Everyday knowledge for you
ประกันชีวิต
22/10/2025
เอไอเอ ไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) ฉลองครบรอบ 10 ปีในประเทศไทย เปิดตัวกิจกรรมวิ่งสุดคิวท์แห่งปี กับ “My Melody & Kuromi Celebration Fun Run” ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ และเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 อีกทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษครบรอบ 50 ปีของ My Melody และครบรอบ 20 ปีของ Kuromi ซึ่งนับเป็นคาร์แรคเตอร์ขวัญใจคนไทยหลาย ๆ คน โดยระยะทางวิ่งมีให้เลือกทั้งสิ้น 3 ระยะ ได้แก่ • ระยะ 1.5 km ที่ทุกคนสามารถวิ่งเพลินไปกับน้องหมาแสนรัก หรือชวนคุณหนู ๆ ที่รักมาวิ่งกับคาร์แรคเตอร์ในดวงใจ • ระยะ 3 km ที่ทุกคนจะได้วิ่งแบบชิล ๆ กินบรรยากาศสุดคิวท์ และ • ระยะ 7.5 km ที่ทุกคนจะได้เรียกเหงื่อและสนุกไปกับความน่ารักของ My Melody & Kuromi ตลอดเส้นทางยิ่งไปกว่านั้น กิจกรรมในครั้งนี้ยังมาพร้อมโปรโมชันสุดเอ็กคลูซีฟ อาทิ กิจกรรม Prepare for the Party ที่จะให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปสวย ๆ และพบกับเซอร์ไพรซ์มากมาย กิจกรรม Workshop ทำขนมสำหรับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษมอบให้สำหรับสมาชิก AIA Vitality โดยเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.thai.run และติดตามรายละเอียดได้ทาง www.aiaonebillionday.comสำหรับงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “RUN FUN SHARE” งานเดียวที่รวมกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีในสไตล์ของตัวเอง ทั้งงานวิ่งเทรล (AOB Trail) และ Fun Run กิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมายภายใน AOB Park (AOB Park) ที่รวบรวมร้านอาหารรสเด็ดและเกมมันส์ ๆ ให้ทุกคนในครอบครัวได้มาสนุกร่วมกัน ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต (AOB Concert) กับศิลปินสุดฮอต อย่าง เจ-เจตริน โอ๊ต-ป๊อป-อาร์ต และส้ม-มารี นอกจากกิจกรรมสนุก ๆ แล้ว ทุกคนยังได้มีโอกาสร่วมทำบุญด้วยการบริจาคเงินสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียน ภาษาไทย โดยสภากาชาดไทย และพิเศษสำหรับผู้ที่บริจาคตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปจะได้รับกระเป๋า AOB DAY 2025 Limited Edition อีกด้วย พบกัน วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ งานเดียวที่ไม่อยากให้ใครพลาด!
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การทำงาน
20/10/2025
เคยรู้สึกเหมือนกำลังจมอยู่ในทะเลงานไหม ภาพของผู้จัดการที่หัวหมุนกับการประชุมแบบไม่พัก อีเมลที่ไหลเข้ามาไม่หยุด และลูกทีมที่รอการอนุมัติทุกฝีก้าว คือ ภาพที่เราคุ้นเคยกันดี แต่เครื่องหมายของความขยันก็คือ ความยุ่ง และภาระงานที่เยอะมากมาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่คุ้มค่าเหนื่อยเอาเสียเลยทางกลับกัน ลองจินตนาการถึงผู้นำอีกแบบหนึ่ง พวกเขาประชุมน้อยลง มอบหมายงานอย่างสบายใจ และมีตารางเวลาที่โล่งโปร่ง แต่ทีมกลับทำผลงานได้ดีเกินคาด สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ คือ ความขี้เกียจ หรือการวางแผนให้ประสบผลสำเร็จ คนเหล่านี้มีความคิดอย่างไรบ้างคำตอบคือ "ศิลปะแห่งความเกียจคร้านโดยเจตนา หรือ Intentional Laziness” ไม่ใช่การไม่ทำงาน แต่คือการเลือกที่จะไม่ทำทุกอย่าง แล้วมุ่งใช้พลังงานไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ นี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้แนวทางสุดยูนีคนี้เวิร์คแบบสุดๆ1. วัดกันที่ "ผลลัพธ์" ไม่ใช่ "ความยุ่ง"ผู้นำสายชิลล์ไม่สนใจว่าตัวเองจะดูยุ่งแค่ไหน แต่แคร์ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร ในขณะที่บางคนพยายามพิสูจน์ความทุ่มเทด้วยการอัดตารางประชุมที่แน่นเอี๊ยด หรือส่งอีเมลตอนเที่ยงคืน ผู้นำที่ฉลาดจะถามตัวเองเสมอว่า "อะไรคือสิ่งที่จะขับเคลื่อนทีมไปสู่ความสำเร็จได้จริงๆ"พวกเขากล้าที่จะปฏิเสธวัฒนธรรม "ทำงานโชว์" (Performance Theater) อย่างการประชุมรายงานสถานะที่ไม่จำเป็น หรืองานเอกสารที่ไม่มีใครอ่าน โดยผลวิจัยจาก Visier ชี้ว่า พนักงานกว่า 83% ใช้เวลาไปกับงานที่ทำให้ดูยุ่ง โดยเกือบครึ่งหนึ่งใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับมัน2. สร้างทีมให้แกร่ง จนคุณ "ไม่จำเป็น"ภาวะผู้นำที่แท้จริงคือการทำให้ตัวเองมีความสำคัญน้อยลง ไม่ใช่มากขึ้น ผู้นำที่เก่งจะไม่ทำตัวเป็นคอขวด แต่จะมอบหมาย "ความเป็นเจ้าของ" ไม่ใช่แค่ "งาน" ซึ่งแตกต่างกัน โดยการมอบหมายงาน คือการสั่งให้คนอื่นทำงานตามที่คุณคิด ส่วนการมอบความเป็นเจ้าของ คือการให้อำนาจและความรับผิดชอบในการตัดสินใจไปพร้อมกันเมื่อคุณให้เวลาฝึกฝนทีมในช่วงแรก แล้วถอยออกมาปล่อยให้พวกเขาได้โชว์ฝีมือ จะพบว่าทีมของคุณทำงานได้เร็วขึ้นและสำเร็จมากขึ้นโดยไม่ต้องรอคุณ3. กล้าที่จะ "ตัด" สิ่งที่ไม่สำคัญทิ้งไปเมื่อคุณตั้งใจจะทำงานให้น้อยลง คุณจะเฉียบคมในการมองเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่จำเป็น ผู้นำที่ประสบความสำเร็จมักจะถามตัวเองเสมอว่า "ถ้าเราเลิกทำสิ่งนี้...จะมีอะไรพังไหม?" ปัจจุบันลองมองและสังเกตรอบตัว อาจจะมีอะไรมากมายที่สามารถตัดออกไปได้ เช่น รายงานประจำสัปดาห์ที่ไม่มีใครเคยเปิดอ่าน ขั้นตอนการอนุมัติที่ซ้ำซ้อนและเสียเวลา หรือโปรเจกต์ที่กินทรัพยากรแต่ไม่สร้างคุณค่าแนวคิด Disagree and Commit ของ Jeff Bezos ที่ Amazon คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ความเร็วในการลงมือทำ สำคัญกว่าการรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ 100%4. จอง "เวลาว่าง" ให้สมองได้สร้างสรรค์ไอเดียที่ดีที่สุดมักจะผุดขึ้นมาในช่วงเวลาที่เราไม่ได้ "ทำงาน" ผู้นำที่ฉลาดจะปกป้องช่วงเวลาว่างในปฏิทินของพวกเขาอย่างเข้มงวด เพื่อให้มีเวลาสำหรับคิดกลยุทธ์ สร้างสรรค์ และแก้ปัญหาที่ซับซ้อนJeff Weiner อดีตซีอีโอของ LinkedIn มีชื่อเสียงจากการบล็อก "เวลาว่าง" (Doing Nothing) ในตารางงานของเขา ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีประชุม ไม่มีโทรศัพท์ เขาให้เครดิตว่าช่วงเวลานี้คือที่มาของการตัดสินใจทางกลยุทธ์ที่ดีที่สุดหลายๆ ครั้ง5. เชื่อใจทีม แล้วปล่อยให้พวกเขาเฉิดฉายการบริหารแบบจุกจิก คือตัวทำลายความเชื่อมั่นที่ร้ายกาจที่สุด เมื่อคุณเข้าไปก้าวก่ายทุกการตัดสินใจ มันคือการส่งสัญญาณว่า "ฉันไม่เชื่อใจเธอ" และในไม่ช้า ทีมของคุณก็จะหยุดคิดริเริ่มแล้วรอคำสั่งจากคุณเพียงอย่างเดียวผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน จัดหาเครื่องมือที่จำเป็น แล้ว "หลีกทางให้" นี่ไม่ใช่การสละอำนาจ แต่คือการเสริมพลัง งานวิจัยจาก Deloitte พบว่าพนักงานที่รู้สึกได้รับความไว้วางใจ จะมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นถึง 260%!ในโลกที่ยกย่องความ "ยุ่ง" การรู้จักยับยั้งชั่งใจอย่างมีกลยุทธ์คือข้อได้เปรียบที่ทรงพลังที่สุด ในขณะที่คนอื่นหมดแรงไปกับการพยายามทำทุกอย่าง ผู้นำที่ฉลาดจะเก็บพลังงานไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆดังนั้น ครั้งหน้าที่ใครมองว่าความนิ่งของคุณคือความขี้เกียจ อาจเป็นคำตอบว่าคุณกำลังมาถูกทาง เพราะกุญแจสำคัญของการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า อาจเริ่มต้นจากการ "ทำให้น้อยลง" อย่างชาญฉลาดข้อมูล : forbesแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2889617
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
20/10/2025
‘อลงกรณ์ หล่อวัฒนา’ ศิลปินอิสระฉลอง 60 ปี 60 รูป ใน 'นิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้า ข้างหน้า' ที่ หอศิลป์เจ้าฟ้า 3-29 ตุลาคม 2568เป็นศิลปินอิสระไม่มีวันเกษียณอายุ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา จัดแสดง ผลงานจิตรกรรม ที่สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาสะท้อนภาพความเป็นไปของสังคมและชีวิตศิลปินที่ยังคงทำงานศิลปะเป็นกิจวัตร ใน นิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้าครบรอบวันเกิดปีที่ 60 ไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อลงศิลปินเจ้าของผลงานแนวจิตวิญญาณเชิงสัญลักษณ์ บอกกับเราว่า 'เราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วนะ' เหตุที่กล่าวเช่นนั้น เกี๊ยว - อลงกรณ์ เล่าต่อว่าก่อนถึงวันเกิดไม่นานมีอาการป่วยเป็นไข้สูงจนหนาวสั่น เนื่องจากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะทำให้ภรรยาต้องรีบส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนประสบการณ์ในห้องฉุกเฉิน และห้องผู้ป่วยวิกฤต ทำให้เขาบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้พบกับความจริงของชีวิตจนเมื่อวันที่ได้กลับมาเป็นปกติ จึงได้บอกว่าได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันที่มีอายุครบ 60 ปี พร้อมกับการจัดแสดงผลงานศิลปะชุดล่าสุดที่นำเสนอสัจธรรมของชีวิตที่ว่า ถ้าทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดีส่วนหนึ่งของผลงานทั้งหมด 60 ชิ้นในนิทรรศการ“สำหรับคนส่วนใหญ่อายุ 60 ถือเป็นวัยเกษียณแล้ว แต่เราเป็น ศิลปินอิสระ การทำงานสร้างสรรค์จึงไม่มีวันปลดเกษียณ ผลงานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้มีด้วยกัน 60 ชิ้น เล่าเรื่องของสังคมที่เราได้พบเห็นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่เราอยากจะบอก คือ เรื่องของปัจจุบันขณะ คนเราเกิดมาแล้วต้องตาย แต่เรายังไม่ตาย จึงตั้งคำถามว่าถ้าคนเราเกิดมาแล้วต้องตาย ก่อนตายเราได้ทำสิ่งดี ๆทิ้งไว้ให้กับโลกใบนี้บ้างหรือเปล่า”เรื่องราวของสังคมและครอบครัวที่ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะศิลปิน กล่าวถึง ผลงานจิตรกรรม ที่จัดแสดงเรียงกันเป็นแนวที่ชวนให้คิดถึงจิตรกรรมฝาผนังว่าเป็นภาพเขียนที่ขึ้นรูปด้วย สีอะคริลิก แล้วถม สีน้ำมัน ลงไป ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์มาสร้างพื้นผิวที่มีลักษณะคล้ายกับใบไม้แห้งที่ถูกแมลงกัดกิน“ส่วนเนื้อหาหลักของภาพจะเล่าถึงเรื่องราวชีวิตประจำวันในครอบครัวของเรา มีภาพของภรรยาและน้องหมาที่เลี้ยงไว้เพราะเราไม่มีลูกสรุปเรื่องราวข่าวสารในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เช่นเรื่องของ LGBTQ สมรสเท่าเทียม ปัญหาครอบครัว ผู้ชายเจ้าชู้ ทำให้ผู้หญิงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น ผ่านการนำเสนออย่างมีชั้นเชิงทางศิลปะ ที่เปิดให้ผู้ชมตีความได้ตามมุมมองของแต่ละคน”ศิลปิน ขยายความต่อว่า “เป็นการเล่าเรื่องราวผ่านยุคสมัย ไม่ว่าในสังคมจะเป็นอย่างไร ตัวเราต้องมีหมุดหมายในใจ มีเจตนาที่ดีต่อตัวเราเอง ไม่ต้องไปแคร์สังคมว่าเขาคิดยังไง แต่จงแคร์ตัวเองว่าเราดีพอแล้วหรือยังยกตัวอย่างเรื่องที่เราทำจิตอาสา (กลุ่มจิตอาสาฟ้าประทาน วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังให้กับวัดต่าง ๆโดยไม่คิดมูลค่า) ไม่ต้องให้ใครมาตัดสิน ไม่ต้องมีใครมามอบรางวัลให้ เพราะเราได้รับความสุขนั้นแล้วทันทีที่เราลงมือทำ นั่นคือ ใจความที่เราอยากจะสื่อสารออกไป”Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้า เป็นนิทรรศการที่ชวนให้ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ในหนึ่งปีที่ผ่านไป ในขณะเดียวกันก็ชวนให้มองไปถึงวันข้างหน้า ผ่านความจริงอันเรียบง่าย ถ้าทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดีเกี่ยวกับศิลปิน : อลงกรณ์ หล่อวัฒนาจบชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนสา อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน แล้วไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตเจ็ดยอดระหว่างเรียนอยู่ส่งผลงานศิลปะเข้าประกวดจิตรกรรมบัวหลวงครั้งที่ 9 (พ.ศ.2528) ได้รับรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดง ประเภทจิตรกรรมไทยประเพณีจากนั้นเข้ากรุงเทพฯมาศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตามด้วย Post-Diploma (จิตรกรรม) กาลาบาวันนา วิศวบราราตรี สันตินิเกตัน ประเทศอินเดียนิทรรศการ Beyond ถัดออกไปอนาคตข้างหน้าเปิดให้เข้าชม 3-29 ตุลาคม 2568 วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น.ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (หอศิลป์เจ้าฟ้า)ติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินได้ทาง https://www.facebook.com/xlngkrn.hlx.wat.hnaแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1203657
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
20/10/2025
อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก ก่อตั้งขึ้นโดย National Park Service ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1872 (พ.ศ.2415) และองค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1978Photo: Karla Ann Cote/NurPhoto via Getty Imagesเยลโลว์สโตน เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีเนื้อที่มากกว่า 5.6 ล้านไร่ ครอบคลุมอาณาเขต 3 รัฐ ได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และไอดาโฮ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิงPhoto: Qian Weizhong/VCG via Getty Imagesโดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1872 เยลโลว์สโตน ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ทั้งความร้อนใต้พิภพและธรณีวิทยาอันเป็นเอกลักษณ์Photo: Jonathan Newton/Getty Imagesชื่นชมสัตว์ป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นหมีกริซลี หมาป่า กระทิง ควายไบซัน และกวางเอลก์เส้นทางสำรวจพื้นที่พลังความร้อนใต้พิภพซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อน (geyser) ที่ยังคงพ่นน้ำปะทุอยู่ และเพลิดเพลินไปกับสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีอย่าง แกรนด์แคนยอนแห่งแม่น้ำเยลโลว์สโตน ที่ยิ่งใหญ่Photo: Johnathan Walkerหนึ่งในธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ของอุทยานฯแห่งนี้ คือ ปรากฏการณ์ไฮโดรเทอร์มอล (Hydrothermal) หรือ ปรากฏการณ์ความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำใต้ดินถูกความร้อนจากหินหนืด (แมกมา) ใต้พื้นโลกจนเกิดเป็นน้ำพุร้อน ไกเซอร์ บ่อโคลนเดือด และปล่องไอน้ำ เกิดจากระบบน้ำใต้ดินที่ซับซ้อนซึ่งได้รับความร้อนจากแผ่นดินไหวและความร้อนใต้ผิวโลกPhoto: Porphura HwangPhoto: Titus Pettmanซึ่งกว่า 50% ของปรากฏการณ์นี้ทั่วโลกกระจุกตัวอยู่ที่นี่ สร้างทิวทัศน์ราวกับพื้นดินที่กำลังลุกไหม้ และในบรรดาไกเซอร์นับร้อยแห่ง ไกเซอร์ “Old Faithful” ก็ถือเป็นสัญลักษณ์อันโด่งดังและเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ผู้คนรู้จักมากที่สุดของสหรัฐอเมริกาPhoto: Qian Weizhong/VCG via Getty Imagesในฐานะมรดกโลกทางธรรมชาติ องค์การยูเนสโก ระบุว่า “อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน” เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่สะท้อนปรากฏการณ์และกระบวนการทางธรณีวิทยาอันสำคัญ อีกทั้งยังเป็นภาพสะท้อนอันโดดเด่นของพลังงานความร้อนใต้พิภพ ความงดงามทางธรรมชาติ และระบบนิเวศป่าที่หายาก ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากและใกล้สูญพันธุ์หลายชนิดถือเป็นหนึ่งในระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่ยังคงสมบูรณ์หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งของเขตอบอุ่นตอนเหนือบนโลก และเป็นความยิ่งใหญ่ของกระบวนการทางธรรมชาติในระดับระบบนิเวศป่าอย่างแท้จริงPhoto: Zac Bowingค่าธรรมเนียมชมอุทยานฯ ตั๋วมาตรฐาน เริ่มต้นที่ 20$ - 35$ (ประมาณ 634 - 1,100 บาท)Photo: Ming Chenแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000088856
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
20/10/2025
เอไอเอ ประเทศไทย โดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี และนายกมูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ในพิธีเปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มฟรีแก่เยาวชนและครูพี่เลี้ยงที่เข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่มต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 5 จำนวน 470 กรมธรรม์ ประกอบด้วยเยาวชน 440 คน และครูพี่เลี้ยง 30 คน โดยโครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเยาวชนที่ด้อยโอกาส และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา) มาร่วมเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม รวมทั้งการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ 9 จังหวัดภาคกลาง จำนวน 320 คน และพื้นที่จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน จำนวน 120 คนซึ่งกรมธรรม์ที่สนับสนุนมีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน โดยให้วงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ การสนับสนุนในครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของเอไอเอ ประเทศไทย ในการส่งเสริมความมั่นคงและคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยในพื้นที่เปราะบาง พร้อมร่วมสร้างสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและยอมรับในความหลากหลาย อีกทั้งยังตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืน (ESG) ของเอไอเอ ที่มุ่งสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณดังกล่าว จัดขึ้น ณ สโมสรทหารบก วิภาวดี เมื่อเร็ว ๆ นี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
17/10/2025
• 'เนเธอร์แลนด์' ครองอันดับ 1 ประเทศที่มีระบบบำนาญดีที่สุดในโลกประจำปี 2025 ตามการจัดอันดับของ Mercer • 'ประเทศไทย' ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 41 จาก 52 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยอยู่ในกลุ่ม C หรือกลุ่มรองจากท้ายตาราง • แม้คะแนนรวมของไทยจะดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก และมีคะแนนด้านความเพียงพอของรายได้หลังเกษียณลดลง • เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน ระบบบำนาญของไทยยังคงตามหลังสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และอินโดนีเซียบริษัทที่ปรึกษา Mercer เปิดเผยรายงานดัชนีบำนาญโลก “Mercer CFA Institute Global Pension Index 2025” พบว่าปีนี้ “เนเธอร์แลนด์” ยังคงครองอันดับ 1 ได้เช่นเดิม ด้าน “สิงคโปร์” ก้าวเข้าสู่กลุ่มชั้นแนวหน้าของดัชนีบำนาญโลกได้เป็นครั้งแรก โดยขึ้นสู่อันดับที่ 4 จากการเสริมความแข็งแกร่งของระบบอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี และรัฐบาลเพิ่มความโปร่งใสให้ประชาชนเข้าใจได้มากขึ้นว่า ตนเองจะได้รับเงินบำนาญเท่าใดหลังเกษียณขณะที่ระบบบำนาญของ “มาเลเซีย” อยู่ในอันดับที่ 3 ของเอเชียแปซิฟิก โดยมีคะแนน 60.6 คะแนน เพิ่มขึ้นจาก 56.3 เมื่อปีที่แล้ว ขยับขึ้นมาอยู่ในเกรดC+ จากเดิมที่เกรด Cรายงานฉบับนี้ประเมินระบบบำนาญของ 52 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยใช้เกณฑ์ 3 ด้าน คือ1. ความเพียงพอ (Adequacy) ของรายได้/เงินบำนาญหลังเกษียณ2. ความยั่งยืน (Sustainability) ของระบบบำนาญ3. ความมีธรรมาภิบาลของระบบ” (Integrity)เมื่อปี 2009 “สิงคโปร์” เคยได้เพียงเกรด C ในดัชนีนี้ แต่ภายในเวลาเพียงสิบกว่าปี คะแนนของสิงคโปร์ได้พุ่งขึ้นเป็น B+ ในปีที่แล้ว และในปี 2025 ก็ทะยานขึ้นถึงระดับ Aทิม เจนกินส์ หุ้นส่วนจากบริษัทเมอร์เซอร์ในซิดนีย์และหัวหน้าทีมจัดทำรายงาน กล่าวว่า สิงคโปร์เสริมความแข็งแกร่งของระบบบำนาญอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้แรงก์กิ้งของประเทศดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และในช่วงหลังรัฐบาลให้ความสำคัญมากขึ้นกับการเพิ่มความโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนมากขึ้นว่า ตนเองจะได้รับเงินบำนาญเท่าใดหลังเกษียณระบบบำนาญของสิงคโปร์ตั้งอยู่บนโครงสร้างของ Central Provident Fund (CPF) ซึ่งครอบคลุมแรงงานชาวสิงคโปร์และผู้พำนักถาวรทุกคน โดยเป็นระบบที่บังคับให้ลูกจ้างและนายจ้างสมทบเงินเข้ากองทุนร่วมกัน“สิงคโปร์ไต่ขึ้นมาจากเกรด C จนถึงเกรด A ได้เต็มตัว” เจนกินส์กล่าว “เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสิงคโปร์ก็มีส่วนช่วยด้วย เพราะดัชนีในด้านความยั่งยืนจะคำนึงถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย” • ‘ไทย’ รั้งช่วงท้ายแม้มีคะแนนดีขึ้นสำหรับ “ประเทศไทย” อยู่ในอันดับกลุ่มประเทศ C หรือกลุ่มรองจากท้ายสุด (กลุ่ม D) โดยอยู่ร่วมกับอีกหลายประเทศอาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และเวียดนามแต่หากวัดในแง่คะแนนรวมนั้น ประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 41 จากทั้งหมด 52 อันดับ โดยอยู่ในอันดับที่ 11 จากท้ายตารางในปีนี้ระบบบำนาญของประเทศไทยได้คะแนนดีขึ้นเป็น 50.6 จากเดิม 50.0 ในปีที่แล้ว ทว่าก็ยังคง “ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก” ที่ 64.5 คะแนน โดยในการประเมินเกณฑ์ชี้วัด 3 ด้านนั้น ประเทศไทยทำคะแนนดีขึ้นมากที่สุดในแง่ความโปร่งใสธรรมาภิบาล รองลงมาคือเรื่องความยั่งยืนของระบบ แต่เรื่องความเพียงพอของรายได้หรือเงินบำนาญหลังเกษียณมีคะแนนลดลงเมื่อเทียบกับประเทศใน “อาเซียน” สิงคโปร์ครองอันดับสูงสุดของภูมิภาคด้วยคะแนน 80.8 (เกรด A) ขณะที่มาเลเซียได้ 60.6 (เกรด C+) เวียดนาม 53.7, อินโดนีเซีย 51.0, ไทย 50.6 (เกรด C) และฟิลิปปินส์ 47.1 (เกรด D) ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงตามหลังประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งในด้าน “ความเพียงพอของรายได้หลังเกษียณ” แม้มีความก้าวหน้าในด้านธรรมาภิบาลของระบบมากขึ้นก็ตามรายงานส่วนที่วิเคราะห์เฉพาะประเทศไทยระบุว่า ระบบรายได้หลังเกษียณของประเทศไทย ประกอบไปด้วย 1.เงินบำนาญชราภาพ, 2. กองทุนประกันสังคมสำหรับลูกจ้างภาคเอกชน, 3. แผนบำนาญแบบกำหนดเงินสมทบโดยสมัครใจที่นายจ้างจัดตั้งให้ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ 4. ผลิตภัณฑ์เงินออมส่วนบุคคลรายงานยังแนะนำอีกว่า ค่าดัชนีโดยรวมของระบบบำนาญไทย อาจเพิ่มขึ้นได้หากมีการดำเนินการดังต่อไปนี้ ได้แก่ • เพิ่มการคุ้มครองลูกจ้างในระบบบำนาญภาคอาชีพให้ครอบคลุมขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับเงินสมทบและสินทรัพย์ • เพิ่มระดับการสนับสนุนขั้นต่ำสำหรับผู้สูงอายุที่ยากจนที่สุด • ลดระดับหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับสัดส่วนจีดีพี • ยกระดับข้อกำหนดการกำกับดูแลระบบบำนาญภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง • รัฐล้วงเงินกองทุนไปหนุนนโยบายผู้จัดทำรายงานยังเตือนด้วยว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลหลายประเทศเริ่มพยายามนำเงินลงทุนของกองทุนบำนาญไปสนับสนุนนโยบายภายในประเทศมากขึ้น“กฎระเบียบและการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่เรื่องภาษีไปจนถึงข้อบังคับด้านการลงทุน ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีที่กองทุนบำนาญจัดสรรเงินลงทุนของตน” มาร์กาเร็ต แฟรงคลิน ประธานและซีอีโอของสถาบัน CFA Institute กล่าว“ในบางประเทศ รัฐบาลกำลังหันมาใช้กองทุนบำนาญเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ระดับชาติ แต่ในมุมของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เราจำเป็นต้องระมัดระวังผลกระทบที่ไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อข้อบังคับหรือข้อจำกัดเหล่านี้บิดเบือนระบบโดยรวม”ด้านคริสติน มาโฮนีย์ ผู้บริหารด้านบำนาญแบบกำหนดสิทธิประโยชน์/กำหนดเงินสมทบของเมอร์เซอร์ กล่าวว่า เมื่อผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้นและตลาดแรงงานเปลี่ยนแปลง รัฐบาลต่างๆ กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้ปรับเปลี่ยนระบบบำนาญ“อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปบำนาญไม่ใช่เรื่องง่าย การประเมินผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมนายจ้าง รัฐบาล และผู้ให้บริการบำนาญควรมีส่วนร่วมในการกำหนดระบบบำนาญที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/world/1203326
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
17/10/2025
15 ตุลาคม 2568 : ปัจจุบัน สำนักงาน คปภ. พบกรณี นิติบุคคลต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยหรือไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยตามพระราชบัญญัติประกันชีวิตและพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอ้างการสร้างแอปพลิเคชันหลอกลวงว่าเป็นบริษัทประกันภัยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและหลอกให้ประชาชน เข้าทำสัญญาประกันภัย ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเสียหายสำนักงาน คปภ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชนและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันภัย สำนักงาน คปภ. นำโดย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และนายจอม จีระแพทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี จึงเดินหน้าปราบปรามภัยไซเบอร์ในรูปแบบใหม่ โดยเข้าร่วม ประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple และ Google รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO) และธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)ในการประชุมดังกล่าว นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ เน้นย้ำว่าธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยสำนักงาน คปภ. และผู้ที่จะประกอบธุรกิจประกันภัยจะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น จึงจะสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อรับประกันภัยได้ สำหรับตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยก็จะต้องได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยจากนายทะเบียน จึงจะสามารถเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ประชาชนได้ จึงได้มีการหารือถึงแนวทางการใช้เทคโนโลยีของ Apple Store และ Google Play Store เพื่อป้องกันและปราบปรามปัญหาประชาชนถูกหลอกลวงที่เกิดขึ้นโดยสำนักงาน คปภ. จะร่วมมือกับทั้ง 2 บริษัท ในการตรวจสอบและลบแอปพลิเคชันของ บริษัทประกันภัยที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย รวมถึงบุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยในประเทศไทย เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงดังกล่าว เนื่องจากแอปพลิเคชันเถื่อนหรือบริษัทประกันภัยต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเหล่านี้ ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. หากเกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากการถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน หรือจ่ายเงินไม่ครบตามกรมธรรม์หรือบริษัทเลิก ประกอบธุรกิจ และเคลมไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้รับเบี้ยประกันภัยไปแล้ว โดยบริษัทต่างชาติเหล่านี้ไม่มีทรัพย์สินในราชอาณาจักรไทยที่จะสามารถบังคับคดีตามคำพิพากษาได้อีกด้วย จึงยากที่จะหาตัวผู้รับผิดชอบและดำเนินการตามกฎหมายได้สำนักงาน คปภ. ขอเตือนประชาชนว่าก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง ให้ตรวจสอบข้อมูลของบริษัทประกันภัย ตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัยหรือได้รับใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือ นายหน้าประกันภัยหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ ของสำนักงาน คปภ. ทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) บัญชีทางการชื่อ “คปภ. รอบรู้” และสายด่วน คปภ. 1186แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับซีเคว้ล ออนไลน์https://www.sequelonline.com/?p=192161
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
17/10/2025
“พัทยา” จังหวัดชลบุรี นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่มีหาดทรายชายทะเลสวยงามโด่งดังในระดับโลก และเมืองแห่งสถานบันเทิงแสงสียามราตรีที่ยากจะหลับใหลแล้ว พัทยายังเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวประเภทแมนเมดอีกเป็นจำนวนมากหนึ่งในนั้นก็คือ “PADO MEDIA ART SPACE” หรือที่ใครหลาย ๆ คนเรียกสั้น ๆ ว่า “PADO” แหล่งท่องเที่ยวแมนเมดน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวให้เข้าชมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาสีสันลีลาวดี ห้อง HarmonyPADO MEDIA ART SPACE ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสาย 3 (ใกล้ ๆ กับ เวิลด์เฮาสต์ พัทยา) โซนพัทยากลาง ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีที่นี่เป็นศูนย์จัดแสดงงานศิลปะสื่อผสมแบบ Immersive Art Interactive ผ่านนิทรรศการสื่อเสมือนจริงและสื่อโต้ตอบแห่งแรกของพัทยา ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำจากเกาหลี บนเนื้อที่จัดแสดงกว่า 4,300 ตารางเมตรPADO มาจากภาษาเกาหลี หมายถึง คลื่น (ห้อง PADO)ชื่อ PADO มาจากภาษาเกาหลี หมายถึง “คลื่น” เปรียบดังคลื่นลูกใหม่จากมหาสมุทรที่พัดเข้าสู่แผ่นดิน ถือเป็นการส่งต่อเทคโนโลยีศิลปะสื่อผสมจากเกาหลีสู่เมืองพัทยา หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกของเมืองไทยภายใน PADO มีทั้งหมด 12 ห้อง (Hall) แบ่งส่วนจัดแสดงเป็น 14 ธีมหลัก ครอบคลุมทั้งภาพ เสียง สีแสง กลิ่น สื่อผสม และแสงเคลื่อนไหว ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจักรวาลอวกาศ ธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทย รวมถึงจินตนาการอันชวนทึ่งสีสันดอกราชพฤกษ์ ห้อง Harmonyผู้ที่มาเที่ยวชมใน PADO สามารถถ่ายรูปกันได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่มีการจำกัดเวลาการถ่ายรูปในห้องต่าง ๆ พวกสายคอนเท้นต์หากมีเวลาจะอยู่ถ่ายรูปกันหลายชั่วโมงหรือทั้งวันก็สามารถทำได้ แต่ทางศูนย์มีข้อห้ามสำหรับการถ่ายรูปคือ ห้ามใช้แฟลช รวมถึงห้ามใช้ขาตั้งกล้องและไม้เซลฟี่ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นส่วนการเดินชมต้องระวังผนังกระจกที่เป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคการจัดแสดง ที่มีอยู่เกือบทั่วทุกห้องชมให้ดี อย่ามัวแต่ชมแสงสีกันเพลินจนเดินไปชมกระจกเด็ดขาดห้อง Universeสำหรับการจัดแสดงทั้ง 14 ธีมใน PADO MEDIA ART SPACE นั้นมีอะไรบ้าง ขอเชิญทัศนากันได้เริ่มจาก Universe : สื่อถึงการกำเนิดชีวิตและเริ่มต้นการเดินทางอันยิ่งใหญ่ผ่านจักรวาลด้วยลำแสงสีขาวจำนวนมาก ท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด ร่วมด้วยลำแสงสีฟ้าและแสงสีเคลื่อนไหวส่องเป็นจังหวะบนพื้นที่เราก้าวเดินห้อง Harmonyจากนั้นต่อกันด้วย Harmony และ Secret : 2 ห้องที่ให้อารมณ์เชื่อมต่อกันของธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจนำโดยสวนดอกไม้ดิจิทัล แห่งความงดงามและกลิ่นหอม กับมนต์เสน่ห์ของ 2 ดอกไม้งามคู่เมืองไทยคือ “ราชพฤกษ์” หรือ “ดอกคูน” และ “ลีลาวดี” หรือ “ลั่นทม” กับแสงสี บรรยากาศ ขนาดและลีลาที่แปรเปลี่ยนไป ดูสายงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งห้อง Harmonyนอกจากนี้ก็ยังมีบรรยากาศของป่าใต้หมอกแห่งไฟและผีเสื้อแห่งนิทานที่ดูแฝงความลึกลับในห้อง Secretถัดมาเป็นห้องที่ 4 คือ PADO หรือ Wave : อีกหนึ่งห้องไฮไลต์ของที่นี่ จัดแสดงเรื่องราวของ PADO หรือ “คลื่น” ในช่วงเวลาและฤดูกาลต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปชวนให้อารมณ์ของเราเปลี่ยนแปรตาม ไม่ว่าจะเป็น ยามเช้า ค่ำคืน ฝนตก ฟ้าร้องฟ้าผ่า หรือยามราตรีที่แสงเหนือสาดส่องอย่างสวยงามห้อง PADOห้องนี้เราสามารถไปยืนบนพื้นใกล้ผนังที่แสดงแสงสีศิลปะของคลื่นซัดสาด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นที่กำลังสาดซัดเข้าหาฝั่ง ดุจดังเรากำลังเดินอยู่บนคลื่นและหาดทรายแบบเสมือนจริงได้อย่างน่าตื่นเต้นห้อง PADOนอกจากนี้ห้อง PADO ยังมีการจัดแสดงให้เห็นถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ ของคลื่นในหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น สงบ สดใส เกี้ยวกราด ดุดัน ซึ่งทางศูนย์ต้องการสื่อให้เราสัมผัสกับอารมณ์ของคลื่นและอารมณ์ของธรรมชาติ อันนำไปสู่การหลอมรวมความเงียบสงบของจิตใจตนโลกในบรรยากาศภูเขาไฟปะทุ ห้อง Time Spaceต่อกันด้วยห้องที่ 5 Time Space : พาไปสัมผัสกับโลกแฟนตาซีเหนือจินตนาการใน 3 บรรยากาศ ได้แก่โลกใต้ทะเลลึก เป็นดังเมืองใต้สมุทร ที่มีฝูงปลา และสัตว์ทะเลน้อยใหญ่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางปะการัง และรอบตัวเราโลกในบรรยากาศภูเขาไฟปะทุ สายฟ้าฟาดกระหน่ำ โดยมี “นกฟีนิกซ์” ในตำนานบินโฉบเฉี่ยวไปมา ช่วงนี้ชวนให้นึกถึงโลกที่กำลังถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญไม่น้อยเลยล่ะค่ะและโลกยุคน้ำแข็งที่ให้อารมณ์หนาวยะเยือก มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่าน มีฝูงปลาและสัตว์ทะเลแหวกว่ายห้อง Highlightจากนั้นเป็นห้อง Highlight : กับโชว์แสงเลเซอร์เริงระบำหลากดีไซน์หลายรูปแบบ ที่ต้องการสื่อว่าในความมืดมิด แสงไม่เพียงส่องนำทางเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนเราให้เป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะได้อีกด้วยห้อง Auroraต่อมาเป็นห้อง Aurora : จำลองบรรยากาศท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ดูมีแสงออโรร่าฉาบทอ ท่ามกลางหมู่ดาวดารดาษ รวมถึงมีวาฬตัวใหญ่แหวกว่ายอยู่บนฟากฟ้าห้อง Wishถัดมาเป็นห้อง Wish : ที่เต็มไปด้วยโคมลอยที่เปลี่ยนสีสันไปตามจังหวะแสงที่ย้อม ซึ่งสื่อถึงความฝันและความหวัง ถือเป็นห้องแห่งสีสันคัลเลอร์ฟูลที่ถ่ายรูปได้สนุกมากต่อด้วย Aqua : ที่จำลองสายน้ำตก และการไหลของสายน้ำในหลากหลายรูปแบบ มิติ ลีลา อารมณ์ มาให้ชมกันธีม Playground ห้องสุดท้ายแล้วก็มาถึงห้องสุดท้าย ห้องที่ 12 ที่รวม 3 ธีมเข้าไว้ในห้องเดียวกัน ได้แก่ Playground, Travel และ InsightPlayground : เป็นพื้นที่ที่ให้เราวาดสิ่งที่จินตนาการลงไป แล้วภาพจะไปปรากฏบนผนังจักรวาลจำลองที่ด้านข้างธีม Travel ห้องสุดท้ายTravel: นำเสนอจุดเด่นของการท่องเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ประเพณี วัฒนธรรม ได้แก่ สถาปัตยกรรม งานโคมลอยยี่เป็ง พระปรางค์วัดอรุณ และพระพุทธรูปองค์โตส่วน Insight: จุดปิดท้ายเป็นวงกลมแห่งแสง มีบันไดให้เราเดินขึ้นไปถ่ายรูปคู่ด้วย ตามแนวคิด พื้นที่แห่งการตระหนักรู้ตนเองในสีสันหลากหลายและคลื่นแสงและนี่ก็คือเสน่ห์สีสันของ PADO MEDIA ART SPACE แห่งเมืองพัทยา จังหสัดชลบุรี ที่เป็นสถานที่ที่จัดเต็มประสบการณ์แห่งแสง สี เสียง และศิลป์ อันน่าตื่นตาตื่นใจมาให้ผู้สนได้ชมกันธีม Insight ห้องสุดท้ายPADO MEDIA ART SPACE เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา : 10.00-21.00 น. เปิดขายตั๋วรอบสุดท้าย 20:00 น. สอบถาม รายละเอียดการเข้าชมได้ที่ โทร. 095 120 9955 หรือดูที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ PADO MEDIA ART SPACEแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000089036
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
17/10/2025
กิ่งก้านที่แผ่กว้างไปรอบๆ มอบความรู้สึกสงบผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนองค์พระพุทธรูปสีทองอร่ามอยู่ประดิษฐานอยู่ใต้ร่มเงา ก็ดูเข้มขลังชวนให้นึกจินตนาการไปถึงภาพพระศาสดาแห่งพุทธศาสนาเมื่อครั้งประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิต้นไม้ที่ว่านี้ คือ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ต้นโพธิ์ที่นับได้ว่าเป็นต้นที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย“ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ต้นนี้ อยู่ในเขต “วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ สถานที่ตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งนำเข้ามาปลูกเป็นต้นแรก ลำต้นโดยรอบประมาณ 20 เมตร และมีความสูงประมาณ 30 เมตรเรื่องเล่าตำนานศรีมหาโพธิตามคติพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เชื่อว่า ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียนั้นตายไปแล้ว แต่หน่อเนื้อเชื้อไขของต้นโพธิ์ตรัสรู้ยังอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ซึ่งอัญเชิญมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานที่มาของต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ณ วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ยังมีการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า “ในอดีตเมื่อครั้ง พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถ ในสมัยขอมเรืองอำนาจทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้จากเจ้าผู้ครองนครปาตลีบุตร ประเทศอินเดีย เพื่อนำกิ่งโพธิ์นั้นมาปลูกที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ”นอกจากนี้ ความเชื่อเรื่องการอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิในประเทศไทยก่อนสมัยรัชกาลที่ ๕ จะต้องอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ไม่ได้อัญเชิญมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ต่อมาเมื่ออังกฤษได้ปกครองอินเดียจึงได้มีการอัญเชิญพระศรีมหาโพธิจากพุทธคยาไปยังดินแดนต่าง ๆ เช่น ในสมัยรัชกาลที่ ๕ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอัญเชิญหน่อพระศรีมหาโพธิจากอินเดียมาปลูกที่พระจุฑาธุชราชฐานบนเกาะสีชังในประเทศไทยมีต้นพระศรีมหาโพธิที่มีหน่อเนื้อเชื้อไขจากต้นโพธิตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากมาย ทั้งที่นำมาจากศรีลังกาและอินเดีย โดยเชื่อว่าต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นพระศรีมหาโพธิที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อัญเชิญมาจากลังกาทวีปในสมัยวัฒนธรรมทวารวดีเมื่อประมาณ 1,000 กว่าปีมาแล้วส่วนการเรียกชื่อต้นโพธิ์ที่อำเภอศรีมโหสถว่า “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” เป็นการแสดงให้เห็นว่าต้นโพธิ์ต้นนี้ คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขต้นโพธิตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าต้นโพธิ์ ต้นไม้แห่งปัญญาต้นโพธิ์ ถือเป็นศูนย์รวมความเชื่อและความศรัทธาของชาวพุทธมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลมากกว่า 2,000 ปี คำว่า “โพธิ” เป็นชื่อที่ใช้เรียกขานต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงประทับใต้ต้นไม้ต้นนั้นๆ และได้ตรัสรู้ต้นโพธิ์จึงมีความหมายว่า ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ (โพธิ แปลว่า เป็นที่รู้หรือเป็นที่ตรัสรู้) และยังเป็นต้นไม้ที่ชาวพุทธ พราหมณ์ และฮินดูให้ความเคารพนับถือกันอย่างสูงอีกด้วย ได้รับการกราบไหว้บูชาเคารพเรื่อยมาอย่างไรก็ตาม มีความเชื่อด้วยว่า ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เหมาะสมที่จะปลูกในบริเวณที่พักอาศัย เพราะหากเจ้าของดูแลได้ไม่ดีหรือไม่เหมาะสมแล้วก็อาจจะทำให้เกิดเหตุไม่ดีตามมาแก่คนในครอบครัว แต่อาจเป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อนด้วยเช่นกัน เนื่องจากระบบรากของต้นโพธิ์สามารถชอนไชไปได้ไกลเพื่อที่จะหาอาหารถ้าปลูกใกล้พื้นที่บริเวณที่อยู่อาศัยจะทำให้โครงสร้างบ้านหรืออาคารที่อยู่ใกล้เคียงนั้นเกิดความเสียหายได้ลักษณะทั่วไปของต้นโพธิ์ คือ เป็นไม้ต้นใหญ่ สูง 20-30 เมตร ผลัดใบระยะสั้น เรือนยอดแผ่กว้าง ลำต้นใหญ่สั้นและเป็นพูพอน กิ่งก้านแผ่ขยาย มีรากอากาศไม่มากเปลือกเรียบสีน้ำตาลปนเทา ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่กว้างหรือสามเหลี่ยม ปลายใบยาวแหลม โคนใบรูปหัวใจ ดอกเป็นสีเขียวอ่อนออกรวมเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่งมีดอกตลอดปี ผลสดแบบมะเดื่อ ทรงกลมสีม่วงดำ ออกผลตลอดปีต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ มองจากซุ้มประตูวัดฝั่งตรงข้ามหนึ่งในรุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมีสำหรับ “ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ” ที่ปราจีนบุรี นับเป็นต้นไม้ 1 ใน 65 ต้น ที่ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือทรงคุณค่า “รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ผู้เปรียบดัง "ร่มโพธิ์ไทร" ของประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2560วิหารพระคันธารราช วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิปัจจุบัน ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปราจีนบุรี โดยด้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานจากกรมศิลปากร พร้อมทั้งปรากฏอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัดแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000096551
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวการเงิน
15/10/2025
คอลัมน์ : คุยฟุ้งเรื่องการเงินผู้เขียน : พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) FSA, FIA, FSAT, FRMนักลงทุนที่ดี หมายถึง ผู้ที่สามารถสร้างสินทรัพย์ที่ดีได้โดยการแสวงหาการลงทุนที่เหมาะสม และสามารถเสริมสร้างรายได้ให้งอกงามอย่างยั่งยืน (Sustainable) ในโลกปัจจุบันนี้จึงมีการพัฒนาตลาดการเงินขึ้นมาในรูปแบบใหม่ เพื่อให้นักลงทุนที่ไม่มีกำลังเงินที่เพียงพอในการลงทุนในธุรกิจของตัวเอง ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกิจการโดยทางอ้อมถ้าจะกล่าวอย่างง่าย ๆ คือ ตลาดการเงินทำตัวเป็นตัวเชื่อมให้คนที่มีเงินออม ได้เอาเงินไปลงทุน ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการจ้างให้คนมาทำงานแทนเรา เวลาจะลงทุนก็ควรดูที่พื้นฐาน ไม่ใช่ตัวเลขที่วิ่งขึ้นลงในตลาดเพียงอย่างเดียวนักลงทุนอีกแบบนี้เองที่เราเรียกว่า นักลงทุนที่เป็นเจ้าของกิจการทางอ้อม โดยการเอาเงินไปลงทุนในตลาดการเงิน“นักลงทุนในตลาดการเงิน” การเป็นนักลงทุนในตลาดการเงินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมนุษย์เงินเดือน โดยหลังจากหักภาษีและค่าใช้จ่ายแล้ว ควรเปลี่ยนมาเป็นสินทรัพย์ที่จะงอกเงยเพื่อเป็นรายได้ต่อไปเรื่อย ๆเครื่องมือทางการเงินในตลาดที่แนะนำให้ใช้กันอยู่บ่อย ๆ ทั่วไป คือ1. ลงทุนในหุ้นราคาถูก : โดยคาดหวังว่าจะได้กำไรก้อนงามจากผลต่างราคาที่สูงขึ้นไป (ภาษานักการเงินจะเรียกว่า Capital Gain) ซึ่งผลกำไรนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ลงทุนในการศึกษาข้อมูลหุ้น หรือข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (Initial Public Offering) ก็เป็นตัวอย่างที่ดี อย่างที่ฮ่องกง คนจะเอาเงินไปลงหุ้นของบริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ (IPO) อยู่บ่อย ๆ แต่ละครั้งนั้นมีแต่คนแห่ซื้อ แล้วถ้าได้มาก็เหมือนกับถูกเลขท้ายสองตัว เพราะโอกาสที่จะได้นั้นเป็นหนึ่งต่อแปด2. ลงทุนในกองทุนรวม : กองทุนรวม จริง ๆ แล้วคือการระดมเงินทุนเข้ามากองไว้เพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องการ โดยจะมีมืออาชีพบริหารตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นักลงทุนจึงไม่ต้องเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์เองโดยตรง แต่คาดหวังกำไรจากราคากองทุนที่สูงขึ้นได้ ซึ่งจะมีสำนักงาน ก.ล.ต. คอยกำหนดกฎเกณฑ์และเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ลงทุนเข้าถึง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบจากการลงทุน3. ซื้อหุ้นของบริษัทที่โตเต็มที่แล้ว (Blue Chip) : หุ้นของบริษัทประเภทนี้จะให้เงินปันผลที่เป็นผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ โดยคาดหวังว่าจะได้รับเงินปันผลและส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากราคาตอนที่ซื้อเอาไว้มาเป็นของแถม แต่ก็แน่นอนว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยงอยู่ในตัว เนื่องจากการซื้อหุ้นคือการร่วมหัวจมท้ายกับบริษัท ซึ่งทำให้นักลงทุนเสมือนกับเป็นเจ้าของกิจการ ข้อเสียของการลงทุนหุ้นประเภทนี้ก็คือการเสียภาษีส่วนบุคคลในเงินปันผลที่รับมา เพราะเงินปันผลถือเป็นรายได้และต้องนำไปรวมภาษีส่วนบุคคล ขณะที่ผลต่างของราคาหุ้นไม่ต้องเสียภาษี4. ซื้อเงินตราต่างประเทศเมื่อคาดว่าเงินท้องถิ่นจะมีมูลค่าลดลง : นักลงทุนจะคาดหวังว่าดอกเบี้ยและมูลค่าเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งไม่สามารถมองข้ามได้โดยเฉพาะกับคนที่ได้รายได้จากต่างประเทศ เช่น มีสมัยหนึ่งที่เงินหนึ่งเหรียญฮ่องกงสามารถแลกได้ 5.5 บาท แต่มาถึงช่วงหนึ่งตกลงมาเหลือแค่ประมาณ 4 บาทต่อหนึ่งเหรียญฮ่องกงเท่านั้น การเลือกที่จะเปลี่ยนเป็นเงินนิวซีแลนด์ในสมัยนั้นเป็นการตัดสินใจถูกต้องเพราะสามารถให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำถึงปีละ 8 เปอร์เซ็นต์5. ซื้อทองคำเพื่อป้องกันค่าเงินที่ลดลงจากอัตราเงินเฟ้อ : ผลตอบแทนที่ได้รับคือมูลค่าทองคำที่เพิ่มขึ้น เช่น การซื้อทองในฮ่องกงที่ไม่ต้องเอาทองกลับไปกลับมา แค่มีแผ่นกระดาษจากธนาคารแทน ซึ่งราคาของแผ่นกระดาษจะเปลี่ยนไปตามราคาทองในตลาด การซื้อขายสามารถทำได้ง่ายผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อแนะนำคร่าว ๆ คือ 1) ซื้อตอนมีภาวะเงินเฟ้อ เช่น ราคาน้ำมันขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย 2) ซื้อก่อนเทศกาล และ 3) ซื้อตอนที่เครื่องมือการลงทุนไม่น่าสนใจ6. ซื้อพันธบัตร : นักลงทุนสามารถเลือกซื้อพันธบัตรในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นและถือจนถึงวันครบอายุ หรืออาจลงทุนในตราสารทางการเงินรูปแบบใหม่ เช่น Structure Note, Credit Link Note โดยผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ จนถึงวันครบอายุ7. ซื้อ Hedge Fund : Hedge Fund นั้นจะสามารถทำกำไรได้ทั้งตอนตลาดขาขึ้นและขาลง (Long and Short Position) โดยคาดหวังว่าราคา Hedge Fund ที่เพิ่มขึ้นจะคือผลตอบแทนการลงทุน ส่วนใหญ่ต้องลงทุนมากกว่าล้านบาทขึ้นไปถึงจะลงทุนได้ แต่แบบประกันชีวิตก็จัดได้ว่าเป็น Hedge Fund เหมือนกัน ซึ่งในประเทศไทยนั้นยังมีรูปแบบที่จำกัดอยู่8. ซื้ออสังหาริมทรัพย์ : ถ้าไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งก้อน นักลงทุนก็สามารถหันไปหาซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทดแทนค่าเช่าที่เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้น หรือทดแทนมูลค่าเงินของเราที่ลดลง9. ถือเงินสด : สุดท้ายก็ควรถือเงินสดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อรอโอกาสเข้าซื้อกรณีตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว และอีกส่วนหนึ่งก็เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรวย ก็คือ สุขภาพ ความสุข และคนรอบข้าง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถซื้อได้ ความรวยในมุมมองของผม จึงหมายถึงการมีอิสรภาพทางการเงิน เพื่อใช้ชีวิตและเวลาไปกับสิ่งที่เรารักและมีความสุข ไม่จำเป็นต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสะสมทรัพย์สิน การเดินทางสายกลางจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับการสร้างสินทรัพย์ทางการเงินส่วนบุคคล “การคำนวณผลประโยชน์พนักงาน” ก็เปรียบเสมือนการสร้างสินทรัพย์ที่สำคัญของบริษัท หากองค์กรใดต้องการความเชี่ยวชาญด้านนี้ บริษัท ABS ก็พร้อมให้บริการ โดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากลแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1897231
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
09/05/2025
30/04/2024
29/04/2024
27/06/2024
19/06/2024