Everyday knowledge for you
ประกันชีวิต
04/09/2024
กรุงเทพฯ, 4 กันยายน 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบประกันอุบัติเหตุฟรี ผลประโยชน์ความคุ้มครองสูงถึง 100,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุวันละ 500 บาท* คุ้มครองนาน 30 วันนับจากวันลงทะเบียน พิเศษสำหรับสมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me โดยสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2567 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนได้มีประกันอุบัติเหตุเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจขึ้นได้แบบไม่คาดคิดนอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้มอบสิทธิพิเศษ กรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ให้แก่สมาชิก PT Max Card Plus อีกด้วย สอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันอย่าง กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ในการมอบสิทธิประโยชน์ด้านประกันอุบัติเหตุให้แก่สมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me รวมทั้งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่สมาชิก PT Max Card Plus โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และนอกเหนือจากนี้ เรายังร่วมกันอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก PT Max Card ได้เข้าถึงข้อมูลประกันชีวิตและประกันสุขภาพได้ง่าย ๆ ผ่าน แอปพลิเคชัน Max Me อีกทั้งเพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการขับขี่บนท้องถนน เรายังได้นำเสนอแบบประกันออนไลน์ อาทิ แบบประกันอุบัติเหตุ Micro100 ให้แก่สมาชิก PT Max Cardผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลประกันต่าง ๆ ผ่านช่องทางของ แอปพลิเคชัน Max Me ได้ และในอนาคตอันใกล้นี้ เอไอเอ และ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส ยังมีแผนร่วมกันนำเสนอสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่น่าสนใจแก่สมาชิก PT Max Card อีกมากมาย เพื่อเดินหน้าส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือกับ เอไอเอ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของการให้บริการเงินแก่สมาชิก PT Max Card ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me นอกเหนือจากบริการสินเชื่อ และประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ของ กลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข" ในทุกด้านของช่วงชีวิต โดยเรามองว่า ประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับคนไทยทุกคน เป็นทั้งหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและสมาชิก PT Max Card เข้าถึงข้อมูล ความรู้ และเข้าใจถึงความสำคัญของประกันชีวิตผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อตอบแทนลูกค้าและสมาชิกผู้มีอุปการะคุณเสมอมา จึงได้เกิดความร่วมมือกับ เอไอเอ ในครั้งนี้ขึ้น”นอกจากนี้เรายังมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในกรณี สมาชิก PT Max Card ซื้อประกันเอไอเอที่ร่วมรายการ โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีขั้นต่ำ 10,000 บาท รับ Max Point สุดคุ้ม สูงสุด 1,000 แต้ม* เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านช่องทางที่กำหนดผู้ที่สนใจรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุฟรี สามารถลงทะเบียนได้ที่ แอปพลิเคชัน Max Me ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2567สำหรับสมาชิก PT Max Card Plus สามารถลงทะเบียนรับกรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ได้ที่ website : https://crmpartner.pt.co.th/maxplus ตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2567หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนรับสิทธิ์สามารถติดต่อ PT Call Center โทร 1614 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง กรุณาติดต่อ เอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1581หมายเหตุ:*ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์**เงื่อนไขโปรโมชันเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด เอไอเอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ยกเลิก แก้ไขรายละเอียดหรือเงื่อนไขต่างๆ โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางสื่อสารของบริษัท****ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
03/09/2024
• คนรุ่นมิลเลนเนียล และ Gen Z ในสหรัฐอเมริกา ที่คาดหวังว่าตนเองจะได้รับมรดกจากพ่อแม่รุ่นบูมเมอร์ พวกเขาอาจผิดหวัง! เพราะบูมเมอร์ส่วนใหญ่ไม่มีแผนที่จะทิ้งมรดกใดๆ ไว้เลย • มีเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ การเพลิดเพลินไปกับทรัพย์สมบัติทั้งหมดขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และตายไปโดยมีเงินในบัญชีธนาคารเป็นศูนย์ • ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตวัยชรานั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนรุ่นบูมเมอร์ ไม่มีแผนที่จะส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน แต่มีแผนสำหรับค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลและบ้านพักคนชราก่อนหน้านี้มีรายงานระบุว่าในอนาคตอีก 10-20 ปีจากนี้ ประชากรชาว Gen Y หรือรุ่นมิลเลนเนียล กำลังจะขึ้นแท่นเป็นคนรุ่นที่ร่ำรวยที่สุด เนื่องจากจะได้รับมรดกตกทอดจากรุ่นพ่อแม่ โดยมูลค่าทรัพย์สินมรดกรวมแล้วสูงถึง 90 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,080 ล้านล้านบาท) ขณะที่รายงานอีกชิ้นจาก NielsenIQ ชี้ว่า ภายในปี 2573 ชาว Gen Z อาจกลายเป็นรุ่นที่มีความร่ำรวยมากที่สุดในโลก ด้วยค่านิยมไม่มีลูกและมีกำลังซื้อสูงกว่าคนรุ่นก่อนๆ แต่ล่าสุด..(ว่าที่)คนรวยชาว Gen Z และ Gen Y อาจฝันสลาย เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ นิตยสารฟอร์จูน รายงานอ้างถึงผลสำรวจของ Northwestern Mutual ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทางการเงิน ระบุว่า ทายาทรุ่นมิลเลนเนียล และ Gen Z ในสหรัฐอเมริกา ที่คาดหวังอย่างกระตือรือร้นว่าตนเองจะได้รับการโอนมรดกจากพ่อแม่ ซึ่งเป็นทรัพย์สินมหาศาล มูลค่ารวมถึง 90 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นั้น พวกเขาส่วนใหญ่อาจต้องผิดหวัง! เนื่องจากมีเพียง 1 ใน 5 ของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เท่านั้นที่ตั้งใจว่าจะทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลาน แปลว่าที่เหลืออีกส่วนใหญ่อาจไม่ต้องการทิ้งมรดกใดๆ ไว้เลย • ประชากรรุ่นเบบี้บูมเมอร์ คือ รุ่นที่ร่ำรวยที่สุดในยุคปัจจุบันผลสำรวจของบริษัท Northwestern Mutual ครั้งนี้ ทีมวิจัยได้ทำการสำรวจข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนทำงานวัยผู้ใหญ่จำนวนกว่า 4,500 คนในสหรัฐอเมริกา และพบว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คาดว่าจะได้รับเงินสดก้อนโตหลังจากพ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตลงขณะที่ข้อมูลจาก Visual Capitalist เผยว่า ความมั่งคั่งของผู้คนในอเมริกามากกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นของประชากรรุ่นเบบี้บูมเมอร์ โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่ผูกติดกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น การมีบ้านหลังใหญ่ หรือมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เป็นหลัก นอกจากนั้นก็เป็นความมั่งคั่งที่งอกเงยมาจากหุ้น กองทุนรวม เงินบำนาญ ฯลฯ นี่อาจเป็นสาเหตุที่คนรุ่น Gen Z มากกว่า 50% และคนรุ่น Millennial เกือบ 60% รายงานว่า พวกเขาหวังพึ่งพามรดกของพ่อแม่ในอนาคต เพื่อให้ตนเองมีความมั่นคงทางการเงินและใช้ชีวิตเกษียณอย่างสุขสบายอย่างไรก็ตาม ชาว Gen Z Gen Y ที่เคยจับจ้องทรัพย์สินของพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเอาไว้ อาจจะต้องตกใจอย่างมาก เนื่องจากผลสำรวจดังกล่าว พบว่า มีคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เพียง 20% เท่านั้นที่วางแผนว่าจะทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลาน ส่วนที่เหลืออีก 50-80% ต่างบอกตรงกันว่า พวกเขาตั้งใจที่จะไม่ทิ้งมรดกใดๆ ไว้ให้คนข้างหลังเลย ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียง 11% ของกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เท่านั้น ที่บอกว่าการทิ้งมรดกไว้ให้ลูกๆ เป็นเป้าหมายทางการเงินสูงสุดของพวกเขานอกจากนี้ ผลสำรวจเผยข้อมูลอีกว่า 60% ของชาวบูมเมอร์ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกหลานแล้ว แต่ในพินัยกรรมนั้นอาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับความต้องการในการจัดงานศพของพวกเขา มากกว่าจะระบุถึงการแจกแจงเงินสด บ้าน หรือทรัพย์สินอื่นๆ ให้แก่ลูกหลานในครอบครัว • ค่านิยมชาวบูมเมอร์ย้ำชัด “หากมีเงิน จงใช้มันเพื่อตัวเองตอนนี้ อย่ารอจนตาย”ทั้งนี้ผลสำรวจข้างต้น ไม่ได้เจาะลึกถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมคนรุ่นบูมเมอร์ถึงไม่อยากส่งต่อมรดกใดๆ ให้ลูกหลาน อย่างไรก็ตาม มีเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ของคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พยายามจะเสียชีวิตโดยไม่มีเงินติดตัวเลย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เพลิดเพลินไปกับทรัพย์สมบัติทั้งหมดขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และตายไปโดยมีเงินในบัญชีธนาคารเป็นศูนย์ดอลลาร์คนวัยเกษียณบางคนบอกกับนิตยสารฟอร์จูน ว่า แทนที่จะทิ้งเงินก้อนโตไว้ให้คนรุ่นต่อไป พวกเขาเลือกที่จะพาคนที่พวกเขารักไปเที่ยวในวันหยุดในขณะที่พวกเขายังมีชีวิต เพื่อสัมผัสถึงความสุขที่เงินของพวกเขาสามารถซื้อได้“หากคุณมีเงินตอนนี้ จงใช้มันเพื่อตัวเองตอนนี้ อย่ารอจนตาย” เอเลนา นูเญซ คูเปอร์ (Elena Nuñez Cooper) หนึ่งในคนรุ่นบูมเมอร์กล่าว โดยเธอวางแผนจะจ่ายเงินค่าทริปฮันนีมูนให้เพื่อนของเธอ และทุ่มเงินเก็บของตนเองบางส่วนให้กับองค์กรการกุศลนอกจากนี้คนวัยเกษียณอีกหลายคน ก็ยอมรับว่า หลังจากทำงานหนักมานานหลายสิบปี พวกเขาอยากใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบาก เพื่อเพลิดเพลินไปกับชีวิตบั้นปลายอย่างเต็มที่ รวมถึงการเดินทางไปเม็กซิโกและเทศกาลดนตรี Glastonbury แทนที่จะใช้ชีวิตโดยยึดติดหรือกังวลกับความตายที่ใกล้เข้ามา นอกจากนี้ รายงานของ Northwestern Mutual ยังเน้นย้ำว่า ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตวัยชรานั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2020 ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขาต้องการเงิน 951,000 ดอลลาร์เพื่อใช้ชีวิตเกษียณอย่างสบาย แต่ปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวพุ่งสูงถึง 1.46 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบว่า คนรุ่นบูมเมอร์ไม่มีแผนที่จะส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน แต่พวกเขามีแผนสำหรับจัดการค่ารักษาพยาบาลในช่วงวัยเกษียณอายุ และใช้จ่ายไปกับโรงพยาบาลและบ้านพักคนชรามากกว่า • คนรุ่นใหม่สมัยนี้ใช้เงินในบัญชีธนาคารของพ่อกับแม่กันเป็นปกติอยู่แล้วแม้ว่าคนรุ่น Gen Z และ Millennials ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับประโยชน์จาก Great Wealth Transfer หรือ ‘การส่งต่อความมั่งคั่งระหว่างรุ่นครั้งใหญ่' แต่ก็มีคนจำนวนมากในประชากรกลุ่มนี้ ที่ได้รับมรดกไปแล้วในขณะที่พ่อแม่ของพวกเขายังอยู่การวิจัยข้างต้นยังแสดงให้เห็นว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่กำลังวางแผนซื้อบ้าน คาดหวังว่าพ่อแม่หรือครอบครัวของตนจะช่วยจ่ายเงินดาวน์ในรูปแบบของเงินสดเป็นของขวัญ นอกจากนี้ ตามรายงานยังแสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลมีแนวโน้มที่จะใช้เงินฝากจากธนาคารของพ่อและแม่เพื่อซื้อบ้านมากกว่าคนรุ่นก่อนหน้ายิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์บางส่วน ยังคงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกๆ ในวัยทำงานแล้ว และไม่ใช่การช่วยเหลือในเรื่องใหญ่ๆ อย่างการดาวน์บ้าน ดาวน์รถยนต์ หรือช่วยซื้อสินทรัพย์อื่นๆ เท่านั้นแต่จากข้อมูลของ ศูนย์วิจัย PEW รายงานไว้ด้วยว่า คนรุ่นมิลเลนเนียลหนึ่งในสามที่มีอายุ 30 ปีต้นๆ ยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากพ่อแม่ แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือค่าสมาชิกบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ เป็นต้นแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1143088
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
03/09/2024
นิทรรศการภาพถ่ายจากการเดินทาง ผลงานแสดงเดี่ยวครั้งแรกของ อมรพิมล วีรวรรณ บุตรี ดร.อำนวย วีรวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “คงเป็นเพราะคุณพ่อชอบถ่ายรูป ชมพิพิธภัณฑ์”EXPLORATION: Framing the World through My Lens เป็นชื่อนิทรรศการภาพถ่าย ก่อนถึงเวลาที่นิทรรศการจะเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 พื้นที่นิทรรศการยังปิดอยู่ แต่ใครเดินผ่านก็มักต้องหยุดมอง หรือเดินผ่านไปแล้วก็ย้อนกลับมาดูใหม่ภาพถ่ายแต่ละภาพนอกจากสวยงามสะดุดตา ยังชวนให้สงสัยช่างภาพถ่ายภาพนี้มาได้อย่างไร ภาพส่วนใหญ่ยังมีอารมณ์บางอย่างที่ชักชวนผู้ชมให้มีจินตนาการต่อEXPLORATION: Framing the World through My Lens เป็นนิทรรศการภาพถ่ายจำนวน 45 ภาพ จากการเดินทางท่องเที่ยว 12 ประเทศ ผลงานแสดงเดี่ยวครั้งแรกของเซเลบริตี้-นักธุรกิจ ‘คุณแหมว’ อมรพิมล วีรวรรณ บุตรีของ ดร.อำนวย วีรวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผลงานภาพถ่ายสวย จนเพื่อนๆ ยุให้จัดแสดงงาน ขณะเดียวกันก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเปิดประมูลภาพถ่ายสีอัดขยายพิเศษแบบ E-Auction นำรายได้มอบมูลนิธิรามาธิบดี โครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้Blue Hour and the Sea, ชายหาดปากบารา จ.สตูล, 2020 : ถ่ายภาพโดย อมรพิมล วีรวรรณLeopard Family, Maasai Mara National Reserve, Kenya 2018 : ถ่ายภาพโดย อมรพิมล วีรวรรณ • รวมผลงานภาพถ่ายตั้งแต่ปีพ.ศ.2560นิทรรศการ EXPLORATION: Framing the World through My Lens เป็นการรวมผลงานภาพถ่ายตั้งแต่ปีพ.ศ.2560 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ‘อมรพิมล วีรวรรณ’ ให้สัมภาษณ์ว่า เริ่มถ่ายภาพจริงจังจากการเดินทางท่องเที่ยวอมรพิมล วีรวรรณ“ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายภาพบ้าง แต่ความที่ตอนนั้นทำงานประจำจึงยังไม่ได้มีเวลาเดินทางไปไหนไกลๆ แต่หลังออกจากงานประจำมาลงทุนส่วนตัวและดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวแล้วก็มีเวลาที่จะเดินทาง มีเวลาที่จะศึกษาเรื่องการถ่ายภาพ ศึกษาเรื่องกล้อง เวลาเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ไปเที่ยวกับครอบครัว ก็จะนำกล้องตัวใหญ่ไปฝึกฝนทักษะการถ่ายภาพด้วยตัวเอง แต่ภาพถ่ายที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้ส่วนใหญ่เดินทางด้วยตัวเองแรกๆ พยายามชวนเพื่อนไป จนเพื่อนบอกไปไม่ไหวแล้ว ต้องตื่นเช้าเหลือเกิน ไม่เป็นไร เราก็ไปเอง ไปร่วมโฟโต้ทริปกับคนที่เราไม่รู้จักเลย ก็โอเค ได้เพื่อนใหม่ๆ เพราะเข้ากับคนได้ง่ายอยู่แล้ว” • บังเอิญหรือตั้งใจThe Waterfall of the Gods, Godafoss Iceland, 2024 : ถ่ายภาพโดย อมรพิมล วีรวรรณ“หลายๆ ภาพเป็นโลเคชั่นที่เราตั้งใจเข้าไปถ่าย แต่หลายๆ ภาพที่ได้มาเราไปโดยไม่แน่ใจว่าอากาศในวันนั้นจะเป็นอย่างไร ในแง่ของช่างภาพ landscape (ถ่ายภาพทิวทัศน์) เราก็อยากได้ช่วงแสงเช้า แสงเย็น เพราะภาพที่ออกมาจะมีมีติมากกว่าถ่ายตอนกลางวันก็ต้องมีความพยายาม ต้องอดทนบ้าง ต้องไปรอแสง ต้องเดินทางเข้าไปในสถานที่ที่เราไม่คุ้นชิน เดินเข้าไปในระยะทางที่ไกลๆ เดินขึ้นเขาบ้าง ก่อนเดินทางเราต้องทำการบ้านพอสมควร หาข้อมูล และฟิตร่างกายให้พร้อมทริปที่เดินไกลๆ ก็มีที่หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) อยู่ทางตอนเหนือของยุโรป เป็นเขตปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์ก เป็นเกาะที่มีความเป็นธรรมชาติสุดๆ อยู่บนเขา แวดล้อมด้วยมหาสมุทรแอตแลนติกPuffin with a Mouthful of Fish, Faroe Islands, 2022 : ถ่ายภาพโดย อมรพิมล วีรวรรณเราก็เดินขึ้นเนินไปประมาณ 5-6 กิโลเมตร ไปกลับก็สิบกว่ากิโล ก็มีความพยายามที่จะต้องไป เป็นเดสทิเนชั่นที่คนไทยเริ่มรู้จัก จริงๆ จะไปตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด พอโควิด ทริปต่างๆ ก็แคนเซิลไปสองปีพอไปก็ได้ ภาพถ่ายนก Puffin ที่นำมาจัดแสดง เราไปช่วงฤดูร้อน ฤดูหนาวไปไม่ได้ อากาศหนาวจัดมาก และนกชนิดนี้บินมาเฉพาะช่วงฤดูร้อนของยุโรป กรกฎา-สิงหาเป็นช่วงดีที่สุด ก่อนหน้ากรกฎาก็ยังหนาวอยู่ ฤดูร้อนของเขาเราพูดถึง 5-10 องศาเซลเซียส” • ความหมายในภาพซึ่งนำออกประมูลเพื่อการกุศลNew Dawn, New Hope ชาดหาดหัวหิน, ประเทศไทย, 2023นอกจากความตั้งใจจัดแสดงภาพถ่ายสวยๆ จากการเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ‘อมรพิมล วีรวรรณ’ ยังประสงค์ให้งานนี้เป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนมองหา ‘โอกาส’ ทำสิ่งที่ตนเองรักให้ประสบความสำเร็จ ตลอดจนต้องการให้ภาพถ่ายจากฝีมือตนเองได้ขยายประโยชน์ สร้างโอกาสในการรักษาพยาบาลให้ผู้ป่วยยากไร้จึงนำภาพถ่าย จำนวน 2 ภาพ อัดขยายพิเศษ จัดประมูลแบบ E-Auction รายได้มอบมูลนิธิรามาธิบดี โครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้ ภาพแรกชื่อ New Dawn, New Hope ภาพรุ่งอรุณของวันใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยความหวังจากทะเลหัวหิน“เป็นภาพทะเลหัวหินตอนพระอาทิตย์ขึ้นเช้าตรู่ ภาพนี้ที่เลือกมาเพราะมีความผูกพันกับตัวเอง ที่บ้านจะพาครอบครัวไปหัวหินช่วงปีใหม่ทุกปีเป็นคนชอบตื่นเช้าอยู่แล้ว วันนั้นเป็นวันที่ 29 ธันวาคม 2566 นั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าบ้าน ใช้กล้องใหญ่ ขาตั้งกล้องมือถือถ่าย time-lapse ไว้ ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบน้ำ ก็ได้ภาพจากไทม์แล็ปส์และภาพนิ่งช่วงพระอาทิตย์ขึ้น รุ่งขึ้นอีกวันไปถ่ายใหม่ก็ไม่ได้อารมณ์แบบนี้ ไม่เหมือนกัน ภาพวันที่ 29 (ธันวา) สวยกว่า ภาพนี้มีทั้งความสงบและมีทั้งความตื่นเต้นของคลื่น ในแง่ของมีความหวังที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นในปีใหม่ที่จะมาถึง จึงตั้งชื่อภาพนี้ว่า New Dawn, New Hope”Reflection of Nature, Patagonia, Chile, 2024ภาพถ่ายที่เลือกนำออกประมูลภาพที่สอง ชื่อภาพ Reflection of Nature ภาพถ่ายจากดินแดนปาตาโกเนีย (Patagonia) ในประเทศชิลี มนต์เสน่ห์แห่งอเมริกาใต้อมรพิมลกล่าวว่า ปาตาโกเนีย เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของช่างภาพแลนด์สเคปที่ครั้งหนึ่งควรต้องไป ธรรมชาติสวยงามแปลกตาสำหรับทุกคน และยังถูกใจนักท่องเที่ยวประเภท hiking หรือการเดินป่าระยะไกลเพื่อความเพลิดเพลิน สูดอากาศบริสุทธิ์“ภาพ Reflection of Nature เป็นภาพภูเขาที่ปาตาโกเนีย ประเทศชิลี ซึ่งไปมาล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ถ่ายภาพนี้มาได้แบบไม่คาดคิด เราเดินกันไปเรื่อยๆ บนเนินเขา ระหว่างทางก็นั่งพักกันบนก้อนหินขนาดเล็กพอนั่งได้พอดีจุดที่นั่งพักข้างหน้าเป็นทะเลสาบ ช่วงนั้นเวลาประมาณเก้าโมงเช้าเศษๆ แสงอาทิตย์ส่องกระทบภูเขา สะท้อนเงาภูเขาลงน้ำในทะเลสาบปิดที่น้ำนิ่งมาก ก็ลองถ่ายภาพตรงนี้มุมนี้ถ่ายมาประมาณ 4-5 ช้อต เวลาต่างกัน 5-10 นาที ก็จะได้ composition (การจัดวางองค์ประกอบ) ของเมฆต่างกัน ลักษณะและตำแหน่งของเมฆที่เคลื่อนไป แสงต่างกัน ก็ใช้เวลาตรงนี้ค่อนข้างเยอะ ภาพนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในสมาธิ”ผู้ชนะการประมูลได้ภาพถ่าย New Dawn, New Hope ไปครอบครองได้แก่ คงภัทร จิรมณีกุล และผู้ชนะการประมูลภาพถ่าย Reflection of Nature ได้แก่ วรุตม์ สมะลาภา รวบรวมรายได้จากการประมูลภาพมอบให้มูลนิธิรามาธิบดี โครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้ จำนวน 500,000 บาท • คอนเซปต์การถ่ายภาพของ อมรพิมล วีรวรรณMoroccan Lady, Morocco, 2019“จะเน้นเรื่องการวางคอมโพซิชั่นของภาพ ให้ภาพเล่าเรื่องราวออกมาได้ ณ โมเมนต์นั้นที่เราไปและเราเก็บภาพนั้นมาให้อยู่ในความทรงจำได้ตลอดไปภาพหลายๆ ภาพที่แหมวถ่าย เราสื่ออารมณ์ให้ภาพได้ แต่ภาพก็สื่ออารมณ์กลับมาให้เราได้ถ้าเราจ้องเขาภายใน 5-10 วินาที เราสัมผัสถึงโมเมนต์ของสถานที่หรือสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่เราถ่ายภาพนั้นได้เช่นภาพ Moroccan Lady (2019) ตอนนั้นไปเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งในประเทศโมร็อกโก เป็นจุดที่เรานั่งพักระหว่างรอรถบัสมารับ ก็มีคุณยายคนนี้เดินมา เป็นขอทาน เดินมาพูดภาษาท้องถิ่นของเขา เรารู้สึกต้องถ่ายรูป คุณยายก็เดินไปเดินมา เราก็ถ่ายเป็นสิบช้อต แล้วให้เหรียญคุณยายไปพอดูภาพที่ถ่ายได้ เราก็แปลกใจ ภาพได้อารมณ์มาก ทำให้เรารู้สึกน่าจะเริ่มหัดถ่ายภาพในเรื่องของ environmental portrait คือถ่ายภาพคนแต่อยู่ในสถานการณ์นั้นๆ เพราะจะเล่าเรื่องได้เหมือนเป็นตัวตนของคนๆ นั้น” • ‘ดร.อำนวย วีรวรรณ’ กับแรงบันดาลใจคุณหญิงสมรศรี - รศนาภรณ์ - ถกลเกียรติ วีรวรรณ มาให้กำลังใจ อมรพิมล วีรวรรณ“คุณพ่อเป็นคนชอบถ่ายรูปคนหนึ่ง สมัยเราเด็กๆ เวลาไปเที่ยว คุณพ่อก็จะให้ลูกๆ มาถ่ายภาพ รูปที่บ้านก็จะมีค่อนข้างเยอะ ได้ซึมซับมาจากตรงนั้นเหมือนกันคุณพ่อมีมุมมองที่ดี เป็นคนชอบงานศิลปะ ชอบไปพิพิธภัณฑ์ คิดว่าตัวเองก็คงได้มุมมองศิลปะตรงนั้นมาจากคุณพ่อเหมือนกันตอนที่เราเริ่มถ่ายภาพจริงจัง คุณพ่อป่วยแล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องถ่ายภาพ ถ้าคุณพ่อยังอยู่ในวันนี้ก็คงภูมิใจ ก็อยากให้ท่านเห็นเหมือนกัน ตัวเราลุกขึ้นมาถ่ายภาพและจัดนิทรรศการได้ทุกครั้งที่ไปถ่ายภาพ ต่อให้มีอุปสรรคในการเดินทาง เหนื่อยล้า ครั้งที่เราได้ภาพจากกล้องของเราเอง ความรู้สึกเหนื่อยล้าหายไปหมด แทบจะกระโดดไชโย เป็นความภูมิใจของตัวเองเหมือนกัน”Frozen Moment, Jokulsarlon, Iceland, 2023Autumn Colors, Fukushima Japan, 2019Catching the Eyes, หมู่บ้านชาวมอแกน, หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา, 2020 • การถ่ายภาพให้มุมมองอะไรกับชีวิตอย่างไรหรือไม่“เป็นการไปเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละสถานที่ที่เราไป ได้เห็นได้สัมผัสกับคนท้องถิ่นและภูมิประเทศของเขา ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ทำให้เรารู้สึก fresh กลับมา บางทีเราอยู่แบบนี้ แล้วเราไปเที่ยว เหมือนออกจาก comfort zone ของตัวเอง ดีกว่าที่เราจะอยู่สบายๆ ในบ้านเรา หรือไปเที่ยวที่เราคุ้นเคย แต่เวลาเราออกนอกประเทศเหมือนเราได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต ทำให้รู้สึกดี ถึงแม้จะเหนื่อยบ้าง แต่ทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์ตัวเองมากขึ้น”The Shy Fuji, Kawaguchiko Japan 2019เชิญชมภาพถ่ายผลงาน 'คุณแหมว-อมรพิมล วีรวรรณ' มากกว่านี้ได้ใน นิทรรศการภาพถ่าย EXPLORATION: Framing the World through My Lens จัดแสดงระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 9 กันยายน 2567 ณ สเฟียร์แกลเลอรี 1, ชั้น M ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์นอกจากนี้ ผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ พลาดไม่ได้กับกิจกรรมเวิร์คช็อปการถ่ายภาพโดยผู้เชี่ยวชาญจาก SONY ในวันพุธที่ 4 กันยายน 2567 เวลา 19.00 - 20.00 น. • แขกในพิธีเปิดนิทรรศการ EXPLORATION: Framing the World through My Lensอมรพิมล วีรวรรณ และศุภลักษณ์ อัมพุชกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูรม.ล.สุทธิ์ธรทิพย์ วรวรรณ และ วัลลิยา ปังศรีวงศสมนึก – ณิชาพร คลังนอก, อมรพิมล วีรวรรณ, อรธิรา ภาคสุวรรณ์ และก้องธนัตถ์กุล เศรษฐีสถาพรคงภัทร จิรมณีกุล และ วรุตม์ สมะลาภา ผู้ชนะการประมูลภาพถ่ายสุดถนอม กรรณสูตปวรดา - ถกลเกียรติ และกณิการ์ วีรวรรณดารานักแสดงที่สนใจการถ่ายภาพ แจม รชตะ, ตงตง กฤษกร, เฟิร์น นพจิรา, เบญ เรวิญานันท์, แอ๊ค โชคชัย, โตโต้ ธนเดช, ก้อง วิทยา และ เพิร์ล ศัจกรแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1142791
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
03/09/2024
บูคารา (Bukhara) เมืองโบราณอายุกว่า 2,000 ปี ในจังหวัดบูคารา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอุซเบกิสถาน ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหม นับเป็นตัวอย่างความสมบูรณ์ของเมืองยุคกลางในเอเชียกลาง มีโครงสร้างแบบเมืองที่ยังคงสภาพสมบูรณ์แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หลุมฝังศพของอิสมาอิล ซามานีอันโด่งดัง ผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมมุสลิมสมัยศตวรรษที่ 10 และโรงเรียนศาสนาจำนวนมากในศตวรรษที่ 17เมืองเปอร์เซียโบราณแห่งนี้เชื่อว่ามาจากภาษาเปอร์เซียมีความหมายว่า สถานที่แห่งความสุข นับเป็นศูนย์กลางสำคัญของวัฒนธรรมอิสลามมานานหลายศตวรรษ และกลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่สำคัญของศาสนาอิสลามในศตวรรษที่ 8 รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเมืองเคยถูกรุกรานจากหลายอาณาจักร นับตั้งแต่กรีกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช เปอร์เซีย มองโกล เติร์ก จึงกลายเป็นดินแดนที่มีเรื่องราวของประวัติศาสตร์ซับซ้อนน่าสนใจ โดยมียุคทองรุ่งเรืองที่สุดในศตวรรษที่ 10-12 เมื่อถูกปกครองด้วยราชวงศ์ซามานิดของเปอร์เซียปัจจุบัน บูคารา เป็นประจักษ์พยานถึงความเป็นเมืองและสถาปัตยกรรมของยุคชีบานีในการปกครองอุซเบก ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 16 เป็นต้นไป และมีป้อมปราการที่สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 16 ถือเป็นศูนย์กลางเมืองนับตั้งแต่ยุคแรกจวบจนถึงปัจจุบันอนุสรณ์สถานสำคัญที่หลงเหลือมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม ได้แก่ สุสานอิสมาอิล ซามาไน ซึ่งเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดในศตวรรษที่ 10 ในโลกมุสลิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ตั้งแต่สมัยการาคานิดศตวรรษที่ 11 มีหอคอยสุเหร่า Poi-Kalyan ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของการตกแต่งด้วยอิฐ ร่วมกับมัสยิด Magoki Attori และศาลเจ้า Chashma Ayub เป็นต้นอย่างไรก็ตาม ความสำคัญที่แท้จริงของบูคาราไม่ได้อยู่ที่อาคารโบราณแต่ละหลัง แต่อยู่ที่ภูมิทัศน์เมืองโดยรวม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการวางผังเมืองและสถาปัตยกรรมในระดับสูงตั้งแต่อดีต จนได้รับสถานะเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 โดยพื้นที่มรดกมรดกโลกประกอบด้วย Po-i-Kalyan Mosque Complex จตุรัสที่รวมหอคอย The Kalyan Minaret, มัสยิด และโรงเรียนสอนศาสนาทุกวันนี้ บูคารา กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเมื่อไปเยือนอุซเบกิสถาน เพราะเป็นเสมือนโอเอซิสขอบเส้นทางสายไหมโบราณ โดยบรรยากาศและความงดงามนั้นยังแถบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต และได้รับการกล่าวขานว่าเป็น Museum City หรือเมืองแห่งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ยังมีลมหายใจแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000081209
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
03/09/2024
เอไอเอ ประเทศไทย มอบน้ำดื่มขนาด 600 มล. จำนวน 6,000 ขวด เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแก่ผู้ประสบอุทกภัยใน 2 พื้นที่ของเชียงราย ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมีนางพรทิพย์ อินทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อมอบน้ำดื่มสะอาดให้แก่ศูนย์รับบริจาคชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลบ้านแซวเพื่อพี่น้องประสบภัยน้ำท่วม ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน และศูนย์ประสานงานผู้ประสบภัยเทศบาลตำบลเม็งราย จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทยยังได้ลงพื้นที่เพื่อมอบถุงยังชีพที่เพื่อนพนักงานและพลังตัวแทนร่วมกันบรรจุอาหาร น้ำดื่ม และของใช้ที่จำเป็น จำนวนกว่า 2,500 ชุด มอบให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ อ.เมือง อ.ท่าวังผา อ.ปัว อ.เวียงสา จังหวัดน่าน อ.เชียงของ อ.เวียงแก่น อ.เทิง จังหวัดเชียงราย อ.เมือง อ.หนองม่วงไข่ อ.ร้องกวาง อ.สูงเม่น อ.สอง จังหวัดแพร่ อ.เมือง อ.สวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย อ.เชียงม่วง จ.พะเยา และ อ.ฟากท่า อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์สำหรับการเร่งให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยอุทกภัยในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงพลังเพื่อส่งมอบขวัญกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนที่ประสบความยากลำบากได้มีน้ำดื่มสะอาด อาหาร และสิ่งของจำเป็นไว้ใช้อุปโภค-บริโภค ซึ่งตอกย้ำถึงพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้คนไทยและผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ทั้งนี้ เอไอเอ ขอแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจให้ถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกครอบครัว รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
30/08/2024
เทคนิคการจัดสรรแนวคิดของตนเองให้มีเงินเก็บ เกิดวางแผนการเงิน และสร้างโอกาสการเป็นเศรษฐีที่มีความสุขได้ในอนาคตฝันในการเป็นเศรษฐีที่เราสามารถสร้างทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง คงเป็นเป้าหมายหลักที่ใครหลายๆ คนใฝ่ฝัน แต่มีน้อยคนนักที่จะบรรลุเป้าหมาย อย่างไรก็ตามหากมีการวางแผนในทิศทางที่ถูกต้อง มีกลยุทธ์ที่รอบคอบ และความอุตสาหะ ทั้งหมดนี้สามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินนี้ได้องค์ประกอบหลักสำคัญของแนวคิดนี้คือ การสร้างทัศนคติเชิงบวก และการรักษาความพากเพียร แม้จะเผชิญกับความล้มเหลวก็ตาม แต่สามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาสร้างแรงบรรดาลใจได้โดยไม่ย่อท้อปัจจุบันการจะมีเงินเก็บที่เพียงพอ จนไปถึงการเป็นเศรษฐีได้นั้น คือ ทุกคนต้องมีการกำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนตั้งแต่อดีต-อนาคต รวมถึงการสร้างรายได้หลายช่องทาง การออม การลงทุนอย่างชาญฉลาด และการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มเส้นทางการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินได้อีกด้วย รวมถึงวินัยและความอดทน ทั้งหมดนี้เป็นก้าวพื้นฐานสู่ความสำเร็จทางการเงินที่ใครๆ ก็สามารถก้าวไปสู่การเป็นเศรษฐีได้7 แนวคิดในการมีเงินเก็บให้พอใช้ สู่เส้นทางการเป็นเศรษฐีในอนาคต1. ปลูกฝังแนวคิดของเศรษฐีการที่จะมีเงินเก็บจนมีรายได้เทียบเท่ากับการเป็นเศรษฐีนั้นต้องเริ่มต้นจากกรอบความคิดของตัวเองเป็นลำดับแรก โดยเศรษฐีที่สร้างตัวเองได้และประสบความสำเร็จ มักจะมีลักษณะที่เหมือนกันดังต่อไปนี้แนวคิดเชิงบวก : มองโอกาสที่เข้ามา อย่าเพิ่งกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น และเชื่อในความสามารถของตัวเองในการบรรลุความมั่งคั่งความพากเพียร : ผู้ที่มุ่งมั่นต่อเป้าหมาย มีความอดทน แม้จะมีความพ่ายแพ้ก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมย่อท้อเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง : หมั่นแสวงหาความรู้ และพัฒนาทักษะของคุณอย่างสม่ำเสมอ ความประหยัด : รู้จักประมาณการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด และลงทุนในสิ่งที่มีประโยชน์ ช่วยเพิ่มความมั่งคั่ง2. ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนการที่จะมีเงินเก็บ หรือร่ำรวยได้ ต้องตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน โดยถ้าตนเองไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนการเงิน และการจับจ่ายก็จะขาดทิศทาง ซึ่งการกำหนดเป้าหมายทางการเงินในระยะสั้น และระยะยาวถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้แน่ใจว่าตนเองมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าจุดหมายของคุณต้องการไปที่ไหน และจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงิน และความสำเร็จระยะสั้น : เก็บเงินตามจำนวนที่กำหนดในแต่ละเดือน ลดหนี้ หรือเพิ่มรายได้ เป็นต้นระยะยาว : การวางแผนการลงทุน เพิ่มโอกาสของรายได้ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือการวางแผนเกษียณก่อนกำหนด3. สร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายการสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญในการสะสมความมั่งคั่ง และสร้างความมั่นคงทางการเงิน เช่น การลงทุน รายได้เสริม สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยง และภาระจากการพึ่งพาแหล่งรายได้เดียว แหล่งรายได้เหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของคุณ แต่ยังสร้างรากฐานทางการเงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยให้คุณสามารถจัดการกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และคว้าโอกาสในการประสบความสำเร็จทางการเงินมากขึ้น4. ออม และลงทุนอย่างชาญฉลาด ปัจจุบันการแค่หาเงินเพิ่มเพื่อใช้จ่ายอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ตัวเราเองต้องออม และลงทุนอย่างชาญฉลาด เมื่อคุณต้องการมีเงินเก็บ เพราะหากไม่มีวินัยในการออม และการลงทุนอย่างชาญฉลาด รายได้ที่เพิ่มขึ้นของคุณก็จะถูกใช้จ่ายไปโดยไม่จำเป็นการออมเป็นเงิน สำหรับการลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากเพื่อทำให้เงินของคุณเติบโตเมื่อเวลาผ่านไป ผ่านดอกเบี้ยทบต้น เงินปันผล และการแข็งค่าขึ้น 5. ลด และจัดการหนี้ หนี้ เป็นอุปสรรคสำคัญในการที่จะมีเงินเก็บใช้อย่างพอเพียง เพราะ หนี้ทั้งหมดต่างมีดอกเบี้ยสูง เช่น ยอดบัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล อาจทำให้รายได้ของคุณลดลงอย่างรวดเร็ว และจำกัดความสามารถในการออมและลงทุนการจัดการและลดหนี้ควรเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ได้ในอันดับแรก โดยการชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง-ต่ำ หรือหมั่นชำระหนี้ให้ได้ตามกลยุทธ์ของตนเอง และหลีกเลี่ยงการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้นหากไม่จำเป็น 6. พัฒนาทักษะตนเอง การตลาด หรือธุรกิจเมื่อโลกแห่งเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป การลงทุนกับตัวเองถือเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน เพราะการพัฒนาทักษะตนเองเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลมาให้เห็นแล้วหลายรายการได้รับทักษะที่มีความต้องการสูงสามารถเปิดประตูสู่โอกาสในการทำงานที่ร่ำรวย และความก้าวหน้าทางอาชีพได้ ทำให้การมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาส่วนบุคคลและวิชาชีพ คุณจะเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้มากขึ้น และสร้างอนาคตทางการเงินที่ยั่งยืน 7. ตรวจสอบ และปรับแผนทางการเงินของคุณทบทวนแผนทางการเงินของคุณเป็นประจำ และทำการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น และความแปรปรวนของตลาดโลก เพื่อให้เป็นไปตามแผน ด้วยการหมั่นติดตามความคืบหน้าของตลาด, ติดตามมูลค่าสุทธิ และประสิทธิภาพการลงทุนของคุณ ทั้งหมดเพื่อที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาประเมินเป้าหมายทางการเงินของคุณใหม่เป็นระยะๆ และปรับเปลี่ยนตามความก้าวหน้า และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปโดยหากตัวคุณสามารถทำได้ตามคำแนะนำข้างต้นเพียงสักเล็กน้อย จากคำแนะนำ คุณสามารถปูทางสู่อิสรภาพทางการเงิน และความสำเร็จได้ ส่วนความมุ่งมั่นตั้งใจจะพาคุณไปถึงจุดหมายของการเป็นเศรษฐีได้ในที่สุด.ข้อมูล : Forbesภาพ : istockแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2801394
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
30/08/2024
มีรถยนต์ในครอบครองแล้ว สิ่งที่เจ้าของรถไม่ควรมองข้ามคือการทำประกันรถยนต์ มองหากรมธรรม์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้รถ แถมยังต้องคำนึงถึงเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนอีก แล้วที่เราจ่ายเบี้ยประกันรถชั้น 1 ไปมีบริการอะไรที่คุ้มครองการใช้รถของเราบ้างนะบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. คืออะไรบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. บริการที่คุ้มครองการใช้รถยนต์ของเรา หลาย ๆ คนที่ซื้อรถยนต์มาใหม่ อาจจะยังไม่ทราบว่ามีบริการเหล่านี้ รวมอยู่ในกรมธรรม์ที่เราจ่ายเบี้ยประกันรถชั้น 1 ในแต่ละเดือนไปด้วย หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันหมด ยางแตก น้ำมันหมด รถเสียกลางทางในนอกพื้นที่อยู่ของเรา สามารถโทรแจ้งบริษัทประกันภัยได้ 24 ชม. เลยช่วยเหลือในการซ่อมแซมฉุกเฉินขับรถทางไกลนาน ๆ หน้าปัดรถขึ้นแจ้งเตือนสีแดง ต้องซ่อมถึงจะสตาร์ทและไปต่อได้ แต่มองไปทางไหนก็ไม่รู้จักใคร ในกรณีนี้ สามารถโทรแจ้งบริษัทประกันภัยรถว่ารถเราเสียอยู่ตรงไหน จากนั้นเจ้าหน้าที่ประกันจะติดต่อไปที่ศูนย์ประจำจังหวัดนั้น ๆ เพื่อซ่อมแซมรถคุณในกรณีฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเกิดเหตุแบตเตอรี่หมด ยางแตก ฯลฯ ก็สามารถโทรเรียกใช้บริการได้เลย ช่วยเหลือกรณีสตาร์ทรถไม่ติดรถสตาร์ทไม่ติดสามารถเกิดได้จากหลายกรณี เช่น แบตเตอรี่รถเสีย เป็นต้น จ่ายเบี้ยประกันรถชั้น 1 ไปทั้งที กรณีนี้ก็ครอบคลุมถึงบริการพ่วงแบตเตอรี่ แต่จะไม่คุ้มครองกรณีแบตเตอรี่หมดอายุ เพราะฉะนั้นควรหมั่นตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางด้วยนะ ช่วยเหลือกรณีน้ำมันหมดเหยียบเพลินจนลืมดูน้ำมัน กรณีนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์นี้ให้ตั้งสติ และโทรแจ้งบริษัทประกันภัยว่าอยู่ตรงไหน และรถคุณใช้น้ำมันประเภทใด แค่นี้ก็จะมีบริการส่งเจ้าหน้าที่พร้อมน้ำมันรถมาเติมให้คุณไปต่อได้เลยช่วยบริการขนส่งรถถึงแม้จะโทรใช้บริการซ่อมแซมฉุกเฉินไปแล้ว แต่รถก็ยังไม่สามารถสตาร์ทได้ ก็มีบริการรถลากจูง หากรถไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ที่ครอบคลุมอยู่ในงบเบี้ยประกันรถชั้น 1 ที่เราจ่ายไป เพื่อนำไปส่งศูนย์ซ่อมแซมรถยนต์ โดยอาจจะต้องศึกษาเงื่อนไขของแต่ละบริษัท เพราะส่วนใหญ่รถลากจะบริการลากฟรีในระยะทาง 20 กิโลเมตร และมีค่าส่วนต่าง หากระยะทางเกินกว่ากำหนดได้ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ความอุ่นใจที่คนมีรถต้องมีเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถด้วยจ่ายเบี้ยประกันรถชั้น 1 เพราะสามารถคุ้มครองและครอบคลุมได้ทุกสถานการณ์ เช่น อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด กรมธรรม์ที่ยังคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินส่วนบุคคลภายนอกรถอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด หรือรถเกิดเสียกลางทางก็อุ่นใจได้เลย กับบริการที่ครอบคลุมเพื่อคนใช้รถจริง ๆ ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แพงไหมบริการที่ครอบคลุมทั้งตัวรถยนต์ การโจรกรรม อุบัติเหตุ รวมทั้งคุ้มครองค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับและคนโดยสารแบบนี้ เบี้ยประกันรถชั้น 1 ก็ไม่แพงเลย พร้อมบริการต่าง ๆ ในราคาที่ประหยัดถึง 30% ผ่อนจ่ายได้สูงสุด 10 เดือนโดยไม่มีดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังเปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่าได้ทันทีสรุปเหตุการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนนอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะรถเสีย สตาร์ทไม่ติด หรืออุบัติเหตุต่างๆ การมีประกันรถยนต์จึงช่วยให้ผู้ขับขี่อุ่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุม โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ที่มาพร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชม.แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับสยามรัฐออนไลน์https://www.siamrath.co.th/n/546359
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
30/08/2024
ธีรยุทธ บุญมี วันเปิดแสดงนิทรรศการเดี่ยว ‘บนเส้นทางศิลปะ: Journey on Art Manifolds’ เผยความในใจทำไมเอกชนไม่จ้างทำงาน รายได้จากการวาดรูปเป็นทุนวัยเกษียณ คนเดือนตุลาคมร่วมแสดงความยินดี, หงา คาราวาน มอบบทเพลง 'แสงดาวแห่งศรัทธา'นิทรรศการ บนเส้นทางศิลปะ : Journey on Art Manifolds สร้างความอัศจรรย์ใจให้ทั้งบุคคลทั่วไปผู้ศรัทธาในการวิเคราะห์วิจารณ์การเมืองไทย แม้แต่มิตรสหายใกล้ตัว มิตรสหายในแวดวงการเมือง ลูกศิษย์เนื่องจากภาพวาดสีน้ำมัน สีน้ำ สีพาสเทล จำนวน 105 ภาพ ในนิทรรศการนี้วาดโดยมือของบุรุษผู้มีนามว่า ธีรยุทธ บุญมี อดีตเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ 14 ตุลา (พ.ศ.2516) บาดแผลประเทศซึ่งถูกจารึกไว้ด้วยคำว่า “วันมหาวิปโยค”ธีรยุทธ บุญมี เป็นนักวิชาการ นักวิจารณ์การเมือง นักเขียนรางวัลศรีบูรพา เคยเป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ สาขามนุษยวิทยา ในปี พ.ศ.2555 ด้วยวิธีพิเศษธีรยุทธ บุญมี บนเส้นทางศิลปะศาสตราจารย์ธีรยุทธ บุญมี แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ศิลปะ ไว้ว่า “การสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ ไม่ว่าจะใช้ในทิศทางศิลปะหรือวิทยาศาสตร์มนุษย์สร้างสรรค์วิทยาศาสตร์เพื่อเข้าใจโลก ขณะที่ทำงานศิลปะเพื่อเข้าใจตัวเอง เข้าใจความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อโลกและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งทั้งสองด้านล้วนต้องอาศัยการทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเองจะศึกษา สังเกต วิเคราะห์ ทดลอง ลงมือทำ แก้ไข เปลี่ยนแปลง ลองผิดลองถูก ก่อนนำไปสู่บทสรุปถ้าข้อสรุปตรงกับกฎเกณฑ์ของโลก ก็เป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ถ้าผลงานสื่อสารความหมาย ความงาม อารมณ์อย่างสอดคล้องกับจริตของผู้คนแต่ละยุคสมัย ก็จะเป็นผลงานศิลปะ”นิทรรศการ บนเส้นทางศิลปะ : Journey on Art Manifolds จัดแสดงภาพวาดศิลปะสัจนิยม (Realism) หรืองานที่เหมือนจริงตามที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติที่ศิลปินเดินทางไปถึง เช่น ดอยอ่างขาง ดอยภูคา เชียงดาว ภูชี้ฟ้า หลี่ผี ปาย ภูแว เกาะสีชัง อ่าวนาง น้ำตกพลิ้ว คอนพะเพ็ง ฝั่งอันดามัน ภาพดอกไม้สุภาพ คลี่ขจาย เปิดเส้นทางสายศิลปะของ 'ธีรยุทธ บุญมี'ในงานเปิดนิทรรศการ “บนเส้นทางศิลปะ: Journey on Art Manifolds” เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 22 สิงหาคม 2567 ธีรยุทธ บุญมี กล่าวถึงเหตุการณ์ประทับใจที่เกิดขึ้นกับงาน ศิลปะ เป็นครั้งแรก ไว้ว่า“เริ่มมาจากฉากลิเก พ่อผมเป็นนายทหารจ่าสิบเอกเท่านั้น งานอดิเรกชอบดนตรีไทย ก็รับเป็นโต้โผลิเกด้วย ฉากลิเกก็จะมาวาดอยู่แถวหน้าบ้านผม ผมก็ดูว่าเขาเก่งนะ วาดเสากลมๆ ลายสวย และทำให้ดูลึกเข้าไปในท้องพระโรง ตอนนั้นผมเรียน ป.2-3 ก็อยากจะลองเขียนดู เขาก็ยอมให้เราลองเขียนสีเขียวสีแดง”หลังเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย พ.ศ.2512 ผลงานการวาดภาพยังทำให้ ธีรยุทธ บุญมี เป็นที่รักของครูสอนศิลปะประจำโรงเรียน ขนาดลืมนำจานสี-พู่กัน ครูก็มีสำรองเตรียมไว้ให้ แทนที่จะหัก 1 คะแนนพ.ศ.2516 ช่วงเวลาที่ต้องศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ธีรยุทธตัดสินใจเลือกเรียนวิศวกรรมไฟฟ้าที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยอมเก็บความชื่นชอบศิลปะไว้ในใจการอุบัติขึ้นของสถานการณ์การเมืองพ.ศ.2516 และการเดินทางไปใช้ชีวิตในป่าแถบจังหวัดน่าน พ.ศ.2519 ทำให้เขาเดินคู่เคียงกับการเมืองไทยมาจนถึงวันนี้ในฐานะนักวิชาการ-นักคิด ผู้วิเคราะห์วิจารณ์การเมืองไทย โดยมักสวม ‘เสื้อกั๊ก’ ขณะออกมาแสดงความคิดเห็นจนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวศ.ปรีชา เถาทอง ร่วมแสดงความยินดีในการแสดงงานศิลปะของ ธีรยุทธ บุญมี ด้วยการมอบภาพนี้ให้แล้วบอกช่วยวาดภาพนี้ให้เสร็จด้วย ตอนนั้น ศ.ปรีชา วาดไว้แล้ว 90%(บนจอด้านหลัง) ภาพของ ศ.ปรีชา เถาทอง (ซ้าย), ภาพที่วาดต่อเติมโดยธีรยุทธ บุญมี (ขวา)“บนเส้นทางศิลปะ: Journey on Art Manifolds” ไม่ใช่นิทรรศการแสดงผลงานศิลปะครั้งแรกของ ธีรยุทธ บุญมี ก่อนหน้านี้เมื่อปีพ.ศ.2548 เขาเคยจัดแสดงนิทรรศการเดี่ยว สีน้ำ เพื่อนำรายได้มอบให้ผู้ประสบภัยสึนามิครั้งใหญ่ที่ภาคใต้ของไทยตามมาด้วยงานแสดงภาพวาดหารายได้จัดตั้งกองทุนเพื่อสิทธิเสรีภาพ และการปฏิรูปสื่อ พ.ศ.2550 และนิทรรศการเดี่ยว สีน้ำ และสีพาสเทล “อิ่มสี” พ.ศ.2551ภาพสีน้ำมัน ขนาด 60 x 80 เซนติเมตร : Artist Collection (ในความหวงแหนของศิลปิน) นำมาจัดแสดงให้ชม ไม่ได้ตั้งราคาแซป่องไล ภาพสีน้ำมัน 60 x 80 เซนติเมตร ราคา 220,000 บาทภาพดอยภูคา สีน้ำมัน ขนาด 60 x 80 เซนติเมตร ราคา 220,000 บาทธีรยุทธ บุญมี ตอบคำถาม ‘ศิลปะ’ ในมุมมองของเขาเป็นอย่างไร ไว้ว่า“ศิลปะเป็นเรื่องที่พื้นๆ ได้ ใครทำก็ได้ เป็นเหมือนสมบัติร่วม - กิจกรรมร่วมของมนุษย์ เด็กรุ่นใหม่มาทำเป็นไอแพดอาร์ต ไอโฟนอาร์ต อาร์ตทอย เอ็นเอฟที เอาเกมเอากีฬามาร่วมอยู่ในงานศิลปะได้ ดีโมเครไทเซชั่นของศิลปะ (democratization การทำให้เป็นประชาธิปไตย) เกิดขึ้นมากกว่ารุ่นผมในตอนต้นโดยส่วนตัว ผมขบถต่อการแบ่งเป็นศิลปะสูงกับศิลปะขั้นต่ำ พวกศิลปะขั้นต่ำให้เรียกช่าง ช่างไม้ ช่างปูน ขั้นสูงเรียกศิลปิน จิตรกร การขบถนี้เกิดปี 1950-1960s เริ่มจากอังกฤษ และยุโรปแล้วตามมาเมืองไทย ผมร่ำเรียนมนุษยวิทยาก็ศึกษาเรื่องนี้มา เขาลดสูงกับต่ำให้กลายเป็นตัวเดียวคือ มีแค่ ‘วัฒนธรรม’ แปลว่าวิถีชีวิต ไม่ได้แปลว่าของสูง วัฒนธรรมไม่ได้แปลว่าสิ่งที่สูงเด่นมีค่า แต่เป็นอะไรที่เป็นวิถีชีวิตของคนผมอยากจะเห็นศิลปะสื่อออกไปโดยใครก็ได้ และสื่อออกไปในลักษณะไม่ใช่ทำให้ขลังทำให้ศักดิ์สิทธิ์จนเกินไป แต่ผู้คนเสพได้”สีน้ำมัน 50 x 70 เซนติเมตร ราคา 250,000 บาทธีรยุทธ บุญมี เล่าเทคนิคการให้แสงเงาในภาพเจดีย์ วาดด้วยสีน้ำมัน ขนาด 70 x 90 เซนติเมตร (ราคา 300,000 บาท)หลี่ผี 2 : สีน้ำมัน 55 x 75 เซนติเมตร ราคา 200,000 บาทคนเดือนตุลา ธีรยุทธ บุญมี ในวัย 74 ปี กล่าวถึงความเหนื่อยในการเป็นนักวิจารณ์การเมืองที่เก็บไว้เป็นความในใจมาตลอดชีวิต และความรักใน ‘งานศิลปะ’ กำลังช่วยซับเหงื่อ และบำบัดร่องรอยสุขภาพที่ร่วงโรยตามวัย“ผมไปทำงานหากินอะไรอย่างอื่นเกือบไม่ได้เลย ที่วาดรูปส่วนหนึ่งเป็นรายได้ให้ผมเป็นทุนสำหรับวัยเกษียณได้ ถ้าเราจะทำงานเพื่อหารายได้ ต้องไปทำงานที่ไม่อยู่ในกรอบ บริษัทไม่จ้างผม เพราะไม่รู้ว่าวันไหนผมจะออกมาด่ารัฐบาลแบบไหนยังไง อันตรายมาก ผมก็เข้าใจนะเพื่อนทุกคนที่เป็นเจ้าของบริษัท ผมคิดว่าเขารู้จุดนี้ เราจึงต้องเป็นคนซึ่งอยู่ในวัตรปฏิบัติที่ดีพอสมควร นักต่อสู้อาจจะเป็นอย่างนี้ แต่ผมพอใจผมพูดได้ว่า ผมไม่เข้าไปเล่นการเมือง ไม่เคยมีพรรคพวกอยู่ในการเมืองฝ่ายไหน ผมก็วิจารณ์อย่างแฟร์ๆ ของผมไป มีนักการเมืองนั่งอยู่ที่นี่หลายพรรค ผมคิดว่ายืนยันได้ และผมก็ไม่เคยมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับกลุ่มไหนก๊วนไหน นักธุรกิจหรืออะไรทั้งสิ้น ก็ดำรงตนในส่วนที่ผมเป็นอย่างนี้ ก็ภูมิใจ แต่บอกว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อย”ดอยอ่างขาง 1 : ภาพสีน้ำมัน 80 x 100 เซนติเมตร ราคา 220,000 บาทสีชัง 1 ,2, 3 : สีน้ำมันบนผ้าใบ ขนาด 60 x 90 เซนติเมตรสีพาสเทล ขนาด 24 x 34 เซนติเมตร (Artist Collection)อานันท์ ปันยารชุน ประธานเปิดนิทรรศการฯในงานเปิดนิทรรศการฯ ได้รับเกียรติจาก อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 22 สิงหาคม 2567มีบุคลลในแวดวงการเมือง มิตรสหาย และประชาชนให้เกียรติร่วมแสดงความยินดีและร่วมงาน อาทิ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นิพนธ์ บุญญามณี, สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง, รสนา โตสิตระกูล, ดร.สุรพล นิติไกรพจน์, ขวัญสรวง อติโพธิ, สาธิต ปิตุเตชะ, สุรชัย จันทิมาธร (หงา คาราวาน), นิวัติ กองเพียร, ประสาร มฤคพิทักษ์สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, สาธิต ปิตุเตชะ, สวัสดิ์ หอรุ่งเรืองนิพนธ์ บุญญามณีหงา คาราวาน ร่วมแสดงความยินดีด้วยบทเพลง 'ดอกไม้ให้คุณ' และ 'แสงดาวแห่งศรัทธา'นิวัติ กองเพียรผู้มาให้กำลังใจธีรยุทธ บุญมีผู้ชื่นชอบผลงานศิลปะของ ศ.ธีรยุทธ บุญมี สามารถเข้าชม และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำผลงานของอาจารย์กลับไปชื่นชมเป็นส่วนตัว ภาพวาดมีหลายขนาดให้เลือก ราคาระหว่างภาพละ 15,000-500,000 บาท เฉพาะวันงานเปิดนิทรรศการฯ มีผู้จองภาพเขียนแล้ว 24 ภาพคนเดือนตุลา 'ธีรยุทธ บุญมี' เล่าด้วยว่า ตั้งแต่นิทรรศการฯ เปิดให้เข้าชมวันแรก (20 ส.ค.2567) เขาแวะเวียนมาสถานที่จัดงานเป็นระยะ เห็นเด็กรุ่นใหม่เข้ามาชมงาน ลองถามเด็กๆ ว่า “รู้จัก ธีรยุทธ บุญมี มั้ย”“ผมดีใจมาก เด็กบอกรู้จัก เพราะเป็นเด็กมัธยม รู้จักเพราะเรียนเอกสังคม มีเรื่องการเมืองเลยรู้จัก นอกนั้นไม่รู้จักหรอก” ธีรยุทธ เล่าไปยิ้มไป“แต่เมื่อวันสองวันเองที่นี่ ผมดีใจมาก มีแขกที่มาดูนิทรรศการฯ ขอถ่ายรูปกับขอลายเซ็น เป็นคนจีน เป็นครั้งแรกที่ผมถูกขอถ่ายรูป และขอลายเซ็นโดยไม่ใช่ธีรยุทธ บุญมี แต่ในฐานะศิลปินเริ่มจะชักแอบอ้างเกินไปแล้วว่าเป็นศิลปิน ตอนแรกเรียกว่า ‘ชายขอบ’ คือรู้สึกดีใจ เขาขอถ่ายรูปเพราะเห็นรูปที่เราทำ แสดงว่ารูปเราพอจะมีความหมายมีคุณค่า”ภูชี้ฟ้า 2 : สีน้ำมันบนผ้าใบ ขนาด 100 x100 เซนติเมตรลายเซ็นศิลปินชายขอบ ธีรยุทธ บุญมี บนภาพวาดของเขาห้อง New Gen Space หอศิลป์ กทม. บรรยากาศก่อนพิธีเปิดนิทรรศการฯนิทรรศการ “บนเส้นทางศิลปะ: Journey on Art Manifolds” ของ ธีรยุทธ บุญมี จัดแสดงในระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม - 1 กันยายน 2567 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชั้น 3 ห้อง New Gen Space: Space for All Generations โดยมูลนิธิเอสซีจี • เวลา 10.00-20.00 น. • ทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ ปิดบริการทุกวันจันทร์พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1141973
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
30/08/2024
ชวนชมอันซีนไทยแลนด์ “แปลงดอกเอื้องลิ้นมังกร” ที่ภูหมู อช.ภูสระดอกบัว จ.มุกดาหาร ซึ่งช่วงนี้กำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มแปลง คาดบานเยอะที่สุดในเมืองไทย โดยฤดูกาลออกดอกของเอื้องลิ้นมังกรจะอยู่ในช่วง ส.ค.-ต.ค. ของทุกปีถือเป็นอีกหนึ่งอันซีนไทยแลนด์ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักสำหรับ “ทุ่งดอกเอื้องลิ้นมังกร” ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ที่ ภบ.1 (ภูหมู) ท้องที่ตำบลนิคมคำสร้อย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งช่วงนี้ดอกเอื้องลิ้นมังกรสีชมพูกำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มแปลงดอกเอื้องลิ้นมังกรสีชมพู ที่ภูหมู(ภาพจาก : ช่อง เมืองไทยที่หนึ่ง)เอื้องลิ้นมังกร หรือ ลิ้นมังกร,สังหิน,ปัดแดง เป็นกล้วยไม้ดินหายาก มีหัวในดินแบบมันฝรั่ง ลำต้นบนดินสั้น ใบเป็นรูปรีแถบ รูปขอบขนาน ปลายแหลม แผ่นใบบางส่วนดอกมีสีค่อนข้างหลากหลาย เช่น เหลือง เหลืองอมส้ม แสด แสดงอมแดง และชมพู โดยดอกจะออกเป็นช่อ ในช่อมีจำนวน 3-15 ดอก และจะทยอยบานเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ฤดูออกดอกของเอื้องลิ้นมังกรจะอยู่ในช่วงสิงหาคม-ตุลาคม ของทุกปีแปลงดอกเอื้องลิ้นมังกร ที่ภูหมู อช.ภูสระดอกบัว (ภาพจาก : ช่อง เมืองไทยที่หนึ่ง)สำหรับแปลงดอกเอื้องลิ้นมังกรที่บริเวณ หน่วยพิทักษ์ฯ ภูหมู อุทยานฯภูสระดอกบัว จ.มุกดาหาร ยามเมื่อออกดอกเบ่งบานจะให้สีชมพูสะพรั่งสวยงามเต็มแปลง ซึ่งคาดว่าที่นี่เป็นแหล่งที่เอื้องลิ้นมังกรออกดอกพร้อมกันเยอะที่สุดในเมืองไทยแปลงดอกเอื้องลิ้นมังกร ที่ภูหมู อช.ภูสระดอกบัว (ภาพจาก : ช่อง เมืองไทยที่หนึ่ง)ขณะที่ “ภูหมู” เป็นภูเขาเล็ก ๆ มียอดภูสูง 356 เมตร จากระดับน้ำทะเล เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2513 ที่นี่ถูกสร้างโดยทหารอเมริกันใช้เป็นที่ตั้งสถานีจารกรรมการสื่อสารผาระเบียงตะวัน (ภาพจาก : ช่อง เมืองไทยที่หนึ่ง)ปัจจุบันภูหมูเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของอุทยานฯภูสระดอกบัว โดยตอนเช้านักท่องเที่ยวสามารถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาระเบียงตะวันส่วนตอนเย็นไปชมพระอาทิตย์ตกที่ผาพบรัก นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัวที่ พบ.1(ภูหมู) ให้ผู้สนใจได้เดินท่องป่าศึกษาธรรมชาติและสิ่งที่น่าสนใจกันทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 042 620 615 หรือที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว - Phu Sa Dok Bua National Parkผาพบรัก (ภาพจาก : ช่อง เมืองไทยที่หนึ่ง)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000079795
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
28/08/2024
บทความโดย "กัลยวีร์ โรจน์สุขพัฒนา" นักวางแผนการเงิน CFP® สมาคมนักวางแผนการเงินไทยสมัยนี้การเลี้ยงลูกหนึ่งคนมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย โดยเฉพาะค่าเล่าเรียน ที่เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่และสำคัญต่ออนาคตของลูก ดังนั้น พบว่าช่วงใกล้เปิดเทอมก็จะเห็นพ่อแม่หลายคนเตรียมเงินเพื่อจ่ายค่าเทอมไม่ทัน หรือมีแต่ไม่เพียงพอจึงต้องวิ่งวุ่น ดิ้นรนหามาให้ทันกำหนดชำระ แม้จะต้องหยิบยืมคนรู้จัก กู้ยืมจากสถาบันการเงิน การนำของไปจำนำที่โรงรับจำนำ หรืออาจเข้าตาจนก็ต้องกู้เงินนอกระบบก่อนตัดสินใจกู้เงินหรือเป็นหนี้ สิ่งแรกที่พึงกระทำ คือ ควรประเมิน/ทบทวนสถานะการเงินของตัวเอง หากมีเงินออมในส่วนอื่นที่สามารถดึงออกมาใช้ได้ก่อนโดยไม่ผิดเงื่อนไข หรือไม่กระทบแผนการเงินในส่วนอื่น วิธีนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ดีแม้อาจทำให้สูญเสียวินัยการออม หรือเลื่อนการบรรลุเป้าหมายการเงินอื่นออกไป เพราะอย่างน้อยนี่คือเงินของเราเอง ไม่ต้องพึ่งพาเงินของใคร หรือดึงเงินสำรองฉุกเฉินออกมาใช้ก่อนแต่ก็ต้องรีบสะสมคืนกลับมาด้วย หรือหากไม่มีเงินเก็บออมเพียงพอ ก็ต้องใช้วิธีการหยิบยืมเงินจากคนใกล้ชิดหรือญาติสนิทแต่ถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ อาจจำเป็นต้องพึ่งพาเงินกู้จากสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นทางออกที่ดีแต่ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจแหล่งเงินกู้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดการจ่ายค่าเทอมด้วยบัตรเครดิตจะทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินสดในทันที จึงช่วยเลื่อนระยะเวลาในการจ่ายออกไปได้ เหมาะกับผู้ปกครองที่ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง สามารถชำระคืนเงินทั้งหมดภายในวันที่กำหนด (ไม่เสียดอกเบี้ยและได้รับคะแนนสะสมด้วย)สำหรับผู้ปกครองที่คิดว่าไม่มีสภาพคล่อง หรือต้องการระยะเวลาชำระคืนหนี้ที่ยาวนาน อาจพิจารณาการกดเงินสดฉุกเฉินจากบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิต (ปัจจุบันสามารถกดเงินสดผ่านแอปพลิเคชันได้โดยไม่ต้องใช้บัตร) ข้อดีของบัตรสองประเภทนี้คือ ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารกดเงินจากตู้เอทีเอ็มได้ตามวงเงินสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติ ไม่ต้องขอวงเงินกู้บ่อย เมื่อคืนเงินต้นก็จะได้วงเงินสินเชื่อคืนมาอัตโนมัติ แต่ข้อเสียคือ ภาระดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง จึงควรรีบชำระคืนให้เร็วโดยอัตราดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดไม่เกิน 25% ต่อปี และไม่เกิน 16% ต่อปีสำหรับบัตรเครดิต แต่การกดเงินสดจากบัตรเครดิตจะมีค่าธรรมเนียมในการกด 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ของค่าธรรมเนียมการกดอีกด้วย ดังนั้น หากต้องการใช้เงินด่วนเพื่อจ่ายค่าเทอมลูก การใช้บัตรกดเงินสดอาจมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลผู้ปกครองสามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อนำเงินก้อนมาใช้จ่ายตามความจำเป็นได้ เช่น เพื่อการศึกษาของลูก โดยธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร จะพิจารณาจากรายได้ของผู้กู้ โดยบางแห่งอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติมเรื่องบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างไปในแต่ละธนาคาร แต่ไม่เกิน 25% ต่อปีโดยมากจะใช้เวลารอผลอนุมัติเพียงไม่กี่วัน ผู้กู้ก็จะได้รับเงินสดเข้าบัญชีธนาคาร วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ และทยอยผ่อนชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นจำนวนงวดตามที่ได้ตกลงกันไว้ ตั้งแต่ 12 – 60 เดือน บางธนาคารสูงสุดถึง 72 เดือน ขึ้นกับนโยบายแต่ละแห่ง นอกจากนี้วงเงินกู้ที่ได้จะอนุมัติเป็นรายครั้ง ต่างกับกรณีวงเงินกู้ของบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตที่เมื่อชำระเงินต้นจะได้จำนวนวงเงินคืนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นกองทุนหมุนเวียนที่ช่วยสร้างโอกาสทางการศึกษา ไม่คิดดอกเบี้ยในระหว่างที่ศึกษาอยู่ ชำระเงินคืนหลังจากจบการศึกษาแล้ว มีวัตถุประสงค์ให้กู้ยืมเงินแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าครองชีพระหว่างที่ยังศึกษาอยู่ ตั้งแต่ระดับมัธยมปลายสายสามัญ สายอาชีพ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา มีการแบ่งคุณสมบัติของผู้กู้ยืมเป็น 4 ลักษณะ • นักเรียนนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ • นักเรียนนักศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลัก มีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ • นักเรียนนักศึกษาในสาขาวิชาที่ขาดแคลน • นักเรียนนักศึกษาที่เรียนดีโดย 3 กลุ่มแรกมีระยะปลอดหนี้ภายหลังสำเร็จการศึกษา 2 ปี ผ่อนชำระเงินคืนภายใน 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี แต่หากกลุ่มที่ 2 และ 3 เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ จะได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.75% ต่อปี สำหรับนักเรียนนักศึกษาในกลุ่มที่ 4 มีระยะปลอดหนี้ภายหลังสำเร็จการศึกษา 1 ปี ผ่อนชำระเงินคืนภายใน 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี หากเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ด้วย จะได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 0.5% ต่อปีเท่านั้น ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จึงถือเป็นแหล่งกู้เงินเพื่อการศึกษาที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองได้มาก ช่วยให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาเพื่อความก้าวหน้าในชีวิตสินเชื่อเพื่อการศึกษาปัจจุบันมีหลายสถาบันการเงินที่นำเสนอสินเชื่อเพื่อการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ แต่ละแห่งอาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป สามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับบัณฑิตศึกษา ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานเรียนในหลักสูตร Inter หรือ English Program หากเกิดเหตุที่ทำให้การเงินสะดุดหรือมีปัญหาการเงินชั่วคราว สามารถกู้เงินจ่ายค่าเทอมไปก่อนได้ แล้วค่อยมาผ่อนชำระภายหลัง บางธนาคารสามารถยื่นกู้ได้สูงสุดถึง 10 ปี วงเงินส่วนใหญ่จะเป็นแบบตามค่าใช้จ่ายจริง ผู้กู้ต้องมีรายได้แน่นอนหรือประกอบธุรกิจส่วนตัว อาจเป็นบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือญาติของนักเรียนนักศึกษา อายุของผู้กู้เมื่อนับรวมกับระยะเวลากู้จะต้องไม่เกิน 60 ปี และมักมีข้อกำหนดให้มีบุคคลค้ำประกันหรือหลักทรัพย์จำนองเป็นหลักประกันด้วยวางแผนชำระหนี้ก่อนตัดสินใจเลือกแหล่งเงินกู้ควรทราบก่อนว่ายอดผ่อนชำระต่อเดือนเป็นเท่าไร และเมื่อเทียบกับกระแสเงินสดที่เหลือต่อเดือนเพียงพอหรือไม่ (อย่าให้เกินกำลัง) เมื่อตัดสินใจกู้แล้ว ต้องวางแผนจ่ายหนี้ให้ดีและเรียงลำดับความสำคัญค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ หากจำเป็นต้องดึงเงินสำรองบางส่วนมาใช้ด้วย อย่าลืมทยอยเก็บสะสมคืนกลับไป สิ่งสำคัญคือ ต้องงดก่อหนี้ใหม่และเมื่อรายรับเข้ามาให้จ่ายหนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจเผลอใช้จ่ายไปจนหมดควรทำตารางแสดงรายรับรายจ่ายล่วงหน้า 12 เดือน ประเมินดูว่าเดือนไหนที่ติดลบ เดือนไหนที่มีรายรับก้อนใหญ่เข้ามา เช่น โบนัส เช็คจากลูกค้า หรือเงินลงทุนที่ครบกำหนด จะทำให้เห็นภาพรวม วางแผนใช้จ่ายและชำระหนี้ได้ หากรายได้ไม่เพียงพอต้องหารายได้เพิ่มควบคู่ไปกับการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นนอกจากนี้การเข้าไปเจรจาต่อรองกับทางโรงเรียนเพื่อขอผ่อนผันการชำระค่าเทอม ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่เสียหาย โดยปัจจุบันหลายโรงเรียนก็มีทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียน หรือหลายบริษัทก็มีสวัสดิการกองทุนการศึกษาบุตรพนักงานท้ายที่สุดหากผู้ปกครองต้องไปเป็นหนี้ ก็อยากให้ทำความเข้าใจว่า หนี้การศึกษาคือ หนี้ที่มีความสำคัญในการพัฒนาตนเองและเพิ่มโอกาสในอนาคต ดังนั้น มีความสำคัญและมีคุณค่า เพราะการศึกษาเป็นการลงทุนในความรู้ ความสามารถหากลูกมีการศึกษาที่สูงขึ้น ก็จะทำให้ยิ่งมีโอกาสในชีวิตและหน้าที่การงานที่สูงขึ้น นำมาซึ่งรายได้ที่มากกว่าอย่างไรก็ตาม ถึงแม้หนี้การศึกษาคือ หนี้ที่ดี แต่ก่อนตัดสินใจกู้มาจ่ายค่าเทอม ควรตัดสินใจเลือก “วิธีการกู้ยืม” ที่เหมาะสมกับเงื่อนไขครอบครัวและส่งลูกเรียนอย่างสบายใจและเกิดประโยชน์ในระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระหนี้แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1626375
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
29/04/2024
01/08/2024
29/04/2024
30/04/2024
29/04/2024