้
ขวดโหลใบที่สาม Play ขอเรียกว่า โหลดีต่อใจ
ใช้จ่ายไปจะกลัวอะไรไม่ใช่เงินใครคือเงินเรา
ใช้สำหรับการสปอยล์ตัวเองและครอบครัว หรือซื้อของที่ฟุ่มเฟือยที่ดีต่อใจ
ใช้ให้หมดและใช้ได้อย่างสนุกสนาน แบ่งเงินมาไว้ในขวดโหลใบนี้ 10% ของรายได้
ขวดโหลใบที่สี่ Education ขอเรียกว่า โหลพัฒนาตน พัฒนาใจ
พัฒนาอะไรก็ต้องใช้เงิน ใช้สำหรับการซื้อหนังสือเพิ่มความรู้
คอร์สเรียนพัฒนาตนเอง
การโค้ชชิ่งหรือการมีครูฝึกเพื่อให้เก่งขึ้นและมีความรู้เพิ่มขึ้น
แบ่งเงินมาไว้ในขวดโหลใบนี้ 10% ของรายได้
ขวดโหลใบที่ห้า Financial Freedom Account ขอเรียกว่า โหลอนาคตอยู่ไม่ไกล
ค่อย ๆ ออมไป จะถึงเส้นชัยในวันหนึ่ง ใช้สำหรับการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม
อสังหารัมทรัพย์ และการลงทุนอื่น ๆ เพื่อเป้าอิสรภาพในด้านการเงิน
แบ่งเงินมาไว้ในขวดโหลใบนี้ 10% ของรายได้
ขวดโหลใบที่หก Give ขอเรียกว่า โหลให้คืนสู่สังคมไป สุขใจจัง
ใช้สำหรับการบริจาค การทำบุญต่าง ๆ แบ่งเงินมาไว้ในขวดโหลใบนี้ 10%
ของรายได้
พอแบ่งเงินตามโหลทั้งหกใบก็ให้ใช้จ่ายไปตามนั้น
ตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ในแต่ละโหล และในระหว่างลงมือทำอาจมีคำถามกับตัวเอง
เช่นจะถึงเป้าที่วางไว้หรือไม่
หากคำตอบว่า ไม่ใช่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ บางครั้ง
เราก็สามารถประยุกต์ใช้ทฤษฎีได้ เพิ่มลดบางส่วนได้
ไม่จำเป็นต้องตรงตามตัวทฤษฎีมาก
ถ้าทำให้เรามีความสุขมากขึ้นหรือเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น เช่น
การเพิ่มรายรับแล้วคงสัดส่วนไว้เท่าเดิม
เช่น จากเดิมรายรับ 30,000 บาท แบ่งโหลที่หนึ่ง 16,500 บาท (55%) โหลที่สอง
3,000 บาท (10%) โหลที่สาม 3,000 บาท (10%) โหลที่สี่ 3,000 บาท (10%)
โหลที่ห้า 3,000 บาท (10%) โหลที่หก 1,500 บาท (5%)
ถ้าเราเพิ่มรายรับเป็น 40,000 บาท โหลที่หนึ่งจะได้เป็น 20,000 บาท
โหลที่สอง 4,000 บาท โหลที่สาม 4,000 บาท โหลที่สี่ 4,000 บาท โหลที่ห้า
4,000 บาท และโหลที่หก 2,000 บาท ก็จะทำให้เข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น
แต่ถ้าไม่รู้วิธีเพิ่มรายได้
การควบคุมค่าใช้จ่ายและการปรับเปลี่ยนสัดส่วนใหม่ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
เช่น จากเดิมตามทฤษฎีให้เก็บไว้สำหรับค่าใช้จ่าย 55%
และออมเพื่ออิสรภาพทางการเงิน 10% แต่คิดว่าไม่พอ
ก็อาจปรับให้เหมาะกับเป้าหมายหรือตัวเราจากแบ่งเพื่อค่าใช้จ่าย 55% เป็น
45% และนำ 10% ไปเพิ่มให้กับการออมเพื่อเป้าหมายอิสรภาพทางการเงิน 10%
แทนจากเดิม 10% (ก็จะเพิ่มเป็น 20%)
ซึ่งก็จะช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้เพิ่มอีกหนึ่งทาง
ถึงแม้ “ออมอย่างไร ไม่ให้พลาดทุกเป้าหมายการเงิน”
ไม่อาจสรุปได้ว่าวิธีการไหนที่ดีที่สุด ดังนั้นการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
มีวินัย ปรับปรุงให้เหมาะกับตัวเอง
ย่อมเป็นวิธีการที่ดีและสามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์
X