คลังความรู้

Everyday knowledge for you

การทำงาน

10 ทักษะมีติดตัวไม่ต้องกลัวตกงาน

25/11/2024

การที่เราไปสมัครงาน ณ องค์กรใดองค์กรหนึ่ง ความแตกต่างที่จะได้ถูกรับเลือก หรือถูกปฏิเสธให้เข้าทำงานอาจขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานได้ดีเพียงใด“การสื่อสาร” จึงกลายเป็นท็อปทักษะที่ต้องการในตัวของพนักงาน เช่นเดียวกับทักษะการปรับตัวทางด้านอารมณ์ก็เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของนายจ้างในหลากหลายอุตสาหกรรมตามการวิจัยใหม่จาก LinkedInตามรายงานทักษะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดประจำปี 2024 ของ LinkedIn พิจารณาจากทักษะที่ต้องการมากที่สุดในการรับสมัครงานของนายจ้างบนแพลตฟอร์ม รวมถึงจำนวนสมาชิกที่ได้รับการว่าจ้างตามทักษะนี้สำหรับ 10 ทักษะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของนายจ้าง มีดังต่อไปนี้1.การสื่อสาร2.บริการลูกค้า3.ความเป็นผู้นำ4.การจัดการโครงการ5.การจัดการ6.วิเคราะห์7.ทีมเวิร์ค8.การขาย9.การแก้ไขปัญหา10.การค้นคว้าCatherine Fisher ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพของ LinkedIn กล่าวว่า “ทักษะการสื่อสาร” เป็นหนึ่งในเรื่องที่นายจ้างต้องการเป็นอย่างมาก โดยเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการถ่ายทอดซึ่งมีความเกี่ยวข้องเกือบทุกงาน และอุตสาหกรรมการสื่อสารที่ดีเยี่ยมในสถานที่ทำงาน คือผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของ AI, การทำงานระยะไกล และแบบผสมผสาน ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารของพนักงานลดลง ไม่เหมือนกับในอดีตด้าน Aneesh Raman รองประธาน LinkedIn กล่าวว่านายจ้างต้องการจ้างพนักงานที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยหัวใจสำคัญของการจัดการเปลี่ยนแปลงคือการสร้างกล้ามเนื้อหางความสามารถในการปรับตัวที่มา: cnbcแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ smartsmehttps://smartsme.co.th/content/252598/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

เลขาธิการ คปภ. ประเมินอุตสาหกรรมประกันภัยปี 2568 คาดเบี้ยประกันภัยวิ่งแตะ 9.8 แสนล้านบาท ส่วนประกันสุขภาพหากเกิดเคลมเกินจำเป็น บ.ประกันสามารถปรับเบี้ยเพิ่มได้

25/11/2024

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจประกันภัยในปี 2568 สำนักงาน คปภ. ประมาณการว่า ภาพรวมธุรกิจประกันภัย (ม.ค.-ธ.ค.2568) จะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 980,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ม.ค.-ธ.ค.2567) และคาดว่าในปี 2569 เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งระบบน่าจะแตะที่ 1,000,000 ล้านบาท ในภาพรวมธุรกิจ ประกันภัยสุขภาพมีความโดดเด่นที่สุด สำนักงาน คปภ. ประมาณการว่า สิ้นปี 2567 ประกันภัยสุขภาพจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงที่ 100,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ทั้งนี้ ภาคธุรกิจประกันภัยยังคงต้องติดตามปัจจัยท้าทายและปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลต่อระดับอัตราดอกเบี้ย (Yield Curve) ที่ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีทิศทางที่ปรับสูงขึ้นแต่ยังต้องมีความระมัดระวังในการเลือกลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท รวมทั้งสงครามการค้าและความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อและอำนาจซื้อของประชาชน ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ประชาชนเริ่มชะลอการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน โดยภาคธุรกิจต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทประกันภัยไปตามสถานการณ์อย่างทันท่วงทีอย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในเรื่องของ การบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 นี้ สะท้อนให้เห็นงบการเงินที่แท้จริงว่า บริษัทประกันภัยมีกำไรในแต่ละปีมากน้อยเพียงใด มีการกระจายรายได้ และค่าใช้จ่ายออกไปอย่างไร มีการจัดกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นภาพงบการเงินได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสำนักงาน คปภ. มองว่าเรื่องความมั่นคงกับงบการเงินที่ได้มาตรฐานต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกันอีกประเด็น เรื่อง การยื่นคำทวงหนี้ต่อกองทุนประกันวินาศภัยในกรณีของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่สิ้นสุดการยื่นคำทวงหนี้ไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 พบว่า มีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องเข้ามาประมาณ 250,000 ราย และมีมูลหนี้ที่ต้องชำระประมาณ 22,000 ล้านบาท โดยกองทุนฯ มีรายได้จากเงินสมทบปีละประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกองทุนประกันวินาศภัยอย่างใกล้ชิด โดยกองทุนฯ ได้พยายามหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม เช่น การกู้ยืมเงิน และอยู่ระหว่างการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเข้ามาช่วยวิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการการชำระหนี้ของกองทุนฯ รวมถึงแนวทางการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นประเด็นถัดมา คือ ทิศทางการทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า โดยส่วนใหญ่บริษัทประกันภัยจะยื่นขออนุมัติกรมธรรม์แต่ละฉบับ ซึ่งสำนักงาน คปภ. พร้อมที่จะอนุมัติให้โดยเร็ว แต่บริษัทประกันภัยที่ยื่นขออนุมัติต้องมีการดำเนินการควบคุมความเสี่ยงเพื่อให้สำนักงาน คปภ. มั่นใจว่ามีการบริหารจัดการ ตั้งแต่กระบวนการการเสนอขาย การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน การบริหารความเสี่ยง และการจัดการเรื่องร้องเรียน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในการบริหารจัดการประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าประเด็นต่อมา กรณีบริษัทหรือตัวแทนนายหน้าขายประกันภัยต่างชาติ ที่มีการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งบริษัทต่างชาติเหล่านี้ ไม่อยู่ในการกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย แต่หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนด้านประกันภัยจากบริษัทเหล่านี้ ทางสำนักงาน คปภ. ก็มีมาตรการดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อตำรวจกองปราบปรามไปหลายคดีแล้ว ดังนั้น จึงอยากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยจากบริษัทหรือตัวแทนนายหน้าขายประกันภัยต่างชาติที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทยประเด็นสุดท้ายคือเรื่อง การประกันภัยสุขภาพ ซึ่งในขณะนี้เบี้ยประกันภัยสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้น และค่ารักษาพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ ทำให้ประชาชนเข้าถึงการประกันภัยสุขภาพได้ยาก สำนักงาน คปภ. จึงได้หารือเร่งด่วนกับภาคธุรกิจเพื่อหาแนวทางควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้เหมาะสม และต้องไม่กระทบต่อสิทธิของผู้เอาประกันภัยโดยอาจมีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) หากผู้เอาประกันภัยมีการเคลมเกินความจำเป็นทางการแพทย์ หรือมีการเคลมด้วยกลุ่มโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัย แต่ละรายในรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่ 200% ของเบี้ยประกันภัย ซึ่งสำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม เนื่องจากเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกวัย สามารถเข้าถึงระบบประกันภัยสุขภาพได้อย่างแท้จริงภายใต้เบี้ยประกันภัยที่เป็นธรรมและเหมาะสมแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ ซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=174788

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

มอลลี่ แฟ็กทอรี่ สตูดิโอ จับมือสยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์ เปิดตัวคาแรคเตอร์ CryBunny และ CryTeddy

25/11/2024

สิ้นสุดการรอคอย กับอีเว้นต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เหล่านักสะสมและสาวกอาร์ตทอยห้ามพลาด Molly Factory Studio ร่วมกับ สยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์ สร้างปรากฏการณ์เหนือความคาดหมาย ตอกย้ำการเป็นโกลบอลเดสติเนชั่นที่ครองใจลูกค้าเป็น #1 Top of Mind จับมือเนรมิตพื้นที่แห่งความสบายใจ และเริ่มต้นใหม่ไปพร้อมกัน ผ่านวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ของ "มอลลี่" หรือ "มด - นิสา ศรีคำดี" ศิลปินระดับโลกผู้นำเสนอผลงานคาแรคเตอร์อาร์ตทอยที่ฮอตและเป็นกระแสแรงที่สุดแห่งปี ครั้งนี้นำทุกคนไปสู่การเยียวยาทางอารมณ์สะท้อนถึงเส้นทางการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวของ "มอลลี่" ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานได้เป็นอย่างดีกับคาแรคเตอร์อันเป็นที่รักอย่าง “CryBunny” และ “CryTeddy” คาแรคเตอร์สุดคิวท์ขนาดยักษ์ครั้งแรกในโลก ในงาน Siam Paragon x CryBunny “Letting go”  ณ พาร์ค พารากอน ซึ่งจัดควบคู่ไปพร้อมกันกับงาน  Siam Center x CryTeddy “Holding on” ณ ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ จัดเต็มกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ และสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นจำหน่ายเฉพาะที่สยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์ เท่านั้น!!  •  "CryBunny" ในแนวคิด "Letting Go" ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยามพารากอนMolly Factory Studio x Siam Paragon พาคุณไปพบกับสัญลักษณ์แห่งการหลุดพ้นจากพันธนาการทางใจและการต่อสู้ในอดีต พร้อมร่วมสัมผัสประสบการณ์แสนพิเศษของ CryBunny ภายใต้คอนเซปต์ Letting Go Space พื้นที่สุดสร้างสรรค์เหนือจินตนาการโดย Molly Factory Studio มาร่วมปล่อยความกังวล ความเสียใจในอดีต และมาฮีลใจด้วยกันในพื้นที่เป่าลมขนาดใหญ่ พื้นที่รองรับทุกความรู้สึกของทุกท่านตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาสัมผัส (สามารถจองบัตรล่วงหน้าผ่าน Ticketmelon ราคา 290 บาท เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.ในทุกวัน ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตนด้วย QR Code จาก Ticketmelon ที่จองไว้เท่านั้น) ห้ามพลาดกับจุดถ่ายภาพสุดคิวท์ ที่มาพร้อมกับกิจกรรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ และเซอร์ไพรส์ของรางวัลที่ซ่อนอยู่ในบริเวณพื้นที่ Letting Go Space รวมถึงจุด Digital RC ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายสำหรับการสะสม RC Passport พร้อมรับ Sticker Gift Set จำนวน 1 ชิ้น หรือลุ้นรับรางวัล Mega Prize หากสามารถค้นหา Secret Ball เจอ!แอบกระซิบว่าควรมาถึงก่อนเวลา เพื่อค้นหาและสะสม RC Stamp ให้ครบทุกจุด ที่ซ่อนอยู่ทั้งในพื้นที่ Siam Center จนถึง พาร์ค พารากอน ก่อนถึงจุดหมายสุดท้ายที่ Letting Go Space Experience แผนที่ค้นหา Item ลับ สามารถดาวน์โหลดได้จากโปรแกรม Digital Passport ณ จุดลงทะเบียน ณ ชั้น G สยามเซ็นเตอร์  •  “CryTeddy” ในแนวคิด “Holding on” ณ เอเทรียม 2 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์Molly Factory Studio x Siam Center ชวนให้คุณร่วมเดินทางไปกับ "CryTeddy" ในแนวคิด "Holding On" ที่จะพาคุณผ่านห้วงแห่งความโศกเศร้าที่ยึดติดสู่การปล่อยวางแล้วก้าวต่อไป ปล่อยพลังสุดอินสไปร์ไปกับโลกของ “มอลลี่” เจ้าของคาแรคเตอร์ยอดนิยมระดับโลก และพบกับ CryTeddy ความสูง 7 เมตร ที่แรกและที่เดียวในไทยณ เอเทรียม 2 ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ ที่จะมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้คนที่ได้พบเห็น ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของสยามเซ็นเตอร์ก็จะเห็นความน่ารักของ CryTeddy ได้ครบทุกองศานอกจากนี้เอ็นจอยไปกับครั้งแรกของ CRYBUNNY Pop Up Store และ CRYTEDDY Pop Up Store ที่มาพร้อมสินค้าคอลเลคชั่นรุ่นพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 ธันวาคม 2567 ทั้งหมด 12 รอบต่อวัน รอบละ 45 นาที สำหรับ 45 ท่านต่อรอบ เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น.- 20.00 น.  โดยเปิดลงทะเบียนการจองสิทธิ์พร้อมกันผ่าน Ticketmelon (https://www.ticketmelon.com/molly-factory/pop-up-store) จำกัด 1 username / 1 สิทธิ์ สำหรับ CRYBUNNY Pop Up Store และ CRYTEDDY Pop Up Store ตลอดทั้งงานทั้งสองพื้นที่แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1450091/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

ลืมพาสปอร์ตบนเครื่องบิน ไม่ต้องตกใจ! ทำตามนี้ได้เลย!

25/11/2024

เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ แม้แต่กับนักเดินทางที่รอบคอบที่สุด! การลืมพาสปอร์ตบนเครื่องบินเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ แต่ไม่ต้องตกใจไป หากตั้งสติและทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้วิธีจัดการหากลืม Passport ไว้บนเครื่องบิน1. ตั้งสติ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกยิ่งกังวลมากเท่าไหร่ ยิ่งคิดหาทางออกได้ยากขึ้นเท่านั้น หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ คิดตามขั้นตอนต่อไปนี้2. ติดต่อสายการบิน หรือ เจ้าหน้าที่ภาคพื้น ทันทีทันทีที่รู้ตัวว่าลืมพาสปอร์ต ให้ติดต่อสายการบินที่คุณใช้บริการโดยเร็วที่สุด แจ้งเที่ยวบิน ที่นั่ง และรายละเอียดของพาสปอร์ต สายการบินจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเพื่อตรวจสอบบนเครื่อง หากพบพาสปอร์ต พวกเขาจะเก็บรักษาไว้ให้คุณ3. ติดต่อเจ้าหน้าที่สนามบินหากสายการบินไม่พบพาสปอร์ต ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่สนามบิน แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาอาจช่วยคุณตรวจสอบกล้องวงจรปิด หรือให้คำแนะนำในการดำเนินการต่อไป และหากสายการบินเก็บได้ เวลารับคืนสจะมีการถามข้อมูลของเราควรจะต้องตอบตามความจริงเพื่อให้ได้รับ Passport คืนข้อแนะนำเพิ่มเติมนอกจากนี้เรายังมีคำแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ลองสำรวจและทำตามกัน เพื่อให้ Passport ของคุณนั้นปลอดภัยเช่นกันเริ่มจาก  •  เก็บพาสปอร์ตไว้ในที่ปลอดภัย เช่น กระเป๋าคาดเอว หรือกระเป๋าถือ  •  ถ่ายสำเนาพาสปอร์ต และเก็บแยกไว้ต่างหาก เผื่อกรณีฉุกเฉิน  •  จดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินของสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย ไว้ในโทรศัพท์  •  ทำประกันภัยการเดินทาง เพื่อคุ้มครองกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและย้ำเสมอ ก่อนจะลุกจากที่นั่งควรจะดูสิ่งของมีค่ารวมถึงเอกสารต่างๆ ให้ครบ แม้ว่าจะอยู่ในที่คิดว่าเก็บไว้แล้วทุกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดการลืมเกิดขึ้นได้นั่นเองครับแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1450147/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การดำเนินชีวิต

เมื่อชีวิตติดแกลม แต่เงินในบัญชีติดลบ นี่แหละ ชีวิตลูกคุณหนูเจนวาย

22/11/2024

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในมีมยอดฮิตที่เห็นกันบ่อยครั้งในปี 2567 ก็คือ #ชีวิตติดแกลม ทั้งในแพลตฟอร์ม TikTok และ Instagramคำว่า ‘แกลม’ คือคำคุณศัพท์ Glamorous แปลว่ามีเสน่ห์ น่าเร้าใจ น่าตื่นเต้น และน่าดึงดูดใจในหนทางที่แสนพิเศษเช่น  A glamorous woman/outfit  ผู้หญิงที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด, เสื้อผ้าที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด หรือ She looks so glamorous. เธอดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจสุดๆ คำว่า ‘glamorous’ มาจากคำภาษาสก็อตติช ‘gramarye’ หมายถึง เวทมนตร์, ความเคลิบเคลิ้มหลงใหล, คาถา เช่น ความหมายของผู้หญิงที่ดูแกลมซึ่งเรายกตัวอย่างไปข้างต้น หรือจะใช้ในบริบทงานเลี้ยงหรือกิจกรรมที่มีความหรูหรามากๆ ก็ได้ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ที่คนเลือกใช้ชีวิตซึ่งเต็มไปด้วยความหรูหราสำหรับบริบทแบบไทยๆ ในตอนนี้ ‘ติดแกลม’ หรือที่บางคนสะกดว่า ‘ติดแกรม’ ถูกใช้หรือถูกเน้นไปในทางที่หมายถึง ‘ติดหรู ติดแพง ติดหล่อ หรือติดสวยแบบฟีลลูกคุณหนู’แล้วถ้าโฟกัสไปที่มีม หรือคลิปรีลส์ต่างๆ ที่มีการโพสต์กันอย่างมากมายในโซเชียลมีเดีย เราก็จะเห็นถึงรายละเอียดของความขำขันในภาพถ่าย วิดีโอ หรือในข้อความที่คนรุ่นใหม่กำลังสื่อสารผ่าน #ชีวิตติดแกลม หรือ #ติดแกลม แถมยังแฝงฝังไปด้วยความเป็นจริงทางสังคมบางอย่างที่น่าสนใจอีกด้วยเราจึงอยากลองชวนทุกคนมาดูตัวอย่างกันว่า คนเจเนอเรชัน Y และเจเนอเรชัน Z ที่โพสต์คอนเทนต์เหล่านี้ในโลกออนไลน์นั้น สื่อสารเมสเสจอะไรในคลิปหรือภาพติดแกลมของพวกเขากันบ้างชีวิตติดแกลม แต่เงินในบัญชีติดลบ นำเสนอภาพสาวติดแกลมสไตล์เก๋ไก๋ที่แสดงสีหน้ากลัดกลุ้มใจ (เพราะเงินในบัญชีของเธอ น่าจะติดลบแบบที่บรรยายไว้ในแคปชัน)ชีวิตสาวติดแกรมของกูและเพื่อนในโซเชียลกินหรูติดแกรม ชีวิตจริงแค่มีแจ่วบองปลาร้าก็คือจบ นำเสนอภาพกลุ่มเพื่อนหญิงที่แต่งตัวแต่งหน้าแน่นๆ กำลังล้อมวงกันกินแจ่วบองนัวๆ ริมฟุตพาตแต่งตัวแต่งหน้าติดแกลม แต่มอมแมมทางการคมนาคม นำเสนอภาพของสาวที่เพิ่งจอดมอเตอร์ไซค์ แล้วถอดชุดคลุมกันแดดมอมๆ ออก เพื่อโชว์ชุดเดรสสวยๆ ที่เธอตั้งใจแต่งมาและที่เห็นกันบ่อยมากคือเมสเสจการแชร์เช็กลิสต์ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับภาพลักษณ์เทสต์ดีที่เขาหรือเธอโพสต์บนโซเชียลมีเดีย (ซึ่งราคาและรายละเอียดของค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามที่แต่ละคนครีเอตคอนเทนต์ขึ้นมา) เช่น ค่าชุด 1,500 ค่าคาเฟ่ 500 ค่าเดินทาง 300 เพื่อถ่ายรูปอัพลงไอจี คนไลก์ 32 คน นี่แหละวงจรชีวิตติดแกลม ซึ่งนำเสนอภาพหนุ่มเทสต์ดีนั่งโพสต์ท่าชิคๆ ในคาเฟ่ฮิปหรือที่แหวกแนวไปกว่านั้นก็คือ ติดแกรม แต่เป็น ติดแกรมมี่โกลด์ คือการหยอกกันว่า โห เธอติดแกรมว่ะ แต่แหกโค้งความหมายไปที่ ติดแกรมมี่โกลด์ สรุปก็คือเป็นมุกตลกที่สื่อสารว่า เหมือนจะติดหรู แต่ติดฟังเพลงลูกทุ่งมากๆ นั่นเอง#ชีวิตติดแกลมสะท้อนสังคมไทยยังไง?ในทางหนึ่ง เมื่อเรามองการโพสต์เนื้อหา #ชีวิตติดแกลม มันก็คือการยั่วล้อกับชีวิตฉากหน้าที่นำเสนอภาพความหรูหราของชีวิต ซึ่งอาจเป็นการเสียดสีพฤติกรรมการโพสต์เนื้อหาติดหรูดูดีในโลกออนไลน์ และอาจต่างกับชีวิตจริงที่ภาวะทางการเงินอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม ความจริงเราอาจจะยากจน ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน หรืออาจอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่แกลมเอาเสียเลย และนี่คือเสียงส่วนหนึ่งที่สะท้อนปรากฏการณ์ติดแกลมในสังคมไทย เทรนด์ความแกลมไม่แน่นอนตายตัว แต่มีบริบทการใช้งานได้หลายแบบ และนำมาซึ่งการตีความจากมุมมองของผู้คนที่หลากหลาย“คลิปหรือมีมพวกนี้เป็นปรากฏการณ์ ที่น่าจะต่อเนื่องมาจากการพรีเซนต์ตัวเองเพื่อสร้างแบรนดิ้งในโลกออนไลน์ ซึ่งคอนเทนต์มันอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ คนยุคนี้บางส่วนยอมทิ้งวินัยทางการเงินเพื่อใช้ชีวิตแกลมๆ ในโซเชียลมีเดีย”เฟิร์น อายุ 29 ปีช่างภาพสาว #ชีวิตติดแกลมปลอม“ชีวิตติดแกลมในโลกออนไลน์ คือการที่ผู้คนพยายามบอกว่า ตัวเองใช้ชีวิตดีๆ แต่แท้จริง เขาอาจจะไม่มีเงินก็ได้ มันเป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างมีความหมายตรงตัวนะ จากเทรนด์นี้ เรามองมันในมุมของการใช้โซเชียลมีเดียของคนในยุคปัจจุบัน เพราะโลกออนไลน์ทำให้เราต้องการฉายภาพบางอย่างของตัวเองออกไปสู่คนอื่น ซึ่งมันก็คือสิ่งที่บอกว่า นั่นคือตัวตนเรานะ แต่จริงๆ อีกทาง มันอาจจะไม่ใช่ตัวเราจริงก็ได้ สมมติอย่างตัวเราเอง ตัวตนเราจริงๆ และในโซเชียลมีเดียอาจไม่ได้ลงรอยกันขนาดนั้น ในโซเชียลมีเดีย เราอาจจะดูเทสต์ดีกว่าตัวจริง ดูเป็นคนลึกลับ ทั้งที่ในความจริงเราก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นๆ มันคือเรื่องเดียวกันกับชีวิตติดแกลมนั่นแหละ แต่เรื่องของความแกลม มันคือการที่คนใช้โซเชียลมีเดียต้องการฉายภาพว่าตัวเองมีเงินแทน แต่เทรนด์นี้มันก็มีความหมายอีกชั้นหนึ่งนะ เพราะคนอยากฉายภาพว่าตัวเองรวยจริงๆ แหละ แต่ก็ตัดเลี่ยนมันด้วยภาพว่า ก็ไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอก กูรวยแบบตลกๆ”น้ำ อายุ 27 ปีอาชีพ กองบรรณาธิการสื่อ#ติดแกลมในสังคมเหลื่อมล้ำ“พอเราเห็นเทรนด์ชีวิตติดแกลมก็สงสัยว่า น้องๆ ในโซเชียลมีเดีย เขากำลังทำอะไรกันอยู่คะ (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าน้องๆ น่าจะเอาฮากันนะ ไม่ได้จริงจังกับเรื่องติดแกลมขนาดนั้น เพราะความเหลื่อมล้ำในประเทศเรา จริงๆ มันมีอยู่เยอะมากแล้ว คนส่วนใหญ่ในประเทศจึงไม่ได้มีชีวิตหรูหรา หรือเข้าถึงความแกลมได้แบบนั้น ทุกคนเลยเล่นมีมเอาฮากันหมด แต่พอเราดู เราก็มีความสงสัยว่า เอ๊ะ ตกลง เขาแกลมกันจริงๆ หรือเปล่า หรือเขาแค่อยากแสดงภาพแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม คือสำหรับเรา มันมีเส้นของความทีเล่นทีจริงอยู่ในนั้นด้วย”ออย อายุ 36 ปีอาชีพ คุณแม่ลูกหนึ่งสรุปติดแกลม นี่ชมหรือด่าดูเหมือนว่า คำว่า ติดแกลม ไม่ได้มีความหมายในทางเดียวเท่านั้น เพราะเมื่อมันถูกใช้อย่างทีเล่นทีจริง จึงมีบ้างที่บางคนสงสัยในแง่ความหมายที่ลื่นไหลได้ และไม่ได้ตายตัว เช่น คำถามของเนติเซนที่ถามครูสอนภาษาอังกฤษ Dr.Nan_English ใน TikTok ว่า “ติดแกรมนี่เหมือนด่าไหมคะ หรือว่าชมว่า แบบติดสวยตลอดอะไรอย่างนี้” และได้คำตอบจากเจ้าของช่องว่า “คิดว่าได้ทั้งสองสถานการณ์นะคะ น่าจะแล้วแต่บริบทเลยค่ะ”เพราะ ถ้าเป็นการชื่นชมก็หมายความว่า เธอมีความหรูหราจริงๆ นั่นแหละแต่ถ้าในทางการเสียดสี ก็คือการหยิกแกมหยอกคนอื่นว่า แหม ชีวิตมึงมันติดแกลม หมายถึงความหมายที่ไม่ได้แปลว่า การชื่นชมเยินยอ แต่เปลี่ยนมาเป็นการหยอกล้อแทน แปลว่า แกไม่ได้แกลมจริง แต่แกกำลังโดนหยอกหรือเสียดสีอยู่ แต่ท้ายที่สุดต้องสังเกตความหมายด้วยบริบทล้อมรอบนั้นๆ ด้วย“ชมหรือด่า อยู่ที่ว่าใครเป็นคนพูดกับเรา เพราะจริงๆ บริบทส่วนใหญ่คือการวิพากษ์วิจารณ์คนกลุ่มหนึ่งที่ติดแกลม ถ้ามันดูน่าหมั่นไส้ หรือน่ารำคาญ มันก็จะเป็นความหมายในทางลบ แต่กับบางคน เขาก็ยอมรับว่าตัวเองอยากแกลมจริงๆ เช่น คอนเทนต์สไตล์ติดแกลม อาจไม่ใช่คำด่าอย่างเดียว แต่อยู่ที่ว่าใครพูด มันอาจหมายความตรงตัวว่าแกลมจริงๆ ก็ได้ ภาษาเป็นวัฒนธรรม คำว่าชีวิตติดแกลมมันก็สะท้อนปรากฏการณ์ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง”น้ำตาล อายุ 43 ปีอาชีพผู้ช่วยบรรณาธิการแล้วทำไมมีมนี้ถึงเวิร์กในหมู่เนติเซนไทย นี่คือข้อสันนิษฐานที่อาจน่าสนใจสำหรับหลายๆ คน“ผมคิดว่า วัฒนธรรมของเจน Y และ เจน Z มักมีพฤติกรรมการบริโภคที่เน้นการใช้จ่ายเกินกำลังทรัพย์ที่ตัวเองมี เช่น มีเงินเดือนอยู่จำนวนหนึ่ง แต่อยากจะซื้อของที่มีราคาสูงไปกว่าเงินเดือนนั้น ผมเคยอ่านข้อมูลที่ปรากฏของ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 แล้วพบว่า คนในช่วงอายุระหว่าง 20-43 ปี เป็นช่วงอายุของคนเจน Y และ เจน Z มีหนี้เสีย (NPLs) รวมกันสูงถึง 5.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ อาจจะบริหารจัดการเงินได้ไม่ดีพอเราคิดว่า เทรนด์ของคำว่าชีวิตติดแกลม มันเป็นวัฒนธรรม คนไทยอาจมองว่ามันเป็นเรื่องตลกได้ แต่ถ้ามองลึกๆ เราอาจไม่ได้มีรายได้มากพอ ซึ่งมีสถิติด้วยว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ มีเงินเดือนไม่ถึง 50,000 บาทด้วยซ้ำ”เติร์ด อายุ 29 ปีโปรดิวเซอร์ออนไลน์คนเจนวายมีบ้าน มีรถ และมีหนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสังคมไทยของเรากำลังกลายเป็นสังคมที่คนเจเนอเรชัน Y (ปีค.ศ. 1981-2000 โดยประมาณ) เข้ามาเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยในฐานะแรงงานหลักยุคปัจจุบัน ซึ่งในตอนนี้พวกเขามีช่วงอายุราวๆ 27-43 ปี และข้อมูลจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ที่อัปเดตในเดือนธันวาคม 2565 ก็ทำให้เราเห็นว่าคนเจนวายไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 15,144,468 คน ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่เยอะที่สุดรองจากคนเจเนอเรชัน X ที่มีอยู่ราวๆ 16 ล้านคนในฐานะที่ผู้เขียนเองก็เป็นคนเจนวาย อาจกล่าวได้คร่าวๆ ว่า คนในเจเนอเรชันเราต่างเติบโตมาในยุคเปลี่ยนผ่านจากโลกแอนะล็อกสู่โลกดิจิทัล ในแง่เทคโนโลยีและเครื่องมืออำนวยความสะดวกในชีวิตของเรานั้นสบายกว่าคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายมากๆ แต่คนเจนวายกลับไม่ได้มีโอกาสสะสมความมั่งคั่งแบบที่เจเนอเรชัน Baby boomer และเจเนอเรชันก่อนหน้าสามารถทำได้อย่างไรก็ตาม ‘เครดิตบูโร’ หรือบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ในช่วงกลางปีนี้รายงานและสะท้อนให้เราเห็นว่า ‘หนี้เสีย’ ภาพรวมของครัวเรือนไทยพุ่งทะยานสูงสู่ 1.09 ล้านล้านบาท และที่กำลังน่าเป็นห่วงสุดๆ ก็คือสุขภาพทางการเงินของคนเจเนอเรชันวายไทยที่ครองแชมป์เป็นเจเนอเรชันที่มีหนี้เสียมากที่สุด ซึ่งยอดกำลังมุ่งหน้าไปแตะตัวเลข 2.5 แสนล้านบาทสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตติดแกลมยังไง?คำตอบส่วนหนึ่งคือเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย (ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของคนเจเนอเรชันวายแต่ละบุคคลด้วยว่ามีพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินกันอย่างไรบ้าง) เพราะการใช้จ่ายเงินส่วนหลักๆ ของมนุษย์ต่างเป็นไปเพื่อแลกกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต แต่อีกส่วนก็คือการใช้จ่ายมันเพื่อสร้างภาพลักษณ์หรือไลฟ์สไตล์ที่แต่ละคนชื่นชอบและอยากจะนำเสนอ เช่น ไลฟ์สไตล์ชีวิตติดแกลมติดเก๋ที่เราอยากแชร์ให้คนอื่นๆ ที่อยู่แวดล้อมในสังคมได้เห็น ทว่า ถ้าสุขภาพการเงินไม่แข็งแรงมากพอ ความฮาในคอนเทนต์ #ชีวิตติดแกลม อาจกลายเป็นเรื่องจริงที่เรากำลังขำขื่น เสียดสี หรือประชดประชันให้กับความฝืดเคืองทางการเงินส่วนตัว เพราะเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จนหลายๆ คนปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เรากำลังยอมจ่ายเพื่อความเท่ แต่ความเท่ที่ต้องแลกทำให้เรามีเงินใช้ไม่พอในทางหนึ่ง มีมชีวิตติดแกลม เพื่อการโชว์ความเทสต์ดีบนโลกออนไลน์ผ่านการกินดื่ม การใช้เสื้อผ้า สิ่งของ การท่องเที่ยว และกิจกรรมอื่นๆ ในรูปแบบการอธิบายเช็กลิสต์การใช้จ่ายเกินตัวจนเงินทองเกลี้ยงบัญชี อาจจะอธิบายอย่างจริงจังผ่านเรื่อง ‘Lifestyle Inflation’ หรือภาวะการใช้จ่ายเงินที่ฟุ่งเฟ้อสุรุ่ยสุร่ายเกินตัวเองได้ ซึ่งการที่เราจะเข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่ดูมีราคาแพง เช่น การเข้าคาเฟ่เท่ๆ กาแฟแก้วละร้อยอัปได้นั้น ก็สันนิษฐานได้ว่า เราน่าจะพอมีเงินเดือนหรือรายได้ที่ต้องสูงมากพอ ซึ่ง Lifestyle Inflation มักจะทำให้คนต้องติดกับวังวนของหนี้ที่จ่ายไม่ไหว หรือการใช้จ่ายเงินแบบเดือนชนเดือน และไม่มีเงินเก็บอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดจากการสังเกตปรากฏการณ์เทรนด์ #ชีวิตติดแกลม และหลังจากการพูดคุยกับผู้คนที่เคยเสพมีมยอดฮิตเหล่านี้ ทำให้เราพอจะมองเห็นว่าเบื้องหลังความตลกโปกฮาเหล่านี้ มีเรื่องจริงของผู้คนซ่อนอยู่ เพราะใครๆ ก็อยากมีชีวิตที่ทั้งเท่และสะดวกสบาย ภายใต้รายได้ที่ได้มาอย่างจำกัด ค่าครองชีพที่สูงในโลกทุนนิยมที่กระตุ้นให้เราอยากบริโภคและอยากโชว์ตัวตนทางสังคม ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งเหล่านี้นี่แหละ ทำให้ออนไลน์มีมกลายเป็นหนทางในการสะท้อนและระบายความรู้สึกแห่งยุคสมัยออกมาได้อย่างแยบยล และน่าสนใจยิ่งแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://plus.thairath.co.th/topic/everydaylife/104962

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

เปิดสาเหตุค่ารักษาพยาบาลในเอเชียพุ่งสูง สร้างความท้าทายทุกภาคส่วน

22/11/2024

วิลลิส ทาวเวอร์ส วัตสัน บริษัทที่ปรึกษา โบรกเกอร์ และโซลูชั่นส์ชั้นนำระดับโลก เปิดสาเหตุค่ารักษาพยาบาลในเอเชียพุ่งสูง สร้างความท้าทายทุกภาคส่วน แนะต้องร่วมแสวงหาทางออกที่ยั่งยืนค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยและเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ปี 2563 ได้สร้างความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้แก่ประชนชนทั่วไป ครอบครัว และระบบสาธารณสุข จากผลการสำรวจแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลทั่วโลกล่าสุดจาก วิลลิส ทาวเวอร์ส วัตสัน (Willis Tower Watson : WTW) บริษัทที่ปรึกษา โบรกเกอร์ และโซลูชั่นส์ชั้นนำระดับโลกคาดการณ์ว่าค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น 14.2% ในปี 2568 ลดลงเล็กน้อยจาก 15.2% ในปี 2567 แต่ยังคงสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 1.2% อย่างมาก ปัจจัยสำคัญหลายประการที่ส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเพิ่มสูงขึ้นของการเข้ารับการรักษาพยาบาล ที่ถูกเลื่อนออกมาในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจทำให้แพทย์ต้องใช้เทคนิคการรักษาโรคที่เข้มข้น เนื่องจากมีการชะลอการรักษาในช่วงโรคระบาดอีกปัจจัยที่สำคัญคือ การพัฒนาและนวัตกรรมการรักษาพยาบาลมีความก้าวหน้ามากขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ความท้าทายเหล่านี้ต้องการการตอบสนองร่วมกัน ทั้งจากฝั่งของผู้บริโภค ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ และผู้กำหนดนโยบาย ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบสาธารณสุขที่มีความยืดหยุ่นและคุ้มค่ามากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของค่ารักษาพยาบาลมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในความต้องการด้านสุขภาพและการให้บริการด้านสุขภาพ ประชาชนจำนวนมากชะลอการเข้ารับการรักษาโรคประจำตัวในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 เพราะหลีกเลี่ยงการเดินทางไปโรงพยาบาล และเมื่อกลับมารักษาอีกครั้ง ทำให้การรักษามีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในวงการแพทย์เองก็มีการสังเกตเห็นอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กซึ่งในช่วงล็อกดาวน์มีโอกาสสัมผัสเชื้อไวรัสที่ต่ำ ภายหลังจากที่โรคระบาดหายไป จึงทำให้เด็กมีความอ่อนไหวต่อโรคทั่วไปมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ได้สร้างผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอายุและทุกบริการทางการแพทย์เมื่อความต้องการด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ระบบสาธารณสุขของรัฐก็ประสบความท้าทายมากขึ้น บริษัทประกันต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการปรับเปลี่ยนบริการและการกำหนดราคา เป็นเวลาหลายปีที่บริษัทประกันชีวิตที่ให้บริการประกันสุขภาพได้รักษาอัตราเบี้ยประกันให้คงที่ แม้แต่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่มีความรุนแรง (ทั้งนี้บริษัทประกันวินาศภัยมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มเบี้ยมากกว่า)อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับบริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิตเองก็ได้รับผลกระทบที่สั่งสมมาตลอดจากค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น และทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปรับเบี้ยประกันได้อีกต่อไป หากยังต้องการรักษาความคุ้มครองที่มีให้กับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน แนวทางหนึ่งที่ได้รับความนิยม คือ การปรับราคาเบี้ยประกันสุขภาพใหม่ ซึ่งช่วยให้บริษัทประกันสามารถสะท้อนการเรียกร้องค่าสินไหมที่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้นปัจจุบันและคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมในการจ่ายเบี้ยประกันในทุกกลุ่มอายุนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 มีการเพิ่มขึ้นของการเรียกร้องค่าสินไหมของประกันสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นทั้งความถี่และมูลค่าของการเคลม ซึ่งหากไม่มีการปรับอัตราเบี้ยประกันอย่างเป็นระบบ บริษัทประกันจะประสบความยากลำบากในการเสนอตัวเลือกความคุ้มครองที่ยั่งยืน ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของกรมธรรม์ที่มีให้หรือผลประโยชน์ที่จำกัดสำหรับผู้บริโภค การปรับราคาเป็นระยะ จะสามารถช่วยให้เบี้ยประกันที่บริษัทประกันเรียกเก็บ มีความสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของการเรียกร้องค่าสินไหมประกันสุขภาพ และช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลผ่านการมีความคุ้มครองประกันสุขภาพได้อย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากการปรับราคาใหม่ บริษัทประกันยังสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีบทบาทที่แข็งขันมากขึ้นในการจัดการค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยการเลือกทางเลือกที่คุ้มค่า เช่น ใช้ยาสามัญแทนยาที่มีแบรนด์เฉพาะเจาะจง หรือการรักษาที่บ้านสำหรับอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ผู้ถือกรมธรรม์สามารถช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นได้ตามข้อมูลของ WTW แผนประกันสุขภาพที่มีลักษณะแบบ “ร่วมจ่าย” (Copayment) (ที่ลูกค้าและบริษัทประกันแบ่งค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด) และ “ความรับผิดส่วนแรก” (deductible) ที่ลูกค้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ตามจำนวนที่กำหนด หลังจากนั้นบริษัทประกันจะเป็นผู้จ่าย จะช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายด้านสุขภาพด้วยการมีความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างบริษัทประกันและผู้บริโภครูปแบบแผนประกันเหล่านี้ จะช่วยสร้างความตระหนักรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และทำให้ประชาชนมีข้อมูลที่สมบูรณ์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของตนเอง นำไปสู่ความคุ้มครองสุขภาพที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้บริโภคและระบบโดยรวมสำหรับประเทศไทย การที่จะสร้างให้เกิดความยั่งยืนระยะยาวในการรับประกันสุขภาพ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้มีบทบาทสำคัญทุกฝ่าย ทั้งบริษัทประกันที่อาจต้องเจรจากับโรงพยาบาล โดยเฉพาะเรื่องการให้บริการเป็นไปตามความจำเป็นทางการแพทย์และให้ความร่วมมือในการควบคุมค่าใช้จ่ายขณะเดียวกัน โรงพยาบาลสามารถช่วยได้โดยการนำแนวทางการดูแลที่คุ้มค่ามาใช้และมุ่งเน้นการลดการกลับเข้ารับการรักษาซ้ำที่หลีกเลี่ยงได้ ในขณะเดียวกัน บทบาทของรัฐบาลก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ตั้งแต่การกำหนดนโยบายที่ส่งเสริมการจัดการต้นทุนไปจนถึงการกำหนดมาตรฐานคำนิยามของ “ความจำเป็นทางการแพทย์” และการควบคุมราคายา ความพยายามร่วมกันเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้ค่ารักษาพยาบาลมีเสถียรภาพ ช่วยให้การกำหนดราคาและความพร้อมของประกันเป็นไปอย่างเป็นธรรมและคาดการณ์ได้สำหรับทุกคนเมื่อค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การปรับราคาเบี้ยประกันสุขภาพดูเหมือนจะเป็นทางออกที่จำเป็น ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การปรับเปลี่ยนด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตการรักษาสุขภาพที่ยั่งยืน ด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัทประกันภัย ผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้บริโภค ประเทศไทยสามารถสร้างระบบที่เข้มแข็งเพื่อรักษาการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพพร้อมกับการจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีความรับผิดชอบ การสร้างความตระหนักรู้และการร่วมมือกันถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายมีบทบาทในการเผชิญความท้าทายนี้ และทำให้การคุ้มครองสุขภาพยังคงเข้าถึงได้และมีประสิทธิภาพในอนาคตแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1699525

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในเมืองไทยของ “มิฟุ โอดะ” ศิลปินรุ่นใหม่ชาวญี่ปุ่น

22/11/2024

สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งค่ำคืนฤดูใบไม้ร่วง กับนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในเมืองไทยของ “มิฟุ โอดะ” ศิลปินหญิงชาวญี่ปุ่น Mifuu Oda’s Bangkok Mini Solo Exhibition in Thailand: Autumn Nightเมซง เจอี กรุงเทพฯ (Maison JE Bangkok) ร่วมกับ มอตโต้ อาร์ท (MOTTO ART) นำเสนอผลงาน “Mifuu Oda’s Bangkok Mini Solo Exhibition in Thailand: Autumn Night” นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในเมืองไทยของ มิฟุ โอดะ (Mifuu Oda) ศิลปินหญิงรุ่นใหม่จากวากายามะ ผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจนโดดเด่นในการสร้างสรรค์ผลงานภาพวาดสีอะคริลิกในสไตล์แอ็บแสตร็คเอ็กเพรสชั่นนิสม์ (Abstract Expressionism)เมื่อเดือนพฤศจิกายนมาถึง ญี่ปุ่นอำลาฤดูร้อนและต้อนรับความเย็นสบายของฤดูใบไม้ร่วง เมื่อช่วงเวลากลางวันสั้นลงและค่ำคืนมาเยือนเร็วขึ้น ท้องฟ้าราตรีพร่างพรายด้วยแสงดวงดาวระยิบระยับ อากาศอบอวลด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกหอมหมื่นลี้ ใบไม้สีแดงสด ส่องประกายสวยราวกับภาพฝัน บรรยากาศอันสงบและงดงามเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญเบื้องหลังผลงานศิลปะของมิฟุ โอดะภาพจิตรกรรมของมิฟุ โอดะไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังสามารถดึงดูดผู้ชมด้วยสีสันสดใสที่หลอมรวมเข้ากับอารมณ์และบรรยากาศอันแสนอ่อนโยนได้อย่างลงตัวผลงานใหม่ล่าสุดของมิฟุ โอดะ ภายใต้ธีม “ความงดงามยามค่ำคืนแห่งฤดูใบไม้ร่วงญี่ปุ่น” ที่คนรักงานศิลปะรอคอยจะนำมาจัดนิทรรศการโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองโซน ได้แก่ โซน Autumn และโซน Night ซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญทำความรู้จักกับ “มิฟุ โอดะ”มิฟุ โอดะเกิดเมื่อปี 2540 ที่จังหวัดวากายามะ ประเทศญี่ปุ่น และสำเร็จการศึกษาจากภาควิชาการวางแผนศิลปะ (Art Planning) มหาวิทยาลัยศิลปะโอซาก้า ในปี 2563มิฟุ โอดะมีความสนใจในศิลปะมาตั้งแต่ยังเด็ก และพัฒนาทักษะการวาดภาพของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เธอเลือกใช้สีอะคริลิกเป็นวัสดุหลักในการสร้างสรรค์งานของมิฟุ โอดะได้รับแรงบันดาลใจจากอารมณ์ที่หลากหลายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความสนุก ความสุข หรือความเศร้า รวมไปถึงสีสันของท้องฟ้า ความงามของดอกไม้ และกลิ่นหอมที่อบอวลอยู่รอบตัวภาพจิตรกรรมแนวแอ็บแสตร็คเอ็กเพรสชั่นนิสม์ของมิฟุ โอดะได้รับอิทธิพลจากตัวละครหญิง “น่ารัก” ในอนิเมะและมังงะญี่ปุ่น“ฉันแสดงตัวตนผ่านการวาดภาพเด็กผู้หญิง ด้วยการสัมผัสของเกรียง การไล่สี และการใช้เนื้อสีในการสร้างสรรค์ ฉันสะท้อนความลื่นไหลของจิตใจและอารมณ์ ความเปราะบางและความแข็งแกร่งของหัวใจของเด็กผู้หญิง”ผลงานของมิฟุ โอดะ เคยจัดแสดงในญี่ปุ่นและหลายประเทศทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้, จีน, สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส ฯลฯ และในเดือนพฤศจิกายนนี้ เธอจะเปิดตัวผลงานใหม่ล่าสุดที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกMifuu Oda’s Bangkok Mini Solo Exhibition in Thailand: Autumn Night เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย  •  ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน ถึง 22 ธันวาคม 2567  •  ชมได้ทุกวัน (หยุดวันจันทร์) เวลา 11.00–19.00 น.  •  ณ เมซง เจอี กรุงเทพ ถนนสุรวงศ์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ  •  พิกัด https://maps.app.goo.gl/5eZejxnze6EtWqg48เมซง เจอี กรุงเทพแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1450031/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

บานสะพรั่ง "ทุ่งบัวแดงบึงบอระเพ็ด" ชมบัวแดงบานเต็มทุ่ง

22/11/2024

บึงบอระเพ็ดเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ ที่มีความสมบูรณ์ของพืชรวมถึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อนที่สำคัญเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยหากิน สร้างรังวางไข่ของนกทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพอยู่หลายชนิดด้วยกัน ซึ่งจะทำรังและวางไข่ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงมีนาคม และในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม จะมีนกอพยพหนีอากาศหนาวจากพื้นที่อื่น ๆ มาอาศัยที่บึงแห่งนี้จำนวนมากภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์และยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวล่องเรือชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ รวมทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนของนักเรียนนักศึกษา และผู้สนใจชมกิจกรรมดูนกในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ดภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ตั้งแต่วันนี้ - 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวทุ่งบัวแดงบึงบอระเพ็ด โดยในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 จะเป็นช่วงเวลาที่บัวแดงบานเต็มทุ่งและสวยที่สุด ฤดูหนาวนี้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวผู้สนใจมาสัมผัสความสวยงามของบัวแดงในบึงบอระเพ็ด และชมความงามของทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 06 4451 4980ภาพ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000111991

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

Gen z มีต้นทุนชีวิตสูงขึ้น เป็น ‘หนี้’ เพื่อเติมเต็มชีวิตในยุคค่าครองชีพแพง

21/11/2024

Gen z มีต้นทุนชีวิตสูงขึ้น เพราะ ‘เงินเฟ้อ’ ฐานรายได้ต่ำกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน สวนทางค่าครองชีพพุ่ง ค่าเรียน-ค่าที่อยู่อาศัยแพง จนเปลี่ยนวิธีการใช้เงินยอมเป็น ‘หนี้’ ติดกับดัก ‘ดอกเบี้ย’ เพื่อเติมเต็มชีวิตคนรุ่นใหม่ ทั้ง “Gen Z” และ “มิลเลนเนียล” กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินมหาศาล  พร้อมกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ “ต้นทุนชีวิต” หรือค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าที่อยู่อาศัย ค่าศึกษา หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้การเริ่มต้นชีวิตวัยผู้ใหญ่เป็นเรื่องยากกว่าที่เคย โดยเฉพาะวัยที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของชีวิต เช่น การซื้อบ้านหลังแรก หรือการสร้างครอบครัว  •  Gen Z ติดกับดัก ‘ดอกเบี้ย’  ข้อมูลจาก TransUnion เผยให้เห็นว่าคนรุ่น Gen Z วัย 22-24 ปี กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินและอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่รุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยมีทั้งหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อนักศึกษาที่สูงกว่ากลุ่ม Gen Z ในช่วงวัยเดียวกันเมื่อ 10 ปีก่อน  ยิ่งไปกว่านั้น ยอดคงเหลือในบัตรเครดิตเฉลี่ยของกลุ่มนี้ก็พุ่งสูงขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับกลุ่ม Gen Y ในอดีต ส่งผลให้ภาระหนี้สินของ Gen Z ในปัจจุบันหนักอึ้งกว่าเดิมมาก เนื่องจากอัตรา “ดอกเบี้ย” ของบัตรเครดิตพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์คนรุ่น Gen Z มีหนี้บัตรเครดิตเร็วกว่าคนรุ่นอื่นๆ เพราะมีรายได้น้อยและมีเงินออมน้อย จึงหันมาใช้การกู้ยืมสินเชื่อเพื่อเติมเต็มชีวิต ในความเป็นจริง คนรุ่นใหม่ยังมีโอกาสที่จะฟื้นฟูสถานะทางการเงิน แต่อย่าลืมว่าภาระหนี้สินที่แบกรับอยู่ในปัจจุบันอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตในระยะยาวอย่างมาก McClary จาก NFCC ได้กล่าวว่าการกู้เงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงจะขัดขวางการเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต นั่นหมายความว่า แม้จะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินในปัจจุบันได้ แต่ผลกระทบที่ตามมา เช่น ประวัติเครดิตที่เสียหาย หรือเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น  •  ฐานเงินเดือนต่ำ สวนทางต้นทุนชีวิตพุ่งสูงขึ้น  ข้อมูลจาก TransUnion เผยให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 22-24 ปี มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าคนรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับคนรุ่นมิลเลนเนียลในวัยเดียวกัน พบว่าคนรุ่นใหม่มีรายได้น้อยกว่าถึง 6,359 ดอลลาร์ หรือ 12.26%  เมื่อปรับอัตราเงินเฟ้อแล้ว แสดงให้เห็นถึงความท้าทายทางการเงินที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญในการเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยรายได้ที่จำกัดและเงินออมที่น้อยกว่า คนทำงานรุ่นใหม่จึงหันมาพึ่งพาสินเชื่อเพื่อมาเติมเต็มช่องว่างทางการเงินที่ขาดหายไป ส่งผลให้หลายคนโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z มีหนี้บัตรเครดิตตั้งแต่อายุยังน้อยคนรุ่นใหม่กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในการหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเลือกเช่าหรือซื้อก็ตาม ค่าครองชีพที่สูงขึ้นโดยเฉพาะค่าเช่าที่พุ่งทะยานถึง 30% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้การมีที่พักอาศัยที่สะดวกสบายและตรงตามความต้องการเป็นเรื่องยากขึ้นมาก ในขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นเพียง 20% ทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างรายได้และค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยอย่างเห็นได้ชัดข้อมูลจาก StreetEasy เผยให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการเช่าอพาร์ตเมนต์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังกัดกินรายได้ของคนทำงาน ทำให้พวกเขามีเงินออมน้อยลงและส่งผลกระทบต่อเป้าหมายทางการเงินระยะยาว เช่น การซื้อบ้านหรือการออมเงินเพื่อเกษียณอายุ การที่ค่าเช่าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้คนทำงานต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น และมีเงินเหลือเก็บน้อยลง ทำให้การบรรลุเป้าหมายทางการเงินอื่นๆ เป็นไปได้ยากขึ้นราคาบ้านในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นถึง 40% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บ้านราคาไม่แพงหายากยิ่งขึ้น ซึ่งระดับบ้านราคาเหมาะกับผู้ที่มีรายได้ปานกลางส่วนใหญ่สามารถจ่ายได้  ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันกลายเป็นตลาดที่เข้าถึงได้ยากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลให้ครัวเรือนอเมริกันกว่า 3 ใน 4 ไม่สามารถซื้อบ้านราคาปานกลางได้  •  จบพร้อม ‘หนี้’ปริญญาตรีเคยถูกมองว่าเป็นบัตรผ่านสู่โอกาสที่ดีกว่าในชีวิตการทำงาน แต่ในปัจจุบันสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เพราะค่าเล่าเรียนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริญญาตรีกลายเป็นภาระทางการเงินที่หนักอึ้งสำหรับหลายคน ส่งผลให้ประโยชน์ที่เคยได้รับจากการมีปริญญาตรี ไม่ว่าจะเป็นการได้งานที่ดีหรือเงินเดือนสูง เริ่มไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาในระดับอุดมศึกษาในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นกว่า 68% ปัจจุบัน ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปีสำหรับมหาวิทยาลัยรัฐอยู่ที่ 24,920 ดอลลาร์  หรือราว 8.6 แสนล้านบาท  หากรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอด 4 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยชั้นนำอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงเกือบ 400,000 ดอลลาร์ ราว 13 ล้านบาทค่าเล่าเรียนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้นักศึกษามากขึ้นต้องพึ่งพาเงินกู้เพื่อศึกษาต่อ  โดยเฉลี่ยแล้ว นักศึกษาชาวอเมริกันที่จบการศึกษาจะมีหนี้สินจากการศึกษาประมาณ 37,850 ดอลลาร์ หรือ 1.3 ล้านบาท ส่งผลให้เกือบครึ่งหนึ่งของบัณฑิตจากทั้งมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนจบการศึกษาพร้อมกับภาระหนี้สินนี้ และข้อมูลจาก Education Data Initiative เผยให้เห็นว่าปัจจุบันมีชาวอเมริกันกว่า 42 ล้านคนกำลังแบกรับภาระหนี้สินจากเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาจากรัฐบาลกลาง  •  Gen z เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจกลุ่มวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวอายุ 18-29 ปี ในสหรัฐตอนนี้มีจำนวนหนี้สินรวมกันสูงถึง 1.12 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 41 ล้านล้านบาท แม้จะเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับหนี้สินทั้งหมดของประเทศ แต่ถือเป็นหนี้ก้อนแรกของคนหนุ่มสาวที่ต้องแบกรับในช่วงเริ่มต้นชีวิตการทำงาน ทำให้ต้องกังวลและไม่มั่นใจในอนาคตทางการเงิน อาจจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชำระหนี้ และเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น นำไปสู่วินัยทางการเงินที่เปลี่ยนไป “เก็บออม” มากกว่าใช้จ่าย หรือ ลงทุนพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไปอาจนำไปสู่การลดลงของกำลังซื้อและส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะยาว มาร์ซี่ เมอร์ริแมน จาก EY ได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของคนรุ่น Gen Z ที่มีต่อแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการซื้อบ้าน การบริโภค และการมีครอบครัว ซึ่งแตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างมาก ตัวอย่างเช่น การเลื่อนการซื้อบ้านออกไป หรือการเลือกเช่าที่อยู่อาศัยที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า ทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่เคยมีอยู่ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ธุรกิจใดที่สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมของ Gen Z ได้เป็นอย่างดี จะสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้ในอนาคตมิเชล ราเนอรี ฝ่ายวิจัยบริการทางการเงินของ TransUnion ได้เปิดเผยถึงความจริงที่น่าตกใจว่า คนรุ่นใหม่ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็น “คนรุ่นใหม่ที่ร่ำรวย” กำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงินที่คาดไม่ถึงในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตที่ควรจะได้เริ่มต้นสร้างฐานะที่มั่นคง  •  จะซื้อจนกว่าจะหมดแรง !หลังจากช่วงเวลาที่ทุกคนต้องประหยัดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาลดค่าใช้จ่าย แต่กลุ่ม Gen Z กลับมีพฤติกรรมที่แตกต่างออกไป พวกเขายังคงรักษาพฤติกรรมการใช้จ่ายที่สูงเหมือนเดิม หรืออาจสูงขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำแม้ค่าครองชีพจะสูงขึ้น แต่พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ในขณะที่คนรุ่นก่อน ๆ มีแนวโน้มที่จะลดการจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าปลีก กลุ่มมิลเลนเนียลและเจนซีกลับเพิ่มการใช้จ่ายสูงขึ้นถึง 32% และ 17% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2018 พวกเขายินดีที่จะใช้จ่ายเงินกับสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นของฟุ่มเฟือย เช่น ตั๋วคอนเสิร์ต หรือทริปท่องเที่ยว หรือแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างเครื่องดื่มจากร้านกาแฟชื่อดังพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนรุ่นมิลเลนเนียลและเจนซีกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเจนซีที่ใช้บัตรเครดิตเกินวงเงินหรือชำระล่าช้าสูงถึง 1 ใน 7 คน ตามข้อมูลจากธนาคารกลางนิวยอร์ก แม้จะมีวงเงินเครดิตที่จำกัดกว่ารุ่นก่อน แต่คนหนุ่มสาวกลุ่มนี้กลับใช้วงเงินที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ของคนวัย 20 ปีเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2013 เป็น 16% ในปี 2023 ตามข้อมูลของ TransUnion ซึ่งบ่งชี้ว่าแทนที่จะลดการใช้จ่าย พวกเขากลับหันไปพึ่งพาหนี้สินรูปแบบใหม่เพื่อสนองความต้องการในการบริโภคมากขึ้นอ้างอิง Bloombergแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/world/1153920

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สุขภาพ

สาววัย 17 ช็อก เป็นมะเร็งปากมดลูก แม่คิดว่าลูกเกเร ด่ากลาง รพ. ก่อนหมอเฉลยสาเหตุ

21/11/2024

เด็กสาววัย 17 เป็นมะเร็งปากมดลูก แม่คิดว่าลูกสาวออกนอกลู่ ด่ากลางลั่น รพ. กระทั่งหมอบอกความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้หลายคนเข้าใจผิดว่า การไม่เคยมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ปลอดภัยจากไวรัส HPV และมะเร็งปากมดลูก แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลยเมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องราวที่สะเทือนใจของเด็กสาววัย 17 ปีชื่อ 'เสี่ยวเหมย' นักเรียนมัธยมหญิงในเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน เธอพบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3 ทั้งที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนอาการของเสี่ยวเหมยเริ่มต้นด้วยอาการปวดในอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง มีประจำเดือนบ่อยถึง 3-4 ครั้งต่อเดือน และปวดท้องประจำเดือนรุนแรงจนลามไปถึงเอว ครอบครัวของเธอคิดว่าเป็นเพียงปัญหาประจำเดือนที่ผิดปกติหรืออาการเมื่อยล้าจากการเรียนหนักแต่ผลการวินิจฉัยจากแพทย์กลับเผยว่า เธอเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3 ซึ่งก้อนเนื้อร้ายได้ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง รวมถึงบริเวณอุ้งเชิงกราน ต่อมน้ำเหลือง และกดทับกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่ สร้างความตกใจและกังวลใจให้กับครอบครัวอย่างมากที่โรงพยาบาล แม่ของเสี่ยวเหมยระเบิดอารมณ์และตำหนิเธอเสียงดัง ด้วยความเชื่อว่าเธอประพฤติตัวไม่เหมาะสมและมีพฤติกรรมไม่ดีจนทำให้เกิดโรคร้ายนี้ เสี่ยวเหมยร้องไห้ออกมา พร้อมยืนยันว่า ชีวิตเธอมีแค่การเรียน อยู่แต่ในหอพักหญิง และกลับบ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่เคยมีแฟนและไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เลยแพทย์ได้อธิบายว่า สาเหตุที่ทำให้เสี่ยวเหมยป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกคือการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในวัยเยาว์ และแม้ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนก็ตามแพทย์เตือนถึงเส้นทางการติดเชื้อไวรัส HPV ที่นอกเหนือจากการมีเพศสัมพันธ์จากกรณีของเสี่ยวเหมย ศาสตราจารย์เฉียว โหย่วหลิน หัวหน้าภาควิชาสูตินรีเวช โรงพยาบาลประชาชนแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ประเทศจีน ระบุว่า นี่ไม่ใช่กรณีที่เกิดขึ้นได้ยากศาสตราจารย์เฉียว อธิบายว่า ไวรัส HPV (Human Papillomavirus) เป็นกลุ่มไวรัสในตระกูล Papillomaviridae ซึ่งมีมากกว่า 200 สายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์ทำให้เกิดหูดตามผิวหนังหรือบริเวณอวัยวะเพศ ในขณะที่บางสายพันธุ์เชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องปากและลำคอ รวมถึงมะเร็งองคชาตและช่องคลอด สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงในการทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกคือ HPV-16 และ HPV-18พร้อมเน้นย้ำว่า แม้ไวรัส HPV จะแพร่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก แต่ก็ไม่ใช่เส้นทางเดียว มันสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสผิวหนังโดยตรง เช่น การกอด การจูบ หรือการสัมผัสบริเวณที่มีแผล และยังอาจแพร่ผ่านการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าขนหนู แปรงสีฟัน หรือเสื้อผ้า รวมถึงการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกระหว่างการคลอดอีกทั้งแม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่ไวรัสนี้ยังสามารถแพร่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด เช่น สระว่ายน้ำสาธารณะหรือห้องอาบน้ำสาธารณะนอกจากนี้ การติดเชื้อ HPV ไม่ได้หมายความว่าจะพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูกในทันที กระบวนการจากการติดเชื้อจนถึงการเกิดมะเร็งอาจใช้เวลานานถึง 10-20 ปี กรณีของเสี่ยวเหมย แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุการติดเชื้อที่แน่ชัด แต่พบว่าเธอติดเชื้อ HPV มาหลายปีแล้ว และมีความเสียหายก่อนเกิดมะเร็งที่ไม่ได้รับการสังเกต จนกระทั่งพบว่าก้อนเนื้อร้ายได้ลุกลาม การตัดมดลูกก็ไม่สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไปจากเรื่องราวของเสี่ยวเหมย ศาสตราจารย์เฉียวได้เตือนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพระบบสืบพันธุ์ โดยเฉพาะในผู้หญิง การป้องกันการติดเชื้อ HPV ควรรวมถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีสุขภาพดี การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การดูแลสุขอนามัยในบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างถูกต้อง มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการฉีดวัคซีนป้องกัน HPVแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/news/9651338/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X