มอนิ่งสตาร์ แนะ 8 อันดับแนวทางลงทุน
สำหรับนักลงทุนในช่วงวัย 40-50 ปี ซึ่งมักเป็นช่วงที่มีรายได้ค่อนข้างมาก
จะมีลำดับความสำคัญในการวางแผนทางการเงินอย่างไรบ้าง
วันที่ 22 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคนวัย 40-50 ปี
เรามักจะไม่ค่อยเห็นคำแนะนำเรื่องการลงทุนมากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับช่วงวัยเริ่มทำงานหรือใกล้เกษียณอายุ
ทั้งที่ความจริงในวัย 40-50 ปีนั้นเป็นช่วงที่มีรายได้ค่อนข้างสูง
มีความซับซ้อนและความต้องการทางการเงินที่สูงกว่าช่วงวัยอื่น ๆ
ทั้งการเก็บเงินเพื่อบุตรและเก็บเงินเพื่อรองรับการเกษียณในอนาคต
นอกจากนี้แม้วัยกลางคนจะยังรับความเสี่ยงในตราสารทุนได้
แต่ในขณะเดียวกันก็อาจมีความลำบากทางการเงินอยู่มากที่ไม่สามารถหารายได้มาเพียงพอหรืออาจมีปัญหาสุขภาพทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่
และยังต้องดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช
(ประเทศไทย) ได้แนะนำ 8
ลําดับความสําคัญที่ควรคํานึงถึงสำหรับนักลงทุนในวัยกลางคน ดังนี้
1. การลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะความสามารถ
การลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะความสามารถ เช่น การลงทุนเพื่อการศึกษา การอบรมสมนา
เพื่อพัฒนาความรู้ความชำนาญ การติดตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
และสร้างโอกาสในการหารายได้ที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะถึงวัยเกษียณอายุ
2. สร้างสมดุลระหว่างการสะสมรายได้และเป้าหมายอื่นในชีวิต
สำหรับคนที่มีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาบุตรนับเป็นภาระที่ค่อนข้างมาก
แต่ก็ต้องเตรียมสะสมเงินออมสำหรับยามเกษียณอีกด้วยภายใต้ระยะเวลาการทำงานที่เหลือน้อยลง
ทำให้การวางแผนทางการเงินเพื่อเกษียณจำเป็นต้องใช้เวลาและวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย
25-30 ปีก่อนเกษียณ
สำหรับจำนวนเงินที่รองรับก็ควรจะต้องเตรียมไว้อย่างน้อย 25
เท่าของรายจ่ายที่ต้องการใช้ในยามเกษียณ
นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญต่อเป้าหมายทางการเงินเพื่อเกษียณไว้เป็นลำดับแรก ๆ
เพราะหากอนาคตในยามใกล้เกษียณเกิดมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินในเรื่องอื่นก็จะทำให้เรามีสภาพคล่องเพียงพอในการรองรับได้
3. ปกป้องสินทรัพย์ที่มี
ปกป้องสินทรัพย์ที่มี เช่น
ทำประกันอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ครอบคลุมภาระหนี้หรือมูลค่าสินทรัพย์เผื่อกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน
หรือการทำประกันสุขภาพเพื่อรองรับการเจ็บป่วยในยามเกษียณ
นอกจากนี้อย่าลืมสำรองเงินสดไว้ใช้ในยามฉุกเฉินกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด
เช่น ออกจากงาน ซึ่งอย่างน้อยควรมีพอสำหรับรองรับไว้ใช้ได้นาน 3-6 เดือน
4. การเพิ่มเงินออมเพื่อรองรับการใช้จ่าย
แม้วัยกลางคนจะเป็นช่วงที่สร้างรายได้ได้ค่อนข้างมาก
แต่ก็เป็นช่วงที่มีรายจ่ายมากด้วยเช่นกัน
ดังนั้นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยเพิ่มเงินออมให้สูงขึ้นตามไปด้วยโดยอัตโนมัติก็คือการเพิ่มแผนการจ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้มากขึ้นนั่นเอง
5. การเพิ่มทางเลือกในการออมเงินสำหรับเงินเกษียณ
นอกเหนือไปจากเงินที่ลูกจ้างจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของนายจ้างแล้ว
เพื่อให้มีเงินใช้อย่างเพียงพอในอนาคตนั้นการลงทุนผ่านกองทุนประหยัดภาษีก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีของนักลงทุน
6. บริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
สำหรับการลงทุนในช่วงวัย 40-50
ปียังจำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงและสะสมเงินไว้ใช้ในอนาคต
ขณะที่ในวัย 50 ปีขึ้นไปอาจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เช่น
ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี
เพราะถึงแม้จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหุ้นแต่ก็มีอัตราผลตอบแทนหรือ Yield
ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2021
นอกจากนี้ตราสารหนี้ยังช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีผลตอบแทนที่ดีได้ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ดี
รวมถึงหากมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องออกจากงานก่อนกำหนดเงินลงทุนในตราสารหนี้ก็ยังช่วยสร้างรายได้ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ดีเช่นกัน
7. พอร์ตโฟลิโอที่ใหญ่ไม่ได้แปลว่าต้องซับซ้อน
เมื่อสินทรัพย์มีขนาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนักลงทุนอาจคิดว่าองค์ประกอบของการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอต้องมีความซับซ้อนมากขึ้น
ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพียงแค่ลงทุนในแบบที่ง่าย ๆ
โอกาสที่จะผิดพลาดจากการลงทุนยิ่งลดลง เช่น
พอร์ตการลงทุนอาจประกอบไปด้วยการลงทุนในตราสารทุนในประเทศ
ตราสารทุนต่างประเทศ และตราสารหนี้ เท่านี้ก็เพียงพอ
8. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินให้เหมาะสมกับความต้องการ
เมื่อชีวิตทางการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้นหรือใกล้ถึงวัยเกษียณแล้ว
การจ่ายเงินจ้างที่ปรึกษาทางการเงินก็ดูจะมีความจำเป็นและเหมาะสม
เพราะอาจได้ข้อมูลเชิงลึกและได้รับคำปรึกษาในเรื่องที่ซับซ้อน เช่น
การวางแผนภาษีอย่างไรก็ดี
ผู้ที่มีเงื่อนไขทางการเงินที่ซับซ้อนมากก็อาจเหมาะสมกับการจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาการลงทุนแบบเป็นสัดส่วนตามมูลค่าทรัพย์สินในแต่ละปี
แต่หากใครเพียงต้องการปรึกษาเป็นครั้งคราวก็อาจเหมาะสมกับการจ่ายเงินเพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเป็นรายครั้งไป
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์