หุ้น
โดย คุณทัณฑิกา นิมิตพงษ์
บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
หากพูดถึงหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ หรือที่คุ้นเคยกันดีกับชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า Perpetual Subordinated Bond เป็น
ตราสารที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุน
เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงกว่าตราสารหนี้ประเภทอื่น
อะไรทำให้หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นที่นิยม และการลงทุนในตราสารประเภทนี้
ต้องพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง มาหาคำตอบกันค่ะ
หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ หรือ ชื่อทางการ คือ
“หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน”
หุ้นกู้ประเภทนี้มาพร้อมลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากหุ้นกู้ประเภทอื่น ๆ
หลายประการดังนี้
1. จัดเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ จึงได้รับการชำระหนี้ในลำดับ “หลัง”
จากเจ้าหนี้รายอื่น ๆ แต่มีสิทธิได้รับเงิน “ก่อน” ผู้ถือหุ้นสามัญ
ซึ่งผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนทั้งหมด บางส่วน หรือไม่ได้รับคืนก็ได้
2. เนื่องจากหุ้นกู้มีลักษณะคล้ายทุน
กล่าวคือไม่มีวันครบกำหนดอายุเหมือนหุ้นกู้แบบปกติ
จึงมีลักษณะใกล้เคียงกับหุ้นทุน ดังนั้น
จะได้รับชำระหนี้เมื่อบริษัทเลิกกิจการตามลำดับสิทธิที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อ
1 หรือเมื่อบริษัทผู้ออกมีการไถ่ถอนหุ้นกู้
ทำให้ผู้ลงทุนจะไม่ทราบกำหนดเวลาที่แน่นอนในการได้รับเงินต้นคืนจากการลงทุนในขณะที่ถือหุ้นกู้ดังกล่าว
3. ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิในการเลื่อนชำระดอกเบี้ยพร้อมสะสมดอกเบี้ยจ่าย
โดยจะไปชำระเมื่อใดก็ได้
ไม่จำกัดระยะเวลาและจำนวนครั้งในการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย ดังนั้น
แม้ผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ประเภทอื่น ๆ
แต่แลกมากับความไม่แน่นอนในการได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยจ่ายเหมือนกับหุ้นกู้แบบปกติ
4. กรณีผู้ออกหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ตัวอื่น ๆ
จะไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ประเภทนี้ด้วย กล่าวคือ
ไม่มีเงื่อนไขการผิดนัดไขว้ หรือ Cross-Default
ซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้นกู้ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
นอกเหนือจากลักษณะพิเศษข้างต้นแล้ว ข้อสังเกตเพิ่มเติมที่นักลงทุนต้องพึงตระหนักเมื่อจะลงทุนในหุ้นกู้ชั่ว นิรันดร์ มีดังนี้
1. เนื่องจากสิทธิของตราสารด้อยกว่าตราสารประเภทอื่น จึงทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารมักจะต่ำกว่าอันดับ
ความน่าเชื่อถือของผู้ออก หรือตราสารแบบไม่ด้อยสิทธิของผู้ออกตราสารนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น บริษัท ก. ได้รับการจัดอันดับ
ความเชื่อถือที่ระดับ A- หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัท ก.
ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A-
หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ของบริษัท ก. อันดับความน่าเชื่อถือมักจะต่ำกว่า A-
เสมอ
2. หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่ออกและเสนอขายส่วนใหญ่
มักมีเงื่อนไขให้ผู้ออกสามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด (Call Option)
ซึ่งมักจะอยู่ที่ระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ออกตราสาร1
สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดของผู้ออกตราสารทำให้นักลงทุนที่วางแผนลงทุนในระยะเวลาที่ยาวนานกว่า
5 ปี
อาจได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ตั้งแต่ตอนต้นเมื่อลงทุนในหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์แล้วมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด
นอกจากนี้ ราคาไถ่ถอนมักจะเท่ากับ ”มูลค่าที่ตราไว้” ของหุ้นกู้
ซึ่งอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่า
1 TRIS Rating
พิจารณาให้หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ที่กำหนดสิทธิไถ่ถอนครั้งแรกห่างจากวันที่ออกตราสารอย่างน้อย
5 ปี มีความเป็นทุนระดับปานกลาง (Intermediate Equity Content)
ซึ่งจะส่งผลให้การคำนวณอัตราส่วนทางการเงินเพื่อจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร
จะนับเป็นส่วนทุน 50% และนับเป็นหนี้ 50% ในช่วง 5 ปีแรก
ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่สูงมากจนเกินไปเมื่อเทียบกับการออกหุ้นกู้ตามปกติ
(ที่มา: https://www.trisrating.com/files/7316/2484/8515/Hybrid_28_Jun21-t.pdf)
ราคาตลาดของหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ในขณะนั้น และเมื่อได้รับเงินคืน
ผู้ซื้อต้องพิจารณาทางเลือกในการลงทุนใหม่ (Reinvestment) ซึ่งในขณะนั้น
อาจจะหากการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเทียบเท่ากับที่เคยคาดหวังไว้ไม่ง่ายนัก
3.
ปริมาณการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ในตลาดตราสารหนี้ไทยยังมีน้อยมาก
เมื่อเทียบกับหุ้นกู้ระยะยาวที่จดทะเบียนในตลาดตราสารหนี้ (ThaBMA)
ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พบว่ามีหุ้นกู้ระยะยาวที่จดทะเบียนใน
ThaiBMA ประมาณ 4.39 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ประมาณ
0.12 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า 3%
ของมูลค่าหุ้นกู้ระยะยาวทั้งหมด จึงทำให้การซื้อขายในตลาดรองทำได้ยาก
เนื่องจากปริมาณออกเสนอขายมีต่ำ
และนักลงทุนส่วนใหญ่นิยมถือครองถือในระยะยาวมากกว่านำมาขายในตลาดรอง
นักลงทุนจะเห็นได้ว่า หุ้นกู้ประเภทนี้ มีเงื่อนไขพิเศษ
ดอกเบี้ยที่สูงอาจทำให้นักลงทุนให้ความสนใจลงทุน แต่ผลตอบแทนที่สูงนั้น
ก็แลกมากับความเสี่ยงที่สูงกว่าหุ้นกู้ประเภทอื่นเช่นกัน ดังนั้น
นักลงทุนที่เลือกลงทุนในหุ้นกู้ประเภทนี้
จึงต้องสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง
และไม่มีแผนการใช้เงินจำนวนดังกล่าวในระยะสั้น
เนื่องจากหุ้นกู้ประเภทนี้มักมีข้อกำหนดในการห้ามไถ่ถอนก่อน 5
ปีแรกหลังจากการออกหุ้นกู้ชนิดนี้
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะเริ่มลงทุนในหุ้นกู้ประเภทนี้
ขอให้ศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลของตราสาร และเงื่อนไขของตราสารนั้นๆ
ก่อนการลงทุนอย่างละเอียดทุกครั้ง
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/mutualfund/detail/9670000000497?tbref=hp
29/04/2024
29/04/2024
21/06/2024
30/04/2024
30/04/2024