คลังความรู้

Everyday knowledge for you

สุขภาพ

เปิด 10 อันดับ โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2024 มีที่ไหนบ้าง

18/11/2024

"เปิด 10 อันดับ โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2024 มีทั้งรัฐบาลและเอกชน มีที่ไหนติดโผบ้าง เช็กกันเลย"ทางด้าน นิตยสาร Newsweek ร่วมกับ Statista เว็บไซต์วิจัยและเก็บสถิติชั้นนำ มีการเผยผลการจัดอันดับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทย ปี 2024 ซึ่งมีทั้งโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน พิจารณาจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ที่ร่วมตอบแบบสำรวจออนไลน์มีการให้เกณฑ์การตัดสินการจัดอันดับโดยวัดจาก Online Survey, Patient Satisfaction, Hospital Quality Metrics และ PROMs Implementation Survey ประกอบด้วยโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน ดังนี้1. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์                           93.00%     กรุงเทพมหานคร2. โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์       87.34%     กรุงเทพมหานคร3. โรงพยาบาลสมิติเวช                                84.15%     กรุงเทพมหานคร4. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย   83.92%     กรุงเทพมหานคร5. โรงพยาบาลรามาธิบดี                              83.72%     กรุงเทพมหานคร6. โรงพยาบาลเมดพาร์ค                              76.54%     กรุงเทพมหานคร7. โรงพยาบาลกรุงเทพ                                75.32%     กรุงเทพมหานคร8. โรงพยาบาลธนบุรี                                    71.90%     กรุงเทพมหานคร9. โรงพยาบาลพระรามเก้า                            71.79%     กรุงเทพมหานคร10. โรงพยาบาลราชวิถี                                 71.77%     กรุงเทพมหานครแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับไทยนิวส์ออนไลน์https://www.thainewsonline.co/news/877720

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ธุรกิจ

ธุรกิจไทย ในยุคโลกเปลี่ยน

15/11/2024

Beautiful architecture in bangkok city skyline at night in Thailand - Filter effectคอลัมน์ : Smart SMEsผู้เขียน : ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ กรุงศรี SMEเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรีได้มีการจัดสัมมนาเพื่อลูกค้าธุรกิจ Krungsri Business Forum 2024 ในธีม Business Titans : Breaking the Ground to Win ซึ่งดิฉันได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสวนาย่อยบนเวทีในหัวข้อ “ธุรกิจไทยในยุคที่โลกเปลี่ยน (Resilience Strategies in a Changing Business Landscape)” ร่วมกับคุณพลพัฒน์ อัศวะประภา ผู้ก่อตั้ง อาซาว่า กรุ๊ป และคุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO บริษัท PaySolutions, Creden, Fino Efra Fundซึ่งทั้งสองเป็นผู้ประกอบการธุรกิจที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจนสามารถประสบความสำเร็จในปัจจุบัน เลยถือโอกาสมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งในเสวนาเราได้พูดคุยกันถึงความท้าทายที่ SMEs ในประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ รวมถึงแนวทางที่สามารถช่วยให้ธุรกิจพัฒนาและก้าวข้ามอุปสรรคที่พบได้ทั้งนี้ ปัญหาหลักที่ SMEs ไทยต้องเผชิญตลอดมานั้นมีอยู่สองปัจจัยคือ ต้นทุนที่สูงและการแข่งขันที่รุนแรง เริ่มต้นจากปัญหาต้นทุนที่สูง SMEs ไทยส่วนใหญ่เมื่อเริ่มต้นธุรกิจมักจะใช้แรงงานเป็นหลัก ซึ่งทำให้ค่าแรงงานกลายมาเป็นภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอยู่เสมอขณะที่การนำเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรมาใช้ตั้งแต่เริ่มต้นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้สำหรับหลาย ๆ ธุรกิจ การต้องเผชิญกับต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นนี้ ทำให้ SMEs ต้องหาวิธีลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งเริ่มมีการกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ หรือ ESG ที่จะเข้ามากดดันให้ธุรกิจต้องปฏิบัติตามแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ดีในการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ในมุมมองของ SMEs มันก็เป็นต้นทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อมาคือเรื่องของการแข่งขัน ซึ่งเป็นอีกปัญหาหลักที่ SMEs ไทยต้องเผชิญ การแข่งขันในตลาดมาจากทุกทิศทาง ทั้งการแข่งขันระหว่าง SMEs ด้วยกันเอง การแข่งขันจากผู้เล่นรายใหญ่ และการแข่งขันจากตลาดออนไลน์ทั่วโลกโดยเฉพาะสินค้าจากประเทศจีนที่เข้ามาทำตลาดในราคาที่ถูกมาก จนบางครั้งทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ ผู้ประกอบการบางรายพยายามลดราคาสินค้าเพื่อตอบโต้กับการแข่งขันนี้ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในระยะยาว การลดราคาจนถึงจุดที่ไม่สามารถรักษาคุณภาพได้อาจทำให้ธุรกิจเสียฐานลูกค้าและในที่สุดก็สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไปอย่างถาวรซึ่งในเสวนา ก็ได้มีการเสนอแนวทางเพื่อการพัฒนา SMEs ไทยในระยะยาว ได้แก่ การสร้างแบรนด์และเพิ่มมูลค่าสินค้า แทนที่จะเน้นการแข่งขันด้านราคา ควรเปลี่ยนจากการผลิต OEM ไปสู่การสร้างแบรนด์ของตนเองมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ มีการลงทุนใน R&D เพื่อสร้างสินค้าที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และเพิ่มมูลค่าผ่านการสร้างความผูกพันกับลูกค้ารวมทั้งควรนำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้ เช่น AI และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อปรับปรุงธุรกิจ ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันสุดท้ายนี้ อยากจะย้ำถึงความสำคัญของการทำให้ธุรกิจ SMEs ไทยสามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในตลาดที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนอกจากจะต้องมีการสร้างแบรนด์ที่มีคุณค่า การใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนธุรกิจ จะต้องมีการร่วมมือและสร้างเครือข่ายธุรกิจ รวมการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้กับทั้งตนเองและพนักงานอยู่เสมอล้วนเป็นแนวทางสำคัญที่ SMEs ไทยควรนำมาใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ความสามารถในการปรับตัวและการสร้างความแตกต่างคือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการอยู่รอดของ SMEs ไทยแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1694310

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

สุขภาพ

4 เหตุผล ‘โรคอ้วน’ เสี่ยงมะเร็ง 13 ชนิด แพทย์ดังเผยน้ำหนักตัวเหมาะสม ลดการเป็นได้จริง!

15/11/2024

4 เหตุผล ‘โรคอ้วน’ เพิ่มเสี่ยงมะเร็งกว่า 13 ชนิด แพทย์ดังเผยยิบ พฤติกรรมสาเหตุ ‘น้ำหนักตัวเหมาะสม’ ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้จริง!ท่ามกลางเทรนด์รักสุขภาพที่ใครๆ ก็ต่างจับตามองว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังจะมาเปลี่ยนพฤติกรรมให้ผู้คนทั่วโลก ในอีกมุมหนึ่ง โรคที่ยังคงขยายตัวมากขึ้นทั่วโลกและยังไม่มีท่าที่ว่าจะมีเทรนด์ไหนมาล้มล้างได้คือ ‘โรคอ้วน’โรคอ้วนเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของผู้คนทั่วโลก เพราะภาวะน้ำหนักเกินเพิ่มความเสี่ยงในโรคหลายชนิด เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea; OSA) ปัญหาข้อต่อ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคเบาหวานประเภทที่สอง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง และโดยเฉพาะ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกว่า 13 ชนิดอ้างอิงจากข้อมูลในปี พ.ศ.2563 จากสหพันธ์โรคอ้วนโลก (World Obesity Federation) ผู้คนราว 1 พันล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาโรคอ้วน และสำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าปี พ.ศ.2566 คนไทยมีปัญหาน้ำหนักเกินและอ้วน 48.35% แถมตัวเลขเหล่านี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วยนายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุงเทพ (BARSO) และ ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพวัฒโนสถขอรณรงค์ให้สังคมตระหนักเห็นภัยร้ายของโรคอ้วน และหยุดการเพิ่มขึ้นของวิกฤตโรคอ้วน เพื่อเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็ง โรคที่คร่าชีวิตของผู้คนไปมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเพราะแม้ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งจะมีหลายปัจจัย แต่การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้จริงแล้วโรคอ้วนสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งขนาดนั้นจริงหรือ?นายแพทย์ธีรวุฒิกล่าวว่า ทั่วโลกพบโรคอ้วนเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง 3.9% คิดเป็น 544,300 ราย และโรคอ้วนยังมีผลต่อการรักษาในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งแล้ว โดยผู้ป่วยมะเร็งที่มีภาวะอ้วนมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นกว่าผู้ป่วยที่ไม่อ้วน 17% และผลแทรกซ้อนจากการรักษาก็มากขึ้นด้วย รวมถึงมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ สูงขึ้น 13% โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่โรคอ้วนก่อให้เกิดมะเร็งได้อย่างไรนายแพทย์ธีรวุฒิอธิบายกลไกเกี่ยวกับโรคอ้วนต่อความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง ดังต่อไปนี้ ว่า1. เนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue) ทำหน้าที่ปล่อยสารเคมีและเอนไซม์ออกมาเป็นฮอร์โมนเพศชายและหญิง (Estradiol และ Androgen) การที่มีการสร้างฮอร์โมนมากเกินไปกว่าฮอร์โมนเดิม จึงสัมพันธ์กับการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งอื่นๆ2. โรคอ้วนทำให้เกิดภาวะอินซูลินสูง (Hyperinsulinemia) และสาร Insulin-like growth factor 1 (IGF-1) สูงขึ้นผิดปกติ และคนอ้วนมักมีภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin-resistance) จึงเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานและมะเร็ง3. เนื้อเยื่อไขมัน (Adipose Tissue) จะปล่อยสารเคมี ชื่อว่าอดิโพไคน์ (Adipokine) มาหลายชนิด เช่น สารเลปติน (Leptin) ทำให้เกิดการอักเสบ และเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ ยับยั้งการตายโดยธรรมชาติอย่างเป็นระบบของเซลล์ (Apoptosis) แต่ในขณะเดียวกันโรคอ้วนกลับทำให้สาร อะดิโพเนคติน (Adiponectin) ซึ่งมีหน้าที่ยับยั้งการขยายตัวของเซลล์กลับลดน้อยลง ดังนั้นเซลล์จึงมีการเติบโตผิดปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด4. เนื้อเยื่อไขมันยังเป็นตัวการทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เช่น มะเร็งในท่อน้ำดี มะเร็งตับ และมะเร็งอื่นๆ นอกจากนี้ สารอดิโพไคน์ยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมะเร็งอ่อนแอลง และเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ง่ายแม้โรคอ้วนจะไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งโดยตรง แต่ก็ส่งผลต่อร่างกายจนทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นนายแพทย์ตนุพลเสริมว่า การหลั่งฮอร์โมนไขมันที่ผิดปกติส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันลดประสิทธิภาพลง การทำงานเซลล์เพชฌฆาต หรือ NK-cell (Natural Killer cell) เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่ตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็ง ก็ได้รับผลกระทบด้วยนั่นเอง จึงเป็นสาเหตุที่ความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นตามน้ำหนักตัวพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นสาเหตุให้ความเสี่ยงมะเร็งเพิ่มสูงขึ้นการบริโภคพลังงานมากเกินกว่าความต้องการของร่างกายเป็นระยะเวลานาน เป็นสาเหตุของโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อื่นๆ นอกจากพลังงานส่วนเกินแล้ว อาหารบางประเภทมีความสัมพันธ์ชัดเจนต่อการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่สอง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็งข้อมูลจาก The International Agency for Research on Cancer (IARC) หรือแผนกวิจัยเรื่องโรคมะเร็งขององค์การอนามัยโลก (WHO)  จัดให้ เนื้อสัตว์แปรรูป (Processed Meat) หรือเนื้อสัตว์ทุกประเภทที่ได้รับการเก็บรักษาโดยการรมควัน การหมักเกลือ การบ่ม หรือการบรรจุกระป๋อง เช่น ไส้กรอก ซาลามี่ แฮม เบคอน กุนเชียง ลูกชิ้น หมูยอ เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ (กลุ่มที่ 1)โดยมีหลักฐานที่เพียงพอในมนุษย์ว่าการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และกระเพาะอาหาร  และจัดให้ เนื้อแดง (Red Meat) ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อหมู อยู่ที่กลุ่ม 2A มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งในมนุษย์ผู้ร้าย คือ สารกันเสีย ‘ไนเตรท’ หรือ ‘ไนไตรท์’ ซึ่งถูกเติมลงไปในขั้นตอนแปรรูปเนื้อสัตว์ เพื่อถนอมอาหาร ปรุงแต่งสีและรสชาติ แต่สารนี้กลายเป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogen) ภายในร่างกายเกิดเป็น สารไนโตรซามีน (Nitrosamines) เป็นกลุ่มของสารประกอบเอ็นไนโตรโซ (N-nitroso-compounds; NOCs) อีกทั้ง สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons; PAHs) ที่เกิดระหว่างกระบวนการแปรรูป และการปรุงอาหารโดยการอบ ปิ้ง ย่าง เป็นต้นในเนื้อแดงเองมีสารสีแดงในเม็ดเลือดแดง หรือ ฮีม (Heme Iron) ซึ่งสามารถเร่งการสร้างสารก่อมะเร็งอย่างสารประกอบเอ็นไนโตรโซ (NOCs) ได้เช่นกัน รวมทั้งการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนสูง เช่น การทอด การปิ้งย่าง ในอาหารประเภทเนื้อสเต๊ก เบอร์เกอร์ หมูกระทะ สามารถทำให้เกิดสารก่อมะเร็งจำพวก เฮเทอโรไซคลิกแอโรแมติกเอมีน (Heterocyclic Aromatic Amines; HAA) และสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ได้เช่นกัน ซึ่งพบว่าสารเหล่านี้สามารถทำลายเซลล์ผนังลำไส้ได้มีข้อมูลชี้ให้เห็นว่า การรับประทานเนื้อสัตว์แปรรูปวันละ 50 กรัม หรือเพียงแค่ 3 ช้อนกินข้าว เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 18% และเพิ่มความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภทที่ 2 ได้สูงถึง 51%นอกจากนี้ การบริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปในปริมาณที่สูงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอ้วน เนื้อแดงและเนื้อแปรรูป ถูกจัดเป็นเนื้อสัตว์พลังงานสูง มีคอเลสเตอรอล และไขมันอิ่มตัวปริมาณมาก รวมถึงวิธีปรุงประกอบเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป มักใช้น้ำมัน เนย น้ำตาล หรือรับประทานคู่กับคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผู้ที่บริโภคเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปมีแนวโน้มรับประทานอาหารพลังงานสูง และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นนายแพทย์ตนุพลแนะนำให้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควบคู่กับการออกกำลังกาย พฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อดูแลน้ำหนักตัวให้เหมาะสมและลดความเสี่ยงมะเร็งจะมีหลายอย่างด้วยกัน โดยเริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยงโรคอ้วน และป้องกันการเกิดมะเร็งได้  •  เริ่มต้นจากอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง นายแพทย์ตนุพลแนะนำให้ลดการบริโภคเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูปให้น้อยที่สุด และเลือกรับประทานโปรตีนจากพืช เช่น กลุ่มถั่วเมล็ดแห้ง (ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วลูกไก่) เต้าหู้ขาว เทมเป้ และโปรตีนเนื้อขาวไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ไม่ติดหนัง ไข่ขาว เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญคือการรับประทานผักหลากหลายชนิด ธัญพืชไม่ขัดสี เห็ดต่างๆ และเลือกแหล่งโปรตีนจากเต้าหู้หรือถั่วหลากชนิดนายแพทย์ตนุพลแนะนำแนวทาง การรับประทานอาหารแบบ Plant-based diet ซึ่งเน้นการรับประทานอาหารจากพืชที่ไม่ผ่านการแปรรูป (Whole food, plant-based diet) ซึ่งเคร่งครัดน้อยกว่าการรับประทานมังสวิรัติและไม่มีรูปแบบตายตัว แต่มุ่งเน้นในเรื่องสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารจากพืชเป็นหลักมีงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่าการรับประทาน Plant-based diet ไม่เพียงแต่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง แต่ยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ (NCDs) ด้วย ทั้งโรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานประเภทที่สอง เป็นต้นการลดปริมาณไขมันจากเนื้อสัตว์ ยังช่วยให้การรักษาน้ำหนักตัวทำได้ดีขึ้น และการรับประทานใยอาหารที่เพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มท้องยาวนาน มีการศึกษาในผู้สูงอายุ 9,633 คน ตีพิมพ์ในวารสาร Epidemiology ปี ค.ศ.2019 โดยจัดทำเป็นคะแนนการบริโภคพืชผัก รายงานว่าผู้สูงอายุที่มีคะแนนการบริโภคพืชผักเพิ่มขึ้น ทุก 10 คะแนน จะมีรอบเอวลดลง 2 เซนติเมตร และมีไขมันลดลง 1.1%  •  การออกกำลังกายช่วยลดเซลล์มะเร็งในกระแสเลือดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด เช่น ช่วยควบคุมฮอร์โมนที่มีส่วนในการเกิดมะเร็ง ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เร่งการเคลื่อนผ่านของอาหารในลำไส้ จึงสามารถลดการสัมผัสต่อสารก่อมะเร็งในทางเดินอาหาร และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวและป้องกันโรคอ้วนงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ PLoS One ในปี ค.ศ.2018 แสดงให้เห็นถึงผลดีของการออกกำลังกาย แบบแอโรบิก (Aerobic Exercise) อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ช่วยลดเซลล์มะเร็งในกระแสเลือดของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 1-3 ซึ่งการพบเซลล์มะเร็งในกระแสเลือด แสดงถึงความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า และความเสี่ยงของการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ Journal of Clinical Oncology ปี ค.ศ.2006 รายงานว่า ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 ที่มีกิจกรรมทางกายดี ช่วยลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำได้ถึง 40% และลดการเสียชีวิตได้ 63%การดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง ต้องอาศัยการดูแลสุขภาพองค์รวม ทั้งเรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย อารมณ์ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ และการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีมลพิษ ด้วยการใช้ชีวิตประจำวันที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy Lifestyle)“เพราะสุขภาพดีคือสมบัติที่สำคัญที่สุด”แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับมติชนออนไลน์https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_4767979

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

3 ศิลปินไทย ถ่ายทอดผลงานธีม “ฤดูกาลสีสัน” ในนิทรรศการ อาร์ต พรอเมอนาด ครั้งที่ 2

15/11/2024

โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ มีความยินดีที่จะนำเสนอนิทรรศการ ‘อาร์ต พรอเมอนาด’ ครั้งที่ 2 ภายใต้ธีม “ฤดูกาลสีสัน” ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 มกราคม 2568 โดยนิทรรศการครั้งนี้ได้รวบรวมผลงานของศิลปินไทยผู้มีชื่อเสียง 3 ท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์ อริยะ กิตติจรูญวิวัฒน์ ดาว วสิษฐ์ศิริ และ ปุณยนุช มหาสม (เกรซี่) ซึ่งแต่ละท่านมีมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ในการถ่ายทอดความงามของวัฒนธรรมไทยผ่านผลงานศิลปะนิทรรศการ ‘อาร์ต พรอเมอนาด’ นี้เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของโรงแรมในการสนับสนุนศิลปะและเชิดชูศิลปินไทย ซึ่งนับตั้งแต่วันแรกที่โรงแรมแห่งนี้เปิดทำการได้รวบรวมงานศิลปะเป็นส่วนสำคัญในการตกแต่งและมอบความเพลิดเพลินแก่แขกผู้เข้าพัก โดยมีผลงานศิลปะมากกว่า 2,000 ชิ้น ความมุ่งมั่นนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์เคมปินสกี้ในการสนับสนุนพื้นที่สำหรับศิลปินในการจัดแสดงผลงาน เพื่อแสดงความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มคุณค่าทางวัฒนธรรม ให้แก่ทั้งแขกและชุมชนท้องถิ่นได้มีโอกาสในการเข้าชมผลงานรวมถึงนำเสนอผลงานโดยตัวศิลปินเองอีกด้วยศิลปินและไฮไลท์ของนิทรรศการศาสตราจารย์อริยะ กิตติเจริญวิวัฒน์ ประติมากรไทยผู้มีชื่อเสียงและนักการศึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ได้สร้างสรรค์ผลงานที่เน้นการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ รูปปั้นของศาสตราจารย์อริยะสื่อถึงวัฏจักรของการเติบโต การเสื่อมสลายและการเกิดใหม่ ผสมผสานความอ่อนโยนและโครงสร้างที่ทรงพลัง เพื่อสะท้อนถึงความกลมกลืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติดาว วาสิกศิริ ช่างภาพไทยผู้ได้ใช้ชีวิตในหลายประเทศและหลากหลายวัฒนธรรม ถ่ายทอดมุมมองอันลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมไทยผ่านประสบการณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นทั้งคนนอกและคนใน ผลงานของคุณดาวเน้นดอกบัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความเข้มแข็ง สะท้อนถึงความสามัคคี สันติภาพและความเชื่อมโยงกัน ภาพถ่ายของคุณดาวเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่เผยให้เห็นถึงพลังของธรรมชาติและความงดงามของความผูกพันปุญณ์ยนุศ มหาโสม หรือที่รู้จักกันในนาม เกรซี่ ศิลปินวัย 7 ขวบ ถ่ายทอดมุมมองที่สดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของเธอต่อโลก ผลงานของเธอได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบตัวในจังหวัดตราด ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความทรงจำในวัยเด็กของเธอ ภาพวาดสีสันสดใสของเกรซี่ อาทิ เดอะ ทรี ออฟ เคอริออซิตี้ (The Tree of Curiosity) และ เดอะ สตรอม ออฟ แทงคิวริตี้ (The Storm of Tranquility) เชิญชวนให้ผู้ชมได้สัมผัสมุมมองอันสดใสและงดงามของเธอต่อธรรมชาตินิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อให้โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เป็นเวทีให้ศิลปินไทยได้แสดงผลงานสู่สายตาชาวต่างชาติ หลังจากประสบความสำเร็จในครั้งแรก ‘อาร์ต พรอเมอนาด’ ยังคงเดินหน้าต่อเพื่อเฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์และความหลากหลายของศิลปะไทย“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมจัดงานนิทรรศการ ‘อาร์ต พรอเมอนาด’ เพื่อให้แขกและผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสวัฒนธรรมไทยผ่านงานศิลปะ” มร. มานิช นัมเบียร์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครือโรงแรมเคมปินกี้ และกรรมการผู้จัดการโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ กล่าว “การจัดงานครั้งที่สองนี้ได้ยกระดับแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ รวมถึงเชิญศิลปินตัวน้อย ซึ่งแน่นอนเธอจะเป็นดาวดวงใหม่แห่งวงการศิลปะ เราหวังว่าทุกท่านที่มาเยี่ยมชมจะได้รับความสุขและเชื่อมโยงกับผลงานอันยอดเยี่ยมเหล่านี้” กล่าวเพิ่มเติม “ขอขอบคุณศาสตราจารย์อริยะ กิตติเจริญวิวัฒน์ คุณดาว วาสิกศิริ และเกรซี่ เด็กหญิงปุญณ์ยนุศ มหาโสม เป็นอย่างยิ่งที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการในครั้งนี้”นิทรรศการ ‘อาร์ต พรอเมอนาด’ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2567 ถึง 15 มกราคม 2568 ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือการนัดหมายการเข้าชมส่วนตัว กรุณาติดต่อโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โทร. +66 2 162 9000 หรืออีเมล info.siambangkok@kempinski.com สามารถติดตามได้ที่ Facebook: Siam Kempinski Hotel Bangkok, Instagram: siamkempinski หรือทางบัญชี LINE ออฟฟิเชียล แอคเคาท์ @Siamkempinskihotelแหล่งที่มาข่าวแลพภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/celebonline/detail/9670000106804

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

แจกพิกัด 6 ที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต ที่ไม่ควรพลาด

15/11/2024

ฤดูฝนเพิ่งผ่านพ้นไป ลมหนาวกำลังพัดมาเยือน แจกพิกัด 6 ที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิต ที่ไม่ควรพลาด เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางเติมพลังช่วงปลายปี!หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเติมความสดชื่น ต้องห้ามพลาดกับลิสต์ 6 ที่เที่ยวหน้าหนาวยอดนิยมที่เรารวบรวมมาให้! ตามไปดูกันว่าแต่ละสถานที่มีอะไรน่าสนใจบ้าง รับรองว่าอ่านจบแล้วจะอยากเก็บกระเป๋าออกไปสัมผัสอากาศเย็นๆ อย่างแน่นอน!บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอนสถานที่แรกที่เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับอากาศหนาวนั่นก็คือบ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สถานที่ท่องเที่ยวท่ามกลางขุนเขาที่จะพาให้จิตใจของเราสงบและล่องลอยไปกับความงามธรรมชาติ โดยหมู่บ้านแห่งนี้จะโอบล้อมด้วยภูเขาสูงตระหง่าน ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพียง 43 กิโลเมตร แต่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,776 เมตร ทำให้ที่นี่เย็นสบายตลอดปี และยิ่งมีเสน่ห์ขึ้นเมื่อฤดูหนาวมาเยือน ยามเช้าหมอกขาวคลอเคลียเหนือน้ำในทะเลสาบ เรียกได้ว่างดงามดั่งภาพวาดเลยก็ว่าได้           กิจกรรมสุดฮิตของที่นี่คือการนั่งเรือในทะเลสาบที่สวยงามราวกับภาพวาด หรือจะปั่นจักรยานชมรอบหมู่บ้านที่ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม หรือขี่ม้าข้ามแดนสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด  •  ที่อยู่ : ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน  •  พิกัด : https://goo.gl/maps/VsZyz3r5XJqwyJWW9  •  อ่านรีวิวเพิ่มเติม บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน ดินแดนในฝันของนักเดินทาง  •  สุดโรแมนติก! สายหมอกปกคลุมบ้านรักไทยแม่ฮ่องสอน สวยอลังการม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่สถานที่ถัดมาที่จะพาทุกคนไปสัมผัสคือ "ม่อนแจ่ม" สถานที่ที่งดงามราวกับภาพฝันในเชียงใหม่ ม่อนแจ่มตั้งอยู่บนดอยสูงที่เต็มไปด้วยอากาศเย็นสบายตลอดปี ช่วงเช้าหมอกขาวปกคลุมทิวเขาบางๆ ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ทอแสงลอดผ่านเมฆหมอกและทิวสน ให้บรรยากาศรอบตัวดูสวยสงบและเงียบสงัด ช่วงหน้าหนาวที่อากาศเย็นจัดเป็นพิเศษทำให้การมาเยือนม่อนแจ่มเหมือนเดินทางสู่ดินแดนเหนือจินตนาการนอกจากนี้ม่อนแจ่มยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนสุดสายตา และที่พักหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแคมป์ปิ้งกลางธรรมชาติหรือรีสอร์ตที่สะดวกสบาย ให้ผู้ที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ได้เลือกใช้เวลาในบรรยากาศสุดโรแมนติกตามใจชอบ หากเดินทางต่อขึ้นไปยัง "ม่อนล่อง" ยอดเขาสูงที่สุดในอำเภอแม่ริม คุณจะพบกับวิวพาโนรามาที่กว้างไกลถึงเมืองเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีไร่สตรอเบอร์รี่สด ๆ ให้ได้เดินเก็บพร้อมชิมความหวานหอมจากธรรมชาติได้อย่างเต็มอิ่ม ถือเป็นความสุขที่เรียบง่ายแต่น่าจดจำสุดๆไปเลย  •  ที่อยู่ : ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่  •  พิกัด : https://goo.gl/maps/wDcKgWSq1BnNNKQY6  •  อ่านรีวิวเพิ่มเติม ลานกางเต็นท์สวนยิ่งยงม่อนแจ่ม ชมทะเลหมอกฟินๆ วิวแจ่มสมชื่อหมู่บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ไปกันต่อที่หมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวชอุ่มและสายน้ำอย่าง “หมู่บ้านแม่กำปอง” หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้แม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบสโลว์ไลฟ์ การใช้ชีวิตที่นี่ทำให้รู้สึกว่าการใช้เวลาช้า ๆ ค่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศรอบตัวนั้นเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล และหากเราเดินตามถนนเส้นหลักของหมู่บ้านไปเรื่อย ๆ สองข้างทางเราจะได้พบเห็นบ้านเรือน ร้านค้าของชาวบ้านและโฮมสเตย์ต่าง ๆ ที่เป็นอาคารไม้ เรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่นมาก          สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในแม่กำปอง มีหลายจุดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกแม่กำปองที่ไหลผ่านหินผาหลายชั้น จุดชมวิวที่เผยให้เห็นทัศนียภาพอันกว้างไกล ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก ผาน้ำลอดที่เป็นจุดแวะชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด วัดกันธาพฤกษาที่แฝงไว้ด้วยความสงบ และร้านกาแฟเล็ก ๆ ริมลำธารที่กลมกลืนกับธรรมชาติ บอกเลยว่ามาพักผ่อนที่นี่จะทำให้เวลาชีวิตของคุณเดินช้าลงไปและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข  •  ที่อยู่ : ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่  •  พิกัด : https://goo.gl/maps/xN1k5KPNUoSfxKkj8  •  8 ที่พักริมน้ำแม่กำปอง นอนชิลรับลมหนาวแบบชิคๆปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอนหากกำลังมองหาสถานที่โรแมนติกท่ามกลางอากาศหนาว ปางอุ๋งเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ที่แห่งนี่ไม่เพียงเป็นแหล่งถ่ายรูปที่สวยงาม แต่ยังเป็นสถานที่ที่บรรยากาศรอบตัวทำให้ทุกช่วงเวลาพิเศษมากขึ้น โดยพื้นที่รอบๆของปางอุ๋งจะมีป่าสนสูงตระหง่านโอบล้อมอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ช่วงเช้าจะมีหมอกสีขาวลอยตัวเหนือน้ำราวกับม่านบางๆ ที่สะท้อนแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบและโรแมนติกอย่างมาก และที่พักที่นี่มีให้เลือกหลายแบบตามความสะดวก จะพักในที่พักที่จัดไว้บริการหรือกางเต็นท์นอนท่ามกลางธรรมชาติสดชื่นก็ได้ บอกได้เลยว่าปางอุ๋งคือสถานที่ในฝันสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและบรรยากาศที่แสนโรแมนติก  •  ที่อยู่ : ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน แม่ฮ่องสอน  •  พิกัด : https://goo.gl/maps/z1qtEL8G1ijmMvay9  •  อ่านรีวิวเพิ่มเติม “ปางอุ๋ง” สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ใครๆ ก็หลงรักปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนลงจากดอยมาสักนิด ก็จะพบกับเมืองเล็กๆ ในหุบเขาอันสงบและน่าหลงใหลอย่าง "ปาย" ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน แม้จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เหมือนพาคุณหลุดเข้าสู่โลกแห่งความสโลว์ไลฟ์ ทำให้รู้สึกว่าการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในปายนั้นก็มีมากมาย อย่างจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่แนะนำและไม่ควรพลาด ที่นี่คุณจะได้พบกับทะเลหมอกสีขาวลอยละล่องไปตามทิวเขา น้ำพุร้อนไทรงาม เป็นอีกจุดพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ ด้วยสระน้ำธรรมชาติสีเขียวมรกตที่ผุดขึ้นมาให้เราได้แช่น้ำอุ่น ๆ คลายความเหนื่อยล้า  วัดน้ำฮู วัดเก่าแก่ที่ชาวบ้านสักการะอย่างศรัทธา ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่บรรจงสร้างไว้ให้ชาวบ้านสักการะอย่างล้นหลาม สะพานประวัติศาสตร์ปาย ซึ่งเป็นแลนมาร์คที่พลาดไม่ได้ถ้าไปเที่ยวปาย นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเสน่ห์ในปายเท่านั้น เมืองเล็กแห่งนี้พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนด้วยธรรมชาติที่งดงามและอ้อมกอดอันอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติหรือผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง ก็สามารถค้นพบความสุขที่พอดีตามแบบที่ตนเองต้องการ  •  ที่อยู่ : อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  •  พิกัด : https://maps.app.goo.gl/RwoGo94HyHf4e46B6  •  อ่านรีวิว ทะเลหมอกหยุนไหล จุดชมวิวสุดอลังการ ที่คนไปเที่ยวปาย ไม่ควรพลาดสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีลงจากภาคเหนือไปต่อกันที่สังขละบุรี เมืองเล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิตหลากหลาย หากใครที่จะมาเที่ยวที่นี่ช่วงปลายฝนต้นหนาวหรือฤดูหนาวคือเวลาที่เหมาะที่สุด ไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนต้องไปเยือนคือ "สะพานมอญ" หรือสะพานอุตตมานุสรณ์ สะพานไม้ยาว 850 เมตรที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำซองกาเลีย ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมอญ หากเราเดินไปตามสะพานจะได้พบกับการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญ และเสน่ห์เฉพาะตัวของที่นี่คือการมีกลุ่มสาวมอญที่เดินเรียงรายด้วยท่าทางอันสง่างาม พร้อมกับ "เทินของ" ไว้บนศีรษะ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่แตกต่างกันออกไปตามความชำนาญ วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเช่นนี้ กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้สะพานแห่งนี้ไม่เหมือนใคร หากใครที่ชื่นชอบการดำรงชีวิตที่เรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยสีสันแห่งวัฒนธรรมที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเลย  •  ที่อยู่ : ซอยสะพานไม้ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี  •  พิกัด : https://goo.gl/maps/v4vW6bFJjv3rTZB49  •  อ่านรีวิว สะพานมอญ อ.สังขละบุรี สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเป็นยังไงบ้างกับ 6 ที่เที่ยวหน้าหนาวยอดฮิตที่เรานำมาฝาก ซึ่งแต่ละสถานที่บอกเลยว่าจะพาคุณไปสัมผัสอากาศหนาวบริสุทธิ์ พร้อมชมวิวสุดตระการตาในบรรยากาศที่เหมือนภาพฝัน ไม่ว่าจะนอนนับดาวในยามค่ำคืน หรือตื่นเช้ามาชมทะเลหมอกที่ละล่องไหลคล้ายปุยฝ้ายเบาบาง ล้วนเป็นประสบการณ์ที่จะทำให้การเที่ยวหน้าหนาวนี้น่าจดจำ สำหรับใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวในฤดูหนาวนี้ สามารถเพิ่มที่ที่เราคัดมาให้ลงไปในลิสต์ได้เลย!  ขอบคุณรูปภาพจาก wikicommunity ,sanook ,hashcorner ,readthecloudแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1449927/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การวางแผนทางการเงิน

สร้างบัญชีครอบครัว เสริมความมั่นคงทางการเงิน

14/11/2024

บทความโดย “สมาคมนักวางแผนการเงินไทย”การแต่งงานเริ่มต้นชีวิตคู่เป็นสิ่งสวยงาม การวางแผนการเงินสำหรับครอบครัวก็จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวได้ หลายคู่อาจยังคงมีกระเป๋าแยกกันหลังแต่งงาน แต่การใช้ชีวิตและการสร้างอนาคตร่วมกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ต้องมีร่วมกันโดยเฉพาะเมื่อมีลูกแล้ว การวางแผนการเงินด้วยการสร้างบัญชีครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยลดปัญหา และเสริมความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้นบัญชีกองกลางของครอบครัวร่วมกันประเมินค่าใช้จ่ายในครอบครัวที่มักแบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่  •  ค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าประกัน และ อื่น ๆ ที่มียอดคงที่ในทุก ๆ เดือน  •  ค่าใช้จ่ายผันแปร เช่น ค่าอาหาร ค่าสันทนาการ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว เป็นต้นซึ่งแต่ละคู่สามารถตกลงกันได้ว่าจะแบ่งการลงเงินในบัญชีนี้เป็นสัดส่วนคนละเท่าไรบัญชีเงินออมและสำรองเผื่อฉุกเฉินบางคนอาจจะมีเงินสำรองส่วนนี้อยู่แล้ว แต่การใช้ชีวิตคู่ก็ควรจะมีเงินส่วนนี้แยกออกมาต่างหากอีกเหมือนกัน โดยมีหลักการเดียวกับการสำรองเงินส่วนตัวคือ ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของครอบครัวอย่างน้อย 3-6 เดือน ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะ ตกงาน เจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุต่าง ๆบัญชีการลงทุนของครอบครัวเช่นเดียวกันกับบัญชีเงินออมและเงินสำรองฉุกเฉิน ควรจะมีบัญชีการลงทุนสำหรับครอบครัวด้วย หากใครที่มีบัญชีการลงทุนส่วนตัวอยู่แล้ว โดยอาจจะจัดสรรเงินออมอย่างน้อย 10% ของเงินเดือนรวม มาลงทุนต่อยอดบัญชีอนาคตเพื่อลูกเริ่มจากการคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของลูก ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ ค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย และที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายในการศึกษา ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนจนจบการศึกษาในระดับสูงสุดที่ต้องการ โดยบัญชีในส่วนนี้อาจมีการออมและลงทุนที่หลากหลาย อาจขอคำปรึกษาจากนักวางแผนการเงิน CFP เพื่อให้การวางแผนอนาคตลูกบรรลุเป้าหมายได้แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1677331

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

ไอคอนสยาม โชว์ Art Toy ROBBi สูงสุดในโลก ละลานตาอาร์ตทอย 100 คาแรคเตอร์ค่ายดัง

14/11/2024

ไอคอนสยาม จัด Art Toy อีเวนต์ยิ่งใหญ่ปลายปี เปิดตัวอาร์ตทอย ROBBi สูงที่สุดในโลก สร้างปรากฏการณ์เหนือความคาดหมายโชว์อาร์ตทอยค่ายดังกว่า 100 คาแรคเตอร์ ครั้งแรกร้านป๊อปอัพ Disney Tsum Tsumแฟนคลับ อาร์ตทอย (Art Toy) ในไทยมีข่าวดีครั้งใหญ่ เมื่อ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) ประกาศยกทัพ Art Toy จากค่ายดังกว่า 100 คาแรคเตอร์ มาจัดแสดงให้คนรักอาร์ตทอยทุกเจนได้เปิดประสบการณ์กันอย่างจุใจส่งท้ายปลายปี 2567  •  ตระการตาอาร์ตทอย ROBBi สูงที่สุดในโลกอาร์ตทอย ROBBi ที่สูงที่สุดในโลกหลากหลายคาแรคเตอร์ของอาร์ตทอย ROBBiเริ่มจากอาร์ตทอยค่าย ROBBiART เจ้าของลิขสิทธิ์ ROBBi อาร์ตทอยยอดนิยมจากประเทศจีน กับผลงานคอลแล็ปส์ระดับโลก ICONSIAM Bangkok Illumination X ROBBiART ร่วมกันจัดเทศกาลประดับไฟต้นคริสต์มาสสุดตระการตา ภายใต้ชื่องาน ICONSIAM Bangkok Illumination 2025 X ROBBiART เฉลิมฉลองต้อนรับศักราชใหม่สุดยิ่งใหญ่ เนรมิตบริเวณริเวอร์ พาร์ค ให้เป็นสวนแห่งประติมากรรมอันวิจิตร ด้วยต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ด้วยคอนเซ็ปต์ Radiant Reinvention Bangkok Illumination 2025โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของการร่วมมือระหว่างไอคอนสยามและ ROBBiART เพื่อจัดแสดง อาร์ตทอย ROBBi ที่สูงที่สุดในโลก พร้อมยกระดับประสบการณ์แห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปลายปี ตลอดเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้  ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม  •  งาน Fluffy Wonderlandอาร์ตทอยค่ายดังในรูปแบบ Fluffyพบกับคาแรคเตอร์อาร์ตทอยสุดฮิตในแบบลิมิเต็ดในงาน Fluffy Wonderland โดยไอคอนสยามร่วมกับ มอร์ แดน อาร์ต แอนด์ ทอยส์ ชวนทุกท่านเป็นเจ้าของคาแรคเตอร์สุดฮิตกับคอลเลคชั่นสุดพิเศษ ในรูปแบบ Fluffy  ไม่ว่าจะเป็น Famer Bob, Rico, zZoton, Shinwoo และ คาแรคเตอร์อื่นๆ อีกมากมาย พบกับไฮไลต์พิเศษของ ShinWoo Vampire Candy Shop Series Plush Blind Box ครั้งแรกในประเทศไทยนอกจากนี้ยังมีการเปิดจำหน่ายสินค้ารุ่นลิมิเต็ดแบบจำกัดจำนวนในแต่ละวัน ตลอดจนกิจกรรมเช็คอินเพื่อรับของรางวัลสุดพิเศษ ระหว่างวันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 2567 ณ รัษฎา ฮอลล์ ชั้น 1 ไอคอนสยาม  •  เปิด Pop Up Event  “Disney Tsum Tsum”ร้าน Pop Up Event - Disney Tsum TsumDisney Tsum Tsumครั้งแรกในไทยกับ Pop Up Event ร้านตุ๊กตาลิขสิทธิ์ยอดนิยมจากดิสนีย์ Disney Tsum Tsum (ดิสนีย์ ซูม ซูม) ในงาน  “Bottle Of Love”เป็นการร่วมมือกันระหว่างไอคอนสยาม กับ Loft สเปเชียลตี้สโตร์จากญี่ปุ่นสุดล้ำสมัย เดสติเนชั่นขวัญใจเหล่านักช็อป และ เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) แบรนด์ความบันเทิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ร่วมกันส่งมอบความสนุกด้วยการจัดงาน “Bottle Of Love”  เปิด Pop Up Event  “Disney Tsum Tsum” ครั้งแรกในประเทศไทยพบกับไฮไลต์ความสนุกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมตัก Mini Figure คอลเลคชั่นการ์ตูนดัง Tsum Tsum รวม 28 คาแรคเตอร์ ในราคา 1,990 บาทสินค้าลิขสิทธิ์แท้สุดน่ารักจากดิสนีย์ ทั้ง Take Toys, AppleSheep, Toytopia, Mad Beauty, Wet Brush, Couture Kingdom, MYSTiC, Yunic, Catchy ระหว่างวันที่ 1-17 พฤศจิกายน 2567 ณ วอล์คเวย์ ชั้น M ไอคอนสยามนอกจากนี้ ไอคอนสยาม ยังมีโปรโมชั่นมอบให้สาวกคนรักอาร์ตทอยโดยเฉพาะ กับแคมเปญ ICONSIAM Art Toy Treasure ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 30 พฤศจิกายน 2567 สำหรับสมาชิก ONESIAM เมื่อช็อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป จากร้านค้าที่ร่วมรายการภายในบริเวณงาน แลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 100 บาท (ตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติม ณ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์)อีเวนต์ใหญ่อาร์ตทอยครั้งนี้ ไอคอนสยามจัดขึ้นเพื่อตอกย้ำแนวคิด ICONSIAM Art & Culture เดินหน้าสร้างจุดหมายปลายทางแห่งศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานความเป็นไทยและสากล ผ่านการนำเสนอศิลปะร่วมสมัยที่หลากหลาย ตลอดจนส่งเสริมคอมมูนิตี้ศิลปะครบทุกมิติพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ตอบโจทย์คอศิลปะทุกเจนเนอเรชั่น ด้วยแนวคิด “นำสิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก”  เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ พร้อมยกระดับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมสำหรับทั้งชาวไทยและต่างชาตินิทรรศการ The Conjuring Universe Tourนิทรรศการ MODERN GURU and The Path to Artificial Happinessไอคอนสยามได้จับมือกับพันธมิตรมากมายเพื่อส่งมอบประสบการณ์งานศิลป์ชั้นเลิศแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติตลอดทั้งปี อาทิ    •  นิทรรศการระดับโลก The Conjuring Universe Tour กับเรื่องราวสุดสยองขวัญของจักรวาล Conjuring ให้แฟนชาวไทยได้ค้นหาความลับของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบใกล้ชิด บนพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการกว่า 2,000 ตารางเมตร กับ 20 โซน ในรูปแบบ Interactive และ Immersive สุดตื่นเต้นระทึกใจ   •  MODERN GURU and The Path to Artificial Happiness นิทรรศการศิลปะสุดล้ำระดับโลกที่เชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง ตื่นตาตื่นใจและสัมผัสผลงานศิลปะผสมผสานเทคโนโลยีที่สามารถโต้ตอบกับความรู้สึกของคุณเองได้ครั้งแรกในประเทศไทย จัดแสดงให้เข้าชมตั้งแต่วันนี้ถึง 5 มกราคม 2568 ณ  Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยามแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1152915

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ เพรสทีจ คลับ จับมือ โรงพยาบาลบีเอ็นเอชจัดงาน “โรคชุด” คืออะไร? ความสัมพันธ์อันตรายที่คุณต้องรู้

14/11/2024

เอไอเอ เพรสทีจ คลับ ร่วมมือกับโรงพยาบาลบีเอ็นเอช นำทีมโดย นพ.อภิชัย ไชยโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช จัดกิจกรรมสัมมนาให้กับลูกค้าเอไอเอ เพรสทีจ คลับ ในหัวข้อ “โรคชุด” เบาหวานกับโรคหัวใจ” ภายใต้งาน “โรคชุด” คืออะไร? ความสัมพันธ์อันตรายที่คุณต้องรู้” โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานมากกว่า 80 คน ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 โรงบีเอ็นเอช เมื่อวันเสาร์ที่  9 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อเดินหน้าสนับสนุนคนไทยให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ภายในงานลูกค้าเอไอเอ เพรสทีจ คลับ ได้รับฟังความรู้สุขภาพ “โรคชุด” เบาหวานกับโรคหัวใจ อันตรายเงียบ! คุกคาม หัวใจ และหลอดเลือด ที่คุณอาจไม่รู้ตัว โดย นพ. ชัชชาวุฒิ เทียนสันติสุข แพทย์ศูนย์หัวใจ ไต เมตาบอลิซึม และเบาหวาน อย่าเบาใจ โดย พญ. โชติวรรณ ตันวัฒนานิกุล แพทย์ศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิซึม  ความชำนาญพิเศษระบบต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม พร้อมทำกิจกรรมปลดล็อกพลังสมอง! ค้นพบเทคนิคพัฒนาศักยภาพสมอง กระตุ้นความจำ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองและความจำด้วยศาสตร์ BOOCS จากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าเอไอเอ เพรสทีจ คลับ ที่เข้าร่วมงานทุกท่าน ยังได้รับแพ็กเกจตรวจเฉพาะทางให้พิเศษจากโรงพยาบาลบีเอ็นเอช โดยมีแพ็กเกจให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเลือกรับเป็นแพ็กเกจตรวจอัลตร้าซาวน์ตรวจเช็คความสมบูรณ์ของมดลูกและรังไข่ (TVS) หรือแพ็กเกจตรวจคัดกรองข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis Screening) อีกด้วย 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เที่ยวสวิส พิชิต “ยุงเฟรายอค” Top Of Europe งามตะลึง “สาวน้อยมหัศจรรย์” จุดดักฝันนักเดินทาง

14/11/2024

ยุงเฟรายอค Top of Europe (ยอดขวา) หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสวิส“สวิตเซอร์แลนด์” เป็นหนึ่งในดินแดนในฝันของนักเดินทางทั่วโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยากไปเยือนสักครั้งหรือหลาย ๆ ครั้งประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีภาพจำที่ตราตรึงใจใครหลาย ๆ คน เป็นทัศนียภาพแห่งขุนเขาอันสวยงามตระการตาติดอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะ “ยอดเขายุงเฟรา” อันงดงามโรแมนติก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดดักฝันของนักท่องเที่ยว กับกิจกรรมขึ้นกระเช้าสุดล้ำและนั่งรถไฟสายคลาสสิกสู่ "ยุงเฟรายอค Top of Europe” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การเดินทางอันน่าตื่นตาตื่นใจกระไรปานนั้นยุงเฟราพื้นที่มรดกโลกยุงเฟรายอค ธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่แห่งเทือกเขาแอลป์ (มองจากจุดชมวิวเนินพลาโต)“ยอดเขายุงเฟรา” (Jungfrau) หรือ “ยุงเฟรายอค” (Jungfraujoch) หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “จุงเฟรา” เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ในรัฐแบร์น (เบิร์น) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ยุงเฟรายอคมีลักษณะโดดเด่นของธารน้ำแข็งสุดอลังการที่ยาวที่สุดในยุโรปกว่า 22 กิโลเมตร จนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก “Swiss Alps Jungfrau-Aletsch” จากองค์การ UNESCO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ถือเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปแนวยอดเขายุงเฟรายอค มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปียอดเขายุงเฟรามียอดสูงสุดสูง 4,158 เมตรจากระดับน้ำทะเล ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Top of Europe” บริเวณยอดเขามีหิมะปกคลุมขาวโพลนตลอดทั้งปี ขณะที่ยอดเขาใกล้ ๆ กัน ที่มองเห็นเป็นเขา 3 ยอดสูงโดดเด่นไล่เรียงเคียงกัน คือยอดเขา “เมิ้นซ์” (Mönch) สูง 4,107 เมตร และยอดเขา “ไอเกอร์” (Eiger) สูง 3,970 เมตร จากระดับน้ำทะเลนอกจากทัศนียภาพอันงดงามตระการตาปานประหนึ่งภาพฝันแล้ว บนยอดเขายุงเฟรา ยังเป็นที่ตั้งของสถานี “ยุงเฟรายอค” (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1912รถไฟสายคลาสสิกเส้นทางรถไฟสายคลาสสิกสู่ยอดเขายุงเฟรา มีมากว่า 100 ปีแล้วนับจากอดีตเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน การขึ้นไปพิชิตยอดเขายุงเฟรามีเส้นทางหลักคือการนั่งรถไฟสายคลาสสิกของ “การรถไฟยุงเฟรา” (Jungfrau Railways) จาก 2 เมืองประตูสู่งยอดยุงเฟรา คือ เมือง “กรินเดิลวาลด์” (Grindelwald) และ “เลาเทอร์บรุนเนน” (Lauterbrunnen)นอกจากนี้สำหรับผู้ที่พักหรือมาเที่ยวที่เมือง “อินเทอร์ลาเกน” (Interlaken) ยังสามารถนั่งรถไฟจากสถานี “อินเอร์ลาเกน โอสต์” (Interlaken-Ost) แล้วไปต่อรถไฟที่เมืองกรินเดิลวาลด์หรือเมืองเลาเทอร์บรุนเนนขึ้นสู่ยุงเฟรายอคได้ตามใจชอบทิวทัศน์ทุ่งหญ้า หมู่บ้าน ขุนเขา ระหว่างทางสู่ยอดเขายุงเฟรา (มองจากบนรถไฟ)ทั้ง 2 เส้นทางจะมีทัศนียภาพความงามระหว่างทางที่แตกต่างกันออกไป แต่สุดท้ายจะไปบรรจบกันที่สถานี “ไคลเน่ ไชเดก์ก” (Kleine Scheidegg) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถไฟสีขบวนแดง ซึ่งที่สถานีแห่งนี้มีร้านอาหารให้บริการ รวมถึงมีวิวสุดแจ่มที่สามารถมองเห็นยอดเขายุงเฟราที่มีหิมะปกคลุมขาวโพลนตั้งตระหง่านในเบื้องหน้าแบบใกล้ตา แต่ไกลตีนจากสถานีไคลเน่ ไชเดก์ก ขบวนรถไฟสายสีแดงจะแล่นไต่ขุนเขาพาเราขึ้นสู่ยุงเฟรายอค ระหว่างทางนอกจากขบวนรถไฟจะวิ่งผ่านวิวงามขั้นเทพของเทือกเขาแอลป์แล้ว ช่วงหนึ่ง (ยาว ๆ) รถไฟจะแล่นทะลุอุโมงค์ใต้ภูเขาไอเกอร์ และภูเขาเมิ้นซ์ เป็นระยะทางราว 7.3 กิโลเมตรขบวนรถไฟจากสถานีไคลเน่ ไชเดก์กแล่นไต่ขุนเขาขึ้นสู่ยุงเฟรายอคจากนั้นรถไฟจะไปหยุดชั่วครู่ (ประมาณ 5 นาที) ที่สถานี “ไอสเมียร์” (Eismeer) บนความสูง 3,160 เมตร ให้นักท่องเที่ยวลงแวะชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาหิมะ ผ่านกระจกบานใหญ่ก่อนเดินทางขึ้นสู่สถานียุงเฟรายอคต่อไปกระเช้าลอยฟ้าสุดล้ำสำหรับอีกหนึ่งวิธีในการขึ้นสู่งยุงเฟรายอคซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่แพ้กันนั่นก็คือ การนั่งกระเช้า “ไอเกอร์เอ็กซเพรส” (Eiger Express) จากสถานี “กรินเดิลวาลด์เทอร์มินัล” (Grindelwald Terminal) เพื่อย่นระยะทางและเวลา ก่อนจะไปต่อรถไฟสายสีแดงขึ้นสู่ Top of Europe ต่อไปไอเกอร์เอ็กซเพรส กระเช้าลอยฟ้า 3 สายสุดล้ำที่ทันสมัยที่สุดในยุโรปไอเกอร์เอ็กซเพรส นอกจากจะเป็นกระเช้าลอยฟ้า 3 สายสุดล้ำที่ทันสมัยที่สุดในยุโรปแล้ว ยังมีนโยบายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายในห้องโดยสารขนาดใหญ่ของกระเช้าไอเกอร์เอ็กซเพรส (1 คัน) สามารถบรรจุนักท่องเที่ยวได้ 26 ที่นั่ง ปัจจุบันมี 44 คัน รวมถึงมีกระเช้า V.I.P. (หมายเลข 888) สุดหรู 8 ที่นั่ง เปิดให้บริการเพียงคันเดียวในโลกเท่านั้นกระเช้าไอเกอร์เอ็กซเพรสทุกคัน มีการติดตั้งเครื่องควบคุมอุณหภูมิ เพื่อไม่ให้กระจกเกิดไอน้ำเป็นฝ้า จึงสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามน่าทึ่งของภูเขา “ไอเกอร์ นอร์ธเฟส”บนความสูงกว่า 1,800 เมตรระหว่างทางได้อย่างสวยงามกว้างไกลแบบรอบทิศทาง ถือเป็นอีกหนึ่งภาพงามแห่งความทรงจำที่แม้เราจะใช้เวลานั่งกระเช้าขึ้นเขาเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตามภายในกระเช้าไอเกอร์เอ็กซเพรส สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์มุมสูงระหว่างทางได้อย่างชัดเจนเส้นทางนั่งกระเช้าไอเกอร์เอ็กซเพรสมีระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีเสา 7 ต้น ใช้เวลานั่งประมาณ 15 นาที จากสถานีกรินเดิลวาลด์เทอร์มินัลนั่งขึ้นสู่สถานี “ไอเกอร์เกลตเชอร์”(Eigergletscher) เพื่อไปต่อรถไฟ ขึ้นสู่ยุงเฟรายอคต่อไป (ซึ่งช่วยย่นเวลาการเดินทางจากเดิมได้ 47 นาที)สฟิงซ์ ภาพจำคู่ยุงเฟราไม่ว่าจะนั่งรถไฟเพียว ๆ หรือนั่งกระเช้าขึ้นมาต่อรถไฟ สุดท้ายแล้วก็จะขึ้นมาถึงยังยอดเขายุงเฟรา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานี “ยุงเฟรายอค” (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปตั้งอยู่บนความสูง 3,454 เมตรจากระดับน้ำทะเลอาคารสฟิงซ์ภาพจำอันโดดเด่นแห่งยอดเขายุงเฟรา (ภาพ : jungfrau.ch)บริเวณสถานียุงเฟรายอคที่ถือเป็นจุดไฮไลต์นั้นมีสิ่งน่าสนใจให้เที่ยวชมกันหลากหลาย นำโดยไฮไลต์ คือ “ระเบียงชมวิวสฟิงซ์” (Sphinx) ที่ให้ความตื่นเต้นตั้งแต่แรกขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องขึ้นลิฟต์คู่ที่เร็วที่สุดในสวิส ใช้เวลาประมาณ 25 วินาที/เที่ยว ในระยะทางความสูง 110 เมตร สู่จุดชมวิวของอาคารแห่งนี้สฟิงซ์ เป็นสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ ตั้งอยู่บนความสูง 3,571 เมตร โดยมีหอดูดาวรูปโดมเป็นองค์ประกอบสำคัญในภาพจำอันโดดเด่นของยอดเขายุงเฟราแห่งนี้แม้สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวย แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงคลาคล่ำที่ระเบียงชมวิวสฟิงซ์ระเบียงชมวิวสฟิงซ์เป็นจุดชมทิวทัศน์เลื่องชื่อแห่งยุงเฟรายอค ในวันที่ฟ้าเปิดแจ่มใส สามารถมองวิวเห็นวิวของธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ได้อย่างสวยงามกว้างไกลส่วนในวันฟ้าปิดเบื้องหน้าก็จะดูขาวโพลนเห็นใกล้แค่ไม่กี่เมตร แถมบางวันยังมีสายลมแรง ๆ พัดหอบเอาละอองหิมะมาปะทะใบหน้าอย่างเย็นยะเยียบ ให้สัมผัสที่แตกต่างออกไปจากวันฟ้าเป็นใจไม่น้อยเลย...แต่นี่ใยมิใช่เสน่ห์ของการเที่ยวธรรมชาติที่เรามิอาจคาดเดาได้ เพราะมนุษย์ต่อให้ยิ่งใหญ่คับฟ้า ร่ำรวยล้นฟ้า หรือเก่งกล้าผิดมนุษย์แค่ไหน ก็มิอาจเอาชนะธรรมชาติได้...ยุงเฟรายอค Top of Europeทิวทัศน์นอดเขายุงเฟราบริเวณเนินพลาโตนอกจากสฟิงซ์แล้ว บนยุงเฟรายอคยังมี “ลานหิมะ” หรือ “เนินพลาโต” (Plateau) เป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ในการออกไปชมวิวและสัมผัสกับหิมะบนยุงเฟรายอคแบบจัดเต็มบนนี้จะเป็นลานหิมะกว้างให้นักท่องเที่ยวออกไปเดินชมวิวของยอดเขายุงเฟรา พร้อมกับจุดถ่ายรูปหลายมุมมอง รวมถึงจุดถ่ายรูปคู่กับธงชาติสวิสที่พัดพลิ้วปลิวไสว ซึ่งได้มีการชักธงขึ้นบนเนินพลาโตเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1912 ในวันเปิดทำการของขบวนรถไฟยุงเฟรานักท่องต่อคิวยาวเพื่อถ่ายรูปกับมุมสุดฮิตบนเนินพลาโตในวันที่ฟ้าเปิดเป็นใจบนจุดชมวิวเนินพลาโตสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาหิมะแห่งเทือกเขาแอลป์อันสลับซับซ้อนได้อย่างเต็มตา และเห็นไปไกลถึงฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมนีเลยทีเดียวอุโมงค์โลกอัลไพน์จากไฮไลต์ที่เที่ยวกลางแจ้ง เปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสกับที่เที่ยว Man Made ในภูเขาลูกนี้กันบ้าง เริ่มจาก “อุโมงค์โลกอัลไพน์” (Alpine Sensation) ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจไปกับภาพ แสง สี เสียง และประติมากรรมต่าง ๆ ที่นำเสนอเรื่องราวการบุกเบิกเส้นทางรถไฟเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว และการท่องเที่ยวบนยอดเขายุงเฟราตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไอซ์พาเลซขณะที่ “ไอซ์พาเลซ” (Ice Palace) หรือ “ถ้ำน้ำแข็งพันปี” นั้นก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ต้องห้ามพลาดบนยุงเฟรายอค กับนวัตกรรมการขุดเจาะใต้ธารน้ำแข็ง Glacier ลึกลงไปราว 20-30 เมตร ตั้งแต่ ปี ค.ศ 1934ปัจจุบันไอซ์พาเลซเป็นอุโมงค์น้ำแข็ง อันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ มีงานแกะสลักน้ำแข็งหลากรูปแบบหลายสไตล์ให้เดินชม รวมถึงมี “ไอซ์บาร์” (Ice Bar) สุดไพรเวทกับบริการเครื่องดื่มสูตรลับที่โดนใจบรรดาสายดื่มไม่น้อยเลยไอซ์บาร์นอกจากที่เที่ยวจุดไฮไลต์ต่าง ๆ ตามที่กล่าวมาแล้วบนยุงเฟรายอคยังมี ตู้ไปรษณีย์และร้านช็อกโกแลตที่สูงที่สุดในยุโรป ร้านขายนาฬิกาที่สูงที่สุดในโลก และภัตตาคารคริสตัล ชวนอิ่มอร่อยไปพร้อม ๆ กับชมวิวแบบพาโนรามาของภูเขาน้ำแข็งแห่งเทือกเขาแอลป์ส่วนในช่วงระหว่างเดือน พ.ค. – ต.ค. บริเวณยุงเฟรายอคจะมีกิจกรรมกลางแจ้ง “สโนว์ฟัน” บนลานหิมะ ไม่ว่าจะเป็น สกี สโนว์บอร์ด จานเล่นหิมะ (Snow Disk) เหินเวลากับเครื่องเล่น “ทิโรเลียน” (Tyrolienne) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “จิ้งจอกสายฟ้า” โดยผู้เล่นจะโรยตัวผ่านธารน้ำแข็งที่สะท้อนแสงอาทิตย์แวววาวกับสายเคเบิลความยาวกว่า 200 เมตร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนุกตื่นเต้นไม่น้อยเลยทิวทัศน์ระหว่างทางขึ้น-ลง ยุงเฟรายอคและนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ (บางส่วน) ของยอดเขายุงเฟรา หรือยุงเฟรายอค ขุนเขาเลื่องชื่อแห่งสวิตเซอร์แลนด์ โดยคำว่ายุงเฟรา ในภาษาเยอรมันมีความหมายว่า “หญิงสาวพรหมจรรย์” หรือ “สาวน้อย” ซึ่งคนสมัยก่อนเปรียบขุนเขาลูกนี้เป็นดังสาวน้อยที่บริสุทธิ์แสนงามสำหรับผมหลังจาก (เคย) มีโอกาสได้ขึ้นไปพิชิตยุงเฟรายอค Top of Europe ก็ขอยกให้ขุนเขาแห่งนี้เป็นดัง “สาวน้อยมหัศจรรย์” ที่มีความงดงามตราตรึงทั้งในระหว่างทางและจุดหมายปลายทาง นับเป็นอีกหนึ่งจุดดักฝันของนักเดินทางที่หากใครได้มาสัมผัสต่างก็ประทับใจ...ยากที่จะลืมเลือน“KTC World” จับมือ “การรถไฟยุงเฟรา” (Jungfrau Railways) และ “เตอร์กิช แอร์ไลนส์” (Turkish Airlines) จัดโปรโมชั่นเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ พิชิต “ยอดเขายุงเฟรา” ราคาพิเศษกับตัวเลือกที่หลากหลาย โดยสามารถสอบถามได้ที่ KTC World Travel Service โทร. 0-2 123-5050 หรือทักแชท https://ktc.cards/KWT-addline-FB ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 22.00 น. หรือ ดูที่ www.jungfrau.chแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000108247

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

การดำเนินชีวิต

4 สิ่งของคนเลี้ยงลูกประสบความสำเร็จไม่เคยสอนตอนเมื่อลูกยังเล็ก

13/11/2024

ครอบครัวถือเป็นสถาบันหลักสำคัญในการสั่งสอนลูกว่าจะเป็นคนอย่างไร โดยช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินว่าควรทำอย่างไรกับลูกของเรา และเรื่องไหนที่ไม่ควรทำกับลูกของเราเมื่อเราพิจารณาตามหนังสือ “Raising an Entrepreneur” ที่สัมภาษณ์ 70 ครอบครัวเกี่ยวกับการเลี้ยงดูที่ทำให้ลูกเติบโตมาประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมายทำตามความฝัน ซึ่งการสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้พูดคุยกับครอบครัวที่มีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของชาติพันธุ์, เศรษฐกิจสังคม และศาสนาบทสรุปมี 4 เรื่องด้วยกันที่คนเป็นผู้ปกครองที่เป็นบุคคลที่ฉลาด สร้างแรงขับเคลื่อน และเป็นผู้ประกอบการไม่เคยทำกับลูก ๆ เมื่อยังเป็นเด็ก1. พวกเขาไม่คิดว่างานอดิเรกของลูกเป็นการเสียเวลากีฬา, วิดีโอเกม, การโต้วาที, ดนตรี เหล่านี้เป็นความหลงใหลนอกห้องเรียน ดังนั้นคนเป็นพ่อแม่ไม่เคยมองข้าม เพราะรู้ดีว่าเป็นความกระตือรือร้นทางจิตใจ โดย Radha Agrawal ผู้ก่อตั้ง Daybreaker ซึ่งเป็นชุมชนการเต้นในช่วงเช้าที่มีสมาชิกมากกว่า 500,000 คน ใน 30 เมืองทั่วโลก เล่าย้อนหลังกับในช่วงวัยเด็กว่า เธอกับน้องสาวชื่นชอบฟุตบอลตั้งแต่ตอนอายุ 5 ขวบ ซึ่งแม่ก็สนับสนุนเรื่องนี้เรื่อยมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย จนได้รับสมญานามว่า “Legendary Soccer Twins”แม้ว่าปัจจุบันอาชีพที่ทำจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟุตบอล แต่การเล่นกีฬาก็ได้ฝึกความอดทน และความยืดหยุ่นอย่างมาก ตลอดจนความมีระเบียบวินัย การทำงานร่วมกันเป็นทีม รวมถึงความเป็นผู้นำ2. พวกเขาไม่เคยตัดสินทุกอย่างให้ลูกการตัดสินใจแทนลูก อาจเป็นเรื่องน่าดึงดูดอย่างยิ่ง โดยท้ายที่สุดจะมีผลตอนที่พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยคนเป็นผู้ปกครองย่อมรู้จักลูกของคุณดีกว่าใคร ๆ และคงไม่อยากเห็นพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ครอบครัวที่ประสบความสำเร็จจะไม่ทำแบบนั้นEllen Gustafson ผู้ร่วมก่อตั้งโปรเจคต์ FEED ที่จัดหาอาหารให้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียน มาวันนี้เธอเป็นผู้นำทางความคิด และวิทยากรประจำเกี่ยวกับนวัตกรรมทางสังคม โดย Maura แม่ของเธอ บอกว่าเราสนับสนุนให้ลูกเป็นอิสระ และคิดตามสิ่งที่ต้องการ แต่ก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ทำนั้นดีจริง ๆในฐานะผู้ปกครอง คุณสามารถเห็นจุดแข็ง โดยคุณต้องปล่อยให้พวกเขาคิด โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการถามตรง ๆ ว่าตัวเลือกไหนเป็นประโยชน์มากที่สุดกับคุณในอนาคต3. พวกเขาไม่เคยถือว่าเงิน หรือค่าตอบแทนสูง ๆ อยู่เหนือความสุขการเรียนจบสูง ๆ ถือเป็นเรื่องดีเป็นประตูเปิดกว้างในเรื่องของหน้าที่การงาน แต่บางทีการเรียนเพื่อได้รับปริญญาอาจหมายถึงการเสียเวลาของบุตรหลานของคุณไปโดยเปล่าประโยชน์ หากสิ่งที่เรียนไม่ได้อยู่ในความสนใจ ความชื่นชอบของพวกเขาและถ้าเหตุผลเดียวของพวกเขาในการเข้าเรียนคือการได้กระดาษแผ่นหนึ่งเพื่อให้ได้งานที่มีรายได้สูง สุดท้ายอาจทำให้พวกเขาไม่มีความสุข ต่างจากคนบางคนที่รักบางสิ่งบางอย่างมากพอ และทำงานหนักกับสิ่งนั้น จะหาทางเปลี่ยนเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้ แม้จะไม่มีใบปริญญาตรีในสาขานั้น ๆ ก็ตามหากทำด้วยความรักผลลัพธ์ย่อมออกมาดี4. พวกเขาไม่เคยละเลยความรู้ด้านการเงินการสัมภาษณ์พบว่าผู้ปกครองไม่เคยกดดันลูกของตนให้ทำงานมีรายได้สูง แต่พยายามจะสอนลูกเกี่ยวกับการเงินรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งJoel Holland ผู้ขายบริษัท Storyblocks ครึ่งหนึ่งในราคา 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2012 ถูกที่บ้านสอนให้ออมเงินตั้งแต่เด็ก และต้องหาเงินเองเพื่อจ่ายค่าเทอม แน่นอนว่าตรงนี้ทำให้เขากลายเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเงินทันทีด้วยการเข้าเรียนทุกคาบแบบไม่เคยขาดสอดคล้องกับผลการศึกษาที่พบว่าเหล่ามหาเศรษฐีระดับโลกต่างเรียนรู้เรื่องการเงินตั้งแต่เด็กที่มา: cnbcแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ smartsmehttps://smartsme.co.th/content/252252/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X