ข่าวการเงิน

2565 ปีชง มหาเศรษฐีตัวตึงแห่งวงการคริปโต จนลงอย่างไรบ้าง?



ในปี 2565 เป็นต้นมา ถ้าจะบอกว่าเป็นปีชงของวงการคริปโตเลยก็อาจเรียกเช่นนั้นได้ เพราะไม่ได้แค่การเข้าสู่ภาวะตลาดหมีที่เม็ดเงินลงทุนไม่ได้ไหลเข้ามาอย่างคึกคักเหมือนกับปีก่อนหน้า

มิหนำซ้ำยังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ทำเอานักลงทุนทั่วโลกสูญเงินจากความล้มเหลวของโปรเจกต์คริปโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การล่มสลายของ Terra และ Luna กองทุน Three Arrows Capital ที่ได้ประกาศล้มละลายในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่อมาเป็น Voyager Digital, Celsius ตลอดจนโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่อย่าง การล่มสลายของอาณาจักร FTX เหล่านี้จึงส่งผลให้มหาเศรษฐีในอุตสาหกรรมคริปโตสูญเสียความมั่งคั่งกันไม่น้อยเลยทีเดียว





โดย Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่รู้จักในฐานะมหาเศรษฐีคริปโตที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จนในเวลาไม่กี่เดือนต่อมาความมั่งคั่งของเขากลายเป็น 0 ในเวลาที่ยังไม่ทันข้ามปี

Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Binance มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ในเดือนมีนาคม อยู่ที่ 65,000 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 4,500 ล้านเหรียญ ในเดือนธันวาคม

โดย CZ ได้เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากการล้มละลายของการแลกเปลี่ยนคู่แข่ง FTX ในเดือนพฤศจิกายน 2021 โดยมีการกล่าวหาว่าการกระทำของ CZ รวมถึงข้อความที่ประกาศใน Twitter ที่จะขาย FTT โทเคนของ FTX มีส่วนทำให้ FTX ล่มสลาย รวมถึง CZ กำลังถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงินอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีประเด็นของการทำ Proof of Reserve ที่ได้มอบหมาย สำนักสอบบัญชี Mazars ดำเนินการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เพียงพอและไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ Mazars ได้หยุดทำงานกับบริษัท cryptocurrency ใดๆ ทันที

Brian Armstrong CEO ของ Coinbase กระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และได้เข้าจดทะเบียนในตลาด Nasdaq มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ
ในเดือนมีนาคม อยู่ที่ 6,000 ล้านเหรียญ เหลือเพียง 1,500 ล้านเหรียญ ในเดือนธันวาคม

แม้ว่าเขาพยายามที่จะเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Coinbase ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจที่เชื่อถือได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายของเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมอย่าง Binance และ FTX แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในหุ้นของ Coinbase นั้นกลับตรงกันข้าม โดยหุ้นของ Coinbase ลดลงอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามากกว่า 95% นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกในเดือนเมษายน 2564

ขณะที่ Barry Silbert แห่ง Digital Currency Group (DCG) มูลค่าสินทรัพย์สุทธิในเดือนมีนาคม อยู่ที่ 3,200 ล้านเหรียญ ในเดือนธันวาคมนี้ได้กลายเป็นศูนย์เช่นกัน จากการที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเงิน เนื่องจากหนี้สินของ Genesis Global Capital หนึ่งในสินทรัพย์หลัก เป็นหนี้อยู่ราว 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ DCG ยังมีภาระหนี้สิน ที่อาจจะต้องรับมาจาก Genesis อีก 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกิดจากการปล่อยกู้ให้กับกองทุน Three Arrows Capital ที่ล้มละลาย

ดังนั้นเพื่ออยู่รอดต่อไปได้ Silbert อาจต้องระดมทุนจากภายนอกหรือรื้ออาณาจักรคริปโต DCG ซึ่งรวมถึงการลงทุนประมาณ 200 แห่งในระบบนิเวศคริปโต รวมถึงสำนักข่าวอย่าง CoinDesk, เหมืองขุด bitcoin อย่าง Foundry และ Grayscale Investments โดย Forbes ได้ประมาณการว่ามูลค่าหนี้สินคงค้างของ DCG นั้นสูงกว่ามูลค่าตลาดยุติธรรมของสินทรัพย์ในสภาพแวดล้อมของตลาดปัจจุบัน ดังนั้นจึงได้ประมาณมูลค่าปัจจุบันของสัดส่วนการถือหุ้น 40% ของ Silbert ใน DCG จะอยู่ที่ประมาณศูนย์

ขณะที่ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งของอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงกว่า 75% จากจุดสูงสุดที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน ปี 2564 มาเคลื่อนอยู่ราว 17,000 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม ปี 2565

ซึ่งกองทุนยักษ์ที่เป็นวาฬแห่งวงการ อย่าง MicroStrategy และ Draper Associates ที่ลงทุนใน Bitcoin อย่างมหาศาลได้รับผลกระทบเต็มๆ โดยได้มีการประมาณการมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ Michael Saylor ในเดือนมีนาคม อยู่ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธันวาคม ส่วน Tim Draper จาก 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมีนาคม เหลือ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม.


แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/business/feature/2590925
X