Everyday knowledge for you
ห้องแสดงนิทรรศการ
28/05/2024
• สุธี คุณาวิชยานนท์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2508 กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาทัศนศิลป์ เอกภาพพิมพ์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และปริญญาโท สาขาทัศนศิลป์จาก Sydney College of the Arts, the University of Sydney ออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาทฤษฎีศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร • แนวผลงานที่สร้างชื่อเสียง ล้วนเป็นงานศิลปะที่สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม เช่น การบริจาคลมหายใจต่ออายุให้แก่ประติมากรรมยางรูปคน ช้าง ควาย และเสือ กิจกรรมทางศิลปะที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนในการ ‘เขียน’ ‘พิมพ์’ และ ‘เป็นเจ้าของ’ ประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ในผลงานชุด ‘ห้องเรียนประวัติศาสตร์’ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543 • “พราง” เป็นผลงานล่าสุดที่จะนำผู้ชมย้อนกลับไปทบทวนบรรยากาศของสงครามเย็นครั้งแรกที่เริ่มขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และตรวจสอบสงครามเย็นครั้งที่ 2 ที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ผ่านแผนที่ในรูปลายพรางที่สะท้อนความตึงเครียดทางด้านทหาร ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนการซ่อนเร้นอำพรางในมิติของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมพราง : CONCEAL เป็นนิทรรศการจัดแสดงผลงานศิลปะสื่อผสมของ สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินและศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาทฤษฎีศิลป์ ม.ศิลปากร ณ ละลานตา ไฟน์อาร์ต ระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม – 19 มิถุนายน 2567 โดยมี ชลิต นาคพะวัน รับหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ชลิต นาคพะวัน ภัณฑารักษ์ นิทรรศการพราง : CONCEALชลิต กล่าวว่า ‘พราง’ เป็นนิทรรศการที่มีเนื้อสอดคล้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย หากยังเกิดขึ้นในประเทศต่างๆทั่วโลก อันส่งผลกระทบโยงใยถึงกันไปหมด“ผลงานของศิลปิน สะท้อนถึงความคลุมเครือที่ชัดเจน ผ่านลวดลายพรางที่มาจากเครื่องแบบของทหาร นำเสนอผ่านแผนที่ประเทศไทยและแผนที่โลกในรูปแบบใหม่ที่ชวนให้ผู้ชมฉุกคิด ตีความ ผ่านประสบการณ์ของแต่ละคน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีทั้งสงครามทางทหาร การเมือง เศรษฐกิจ รวมไปถึงความคิดที่แตกต่าง ตลอดจนจุดยืนบนเวทีโลกของไทยบนความขัดแย้ง ความคลุมเครือที่ไม่ชัดเจนในบางครั้งก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเราต้องการนำเสนอผลงานศิลปะที่มีความลึกซึ้ง ชวนคิดเป็นอาหารสมองที่สร้างสรรค์ประเทืองปัญญา ได้ทั้งสุนทรียะและประเด็นให้ขบคิดไปพร้อมกัน”(จากซ้าย) ผลงานไทยประดิษฐ์,2557 ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2,2566 และแผ่นดินแม่ ,2557นิทรรศการ ‘พราง’ แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 1 ห้องใหญ่และอีก 2 ห้องเล็ก สุธี นำเราไปที่ห้องเล็กอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแผนที่ประเทศไทย ภายในห้องนี้จัดแสดผลงาน 3 ชิ้น ได้แก่ ไทยประดิษฐ์,2557 แผ่นดินแม่ ,2557 และ ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2, 2566รายละเอียดในแผนที่ไทยประดิษฐ์“เริ่มทำแผนที่ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2555 ในช่วงแรกเป็นการสื่อถึงประวัติศาสตร์การสร้างชาติหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 ไทยประดิษฐ์ เป็นผลงานภาพพิมพ์จากแม่พิมพ์โลหะ ทำขึ้นเมื่อปี 2557 ภายในแผนที่ประเทศไทย ประกอบไปด้วยมรดกจาก ‘ยุคสร้างชาติไทยใหม่’ หลายอย่างทั้งการปฏิวัติไปสู่ระบอบการปกครองใหม่ เปลี่ยนชื่อประเทศ เปลี่ยนเพลงชาติ ประดิษฐ์สร้างประเพณีและธรรมเนียมใหม่ ๆ ยกเลิกจารีตเก่า ๆ และเป็นยุคบุกเบิกของการนำสื่อสมัยใหม่มารับใช้รัฐในการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างครบวงจร อาทิ เพลง ละคร วรรณกรรมและรายการวิทยุปลุกใจ สื่อสิ่งพิมพ์ช่วยประโคมข่าว งานออกแบบกราฟิก ภาพวาด ประติมากรรม และอนุสาวรีย์ ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้รัฐและผู้นำส่วน แผ่นดินแม่ แสดงภาพแผนที่กลับด้านหรือคว่ำหน้าได้รับแรงบันดาลใจจากความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงปี 2553 จนถึงปีที่สร้างงาน คือ 2557 ประเทศไทยในแบบเดิมถูกท้าทายจากฝ่ายเสื้อแดง” ศิลปินกล่าวถึงที่มาของผลงานแผนที่ประเทศไทยที่พัฒนาไปสู่แผนที่ประเทศไทยลายพราง ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 2566 – 2567“ลายพราง (ประเทศไทยและเพื่อนบ้าน) หมายเลข 2 ผลงานชิ้นนี้แสดงภาพแผนที่ประเทศไทยที่ล้อมรอบไปด้วยประเทศเพื่อนบ้าน เป็นองค์ประกอบที่คนไทยเราคุ้นเคยกันแต่คนต่างชาติหลายคนที่เข้ามาดูแล้วเขาดูไม่ออกว่าเป็นตรงไหนเป็นแผนที่ของประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา หรือ มาเลเซียลายพรางในที่นี้จึงทำงานทั้งในมิติของการพรางที่มองเห็นไม่ชัดเจน รวมไปถึงพรางในมิติของสงครามเย็นที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเวลาที่ประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านต้องต่อสู้ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจ นั่นคือ ขั้วทุนนิยม เสรีประชาธิปไตย กับขั้วสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ โดยที่ไทยเข้าร่วมกับฝ่ายทุนนิยม เสรีประชาธิปไตยนำโดยสหรัฐอเมริกา”สุธี คุณาวิชยานนท์ กับแผนที่ประเทศไทยลายพราง จาก ERDL Patternด้วยเหตุนี้ศิลปินจึงนำ ‘ลายพราง’ ERDL Pattern สำหรับชุดทหารที่สหรัฐอเมริกาออกแบบและนำมาใช้ครั้งแรกในสงครามเวียดนาม โดยต่อมาทางการทหารอเมริกันได้มอบให้แก่ทหารไทย มาใช้เป็นสื่อในงานศิลปะ“ลายพราง ชื่อ ERDL Pattern ยังใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน ที่เพิ่มเติมคือ ลายพรางของทหารได้แพร่หลายออกจากกรมกองมาสู่สตรีทแฟชั่น เสื้อผ้าลายพรางมีขายกันตั้งแต่ตลาดนัดไปจนถึงตลาดไฮเอนด์ ทุกวันที่ออกจากบ้านเราจะเห็นคนใส่ลายพราง ถ้าไม่ใช่เสื้อก็จะเป็นกางเกง ERDL Pattern ถือได้ว่าเป็นหลักฐานอีกอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกัน ที่เผยแพร่ไปทั่วโลก”จากแผนที่ประเทศไทยลายพราง ศิลปินพาเราย้อนกลับมาชมผลงานในห้องจัดแสดงหลักที่ประกอบไปด้วยแผนที่ประเทศไทยลายพรางหลากสี ได้แก่ ส้ม เหลือง แดง และเขียว“เป็นผลงานที่ตั้งคำถามว่า คุณอยากจะได้ประเทศไทยสีอะไร ?” (จากซ้าย) ผลงานประเทศไทยลายพรางสีส้ม ประเทศไทยลายพรางสีเหลือง ประเทศไทยลายพรางสีแดง ประเทศไทยลายอีอาร์ดีแอล (สงครามเย็น) และ ระเบียบโลกใหม่ศิลปินตั้งคำถาม โดยการเขียนแผนที่ลายพรางหลากหลายสี ที่มีทั้งการทับซ้อน พรางตา คลุมเครือ บ้างก็เปิดเผย และบ้างก็แอบแฝงอย่างมิดชิด สะท้อนยุทธวิธีการต่อสู้ทางแนวคิดที่มีทั้งการหลบซ่อนรอซุ่มโจมตี และรอเวลาเพื่อแย่งชิงพื้นที่ให้เป็นของตนจากสถานการณ์ในบ้านเรา ศิลปินพาเราออกไปมองความขัดแย้งในระดับโลกผ่านแผนที่โลกลายพรางที่ไม่เพียงแสดงขอบเขตที่คลุมเครือด้วยแพทเทิร์นลายพรางแล้ว ศิลปินยังเปลี่ยนตำแหน่งของแผนที่แต่ละประเทศในโลกให้กระจัดกระจายออกไปในผลงานที่มีชื่อว่า ระเบียบโลกใหม่,2567ผลงาน ระเบียบโลกใหม่, 2567“แผนที่โลกในรูปของลายพรางทางการทหาร แสดงถึงสภาวะตึงเครียดทางการเมืองและการทหารระหว่าง 2 ขั้วตรงข้ามในทางภูมิรัฐศาสตร์ นั่นคือ ระหว่างขั้วที่นำโดย จีนและรัสเซีย กับ สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในตะวันตกผลงานชื่อ ระเบียบโลกใหม่ แต่ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความไร้ระเบียบ เต็มไปด้วยความอลหม่าน วุ่นวาย รุนแรง เป็นการนำแผนที่ของประเทศต่างๆที่เป็นทั้งพันธมิตรและคู่ขัดแย้งทางเศรษฐกิจการค้า ตลอดจนคู่สงครามระหว่าง 2 ขั้วมาจัดวางตำแหน่งใหม่ สะท้อนสภาวะการตึงเครียดของโลกที่เป็นอยู่ในขณะนี้” สุธีอธิบายถึงที่มาและความคิดในการสร้างผลงาน “ระเบียบโลกใหม่” ก่อนพามาถึงนิทรรศการในห้องสุดท้ายห้องจัดแสดงแม่พิมพ์ลายที่แยกออกมาจากลายพราง ERDL Patternในพื้นที่เล็กๆ นี้จัดแสดงแม่พิมพ์พลาสติกที่แกะลายมาจาก ‘ลายพราง’ ERDL Pattern ที่ชวนให้คิดถึงรูปร่างของแผนที่ พื้นที่ของภูเขา แม่น้ำ ซึ่งเมื่อมารวมกันแล้วกลายเป็นลายพรางในเครื่องแบบทหารที่ช่วยในการอำพราง ซ่อนเร้น ดักรอโอกาสในการโจมตี“ลายพราง เวลาที่อยู่ในป่ามันกลมกลืนไปกับธรรมชาตินะ แต่พอมาอยู่ในเมืองมันกลับเป็นลายที่โดดเด่นกลายเป็นแฟชั่นที่สะดุดตาเลยทีเดียวในนิทรรศการ ‘พราง’ จึงมีทั้งความพรางที่มองเห็นได้ชัดเจน ในความชัดเจนก็แอบแฝงไปด้วยอันตราย ในขณะเดียวกันความพรางที่แสดงความไม่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญานของการอยู่รอด ความพยายามในการรักษาสมดุล ตลอดจนผลประโยชน์ที่ได้รับ‘พราง’ จึงมีทั้งความชัดเจนในความไม่ชัดเจน และความไม่ชัดเจนที่แอบแฝงอยู่ และ เป็นสิ่งที่เราอยากชวนให้ผู้ชมสนุกไปกับการฉุกคิดและตีความไปกับผลงานในนิทรรศการชุดนี้”ภาพ : ละลานตา ไฟน์อาร์ตนิทรรศการ ‘พราง’ โดย สุธี คุณาวิชยานนท์ จัดแสดงระหว่างวันที่ 9 พฤษภาคม ถึง 19 มิถุนายน 2567 • ณ ละลานตา ไฟน์อาร์ต ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 22 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ • อังคาร - เสาร์ เวลา 10.00 น. - 19.00 น.โทร. 0 2050 7882แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1128504
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
28/05/2024
ชวนคุณมาทำความรู้จัก “ซานโต โดมิงโก" หรือ ซันโต โดมิงโก (Santo Domingo) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐโดมินิกัน ซึ่งมีพื้นที่อนุรักษ์ได้รับสถานะมรดกโลก ยูเนสโกภาพ: สำนักข่าวซินหัวเมืองหลวงแห่งนี้ เป็นมหานครที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวาอีกแห่งในภูมิภาคแคริบเบียน ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัฒนธรรมโดมินิกัน ที่ซึ่งทั้งความดั้งเดิมและความทันสมัยมาบรรจบกันอย่างลงตัว ตั้งแต่อาคารสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์เก่าแก่หลายศตวรรษ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หอศิลป์ สถานบันเทิงแสงสียามค่ำคืน และแหล่งอาหารการกินที่คึกคักการสำรวจเมืองยุคโคโลเนียล (Colonial City of Santo Domingo) ซึ่งเป็นชุมชนชาวยุโรปแห่งแรกในทวีปอเมริกา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ.1990 ถือเป็นประสบการณ์ที่แนะนำสำหรับนักเดินทางผู้มาเยือนPhoto: GoDominicanRepublicย่านประวัติศาสตร์ของเมืองนั้นประกอบด้วยเขาวงกตของอาคารบ้านเรือนที่เป็นมิตรกับคนเดินเท้า ถนนแคบๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมจากศตวรรษที่ 16 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 นำไปสู่อาคารยุคอาณานิคมที่กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวภาพ: สำนักข่าวซินหัวแนะนำให้ขึ้นรถไฟ “Chu Chu Colonial” เพื่อทัวร์ชมพื้นที่เป็นเวลา 45 นาที จ้างไกด์ที่จะพาคุณเดินไปตามถนนลาดยางสายแรก หรือเช่าจักรยานสลับไปกับการเดินเตร่ด้วยตัวเอง โดยหากต้องการพักผ่อนตามธรรมชาติ ปิกนิกบนสนามหญ้า แนะนำให้ไปสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในทะเลแคริบเบียน หรือเดินเล่นไปตามถนน Malecón ยามพระอาทิตย์ตกดินเพื่อชมวิวทะเล หาของว่างริมถนนกิน และชมวิถีชีวิตผู้คนPhoto: GoDominicanRepublicนอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมหลากหลายของซานโต โดมิงโก คือ การเลือกซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าสุดพิเศษแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือที่แกลเลอรีช่างฝีมือในโคโลเนียลซิตี้ เช่น เสื้อเชิ้ตผ้าชาคาบานาผ้าลินิน กระเป๋าถือหนัง หรือตุ๊กตาไร้หน้าเซรามิก รับประทานอาหารอย่างมีสไตล์ที่โรงแรมแบรนด์ต่างๆ ทั่วเมือง ซึ่งเชฟชื่อดังจะสร้างสรรค์อาหารโดมินิกันและอาหารนานาชาติที่แปลกใหม่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวผ่อนคลายกับปูโรโดมินิกันที่ร้านอาหารบนระเบียงแบบเปิดโล่งที่มองเห็น Plaza de España หรือสังสรรค์ที่เลานจ์บนชั้นดาดฟ้าบนถนน Gustavo Mejía Ricart Avenue และเมื่อพร้อมที่จะไปชายหาด ก็นั่งรถเพียง 40 นาทีก็จะถึงหาดทรายสีขาวนุ่มของ Boca Chica ซึ่งมีร้านอาหารทะเลและความบันเทิงรออยู่ภาพ: สำนักข่าวซินหัวการเดินทางไปเมืองหลวงโดมินิกัน มีศูนย์กลางที่สนามบินนานาชาติ Las Américas (SDQ) หรือที่รู้จักกันในชื่อสนามบิน José Francisco Peña Gómez ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงซานโตโดมิงโกเพียง 30 นาทีภาพ: สำนักข่าวซินหัวแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000045554
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
28/05/2024
นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต, นางสาวธีรนุช ทำนุพันธุ์ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ตัวแทนและบริหารสำนักงานตัวแทน, นายกฤษณ์ อัตตะสาระ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนประกันชีวิตภูมิภาค 5, นางสลักจิต นิลประเสริฐศักดิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขาย, นางสาวศศิรัตน์ กิตติจูงจิต (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, นายมนต์ชัย บุณยรัตพันธุ์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนประกันชีวิตภูมิภาค 1 และนายศุภวัฒน์ โฆวัชรกุล (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ช่องทางตัวแทนกรุงเทพฯ 28 พฤษภาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย จัดงาน AIA CI Kick Off 2024 เดินหน้าส่งมอบความคุ้มครองโรคร้ายแรงเพื่อเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากโรคที่ไม่อาจคาดคิดให้กับคนไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาพลังและยกระดับความเป็นมืออาชีพให้กับตัวแทนเอไอเอ ประเทศไทย ผ่านการฝึกอบรมเสริมความรู้และความสามารถในด้านการวางแผนประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีความคุ้มครองที่เพียงพอและครอบคลุม นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้มอบคุณวุฒิให้กับตัวแทนประกันชีวิตที่ผ่านมาตรฐานการทำงาน เพื่อเป็นเครื่องยืนยันความเชี่ยวชาญในการวางแผนความคุ้มครองโรคร้ายแรงให้แก่ลูกค้า ตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันโรคร้ายแรงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกอายุ เพราะปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพคนไทย และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนไทยมีการวางแผน และสร้างความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เพียงพอ เอไอเอ ประเทศไทย ได้พัฒนาแบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ เพื่อช่วยสร้างความคุ้มครองในกรณีมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น AIA CI ProCare แบบประกันหลักที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรงตลอดชีพ AIA Multi-Pay CI Plus แบบประกันที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงแบบ เจอ-จ่าย-หลายจบ ครบถึงการดูแล AIA CI Plus สัญญาเพิ่มเติมที่ให้ทั้งความคุ้มครอง 44 โรคร้ายแรงระดับรุนแรง และความคุ้มครองการเสียชีวิต 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ด้วยเบี้ยประกันราคาประหยัด หรือ AIA Health Cancer ที่ให้ค่าชดเชยรายวันหากต้องนอนโรงพยาบาล และรับเงินก้อนใหญ่กรณีเสียชีวิตเนื่องจากโรคร้ายแรง รวมถึงสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ อีกมากมาย “ยิ่งไปกว่านั้น เอไอเอ ประเทศไทย ยังมีการผลักดันและสนับสนุนตัวแทนประกันชีวิตของเราอย่างต่อเนื่อง ในการช่วยออกไปมอบความคุ้มครองในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคร้ายแรงให้แก่ลูกค้า อีกทั้งเรายังมุ่งสนับสนุนให้ลูกค้ามีทุนเอาประกันภัยโรคร้ายแรงอย่างน้อย 3 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถได้รับการรักษาที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีแม้ในช่วงเวลาที่ต้องรักษาตัวจากการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ผ่านการวางแผนอย่างมืออาชีพของตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ ประเทศไทย”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวทั่วไป
27/05/2024
ถ้าคุณท่องโลกโซเชียลในช่วงนี้ คุณอาจเห็นคำ ๆ หนึ่งที่ปรากฏตัวออกมาบ่อย ๆ คำ ๆ นั้นก็คือ “Bias” ที่แปลว่าอคติ หรือก็คือความลำเอียง ที่ใจของเราเทไปในทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป แบบที่ไม่ได้ใช้เหตุผลเข้ามากำกับ แต่ใจมันชอบล้วน ๆ หรือบางทีก็อาจมองสิ่งนั้นในแง่ลบมากจนเกินไป 3 อคติ หลุมพลางแห่งความคิด และจิตใจตามกลไกสมองวันนี้เราจะมาตีแผ่เรื่องที่มีกลิ่นอายความขมของดาร์กไซด์เข้ามาปะปนนิด ๆ เรื่องไหนที่ใจเรามักเผลอคิด “อคติ” ไปแบบไม่รู้ตัว1. Blind Spot Bias คนอื่นล้วนมีแต่อคติต่อฉัน! เป็นหลุมพรางที่มองว่าตัวเราไม่ได้มีอคติต่อคนอื่นนะ แต่คนอื่นต่างหากที่มักจะมีอคติต่อตัวเรา! ซึ่งจะทำให้เป็นการปิดกั้นความคิดเห็นของคนอื่น ไม่นำสิ่งที่เขาคอมเมนต์มาคิดวิเคราะห์ต่อยอด ซึ่งก็อาจจะทำให้คุณพลาดอะไรไปก็ได้ และยังเป็นการมองตัวเองในแง่ดี “มากจนเกินไป” ด้วย2. Fundamental Attribution Error ความผิดเขาเท่าภูเขา ความผิดเราเท่าเส้นผมเป็นอคติที่มีความลำเอียงแบบสุด ๆ เลย คนที่มีอคติประเภทนี้ มักมองว่าปัญหาที่คนอื่นก่อขึ้นมันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก (ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันจะไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คุณคิดก็ตาม) ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวเรา ก็มักจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลมาเสริมเสมอ3. Stereotypical Bias เหมารวมไปเลยเป็นหนึ่งในอคติที่พบมากที่สุด เป็นการเหมารวมเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากประสบการณ์ของตัวเอง เช่น เจอผู้ชายเจ้าชู้ก็เหมารวมว่า ผู้ชายจะต้องเจ้าชู้เหมือนกันหมดทั้งโลก หรือตัวเองเกิดมาในครอบครัวที่ดีมีความรักความอบอุ่น ก็เหมารวมว่าทุกครอบครัวจะต้องเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่ยอมรับความทุกข์ของผู้อื่น เราทุกคนสามารถเป็นคนที่มีจิตใจที่เปิดกว้างมากขึ้นได้ ขอเพียงแค่ไม่ได้มองแค่มุมตัวเราเพียงฝ่ายเดียว แต่ลอง “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ลองคิดดูสิว่าถ้าเป็นเรา เราจะรู้สึกยังไงในสถานการณ์นั้น และพยายามทำใจให้กว้าง มองโลกในหลายแง่มุมทำความเข้าใจว่าชีวิตของแต่ละคนนั้น “ไม่เหมือนกัน” สุดท้าย คุณจะเป็นคนที่เข้าใจโลกได้มากขึ้น ได้พัฒนาความคิดของตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แล้วคุณจะได้เจอสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิตอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbeartaihttps://www.beartai.com/life/1375140
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
27/05/2024
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันหรือธนาคารพาณิชย์ ต่างได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของตนเอง“ประกันควบการลงทุน” คือ แบบประกันที่ควบรวมความคุ้มครองและโอกาสในการบริหารผลตอบแทนในการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเบี้ยประกันจะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการประกันภัย (Premium Charge) ค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์ (Administration Fee) ค่าการประกันภัย (Cost of Insurance) ที่คำนวณจากอัตราค่าการประกันภัยของจำนวนเงินเสี่ยงภัยสุทธิ และอัตราค่าการประกันภัยเพิ่มเนื่องจากสุขภาพ ซึ่งอัตราค่าการประกันภัยจะขึ้นอยู่กับอายุและเพศ โดยจะนำเงินที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายจัดสรรลงทุนในกองทุนรวมที่สามารถเลือกลงทุนได้ด้วยตนเอง“ประกันควบการลงทุน” มีหลายรูปแบบ แตกต่างกันตามวิธีชำระเบี้ย • การจ่ายชำระเบี้ยครั้งเดียวด้วยเงินก้อน (Single Premium) • การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดรายปี (Regular Premium) • การจ่ายชำระเบี้ยรายงวดแบบมีระยะเวลากำหนดเมื่อ “ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน” ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นและถูกนิยมนำมาใช้ในการวางแผนส่งต่อมรดก ซึ่งเงินได้จากการประกันภัยโดยปกติจะเป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 42 (13) แห่งประมวลกฎหมายรัษฎากร “เงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นในขณะหรือภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต” จึงเป็นที่ถกเกียงและเกิดคำถามว่า “ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) จะต้องเสียภาษีมรดกไหม“ภาษีมรดก” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ตามพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 โดยมีหลักการในการจัดเก็บภาษีมรดก บุคคลผู้ได้รับทรัพย์มรดกที่ต้องเสียภาษีจากเจ้ามรดกแต่ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรือหลายคราว รวมกันมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ต้องเสียภาษีการรับมรดกเฉพาะส่วน ที่เกิน 100 ล้านบาท ในอัตรา 10% หรือ 5% หากผู้ได้รับทรัพย์มรดกเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานของเจ้ามรดก“ทรัพย์มรดก” ที่ต้องเสียภาษีมรดก มีทั้งหมด 5 ประเภท ดังต่อไปนี้ • อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน • หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้น หน่วยลงทุนในกองทุนรวม • เงินฝากหรือเงินอื่นใดมีลักษณะอย่างเดียวกัน • ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน เช่นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ • ทรัพย์สินทางการเงินที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา“กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน” (Unit Linked) เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ได้รับความคุ้มครองในส่วนของประกันชีวิตและลงทุนหน่วยลงทุนในกองทุนรวม โดยผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงิน โดยประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ - ค่าเบี้ยประกันชีวิต ที่เป็นส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามข้างต้น- เงินลงทุนในหน่วยลงทุน ทั้งนี้ บริษัทผู้รับประกันภัยจะเป็นตัวกลางระหว่างผู้เอาประกันภัยกับกองทุนรวม“ลักษณะของ ‘กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน’ (Unit Linked) จะมีเงินผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือ เงินซึ่งบริษัทประกันจะจ่ายแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย และ เงินได้ซึ่งเกิดจากหน่วยลงทุนที่ผู้เอาประกันภัยเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริษัทประกันกำหนดไว้ ซึ่งบริษัทประกันมีหน้าที่ต้องขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบแก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยถึงแก่ความตาย”หากตีความในประเด็น “ภาษีมรดก” เงินที่บริษัทประกันจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์ ตามมูลค่าที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ เป็นเงินส่วนที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก เพราะเป็นเงินที่เกิดขึ้นภายหลังผู้เอาประกันเสียชีวิต เงินส่วนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมบริษัทจะทำการขายหน่วยลงทุนแล้วนำเงินที่ขายได้มาส่งมอบให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งเงินส่วนนี้จะต้องเสียภาษีมรดก เพราะหน่วยลงทุนตามกรมธรรม์เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เอาประกันอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเงินที่เกิดขึ้นหลังจากผู้เอาประกันเสียชีวิตหากจะนำ “ประกันชีวิตควบการลงทุน” มาใช้ใน “การวางแผนภาษี” จะต้องพึงระวังไว้ว่าในส่วนของเงินที่เกิดจากการลงทุนในหน่วยลงทุน จะถือเป็น “มรดก” ที่เข้าข่ายจะต้อง “เสียภาษีมรดก” ตามกฎหมาย แทนที่จะวางแผนเพื่อจัดการภาษี อาจจะทำให้เกิดภาษีมรดกที่เพิ่มมากขึ้นด้วย “ประกันควบการลงทุน” จึงเป็นประกันประเภทที่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้วางแผนภาษีมรดกแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ wealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/22411
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
27/05/2024
CJ WORX (ซีเจเวิร์ค) จับมือ “Mackcha” (แม็กชา) ศิลปินไทยชื่อดังเจ้าของคาแรกเตอร์ “Chalotte” (ชาล็อต) ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ครีเอท Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ “Chalotte 2in1” ให้เป็นอาร์ตคาแรกเตอร์ 2 ร่างในตัวเดียว สะท้อนความสดใสและความมั่นใจที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่ พร้อมจัดแสดงโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1สร้างสีสันให้กับวงการ Art Character อีกครั้ง เมื่อ CJ WORX เอเจนซีสัญชาติไทยผู้คร่ำหวอดในวงการโฆษณาและการตลาดระดับนานาชาติ ได้ร่วมมือกับ Mackcha เจ้าของผลงาน “Chalotte” สุดไฮป์ที่กำลังมาแรงในไทยตอนนี้ สร้างสรรค์ผลงานคอลแลบเป็น Art Sculpture เวอร์ชั่นใหม่ของน้อง Chalotte ภายใต้ชื่อ “Chalotte 2in1” ซึ่งอยู่ในแคมเปญโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ Head & Shoulders 2in1 จาก P&G โดยได้นำเอาจุดเด่นของโปรดักท์ ซึ่งเป็นแชมพูขจัดรังแคผสมครีมนวดผมในขวดเดียวกัน สู่แนวคิดของการครีเอทอาร์ตคาแรกเตอร์ใหม่ครั้งนี้ โดยผลงานสุดอาร์ต “Chalotte 2in1” มีสองร่างรวมกันในตัวเดียว เพื่อสื่อถึงความเป็น แชมพู + ครีมนวดผมในขวดเดียวแบบไม่ต้องเลือก รวมถึงสะท้อน “ความสดใส” (สีชมพู) และ “ความมั่นใจ” (สีฟ้า) ที่รวมอยู่ในตัวตนของคนยุคใหม่อีกด้วยจากสตอรี่คาแรกเตอร์ Chalotte เธอคือเด็กหญิงที่มาจากท้องทะเล กับภาพจำอย่างโทนสีน้ำเงินและใบหน้าที่ดูหม่นหมอง เป็นตัวแทนของคนที่สับสนและไม่มั่นใจที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก แต่อยู่มาวันนึง Chalotte ก็อยากเปลี่ยนตัวเองให้มั่นใจกว่าเดิม เพื่อออกมาสู่โลกภายนอก เลยแบ่งตัวเองให้เป็นสองร่างขึ้นมา คือร่างสดใสสีชมพู และร่างมั่นใจสีฟ้า แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ว่าจะเอาร่างไหน ก็เลยรวมเป็น Chalotte 2in1 ที่มี “2ร่างในตัวเดียว” นั่นเอง เป็น Chalotte เวอร์ชั่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความสดใสและมั่นใจกว่าเดิมแบบไม่ต้องเลือกอีกต่อไป ซึ่งทั้งหมดเป็นที่มาของการร่วมมือที่น่าสนใจครั้งนี้“Chalotte 2in1” จะถูกนำไปโชว์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ภายใต้แคมเปญของ Head & Shoulders 2in1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cjworx.com/แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanook.https://www.sanook.com/travel/1447883/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
27/05/2024
เคยสงสัยไหมว่าระหว่าง นักท่องเที่ยว กับ นักเดินทาง ต่างกันอย่างไร หรืออาจไม่แตกต่างกันเลยตามพจนานุกรมไทยราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า นักท่องเที่ยว หมายถึง บุคคลที่เดินทางจากท้องที่อันเป็นถิ่นที่อยู่โดยปรกติของตนไปยังท้องที่อื่นเป็นการชั่วคราวด้วยความสมัครใจ และด้วยวัตถุประสงค์อันมิใช่เพื่อไปประกอบอาชีพหรือหารายได้ ขณะที่นักเดินทาง ก็หมายความว่า นักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันในภาพยนตร์เรื่อง A Tourist's Guide to Love คู่มือรักฉบับนักท่องเที่ยว มีบทสนทนาของชายหนุ่มเวียดนามที่บอกกับสาวชาวอเมริกัน อธิบายคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจเขาบอกให้เธอเก็บคู่มือท่องเที่ยวเข้ากรเป๋า ก่อนบอกว่า "นั่นมันคู่มือนักท่องเที่ยว แต่คุณเป็นนักเดินทาง" หญิงสาวถามกลับ "แล้วมันต่างกันยังงัย" ชายหนุ่มตอบ.."นักท่องเที่ยว อยากหนีจากชีวิตนักเดินทาง อยากสัมผัสชีวิต""แล้วการอยากหนีจากชีวิตเป็นครั้งคราวบ้างมันผิดตรงไหน" หญิงสาวถามกลับอีกครั้ง"เราไม่รู้ว่าชีวิตจะยาวแค่ไหน จะเสียเวลาหนีทำไม ใช้เวลาหาประสบการณ์แทนดีกว่าน่า..." คำตอบจากชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสาวหมดคำถามไปเลยหนึ่งในฉาก A Tourist's Guide to Love จาก Netflixเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น แต่ไดอาล็อกของตัวละครที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นมักสร้างแรงบันดาลใจให้คนธรรมดากลายเป็นนักเดินทางมานักต่อนักแล้วแล้วคุณล่ะ ชาว Sanook Travel คุณเป็น "นักท่องเที่ยว" หรือ "นักเดินทาง"แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447859/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
23/05/2024
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติผู้เขียน : อำนาจ ประชาชาติสถานการณ์หนี้ครัวเรือนยังน่าเป็นห่วง (อย่างมาก) สำหรับประเทศไทย โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 91.3% ของ GDP ยังอยู่ระดับที่สูงเกินกว่าระดับ “ไม่เกิน 80%” อย่างที่หน่วยงานกำกับดูแลอยากเห็นค่อนข้างมากดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลนโยบายการเงินอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เลยบอกว่า ถ้าลดดอกเบี้ย จะยิ่งทำให้คนก่อหนี้เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นมุมมองที่ “สวนทาง” กับขุนคลังคนใหม่ “คุณพิชัย ชุณหวชิร” ที่บอกว่า ถึงจะลดดอกเบี้ยลง คนก็ไม่มีปัญญาจะก่อหนี้เพิ่มแล้ว แต่การลดดอกเบี้ยจะช่วยผ่อนภาระ ทำให้คนมีเงินไปใช้หนี้ (เดิม) ได้มากขึ้นต่างหากความคิดเห็นที่ยังแตกต่างดังกล่าว หวังว่าคงได้เคลียร์ใจกันไปบ้างแล้ว จากการนัดคุยกันเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาจากนี้ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาสำคัญของประเทศให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเพราะเรื่องหนี้ นี่เป็นปัญหาใหญ่ล่าสุด บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร ให้ข้อมูลว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ หนี้บ้านยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนหนี้รถยนต์ลดลง 1.5%แต่ที่ “คุณสุรพล โอภาสเสถียร” กรรมการผู้จัดการเครดิตบูโร บอกว่า น่ากังวลก็คือ หนี้ที่เอาไปใช้ทำธุรกิจกับหนี้ O/D ติดลบ 5.7% และ 5% ตามลำดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ เป็น “หนี้เพื่อการบริโภค” เป็นหลักโดยหนี้รถยนต์แม้การเติบโตจะลดลง แต่พบว่า หนี้เสีย (NPL) กลับเพิ่มขึ้นมากถึง 32% ขณะที่ NPL สินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้น 18% ส่วน NPL สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 12% และ NPL บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 14.6%เมื่อดูไส้ในแล้ว สินเชื่อบ้านมีหนี้ค้างชำระ แต่ยังไม่เป็น NPL (หรือเรียกว่า SM) เพิ่มขึ้น 15% ขณะที่ SM ของสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น 7% ส่วน SM บัตรเครดิตเพิ่มถึง 32.4%ข้อมูลจากเครดิตบูโรยังสะท้อนด้วยว่า “คน Gen Y” เป็นหนี้เสียสินเชื่อบ้าน มากกว่า 50%แปลว่า คน Gen Y หรือคนที่กำลังอยู่ในวัยทำงานของประเทศ กำลังอ่อนล้า บ้านที่เป็น “ปัจจัย 4” กำลังหลุดมือไปต้องบอกว่า น่าเป็นห่วงจริง ๆแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/columns/news-1567050
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
23/05/2024
เลขาฯ คปภ. สั่งจับตาใกล้ชิด “ประกันรถอีวี” เตือนภาคธุรกิจอย่าแข่งตัดราคา ชี้ควรเน้นคุณภาพ มอนิเตอร์ “เงินกองทุน” บริษัทรับประกันอีวีทุกเดือน พร้อมสั่ง 23 บริษัทประกันวินาศภัยส่งแผนบริหารความเสี่ยง ดีเดย์เดือน มิ.ย.นี้ ลั่นหากมีผลกระทบเงินกองทุนระดับไหนควรต้องหยุดรับประกัน พร้อมเตือนโควตเบี้ยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่แท้จริงนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับ จับตาการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) อย่างใกล้ชิด โดยแจ้งให้แต่ละบริษัทประกันวินาศภัยต้องกำหนดราคาเบี้ยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น และเตือนภาคธุรกิจอย่าตัดราคาแข่งกัน เพราะในเวลานี้ต้องเน้นแข่งขันที่คุณภาพเป็นสำคัญชูฉัตร ประมูลผล“ตอนนี้ยังไม่ได้กังวลถึงขนาดจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ แต่ก็พยายามจะกำกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กลายเป็น Pandemic โดยรถอีวีเพิ่งเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ไม่นาน เราเห็นสถิติยังไม่ชัดเจนมากนัก ดังนั้น ต้องนำเสนอคุณภาพและการบริการที่ดีให้กับประชาชนให้มาก พร้อมกำหนดเบี้ยประกันให้ตรงกับความเสี่ยงของประชาชนแต่ละคน และเราพยายามเฝ้าดูการรับประกันผ่านฐานข้อมูลกลางประกันภัย (Iinsurance Bureau System) อย่างต่อเนื่อง นี่คือนโยบายที่มอบหมายไว้”ขณะที่นายอาภากรกล่าวว่า ตอนนี้การรับประกันรถอีวีค่อนข้างน่ากลัว เพราะการแข่งขันของภาคธุรกิจเป็นลักษณะแข่งลดเบี้ย เพื่อแย่งพอร์ตงาน ซึ่งค่อนข้างอันตรายมาก โดยช่วงที่ผ่านมา คปภ.ก็ได้มีการเรียกบางบริษัทประกันวินาศภัยเข้ามาพูดคุยบ้างแล้ว โดยเน้นย้ำอัตราเบี้ยประกันรถอีวีที่สำนักงาน คปภ.เห็นชอบกำหนดไว้เป็นกรอบ “ขั้นสูง-ขั้นต่ำ” ให้แต่ละบริษัทเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวเอง“การรับประกันไม่ใช่ทุกจุดจะไม่ขาดทุน มีโอกาสขาดทุนได้ ถ้าบริษัทไม่รู้จักลูกค้า และโควตเบี้ยไม่เหมาะสม และจะต้องรู้ศักยภาพของตัวเองด้วยว่า ฐานะเงินกองทุนของบริษัทจะรับประกันได้มากแค่ไหน และถึงระดับไหนควรจะหยุดรับประกัน อย่างไรก็ดี การรับประกันรถอีวีจะไม่เหมือนการรับประกันโควิดที่เกิดขึ้นกระจายความเสียหายไปรอบข้างอย่างรวดเร็ว แต่ประกันรถอีวีเป็นเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ฉะนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแบบตูมเดียวและต่อเนื่องไปเร็ว”ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ.มีข้อกังวลเกี่ยวกับภัยน้ำท่วมต่อรถอีวี ที่ไม่ใช่เกิดความเสียหายต่อตัวรถเท่านั้น แต่นำพาความเสียหายไปยังจุดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่, ซอฟต์แวร์ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าหลาย ๆ กรณีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด ยังอยู่ในระดับที่พอรับได้“คปภ.เตือนทุกบริษัทให้ระวังภัยน้ำท่วม โดยพื้นที่ใดที่รับประกันภัยและเกิดน้ำท่วมบ่อย ให้แต่ละบริษัทโควตเบี้ยประกันรถอีวีให้สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงด้วย”นายอาภากรกล่าวว่า สำนักงาน คปภ.จะให้บริษัทที่รับประกันรถอีวี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 23 บริษัท จะต้องส่งแผนบริหารความเสี่ยงการรับประกันรถอีวีกลับมาให้สำนักงาน คปภ.ในต้นเดือน มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กรมธรรม์ประกันรถอีวีจะมีเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2567 เป็นต้นไป โดยรวมข้อมูลตั้งแต่การพิจารณาความเสี่ยง การรับประกัน การออกกรมธรรม์ การกำหนดเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันแต่ละราย การเคลม อะไหล่ อู่ซ่อม ค่าชดเชยต่าง ๆ และที่สำคัญข้อมูลผลการรับประกันรถอีวีที่ปรากฏขึ้นจริงแล้ว ตรงไหนที่จะต้องเข้าไปอุดช่องว่าง หรือต้องใช้วิธีการบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม และสุดท้ายคือหากจะมีผลกระทบเงินกองทุนของบริษัท ระดับไหนที่ควรจะต้องหยุดรับประกัน“กรมธรรม์รถอีวีใหม่จะอนุญาตให้ทุกบริษัทสามารถขายได้เลย เมื่อมีการส่งแผนบริหารความเสี่ยงกลับมาให้กับ คปภ. และสำนักงานจะพิจารณาแผนว่ามีความถูกต้อง เหมาะสม ครบถ้วนหรือไม่ ถ้าขาดจุดใดจุดหนึ่งจะแจ้งเพื่อให้ช่วยคำนึงเพิ่ม และที่สำคัญกว่านั้น คปภ.จะติดตามสถานการณ์การรับประกันและฐานะเงินกองทุนของแต่ละบริษัทเป็นประจำทุกเดือน”นายอาภากรกล่าวว่า ปัจจุบันยอดการประกันรถอีวีทั้งระบบมีอยู่กว่า 100,000 กรมธรรม์ และมีผู้รับประกันทั้งสิ้น 23 บริษัท ประกอบด้วย 1.กรุงเทพประกันภัย 2.กรุงไทยพานิชประกันภัย 3.เคดับบลิวไอประกันภัย 4.จรัญประกันภัย 5.เจมาร์ทประกันภัย 6.ทิพยประกันภัย 7.ทูนประกันภัย 8.เทเวศประกันภัย 9.เออร์โกประกันภัย 10.ธนชาตประกันภัย 11.นวกิจประกันภัย 12.ประกันภัยไทยวิวัฒน์13.ไอแคร์ประกันภัย 14.ฟอลคอนประกันภัย 15.มิตซุยสุมิโตโมอินชัวรันซ์ 16.มิตรแท้ประกันภัย 17.อินทรประกันภัย 18.ไอโออิกรุงเทพประกันภัย 19.วิริยะประกันภัย 20.เมืองไทยประกันภัย 21.อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย 22.แอลเอ็มจีประกันภัย และ 23.ซันเดย์ประกันภัยแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1569337
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
23/05/2024
กรมศิลป์ ชวนชมความงามของประติมากรรม “โกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ” และประติมากรรมจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ฝาแฝด” ของโกลเด้นบอย ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่ทั้งคู่ได้จัดแสดงพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีสุดยอดประติมากรรมไทยอื่น ๆ ร่วมจัดแสดงด้วย งานนี้ผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่ห้องศิลปะลพบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 67 เป็นต้นไปนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับการรับมอบประติมากรรม “โกลเด้นบอย” และ “สตรีพนมมือ” โบราณวัตถุล้ำค่า 2 รายการ จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา กลับคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้งประติมากรรมโกลเด้นบอยสำหรับ “โกลเด้นบอย” (Golden Boy) ทางกรมศิลปากรได้ระบุข้อมูลว่า เป็นประติมากรรมสัมฤทธิ์ รูปพระศิวะ ศิลปะสมัยลพบุรี หรือศิลปะเขมรในประเทศไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณ 1,000 ปีที่ผ่านมา มีลักษณะเป็นสัมฤทธิ์กะไหล่ทอง ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน สูง (รวมเดือย) 128.9 กว้าง 35.6 ลึก 34.3 ซ.ม. (สูงไม่รวมเดือย 105.4 ซ.ม.)ประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษยืนนี้ เรียกอย่างลำลองว่า “Golden Boy” ซึ่งแม้ว่าพี่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันจะตีความไว้ว่าเป็นประติมากรรมพระศิวะ แต่ท่าทางของพระหัตถ์ทั้งสองที่มีความแตกต่างจากประติมากรรมโดยทั่วไปที่มักจะถือสัญลักษณ์ของพระศิวะ และไม่ปรากฏพระเนตรที่สามบนพระนลาฏ ประติมากรรมนี้จึงอาจหมายถึงรูปบุคคลในสถานะเทพ หรืออาจมีความเป็นไปได้ว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์สองอย่างคือเป็นรูปเคารพบูชาในศาสนสถานประจำราชวงศ์ หรือเป็นรูปเคารพของบูรพกษัตริย์ประติมากรรมโกลเด้นบอยย้อนไปในปีพ.ศ. 2532 ประเทศไทยมีการขุดค้นพบประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อพิจารณารูปแบบและเทคนิคการสร้าง พบว่ามีลักษณะตรงกับประติมากรรมของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน คือ มีการตกแต่งผิววัตถุด้วยกะไหล่ทอง และใช้เทคนิคการเจาะผิววัตถุเป็นร่องเพื่อฝังโลหะมีค่าหรืออัญมณี ซึ่งวันนี้ประติมากรรมสัมฤทธิ์รูปบุรุษจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ฝาแฝด” ของประติมากรรมโกลเด้นบอยทั้งนี้จากฐานข้อมูลของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันระบุว่าประติมากรรมโกลเด้นบอยชิ้นนี้ได้จาก Collection of Walter H. and Leonore Annenberg ในปีพ.ศ. 2531 สันนิษฐานว่าถูกลักลอบขุดค้นจากโบราณสถานในเขตอำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ และมีการลักลอบซื้อขายออกไปโดยผิดกฎหมายในปีพ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นการได้มาก่อนการค้นพบประติมากรรมจากสระกำแพงใหญ่ จึงเชื่อว่าไม่ได้มีการสร้างเลียนแบบ แต่เป็นประติมากรรมในกลุ่มฝีมือช่างใกล้เคียงหรือร่วมสมัยเดียวกันประติมากรรมสตรีพนมมือด้านประติมากรรมรูป “สตรีพนมมือ” (The Kneeling Female) ที่เดินทางกลับคืนมาพร้อมกัน ประติมากรรมสัมฤทธิ์ ศิลปะเขมรในประเทศไทย พุทธศตวรรษที่ 16 (ประมาณ 900 ปีมาแล้ว) มีลักษณะเป็นรูปสตรีนั่งชันเข่าพนมมือ ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน มีร่องรอยกะไหล่ทอง สูง 43.2 ซ.ม. กว้าง 19.7 ซ.ม.ประติมากรรมรูปสตรีพนมมือสันนิษฐานว่าเป็นสตรีชั้นสูง นั่งชันเข่าขวาและพับขาซ้าย ยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะในท่าอัญชลีมุทรา หรือนมัสการ (พนมมือ) อันเป็นท่าแสดงความเคารพ ลักษณะใบหน้าเหลี่ยม คิ้วโก่ง ตามองตรง คิ้วเซาะเป็นร่อง และนัยน์ตาเซาะเป็นช่องกลม เมื่อพิจารณาจากทรงผมหวีรวบ ไม่สวมกระบังหน้า ประติมากรรมทำเอวคอด รูปทรงสมส่วน ขอบผ้านุ่งด้านหน้าเว้ามาก ขมวดเป็นปม มีชายขมวดหนึ่งชาย ผ้าด้านล่างคลี่ออก เป็นรูปหางปลา เป็นรูปแบบของประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่นิยมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยราว 1,000 ปีมาแล้วประติมากรรมสตรีพนมมือทั้งนี้รูปแบบเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายของประติมากรรมสตรี รวมถึงเทคนิควิธีการหล่อโลหะมีความสอดคล้องกับประติมากรรมโกลเด้นบอย และประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่พบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ซึ่งเป็นสัมฤทธิ์ตกแต่งด้วยกะไหล่ทอง มีการเจาะผิววัตถุเป็นร่องเพื่อฝังโลหะมีค่าหรืออัญมณีเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่า บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นแหล่งผลิตงานศิลปกรรมสัมฤทธิ์ที่มีคุณภาพในช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับโบราณวัตถุล้ำค่าทั้งสองของไทย คือ โกลเด้นบอย และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ เคยถูกขบวนการโจรกรรมโบราณวัตถุข้ามชาติลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายส่งไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา ก่อนที่คนไทยส่วนหนึ่งได้ทำเรื่องขอคืนโบราณวัตถุล้ำค่าทั้ง 2 ชิ้นประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ จัดแสดงที่ ห้องศิลปะลพบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (ภาพ : กรมศิลปากร)ต่อมา เมื่อเดือนธันวาคม 2566 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้รับการประสานจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา ว่ามีความประสงค์ส่งมอบโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการดังกล่าว คืนให้กับประเทศไทย เพื่อแสดงถึงการที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ให้ความสำคัญกับที่มาอันถูกต้องของโบราณวัตถุในครอบครอง ซึ่งผลการประสานงานเป็นไปด้วยดี กระทั่งพิพิธภัณฑ์ได้ส่งโบราณวัตถุกลับคืนถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567หลังจากนั้นกรมศิลปากร ได้ทำพิธีรับมอบโบราณวัตถุทั้ง 2 ชิ้น ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ก่อนนำมาจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปชม ณ ห้องลพบุรี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไปบรรยากาศวันแรก (22 พ.ค. 67) ของการเปิดให้เข้าชมประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในโอกาสนี้ กรมศิลปากร จึงได้เคลื่อนย้ายประติมากรรมสำริดขนาดใหญ่ที่ขุดพบจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีรูปแบบใกล้เคียงกับประติมากรรมโกลเด้นบอย จนได้ชื่อว่าเป็น “ฝาแฝด”กัน จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย มาร่วมจัดแสดงเคียงคู่กันเป็นครั้งแรกในเมืองไทย และครั้งแรกในโลกประติมากรรมฝาแฝดโกลเด้นบอยสำหรับ “ฝาแฝดโกลเด้นบอย” เป็นประติมากรรมสัมฤทธิ์ ศิลปะลพบุรี (ศิลปะเขมรในประเทศไทย) มีอายุในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 หรืออายุประมาณ 900-1,000 ปี ลักษณะประติมากรรมสัมฤทธิ์ ฝังเงิน กะไหล่ทอง ขุดพบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2532 เคยมีผู้สันนิษฐานว่ารูประติมากรรมนี้ อาจหมายถึง นันทิเกศวร เทพบริวารของพระอิศวรผู้ทำหน้าที่เป็นทวารบาลประจำศาสนสถาน แต่เนื่องจากรูปแบบและลักษณะที่โดดเด่นจึงน่าจะเป็นประติมากรรมที่มีความสำคัญประติมากรรมชิ้นเยี่ยมอื่น ๆ ที่ร่วมจัดแสดงนอกจากโกลเด้นบอย-ฝาแฝด และสตรีพนมมือแล้ว ภายในห้องลพบุรียังมีประติมากรรมชิ้นเยี่ยมศิลปะลพบุรีอื่น ๆ จัดแสดงให้ชมกันอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พระพรหม เทวรูป ประติมากรรมบุคคล ทับหลัง เป็นต้น งานนี้ผู้สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครบรรยากาศวันแรก (22 พ.ค. 67) ของการเปิดให้เข้าชมประติมากรรมโกลเด้นบอย-สตรีพนมมือ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000044495
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
21/02/2025
30/04/2024
29/04/2024
08/11/2024
29/04/2024