Everyday knowledge for you
การวางแผนทางการเงิน
10/06/2025
บทความโดย "ภาดร สุขสวัสดิ์" นักวางแผนการเงินCFP®สมาคมนักวางแผนการเงินไทยจากการที่ผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาทางการเงินมาตลอด 10 ปี ได้มีคนมาขอคำปรึกษาและพูดคุยถึงการจัดการแผนการเงินเป็นจำนวนมาก พบว่าส่วนใหญ่ผู้รับการวางแผนที่มีแผนการเงินอยู่แล้ว แต่พบว่าประมาณ 80% จะมีแผนการจัดการเงินในระยะสั้นเท่านั้น เช่น มีการบริหารเงินให้รายรับมากกว่ารายจ่าย และถึงแม้จะมีการจัดการเรื่องเงินเก็บ เงินออม แต่ก็ยังขาดเรื่องการเก็บเงิน และนำไปลงทุนระยะยาวเผื่อสำหรับค่าใช้จ่ายที่สำคัญในอนาคต และยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการป้องกันความเสี่ยง วิกฤติการเงินต่าง ๆ ที่อาจจะมากระทบกับแผนการเงินในระยะยาวดังนั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมาขอสรุปคำแนะนำที่เคยให้ไว้กับผู้ขอรับคำปรึกษา ในการปรับแก้แผนการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันให้พร้อมรับมือกับความเสี่ยงและความผันผวนได้ดีขึ้นในอนาคต และทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ไม่ยาก หากดำเนินการได้ตามคำแนะนำ ดังนี้แผนการเงินที่มี ดีแล้วหรือยังการวางแผนทางการเงินจะเป็นเหมือนเข็มทิศที่จะบอกว่า ควรจะมีรายได้เท่าไร ใช้จ่ายอย่างไร รวมไปถึงวิธีการเก็บออมและลงทุนที่เหมาะสม เพื่อให้ไปได้ถึงเป้าหมายได้ตามที่ตั้งใจไว้ โดยแผนการเงินที่ดี นอกจากจะชัดเจนแล้วยังต้องสามารถทำได้จริง ไม่ยากหรือกดดันตัวเองจนเกินไป ไม่ทำให้ท้อถอยหรือหยุดทำตามแผนไปกลางคันการเริ่มต้นวางแผนการเงินที่ดี ควรเริ่มจากทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตนเองออกมาก่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมของ รายได้หลัก รายจ่ายต่าง ๆ สถานะทางการเงิน ความสามารถในการออมเงินและลงทุนเพื่อเก็บไว้สำหรับใช้จ่ายในอนาคต หากปรับเป็นแผนการเงินที่ดีแล้ว ก็จะนำมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมั่นใจขึ้นเตรียมแผนการเงินให้รับมือกับความผันผวนได้จากวิกฤติโควิด-19 จะเห็นว่าสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งผู้ประกอบการและพนักงานประจำ แต่หากมีการเตรียมแผนการเงินที่มีความยืดหยุ่นสูงและปรับเปลี่ยนได้ไม่ยาก จะเป็นข้อได้เปรียบในการช่วยกู้สถานการณ์ฉุกเฉิน การเกิดเหตุไม่คาดฝันกับครอบครัวได้ เช่น หากรายได้ลดลง แผนสำรองเงินฉุกเฉิน จากการเก็บออมไว้ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนออกมาบางส่วนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ หรือหากยังไม่พอก็อาจจะทำการหยิบยืมออกมาจากแผนการเงินอื่น ๆ เช่น แผนเกษียณออกมาใช้กู้วิกฤติก่อน เมื่อผ่านพ้นไปได้ก็ค่อยนำเงินไปคืนให้กับแผนเกษียณของตนเองที่วางไว้แผนการลงทุนในแต่ละแผนการเงิน มีความเสี่ยงที่เหมาะสมแผนการเงินที่ดีไม่จำเป็นต้องลงทุนแต่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเสมอไป หากระยะเวลาของแผนการเงินนั้นสั้นก็ไม่ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเกินไป ถึงแม้จะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่สูง เช่น แผนการศึกษาบุตร ควรเลือกลงทุนโดยคำนึงถึงระยะเวลาการลงทุนด้วย ค่าใช้จ่ายการศึกษาที่ไม่เกิน 3 – 5 ปี ก็ไม่ควรเลือกการลงทุนที่เสี่ยงจนเกินไปทั้งจำนวนเช่น กองทุนหุ้น เพราะหากเกิดวิกฤติทางการเงินที่ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงที่ลงทุนขาดทุนในช่วงเวลาที่ต้องถอนเงินออกมาชำระค่าเทอม ก็จะกระทบกับแผนที่วางไว้ แต่หากเป็นการเก็บเงินระยะยาวสำหรับการศึกษาของบุตร ในระดับชั้นปริญญาตรีและโท ในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็อาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มได้ เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่มากขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาจากความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองด้วย ต้องไม่ทำให้รู้สึกกังวลจนเกินไป และกระทบกับชีวิตประจำวันปิดความเสี่ยงที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่มีโอกาสกระทบแผนการเงินแผนการเงินของผู้รับคำปรึกษามักหยุดชะงักและไปไม่ถึงเป้าหมาย มักเป็นเพราะเรื่องของค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยจากโรคที่ไม่คาดคิด และไม่ได้เลือกที่จะปิดความเสี่ยงนี้ไว้ก่อน คนส่วนใหญ่จะมองข้ามแผนประกันเพราะคิดว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น มองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นกับตนเองน้อย แต่ลืมไปว่าหากเกิดขึ้นแล้วจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ซึ่งจะทำให้เงินทั้งหมดที่สะสมไว้ในแผนการเงินต่างๆ หมดลงได้อย่างรวดเร็วการมีประกันจะเปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันเวลาเกิดเหตุที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันรถ หรือประกันอัคคีภัย เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ ในการเริ่มต้นวางแผนการเงิน และรวมไปถึงประกันชีวิต ที่จำเป็นต้องทำหากเป็นการวางแผนการเงินที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ เช่น การวางแผนการศึกษาบุตรเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินให้เหมาะกับแผนการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมก็เป็นตัวที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับแผนในอนาคตได้ เช่น การวางแผนเกษียณ เป็นการเก็บเงินเพื่อใช้ในอนาคต ซึ่งจะสามารถเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินระยะยาวที่มีผลประโยชน์ทางด้านภาษีเพิ่มเติม เช่น กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือประกันบำนาญ ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ โดยได้สิทธินำไปลดภาษีได้ทุกครั้งที่ลงทุนหรือจ่ายเบี้ยประกันตามเกณฑ์ที่ถูกวางไว้ และสำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีก็สามารถเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงและนโยบายการลงทุนที่สนใจได้อีกด้วย ถือเป็นการใช้เครื่องมือทางการเงินได้อย่างคุ้มค่าและตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ทบทวนและปรับปรุงตลอดเวลาถึงจะมีแผนการเงินที่ดีแล้ว ก็ยังต้องนำมาทบทวนทุก ๆ 6 เดือนหรือ 1 ปีอยู่เสมอ เพราะชีวิตก็ไม่ได้หยุดนิ่งมีการปรับเปลี่ยนตลอด เช่น มีรายได้สูงขึ้น หรือมีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อตัวแปรในแผนการเงินเปลี่ยน แผนการเงินก็จำเป็นต้องปรับ หรือแม้แต่สถานการณ์ภายนอกที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยธรรมชาติ วิกฤติการเงิน ที่มาส่งผลกระทบกับแผนการเงิน ก็ต้องนำมาพิจารณาที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขแผนการเงินให้เป็นปัจจุบัน การศึกษาเครื่องมือทางการเงินใหม่ ๆ และเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็นำมาพิจารณาปรับใช้กับแผนการเงิน เพื่อให้ไปถึงจุดหมายได้ดีขึ้นก็ทำได้เช่นกันปรับแผนทางการเงินให้ มีความต้านทานต่อวิกฤติ มีความยืดหยุ่นสูง ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม มีการทบทวนสม่ำเสมอ จะทำให้พร้อมที่จะรับมือวิกฤติทางการเงินในอนาคตได้ดีขึ้น และพร้อมที่จะไปถึงเป้าหมายได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1817263
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การวางแผนทางการเงิน
10/06/2025
"สิ่งสำคัญที่คนวัย 30 ต้องให้ความสำคัญคือการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน การมีประกันที่จำเป็น หรือแม้แต่การลงทุนในความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์และสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างแท้จริง"การเข้าสู่วัย 30 ไม่ได้หมายถึงแค่การมีรายได้ที่มั่นคงขึ้นเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างครอบครัว การผ่อนบ้าน หรือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว ทำให้การวางแผนการเงินในวัยนี้ซับซ้อนกว่าแค่การลงทุนให้เงินงอกเงยเพียงอย่างเดียวสิ่งสำคัญที่คนวัย 30 ต้องให้ความสำคัญคือการสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน การมีประกันที่จำเป็น หรือแม้แต่การลงทุนในความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์และสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างแท้จริง1. ตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจนจุดเริ่มต้นของการตั้งเป้าหมายการเงิน หรือการวางแผนชีวิต คือการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ว่าเป้าหมายใดมีความจำเป็นเร่งด่วนมากกว่ากัน จากนั้นจึงนำแผนนี้มาจัดสรรเงินตามลำดับ เพื่อให้เราทราบว่ารายได้ที่มีนั้นเพียงพอหรือไม่ และขาดเหลือตรงไหนบ้าง2. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน ป้องกันการเกิดวิกฤติชีวิตเราเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยที่ไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนในอดีต และมีกระแสการปลดคนอยู่มากมาย ดังนั้นการเตรียมเงินสำรองไว้ในภาวะวิกฤติย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งแนวโน้มในเวลานี้ การสำรองเงินไว้ใช้ 6 เดือนอาจไม่เพียงพออีกแล้ว คุณอาจต้องขยับเป็น 12 เดือนเลยทีเดียว การเก็บเงินไว้เป็นทุนสำรองไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นเงินสดทั้งหมด แต่เราสามารถเก็บเงินไว้ในกองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนรวมที่เน้นลงทุนหุ้นกู้ระยะสั้น ที่มีสภาพคล่องสูง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้น แต่ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนกลับมา3. ประกันชีวิตคือสิ่งที่ขาดไม่ได้การมีประกันที่จำเป็นจึงสำคัญมาก ทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุ จะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน โดยเฉพาะในด้านค่ารักษาพยาบาล เพราะด้วยราคาค่ารักษาพยาบาลในเวลานี้ที่สูงมาก ซึ่งในวัย 30+ แม้ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคประจำตัว หรือโรคร้ายแรงอาจจะยังไม่มากนัก แต่ในอีกด้านหนึ่ง ชีวิตคุณอาจเจอจุดเปลี่ยนจากการต้องเข้ารักษาพยาบาล หากไม่เตรียมตัวก็อาจเกิดวิกฤตทางการเงินได้4. วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงเมื่อเราแบ่งเงินเป็นส่วน ๆ และกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ลำดับต่อมาคือการวางแผนการลงทุน ซึ่งในวัย 30 ยังไม่ถือว่าช้าเกินไปสำหรับการลงทุน และสินทรัพย์เสี่ยงยังคงเป็นโอกาสที่คุณสามารถเลือกลงทุนได้ แต่สิ่งที่คุณควรรู้จักและเป็นเพื่อนรักในการลงทุนคือ ดอกเบี้ยทบต้น การนำผลตอบแทนกลับมาลงทุนใหม่ จะช่วยให้คุณมีผลตอบแทนที่ดีมากขึ้นในระยะยาวอย่างที่คุณอาจไม่คาดคิด5. ลงทุนในความสัมพันธ์นอกเหนือจากการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแล้ว การลงทุนในความสัมพันธ์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การมีเครือข่ายเพื่อนฝูง ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานที่ดี จะเป็นเหมือน "ทุนทางสังคม" ที่สำคัญในชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นการลงทุนกับเพื่อนและคนรู้จัก ความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงทางจิตใจ หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งช่วยให้การทำงานราบรื่นการลงทุนในด้านความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่ประโยชน์ในด้านสุขภาพจิตเท่านั้น แต่อาจช่วยยกระดับให้เราค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ในด้านเศรษฐกิจได้เช่นกันแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/financial_planning/2860408
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
10/06/2025
เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘LINECENSOR’ เป็นศิลปินไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในโลกของศิลปะดิจิทัลและ NFT (Non-Fungible Token) สร้างสถิติการประมูลแตะหลักล้านในแพลตฟอร์มระดับสากล จนมีแฟนคลับและผู้ติดตามจากทั่วโลกห่างหายจากการแสดงผลงานเดี่ยวนานถึง 9 ปี กลับมาครั้งนี้ เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์ หรือ LINECENSOR ฉายาที่ได้รับขณะเรียนคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ที่กลายเป็นชื่อที่เรียกขานกันในวงการศิลปะ ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และของสะสม รวมทั้งแอพพลิเคชั่นให้สนุกไปกับเกมของของเหล่าคาแรคเตอร์อย่างเต็มอิ่มกันเลยทีเดียวประติมากรรมไฟเบอร์กลาสคนคู่สีดำ-ขาว ขนาดชวนปะทะ บริเวณทางเข้าแกลเลอรี่ผลงานจิตรกรรมขนาดกว้าง 4 เมตร x ยาว 8 เมตร พร้อมด้วยประติมากรรมสนุก ๆเริ่มต้นก็ชวนปะทะสายตากันด้วยประติมากรรมไฟเบอร์กลาสสูง 3.5 เมตร คาแรคเตอร์คู่ชายหญิงสีดำและขาวตัดกันยืนอยู่ทางเข้าห้องนิทรรศการที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วต้องร้องว้าว ! มาแต่ไกล แต่อยากบอกว่าในห้องนิทรรศการนั้น ว้าว ! ยิ่งกว่าเพราะไฮไลท์จะอยู่ที่ผลงานจิตรกรรมขนาดกว้าง 4 เมตร x ยาว 8 เมตร ที่เจ้าตัวกล่าวว่า เป็นผลงานชิ้นที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เคยทำมา โดยใช้เวลาวาดอยู่นาน 4 ปี“ผมไม่ได้แสดงนิทรรศการเดี่ยวที่เมืองไทยมาหลายปี ครั้งนี้จึงอยากนำผลงานจิตรกรรมที่เป็นมาสเตอร์พีซมีทั้งงานที่สร้างขึ้นมาใหม่และงานที่อยู่ในคอลเลคชั่นของนักสะสมที่หลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน 7- 8 ชิ้น โดยมีจิตรกรรมขนาด 8 เมตรเป็นไฮไลท์ ควบคู่ไปกับประติมากรรมที่ออกแบบใหม่อีก 20 ชิ้น เพื่อทำให้เนื้อหาในนิทรรศการมีความสนุกมากยิ่งขึ้น” ศิลปินบอกกับเรา‘LINECENSOR’ เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์รายละเอียดของผลงานจิตรกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวที่ได้พบเห็นผ่านลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์“นิทรรศการครั้งนี้มีชื่อว่า ARCH OF LINECENSOR PART 1: PERFECT STORM ใช้เวลาคิดชื่อค่อนข้างนาน PERFECT STORM บางคนอาจตีความว่าเป็นพายุที่สมบูรณ์แบบ ในอีกมุมหนึ่งอาจมองถึงสถานการณ์ วิกฤติต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตที่ยากลำบาก ผมนำสิ่งเหล่านั้นมาแปรเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่สะท้อนความสุขความทุกข์และความหมายของชีวิต” กว่าจะมาเป็น LINECENSOR ศิลปินไทยคนแรกๆที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาด NFT (Non-Fungible Token) ระดับสากล ด้วยมูลค่าผลงานในหลักล้านบาท เจ้าตัวบอกว่า“ผมเป็นเด็กติดเกมมาก่อน ชอบวาดรูป ชอบวาดการ์ตูน ชีวิตไม่ได้มีเป้าหมายอะไร จน ม.3 ต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนสายไหน”LINECENSOR เลือกเข้าเรียนวิทยาลัยเทคนิคลพบุรี แผนกเทคนิคการก่อสร้าง เพราะครอบครัวทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เรียนอยู่ได้หนึ่งปีชีวิตเปลี่ยนเมื่อได้ไปเห็นผลงานของแผนกวิจิตรศิลป์ที่อยู่ด้านหลังตึกเรียนเทคนิคก่อสร้าง จึงย้ายแผนกมาเรียนศิลปะ แล้วสอบเข้าเรียนในคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ได้ในที่สุด“เรียนอยู่ปี 3 แล้วยังเป็นเด็กติดเกมอยู่เหมือนเดิม นั่งเล่นเกมจนถึงเช้า ชีวิตไม่มีเป้าหมาย เห็นเพื่อนส่งผลงานเข้าประกวด ลองส่งบ้าง พอผลงานได้รับรางวัลผมเลิกเล่นเกมเลย เปลี่ยนตัวเองมาตั้งใจทำงานศึกษาผลงานของรุ่นพี่ที่ได้รับรางวัลที่ 1 จนเข้าใจว่า การทำงานศิลปะต้องมีคอนเซ็ปต์ มีสิ่งที่เราอยากจะพูดชัดเจน ขยันและต้องทำงานให้เยอะ และกลายเป็นพื้นฐานในการทำงานของผมจนถึงวันนี้”จากเด็กติดเกมสู่การสร้างงานศิลปะที่สะท้อนตัวตนของศิลปินและต้องตานักสะสมภายในห้องจัดแสดงความรักในเกม การ์ตูน พัฒนามาสู่ความคิดสร้างสรรค์ และกลายมาเป็นเอกลักษณ์ในผลงานของ LINECENSOR ที่ร้อยเรื่องราวในหลากหลายเหตุการณ์ผ่านตัวละครในภาพที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ชวนติดตาม ใบหน้าของบุคคลที่มีชื่อเสียง ตัวละครในวรรณคดีไทย คาแรคเตอร์ที่ใครเห็นก็จำได้ รวมทั้งคาแรคเตอร์ที่ศิลปินสร้างขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ ทำให้ผลงานของเขามีเสน่ห์น่าติดตามและเชื่อมโยงกับผู้คนหลากรุ่นได้อย่างน่าสนใจ“2-3 ปีที่เข้าไปอยู่ในตลาด NFT ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ดิจิทัลอาร์ตเป็นงานที่สนุกและท้าทาย พองานมีมูลค่าสูงขึ้น ผู้คนก็มองเราเปลี่ยนไป ทำให้เรารู้จักชีวิตมากขึ้น เห็นคุณค่ากับสิ่งที่เราทำอยู่ในแต่ละวัน มีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้น”ประติมากรรมเรซิ่นเพ้นต์มือทุกชิ้นที่เกิดจากจินตนาการที่ลื่นไหลเห็นภรรยาชอบทุเรียนศิลปินจึงสร้างผลงานชิ้นนี้หนังชีวิตที่ว่ายาว ดราม่าที่ต้องปูเสื่อเล่า หากจะชมเนื้อหาที่ผูกไว้ในผลงานจิตรกรรมชิ้นไฮไลท์ยาว 8 เมตร น่าจะได้คู่แข่งที่น่าเกรงขาม ไม่นับรวมผลงานจิตรกรรม ประติมากรรมขนาดเล็ก ใหญ่ ที่ตัดทอนมาจากรายละเอียดในภาพวาด ร่วมด้วยอาร์ตทอยส์ตัวเล็กตัวน้อยจากจินตนาการที่แตกหน่อออกไปไม่มีซ้ำที่นำมาจัดแสดงในตู้พร้อมยกตู้จำหน่าย กล่าวได้ว่าเป็นงานนิทรรศการศิลปะที่สนุกและส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้อย่างไม่รู้จบนอกจากนี้ศิลปินยังมี แอปพลิเคชั่น LINECENSOR มาให้เล่นสนุกกับเกม AR “Pluto” ที่ชวนตามหามอนสเตอร์ตัวตึงเพื่อสะสมคะแนนและแลกรับของรางวัลพิเศษในนิทรรศการให้ได้ร้องว้าว ! กันอีกฝนจะตก แดดจะร้อนยังไง อยากชวนไปชมกันค่ะภาพ : สมัชชา อภัยสุวรรณ“สิ่งที่ผมประทับใจใน LINECENSOR คือความเป็นคนมองโลกในแง่ดี สามารถเปลี่ยนพลังลบให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้ Perfect Storm เหมือนศิลปะที่ระเบิดอารมณ์ออกมาจากแรงปะทุที่อัดแน่นภายใน เต็มไปด้วยความเซ็กซี่ที่เร่าร้อนจนยากจะละสายตา” สมชัย ส่งวัฒนา ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น FLYNOW และผู้เนรมิตช่างชุ่ย Creative Park ให้เป็นพื้นที่แห่งศิลปะและความคิดสร้างสรรค์นิทรรศการ ARCH OF LINECENSOR PART 1: PERFECT STORM” SOLO EXHIBITION BY LINECENSOR • วันเวลาจัดแสดง : 10 พฤษภาคม -15 มิถุนายน 2568 • อังคาร - ศุกร์ 14.00 - 22.00 น. • เสาร์ - อาทิตย์: 11.00 - 22.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) • สถานที่ : ChangChui Gallery ในโครงการ “ช่างชุ่ย Creative Park” ย่านปิ่นเกล้า (ใกล้ประตู 3) • เฟซบุ๊ก Line Censor Kiatanan • เฟซบุ๊ก ช่างชุ่ย ChangChuiเกี่ยวกับ LINECENSOR : เกียรติอนันต์ เอี่ยมจันทร์เกิด 13 พฤษภาคม 2525การศึกษา วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี ปริญญาตรีและโท ภาควิชาวิจิตรศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ส่วนหนึ่งของรางวัลที่ได้รับ • รางวัลเกียรตินิยม เหรียญเงิน ศิลป์ พีระศรี การแสดงงานศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ครั้งที่ 22 (พ.ศ.2548) • รางวัลยอดเยี่ยมอันดับ 1 การประกวดจิตรกรรมร่วมสมัย PANASONIC ครั้งที่ 8 (พ.ศ.2549) • รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 3 เหรียญทองแดง ประเภทจิตรกรรม การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 52 (พ.ศ.2549)แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/blogs/lifestyle/art-living/1180717
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
10/06/2025
หน้าฝนอันงดงามเหมาะกับการเที่ยวป่า เข้าชมสัตว์ป่าตามธรรมชาติที่ 'ทุ่งกะมัง' ใน 'เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว' อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ตกดึกนับดาวในเขตท้องฟ้ามืดทุ่งกะมัง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีเนื้อที่ราว 5,000 ไร่ สภาพส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ เป็นเนินสูงต่ำลดหลั่นกันไป สัญลักษณ์ของทุ่งกะมัง คือ ต้นเหมือด ที่ยืนหยัดอย่างเดียวดาย มีทางเดินทอดยาวสร้างภาพจำให้กับผู้มาเยือนความงดงามของต้นเหมือด อวดโฉมตั้งแต่แสงเช้าไปถึงยามเย็น ประดับเด่นเป็นนางเอกจนถึงยามราตรีทุ่งกะมังทุ่งกะมัง ยังได้ชื่อว่าเป็น เขตท้องฟ้ามืด (Dark Sky) ในคืนข้างแรมจะมองเห็นดวงดาวเต็มฟ้าสัญลักษณ์ทุ่งกะมัง ‘เนื้อทราย’สัตว์ป่าที่เราพบเจอแทบทุกครั้งที่เดินทางมายังทุ่งกะมังคือ เนื้อทราย สายพันธุ์หนึ่งของกวางขนาดกลาง รูปร่างป้อม ๆ มีขาค่อนข้างสั้น พวกมันเป็นประชากรสัตว์ป่าที่ช่วยสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศ เหล่าเนื้อทรายตัวผู้จะมีเขา 3 กิ่งคล้ายกับเขาของกวางป่า และมีการผลัดเขาในทุกปี เนื้อทรายแรกเกิดจะมีจุดขาว ๆ ตามลำตัว แต่พอโตขึ้นก็จะจางหายไปต้นเหมือดกับแสงยามเย็นในช่วงเช้าและช่วงเย็น เนื้อทรายจะออกมาหากินในทุ่งกว้างและตามแหล่งน้ำ เพราะธรรมชาติของเนื้อทรายไม่ชอบอยู่ในป่าทึบมากนัก จึงทำให้มีโอกาสเจอกับผู้คนได้ง่ายกว่าสัตว์ป่าโดยทั่วไปเนื้อทรายยังมีวิธีการเอาตัวรอดแบบที่เราคาดไม่ถึง แม้ว่าพวกมันจะชอบรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ แต่เมื่อมีภัยมาเยือน พวกมันจะใช้กลยุทธ์แยกกันเราอยู่ เป็นการหนีแบบกระจัดกระจาย ไม่ยอมให้ตกที่นั่งลำบากไปพร้อมกันเหล่าเนื้อทรายที่ทุ่งกะมัง อาจจะคุ้นเคยกับผู้คนแบบมีระยะห่าง แต่ส่วนลึกในใจ พวกมันเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างหวาดระแวง เมื่อเราขยับตัวเข้าใกล้ พวกมันก็จะถอยห่าง แค่ส่งสายตาออกไป พวกมันก็มักจะจ้องมองกลับมา เหมือนหยั่งเชิงในใจอยู่ตลอดเวลาที่มาของชื่อทุ่งกะมังทุ่งหญ้าในแอ่งกระทะ ลักษณะคล้ายกะละมัง เป็นที่มาของชื่อ ทุ่งกะมัง ในบางครั้งแอ่งน้ำเล็ก ๆ กลางทุ่ง จะมี เป็ดก่า หรือนกเป็ดน้ำชนิดหนึ่งที่หาได้ยากมาลงเล่น ส่วนอีกกลุ่มที่มักจะออกมาโชว์ตัวหรือส่งเสียงร้องอยู่บ่อย ๆ คือนกยูงสภาพของทุ่งโล่งในป่าใหญ่ กับเหล่าสัตว์ผู้อิสระทั้งหลายเป็นเสน่ห์ที่หาชมได้ยาก ข้อแลกเปลี่ยนอันเรียบง่ายคือการให้เกียรติเจ้าบ้านด้วยความสงบทุ่งกะมังเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติที่เข้าใจถึงความเป็นธรรมชาติเป็นอย่างดี หากต้องการพักค้างแรมก็มีที่พักให้บริการ ไฟฟ้าในบ้านพักเปิดให้ใช้ตามเวลา 18.00 - 21.00 น. ทุกอย่างผ่านการจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ เพื่อให้บ้านของเหล่าสัตว์ป่า ยังคงสงบงามสำหรับทุกคนค่ำคืนที่ทุ่งกะมังผ่านไปอย่างเย็นใจ อากาศกำลังสบาย ๆ เป็นกลางปีที่ไม่ร้อนรนเหมือนในเขตเมือง หลังจากไฟฟ้าดับลง ในความมืดมิดไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้นอนฟังเสียงสัตว์ร้องระงม แม้จะไม่เชี่ยวชาญพอที่จะรู้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใดบ้าง แต่ก็อุ่นใจในการขับกล่อมของเจ้าบ้านในป่าใหญ่แห่งนี้เมื่อถึงเช้าวันใหม่ ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แสงที่ค่อย ๆ ฉาบทาทั่วท้องทุ่ง เป็นช่วงเวลาที่สัมผัสถึงความอบอุ่นได้อย่างอ่อนโยน กิจกรรมที่น่าสนใจคือการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ มีทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งจุดเช็คอินชวนฝัน เดินอ้อยอิ่งบน สะพานแขวน กลางป่าอันงดงามหากสายฝนมาเยือนแล้วโปรดจงรู้ว่า ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง ทุ่งกะมังก็ยังอบอุ่นอยู่ในความทรงจำเสมอ...ทอดมันหัวปลีพาข้าวคอนสารแซ่บให้ถึงถิ่นวิถีกินไทคอนสารมาเยือน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แนะนำให้แวะไปสัมผัสวิถีถิ่นแบบ ชาวไทคอนสาร ไม่ว่าจะเป็นการเก็บผักสด ๆ ปลอดสารพิษจากท้องทุ่ง หรือการจับปลามาปรุงเป็นมื้อพิเศษที่ บ้านสวน อ.ศิลป์ชัยฟาร์มสเตย์ (คอนสารฟาร์มสเตย์)ลาบปูนาหรือจะไปลิ้มลองคอนสารซิกเนอเจอร์ ในเซ็ต พาข้าวคอนสาร ที่มีทั้ง คั่วเนื้อคั่วปลา อาหารโบราณผสานคุณค่าสมุนไพรพื้นบ้าน ที่นิยมรับประทานในงานประเพณีสำคัญของชาวคอนสารวิถีความเป็นอยู่ของชาวไทคอนรวมทั้ง ลาบปูนา ซึ่งปัจจุบันมีฟาร์มปูออร์แกนิค พร้อมวัตถุดิบสมุนไพรปลอดสารพิษ เป็นเมนูที่พร้อมเสิร์ฟในร้าน ปูนาแสนสวย กับเมนูจากปูนาอีกนานาชนิดแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/travel/1180771
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การดำเนินชีวิต
06/06/2025
ในยุคที่โลกหมุนไวกว่าความคิด ความเครียดและความวิตกกังวลก็เหมือนแขกไม่ได้รับเชิญที่มาเยือนชีวิตเราบ่อย ๆ วันนี้เรามี 5 วิธีเด็ด ๆ ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดเหล่านั้นได้อย่างมือโปร เตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนชีวิตให้สดใสไร้กังวลกันเลย1. การฝึกสติและสมาธิ: พลังแห่งจิตใจที่สงบนิ่งเคยสงสัยไหมว่าทำไมพระในวัดถึงดูสงบเย็นนัก ? คำตอบก็คือการฝึกสติและสมาธินั่นเอง การฝึกสติไม่ใช่แค่การนั่งหลับตาสวดมนต์เท่านั้น แต่มันคือการฝึกให้เราอยู่กับปัจจุบันขณะ รับรู้ความคิดและความรู้สึกโดยไม่ตัดสินวิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถเริ่มได้เลย คือ การฝึกหายใจอย่างมีสติ ลองนั่งในท่าที่สบาย หลับตาลง แล้วโฟกัสที่ลมหายใจเข้าออก สังเกตความรู้สึกของลมที่ผ่านเข้าออกทางจมูก ท้องที่พองยุบ หากทำแบบนี้สัก 5-10 นาทีทุกวัน รับรองว่าคุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนนอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันดี ๆ อย่าง Headspace หรือ Calm ที่จะช่วยแนะนำการฝึกสติและสมาธิให้คุณได้อย่างเป็นระบบ แล้วคุณจะพบว่า จิตใจที่สงบนิ่งนั้นมีพลังมหาศาลในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล2. การออกกำลังกาย: ยาวิเศษที่ไม่ต้องกินถ้าคุณคิดว่าการออกกำลังกายมีไว้แค่ลดน้ำหนัก คุณคิดผิดถนัด การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล เพราะจะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphins) หรือที่เรียกว่า “ฮอร์โมนแห่งความสุข” นั่นเองไม่ต้องถึงขนาดไปวิ่งมาราธอนหรือยกเวทหนัก ๆ แค่การเดินเร็ววันละ 30 นาที หรือเต้นแอโรบิกสนุก ๆ หรือเดินให้ได้อย่างน้อยวันละ 12,000 ก้าว ก็ช่วยได้แล้ว หรืออาจจะลองหากิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การเต้นตามจังหวะเพลงโปรดในห้อง ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจมีงานวิจัยจาก Harvard Health Publishing ระบุว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถลดอาการของโรคซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้เทียบเท่ากับการใช้ยาในบางกรณี และไม่มีผลข้างเคียงอีกต่างหาก3. การจัดการเวลาและการวางแผน: กุญแจสู่ชีวิตที่สมดุลบ่อยครั้งที่ความเครียดและความวิตกกังวลเกิดจากความรู้สึกว่าเราควบคุมชีวิตไม่ได้ หรือมีงานล้นมือ นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมการจัดการเวลาและการวางแผนถึงสำคัญนักลองใช้เทคนิค “กินกบตัวใหญ่ก่อน” (Eat That Frog) ของ Brian Tracy ดู โดยเทคนิคนี้แนะนำให้เราทำงานที่ยากหรือสำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกของวันก่อน เหมือนกับการกินกบตัวใหญ่ให้หมดตั้งแต่เช้า แล้วหลังจากนั้นงานอื่น ๆ ก็จะดูง่ายขึ้นเองนอกจากนี้ การใช้แอปฯ จัดการงานอย่าง Todoist หรือ Trello ก็สามารถช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของงานทั้งหมดได้ชัดเจนขึ้น ทำให้รู้สึกควบคุมได้มากขึ้น และลดความวิตกกังวลลงได้ที่สำคัญ เมื่อวางแผนการทำงานแล้ว ก็อย่าลืมวางแผนเวลาพักผ่อนไว้ด้วย เพราะการทำงานหนักตลอดเวลาไม่ใช่วิธีที่ดีในการจัดการความเครียด เราต้องมีเวลาให้ตัวเองได้ชาร์จแบตฯ ด้วยเช่นกัน4. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี: พลังแห่งการเชื่อมต่อมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นจึงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล แต่ในยุคดิจิทัลที่เราติดต่อกันผ่านหน้าจอเป็นส่วนใหญ่ เราอาจหลงลืมความสำคัญของการเชื่อมต่อแบบตัวต่อตัวไปลองหาเวลาพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือครอบครัวแบบเห็นหน้ากันบ้าง ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โต แค่ชวนกันไปเดินเล่นในสวน ทานข้าวด้วยกัน หรือแม้แต่โทรคุยกันสักครู่ ก็ช่วยได้มากแล้วมีงานวิจัยจาก National Institutes of Health พบว่าการมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้อย่างมีนัยสำคัญนอกจากนี้ การเข้าร่วมกลุ่มหรือชมรมที่มีความสนใจเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การทำอาหาร หรือการเล่นกีฬา ก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ และลดความเครียดไปพร้อมกัน5. การปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด: พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิดเป็นเครื่องมือทรงพลังในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล บ่อยครั้งที่ความทุกข์ของเราไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ แต่เกิดจากวิธีที่เรามองมันดังนั้น ลองใช้เทคนิค “การตั้งคำถามกับความคิด” (Thought Challenging) คือ เมื่อเกิดความคิดด้านลบ ให้ถามตัวเอง 3 ข้อ ดังนี้ • มีหลักฐานอะไรสนับสนุนความคิดนี้ ? • มีมุมมองอื่นในการมองสถานการณ์นี้ไหม ? • ถ้าเพื่อนสนิทเจอสถานการณ์แบบนี้ เราจะแนะนำอย่างไร ?การฝึกมองหาด้านบวกในทุกสถานการณ์ถือเป็นอีกวิธีที่ช่วยได้มาก แม้ในวันที่แย่ที่สุด ก็ยังมีสิ่งดี ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เราขอบคุณเสมอ ลองจดบันทึกสิ่งดี ๆ 3 อย่างทุกคืนก่อนนอน แล้วคุณจะเห็นว่าชีวิตมีอะไรให้ยิ้มได้มากกว่าที่คิดนักจิตวิทยา Martin Seligman ผู้บุกเบิกด้านจิตวิทยาเชิงบวก ได้แสดงให้เห็นว่าการฝึกมองโลกในแง่บวกอย่างสม่ำเสมอสามารถเพิ่มความสุขและลดอาการซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพความเครียดและความวิตกกังวลอาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่จำเป็นต้องครอบงำชีวิตคุณ ด้วย 5 วิธีที่เราได้แนะนำไป ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสติและสมาธิ การออกกำลังกาย การจัดการเวลาและการวางแผน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด คุณสามารถเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิตให้สดใสไร้กังวลได้ตั้งแต่วันนี้จำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาและความอดทน อย่าคาดหวังผลลัพธ์ในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าคุณทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ รับรองว่าคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในชีวิตแน่นอนไม่ว่าคุณจะเลือกใช้วิธีไหน จงจำไว้ว่าทุกก้าวเล็ก ๆ ล้วนมีความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงอาจไม่เกิดขึ้นในทันที แต่เมื่อคุณมองย้อนกลับไป คุณจะประหลาดใจกับระยะทางที่คุณได้เดินทางมา ดังคำกล่าวของเล่าจื๊อ (Lao Tzu) ที่ว่า “การเดินทางพันลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรก”ก้าวแรกของคุณในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลเริ่มต้นแล้วตั้งแต่คุณอ่านบทความนี้ ต่อจากนี้ไป ขอให้คุณมีความกล้าที่จะก้าวต่อไป สู่ชีวิตที่สมดุล มีความสุข และไร้กังวลหมายเหตุ: แม้ข้อมูลในบทความนี้จะมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แต่ไม่ควรใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณกำลังประสบปัญหาความเครียดหรือความวิตกกังวลอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อรับการดูแลที่เหมาะสมพิสูจน์อักษร : รัชนี สังข์แก้วแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ beartaihttps://www.beartai.com/life/1411922
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
สุขภาพ
06/06/2025
นพ.เจษฎ์ เผย 10 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมะเร็งปอด ไม่สูบบุหรี่ก็ป่วยได้ เผยฝุ่น PM2.5 และควันจากการทำอาหารในบ้าน ก็เพิ่มความเสี่ยงได้ แนะเป็นภัยเงียบ ไม่มีอาการ จนกว่าจะลามนายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เปิดเผยผ่าน Facebook หมอเจด เผย 10 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ มะเร็งปอด หลัง “ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ” พระเอกชื่อดัง สามี “เอ๋ พรทิพย์ สกิดใจ” ดาราสาว ประกาศภรรยาป่วยเป็นมะเร็งเมื่อวานนี้ (3 มิถุนายน 2568) ภายหลังทราบว่า เป็นมะเร็งปอด โดยหมอเจด ระบุ เรื่องต้องรู้ว่า • ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้ และก็ไม่ใช่บุหรี่อย่างเดียวบุหรี่ไฟฟ้าหรือพอตก็ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ เพราะคนที่ไม่สูบได้รับควันจากพวกคนที่สูบนั่นแหละ • การเอกซเรย์ปอดธรรมดาอาจไม่พอ ต้องใช้ Low-dose CT ถึงจะเห็นระยะต้น มันมีหลายเหตุผลเนื่องจากว่าบางครั้งก้อนมันเล็กเกินไปหรือบางครั้งเงาหัวใจก็บังก้อนมะเร็งได้ แต่ในประเทศไทยยังไม่ได้ให้ตรวจแบบนี้ทุกคน • มะเร็งปอดมักเงียบ ไม่มีอาการ จนกว่าจะลาม หลายคนกว่าจะมีอาการก็มาเป็นเรื่องไอเรื้อรังหรือหลายๆคนที่เป็นโควิดมาก่อนก็อาจจะบอกว่าเป็นอาการหลังโควิดซึ่งจริงๆแล้วบางครั้งอาจจะเป็นมะเร็งปอดระยะ 3 หรือระยะ 4 ก็ได้ • ไอเรื้อรัง เสียงแหบ น้ำหนักลดเร็ว ต้องรีบตรวจ ถ้าโชคดีอาจจะเป็นแค่วัณโรคปอดถ้าโชคร้ายก็ไม่ต้องพูด • ฝุ่น PM2.5 และควันจากการทำอาหารในบ้าน ก็เพิ่มความเสี่ยงได้ เอาจริงๆทุกวันนี้อยากจะบอกว่าถ้าไม่เห็นควันก็ไม่ได้แปลว่า PM 2.5 มันดีนะ บางครั้งถ้าต้องออกแดดออกข้างนอกบ้านอย่าลืมพกหน้ากากเถอะ • มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาเป็นมะเร็งอันดับ 2 ของคนไทยแต่เชื่อว่าก็น่าจะอยู่แบบนี้แหละเพราะฝุ่น PM 2.5 มันเป็นปัญหาที่สำคัญจริงๆ • การตรวจคัดกรองเร็วช่วยให้รักษาหายได้ในบางราย ซึ่งการตรวจคัดกรองถ้าให้ดีที่สุดก็อย่างที่เขียนไว้ในข้อ 2 ครับแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าไม่ได้ก็เอกซเรย์ธรรมดายังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย • ผู้หญิงที่ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ โดยเฉพาะคนอยู่ในเมืองเป็นเพราะแฟนผู้ชายชอบสูบบุหรี่ใกล้ๆ แต่จริงๆแล้วผมก็ต้องบอกว่ามลภาวะในมือมันแย่กว่าที่นอกเมืองหรือชานเมือง รวมทั้ง สิ่งในบ้านที่ทำให้เสี่ยงมะเร็งปอด: ควันธูป, ควันจากการทอดอาหาร, น้ำหอมปรับอากาศ, สเปรย์ทำความสะอาด, ฝุ่นสะสมในห้องแอร์ • อย่ารอให้คนดังเป็นก่อนแล้วค่อยดูแลตัวเอง... ปอดของคุณก็สำคัญเหมือนกัน เพราะทุกคนก็มีคนที่รักและก็มีคนที่รักเรา เพราะฉะนั้นหันมาดูแลตัวเองครับแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ pptvhd36https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/250004
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
06/06/2025
The Art of Chang Exhibition พาชมพาเหรดช้าง 36 ผลงานสุดแฟนตาซีโดยศิลปินดังทั่วโลกในโครงการสากล Elephant Parade สะท้อนวัฒนธรรม - ไลฟ์สไตล์ จัดแสดงที่ ‘มันมัน ศรีนครินทร์’อีกหนึ่งอาร์ตเวิลด์ทัวร์ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย หลังจากเดินทางอวดโฉมมาแล้วในหลายประเทศ ครั้งนี้ถึงคิว MunMun Srinakarin (มันมัน ศรีนครินทร์) ห้างสรรพศิลป์คราฟท์ ที่จะเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายเป็นแกลอรีมีชีวิตกับ The Art of Chang Exhibition นิทรรศการภายใต้คอนเซ็ปต์ From Nature to the Extraordinary หรือ ‘จากธรรมชาติ สู่ความไม่ธรรมดา’ เชิญชวนสัมผัสความงดงามของขบวน ประติมากรรมช้าง ผลงานคอลแล็ปส์ของ 36 ศิลปิน กันแบบใกล้ชิดพิมลพรรณ งามขำ และ เจเนท โวลิงกานิทรรศการนี้เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง ‘มันมัน ศรีนครินทร์’ นำโดย พิมลพรรณ งามขำ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมการตลาด มันมัน ศรีนครินทร์ ร่วมกับ Elephant Parade (เอเลฟเฟนท์ พาเหรด) นำโดย เจเนท โวลิงกา (Jeannette Woelinga) กรรมการผู้จัดการ Elephant Parade ประจำเอเชียและตะวันออกกลาง โครงการเพื่อสังคมที่ผสมผสานศิลปะ ธุรกิจ และการอนุรักษ์โครงการ Elephant Parade ระบุว่า ช้าง คือสัญลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ความสง่างาม และความเชื่อมโยงทางวัฒนธรมและจิตวิญญาณของมนุษย์กับธรรมชาติ ข้างไม่ได้เป็นเพียงแต่สัตว์ป่า แต่คือ สัญลักษณ์ของการดํารงอยู่ร่วมกับธรรมชาติ มักถูกมองว่าเป็นสัตว์ที่มี ความคิดลึกซึ้ง สุขุม แข็งแรง เมตตาไว้ในตัวเดียวกัน และมีความรู้สึกใกล้เคียงกับมนุษย์ จึงมักเป็นแรงบันดาลใจให้ ศิลปินใช้สื่อถึง ‘ความคิด’ ที่เคลื่อนไหวอย่างมีความหมายนิทรรศการ The Art of Chang ที่ มันมัน ศรีนครินทร์ช้างในเชิงคิลปะ คือรูปธรมของ ‘พลังความเงียบ’ และคือภาพแทนของโลกธรรมชาติที่บอกเราว่า “ศิลปะไม่จำเป็นต้อง เสียงดัง ถ้ามันพูดจากหัวใจ" เมื่อธรรมชาติ ‘สร้างชีวิต’ ศิลปะจึงทำหน้าที่ ’สร้างลมหายใจ’ ธรรมชาติสร้างช้างมา เพื่อให้ระลึกว่า ทุกชีวิตคือ ‘ศิลปะที่ควรถูกเคารพ’นิทรรศการนี้ไม่ใช่เพียงการจัดแสดงงานแต่เพียงเท่านั้น แต่คือบทสนทนาระหว่าง มนุษย์ และ ธรรมชาติ ผ่านลวดลายที่บรรจงวาดลงบนสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในป่าใหญ่สร้างสรรค์ผิวของช้างให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการสื่อสาร ทำให้งานศิลปะไม่ใช่เพียงแค่ภาพวาด แต่คือจิตวิญญาณของธรรมชาติที่ถูกวาดด้วยหัวใจของศิลปินนิทรรศการ The Art of Chang ที่ ‘มันมัน ศรีนครินทร์’ จัดแสดงผลงานประติมากรรมช้างที่มีลวดลายต่างๆ ซึ่งสร้างสรรค์โดย 36 ศิลปินจากทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยRu-Dee โดย INK Teamอาทิ ผลงานชื่อ Ru-Dee ประติมากรรมช้างที่เต็มไปด้วยรอยพิมพ์รูปมือหลากสีสัน สร้างสรรค์โดย INK Team ซึ่งอธิบายผลงานออกแบบชิ้นนี้ว่า“เราตั้งชื่อช้างของเราว่า ฤดี หรือ ‘ใจ’ ซึ่งหมายความว่าหัวใจหรือจิตวิญญาณในภาษาไทย พนักงานที่บริษัทอิงค์ (INK) มีความหลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ และวัฒนธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในสำนักงานใหญ่ในเอเชียของเราเราทาช้างเป็นสีขาวเพื่อที่จะให้เป็นตัวแทนของความสงบสุข รวมทั้งช้างยังเป็นสัญลักษณ์ของโลกนี้อีกด้วย นอกจากนี้เรายังเพ้นท์รูปมือหลากหลายสีบนตัวช้าง อันแสดงถึงความสมัครสมานสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียว และความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”ประติมากรรมช้าง Catrina Elefanteไปสนทนากับธรรมชาติกันต่อกับผลงาน Catrina Elefante ประติมากรรมช้างในท่านั่ง มีลวดลายหัวกะโหลกสีขาวแวววาวและดอกไม้สีสันสดใสที่หมุนวนบนตัวช้างสีดำ สื่อถึงแก่นแท้ของ La Catrina สัญลักษณ์อันสง่างามของ 'วันแห่งความตาย' ของเม็กซิโก “การออกแบบนี้ยกย่องความงามของชีวิตและจิตวิญญาณแห่งการรำลึก เตือนให้เราตระหนักว่าความรักและความทรงจำนั้นอยู่เหนือกาลเวลา ช้างตัวนี้ประดับด้วยสีสันสดใส เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองศิลปะ วัฒนธรรม และสายสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างรุ่นต่อรุ่น” นริน กันทะวงศ์ ผู้ออกแบบผลงาน Catrina Elefante อธิบายไว้ในเว็บไซต์ Elephant Paradeประติมากรรมช้าง Ayutthaya Silverขณะที่ 'ปาริชาติ อินใจมา' ชวนสนทนากับผลงานชื่อ Ayutthaya Silver ประติมากรรมช้างที่สะท้อนถึงหัวใจของศิลปะและอาณาจักรล้านนาผ่านวัสดุเงินอันล้ำค่าและ 'ภิมทร์ เขมะสิงคิ' สร้างสรรค์ผลงานชื่อ Khao Soy ประติมากรรมช้างลวดลาย ‘ข้าวซอย’ อาหารขึ้นชื่อภาคเหนือของไทย เพื่อเป็นเกียรติแก่ขบวนฟ้อนเชียงใหม่ที่แสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตประติมากรรมช้าง Khao Soyประติมากรรมช้าง The Third Eyeอาจารย์ศิลปะซึ่งเติบโตจากการประกวดศิลปกรรม ปตท. 'เกรียงไกร กงกะนันทน์' เชิดชูช้างด้วยผลงาน The Third Eye ตามความเชื่อที่ว่าช้างเป็นช้างมงคลตามหลักฮวงจุ้ย ช้างเป็นสัญลักษณ์ของภูเขาที่แข็งแรง เต็มไปด้วยพละกำลัง ปัญญา โชคลาภ และคุณธรรมประติมากรรมช้าง Night Safariเมื่อมนุษย์เข้านอน สัตว์หลายชนิดก็ตื่นขึ้นและเริ่มกิจวัตรประจำวันในตอนกลางคืน ความแตกต่างที่สวยงามระหว่างกลางวันและกลางคืนเป็นแรงบันดาลใจให้ ‘วันเฉลิม หมื่นแปง’ สร้างสรรค์ประติมากรรมช้างชื่อ Night Safari ที่หาชมได้ยาก ธรรมชาติมีความหลากหลาย และไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในโลกที่หลับใหลได้อย่างสมบูรณ์ประติมากรรม Joaquina ของศิลปิน Lucas Milk ได้รับแรงบันดาลใจจากผลไม้ Amarula ของแอฟริกา ทั้งรูปร่าง รสชาติ และประวัติศาสตร์ขณะที่ ศิลปิน Edith Rollinger-Simon สร้างสรรค์ประติมากรรม Sista น้องสาวของ Iro Iro ชื่อในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงความหลากหลาย ส่วน Sista เป็นตัวแทนของการทำงานที่ยอดเยี่ยมและมีสีสันที่มอบให้กับเด็กๆ ซิสต้าต้องการแบ่งปันความสุขและความยินดีกับเราประติมากรรมช้าง Joaquinaประติมากรรมช้าง Sistaเตรียมกล้องให้พร้อม แล้วไปดื่มด่ำกับความสวยสะกดใจ ‘ที่ไม่ธรรมดา’ ในนิทรรศการศิลปะที่ ‘มีชีวิต’ เปิดโลกแห่งแรงบันดาลใจครั้งใหม่ ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักช้างในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนปักหมุดโซนไฮไลท์ ห้ามพลาด! พบกับลวดลายช้างที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Culture & Lifestyle และ ช้างที่คอลแล็ปส์กับแบรนด์และคาแรคเตอร์ดัง สร้างสรรค์โดยศิลปินชาวไทยและต่างชาติทั่วโลกเวิร์คช็อปเพ้นท์ช้างนอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรมที่จะชวนทุกคนมาออกตามล่าหา ‘อักษรช้าง’ กับ The Treasure Hunt Game เพื่อลุ้นรับรางวัลพิเศษจาก Elephant Parade พร้อมรับส่วนลด 10% ในการซื้อสินค้าจาก Elephant Parade Shopกิจกรรมเติมจินตนาการไปกับกิจกรรมเวิร์คช็อปเพ้นท์ช้าง ที่จะได้เนรมิตช้างในแบบที่ไม่เหมือนใครเป็นของตัวเองThe Art of Chang Exhibition จัดแสดงระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม - 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00-19.00 น. บริเวณชั้น 1 ‘มันมัน ศรีนครินทร์’ ตั้งอยู่ที่ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ เข้าชมฟรีแหลงที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1181303
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
06/06/2025
เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจสงสัยคือ เที่ยวต่างประเทศ ทำไมต้องพกพาสปอร์ตตลอดเวลา แค่เช็คอินที่โรงแรมหรือผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วก็เก็บไว้ในที่ปลอดภัยไม่ได้หรอ? คำตอบคือ การพกพาสปอร์ตเป็นสิ่งจำเป็น และนี่คือเหตุผลที่นักท่องเที่ยว นักเดินทางต้องรู้ จะได้ไม่ค้างคาใจทำไมต้องพกพาสปอร์ตตลอดเวลา1. เป็นหลักฐานการอยู่ถูกกฎหมายพาสปอร์ตคือเอกสารสำคัญที่พิสูจน์ว่าคุณเข้ามาในประเทศนั้นๆ อย่างถูกกฎหมาย ในบางประเทศ หากคุณถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและไม่สามารถแสดงพาสปอร์ตได้ คุณอาจถูกดำเนินคดีหรือถูกส่งกลับประเทศทันที2. ใช้ในการเช็คอินที่พักเวลาเช็คอินที่โรงแรมหรือที่พัก ส่วนใหญ่จะขอพาสปอร์ตเพื่อยืนยันตัวตนและทำการบันทึกข้อมูลตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ บางที่อาจคืนพาสปอร์ตให้คุณหลังเช็คอินเสร็จ แต่บางที่ก็อาจขอเก็บไว้จนกว่าคุณจะเช็คเอาท์ ดังนั้นควรสอบถามให้ชัดเจน3. ใช้ในการเช่าพาหนะหรือทำกิจกรรมบางอย่างหากคุณต้องการเช่ารถ จักรยาน หรือทำกิจกรรมท่องเที่ยวบางอย่าง เช่น ดำน้ำ ปีนเขา หรือเที่ยวชมสถานที่สำคัญ บริษัทหรือไกด์ทัวร์อาจขอพาสปอร์ตเพื่อยืนยันตัวตนและทำสัญญา4. กรณีฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เกิดอุบัติเหตุ ป่วยกะทันหัน หรือถูกตำรวจเรียกตรวจสอบ การมีพาสปอร์ตติดตัวจะช่วยให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายขึ้น5. ใช้ในการซื้อสินค้าได้ส่วนลดในบางประเทศ นักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษี (Tax Refund) ได้เมื่อซื้อสินค้า แต่ต้องแสดงพาสปอร์ตเป็นหลักฐาน ดังนั้นการพกพาสปอร์ตไว้จึงช่วยให้คุณประหยัดเงินได้6. ป้องกันการสูญหายแม้การพกพาสปอร์ตตลอดเวลาอาจเสี่ยงต่อการสูญหาย แต่การเก็บไว้ในที่ปลอดภัยตลอดเวลา เช่น กระเป๋าสะพายข้างที่มีระบบป้องกันขโมย หรือใช้กระเป๋าเก็บเอกสารที่กันน้ำกันไฟ ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้7. กฎหมายของแต่ละประเทศบางประเทศมีกฎหมายบังคับให้ชาวต่างชาติพกพาสปอร์ตหรือสำเนาพาสปอร์ตตลอดเวลา หากฝ่าฝืนอาจถูกปรับหรือถูกควบคุมตัว ดังนั้นควรศึกษากฎหมายของประเทศที่คุณไปเที่ยวให้ดีแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1451703/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
30/05/2025
คอลัมน์ : เปลี่ยนเศรษฐกิจไทยผู้เขียน : ดร.สมประวิณ มันประเสริฐครัวเรือนเผชิญความเสี่ยงจากรายได้ที่เปลี่ยนแปลงผันผวน ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายและคุณภาพชีวิต Decron (2002) แบ่งความเสี่ยงต่อรายได้ออกเป็น 1.‘ความเสี่ยงร่วม’ ที่เกิดขึ้นกับทุกครัวเรือนพร้อมกัน อาทิ วิกฤตเศรษฐกิจ หรือภัยธรรมชาติและ 2.‘ความเสี่ยงเฉพาะตัว’ อาทิ ผลผลิตทางการเกษตรต่ำกว่าคาดจากปัจจัยเฉพาะของพื้นที่เพาะปลูก หรือหัวหน้าครอบครัวเจ็บป่วยส่งผลให้ครัวเรือนขาดรายได้ความเสี่ยงเฉพาะตัวมีอิทธิพลอย่างมากต่อรายได้ของครัวเรือนไทย เมื่อประยุกต์วิธีการศึกษาของ Townsend (1995) เพื่อวัดอิทธิพลของความเสี่ยงเฉพาะตัวต่อรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนไทย โดยใช้ข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) ในปี 2017 และปี 2021 พบว่าการกระจายตัวของอัตราการเติบโตของรายได้ต่อปีอยู่ที่ 3.66% หรือคิดเป็นประมาณ 1.5 เท่าของอัตราการเติบโตเฉลี่ย (2.42%) (รูปที่ 1) และพบว่าความเสี่ยงร่วมในระดับภูมิภาคหรือการอาศัยอยู่ในหรือนอกเขตเทศบาลสามารถอธิบายการกระจายตัวของรายได้เฉลี่ยได้เพียง 11.45%ความเสี่ยงเฉพาะตัวยังคงมีอิทธิพลมาก เมื่อมองลึกลงไปในระดับอาชีพ เช่น เมื่อลองคำนวณการกระจายตัวของอัตราการเติบโตของรายได้ในกลุ่มครัวเรือนที่หัวหน้าครัวเรือนเป็นเกษตรกร ผมพบว่าการกระจายตัวของอัตราการเติบโตสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 1.7 เท่าขณะที่ความเสี่ยงร่วมสามารถอธิบายการกระจายตัวของรายได้เฉลี่ยได้เพียง 1.57% ในขณะที่ความเสี่ยงเฉพาะตัวยิ่งมีบทบาทมากขึ้นในกลุ่มครัวเรือนที่หัวหน้าครัวเรือนเป็นผู้จำหน่ายสินค้า ซึ่งการกระจายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 6.1 เท่า และความเสี่ยงร่วมอธิบายการกระจายตัวได้เพียง 7.38%ครัวเรือนอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงเฉพาะตัวที่รุนแรงขึ้น เมื่อมองบริบททางเศรษฐกิจของโลกและไทยที่เผชิญกับความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และความคลุมเครือ (Ambiguity) มากขึ้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากโรคระบาด ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือสภาพอากาศ ความเสี่ยงเหล่านี้อาจถูกส่งผ่านหรือแผ่ขยายผ่านห่วงโซ่อุปทาน กลายเป็นความเสี่ยงเฉพาะตัวที่ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนไทยแตกต่างกันไป น่าสนใจว่าครัวเรือนไทยมีความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงเฉพาะตัวมากแค่ไหน?รูปที่ 1 การกระจายตัวของอัตราการเติบโตรายได้ครัวเรือนต่อปี (เฉลี่ยระดับจังหวัด-เขตเทศบาล)ครัวเรือนไทยเปราะบางต่อความเสี่ยงเฉพาะตัวในขณะที่ความเสี่ยงเฉพาะตัวมีขนาดใหญ่ ครัวเรือนไทยจำนวนมากกลับยังมีภูมิคุ้มกันไม่พอ จากข้อมูลการสำรวจ SES ในปี 2021 ชี้ว่ามีครัวเรือนไทยกว่า 7 ล้านครัวเรือนมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 31.8% ของครัวเรือนไทย ส่วนอีก 8.9% มีรายได้สูงกว่ารายจ่ายไม่ถึง 5% ครัวเรือนที่มีรายได้ไม่พอรายจ่ายจะมีเงินออมไม่เพียงพอรองรับผลกระทบจากความเสี่ยงเฉพาะตัว เมื่อขาดรายได้ ครัวเรือนจึงต้องก่อหนี้ และหากครัวเรือนเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบก็จำเป็นต้องขอสินเชื่อนอกระบบซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ามาก นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ครัวเรือนไทยติดกับดักหนี้ได้ง่ายความเปราะบางของครัวเรือนไทยสะท้อนชัดเมื่อติดตามกระแสรายได้และรายจ่ายตลอดช่วงอายุของครัวเรือน หากผมใช้ข้อมูล SES จำลองรายได้คงเหลือ (รายได้ลบรายจ่าย) ของกลุ่มครัวเรือนตามอาชีพที่หัวหน้าครัวเรือนไทยประกอบอาชีพมากที่สุด 2 อันดับแรก คือเกษตรกรและผู้จำหน่ายสินค้า โดยแบ่งรายได้คงเหลือเป็น 3 กรณี คือ 1.รายได้คงเหลือรวมรายได้ทุกประเภท (Net income) 2.รายได้คงเหลือไม่รวมรายได้จากเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าของภาครัฐ (Net income excluding government assistance) และ 3.รายได้คงเหลือไม่รวมรายได้จากเงินสะสมกับกองทุนของภาครัฐ เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากภาครัฐ และเงินโอนจากภายนอกครัวเรือน (Net income excluding all social assistance)รูปที่ 2 ประมาณการรายได้คงเหลือของครัวเรือนที่หัวหน้าครอบครัวเป็นเกษตรกรและทำงานคนเดียวรูปที่ 3 ประมาณการรายได้คงเหลือของครัวเรือนที่หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้จำหน่ายสินค้าและทำงานคนเดียวข้อมูลในรูปที่ 2 และรูปที่ 3 บ่งชี้ว่า1. ครัวเรือนมีรายได้สูงกว่ารายจ่ายไม่มาก แม้ในช่วงที่หัวหน้าครอบครัวอายุ 35-55 ปี ซึ่งน่าจะมีศักยภาพในการหารายได้มากที่สุด เช่น ครัวเรือนที่มีหัวหน้าครัวเรือนเป็นเกษตรกรและทำงานคนเดียวมีรายได้คงเหลือสูงสุดประมาณ 5,000 บาทต่อปี ขณะที่ครัวเรือนที่มีหัวหน้าครัวเรือนเป็นผู้จำหน่ายสินค้าและทำงานคนเดียวมีรายได้คงเหลือสูงสุดประมาณ 20,000 บาทต่อปีเท่านั้น ข้อมูลสะท้อนว่าครัวเรือนเปราะบางต่อความเสี่ยงต่อรายได้และมีโอกาสสะสมเงินออมอย่างจำกัด หากคำนวณเร็วๆ ครัวเรือนที่มีหัวหน้าครัวเรือนเป็นเกษตรกรและทำงานคนเดียวจะมีโอกาสเก็บเงินได้มากที่สุดแค่ประมาณ 75,000 – 100,000 บาทเท่านั้น2. ครัวเรือนพึ่งพากลไกภาครัฐ โดยจะเห็นว่ารายได้คงเหลือจะลดลงอย่างมากหากไม่นับรายได้จากเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าของภาครัฐ โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีหัวหน้าครัวเรือนเป็นเกษตรกร ที่รายได้คงเหลือเมื่อไม่นับเงินช่วยเหลือของรัฐติดลบเกือบตลอดทุกช่วงเวลาของชีวิต ขณะที่ครัวเรือนที่มีหัวหน้าครัวเรือนเป็นผู้จำหน่ายสินค้าจะมีรายได้คงเหลือลดลงกว่าครึ่งข้อบ่งชี้ทั้ง 2 ข้อสะท้อนถึงความเปราะบางของครัวเรือนไทย และความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทางเลือกและประสิทธิผลของกลไกจัดการความเสี่ยงต่อรายได้ เพื่อให้ครัวเรือนไทยรับมือกับความเสี่ยงเฉพาะตัวต่อรายได้ได้ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงกับดับหนี้ครัวเรือนไทยเข้าถึงเครื่องมือจัดการความเสี่ยง แต่ยังไม่เพียงพอครัวเรือนจัดการความเสี่ยงเฉพาะตัวอย่างไร? วิธีที่ใกล้ตัวที่สุดคือ Self-insurance หรือการประกันตัวเอง โดยการเก็บออมหรือซื้อสินทรัพย์เพื่อสำรองไว้ใช้ในยามที่ขาดรายได้ หากเงินออมไม่พอ ครัวเรือนอาจกู้ยืมจากสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี ลำพัง Self-insurance อาจไม่พอรองรับความเสี่ยงต่อรายได้ โดยเฉพาะครัวเรือนไทยหลายกลุ่มที่มีรายได้ไม่พอรายจ่าย จึงออมเงินได้น้อยนอกจาก Self-insurance ครัวเรือนไทยยังมีกลไกในการแชร์ความเสี่ยง (Risk-sharing) ซึ่งหมายถึงการถ่ายโอนและกระจายความเสี่ยงระหว่างครัวเรือน ครัวเรือนสามารถแชร์ความเสี่ยงระหว่างกันผ่าน1. ‘กลไกที่ไม่เป็นทางการ’ ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ความเสี่ยงภายในครัวเรือน (การให้หรือให้ยืมเงินกันระหว่างสมาชิกในครัวเรือน) การแชร์ความเสี่ยงกับครัวเรือนใกล้เคียง (การยืมเงินจากเพื่อนบ้าน) หรือการแชร์ความเสี่ยงภายในกลุ่มบุคคล (เช่น สหกรณ์หมู่บ้าน หรือสมาคมวิชาชีพ เป็นต้น)2. ‘กลไกที่เป็นทางการ’ ซึ่งแบ่งเป็น ‘ตลาดประกันภัย’ นั่นคือการซื้อกรมธรรม์ประกันภัย ให้บริษัทประกันภัยเป็นผู้รวม (Pooling) กระจายและบริหารจัดการความเสี่ยง หรือ ‘กลไกภาครัฐ’ ที่แบ่งเป็น Social Assistance หมายถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาหรือเงินสวัสดิการสังคมที่ภาครัฐให้เปล่าโดยที่ครัวเรือนไม่ต้องจ่ายเงินสมทบ และ Social Insurance คือเงินกองทุนซึ่งภาครัฐและครัวเรือนจ่ายเงินสมทบสะสมไว้ใช้ในยามที่ขาดรายได้ หรือเกษียณอายุ เช่น กองทุนประกันสังคม และกองทุนการออมแห่งชาติ เป็นต้นกลไกที่ไม่เป็นทางการมีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะกับครัวเรือนในชนบท แต่ก็มีพลังจำกัด โดยเฉพาะครัวเรือนในพื้นที่ที่ประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายเหมือนกัน นอกจากนี้ เมื่อความเป็นเมืองเพิ่มขึ้น กลไกที่ไม่เป็นทางการจะมีบทบาทน้อยลง เพราะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครัวเรือนในเขตเมืองจนวางใจที่จะแชร์ความเสี่ยงระหว่างกันอาจยากกว่าครัวเรือนชนบทเมื่อกลไกที่ไม่เป็นทางการมีบทบาทจำกัด ครัวเรือนไทยจึงพึ่งพิงกลไกที่เป็นทางการอย่างมาก โดยเฉพาะกลไกภาครัฐ ดังจะเห็นได้จากความสำคัญของรายได้จาก Social Assistance และ Social Insurance ในการยกเส้นรายได้คงเหลือตลอดช่วงอายุของครัวเรือนในรูปที่ 2 และรูปที่ 3แต่กลไกทั้งสองประเภทก็มีข้อจำกัดคนละแบบ โดยข้อมูลของธนาคารโลกในรูปที่ 4 ระบุว่า Social Assistance ของไทยมีความครอบคลุม (วัดจากสัดส่วนของคนที่เข้าถึงหรือมีคนในครัวเรือนเข้าถึงกลไกดังกล่าว) และให้เงินช่วยเหลือ (สัดส่วนของเงินช่วยเหลือหรือเงินประกันที่ได้รับต่อรายได้ นับเฉพาะครัวเรือนที่เข้าถึงกลไก) ใกล้เคียงกับประเทศในระดับการพัฒนาเดียวกัน แต่จะเห็นข้อจำกัดว่าจำนวนเงินไม่ได้สูงนักเมื่อเทียบกับรายได้ ซึ่งเป็นธรรมชาติของ Social Assistance ในทางตรงกันข้าม Social Insurance ของไทยยังไม่ครอบคลุมเมื่อเทียบกับประเทศในระดับการพัฒนาเดียวกัน แม้จะมีสัดส่วนของเงินช่วยเหลือต่อรายได้สูงกว่าก็ตามรูปที่ 4 ความครอบคลุมและความเพียงพอของกลไก Social Assistance และ Social Insuranceนอกจากนี้ งานวิจัย “ทำอย่างไร จะสูงวัย แบบไม่ยากจน: ตอนที่ 1 ระบบประกันสังคมไทย” ยังชี้ว่าการออกแบบ Social Insurance ของไทยยังมีข้อบกพร่อง อาทิ ระบบประกันของไทยไม่ได้ปรับเงื่อนไขให้เหมาะสมกับโครงสร้างของประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ยังกำหนดอายุที่ผู้ประกันตนมีสิทธิขอรับบำนาญไว้ที่ 55 ปี มาตั้งแต่ปี 1998 ในขณะที่อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 77 ปี (ในปี2017) ทำให้ครัวเรือนไทยมีเวลาสะสมเงินเท่าเดิมแต่มีช่วงเวลาที่ต้องพึ่งเงินบำนาญยาวนานขึ้น นอกจากนี้ เงินบำนาญยังไม่ได้ปรับตามค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากเท่าที่ควรอีกด้วยตลาดประกันภัยมีศักยภาพที่จะรับประกันความเสี่ยงเฉพาะต่อรายได้ของครัวเรือนไทยบทบาทที่น้อยลงของกลไกที่ไม่เป็นทางการ และข้อจำกัดของ Social Assistance และ Social Insurance บ่งชี้ โอกาสของ ‘ตลาดประกัน’ ที่จะเข้ามาปิดช่องว่าง แม้ตลาดประกันภัยมีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบมูลค่าของเบี้ยประกันภัยต่อ GDP เทียบกับประเทศในระดับการพัฒนาเดียวกันแต่ยังมีผู้มีรายได้น้อยและธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงตลาดประกันภัย หรือเข้าถึงไม่พออุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้มีรายได้น้อยและธุรกิจขนาดเล็กเข้าไม่ถึงตลาดประกัน คือ ปัญหาความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลข่าวสาร ผู้รับประกันมักไม่มีข้อมูลความเสี่ยงของลูกค้า เช่น ลูกค้าอาจไม่มีประวัติทางการเงิน หรือการเก็บข้อมูลมีต้นทุนสูง ส่วนหนึ่งเพราะผู้รับประกันเข้าไม่ถึงครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ ครัวเรือนอาจไม่คุ้นเคยกับการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยเฉพาะการศึกษาสัญญาประกันที่ซับซ้อน ปัญหาความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลข่าวสารทำให้การรับประกันมีความเสี่ยงสูง และมีต้นทุนสูงจึงไม่คุ้มค่าที่จะทำตลาดแต่ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการประกันภัยรุดหน้าไปมาก ผู้รับประกันภัยสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้เอาประกันได้มากขึ้นผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ แพลตฟอร์มดิจิทัล ผนวกกับเทคโนโลยีการสำรวจข้อมูลระยะไกล (Remote Sensing) ที่ช่วยสร้างข้อมูลความเสี่ยงใหม่ เช่น เซนเซอร์ตรวจวัดสภาพอากาศและคุณภาพดิน เป็นต้นนอกจากจะมีข้อมูลมากขึ้นแล้ว ผู้รับประกันยังมีแบบจำลองและเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับประกันเข้าใจความเสี่ยงของผู้เอาประกันมากขึ้น จึงเห็นโอกาสในการรวม (Pooling) และกระจายความเสี่ยง อีกทั้งยังสามารถออกแบบสัญญาประกันที่เหมาะสมกับลักษณะความเสี่ยงและความต้องการของลูกค้าหนึ่งในตัวอย่างที่มีชื่อเสียง คือ ACRE Africa ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่รับประกันภัยพืชผลให้กับเกษตรกรกว่า 8.5 ล้านคนในพื้นที่ชนบทของประเทศเคนยา รวันดาและแทนซาเนีย โดย ACRE Africa ต่อยอดองค์ความรู้ด้านการรับประกันพืชผลและการใช้ Remote Sensing จาก Global Index Insurance Facility ของธนาคารโลก และ Kenya Livestock Insurance Program ของรัฐบาลเคนยา เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยและวางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจประกันที่ยั่งยืนสำหรับไทย ข้อมูลการกระจายตัวของอัตราการเติบโตของรายได้ในรูปที่ 11.1 พบว่ามีทั้งพื้นที่ที่รายได้เติบโตและหดตัวบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะรวมและกระจายความเสี่ยงเฉพาะตัวของครัวเรือนไทยทั้งในระดับประเทศ และกลุ่มอาชีพนอกจากนี้ บทความเรื่อง “มิติใหม่ของข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตร กับการพัฒนาระบบการประกันภัยพืชผลที่ยั่งยืน” ยังชี้ให้เห็นโอกาสในการรวมและกระจายความเสี่ยงระหว่างพื้นที่และฤดูเพาะปลูกข้าวนาปีและข้าวนาปรัง เช่น การรวมความเสี่ยงจากการเพาะปลูกข้าวระหว่างภาคใต้กับภาคอีสาน หรือระหว่างข้าวนาปีกับข้าวนาปรังซึ่งมีฤดูปลูกต่างกัน ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนศักยภาพและโอกาสในการทำตลาดประกันสำหรับความเสี่ยงเฉพาะตัวของครัวเรือนไทยให้ลึกและทั่วถึงขึ้นช่องว่าง = โอกาสความเสี่ยงเฉพาะต่อรายได้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งครัวเรือนที่เปราะบางเพราะมีรายได้ไม่พอรายจ่ายและมีเงินออมจำกัด การขาดรายได้ติดต่อกันไม่กี่ครั้งอาจส่งผลให้ครัวเรือนติดกับดักหนี้ไปตลอดชีวิต กลไกในการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อรายได้จึงมีความสำคัญอย่างมากปัจจุบันแม้ครัวเรือนไทยจะเข้าถึงความช่วยเหลือและการประกันจากภาครัฐ แต่เครื่องมือที่มีก็มีข้อจำกัดเฉพาะตัวและอาจยังไม่เพียงพอ จึงเป็นช่องว่าง (Gap) ในระบบนิเวศการประกันความเสี่ยงต่อรายได้ที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมคิดหาวิธีเติมเต็มในขณะเดียวกัน ช่องว่างหมายถึงโอกาสดำเนินธุรกิจประกันภัยที่จะสร้างผลประโยชน์ยั่งยืนให้กับทั้งครัวเรือนไทยและผู้รับประกัน ในอนาคต ผู้รับประกันจะสามารถออกแบบและเสนอสัญญาประกันที่ตอบโจทย์ มีต้นทุนต่ำลง จึงเป็นทั้งโอกาสทางธุรกิจของผู้รับประกันภัยที่จะเข้าสู่ตลาดใหม่ และเป็นโอกาสของครัวเรือนไทยที่จะเข้าถึงกลไกในการบริหารความเสี่ยงต่อรายได้ ซึ่งเป็นบันไดสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1819225
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันสุขภาพ
29/05/2025
“ครอบครัวที่มีลูกเล็ก” ต้องมีการวางแผนการใช้จ่ายและการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เนื่องจากการมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาในครอบครัว ถือว่าเป็นปัจจัยค่าใช้จ่ายใหม่ที่ไม่สามารถคาดการณ์งบประมาณได้อย่างแม่นยำ “การวางแผนประกัน” ของทั้งพ่อแม่และลูก จึงมีความสำคัญทั้งในเรื่องการโอนย้ายความเสี่ยง และการสร้างความมั่นคงปลอดภัยของครอบครัวในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อประกัน ควรเลือกแผนประกันให้คุ้มค่าเหมาะสมกับครอบครัวที่สุด1. ประกันสุขภาพเด็กไม่มีใครรู้ว่าลูกจะเจ็บป่วยวันไหน และด้วยความเป็นพ่อแม่ย่อมเป็นห่วงใย เจ็บป่วยขึ้นมาก็อยากจะให้ลูกหายเร็วที่สุด ด้วยวิธีการรักษาที่ดีที่สุด แม้ค่ารักษาสูงแค่ไหนก็ยอมจ่ายตัวอย่างค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา • โรคปอดบวมในเด็ก150,000 บาท • โรคมือเท้า ปาก 200,000 บาท • ไวรัสอาร์เอสวี(RSV) 200,000 บาท • โรคลิ้นหัวใจรั่ว900,000 บาท • โรคมะเร็ง1,000,000 บาท • โรคไข้เลือดออก120,000 บาท • ไวรัสโรต้า70,000 บาทที่มา: ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจากโรงพยาบาลชั้นนำปี 2561 และข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข“ดังนั้น เมื่อพ่อแม่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะต้องเตรียมเงินค่ารักษาในแต่ละปีเท่าไร ทางเลือกในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาแบบง่ายที่สุดและใช้เงินน้อยที่สุด คือ การวางแผนทำประกันสุขภาพเด็ก”เคล็ดลับเลือกประกันสุขภาพให้ลูกน้อย1. ค้นหากุมารแพทย์เก่งๆที่ไว้ใจ2. กุมารแพทย์ท่านนี้ออกตรวจที่โรงพยาบาลไหนบ้างเลือก 2 - 3 โรงพยาบาลที่สะดวก ใกล้บ้าน หรือมั่นใจในการบริการ3. ตรวจสอบค่าห้องของโรงพยาบาลแต่ละที่จากเว็ปไซต์ และวงเงินค่ารักษาที่ควรเตรียมไว้4. เลือกบริษัทประกันที่มีโรงพยาบาลนั้นอยู่ในเครือหากสามารถใช้สิทธิ์แฟกซ์เคลมได้ ก็จะเพิ่มความสะดวกสบาย5. เลือกแผนประกันที่ความคุ้มครองครอบคลุมค่าห้อง ค่ารักษา หากงบประมาณเพียงพอ แนะนำให้เลือกแบบเหมาจ่าย สบายใจกว่าเพราะไม่ต้องกังวลส่วนเกิน6. ความต้องการส่วนอื่นๆเช่น วงเงิน OPD, ค่าชดเชยรายวัน, ความคุ้มครองอุบัติเหตุ ว่าจำเป็นไหม หากต้องการเพิ่ม ก็สามารถปรึกษาตัวแทนประกันชีวิตได้7. เลือกบริษัทประกันที่มั่นคงและเลือกตัวแทนมืออาชีพ2. ประกันชีวิต(คุณพ่อคุณแม่)“เพราะการดำเนินชีวิตของพ่อแม่ อาจข้ามขั้นตอน แต่การศึกษาของลูก ไม่อาจข้ามขั้นตอนได้”มีคนเคยบอกว่าวงจรชีวิต คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่แน่ใจแล้วหรือว่าทุกคนจะเป็นเช่นนั้นบางคนเกิด ยังไม่ทันแก่ ก็เจ็บ บางคนเกิด ยังไม่ทันแก่ ก็ตายแต่การศึกษาของลูก จะค่อยๆ ไล่เรียงไปตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถม มัธยม อุดมศึกษา โดยไม่สามารถลัดขั้นตอนได้“เชื่อว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ในประเทศไทยเกิน 90% ใช้วิธีค่อยๆ หาเงินไปและส่งลูกเรียนไปจนกระทั่งลูกเรียนจบ แต่ลองนึกดูว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนๆ นั้นที่ลัดขั้นตอน จากไปก่อนโดยทิ้งลูกเล็กๆ เอาไว้ ลูกจะเอาเงินจากที่ไหนส่งตัวเองเรียน เพราะตอนนั้นด้วยอายุและประสบการณ์ของลูก ยังไม่สามารถทำงานหาเงินเองได้ วิธีการที่ดีที่สุดและใช้เงินน้อยที่สุดในการการันตีการศึกษา สินทรัพย์แสนมีค่าของลูก คือ การทำประกันชีวิตคุณพ่อคุณแม่ โดยมีชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นลูก”เคล็ดลับเลือกประกันชีวิตพ่อแม่1. คำนวณทุนประกัน ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการศึกษา จนกระทั่งลูกเรียนจบปริญญา รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายจิปาถะ (1) รวมกับหนี้สินที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้หนี้ที่มี ตกทอดไปยังลูก (2) หักลบกับมูลค่าทรัพย์สินสภาพคล่อง เช่น เงินสด ทองคำ ที่มีอยู่แล้วในขณะนี้ (3)(1)+(2)-(3) = ทุนประกันชีวิตที่ควรจะมี2. เลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์อาจเป็นแบบชั่วระยะเวลาหรือตลอดชีพ3. เลือกแผนที่ระยะเวลาในการส่งไม่สั้นและไม่ยาวนานเกินไปเบี้ยประกันอยู่ในงบประมาณ และทุนประกันชีวิตเพียงพอตามที่คำนวณไว้4. เลือกบริษัทประกันที่มั่นคงและเลือกตัวแทนมืออาชีพ3. ประกันออมทรัพย์เพื่อลูกอยากเก็บเงินให้ลูกด้วย “ประกันออมทรัพย์” ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะไม่มีความเสี่ยง สร้างวินัยในการเก็บเงิน และล็อคเงินไว้ให้ลูกในระยะยาวได้จริงเคล็ดลับเลือกประกันออมทรัพย์เพื่อลูก1. กำหนดว่าเงินก้อนนี้มีเป้าหมายเพื่ออะไรหรือต้องการใช้ในระยะเวลาอีกกี่ปี เพื่อดูแผนที่ระยะครบกำหนดสัญญาเหมาะสม2. คุณพ่อคุณแม่มีแผนที่จะส่งเงินออมต่อเนื่องระยะเวลากี่ปีเพื่อดูระยะเวลาส่งเบี้ยประกันที่ตอบโจทย์3. ต้องการออมปีละเท่าไหร่เพื่อกำหนดเบี้ยประกัน4. แนะนำให้“ทำประกันในชื่อพ่อแม่” และ “ใส่ชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นลูก” เพราะระหว่างนี้จะได้คุ้มครองชีวิตพ่อแม่ไปด้วย, หากพ่อแม่เป็นอะไรไปจะได้ไม่ต้องส่งเบี้ยต่อ, ชื่อผู้รับผลประโยชน์ชัดเจนว่าเป็นลูก, พ่อแม่นำไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ เป็นต้น5. เลือกบริษัทประกันที่มั่นคงและเลือกตัวแทนมืออาชีพ“ประกันออมทรัพย์เหมือนกัน แต่แผนมีให้เลือกหลากหลาย รายละเอียดแตกต่างกัน”“ความเจ็บป่วยของลูก” เป็นเรื่องเร่งด่วนสุดของการมีประกัน แต่ “ความคุ้มครองของพ่อแม่” ก็สำคัญ หากพ่อหรือแม่ เป็นผู้นำในการหารายได้ให้ครอบครัว ดังนั้น ควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมในการ “ทำประกันทั้งสองแบบ” ถัดจากนั้นก็วางแผนการเงินสำหรับการศึกษาของลูกน้อยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ wealthythaihttps://www.wealthythai.com/en/updates/wealth-management/wealth-ez/24449
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
29/04/2024
14/05/2024
30/04/2024
29/04/2024
29/05/2024