ข่าวการเงิน
Gen Z เกินครึ่ง คิดว่า ‘เช่า’ ดีกว่า ‘ซื้อ’ บ้าน เพราะมีอิสระ ภาระน้อยกว่า
การมีบ้านสักหนึ่งหลังคงเป็นความฝันของใครหลายคน
แต่ในยุคข้าวยากหมากแพง ราคาบ้านก็ยิ่งแพงแสนแพง
แถมยังมีเรื่องของดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นมาจนสูงปรี๊ด
ทำให้ไม่ว่าจะซื้อบ้านด้วยเงินสดหรือซื้อผ่อนก็เป็นเรื่องที่ทำให้ต้องคิดหนัก
โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่ม Gen Z อายุ 12-27 ปี
กลุ่มนี้เรียกว่าอยู่ในวัยที่กำลังเติบโตและสร้างตัว
เพราะมีช่วงอายุตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงช่วงที่เริ่มต้นทำงานแล้ว
[ Gen Z เกินครึ่ง พอใจที่จะเช่าบ้านอยู่ ]
ซึ่ง Gen Z ประมาณ 51% คิดว่าการเช่าบ้านเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
โดยผลสำรวจจาก RealPage พบว่าเกือบ 2 ใน 3 ของผู้เช่า Gen Z
มีความพอใจกับการเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัยในปัจจุบันมากกว่าการซื้อ
เนื่องจากมองว่าทำให้มีอิสระในการย้ายบ้านและมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น
และเกือบ 3 ใน 4
บอกว่าการเช่าบ้านช่วยให้สามารถอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับชุมชนหรือหมู่บ้านราคาแพงที่อาจจะยังไม่สามารถจ่ายไหว
เมื่อเปรียบเทียบตามรุ่นจะเห็นถึงความแตกต่างทางความคิดได้อย่างชัดเจน
โดยจะเห็นว่าคนรุ่นเก่ามีแนวโน้มที่จะเป็นเจ้าของบ้านมากกว่า โดยกลุ่ม Baby
Boomers 3 ใน 4 คนกำลังเป็นเจ้าของบ้าน เทียบกับ Gen Z ที่มีสัดส่วนเพียง 2
ใน 5 คนเท่านั้น
นอกจากนี้ กลุ่ม Gen Z และ Gen Y
ยังมีแนวโน้มที่จะย้ายงานใหม่มากกว่ากลุ่มอื่นๆ
ทำให้การเช่าบ้านเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าการซื้อบ้านที่ต้องลงหลักปักฐานแบบถาวร
[ ดอกเบี้ยสูง ทำให้ราคาบ้านแพงขึ้น ]
การซื้อบ้านในปัจจุบันยังได้รับผลกระทบจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนสูงและยังไร้วี่แววในการปรับลดดอกเบี้ยลงในเร็วๆ
นี้ รวมถึงภาวะขาดแคลนบ้านยังคงหนุนให้ราคายิ่งแพงสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากมีความคิดที่จะกลับเข้าสู่ตลาดการเช่าบ้านอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าราคาของการเช่าบ้านก็อาจจะสูงไม่แพ้กันเลย
แต่ก็มีความยืดหยุ่นมากกว่า
ข้อมูลจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Zillow พบว่า ค่าเช่าบ้านปรับเพิ่มขึ้น
0.5% ในเดือนกรกฎาคม 2566
ซึ่งส่งผลทำให้การชำระค่าเช่าบ้านรายเดือนโดยทั่วไปอยู่ที่ 2,062 ดอลลาร์
หรือประมาณ 73,945 บาทในสหรัฐฯ
[ ซื้อหรือเช่า แบบไหนดีกว่ากันนะ? ]
ระหว่างการซื้อบ้านกับการเช่าบ้าน รูปแบบไหนดีกว่ากัน
ยังเป็นข้อถกเถียงในปัจจุบัน
แต่ไม่ว่าจะซื้อหรือจะเช่าก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับการเช่าบ้าน ข้อดีคือมีอิสระ
ไม่ต้องกังวลค่าบำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์หรือข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน
และที่สำคัญหากต้องการย้ายบ้านก็สามารถปล่อยเช่าได้ง่ายกว่าการปล่อยขายบ้านค่อนข้างมาก
แต่ข้อเสียคือ อาจจะมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจำนวนมากที่ต้องจ่ายเมื่อย้ายบ้าน
เช่น เงินมัดจำและค่าเช่าเดือนแรก
และความเสี่ยงในการถูกฉีกสัญญาเช่าหากผู้ปล่อยเช่าตัดสินใจจะขายบ้าน
รวมถึงการโดนทวงค่าเช่าทุกเดือนก็เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ
ส่วนการซื้อบ้าน
ข้อดีคือสามารถอาศัยอยู่ได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาไล่
สามารถซ่อมแซม
เปลี่ยนแปลงบ้านได้ตามใจและที่สำคัญบ้านคืออสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่ง
ในอนาคตสามารถขายได้ในราคาที่พึ่งพอใจ
ข้อเสียก็มีเช่นกัน
เช่นการจะซื้อบ้านสักหนึ่งหลังเป็นเรื่องที่คิดแล้วก็เหนื่อยไม่น้อยเลย
เพราะการออมเงินเป็นงานหนักและใช้เวลานาน
โดยเฉพาะเมื่อราคาบ้านสูงขึ้นก็ทำให้มีราคาบ้านแพงขึ้นด้วย
ยังไม่รวมภาระในการจ่ายค่าจำนอง ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย
และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซ่มบ้าน และในกรณีนี้ที่กู้ผ่อนบ้าน
อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ก็ส่งผลให้ค่าผ่อนบ้านเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อดีและข้อเสียเท่านั้น
หากกำลังมีความคิดที่จะซื้อหรือเช่าบ้าน การวางแผนระยะยาวเป็นสิ่งที่จำเป็น
และไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ควรที่จะมีเงินเก็บสำรองที่เพียงพอสำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมาในอนาคตด้วย
ที่มา : www.thehill.com , www.kantar.com
แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับเวิร์คพอยท์ทูเดย์ https://workpointtoday.com/gen-z-home/
X