Everyday knowledge for you
ประกันสุขภาพ
07/01/2025
บทความโดย "บรรยง วิทยวีรศักดิ์" กูรูวงการประกันชีวิตไทยในปีที่ผ่านมา มีข่าวลงในสื่อหลายแหล่งว่า บริษัทประกันชีวิตเตรียมจะนำเงื่อนไขเรื่อง Copayment เข้ามาบังคับใช้ เพื่อแก้ปัญหาการเรียกร้องค่าสินไหมประกันสุขภาพที่พุ่งพรวด จนบริษัทประกันชีวิตหลายแห่งต้องยกเลิกขายการประกันสุขภาพเด็ก หรือประกันสุขภาพหมู่ในกลุ่มขนาดเล็กเรื่องนี้คนกลัวกันมาก ลูกค้าหลายคนรีบสมัครทำประกันสุขภาพ ด้วยเชื่อว่าตอนนี้เงื่อนไข Copayment ยังไม่ถูกนำมาบังคับ แต่ถ้าใครทำหลังปีใหม่ก็อาจจะถูกใส่เงื่อนไขลงไปว่าต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลทุกครั้งที่มีการเรียกร้องสินไหมข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรความจริง เงื่อนไข Copayment มีระบุในกรมธรรม์มาสักระยะหนึ่งแล้ว เป็นเงื่อนไขในแผนการประกันสุขภาพมาตรฐานใหม่ (New Health Standard) แต่บางบริษัทแค่ระบุเงื่อนไขว่าหากมีการเรียกร้องสินไหมมากผิดปกติ ก็จะปรับให้ลูกค้าร่วมจ่ายในอัตรา 0% นั่นหมายความว่าถึงแม้จะมีเงื่อนไข Copayment เข้ามา แต่บริษัทประกันชีวิตแห่งนั้นก็ยังรู้สึกว่า ยังไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าร่วมจ่าย เพราะเขายังสามารถควบคุมอัตราสินไหมให้เดินหน้าไปได้ถึงตอนนี้ ผู้เอาประกันภัยแต่ละคนต้องไปดูว่าในกรมธรรม์ประกันสุขภาพของตนนั้น มีเงื่อนไข Copayment ที่ระบุจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ต้องร่วมจ่ายหรือไม่ ถ้าระบุว่า 0% ก็แสดงว่าไม่ต้องร่วมจ่าย แต่ถ้าระบุว่า 20% หรือ 30% นั่นหมายความว่า เราได้ถือสัญญาที่มีเงื่อนไข Copayment เรียบร้อยแล้ว ถ้าเรามีการเรียกร้องสินไหมมากผิดปกติ เราสามารถถูกบังคับให้ต้องมีการร่วมจ่ายสินไหมในปีถัดไปด้วยเงื่อนไขของคำว่าการเรียกร้องสินไหมผิดปกติ มีอะไรบ้าง1. หากมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเกินความจำเป็นทางการแพทย์ หรือมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วยกลุ่มโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมในรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่ 200% ของเบี้ยประกันภัย2. หากมีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยแต่ละรายในรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่ 400% (โดยจะไม่นำมาใช้กับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกรณีที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรือการผ่าตัดใหญ่)เท่าที่ทราบ ในกรมธรรม์ประกันสุขภาพมาตรฐานใหม่ จะระบุเงื่อนไขว่า ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดชอบสินไหมค่ารักษาพยาบาลแบบ Copayment สัดส่วน 30% ในปีถัดไปทำไมจึงมีเงื่อนไขนี้ขึ้นมาตามความเข้าใจของผู้เขียน เข้าใจว่าเกิดจากข้อตกลงของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ขอ (กึ่งบังคับ) ให้บริษัทประกันภัยห้ามยกเลิกกรมธรรม์ของลูกค้าเมื่อพบว่าลูกค้าป่วยเป็นโรคร้ายแรงหรือมีสุขภาพที่ทรุดลง ยกเว้นในกรณีลูกค้าปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองตอนทำประกันชีวิตบริษัทประกันภัยจึงขอต่อรองเงื่อนไขว่า หากลูกค้ามีการเบิกสินไหมจุกจิก ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นตามเงื่อนไข 2 ข้อข้างบน ก็ขอให้ลูกค้ามีส่วนร่วมรับผิดชอบค่าสินไหมด้วย โดยบริษัทประกันภัยจะลดเบี้ยประกันให้ตามอัตราส่วนที่ลูกค้ารับผิดชอบอ้าว ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ก็แปลว่า กรมธรรม์ประกันสุขภาพมีเงื่อนไขนี้มาแล้วสักระยะหนึ่ง ทำไม เราต้องตกใจกันยกใหญ่ก็เพราะกระแสข่าวที่ออกมา เป็นไปทำนองว่าบริษัทประกันภัยทุกแห่ง ร่วมกันเสนอให้สำนักงาน คปภ. อนุมัติกรมธรรม์ที่มีเงื่อนไข Copayment ตั้งแต่ปีแรก และในทุกการเรียกร้องสินไหมสุขภาพของทุกกรมธรรม์ที่สมัครใหม่เลยครับก่อนอื่น เราต้องทราบว่า กรมธรรม์ประกันสุขภาพที่มีเงื่อนไข Copayment นั้นมี 2 รูปแบบ คือ1. แบบกำหนดให้มี Copayment ตั้งแต่วันเริ่มทำประกันภัยสุขภาพ โดยผู้เอาประกันภัยมีความประสงค์ที่จะร่วมจ่ายในค่ารักษาพยาบาลที่มีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ซึ่งโดยทั่วไปจะกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของค่ารักษาพยาบาล เช่น หากสัญญาประกันภัยสุขภาพกำหนด Copayment ที่ 10% และมีค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่าย 10,000 บาท ส่วนที่เหลือ 90,000 บาท บริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบ สัญญาประกันภัยสุขภาพรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง หรือมีสวัสดิการประกันภัยสุขภาพกลุ่มอยู่แล้ว โดยมีเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่ามาก2. แบบกำหนดให้มี Copayment ในเงื่อนไขการต่ออายุสัญญาคุ้มครองสุขภาพ กรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (ปีต่ออายุ) ซึ่งจะใช้พิจารณาในช่วงที่มีการต่ออายุสัญญาประกันภัยสุขภาพนั้น โดยบริษัทต้องแจ้งเงื่อนไขดังกล่าวให้ผู้เอาประกันภัยทราบตั้งแต่วันเริ่มทำประกันภัยสุขภาพ และไม่สามารถเพิ่มเติมเงื่อนไขดังกล่าวในภายหลังได้โดยจะมาใช้ก็ต่อเมื่อมีการใช้สิทธิการเรียกร้องค่าสินไหมค่ารักษาพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ หรือใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง (ไม่รวมการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วยโรคร้ายแรง หรือการผ่าตัดใหญ่) โดยจะต้องออกบันทึกสลักหลังให้กับผู้เอาประกันภัยเมื่อมีการเพิ่มเงื่อนไข Copayment เข้าไป และหากในปีกรมธรรม์ถัดไป ไม่เข้าเงื่อนไขการมี Copayment แล้ว บริษัทจะต้องกลับมาใช้เงื่อนไขปกติตามเดิม (ที่ไม่ต้องมี Copayment) ทั้งนี้ การกำหนดให้มี Copayment ในทุกกรณี รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 50%แต่คนส่วนใหญ่ รวมถึงตัวแทนประกันชีวิตเองก็ยังเข้าใจว่า ถ้าเราตกอยู่ในเงื่อนไขของ Copayment แล้วเราจะเสียเปรียบ เพราะต้องร่วมจ่ายค่าสินไหมหรือเบิกได้ไม่ครบ ขณะที่ยังต้องจ่ายเบี้ยประกันเท่าเดิม อันนี้เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างยิ่งเพราะถ้าเราเลือกการประกันสุขภาพที่มีเงื่อนไข Copayment ตั้งแต่ปีแรก เช่น ร่วมจ่าย 10% ของค่าสินไหมที่เกิดขึ้น เบี้ยประกันสุขภาพของเราก็ต้องลดลงด้วย ซึ่งอาจจะลดลง 20-30% (ที่ประเทศสิงคโปร์เบี้ยประกันลดลง 30-40%) ซึ่งถือว่าน่าจูงใจมาก โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตัวเองมีสุขภาพแข็งแรงหรือถ้ามองอีกมุมหนึ่งว่า คนชอบพูดกันว่าบริษัทประกันภัย/ประกันชีวิต เป็นเสือนอนกิน มีแต่กำไรอย่างเดียว การที่เราถูกบังคับเงื่อนไข Copayment เท่ากับเรามีส่วนร่วมในการรับประกันภัย 10% นั่นคือ ถ้าเราไม่มีการเรียกร้องสินไหม เราก็ได้เงิน 20-30% นี้เข้ากระเป๋าเราฟรี ๆ แต่ถ้าเรามีการเรียกร้องสินไหม เราก็ต้องร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เท่ากับว่าเราได้ทำตัวเป็นบริษัทประกันภัยย่อย ที่เข้าไปรับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันชีวิต เราจะได้เข้าใจความเสี่ยงที่บริษัทประกันชีวิตเขารับไปเช่นกันผมขอยืนยันว่า ถ้าใครที่ซื้อกรมธรรม์ที่มีเงื่อนไข Copayment ในรูปแบบแรก ที่กำหนดให้มี Copayment ตั้งแต่วันเริ่มที่ทำประกันภัยนั้น เบี้ยประกันต้องถูกกว่าอัตราเปอร์เซ็นต์ที่เราร่วมจ่ายเสมอเหตุผลก็คือ คนที่เลือกกรมธรรม์แบบที่มีเงื่อนไข Copayment ตั้งแต่แรกนั้น เขาต้องมั่นใจว่าเขาเองเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง โอกาสที่จะเรียกร้องสินไหมมีน้อย แต่ที่ยังทำประกันก็เผื่อพลาดในกรณีที่มีการรักษาใหญ่ ๆ ที่ตนคิดไม่ถึง เช่น อุบัติเหตุหรือโรคมะเร็ง ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ถึง 90% ก็ให้บริษัทประกันชีวิตรับผิดชอบไป ตัวเองก็หาเงินเพียงแค่ 10% ของค่ารักษาพยาบาล ซึ่งยังอยู่ในภาวะที่ยอมรับได้อีกเหตุผลที่สำคัญก็คือ เมื่อไหร่ที่มีเงื่อนไขร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ผู้เอาประกันภัยก็จะช่วยกลั่นกรองว่าการรักษาต่าง ๆ ที่คุณหมอเสนอมานั้นจำเป็นมากน้อยเพียงใด มันมีอาการหนักถึงขนาดจะต้องวินิจฉัยหรือรักษาโดยวิธีการนั้นหรือไม่ เมื่อคนไข้ได้สอบถามความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอื่น เป็นลักษณะ Second Opinion แล้ว ก็จะรักษาเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ การตรวจวินิจฉัยที่ฟุ่มเฟือยก็ลดน้อยลงไป ทำให้ค่ารักษาพยาบาลก็จะถูกลงหรือลดน้อยลงประมาณ 30% (ตามผลการวิจัยของประเทศสิงคโปร์ที่พบว่าคนไข้ที่มีการร่วมจ่ายในค่ารักษาพยาบาลนั้น มักจะมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่าโดยเฉลี่ย 30%)ดังนั้น แทนที่เราจะบอกว่าบริษัทประกันชีวิตที่ออกเงื่อนไข Copayment นั้นเป็นผู้ร้าย ผมก็อยากให้บริษัทประกันชีวิตแสดงบทเป็นพระเอก โดยการออกกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่มีเงื่อนไข Copayment และมีส่วนลดเบี้ยประกันมากกว่าอัตราเปอร์เซ็นต์ที่ลูกค้าต้องร่วมจ่าย และผมเชื่อมั่นว่าบริษัทไหนชิงออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก่อน ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวลูกค้าที่มีคุณภาพ ลูกค้าที่มั่นใจว่าตนเองแข็งแรง ดูแลสุขภาพดี เข้าอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของตนส่วนสำนักงาน คปภ. ก็ต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า ถ้าประเทศของเรามีกรมธรรม์แบบ Copayment มากขึ้น หรืออาจจะบังคับใช้ในทุกกรมธรรม์เหมือนในสิงคโปร์ ก็จะทำให้ประชาชนหันกลับมาดูแลสุขภาพของตนเอง ขณะเดียวกันก็คอยตรวจสอบค่ารักษาที่คุณหมอเสนอมา ว่าเหมาะสมหรือฟุ่มเฟือยเกินไป ก็จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรของชาติ ที่หมดไปจากการใช้ยาแพงเกินไปหรือใช้เครื่องมือที่ฟุ่มเฟือยเกินไปดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าประกันสุขภาพแบบประชาชนมีส่วนร่วมจ่าย เป็นพระเอกที่เข้ามากู้สถานการณ์ค่ารักษาพยาบาลที่พุ่งพรวดสูงเกินไป ทำให้ประเทศชาติเสียทรัพยากรไปจำนวนมาก ทั้งเงินตราที่ต้องเสียไปในการนำเข้ายาและเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศ สูญเสียประสิทธิภาพในการทำงานของคนวัยทำงานที่ยังนอนพักรักษาในโรงพยาบาลทั้งที่พอจะหายดี กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าการที่ประเทศสิงคโปร์บังคับให้ทุกบริษัทประกันชีวิตต้องมีเงื่อนไข Copayment ในกรมธรรม์นั้น ผ่านการวิจัยและการไตร่ตรองมาอย่างดีเยี่ยมแล้วประเทศไทยยังต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่านในเรื่องนี้ เพื่อให้คนรู้จักพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ลองคิดดูว่าถ้าเบี้ยประกันสุขภาพของเราถูกลง 20-30% ประชาชนสามารถจัดหาประกันสุขภาพได้มากขึ้น (แทนที่จะพึ่งพาแต่ภาครัฐ) พร้อมทั้งกระตุ้นให้พวกเขาหันกลับมาดูแลสุขภาพตนเอง เมื่อเป็นผู้ป่วยก็รีบเช็กเอาต์จากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้น มีเตียงว่างมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์ก็มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นเมื่อกรมธรรม์ส่วนใหญ่ของประเทศมีเงื่อนไข Copayment ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่อรายลดลง ภาพรวมของการเรียกร้องสินไหมลดลง อัตราการเติบโตของค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลลดลง ทำให้อัตราเบี้ยประกันสุขภาพชะลอตัว ไม่ขึ้นพรวดพราดเหมือนในอดีต กลับมาสู่มาตรฐานที่ควรจะเป็น ผมเชื่อว่าประโยชน์จะตกกับทุกฝ่าย ทั้งประชาชน บริษัทประกันภัยและประเทศชาติในที่สุด ผมจึงสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่ครับหมายเหตุ1. ในประเทศสิงคโปร์ ถึงแม้จะกำหนดให้กรมธรรม์ประกันสุขภาพทุกฉบับต้องมีเงื่อนไข Copayment ที่ 10% แต่ก็ยังอนุโลมให้บริษัทประกันภัยออกกรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบเบิกได้ทุกบาททุกสตางค์ด้วย เพียงแต่เบี้ยประกันภัยจะสูงกว่าแบบ Copayment ถึง 40% ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่กว่า 95% จึงเลือกทำประกันแบบ Copayment2. กรมธรรม์แบบมีเงื่อนไข Copayment ในไทย ยังไม่มีข้อสรุป สำนักงาน คปภ. ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ คาดว่าในระยะแรกน่าจะออกเป็นกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่มีเงื่อนไข Copayment 2 รูปแบบพร้อมกัน คือแบบบังคับใช้ตั้งแต่ปีแรก และแบบที่ถูกตั้งเงื่อนไข Copayment ในกรณีที่มีการเรียกร้องสินไหมผิดปกติ แล้วค่อยประเมินผลอีกครั้งหนึ่งว่า จะบังคับใช้ในทุกกรมธรรม์ได้หรือไม่ ประชาชนพร้อมรับหรือไม่แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1728283
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
07/01/2025
‘อปมายา’ (อะปะมายา) นิทรรศการศิลปะร่วมสมัยสะท้อนความงามที่ไร้ซึ่งมายา การพบกันอย่างลงตัวระหว่างงานประติมากรรมเซรามิกรูปบุคคล ผลงานของ ศิริพงษ์ เรืองศรี กับเครื่องประดับเงินในคอลเลคชั่นของ รัง-แตน ศิริรัตน์ จิวานุวงศ์ห่างหายจากการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะไปนาน หลังจากจัดแสดงผลงานเชิดชูพ่อครูแม่ครูผู้สร้างสรรค์งานหัตถกรรมพื้นล้านนาในชื่อว่า เลือนจางไม่รางหาย เมื่อปี 2562ล่าสุด โรงแรมรายา เฮอริเทจ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2567 (Chiang Mai Design Week 2024) ด้วยการจัดแสดงนิทรรศการ อปมายา (อะ-ปะ-มา-ยา) Without Illusion นำเสนอผลงานประติมากรรมของ ศิริพงษ์ เรืองศรี และ เครื่องประดับเงินดีไซน์สุดล้ำของ ศิริรัตน์ จิวานุวงศ์ ในแนวทางที่บรรจบกันได้อย่างลงตัวศิริรัตน์ จิวานุวงศ์ วิชดา สีตะกลิน และ ศิริพงษ์ เรืองศรีวิชดา สีตะกลิน ที่ปรึกษางานด้านการออกแบบ บริษัทเดอะ รายา คอลเลคชั่น กล่าวถึงการเชื้อเชิญสองศิลปินมาร่วมกันจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ว่า เกิดจากการชื่นชมในผลงานออกแบบหัตถศิลป์ของศิริรัตน์ เจ้าของแบรนด์ รัง - แตน (Rang–Tan) ผู้หยิบจับอะไรก็กลายเป็นของสวยงามไปทั้งหมด และความประทับใจในผลงานประติมากรรมของ ศิริพงษ์ ที่สะท้อนใบหน้าบุคคลที่มีเสน่ห์บนความเรียบง่าย“ความตั้งใจในการทำโรงแรมรายา เฮอริเทจ เราอยากสืบสานงานหัตถกรรม เราทำงานกับชุมชน ครูช่าง พอได้มาพบกับคุณแตนและงานของอาจารย์แดง ศิริพงษ์ ซึ่งเป็นงานศิลปะทำมือที่ทำจากใจ มีความนาอีฟ (Naïve) เรียบง่าย ใสซื่อ ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรปรุงแต่ง รู้สึกว่าตรงใจใช่เลย”ประติมากรรมเซรามิกที่ช่วยแต่งแต้มบรรยากาศภายในรายา เฮอริเทจ ให้มีเสน่ห์ชวนมองมากยิ่งขึ้น • ไม่ต้องกลัวไม่สวย ไม่ดี แค่ทำสิ่งที่อยากทำศิริพงษ์ หรือ อาจารย์แดง ครูของเด็กด้อยโอกาส ผู้เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาศิลปะที่สายตายังเวิ้งว้าง ต้องการหาความหมายเข้ามาเรียนรู้ ทดลองการทำงานประติมากรรมเซรามิกในสตูดิโอ บอกกับเราถึงผลงานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ว่า“อปมายา หมายถึง ไร้มายา ผมพยายามบอกทุกคนว่า คนเราไม่ต้องกลัวไม่สวย ไม่ต้องกลัวไม่ดี แค่ทำตามสิ่งที่คุณอยากทำ เพราะฉะนั้นงานของผมจึงไม่มีชื่อ ส่วนที่มีชื่อล้วนแล้วแต่มีชื่อเดียวกันว่าผู้หญิง เหตุที่เป็นผู้หญิง นั่นก็เป็นแพราะว่า ผมชอบดูสีหน้าคนเพราะสีหน้าของแต่ละคนจะบอกเรื่องราวมากมาย”“ผู้หญิง” หลากหลายสีหน้าและอารมณ์ผลงานศิลปะในชุด “ผู้หญิง” ของอาจารย์แดง ประกอบไปด้วยงานจิตรกรรม ประติมากรรม และสื่อผสม โดยเฉพาะงานประติมากรรมมีเป็นจำนวนมากมาย ตั้งแต่ขนาดเล็กที่สามารถหยิบจับได้ไปจนถึงขนาดใหญ่โตสูงราว 2 เมตรบางชิ้นเป็นงานปั้นดินแบบง่ายๆ บางชิ้นแคลือบสีสันสดใส ใบหน้ามีการแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรูปปั้นของนกตัวเล็กๆและปลาใหญ่บ้างเล็กบ้างมาต่อเติมอารมณ์และความรู้สึกเคลื่อนไหวของรูปปั้นผู้หญิงได้อย่างน่าสนใจฝูงนกตัวจิ๋วที่ชวนให้คิดถึงเสียงร้องจิ๊บๆผลงานประติมากรรมที่ผสานกับงานจิตรกรรม“งานเซรามิกของผมเป็นงานประติมากรรมที่ผสมกับงานจิตรกรรมไปด้วย โดยทั่วไปจะมีการเผา 2 ครั้ง ต้องมีการเผาดิบก่อนแล้วค่อยมาเพ้นท์สี แต่ของผมเพ้นท์สีลงไปเลยแล้วเผาครั้งเดียวแบบ One Firing ผมทำงานแบบผิดวิธี ผิดขั้นตอนหมดเลยนะครับ ครูอาจารย์มาเห็นจะต้องบอกว่านี่มันไม่ถูกเลย แต่ผมก็ชอบของผม งานเซรามิกเป็นงานสนิมสร้อยมากเลยนะครับ ถ้าเราเปิดเตาเผาออกมาแล้วเจอชิ้นงานที่แตกมันก็ทำให้หัวใจเราชอกช้ำ” อาจารย์แดงเล่าด้วยรอยยิ้ม • ศิลปะส่องทางให้กันและกันศิริรัตน์ จิวานุวงศ์ สวมสร้อยที่นำแรงบันดาลใจจากภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม จ.อุบลราชธานีในวันที่อยากหลีกหนีไปจากเชียงใหม่ ไฟในการทำงานสร้างสรรค์เริ่มอ่อนล้า การพาตัวเข้าไปในโลกของงานศิลปะ กลับได้พบกับคำตอบที่ปลดปล่อยพันธนาการของความรู้สึกภายในได้อย่างคาดไม่ถึง“10 ปีที่แล้วพี่แดงเคยพูดไว้ว่าอยากให้มาแสดงงานด้วยกัน ปีที่แล้วได้พบกันอีกครั้งพี่แดงยังพูดประโยคเดิมเลยว่า เมื่อไหร่จะแสดงงานด้วยกัน วินาทีนั้นเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับแตนเลย เพราะปีนั้นเป็นปีที่แย่มากสำหรับแตนในเรื่องของจิตใจ อยากออกจากวงการ อยากย้ายไปจากเชียงใหม่พอเข้ามาในสตูดิโอของพี่แดง ได้พบกับคำพูดและความรู้สึกที่ตอบโจทย์ข้างในใจที่ทำให้เราไม่อยากไปต่อ ไม่อยากทำสร้อยอีกแล้ว เราเบื่อหุ่นโชว์สร้อยที่เคยทำมา อยากได้หุ่นโชว์สร้อยที่แตกต่างไม่เหมือนใครในโลกนี้ เลยถามพี่แดงไปว่าถ้าแตนนำสร้อยไปใส่ในหุ่นของพี่แดงจะโอเคไหมพี่แดงตอบมาว่า ทำไมไม่ขายหุ่นพี่ด้วยเลย ปลดล็อคเลยคือเขาหาทางออกให้เราด้วย จึงเป็นที่มาของการเปิดโลกของการขายสร้อยในรูปลักษณ์ใหม่”ผลงานที่จัดแสดงภายในฮิมกอง โรงแรมรายา เฮอริเทจ เชียงใหม่ศิริรัตน์ หรือ แตน นักออกแบบเครื่องประดับเงินและนักสะสมผ้าเก่า เจ้าของแบรนด์ รัง - แตน เล่าถึงที่มาของการพบกันทางความคิดที่นำไปสู่การจัดแสดงนิทรรศการร่วมกันระหว่างประติมากรรมและเครื่องเงินว่า“แตนทำงานกับพี่หน่อย เราทั้งคู่ทำงานกับชุมชน นักวิจัย และชาวเขาเผ่าต่างๆ แรกๆเราเริ่มต้นสะสมและเสพงานเครื่องเงินของเขาก่อน นานวันเราอยากมีสร้อยในรูปแบบของตัวเอง จึงทำงานร่วมกับช่าง นำธรรมชาติรอบตัว เช่น ก้อนหิน เปลือกไม้มาออกแบบเป็นรูปทรงต่างๆจนกลายมาเป็นซิกเนเจอร์ของเรางานของเราจะใช้เงินเปอร์เซ็นต์ที่สูง ตอนนี้เราย้ายสถานที่ผลิตไปอยู่ที่อุบลราชธานี แตนมีหน้าที่ออกแบบและเป็นสไตลิสต์ เพราะพี่หน่อยไม่ใส่สร้อยของตัวเอง แต่แตนเป็นคนใส่สร้อย งานที่ทำออกมาไม่ได้ขายทุกชิ้น บางชิ้นเราเก็บสะสมไว้”การจับคู่ที่ลงตัวระหว่างหุ่นและเครื่องประดับอารมณ์ของหุ่นที่ชวนให้เครื่องประดับเงินดูสนุกมากยิ่งขึ้นสำหรับเครื่องประดับเงินที่นำมาจัดแสดงร่วมกับหุ่นเซรามิกของอาจารย์แดง เป็นคอลเลคชั่นของรัง-แตนที่เคยนำไปโชว์ที่ฝรั่งเศสเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แม้ว่าจะเป็นงานที่เจ้าตัวกล่าวว่า “ขายไม่ได้เลย” หากมองย้อนกลับไปในวันนั้น ถือว่าเป็นงานเครื่องประดับที่ล้ำหน้ามาก และยังคงล้ำสมัยมาจนถึงวันนี้“การที่สร้อยได้มาอยู่ในคอหุ่นของพี่แดง ทำให้เราอยากไปต่อ ใบหน้าของหุ่นที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ รวมทั้งรอยยิ้ม ทำให้เราอยากทำสร้อยให้สวยมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เรามองไปข้างหน้าแล้วว่างานประติมากรรม กับเครื่องประดับเงิน จะพาเราไปสู่เส้นทางต่อไปอย่างไร”ผู้หญิงคุยกันไม่ต้องกลัวไม่สวย ไม่ต้องกลัวไม่ดี อาจเป็นอีกหนึ่ง “คำตอบ” ที่ปลดเปลื้องพันธนาการทางความคิดได้อย่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แค่ทำตามสิ่งที่อยากทำด้วยความตั้งใจ คือสาระสำคัญจาก ‘อปมายา’ ที่ชวนให้เราไปต่อในปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงได้อย่างมีกำลังใจภาพ : อนุตรา อึ้งสุประเสริฐนิทรรศการประติมากรรมศิลปะร่วมสมัยและเครื่องประดับเงิน Without Illusion – อปมายา (อะ-ปะ-มา-ยา) จัดแสดงที่โรงแรมรายาเฮอริเทจ จ.เชียงใหม่ วันที่ 9 ธ.ค. 67 ถึง วันที่ 31 ม.ค. 68 (เข้าชมฟรี)เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/RayaHeritageแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1157764
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
07/01/2025
ชวนชมน้ำตกสวยๆ กับอันซีนแอ่งน้ำสีเขียวมรกต ที่ "น้ำตกก้อหลวง" อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อ.ลี้ จ.ลำพูน ที่จะเปิดให้ชมความงามเฉพาะเดือน ต.ค.-มิ.ย. เท่านั้น ส่วนใครจะมาเช็คอินแอ่งน้ำสีเขียวมรกต จะมีเฉพาะช่วงเดือน ธ.ค.-ก.พ.หนึ่งในน้ำตกสวยสุดอันซีนของไทย ต้องยกให้ที่ "น้ำตกก้อหลวง" ภายใน อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อ.ลี้ จ.ลำพูนซึ่งต้องถือว่าน้ำตกก้อหลวงเป็นไฮไลต์ในการมาเยือนอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จากความงดงามของน้ำตกที่ไหลลงมาสู่แอ่งด้านล่าง "น้ำตกก้อหลวง" เกิดจากลำห้วยแม่ก้อซึ่งไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมา 7 ชั้น สู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ นอกจากนี้บริเวณหน้าผาริมน้ำตกยังเกิดหินงอกหินย้อยที่มีความสวยงาม โดยน้ำตกแห่งนี้ จะเปิดให้เข้าชมระหว่างเดือนตุลาคม-มิถุนายน ของทุกปี (ปิดการท่องเที่ยว 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน)และจุดที่เป็นอันซีนของน้ำตกก้อหลวงคือ แอ่งน้ำสีเขียวมรกต ที่มีสีสันคล้ายกับสระมรกต จ.กระบี่ โดยสีสันที่เกิดขึ้นนี้ก็มาจากหินปูนและแสงแดดที่ส่องกระทบลงมา น้ำในบริเวณนี้จะมีความใสสะอาดมาก จนสามารถมองเห็นพื้นที่อยู่ด้านล่าง และช่วงที่สวยที่สุดของปีคือราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ จะมองเห็นแอ่งน้ำเป็นสีเขียวมรกตชัดเจนน้ำตกก้อหลวง อยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จ.ลำพูน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1087 ประมาณ 26 กม. ผ่านบ้านก้อ แล้วเลี้ยวซ้ายไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่มป.1 (น้ำตกก้อหลวง) จากนั้นเดินผ่านป่าไผ่ไปอีก 500 เมตร จะถึงชั้นก้อหลวงสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-5203-0380Facebook : อุทยานแห่งชาติแม่ปิง - Mae Ping National Parkแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000001535
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
การดำเนินชีวิต
06/01/2025
หลายคนรู้จักปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในนามนักลงทุนระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินเท่านั้น แต่ตัวปู่เองยังเป็นแหล่งแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต ใช้ปรัชญานำทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนและนี่คือ 3 บทเรียนสำคัญที่ปู่ฝากไว้เลือกคบคนที่ดีกว่าตัวเองบัฟเฟตต์มองว่าการคบหาคนที่มีคุณสมบัติและพฤติกรรมที่ดี สามารถช่วยยกระดับตัวเราเอง ปู่เองเคยกล่าวว่า “เลือกคบหาคนที่มีพฤติกรรมดีกว่าคุณ แล้วคุณจะค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางนั้น”การล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่เก่งกว่าและมีวิสัยทัศน์ จะช่วยพัฒนาตัวเรา ทั้งด้านความคิด ทักษะ และเครือข่าย เพราะคนรอบตัวคือภาพสะท้อนของตัวเราเองพัฒนาความสามารถอย่างต่อเนื่องบัฟเฟตต์ย้ำว่า การป้องกันตัวเองจากความผันผวนของเศรษฐกิจคือการเก่งในสิ่งที่ทำ หรือในนิยามของปู่เองเรียกว่า Circle of Competence เป็นกรอบความเก่งที่ใช้ประเมินบริษัทและตัวบุคคล“สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้คือการเก่งในบางสิ่งอย่างโดดเด่น”ความสำเร็จมาจากการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างไม่หยุดยั้ง บัฟเฟตต์เป็นตัวอย่างที่ดี ด้วยการใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านและหาความรู้ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เราปรับตัวและคว้าโอกาสใหม่ ๆ ได้เสมอให้ความรักเป็นตัวนำทางชีวิตบัฟเฟตต์เชื่อว่าความสำเร็จในชีวิตไม่ได้วัดจากเงินทอง แต่จากความรักที่เราได้รับ เพราะ “เมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจำนวนคนที่รักคุณจริงๆ”อีกคำแนะนำที่ล้ำค่าคือ การได้รับความรักเริ่มต้นจากการเป็นคนที่น่ารัก โดยการมอบความรัก ความจริงใจ และการสนับสนุนแก่คนรอบข้าง สิ่งนี้จะสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าและเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์กล่าวโดยสรุปทั้ง 3 บทเรียนชีวิตจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ เน้นถึงการเลือกคบคนที่ดี การพัฒนาตัวเอง และการให้ความรักเป็นเส้นชัยในชีวิต สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวทางสู่ความสำเร็จทางการเงิน แต่ยังนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จที่ยั่งยืนในชีวิตส่วนตัวที่มา : incแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ beartaihttps://www.beartai.com/life/inspiration/1448583
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
06/01/2025
หินจากดวงจันทร์ เศษอุกกาบาต ชิ้นยานอวกาศ หรือแม้แต่แผงควบคุมต้นฉบับจากศูนย์บัญชาการภารกิจฮูสตัน ฯลฯ ถ้าคุณสนใจเรื่องอวกาศหรือเป็นเนิร์ดสายนี้ เราแนะนำให้คุณมาเช็กอินที่ BITEC BURI กับนิทรรศการใหม่ล่าสุดที่ตระเวนจัดมาแล้วถึง 5 ประเทศทั่วโลก SPACE JOURNEY BANGKOKนิทรรศการอวกาศระดับโลกที่นำเสนอเรื่องราวภารกิจสำรวจอวกาศของมนุษยชาติตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งแนวคิด ความฝัน และความทะเยอทะยาน โดยรวบรวมชิ้นส่วนยานอวกาศที่ผ่านการใช้จริงและแบบจำลองหาชมยาก ฯลฯ ทั้งที่เป็นของจริง (Original Objects), รุ่นพัฒนา (Prototypes), ของเสมือนจริง (Replica) และแบบจำลอง (Model) รวมถึงเอกสารต้นฉบับต่างๆ อีกมากมาย จากสหรัฐอเมริกา โซเวียต และอื่นๆ มาจัดแสดงในรูปแบบของห้องจัดแสดง การฉายวีดิทัศน์ในโรงหนัง รวมถึงเทคนิค Projection Mappingมาที่นี่คุณจะได้เห็นอาหารอวกาศที่นักบินอวกาศกินจริงๆ เห็นวิวัฒนาการชุดนักบินอวกาศในยุคต่างๆ เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรวมถึงชิ้นส่วนเศษเสี้ยวความสำเร็จและความล้มเหลวทางประวัติศาสตร์ที่เราเคยพบเจอแต่เพียงในหนังสือเรียน!เชื่อเราเถอะว่า แม้ว่าคุณไม่เนิร์ดเรื่องอวกาศก็สนุกได้ เพราะทุกอย่างตรงหน้าคือหลักฐานความฝันและความหวังของมนุษยชาติในการสำรวจอวกาศSPACE JOURNEY BANGKOK เปิดให้ชมแล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 16 เมษายน 2568 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ ES97 BITECT BURI บัตรราคา 650 บาทต่อคน, บัตรราคาพิเศษแบบกลุ่ม 4 คน ราคา 2,400 บาทซื้อได้ที่ www.icvticket.com/event_detail_space.aspx ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/spacejourneybkkแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ thestandardhttps://thestandard.co/life/space-journey-bangkok/
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ท่องเที่ยว
06/01/2025
หนึ่งปีมีครั้ง “หาดทรายทองศรีโคตรบูร” อันซีนนครพนม โผล่แล้วกลางลำน้ำโขง ยามแสงแดดช่วงเช้าตรู่สาดส่องพื้นทรายจะเป็นริ้วละลอกคลื่นดูงดงาม จนหลายคนยกให้เป็น “เกล็ดพญานาค” ตามความเชื่อเรื่องพญานาคของชาวอีสานทุก ๆ ปีในช่วงฤดูแล้ง ในตัวเมืองนครพนมจะเกิด “หาดทรายทองศรีโคตรบูร” โผล่ขึ้นกลางลำน้ำโขง ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง จนได้ชื่อว่าเป็น “อันซีนนครพนม” ที่หนึ่งปีมีให้ชมเพียงครั้งเดียวพื้นทรายหาดทรายทองศรีโคตรบูรมีลักษณะเป็นริ้วละลอกคลื่นหาดทรายทองศรีโคตรบูร หรือ “หาดทรายท้ายเมือง” หรือที่หลายคนนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า “หาดทรายทอง” เป็นปรากฏการณ์สันดอนทรายโผล่ขึ้นมาในฤดูแล้ง ช่วงที่แม่น้ำโขงลดระดับลงต่ำมาก ๆ มีพื้นที่กว้างใหญ่ ยาวหลายกิโลเมตร กินพื้นที่ในบริเวณท้ายเมืองในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เชื่อมต่อไปจนถึงบ้านหนองจันทร์ ตำบลท่าค้อ อำเภอเมืองนครพนมดวงตะวันสาดแสงส่องหาดทรายทองศรีโคตรบูรในยามเช้าตรู่บริเวณหาดทรายแห่งนี้สามารถชมวิวทิวทัศน์อันงดงามได้ทั้ง 2 แผ่นดิน คือเมืองนครพนม ประเทศไทย และเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาวพื้นทรายที่นี่จะมีลักษณะพิเศษจากการกระทำของน้ำและลมจนเกิดเป็นริ้วละลอกคลื่น ดูงดงามคล้าย “เกล็ดพญานาค” ขนาดใหญ่ ตามความเชื่อเรื่องพญานาคของชาวอีสานวิถีชีวิตยามเช้าตรู่ที่หาดทรายทองศรีโคตรบูรในช่วงเช้าตรู่ยามที่แสงแดดส่องต้องกระทบจะเกิดเป็นริ้วสันดอนทรายสีทองอันงดงามสมชื่อหาดทรายทองศรีโคตรบูร จนถูกยกเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์อันลือลั่นทุก ๆ ปีในช่วงวันสงกรานต์ ทางจังหวัดนครพนมจะจัดงานสงกรานต์ขึ้นที่หาดทรายแห่งนี้ โดยจะมีทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นสงกรานต์บนหาดทรายทองศรีโคตรบูรกลางลำน้ำโขงกันเป็นจำนวนมาก ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในวันสงกรานต์ที่ให้บรรยากาศที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ไม่น้อยเลยพื้นทรายหาดทรายทองศรีโคตรบูรมีลักษณะเป็นริ้วละลอกคลื่นสำหรับพื้นที่หลักในการชมทรายทองศรีโคตรบูรนั่นก็คือบริเวณถนนสวรรค์ชายโขง ที่เป็นถนนเลียบแม่น้ำโขงระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร มีวิวทิวทัศน์สวยงาม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั้งฝั่งไทย-ลาว ถือเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ที่คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน ออกกำลังกาย เดิน-วิ่ง ปั่นจักรยานในช่วงเช้าและเย็นกันเป็นจำนวนมากวิถีชีวิตยามเช้าตรู่ที่หาดทรายทองศรีโคตรบูรนอกจากนี้ถนนสวรรค์ชายโขงยังมีเส้นทางจากถนนลงสู่ชายหาดทรายทองศรีโคตรบูรให้ผู้สนใจได้ลงไปสัมผัสกับพื้นทรายอย่างใกล้ชิดเดิมหาดทรายทองศรีโคตรบูรที่เป็นปรากฏการณ์หาดทรายน้ำจืดโผล่กลางลำน้ำโขงตามธรรมชาติจะเกิดขึ้นในช่วงราวเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน แต่ปัจจุบันหลังจากมีการสร้างเขื่อนกั้นลำนำโขงในประเทศจีน ทำให้การเกิดหาดทรายทองศรีโคตรบูรในแต่ละปีไม่แน่นอน ตามระบบนิเวศของแม่น้ำโขงที่เริ่มเปลี่ยนไปออกกำลังกายวิ่งบนหาดทรายทองศรีโคตรบูรสำหรับฤดูแล้งนี้ (2567-2568) หาดทรายทองศรีโคตรบูร ปรากฏกลางลำน้ำโขงเร็วกว่าปกติ เริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 ต่อเนื่องข้ามปีมายังปี 2568 ใครที่สนใจสามารถไปเที่ยวชมกันได้เพราะถึงแม้ว่าวันนี้ระบบนิเวศของแม่น้ำโขงในประเทศท้ายน้ำจะเริ่มเปลี่ยนไปจากการสร้างเขื่อนของประเทศเหนือน้ำ แต่หาดทรายทองศรีโคตรบูรก็ยังคงปรากฏอวดโฉมให้เราได้ไปเที่ยวชมกันสามารถลงไปเดินเล่นบนหาดทรายทองศรีโคตรบูรได้ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานนครพนม โทร. 042 513 490ปั่นจักรยานบนถนนสวรรค์ชายโขงปั่นจักรยานบนถนนสวรรค์ชายโขงแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9680000001489
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันชีวิต
06/01/2025
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ร่วมด้วย นายปกป้อง ยินดีผล (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์และงานบริการ และ นายเบญจพล อิงคนินันท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายบริหารเชิงกลยุทธ์ด้านสุขภาพ ได้มอบเงินบริจาคจำนวน 400,000 บาท จากกิจกรรม “AIA Vitality Virtual Challenge 2024” ให้แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อนำไปสมทบทุนสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิ โดยมี นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ เป็นผู้แทนรับมอบ ณ สำนักงานมูลนิธิรามาธิบดีฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้สำหรับเงินบริจาคดังกล่าวมาจากการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมและเงินบริจาคสมทบของผู้เข้าร่วมกิจกรรม “AIA Vitality Virtual Challenge 2024” ซึ่งเป็นกิจกรรมเดิน-วิ่งสะสมระยะทางในรูปแบบออนไลน์ ทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม จัดขึ้นโดยเอไอเอ ไวทัลลิตี้ ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกเอไอเอ ไวทัลลิตี้ และประชาชนทั่วไปได้ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองในรูปแบบที่ง่ายและสนุกสนาน สอดคล้องกับแนวคิด “Rethink Healthy ปรับความคิดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คนทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ และในปี 2568 นี้ เอไอเอ ยังคงเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย รวมถึงผู้คนกว่าพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่อไป ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ข่าวทั่วไป
04/01/2025
“เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ปี 2025 ด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยี ตลอดจนเรื่องของเศรษฐกิจล้วนส่งผลต่อสภาพแวดล้อมการทำงานที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อีกทั้งยังส่งผลให้มีความท้าทายที่ทั้งนายจ้างและพนักงานต้องเผชิญ“เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ปี 2025 ด้วยพัฒนาการทางเทคโนโลยี ตลอดจนเรื่องของเศรษฐกิจล้วนส่งผลต่อสภาพแวดล้อมการทำงานที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อีกทั้งยังส่งผลให้มีความท้าทายที่ทั้งนายจ้างและพนักงานต้องเผชิญโดย 77% ของคนทำงานกำลังเผชิญกับความเครียดจากการจัดการระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว ในขณะที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานอย่างรวดเร็วจนหลายคนแทบตั้งตัวไม่ทัน การเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025 จึงไม่ใช่แค่การรู้เท่าทันเทรนด์ แต่รวมถึงการปรับตัวและใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้ฉลาดขึ้นJon Cooper, ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Overalls แพลตฟอร์มสวัสดิการสำหรับพนักงาน ได้แบ่งปัน 8 แนวโน้มสำคัญที่เขาเชื่อว่าจะเปลี่ยนโฉมสถานที่ทำงานในปี 2025 ดังนี้1. เศรษฐกิจจะเติบโต ทำตลาดแรงงานแข่งขันสูงขึ้น เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ธุรกิจต่าง ๆ จะเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด มีการแข่งขันกันจ้างงานคนเก่ง ซึ่งสิ่งนี้ผลักดันให้นายจ้างต้องปรับปรุงสวัสดิการ เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน และให้ความสำคัญกับนโยบายต่าง ๆ ที่ครอบคลุมในหลายด้าน เพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ2. ออกสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงานทุกคน รูปแบบสวัสดิการแบบ “One Size Fits All” กำลังกลายเป็นอดีต บริษัทจะต้องออกแบบสวัสดิการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของทีมงานที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้พนักงานทุกคนรู้สึกว่าตนได้รับการสนับสนุนและมีคุณค่าในองค์กร3. AI จะมาช่วยงาน ไม่ใช่มาแทนที่ องค์กรต่าง ๆ จะมองหาและปรับใช้งานเทคโนโลยี AI ในแง่มุมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยจะนำมาใช้เพื่อเสริมศักยภาพของพนักงานในองค์กรมากกว่าที่จะนำมาใช้งานแทนที่มนุษย์ ซึ่ง AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนการตัดสินใจโดยไม่ลดทอนความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ลง4. ปรับปรุงสวัสดิการด้านสุขภาพ โฟกัสเรื่องสุขภาพจิต ในหลายประเทศมีการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายด้านสุขภาพ ส่งผลให้บริษัทต้องปรับปรุงรูปแบบสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ออกแบบแนวทางใหม่ อย่างเช่น แผนสุขภาพส่วนบุคคล การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ5. การทำงานระยะไกลจะยังคงเป็นที่นิยม การเติบโตของเศรษฐกิจและการแข่งขันในการจ้างงานจะทำให้การทำงานระยะไกลกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยบริษัทที่เปิดรับการทำงานแบบยืดหยุ่นจะมีความได้เปรียบในการดึงดูดผู้มีความสามารถจากทั่วโลก6. บริษัทจะมีดีลควบรวมกิจการและ IPO มากขึ้น ด้วยเศรษฐกิจที่ถูกมองว่าจะดีขึ้น จะส่งผลให้องค์กรมีสถานการณ์ทางการเงินมีเสถียรภาพ และสิ่งที่ตามมาคือ M&A หรือการควบรวมกิจการและการ IPO จะกลับมาบูมอีกครั้ง และสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นการลงทุนและสร้างโอกาสใหม่สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ7. องค์กรจะมีโปรแกรมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเพิ่มขึ้น ในโลกที่ไม่แน่นอน องค์กรจะมองหาวิธีรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะกระทบต่อธุรกิจ โดยจะมีการลงทุนในระบบสนับสนุนพนักงาน อย่างเช่น ระบบการจัดการวิกฤติ โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ ตลอดจนแนวทางการรับมือและจัดการกับสุขภาพจิตของพนักงานในองค์กร8. การเพิ่มทักษะใหม่เพื่อรับมือกับ AI การพัฒนา AI จะผลักดันให้องค์กรหันมาให้ความสำคัญกับการเพิ่มทักษะใหม่ให้พนักงานในองค์กร เพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงและรักษาความยืดหยุ่นขององค์กรไว้ได้ภาพรวมการทำงานในปี 2025 นี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และความคาดหวังของพนักงาน การปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรและพนักงานมีความพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลง สามารถพัฒนาตัวเองและองค์กรได้อย่างมั่นคงในอนาคตที่มา: Forbesแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับ thairath moneyhttps://www.thairath.co.th/money/business_marketing/leadership_culture/2834319
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ประกันภัย
04/01/2025
บทความโดย "สมาคมนักวางแผนการเงินไทย"“อุบัติเหตุ” เหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่บางครั้งก็มาเยี่ยมเยียนโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นหกล้มธรรมดาหรือเรื่องใหญ่อย่างรถชน พูดง่าย ๆ ชีวิตผู้คนก็พลิกผันได้ในพริบตา จะดีกว่าไหม ถ้ามี “กันชน” ไว้รับมือด้วยการทำประกันภัยอุบัติเหตุ เป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุประกันภัยอุบัติเหตุ คือ เกราะคุ้มครองทางการเงินเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่พร้อมดูแลผู้ทำประกันภัยตลอด 24 ชั่วโมงดังนั้น วัตถุประสงค์หลักของประกันภัยอุบัติเหตุ คือ การบรรเทาภาระทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุไม่คาดคิด ทำให้ผู้ทำประกันภัยสามารถมุ่งเน้นการฟื้นฟูสุขภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นหลักประกันที่สำคัญสำหรับตัวเองและครอบครัวอาจสงสัยว่าประกันอุบัติเหตุที่จ่ายเงินซื้อไว้นั้น จริง ๆ แล้วคุ้มครองอะไรบ้าง คำตอบคือ เมื่อผู้ทำประกันบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ พิการ ไปจนกระทั่งเสียชีวิต โดยคุ้มครองตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมงทุกแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะซื้อออนไลน์หรือผ่านตัวแทน ความคุ้มครองจะเริ่มทันทีที่กรมธรรม์มีผล โดยความคุ้มครองภายใต้การประกันภัยจะแบ่งเป็น 2 แบบ • แบบ อบ. 1 คุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า และสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง • แบบ อบ. 2 คุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า และสายตา นิ้ว หูหนวกและเป็นใบ้ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุพพลภาพถาวรบางส่วนส่วนแบบความคุ้มครองเลือกซื้อเพิ่มเติมนั้น สามารถเลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกันก็ได้ เช่น จ่ายค่ารักษาพยาบาล ชดเชยรายได้ระหว่างพักฟื้น ดูแลค่าทำศพ คุ้มครองอุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์ ช่วยเหลือกรณีถูกทำร้ายหรือฆาตกรรม ดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการจลาจล หรือจ่ายค่ารักษาฟันที่เสียหายจากอุบัติเหตุปฏิเสธไม่ได้ว่าประกันอุบัติเหตุมีประโยชน์มากมาย แต่ก่อนตัดสินใจซื้อประกันก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม เพราะรูปแบบของกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมี 3 รูปแบบหลัก ๆประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA : Personal Accident Insurance) ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุต่าง ๆ แก่ผู้ทำประกันภัย หรือบางกรมธรรม์อาจระบุความคุ้มครองครอบคลุมไปถึงบุคคลในครอบครัวได้ด้วย เป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ส่วนตัวที่คอยปกป้องตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบไหน ตั้งแต่รถชน ตกบันได ไปจนถึงโดนแมวข่วน ประกัน PA ก็พร้อมเข้ามาช่วยเหลือ ถ้าเกิดบาดเจ็บ พิการ หรือแย่ที่สุด คือ เสียชีวิต ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ทำประกันหรือครอบครัว ช่วยให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาหรือค่าใช้จ่ายที่จะตามมา โดยประกัน PA มี 2 แบบ • แบบความคุ้มครองทั่วไป เหมาะสำหรับคนทำงานออฟฟิศ ข้าราชการ หรือใครที่ชีวิตประจำวันไม่ค่อยเสี่ยงอันตราย เบี้ยประกันก็ไม่แพง แต่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่อุบัติเหตุใหญ่อย่างรถชน ไปจนถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้นอนรักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีดบาด • แบบความคุ้มครองขั้นสูง สำหรับคนที่งานเสี่ยงสูงกว่าแบบคุ้มครองทั่วไป เช่น วิศวกร นักกีฬาผาดโผน เบี้ยประกันจะแพงขึ้น แต่ให้ความคุ้มครองสูงกว่า โดยเฉพาะถ้าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม หากเปรียบเทียบประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่มเป็นเหมือนร่มใบใหญ่ที่คลุมคนทั้งกลุ่มเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท ข้าราชการ หรือสมาชิกสมาคมต่าง ๆ ทุกคนในกลุ่มจะได้รับความคุ้มครองภายใต้ร่มเดียวกัน แต่ที่พิเศษคือ แต่ละองค์กรสามารถเลือกความคุ้มครอง และเงื่อนไขที่เหมาะกับกลุ่มของตัวเองได้ข้อดี1. ประหยัด เพราะซื้อยกกลุ่ม ราคาจึงถูกกว่าซื้อแยกทีละคน2. ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพก่อนทำประกัน3. ครอบคลุมทุกคน แม้แต่คนที่อาจมีปัญหาสุขภาพบางอย่างก็ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกัน4. สร้างขวัญกำลังใจ พนักงานรู้สึกว่าองค์กรใส่ใจดูแล ทำงานได้อุ่นใจขึ้นประกันภัยอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน นิสิต และนักศึกษา เป็นประกันที่ออกแบบมาเพื่อวัยเรียนโดยเฉพาะ เนื่องจากเด็ก ๆ ชอบวิ่งเล่น กระโดดโลดเต้น บางครั้งอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ ประกันแบบนี้เลยเข้ามาช่วยอุ่นใจทั้งเด็กและผู้ปกครอง เปรียบเสมือนมีซูเปอร์ฮีโร่คอยปกป้องลูก ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งในและนอกสถานศึกษา รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน โดยประกันจะคุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะหรือสายตา ทุพพลภาพถาวรข้อดี1. ราคาไม่แพง เทียบกับความคุ้มครองที่ได้ ถือว่าคุ้มมาก2. ครอบคลุมทั้งในและนอกโรงเรียน ไม่ว่าลูก ๆ จะอยู่ที่ไหน ก็ได้รับการดูแล3. ขั้นตอนเคลมง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารยุ่งยาก4. สบายใจทั้งครอบครัว พ่อแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหากเกิดเหตุไม่คาดฝันเรื่องควรรู้ก่อนทำประกันเริ่มต้นด้วยการดูเงินในกระเป๋าก่อน ด้วยการนำรายได้ลบรายจ่ายว่าเหลือเงินเท่าไร จากนั้นลองเติมค่าเบี้ยประกันเข้าไปแล้วดูว่าเงินเหลือหรือไม่ หากเหลือก็ถือว่าผ่านด่านแรก จากนั้นเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับปัจจัยของผู้ทำประกัน เช่น ทำงานอะไร ชอบเล่นกิจกรรมเสี่ยง ๆ แค่ไหน ไปจนถึงเงื่อนไขการจ่ายเงินทดแทนของบริษัทประกันภัย โดยเฉพาะการที่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนในกรณีที่มีอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผลกับสภาพคล่องทางการเงินด้วยตัวอย่าง สมมุติมีอาชีพเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานวันต่อวัน ถ้าหยุดงานวันเดียวก็เสียรายได้ ควรเลือกประกันที่มีเงินชดเชยรายวันถ้าต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องสำรองจ่าย และคุ้มครองการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทั่วไปก่อนจะเซ็นชื่อซื้อประกัน อย่าลืมอ่านรายละเอียดให้ถี่ถ้วน เลือกแผนที่ใช่ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณมากที่สุด เพราะไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น การมีประกันอุบัติเหตุทำให้คุณอุ่นใจลดความกังวลใจได้ ได้เตรียมรับมือเป็นอย่างดีแล้วแหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1715070
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ห้องแสดงนิทรรศการ
04/01/2025
เซ็นทรัล : ดิ ออริจินัล สโตร์ ศูนย์รวมวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ใจกลางย่านเจริญกรุง ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งคริสต์มาสและปีใหม่รูปแบบใหม่ ในงาน “CENTRAL: THE ORIGINAL STORE HOLIDAY SPECIALS 2025” ซึ่งได้เนรมิตพื้นที่ทุกชั้นของอาคารให้กลายเป็นโลกแห่งการเฉลิมฉลองสุดพิเศษ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยผ่านศิลปะ ดนตรี หนังสือ อาหาร และของขวัญที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบช่วงเวลาแห่งความสุขที่อบอุ่นและน่าจดจำ เติมเต็มไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยอย่างลงตัวงานนี้ เซ็นทรัล : ดิ ออริจินัล สโตร์ แต่งเติมพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจและเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับเทศกาลอย่างเต็มที่ ด้วยไฮไลต์ที่หลากหลาย ตลอดทั้ง 5 ชั้นของอาคาร ได้แก่ The Village of Gnomes ชั้น 1 พบ “หมู่บ้านโนมส์” ที่รวบรวมอาร์ตทอยกว่า 1,000 ชิ้น จากฝีมือศิลปินไทยชั้นนำที่ออกแบบผลงานโดยได้แรงบันดาลใจจาก “โนมส์” (Gnome) ภูติจิ๋วแห่งเทพนิยาย The Library of Joy ชั้น 2 เพลิดเพลินมายังพื้นที่แห่งความรู้และแรงบันดาลใจ ในบรรยากาศโปร่งสบายของ เดอะ โคโลฟอน รีเทล ไลบรารี่ (The Kolophon Retail Library) ห้องสมุดธุรกิจค้าปลีกแห่งแรกในกรุงเทพฯ ซึ่งรวบรวมหนังสือหลากหลายแขนง Gnome Sweet Gnome the Exhibition ชั้น 3 พบโลกแห่งศิลปะในนิทรรศการ “Gnome Sweet Gnome” ผลงานสุดพิเศษจาก 3 ศิลปินอย่าง Sibeclop, Daisies Day Dreams และ ศิริก้อย ชุตาทวีสวัสดิ์ ที่สร้างสรรค์ผลงานสุดประณีตและมีเอกลักษณ์แปลกตา Whims of Culture the Exhi bition ชั้น 4 ความลึกซึ้งของศิลปะยังคงดำเนินต่อใน “Whims of Culture” นิทรรศการที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และจิตวิญญาณ ผ่านผลงานของสองศิลปินไทย สิขเรศ ศิริไพบูลย์ และ อิทธิพล พัฒรชนม์ และ Sip the Taste of Thainess at Aksorn ชั้น 5 สัมผัสรสชาติอาหารไทยที่เปี่ยมด้วยความประณีต ณ ชั้นบนสุดของเซ็นทรัล : ดิ ออริจินัล สโตร์ ที่ร้านอักษร ร้านอาหารระดับมิชลิน 1 ดาว โดยเชฟเดวิด ทอมป์สัน ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารไทย ที่นำเสนอสำรับอาหารไทยจากตำรับโบราณในยุค 50s-70s ผ่านเมนูที่คัดสรรและปรับแต่งอย่างพิถีพิถันร่วมฉลองเทศกาลแห่งความสุขใจกลางเจริญกรุง ใน งาน “CENTRAL: THE ORIGINAL STORE HOLIDAY SPECIALS 2025” ตั้งแต่วันนี้ถึง 5 ม.ค.68 ที่เซ็นทรัล : ดิ ออริจินัล สโตร์ เปิดให้บริการวันอังคารถึงอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.แหล่งที่มาข่าวและภาพต้นฉบับต้นฉบับไทยรัฐออนไลน์https://www.thairath.co.th/lifestyle/2832948
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
18/12/2024
29/04/2024
29/04/2024
29/04/2024
30/04/2024