คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ประกันชีวิต

เอไอเอ คว้ารางวัล Best Life Insurance Company – Thailand 2024 จากเวที International Finance Awards การันตีความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยอย่างแท้จริง

07/05/2025

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล Best Life Insurance Company – Thailand 2024 จากงาน International Finance Awards ประจำปี 2567 จัดโดย International Finance นิตยสารธุรกิจและการเงินชั้นนำของประเทศอังกฤษ โดยมี นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนรับมอบรางวัลอันทรงเกียรติ ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ เมื่อวันเร็ว ๆ นี้สำหรับรางวัล International Finance Award นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความผู้นำด้านธุรกิจประกันชีวิตของเอไอเอ ประเทศไทย ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 87 ปี เพื่อส่งมอบความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย มอบเงินจำนวน 500,000 บาท สนับสนุนโครงการ “ศิริราช เดิน-วิ่ง ครั้งที่ 17”

07/05/2025

กรุงเทพฯ 26 กุมภาพันธ์ 2568 - เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นพ.สมสกุล ศรีพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการแพทย์ฝ่ายบริหารจัดการด้านสุขภาพ และ นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 500,000 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการ “ศิริราช เดิน-วิ่ง ครั้งที่ 17” ซึ่งทางศิริราชจะได้นำเงินสนับสนุนดังกล่าวไปสมทบกองทุน "ห้องผ่าตัดศิริราช" โดยมี ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ ผศ.นพ.พรพจน์ เปรมโยธิน ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายสร้างเสริมสุขภาพ เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องรับรองงานองค์กรสัมพันธ์และกิจการพิเศษ (2) ตึกอำนวยการ ชั้น 1ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมสนับสนุนโครงการ “ศิริราช เดิน-วิ่ง” มาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งส่งเสริมให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชีย ตระหนักถึงการเริ่มต้นดูแลสุขภาพด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น การเดิน-วิ่ง เพื่อการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives’

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันสังคม

เงินบำนาญประกันสังคม 68 ยังมีไหม ได้เท่าไหร่ หลังมีกระแสข่าวเสี่ยงล้มละลาย

07/05/2025

เงินบำนาญประกันสังคม 68 ยังได้อยู่ไหม? รับเดือนละเท่าไหร่? หลังมีกระแสข่าวว่า สถานะทางการเงินเสี่ยงล้มละลายในอีก 25 ปีข้างหน้ากองทุนประกันสังคมถูกจับตามองหลังจากมีกระแสข่าวว่าสถานะทางการเงินเสี่ยงล้มละลายในอีก 25 ปี และคาดว่าในอนาคต เงินชราภาพและเงินบำนาญอาจไม่เพียงพอจ่ายให้กับผู้ประกันตน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ใช้เงินจากกองทุนจัดทริปหรูดูงานต่างประเทศ ซึ่งสร้างความวุ่นวายและทำให้ผู้ประกันตนเริ่มวิตกเกี่ยวกับอนาคต จนกลายเป็นความกังวลว่าอาจกลายเป็นผู้รับ "ชะตากรรม" แทนที่จะได้รับผลประโยชน์ตามที่เคยหวังล่าสุดนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานบอร์ดประกันสังคม ได้ออกมาชี้แจง ยืนยันว่า กรณีดังกล่าวไม่กระทบผู้ประกันตนแน่นอน เพราะเงินอยู่คนละส่วนกันสำหรับผู้ประกันตนที่อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และได้ลาออกจากงาน สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนหรือเสียชีวิต ก็จะยังคงได้รับ เงินชราภาพ เงินบำนาญ2568 เช่นเดิม โดยเงินชราภาพจะแบ่งออกเป็น 2 แบบดังนี้1. เงินบำเหน็จชราภาพ จะได้รับเงินก้อนครั้งเดียว มี 2 เงื่อนไข  •  จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน ได้รับเงินจำนวนเท่าที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบไป  •  จ่ายเงินสมทบมากกว่า 12 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน รับจำนวนเงินเท่าที่ผู้ประกันตนจ่าย+เงินสมทบนายจ้าง+ผลประโยชน์ตอบแทน2. เงินบำนาญชราภาพ จะได้รับเงินรายเดือนตลอดชีวิต มี 2 เงื่อนไข  •  จ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน ได้รับเงินเท่ากับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย  •  จ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน ได้รับเงินเพิ่มอีกปีละ 1.5%เงินชราภาพ เงินบำนาญ 2568 ผู้ประกันตนหากเกษียณจะได้รับเท่าไร? ประกันสังคมเปิดสูตรคำนวณ "เงินบำนาญชราภาพ" พร้อมตัวอย่างในการคำนวณสูตรกรณีนำส่งครบ 180 เดือนจะได้รับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ฐานเงินเดือนเฉลี่ยสูงสุด 15,000 บาท)ตัวอย่าง: ผู้ประกันตนอายุ 55 ปี จ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือนมีรายได้เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย 15,000 บาทผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญ เดือนละ 3,000 บาทสูตรกรณีนำส่งเกิน 180 เดือนจะได้รับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ฐานเงินเดือนเฉลี่ยสูงสุด 15,000 บาท)และได้เพิ่ม อีก 1.5% ของทุกปี = 20% + (1.5 x จำนวนปี)ตัวอย่าง: ผู้ประกันตนอายุ 60 ปี จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 35 ปี (420 เดือน)มีรายได้เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย 15,000 บาทผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญ เดือนละ 7,500 บาทสำหรับระยะเวลาการโอนเงินเข้าบัญชี เมื่อสำนักงานประกันสังคมอนุมัติสิทธิ จะโอนเงินเข้าบัญชีภายในวันที่ 25 ของเดือนที่ได้รับสิทธิกรณีผู้ประกันตนที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตภายใน 5 ปี นับแต่เดือนที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพ ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพตามจำนวนเดือนที่เหลือ หลังจากผู้รับบำนาญชราภาพถึงแก่ความตายจนครบ 60 เดือนวิธีตรวจสอบส่งเงินบำนาญชราภาพมาแล้วกี่เดือน / เหลืออีกกี่เดือนจะเกิดสิทธิเงินบำนาญชราภาพ1. ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ประกันสังคมเช็คผ่านเว็บไซต์ของประกันสังคมได้ดังนี้-เข้าเว็บไซต์ https://www.sso.go.th/-เลือก ‘ผู้ประกันตน’-ถ้าไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน เลือก ‘สมัครสมาชิก’-เข้าสู่ระบบด้วยการกรอก ‘เลขบัตรประจำตัวประชาชน’ และ ‘รหัสผ่าน’-เข้าสู่หน้าตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตน เลือก ‘ข้อมูลการส่งเงินสมทบ’-จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลของแต่ละคน ทั้งงวดเงินสมทบ, วันที่ชำระเงิน, % เงินสมทบ และจำนวนเงินที่ผู้ประกันตนนำส่ง-สำหรับการเช็กยอดเงินชราภาพประกันสังคม เลือก ‘การคำนวณเงินสงเคราะห์ชราภาพ’-จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลจำนวนเงินสมทบของผู้ประกันตน, จำนวนเงินสมทบของนายจ้าง, จำนวนเงินสมทบของรัฐ, ยอดเงินรวม (รายปี)2. ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน SSO Plusผู้ประกันตนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "SSO Plus" ใช้ได้ทั้งระบบ iOS และ Android เพื่อตรวจสอบเงินบำนาญชราภาพ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ผ่านทางสมาร์ตโฟนได้ทันที วิธีใช้งานดังนี้- ลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย เลขบัตรประจำตัวประชาชน และ เบอร์โทรศัพท์หรือ หากผู้ประกันตนได้สมัครตรวจสอบข้อมูลทางเว็บไซต์ https://www.sso.go.th/ มาแล้ว สามารถใช้รหัสผ่านเดียวกันได้เลยทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคมได้ที่ https://www.sso.go.th/ หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมงแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยนิวส์ออนไลน์https://www.thainewsonline.co/news/881689

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

'เฮาส์ ออฟ ลูซี' หอศิลป์แห่ง ‘เกาะสมุย’ จัดแสดงงานศิลป์นานาชาติ

07/05/2025

'มูลนิธิลูซี' เปิดหอศิลป์กลางเกาะสมุย ให้เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของการท่องเที่ยว ชมงานศิลปะ เปิดโอกาสให้ศิลปินทั้งคนไทยและชาวต่างชาติร่วมแสดงงานที่ 'เฮาส์ ออฟ ลูซี'เฮาส์ ออฟ ลูซี (House of Lucie) เกิดจากสองผู้นำแห่งวงการภาพถ่าย งานศิลปะและการออกแบบ เจ้าของบริษัท ฟาร์มานี กรุ๊ป มร.ออสเซน ฟาร์มานี่ และแอปเปิ้ล ฟาร์มานี่ มาเกาะสมุยเพื่อเปิด เกาะสมุยอาร์ตเซ็นเตอร์ และ เฮาส์ ออฟ ลูซี สมุยจัดแสดงงานศิลปะภาพเขียน ภาพถ่าย ประติมากรรม ให้เป็นสื่อกลางและส่งข่าวสารงานศิลปะดี ๆ ให้ดังไกลระดับโลกเฮาส์ ออฟ ลูซี เกาะสมุยแรกเริ่มก่อตั้ง มูลนิธิลูซี เมื่อปี ค.ศ.2003 เป้าหมายเพื่อสนับสนุนช่างภาพที่มีความสามารถให้มีสถานที่จัดแสดงผลงานอย่างเต็มที่ โดยไม่แสวงหาผลกำไร และยังจัดมอบรางวัลสำหรับช่างภาพและผลงานยอดเยี่ยม เรียกว่า รางวัลลูซี (Lucie Awards) ต่อมาก่อตั้ง เฮาส์ ออฟ ลูซี ที่เปรียบเสมือนบ้านของมูลนิธิฯ ให้เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานของศิลปินหลากหลายแขนงโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ เช่น จัดแสดงผลงานภาพถ่ายร่วมสมัย งานภาพถ่ายที่ได้รางวัลลูซี ผลงานของช่างภาพในท้องถิ่นและจากทั่วทุกมุมโลกเฮาส์ ออฟ ลูซี สมุย จัดแสดงงานศิลปะจากศิลปะนานาชาติอีกทั้งมุ่งหวังให้เป็นเครือข่ายศูนย์กลางชุมชน แกลเลอรี่ และพิพิธภัณฑ์ โดยนำผลงานภาพถ่ายและการเล่าเรื่องด้วยภาพไปสู่ผู้ชมทั่วโลก เน้นเปิดให้บริการในพื้นที่ที่ยังไม่มีศูนย์แสดงงานศิลปะมากนัก เพื่อให้คนในชุมชนมีโอกาสแสดงผลงานและเข้าถึงศิลปะได้ง่ายขึ้นและสร้างความเชื่อมโยงงานถ่ายภาพกับชุมชนในท้องถิ่น เป็นศูนย์กลางสะท้อนงานศิลปวัฒนธรรม ผ่านการเล่าเรื่องด้วยภาพ ไม่เพียงจัดแสดงงาน ยังจัดนิทรรศการ การบรรยาย เวิร์คชอป การเปิดคลาสต่าง ๆ เช่น  วิชาการถ่ายภาพ การวาด การปั้น เซรามิก และการทำเครื่องประดับรวมถึงงานอีเวนต์ต่าง ๆ ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม มาชื่นชม หรือแสวงหาประสบการณ์ดี ๆ ผ่านงานศิลปะที่ไร้ขีดจำกัดคลาสสอนวิชาศิลปะเปิดสอนโดยศิลปินผู้มีชื่อเสียง และมีความเชี่ยวชาญทางด้านนั้น ๆ โดยตรง เน้นให้ผู้เข้าเรียนได้พัฒนาทักษะทางศิลปะ และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานฮอสเซน-แอปเปิ้ล ฟาร์มานี่ฮอสเซน ฟาร์มานี่ ผู้ก่อตั้งบอกว่า “เป้าหมายของเรากับ เฮาส์ ออฟ ลูซี คือทำให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย และสร้างพื้นที่ให้กับผู้คนได้มาสัมผัสพลังของการเล่าเรื่องด้วยภาพ และอยากสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงเกิดการเชิดชูเกียรติผู้ที่มีความสามารถ เพื่อสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านการถ่ายภาพสตีฟ แมคเคอรีและตั้งใจให้เป็นแหล่งรวมเหล่าผู้ที่รักงานศิลปะ และครีเอเตอร์ด้านต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเกาะสมุยให้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและงานศิลปะในทุกรูปแบบ”แอปเปิ้ล ฟาร์มานี่ เสริมว่า “มูลนิธิลูซีเป็นมูลนิธิระดับโลก ที่มอบรางวัลให้กับช่างภาพมาแล้วมากมาย ส่วน เฮาส์ ออฟ ลูซี สร้างมาแล้ว 7 แห่ง ได้แก่ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ, กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี, เมืองคาซาน ประเทศอิหร่าน, เมืองโฮสทูนี่ ประเทศอิตาลี, ที่นอร์เวย์, ฝรั่งเศส และประเทศไทย ซึ่งยังไม่เคยสร้างอาร์ตเซ็นเตอร์เลย ครั้งนี้ถือว่าเป็นอาร์ตเซ็นเตอร์แห่งแรกของเรา”ผลงานของสตีฟ แมคเคอรีเปิดบ้านศิลป์แห่งสมุย กับ 3 ศิลปินเฮาส์ ออฟ ลูซี เปิดบ้านครั้งแรกกับ นิทรรศการภาพถ่ายของสตีฟ แมคเคอรี และ เจมส์ นาคท์เวย์นิทรรศการ ISLANDS by Steve McCurry ถ่ายทอดความงดงามของวัฒนธรรม สะท้อนภาพวิถีชีวิตอันละเมียดละไมของผู้คนบนเกาะจากทั่วทุกมุมโลกสตีฟ แมคเคอรี เป็นหนึ่งในบุคคลระดับตำนานของวงการถ่ายภาพร่วมสมัยมานานกว่าห้าทศวรรษ เกิดที่เมืองฟิลลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย อเมริกา ศึกษาการถ่ายภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยรัฐเพนซิลเวเนีย แล้วเข้าทำงานกับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งจากนั้นเขาออกเดินทางไปเพื่อสร้างสรรค์ภาพถ่ายทั่วทั้งเจ็ดทวีปและอีกหลายประเทศ งานของเขาครอบคลุมทั้งเรื่องของความขัดแย้ง วัฒนธรรมที่กำลังสูญหาย ประเพณีแบบโบราณ และวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งแง่มุมของธาตุแท้แห่งความเป็นมนุษย์ผลงานของสตีฟ แมคเคอรีเช่นภาพถ่าย เด็กสาวชาวอัฟกัน อันโด่งดังและทรงพลัง สตีฟได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย รวมถึงรางวัลเหรียญทองโรเบิร์ต คาปา เมื่อไม่นานมานี้ สมาคมถ่ายภาพประเทศอังกฤษในกรุงลอนดอน ได้มอบเหรียญรางวัล Centenary Medal for Lifetime Achievement และในปี ค.ศ.2019 ได้รับเกียรติให้แสดงผลงานอยู่ในหอเกียรติยศแห่งการถ่ายภาพนานาชาติอีกด้วยเจมส์ นาคท์เวย์เจมส์ นาคท์เวย์ (James Nachtwey) ศิษย์เก่าวิทยาลัยดาร์ตมัธ สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์และรัฐศาสตร์ เริ่มงานถ่ายภาพจากสงครามเวียดนามและการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองชาวแอฟริกันอเมริกัน (Civil Rights movement) และกลายมาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจเป็นช่างภาพอาชีพ โดยเริ่มต้นงานแรกในหนังสือพิมพ์ในนิวเม็กซิโกชมงานศิลป์ที่ เฮาส์ ออฟ ลูซีปี ค.ศ.1980 เจมส์ย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์กเพื่อเริ่มต้นอาชีพช่างภาพนิตยสารอิสระ หลังจากนั้นจึงได้ร่วมงานกับนิตยสารไทม์ตั้งแต่ปี 1984ผลงานของเขาได้รับรางวัลและการประกาศเกียรติคุณมาแล้วมากมาย อาทิ รางวัลคอมมอนเวลท์ อะวอร์ด, รางวัลมาร์ติน ลูเธอร์ คิง, รางวัลพลเมืองโลก ดร.จีน เมเยอร์ อะวอร์ด, รางวัล ลูซี อะวอร์ด และอื่นๆ อีกมากมายกิติก้อง ติลกวัฒโนทัยร่วมด้วย กิติก้อง ติลกวัฒโนทัย ศิลปินภาพพิมพ์ร่วมสมัยผู้แปลงถ้อยคำในรูปแบบตัวอักษรให้แปรเปลี่ยนเป็นภาษาที่เล่าเรื่องด้วยภาพอย่างงดงามจับใจ  กิติก้องเป็นคนลำปางโดยกำเนิด ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงใหม่ผลงานของ กิติก้องผลงานของเขาเชื้อเชิญให้เราเข้าไปข้องเกี่ยวกับความงามอันเป็นนามธรรม เป็นการตีความสิ่งที่เรียกว่าภาษาขึ้นมาใหม่ ให้เป็นรูปแบบของศิลปะที่เป็นสากลและสัมผัสได้จากเบื้องลึกภายในผลงานของ กิติก้องงานนิทรรศการของเขาจัดแสดงไปแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียชมนิทรรศการศิลปะจาก 3 ศิลปิน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 เมษายน 2568 ชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ ณ สมุยอาร์ตเซ็นเตอร์ และ เฮาส์ ออฟ ลูซี สมุย ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 13.00 – 18.00 น.เฮาส์ ออฟ ลูซี เกาะสมุยข้อมูลเพิ่มเติม โทร.095 478 9987, FB:House of Lucie Samuiแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1166957

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

“ทุ่งข้าวเจ็ดสี” ทุ่งนาหลากสีสัน แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ “พะเยา”

07/05/2025

ชวนมาสัมผัสเสน่ห์แห่งท้องทุ่งที่เติมสีสันให้สดใสกว่าเดิม สำหรับ “ทุ่งข้าวเจ็ดสี” จากข้าวหลากหลายสายพันธุ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ของจังหวัดพะเยาภาพ: ททท.เชียงรายททท.เชียงราย ชวนนักท่องเที่ยวมาร่วมสัมผัสความงามของ “ทุ่งข้าวเจ็ดสี” หรือ Phayao Rainbow Rice แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ของจังหวัดพะเยา ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสความงดงามของผืนนากว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 74 ไร่ ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันจากข้าวหลากหลายสายพันธุ์ภาพ: ข่าวภูมิภาค mgronlineสำหรับที่มาของแหล่งท่องเที่ยวสีสันสดใสแห่งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับจังหวัดพะเยา เทศบาลตำบลสันป่าม่วง พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยใช้ข้าว 8 สายพันธุ์ ซึ่งมีลักษณะสีสันที่แตกต่างกันไปรวม 7 สี คล้ายกับสีของสายรุ้ง วางแผนแบ่งแปลง-ลงแรงปลูกตามเส้นสายภาพร่างไดโนเสาร์ที่มีการค้นพบ-นกยูง สัญลักษณ์ของพะเยา สร้างความสวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นแปลงนาศิลปะ ที่จะมีความสวยงาม บรรยากาศรายรอบด้วยทุ่งนากว้างและหุบเขา เป็นขุนเขาสูงตระหง่านของ ดอยหลวงดอยหนอก ซึ่งจะเป็นจุดเช็คอินใหม่ของจังหวัดพะเยาและของนักท่องเที่ยวภาพ: ข่าวภูมิภาค mgronlineพิกัด : ศูนย์ข้าวชุมชนตำบลสันป่าม่วง (ทางขึ้นวัดอนาลโย)พื้นที่หมู่ที่ 6 บ้านสันป่าบง ต.สันป่าม่วง อ.เมืองพะเยาเปิดให้ชมทุกวัน เวลา 07.00 - 20.00 น.สอบถาม เทศบาลสันป่าม่วง โทร.054-888-870 หรือ ททท. สำนักงานเชียงราย โทร. 053-744-6745แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000018536

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

เด่นออนไลน์

เตือนภัย มุกใหม่มิจฉาชีพ หลอกในหลอก อ้างเป็นเหยื่อเหมือนกัน มีวิธีเอาเงินคืนได้

22/02/2025

มิจฉาชีพย้อนรอย ผู้เสียหาย วางแผนล่อเหยื่อ อ้างโดนหลอกเหมือนกัน เอาเงินคืนได้ ก่อนขบวนการมิจฉาชีพอีกเซ็ท หลอกให้เทรดเพื่อเอาเงินคืน เหยื่อรู้ทัน เตือนภัยมิจฉาชีพ ถือเป็นอาชีพที่สร้างความเสียหายอย่างมาก ซึ่งแม้บางครั้งหากไม่เอะใจ หรือ รู้ไม่ทันก็อาจสูญเงินในกระเป๋า ได้ง่าย เพราะมุกที่เอามาหลอกก็ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆล่าสุดเพจ Drama-Addict ได้โพสต์เตือนเรื่องราว ว่า “ลูกเพจฝากเตือนภัย สรุป เขาเจอเพจมิจปลอมเป็นโรงแรม หลอกไปครึ่งปีก่อน หลังจากนั้นมีมิจ ปลอมเป็นนกต่อ ทักมาคุยกับเขา อ้างว่าเคยโดนโกงเหมือนกัน จากเพจเดียวกัน แล้วมีคนช่วยเอาเงินคืนจากนั้นติดต่อให้คุยทนายอาสาและตำรวจไซเบอร์ ซึ่งเป็นมิจฉาชีพปลอมตัวมาทั้งหมด เพื่อหลอกเหยื่อให้หมดตัวแบบหมดจด ซึ่งน่าจะเป็นขบวนการเดียวกับเพจปลอมตอนแรก เพราะมันมีข้อมูลเหยื่อหมดเลย ว่าไปโดนหลอกอะไรยังไงมาจ่าคะ หนูมีเรื่องอยากจะแชร์ค่ะ พอดีเมื่อ 6 เดือนที่แล้วโดยโกง จากการจองที่พักโรงแรม ทำการแจ้งความ และแจ้งอายัดบัญชีแล้ว แต่ไม่ได้ตามเรื่องต่อ คือทำใจแล้วว่าคงไม่ได้เงินคืน แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีคนคนนึงทักมา จากช่องทางที่เราไปคอมเม้น โพสต์ผู้เสียหายท่านหนึ่ง ที่โดนโกงค่าจองโรงแรม จากเพจเดียวกัน เธอเม้นตอบกลับว่า “โดนเหมือนกัน แล้วมีวิธีเอาเงินคืน” บอกตามตรงใจนึงก็หวังเงินคืนเลยทักไปค่ะพอทักไปเขาแนะนำทนายอาสาบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงส่งข้อมูลและหลักฐานไป พอส่งข้อมูลกับใบแจ้งความไป ทางทนายให้ลิงค์ที่ติดต่อ เจ้าหน้าที่ ของหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ ฝ่าย IT เขาแจ้งให้ยืนยันข้อมูลและจะทำการตรวจเส้นทางการเงินพอตรวจเส้นเขาบอกว่าคนที่โกงเป็นบัญชีม้าและถูกโอนไปบริษัทหนึ่งแล้วบอกว่าเงินยังอยู่ในประเทศและบอกวิธีเอาเงินคืนคือจะทำการไปเทรดหุ้นบริษัทนั้นเพื่อดึงเงินคืนมาเขาจะทำให้โดยใช้ชื่อเราเพียงแค่ให้เราตกลงเราเลยเอะใจค่ะว่าทางรัฐหรือหน่วยงานอะไรแบบนี้ทำไมถึงใช้วิธีดึงเงินของผู้เสียหายคืนโดยใช้วิธีการเทรดหุ้นจริงๆความต้องการคืออยากให้เพจปลอมโดนบล็อกและโดนจับไป มากกว่าได้เงินคืนค่ะ เราเลยปฏิเสธไปไม่ให้เขาช่วย ผลสรุปคือ เขาทักมาเหมือนต่อว่า ว่าเราทักไปทำไมให้เสียเวลาตอนนี้ที่กังวลคือ เขาได้ข้อมูลเราไปคือเบอร์โทร กับมีใบแจ้งความ กับใบแจ้งอายัดบัญชีจากธนาคารค่ะ ไม่แน่ใจเลย เขาจะเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้างกับอีกเรื่องคือ เหมือนผู้หญิงคนนี้ที่ตอบเม้นเรา เขาจะชอบเม้นทุกโพสต์ที่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องผู้เสียหายที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับข่าวสดออนไลน์https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9645637

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันสุขภาพ

“ประกันโรคร้ายแรง”...อีกสินทรัพย์ที่ขาดไม่ได้สำหรับ “แผนเกษียณ” !!!

21/02/2025

หลายคนอาจมองข้าม “ประกันโรคร้ายแรง” ไป เพราะคิดว่ามีประกันสุขภาพอยู่แล้วก็เพียงพอจากข้อมูลทางสถิติพบว่าในปัจจุบันการเกิดโรคร้ายแรงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหลอดเลือดสมองที่มีอัตราการพิการเป็นอันดับ 1 และอัตราการตายเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย(1) เนื่องจากความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นตามอายุที่สูงขึ้น จึงทำให้คนวัยเกษียณมีความเสี่ยงการเกิดโรคเหล่านี้ มากกว่าคนในวัยอื่นๆ และในปัจจุบันพบว่าอัตราการเกิดโรคเหล่านี้ เริ่มพบในคนที่มีอายุน้อยลงมาเรื่อยๆคำถามคือ แล้ว “ประกันสุขภาพ” ที่มีอยู่ไม่เพียงพอหรือ คำถามนี้เกิดจากความไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง “ประกันสุขภาพ” และ “ประกันโรคร้ายแรง” รวมถึงอาจจะลืมคำนึงผลสืบเนื่องต่างๆ ที่ตามมาหลังจากเจ็บป่วย โดยก่อนอื่นควรทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างประกัน 2 แบบนี้ และผลสืบเนื่องจากการเจ็บป่วยความแตกต่างระหว่าง “ประกันสุขภาพ” และ “ประกันโรคร้ายแรง”1.“ประกันสุขภาพ” จะเป็นประกันที่จะจ่ายค่ารักษาให้กับโรงพยาบาลเมื่อคุณเจ็บป่วยและเข้ารับการรักษา ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยใน หรือผู้ป่วยนอก ทั้งนี้ขึ้นกับเงื่อนไขแบบประกันที่เลือก แต่เมื่อออกจากโรงพยาบาลมา จะไม่สามารถเบิกเคลมในส่วนนี้ได้อีกต่อไป2.“ประกันโรคร้ายแรง” จะเป็นประกันที่จะจ่ายสินไหมเป็นเงินสด เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงและตรงกับเงื่อนไขในกรมธรรม์ผลสืบเนื่องจากการเป็นโรคร้ายแรง1. ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลจำนวนมากขณะพัก รพ. รวมถึงค่ารักษาต่อเนื่องหลังจากออก รพ.2. อาจจะตกงานและสูญเสียรายได้3. อาจจะต้องมีค่าจ้างคนดูแล หรือค่าใช้จ่ายสถานดูแลผู้ป่วย“จะเห็นได้ว่า เมื่อเจ็บป่วยจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจำนวนมากพร้อมกับรายได้ที่หายไป ซึ่งหากต้องเจ็บป่วยช่วงก่อนเกษียณ หรือช่วงเกษียณโดยที่ไม่ได้มีการวางแผนหรือเตรียมตัวในส่วนนี้ไว้ให้ดีก่อนแล้ว ก็จะกระทบกับเงินเก็บทั้งหมดทันที ดังนั้น สิ่งที่สำคัญและจำเป็นไม่แพ้ไปกว่าการเก็บออมเงินเพื่อเกษียณ คือ การมีแผนปกป้องเงินเก็บยามเกษียณ ด้วยการทำ ‘ประกันโรคร้ายแรง’ เอาไว้”ปัจจัยที่ควรนำมาคำนวณ “วงเงินคุ้มครองโรคร้ายแรง”1. อายุปัจจุบันและอายุขัยเฉลี่ยคาดการณ์2. รายได้และรายจ่ายต่อเดือนในปัจจุบัน3. รายจ่ายสืบเนื่องขั้นต่ำจากค่ารักษาและดูแลในอนาคต3.1 ค่าคนดูแลหรือค่าบริการสถานดูแลผู้ป่วย 20,000-30,000 บาท/เดือน3.2 ค่ายา ค่ากายภาพ ค่ารักษาสืบเนื่อง 20,000-30,000 บาท/เดือนหมายความว่า หากต้องเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 40,000-60,000 บาท/เดือน ทีเดียวคำนวณค่าใช้จ่ายคนดูแล 30,000 บาท/เดือน คิดเป็น 360,000 บาท/ปีค่าใช้จ่ายการรักษาต่อเนื่อง 30,000 บาท/เดือน คิดเป็น 360,000 บาท/ปี“หมายความว่า ค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้นต่อปีทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 720,000 บาท/ปี ไม่รวมค่าใช้จ่ายปกติประจำเดือน (ในกรณีเป็นคนโสดไม่มีคนช่วยแบ่งเบา) หรือภาระค่าใช้จ่ายครอบครัว (ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นหัวหน้าครอบครัว) และหากเป็นเร็วเกินไป หมายความว่าระยะเวลาการใช้เงิน จนกว่าจะหมดอายุขัยก็มากขึ้นไปอีกทีเดียว หากคิดว่าอยู่ได้อีก 10 ปีหลังจากป่วย จำนวนเงินที่ต้องใช้เพิ่มขึ้นจากเดิม อย่างน้อยก็คือ 7.2 ล้านบาท ไม่รวมภาวะเงินเฟ้อ”จะเห็นได้ว่า ภาระด้านค่าใช้จ่ายต่อปีหลังเจ็บป่วยเป็น “โรคร้ายแรง” ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ตัวอย่างข้างบนกรณี ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจะมีภาวะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถทำงานอาชีพเดิมได้อีกต่อไป ซึ่งค่าใช้จ่ายจริงอาจจะมากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ และในความเป็นจริงอาจจะมีปัจจัยเกี่ยวกับเรื่อง “เงินเฟ้อ” ค่ารักษาพยาบาลร่วมด้วยที่มา  •  กองยุทธศาสตร์และแผนงานสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2564, หน้า 76.แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ wealthythahttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/23693

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

งานศิลป์สุดครีเอทที่ทุกคนร่วมสนุกได้ ที่สยามพารากอน และสยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในไฮไลท์งาน Bangkok Design Week 2025

21/02/2025

โกลบอลเดสติเนชั่นกลุ่มวันสยาม ทั้ง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมสนับสนุนการจัดงาน Bangkok Design Week 2025 (BKKDW2025) จัดโชว์เคสผลงานศิลปินและนักออกแบบทั้งชาวไทยและระดับโลก รวมทั้งกิจกรรมมากมาย สร้างปรากฏการณ์งานอาร์ตและดีไซน์ ที่สะท้อนการเป็นขุมพลังความคิดสร้างสรรค์ (Creative Powerhouse) บุกเบิกการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่เหนือระดับและแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือน ร่วมส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของโลกสำหรับ สยามพารากอน และสยามดิสคัฟเวอรี่ จัดโชว์เคสผลงานศิลปินแถวหน้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้สัมผัสประสบการณ์ศิลปะจัดวางที่เต็มไปด้วยสีสันและความลึกซึ้งกับผลงาน “Reflection You” งานศิลปะจัดวางอันน่าตื่นเต้นของ Cheese Arnon หรือ อานนท์ เนยสูงเนิน ศิลปินกราฟิตี้ชาวของไทย ที่ร่วมกับ Art Tank Group นำโดย เสริมคุณ คุณาวงศ์ สร้างสรรค์ผลงานใจกลางสยาม ที่จะพาผู้ชมดำดิ่งสู่มิติใหม่แห่งการสะท้อนตัวตนผ่านกล่องทรงลูกบาศก์ที่นำเสนอภาพสะท้อนในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใครนิทรรศการนี้นำเสนอตัวตนที่หลากหลายของผู้ชมผ่านการสะท้อนภาพภายในกล่องอันมีชีวิตชีวา ซึ่งจะเผยให้เห็นตัวคุณในมุมมองที่แตกต่างและเหนือความคาดหมาย โดยมีตัวละครสุนัขจิ้งจอกสุดไอคอนิก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน Cheese Arnon คอยสร้างสีสันและบอกเล่าเรื่องราวผ่านท่วงท่าที่หลากหลาย เชื่อมโยงพื้นที่จาก สยามพารากอน สู่ สยามดิสคัฟเวอรี่ อย่างไร้รอยต่อ เพื่อสะท้อนถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างศิลปะ ผู้คน และไลฟ์สไตล์ที่ไม่จำกัดเพียงแค่การช็อปปิ้ง แต่ยังเปิดพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจให้กับทุกคน โดยพื้นที่จัดแสดง ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน และดิสคัฟเวอรี่พลาซ่า สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นไพรม์โลเคชั่นในกลางกรุงเทพฯ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมากที่จะได้สัมผัสกับผลงานชิ้นพิเศษนี้อานนท์ เนยสูงเนิน หรือที่รู้จักในนาม Cheese Arnon เป็นศิลปินกราฟิตี้แนวหน้าของเมืองไทย ผู้ฝากฝีมือไว้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลงานของเขาโดดเด่นด้วยตัวละคร สุนัขจิ้งจอก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจ้าเล่ห์ แสนกล และการปรับตัว ที่สะท้อนถึงแนวคิดของศิลปินในการเรียนรู้ เติบโต และอยู่รอดในทุกสถานการณ์ จากจุดเริ่มต้นในฐานะศิลปินสตรีทอาร์ตสู่การเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ Cheese Arnon ได้สร้างผลงานที่ผสานความสนุกสนานและความหมายลึกซึ้งเข้าด้วยกัน ทำให้ศิลปะของเขาเป็นที่จดจำและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง“Reflection You” เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ตอกย้ำความสามารถของเขาในการนำเสนอศิลปะผ่านสื่อที่แตกต่าง และสร้างบทสนทนาระหว่างศิลปะกับผู้ชมในรูปแบบที่แปลกใหม่และน่าประทับใจ พร้อมเปิดให้เข้าชมฟรี ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน และดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า สยามดิสคัฟเวอรี่ ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 มีนาคม ณ สยามพารากอน และ สยามดิสคัฟเวอรี่แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/business/detail/9680000014460

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ทำไมต้องปล่อยยางรถ ก่อนจะขับเข้าไปเที่ยวในทะเลทราย

21/02/2025

เคยสังเกตกันบ้างรึเปล่า เวลาที่เราไปเที่ยวทะเลทราย ทำไมคนขับรถถึงต้องจอดแล้วปล่อยลมยาง ก่อนจะลุยเข้าทราย หลายคนอาจสงสัยว่าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร วันนี้เรามีคำตอบเหตุผลหลักๆ ดังนี้เหตุผลที่ต้องปล่อยยางรถ ก่อนเข้าทะเลทราย1. เพิ่มพื้นที่สัมผัสกับพื้นทราย เมื่อปล่อยลมยาง ความดันในยางจะลดลง ทำให้หน้ายางแผ่กว้างขึ้น ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างยางกับพื้นทราย ช่วยกระจายน้ำหนักของรถให้เท่าเทียมและลดโอกาสที่รถจะจมลงในทราย2. เพิ่มการยึดเกาะ (Traction)หน้ายางที่แผ่ออกมากขึ้นจะช่วยให้ยางยึดเกาะกับพื้นทรายได้ดีกว่า ลดการลื่นไถลและทำให้การควบคุมรถง่ายขึ้น3. ลดแรงต้านยางที่มีแรงดันต่ำจะดูดซับแรงกระแทกจากเนินทรายได้ดีกว่า ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และช่วยลดแรงต้านจากทรายได้ดีขึ้น4. ลดความเสี่ยงในการติดทรายการปล่อยลมช่วยให้รถ "ลอย" อยู่บนพื้นทรายมากกว่าที่จะ "จม" ลงไป ทำให้ลดโอกาสที่รถจะติดทรายได้แล้วควรปล่อยลมเท่าไหร่?  •  ปกติจะปล่อยลมให้เหลือประมาณ 15-20 PSI (จากปกติ 30-35 PSI) แต่ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของรถและสภาพพื้นทรายด้วย  •  หากเป็นทรายที่นุ่มมาก อาจปล่อยได้ถึง 10-12 PSI แต่ต้องระวังไม่ให้ปล่อยมากเกินไป เพราะเสี่ยงที่ยางจะหลุดออกจากกระทะล้อ (Rim)หลังจากออกจากทะเลทรายแล้วควรทำอย่างไร?  •  ควรเติมลมยางกลับไปที่แรงดันปกติก่อนขับขี่บนถนนปกติ เพื่อป้องกันการสึกหรอของยางและเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451587/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

“เก็บเงินสด หรือ ลงทุน” ทางเลือกวางแผนเกษียณ แบบไหนดีกว่ากัน ยุคตลาดหุ้นผันผวน

20/02/2025

"เก็บเงินสด" หรือ "นำเงินไปลงทุน" แบบไหนดีกว่ากัน? คำถามนี้ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะแม้การเก็บเงินสดจะให้ความรู้สึกปลอดภัย ใช้จ่ายได้ทันที แต่ต้องระวังเงินเฟ้อที่ทำให้มูลค่าเงินลดลง ส่วน “การลงทุน” จะช่วยให้เงินเติบโตได้ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องบริหารให้ดีเมื่อพูดถึงอนาคตทางการเงิน หลายคนมักตั้งคำถามว่า "เก็บเงินสดไว้" หรือ “นำเงินไปลงทุน” แบบไหนดีกว่ากัน โดยเฉพาะเมื่ออยากวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ ซึ่งต้องบอกว่าทั้งสองทางเลือกมีข้อดีและจุดเด่นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่แต่ละคนรับไหวอย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนัก ทำให้หลายคนไม่กล้าตัดสินใจลงทุน “Thairath Money” จะพาไปหาคำตอบว่าเราจะมีวิธีการลงทุนอย่างไร เพื่อให้เงินในกระเป๋าของเราเติบโต“เก็บเงิน vs ลงทุน”การเก็บเงินไว้ มักเป็นวิธีที่หลายคนเลือก เพราะให้ความรู้สึก "ปลอดภัย" เพราะเงินไม่หายไปไหน แถมยังสามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อจำเป็น อย่างไรก็ตาม การเก็บเงินไว้เฉยๆ ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ และแม้จะมีเงินจำนวนมากแต่มูลค่าจริงๆ อาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไปจากอัตราเงินเฟ้อทุกปีส่วนการลงทุน เป็นวิธีในการช่วยให้เงินที่มีอยู่เติบโตขึ้น ด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในระยะยาว ซึ่งหากเลือกลงทุนอย่างเหมาะสม ยังสามารถสร้าง Passive Income ได้แม้ในช่วงเกษียณ เช่น หุ้นปันผล หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ให้ดอกเบี้ยต่อเนื่องดังนั้น เมื่อต้องการใช้เงินหลังเกษียณ แค่มีเงินก้อนใหญ่อาจไม่พอ สิ่งสำคัญคือ การออกแบบกระแสเงินสดให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน โดยไม่ต้องพึ่งพารายได้จากการทำงาน ซึ่งการลงทุนที่ดีจะช่วยให้ "มีเงินใช้โดยไม่ต้องถอนเงินต้น"ตลาดหุ้นร่วงหนัก จะลงทุนอย่างไร?ช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน หรือปรับตัวลดลงแรงๆ หลายคนเริ่มลังเลว่าจะยังลงทุนต่อไปดีไหม เพราะเห็นกันชัดๆ ว่ามีความเสี่ยงขาดทุนสูงขึ้น ซึ่งบางคนเลือกที่จะชะลอการลงทุน หรือถอนเงินออกมาทั้งหมดแต่ในความเป็นจริง แม้ตลาดจะผันผวน การลงทุนก็ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ หากมีการวางแผนที่เหมาะสม และเลือกกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวรัฐพล วชิรเมฆากุล นักวางแผนการเงิน CFP® เผยแพร่บทความผ่านสมาคมนักวางแผนการเงินไทย เรื่อง “จัดพอร์ตอย่างไรให้ Stay Invest แม้ในภาวะวิกฤติ” โดยระบุว่า หนึ่งในวิธีการที่นักลงทุนทำโดยทั่วไป เพื่อลดหรือป้องกันการสูญเสีย คือ การปรับพอร์ตตามสถานการณ์ (Tactical Asset Allocation) ออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสูง ไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำแทน เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนกับภาวะวิกฤติได้ดีอย่างทองคำแต่การปรับพอร์ตตามสถานการณ์นั้น ต้องอาศัยการคัดเลือกตัวชี้วัดที่เหมาะกับแต่ละสินทรัพย์ ความแม่นยำของการตัดสินใจเข้า-ออกจากการลงทุน หากตัดสินใจผิดพลาด อาจยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้น หรือเสียโอกาสในการลงทุนอีกวิธีที่เริ่มนิยมคือ การลงทุนใน Futures / Options เพื่อลดการสูญเสียเงินลงทุน หรือแม้แต่ได้กำไร แต่ก็เป็นวิธีการที่ซับซ้อน และมีต้นทุน รวมถึงเป็นเครื่องมือที่มีความผันผวนไม่แพ้หุ้นหากนักลงทุนไม่อยากใช้วิธีการซับซ้อน ไม่อยากจับจังหวะเข้า-ออกจากการลงทุน แต่ยังคาดหวังการเติบโตของเงินในระยะยาว อยากวางแผนการลงทุนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงอย่างรอบคอบ สามารถใช้เทคนิคด้านล่าง ดังนี้1. เตรียมใจก่อนจัดพอร์ต - เมื่อลงทุนแล้ว นักลงทุนคาดหวังให้พอร์ตลงทุนมีผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่อง แต่ความเป็นจริงในโลกการลงทุนเต็มไปด้วยความผันผวน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนควรเตรียมใจกับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นใจด้วย2. เตรียมเวลาลงทุนให้ยาว - วิธีการลดความเสี่ยงจากการลงทุนที่ดีวิธีหนึ่ง คือ การลงทุนระยะยาว รายงานจาก JP Morgan ศึกษาสถิติการลงทุนใน S&P 500 ช่วงปี 1950-2023 ระบุว่า  •  หากลงทุน 1 ปี ช่วงของผลตอบแทนอยู่ระหว่าง -39% ถึง 47%  •  หากลงทุน 10 ปี ช่วงของผลตอบแทนอยู่ระหว่าง -1% ถึง 19%  •  หากลงทุน 20 ปี ผลตอบแทนที่อาจได้อยู่ระหว่าง 6% ถึง 17% ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 11.2% ต่อปี3. เพิ่มสินทรัพย์เสี่ยงต่ำเข้าไปในพอร์ต - การผสมผสานการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งการลงทุนในพอร์ต (หุ้น) 60/40 (ตราสารหนี้) เพียงระยะเวลา 5 ปี ก็ช่วยปิดโอกาสขาดทุนได้ รวมถึงช่วยลดความผันผวนด้วย4. จัดพอร์ตโฟลิโอ - การลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายมากขึ้น เช่น ทองคำ หรือเงินสด จะช่วยลดความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะทองคำได้รับการยอมรับว่าเป็น Crisis Hedging Asset ที่ดีการลงทุนต่อเนื่อง หรือ Stay Invest เป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังและสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจในระยะยาวได้ แม้ในช่วงเวลาตลาดผันผวนหรือเกิดวิกฤติ หากมีเป้าหมายการลงทุนระยะยาวและสามารถรับความเสี่ยงได้ การลงทุนต่อเนื่องเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้ามแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/financial_planning/2842933

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X