ข่าวการเงิน
มนุษย์เงินเดือนอยากลงทุนลดหย่อนภาษี เริ่มได้ทันที! ไม่ต้องรอถึงสิ้นปี
เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2566
เราทุกคนก็ต่างคาดหวังว่าการเมืองจะเข้าที่เข้าทางภายใต้รัฐบาลใหม่
เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากครึ่งปีแรก
และตลาดการลงทุนจะกลับมาคึกคักสดใสขึ้น
แต่ไม่ว่าสิ่งที่เราคาดหวังจะเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ‘การวางแผนลงทุน’
ยังควรเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีติดอยู่ในหลักคิดของเราเสมอ
โดย ‘มนุษย์เงินเดือน’ อย่างเรา ๆ
ที่ต้องการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund :
RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Saving Fund : SSF)
เพื่อรับสิทธิในการลดหย่อนภาษี สามารถทยอยลงทุนได้ตั้งแต่ตอนนี้
และไม่ต้องรอถึงช่วงปลายปี เพราะนั่นอาจเป็นภาระหนักเกินไป
หากต้องลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ในรอบเดียว
แถมต้องไปลุ้นราคาหน่วยลงทุนในตอนนั้นอีกว่าจะแพงไปหรือไม่
แล้วเงื่อนไขในการลงทุนในกองทุน RMF และ SSF มีอะไรบ้าง?
บทความนี้เราจะบรีฟให้คุณฟัง
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
กองทุน RMF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน
500,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี
และขายคืนได้เมื่อเราอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ (ตามวันเกิด) นอกจากนี้
ยังมีเงื่อนไขอีกเล็กน้อย คือ เราต้องซื้อกองทุน RMF ต่อเนื่องทุกปี
เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี และการนับต่อเนื่องจะนับเฉพาะปีที่ซื้อเท่านั้น
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
กองทุน SSF สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน
200,000 บาท โดยจะขายคืนได้ เมื่อถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ปี
ซึ่งการลงทุนในกองทุน SSF ไม่มีเงื่อนไขการซื้อต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะเลือกลงทุนในกองทุน RMF หรือกองทุน SSF
หรือแม้แต่ลงทุนในกองทุนทั้งสองแบบ ข้อสำคัญที่ควรรู้ คือ
เมื่อนับรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ,
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน
รวมถึงประกันแบบบำนาญ จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี
มนุษย์เงินเดือนคนไหนที่กำลังวางแผนซื้อกองทุน RMF หรือ SSF อาจใช้วิธี DCA
(Dollar Cost Average)
ซึ่งเป็นการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยเงินลงทุนจำนวนเท่า ๆ กัน
ทำให้เราได้ต้นทุนถัวเฉลี่ยอย่างสม่ำเสมอ
โดยเราสามารถสร้างวินัยการลงทุนได้ง่าย ๆ
ด้วยการตั้งค่าหักอัตโนมัติผ่านบัญชีธนาคารเข้ากองทุนในทุกเดือน
หรือทุกไตรมาส
สำหรับประโยชน์ของการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีด้วยวิธี DCA นั้น
นอกเหนือจากจะสร้างวินัยการลงทุนให้เราแล้ว
ยังช่วยให้เราสามารถทำตามเงื่อนไขการลงทุนได้โดยไม่หลงลืม
และได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น
เนื่องจากเงินที่ออมและลงทุนก่อนจะเริ่มทำงานออกดอกออกผล
ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับก็จะขึ้นอยู่กับการรับความเสี่ยงและภาวะตลาดด้วย
วิธีการลงทุนแบบ DCA ยังมีประโยชนอื่น ๆ อีก
เนื่องจากเป็นการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
โดยไม่สนใจว่าในเวลานั้นราคาของสินทรัพย์จะเป็นเท่าไร
ทำให้ได้ต้นทุนถัวเฉลี่ยที่ไม่ถูกไม่แพง และไม่ต้องจับจังหวะการลงทุน
ซึ่งช่วยลดปัญหาการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาด
จึงเหมาะกับการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีที่การลงทุนระยะยาว
เพราะไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้แน่นอนนั่นเอง
นอกจากนี้ การลงทุนแบบ DCA ยังถือเป็นเพื่อนซี้ของมนุษย์เงินเดือนหน้าใหม่
เนื่องจากสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินจำนวนไม่มาก เรียกว่า
“มีน้อยออมน้อย มีมากออมมาก” ขอแค่รักษาวินัยการลงทุน
เงินออมก็เติบโตขึ้นได้ และไม่พลาดสิทธิลดหย่อนภาษีด้วย
ที่มา : SET Invest Now
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับbeartai
X