คลังความรู้

Everyday knowledge for you

ท่องเที่ยว

อัปเดต 9 สถานที่ทำพาสปอร์ต 2567 ในกรุงเทพ และปริมณฑล มีที่ไหนบ้าง?

14/06/2024

การทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ หรือ ใครที่พาสปอร์ตหมดอายุ ต้องการเปลี่ยนพาสปอร์ต Sanook Travel ได้รวบรวม สถานที่ทำพาสปอร์ต 2567 เฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีที่ไหนบ้าง ใครใกล้ที่ไหนสะดวกไปทำหนังสือเดินทางที่นั่นได้เลยหากต้องการทำพาสปอร์ตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเล่มแรก หรือ เล่มเก่าหมดอายุ สามารถเดินทางไปที่กรมการกงสุล สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวทั่วประเทศ โดยสามารถ Walk-in ได้เลย หรือหากบางแห่งมีผู้มาใช้บริการเยอะ สามารถจองคิวผ่านระบบออนไลน์ได้ 9 สถานที่ทำพาสปอร์ต 2567 ในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล1. กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210โทรศัพท์: Call Center 02-572-8442 หรือ 02-203-5000 กด 1 เพื่อติดต่อกรมการกงสุลอีเมล: consular05@mfa.go.th2. ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา(**เฉพาะหนังสือเดินทางราชการเท่านั้น**)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (อาคารบี ประตูฝั่งทิศตะวันออก) ชั้น 7 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210โทรศัพท์: 02-143-7680อีเมล: passportTH.official@mfa.go.th3. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ศรีนครินทร์ (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 1 โซน Cโทรศัพท์: 02-136-3800, 02-136-3802 และ 093-010-5246แฟ็กซ์: 02-136-3801อีเมล: passportTH.snk@mfa.go.th4. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว สายใต้ใหม่ - ตลิ่งชันวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนีโทรศัพท์: 02-422-3431แฟ็กซ์: 02-422-3432อีเมล: passportTH.tlc@mfa.go.th5. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว MRT คลองเตยวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: สถานีรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) คลองเตย ถนนพระราม 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. 10110โทรศัพท์: 02-024-8896, 093-010-5247แฟ็กซ์: 02-024-8897อีเมล: passportTH.mrt@mfa.go.th6. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรีวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 08.30 - 16.30 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 16.00น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าบิ๊กซี สาขาสุวินทวงศ์ 29 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. 10510โทรศัพท์: 02-024-8362-64แฟ็กซ์: 02-024-8361อีเมล: passportTH.mbr@mfa.go.th7. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันอาทิตย์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ และเสาร์ - อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดยาว)เวลาเปิดบริการ: 10.00 - 18.00 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 17.30น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ (MBK CENTER)ชั้น 5 โซน A ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯโทรศัพท์: 02-126-7612แฟ็กซ์: 02-126-7613อีเมล: passportTH.ptw@mfa.go.th8. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ธัญบุรีวันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ)เวลาเปิดบริการ: 10.00 - 18.00 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 17.30น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 3 ถนนพหลโยธิน ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานีโทรศัพท์: 02-150-9002อีเมล: passportTH.tyb@mfa.go.th9. สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่ (มี Kiosk)วันเปิดบริการ: วันจันทร์ - วันอาทิตย์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ และเสาร์ - อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดยาว)เวลาเปิดบริการ: 10.00 - 18.00 น. (ไม่หยุดพักกลางวัน / ปิดรับคิว 17.30น.)ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต ชั้น G ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ นนทบุรีโทรศัพท์: 02-194-2643อีเมล: passportTH.byi@mfa.go.thการจองทำพาสปอร์ตออนไลน์ 2567ผู้สนใจทำหนังสือเดินทางสามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.qpassport.in.th1. เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อกรอกรายละเอียดส่วนตัว2. เลือกพื้นที่บริการทำพาสปอร์ต ในประเทศ หรือ ต่างประเทศ3. เลือกประเภทการทำพาสปอร์ต สำหรับตัวเองหรือครอบครัว/ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี4. เลือกสถานที่ทำพาสปอร์ต5. เลือกวันที่ต้องการทำพาสปอร์ต (จองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30 วัน)6 เลือกเวลาที่ต้องการเข้าไปทำพาสปอร์ต7. เลือกวิธีรับพาสปอร์ตว่าจะรับด้วยตนเองหรือให้ส่งทางไปรษณีย์ภายใน 5 วันทำการค่าธรรมเนียม การทำพาสปอร์ต 2567 ราคาเท่าไหร่แบบธรรมดา  •  เล่ม 5 ปี ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท  •  เล่ม 10 ปี ค่าธรรมเนียม 1,500 บาทสถานที่ทำ  •  ทุกสำนักงานสถานที่รับ  •  กรุงเทพฯ และปริมณฑล จัดส่งไปรษณีย์ 2-3 วันทำการ  •  ต่างจังหวัด จัดส่งไปรษณีย์ 3-5 วันทำการแบบด่วนพิเศษ (รับเล่มในวันเดียวกัน)  •  เล่ม 5 ปี ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท  •  เล่ม 10 ปี ค่าธรรมเนียม 1,500 บาทสถานที่ทำ  •  ทุกสำนักงาน (ก่อน 11.00 น.)สถานที่รับ  •  กรมการกงสุลแหล่งที่มาข่าวต้นฉบบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1447947/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวทั่วไป

ทำไมพบความล้มเหลวบ้างก็เป็นเรื่องดี

13/06/2024

คาโรไลนา ม็อททรัมRole,บีบีซีเวิร์ล เซอร์วิสเราต้องมีความซื่อสัตย์และยอมรับความผิดพลาดของตัวเองให้มากขึ้น นี่เป็นคำพูดของหนึ่งในนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชั้นนำของยุคนี้อย่าง ซอล เพิร์ลมัตเตอร์เพิร์ลมัตเตอร์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2011 และเขายังได้เปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อโลก หลังจากที่งานวิจัยของเขาค้นพบว่า จักรวาลกำลังขยายตัวด้วยอัตราเร่งเขากล่าวว่า การค้นพบของเขาจะไม่เกิดขึ้น หากเขาไม่ทำผิดพลาดในงานวิจัยชิ้นก่อนหน้า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพิร์ลมัตเตอร์สนับสนุนให้ทุกคนไม่กลัวความล้มเหลวสมัยที่ยังเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกวัยหนุ่ม เพิร์ลมัตเตอร์และทีมงานของนักวิทยาศาสตร์อาวุโสคิดว่า พวกเขาใกล้จะค้นพบสิ่งยิ่งใหญ่ที่ยังไม่มีใครค้นพบมาก่อนพวกเขาตรวจพบสัญญาณที่ดูเหมือนจะตรงกับสัญญาณที่ดาวเคราะห์จะส่งออกมา และเชื่อว่าพวกเขาได้พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือของดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะเป็นครั้งแรกการค้นพบครั้งนั้นเกือบจะเป็นเรื่องใหญ่ต่อของโลกใบนี้ แต่โชคร้ายไปหน่อยที่มันไม่เป็นเช่นนั้นปรากฏว่าสัญญาณที่พวกเขาตรวจจับได้ มาจากเครื่องจักรที่อยู่ถัดจากกล้องโทรทรรศน์ที่มีความไวสูงของพวกเขา"โชคดีที่ผมยังหนุ่ม และอยู่ท่ามกลางนักวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงมาก" เพิร์ลมัตเตอร์ระลึกถึงความผิดพลาดครั้งนั้น"ผมคิดว่าเราออกมาอธิบายได้เร็วพอว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้คนไม่ถือโทษโกรธเคืองเรามากเกินไป" เขาเผยในหนังสือใหม่ของเขาชื่อ "Third Millennium Thinking: Creating Sense in a World of Nonsense" ซึ่งเขาร่วมเขียนกับนักปรัชญา จอห์น แคมป์เบล และนักจิตวิทยา โรเบิร์ต แมคเคาน์ซอล เพิร์ลมัตเตอร์ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ชี้ว่าเราทุกคนไม่ควรกลัวความล้มเหลวแม้การยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่แล้วอาจฟังดูขัดกับความรู้สึก แต่เพิร์ลมัตเตอร์ต้องการท้าทายความหมายเชิงลบเกี่ยวกับความล้มเหลว โดยบอกว่ามันช่วยปรับปรุงผลงานของเขาในระยะยาว"ผู้คนมักรู้สึกอายมากที่จะบอกว่าตัวเองทำผิดพลาด" เพิร์ลมัตเตอร์บอกกับบีบีซี "ผมหวังว่าเราทุกคนจะสามารถหาช่วงเวลาแบบนั้นได้ ผมคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก" เขากล่าว โดยชี้ว่าการยอมรับข้อผิดพลาดทำให้เขา "รอบคอบมากขึ้นในภายหลัง"ในงานวิจัยชิ้นต่อมา ตอนแรกเขาคาดว่าจะค้นพบอัตราการขยายตัวของจักรวาลที่ช้าลง แต่เขากลับค้นพบสิ่งที่ตรงกันข้ามในปี 1998 หลังจากการวิจัยอย่างละเอียดและถี่ถ้วน ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่ามีพลังงานลึกลับที่เรียกว่า "พลังงานมืด" (dark energy) เป็นตัวขับเคลื่อนการเร่งตัวเพิร์ลมัตเตอร์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2011 สำหรับการค้นพบนี้ ร่วมกับนักดาราศาสตร์อีกสองคนคือ ไบรอัน ชมิดท์ และ อดัม รีสส์"สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ทำ ผมคิดว่าคือ การมองหาข้อผิดพลาดของตัวเอง" เพิร์ลมัตเตอร์กล่าวกับองค์กร Nobel Prize Outreach"พวกเราแค่จะออกไปวัดอะไรสักอย่าง และการวัดนั้นยาก คุณใช้เวลามากมายในการพยายามคิดว่า: 'สิ่งที่ฉันทำวันนี้ถูกต้องหรือไม่ ?'" เขากล่าวเสริมสำหรับเพิร์ลมัตเตอร์แล้ว มันไม่ใช่แค่การยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองเท่านั้น เขามีภารกิจที่กว้างไกลกว่านั้นในการนำวิทยาศาสตร์และการคิดวิเคราะห์ไปสู่คนทั่วไปเขาอธิบายว่าเขาเริ่มตั้งคำถามว่า เหตุใดการตัดสินใจที่ง่ายและปฏิบัติได้จริง จึงถูกโต้แย้งในฐานะประเด็นทางอารมณ์หรือความขัดแย้งทางการเมือง มากกว่าการพิจารณาอย่างมีเหตุผล"มันดูเหมือนเป็นการต่อกันไม่ติด" เพิร์ลมัตเตอร์กล่าว "ผมสังเกตว่า ในบทสนทนาที่โต๊ะอาหารกลางวันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ พวกเขาใช้ชุดเครื่องมือทางความคิดที่แตกต่างไปจากคนทั่วไปโดยสิ้นเชิง"เพิร์ลมัตเตอร์กล่าวว่า เขาต้องการแก้ไขปัญหานี้ และได้ดำเนินการผ่านหนังสือของเขาและหลักสูตรที่เขาพัฒนาขึ้นร่วมกับองค์กร Nobel Prize Outreach ที่มหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาเพิร์ลมัตเตอร์ต้องการส่งมอบพลังให้คนทั่วไป ผ่านการมอบเครื่องมือที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆแก้ปัญหาอย่างนักวิทยาศาสตร์หัวข้อหนึ่งที่เพิร์ลมัตเตอร์พูดถึงคือ การรู้ว่าจะไว้ใจผู้เชี่ยวชาญคนไหน ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย เราจะเลือกฟังใครดี ?เขาบอกว่าไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด หรือถูกต้องตลอดเวลา แต่ทุกคนสามารถเข้าใกล้สิ่งที่เพิร์ลมัตเตอร์เรียกว่า "การทดสอบความถูกต้อง 100%"ได้ การทดสอบความถูกต้องนี้ ในโลกวิทยาศาสตร์หมายถึงการระบุระดับความมั่นใจตัวอย่างเช่น ถ้าหมอบอกว่าคุณเป็นเนื้องอกในสมอง เพิร์ลมัตเตอร์แนะนำว่า แทนที่จะเชื่อโดยไม่คิด เราควรพิจารณาสถานการณ์เหมือนนักวิทยาศาสตร์ โดยถามหมอว่า พวกเขามั่นใจแค่ไหนเกี่ยวกับการวินิจฉัย อาจจะถามเป็นเปอร์เซ็นต์ด้วยวิธีนี้อาจฟังดูง่าย แต่ถ้าหมอบอกว่ามั่นใจ 99% เทียบกับ 5% มันอาจส่งผลต่างกันอย่างมากกับสิ่งที่คุณจะทำต่อไปเพิร์ลมัตเตอร์บอกว่า คนเรามีแนวโน้มที่จะมั่นใจในตัวเองมากเกินไป ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญที่ประเมินความรู้ของตัวเองอย่างสมจริง ดูเหมือนเป็นคนที่ควรเชื่อถือการคิดแบบนักวิทยาศาสตร์อาจเป็นประโยชน์ในกรณีของหมอที่เราหยิบยกมาเป็นตัวอย่าง หรือแม้กระทั่งตอนที่นายหน้าแนะนำผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่ดีที่สุด เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตลาดปัจจุบัน ทว่าเพิร์ลมัตเตอร์แนะนำว่า บทสนทนาประเภทนี้อาจเป็นประโยชน์ในทางการเมืองด้วยเขาโต้แย้งว่า นโยบายสาธารณะควรมีคำเตือนว่า มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก"ถ้าคุณคิดแผนสำหรับระบบดูแลสุขภาพ มันอาจจะมีปัญหา คุณจำเป็นต้องสร้างกลไกการติดตาม ทดลองดำเนินการ ดูว่าอะไรผิดพลาด อะไรถูกต้อง แล้วลองปรับปรุงใหม่""เราอยากเห็นโลกที่การโต้เถียงทางการเมืองทั้งหมดใช้ภาษาแบบนี้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่ามีพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และปรับตัว แต่แน่นอนว่า มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คนทั่วไปพูดว่า 'อ๋อ นี่แหละคือคนที่ฉันจะลงคะแนนเลือก' อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้" เพิร์ลมัตเตอร์และผู้เขียนร่วมยอมรับในหนังสือเขาทิ้งท้ายว่า ถ้าเราในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม การปฏิบัติต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น เราจะยอมรับความผิดพลาดของผู้อื่นได้ดีขึ้น เขาเชื่อว่าจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรที่เป็นความผิดพลาด แต่มันเป็นโอกาสในการเรียนรู้ หรืออย่างที่เขาพูดว่า "มันไม่ใช่ความล้มเหลว แต่มันคือกระบวนการ"รายงานชิ้นนี้ทีมงานบีบีซีผลิตร่วมกับองค์กร Nobel Prize Outreachแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับบีบีซีไทยhttps://www.bbc.com/thai/articles/c8880ng9d24o

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ห้องแสดงนิทรรศการ

กรกฤต อรุณานนท์ชัย งาน nostalgia for unity ที่บางกอก คุนส์ฮาเลอ พูดถึงอะไร

13/06/2024

  •  บางกอก คุนส์ฮาเลอ (Bangkok Kunsthalle) ชวนสำรวจความคิดผ่านนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย nostalgia for unity ผลงานของ กรกฤต อรุณานนท์ชัย  •  nostalgia for unity พูดถึงความเสื่อมสลายและการเกิดใหม่, การทับซ้อนของจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด, สื่อถึง “สิ่งไร้ตัวตน” ที่สิงอยู่ผลงาน, เป็นทั้งภาพยนตร์ที่ไร้รูปภาพ  •  “สำหรับผมแค่จะโชว์งานความมืดก็ไม่เคยทำ เพราะส่วนตัวกลัวความมืด งานนี้ช่วยให้ผมเจอความกลัวของตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว” กรกฤต อรุณานนท์ชัย อายุ 38 ปี ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติบางกอก คุนส์ฮาเลอ (Bangkok Kunsthalle) พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะใจกลางเยาวราช ชวนสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการรับชมงานศิลปะ ด้วยนิทรรศการใหม่ล่าสุดของ กรกฤต อรุณานนท์ชัย ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในวัย 38 ปี กับนิทรรศการศิลปะที่มีชื่อว่า nostalgia for unity นิทรรศการลำดับที่สองของแกลลอรีแห่งนี้นิทรรศการ nostalgia for unity เผยให้เห็นจุดเปลี่ยนของแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานของ กรกฤต อรุณานนท์ชัย เขาใช้สิ่งที่เรียกว่า พื้นที่เว้นว่าง (Negative Space) เป็นสื่อสำคัญของการจัดนิทรรศการในครั้งนี้รวมกับแรงบันดาลใจจากประวัติความเป็นมาของสถานที่ตั้ง Bangkok Kunsthalle ซึ่งเดิมก็คือ อาคารไทยวัฒนาพานิช โรงพิมพ์หนังสือแบบเรียนของไทย กับเหตุการณ์เพลิงไหม้สถานที่แห่งนี้เมื่อพ.ศ.2543นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย nostalgia for unityผู้อ่านท่านใดเคยเข้าไปชมงาน nostalgia for unity จะพบว่าตัวเองอยู่ในห้องขนาดใหญ่ราวโกดัง ภายในเวิ้งว้าง ไม่มีภาพวาดใดๆ เหมือนเดินเข้าไปในห้องเปล่าๆ ขนาดมหึมาแต่มี 'เสียง' ที่ศิลปินเก็บมาจากต่างสถานที่และสร้างขึ้นใหม่ให้ได้ยิน มี 'แสงสว่าง' จากโคมไฟ พื้นห้องสีดำและเต็มไปด้วยรอยแตก ขอบนอกของพื้นห้องมีตัวอักษรสร้างหัวใจใหม่ให้กับร่างยักษ์ใครยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่างานศิลปะชิ้นนี้เกี่ยวกับอะไร กรกฤตให้สัมภาษณ์เบื้องต้นว่า สถาปัตยกรรมแห่งนี้ หรือ ‘อาคารไทยวัฒนาพานิช’ เปรียบเสมือนร่างยักษ์ที่กำลังสลายไปตามกาลเวลา เขาจึงสร้าง ‘หัวใจ’ ดวงใหม่ให้ร่างยักษ์ร่างนี้โดยสร้างหัวใจจากเถ้าถ่านที่หลงเหลืออยู่ภายในอาคารจากเหตุเพลิงไหม้ ก่อให้เห็นมวลที่มีลักษณะคล้ายเวที ขอบเวทียังประกอบด้วยการปั้นนูนเป็นตัวอักษรจากบทสวด งานศิลปะชิ้นนี้สร้างขึ้นมาเหมือนสร้างภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งกรกฤต อรุณานนท์ชัย“งานของผมมองเรื่อง ‘วิญญาณนิยม’ สิ่งที่เราคุ้นชินกันอยู่ และใส่ ‘จินตนาการ’ ของแต่ละคนเข้าไป ผมมองว่าพื้นที่ที่ผมมีโอกาสมาจัดแสดงงานศิลปะครั้งนี้คือ บางกอก คุนส์ฮาเลอ พื้นที่แสดงงานศิลปะที่สร้างขึ้นมาจากพื้นดินจากสิ่งที่ตายแล้ว (คือตึกไทยวัฒนาพานิชซึ่งถูกทิ้งร้างและไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเดิมแล้ว) ตึกนี้มีความเป็นงานศิลปะในตัวอยู่แล้ว ผมมองตึกนี้เป็นยักษ์ที่ล้มลง ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ รวมกับเรื่องราวของนกฟีนิกซ์สิ่งที่ไม่มีวันตาย มีพลังงานมากพอก็ลุกขึ้นเป็นไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง พอหมดไฟก็กลับสู่พื้นดิน เป็นความเสื่อมสลายและการเกิดใหม่ และการทับซ้อนของจุดเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุดห้องที่ทุกคนได้เห็น หรืองานศิลปะครั้งนี้ เหมือนหัวใจของยักษ์ ทำอย่างไรให้หัวใจนี้เต้นขึ้นใหม่ เป็นสิ่งที่เราอยากจะทำ” กรกฤต กล่าวพื้นห้องของ nostalgia for unity (มีบริการถุงสวมรองเท้าก่อนเข้าชมนิทรรศการ)‘พื้นห้อง’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะครั้งนี้ สร้างขึ้นใหม่จากการนำโครงสร้างตึกที่ถูกไฟไหม้มาบดเป็นผง ผสมกับสีทาบ้านสีดำ เคลือบด้วยซีเมนต์ให้มีความมันวาว ปูเป็นพื้นให้มีลักษณะของรอยแตกระแหงทั่วทั้งพื้นห้องขนาด 280 ตารางเมตร ผู้เข้าชมนิทรรศการฯ สามารถเดินไปได้ทั่วพื้นห้องแห่งนี้กรกฤตกล่าวถึงความหมายของงานศิลปะส่วนพื้นห้องว่า “อาจเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเรา พอตายก็กลายเป็นพลังงาน เป็นดิน เป็นพื้นให้คนรุ่นต่อไปได้ยืนอยู่”บรรยากาศการเข้าชม nostalgia for unityถามว่า ผู้เข้าชมนิทรรศการฯ จะมีส่วนร่วมกับงานศิลปะ nostalgia for unityในลักษณะใดได้บ้าง กรกฤต ตอบว่า“ผู้เข้าชมนิทรรศการจะสร้างสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรรมชาติ เพราะห้องนี้ว่างเปล่า สิ่งต่างๆ รอบเราไม่มีตัวตน พอคุณเข้าไปอยู่ในห้องนี้ สิ่งที่มีตัวตนมากที่สุด สิ่งที่สร้างอิมเมจหรือพอสซิทีฟสเปซมากที่สุด คือตัวคนทุกคนที่เข้ามาเป็นนักแสดง เป็นส่วนร่วมของงาน เป็นส่วนที่สร้างองค์ประกอบในงานมากกว่าตัวงานด้วยซ้ำ ผมยืนอยู่ข้างบน มองทุกคนเดินไปเดินมา งานก็เปลี่ยนไปมากสำหรับผม เพราะแต่ละคนก็เดินก็มองไปตามจุดที่ต่างกัน”นี่เองคือความหมายที่ศิลปินกล่าวว่า ‘พื้นห้อง’ เปรียบเสมือนเวที ขณะที่ ‘บทสวด’ เปรียบเหมือนบทภาพยนตร์อากัปกิริยาของผู้เข้าชม nostalgia for unity“ผมมองว่าการสวดมนต์ การอ่าน คือบทที่ช่วยนำแนวทางความคิดของเรา ทุกคนมีบทๆ หนึ่งให้อ่านร่วมกัน แล้วแต่ว่าจะเดินอ่านตัวอักษรยังไง ทุกคนมีพื้นๆ เดียวกันให้เดิน เดินกลับไปกลับมาคล้ายการเดินจงกรม เดินย้อนศร แค่ยืนอยู่ นั่งลง จะเต้น จะทำอะไรก็ได้แล้วแต่คุณ”ด้วยเหตุนี้ nostalgia for unity จึงเปรียบเสมือนภาพยนตร์ที่ไม่มีรูปภาพตามที่ศิลปินกล่าว จนกว่าจะมีผู้เข้าชมนิทรรศการนั่นเองกรกฤต อรุณานนท์ชัย เดินบันทึกภาพเคลื่อนไหวเมื่อมีผู้เข้าชม nostalgia for unityกรกฤตกล่าวด้วยว่า โลกยุคดิจิทัลมีแต่ผู้คนนำเสนอ ‘ภาพลักษณ์’ ออกมาให้กันและกันดูผ่านโซเชียลมีเดีย มีโฆษณา มีเสียงที่เอาแต่บอกว่าเราต้องทำอะไรต้องคิดยังไง“การเป็นศิลปิน ผมจะเอาภาพให้คุณดู เอาหนังให้คุณดู สิ่งที่ผมคิดอยากให้เป็นของขวัญครั้งนี้คือ Negative Space คือ ‘ความว่างเปล่า’เพราะฉะนั้นงานศิลปะชิ้นนี้ ผมสร้างขึ้นมาเหมือนหนังเรื่องหนึ่ง แต่ไม่มีรูปภาพ เป็นหนังที่เชิญให้คนดูมาแสดงความทรงจำ ความฝัน เอาภาพเหล่านี้ของคุณออกมาแสดงในพื้นที่นี้”nostalgia for unityเนื่องจากนิทรรศการ nostalgia for unity จัดแสดงภายในพื้นที่ที่มีแสงธรรมชาติส่องถึง แสงสว่างตามธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา รวมทั้งจำนวนผู้เข้าชมในช่วงเวลานั้นๆ ยังสร้างบรรยากาศให้ nostalgia for unity แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาของวัน เป็นความสนุก ความตื่นเต้น และความรู้สึกอื่นๆ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความทรงจำของแต่ละคนศิลปินบอกว่า ช่วงเวลาที่เขาชอบที่สุดคือ 19.00-20.00 น. “มีบางจุดในงานที่เราได้อยู่กับความมืดจริงๆ สำหรับผมแค่จะโชว์งานความมืดก็ไม่เคยทำ เพราะส่วนตัวกลัวความมืด งานนี้ช่วยให้ผมเจอความกลัวของตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว เจอความว่างเปล่า แต่ถ้าคุณดูงานนี้ร่วมกับคน 10-20 คน ก็จะได้รับอีกความรู้สึก”กรกฤต อรุณานนท์ชัย เกิดที่กรุงเทพฯ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านภาพพิมพ์และจิตรกรรม (BFA) จาก Rhode Island School of Design ในปี พ.ศ.2552 และปริญญาโทสาขาวิจิตรศิลป์ (MFA) จากมหาวิทยาลัย Columbia University ในปี พ.ศ.2555 ปัจจุบันพำนักและทำงานศิลปะอยู่ที่กรุงเทพฯ และนิวยอร์กกรกฤตมักสร้างสรรค์ผลงานจากการสำรวจประเด็นที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวในสังคม ทั้งประเด็นด้านความเชื่อ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ปรัชญาเกี่ยวกับเวลาและชีวิตพัฒนาผลงานศิลปะที่หลากหลาย เช่น งานจิตรกรรม ภาพเคลื่อนไหว ศิลปะภาพถ่าย ศิลปะจัดวาง และศิลปะการแสดง (Performance Art)เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงมหกรรมศิลปะร่วมสมัย Thailand Biennale จังหวัดเชียงราย พ.ศ.2566ล่าสุดกับนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย nostalgia for unity จัดแสดงที่ บางกอก คุนส์ฮาเลอ (Bangkok Kunsthalle) ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-31 ต.ค.2567 เปิดให้เข้าชมฟรี ระหว่างเวลา 14.00 – 20.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และวันอังคาร)  •  เดินทาง MRT สถานีหัวลำโพง ทางออก 2 เดินข้ามสะพานคลองผดุงกรุงเกษม เดินข้ามถนนกรุงเกษม เดินเข้าซอยพันธ์จิตต์ เดิน 450 เมตร ใช้เวลาประมาณ 6 นาที  •  จอดรถยนต์ส่วนตัวได้ที่ลานจอดรถสถานีรถไฟหัวลำโพง  •  จอดรถยนต์ส่วนตัวได้ที่ Gorilla Parking เดิน 100 เมตรแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับกรุงเทพธุรกิจhttps://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/art-living/1131171

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันชีวิต

เอไอเอ ประเทศไทย มอบเงินสนับสนุน KKU Volleyball Academy จำนวน 1.5 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

13/06/2024

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมลงนามความร่วมมือการสนับสนุนโครงการ KKU Volleyball Academy กับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นำโดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเสรณี (กลาง) นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ. นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล (ที่ 3 จากขวา) อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ. เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และ รศ. ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี พร้อมมอบเงินทุนสนับสนุนจำนวน 1.5 ล้านบาท เพื่อมุ่งส่งเสริมสนับสนุนนักเรียน-นักศึกษาหญิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีความชื่นชอบและมีความสามารถด้านกีฬาวอลเลย์บอล ให้มีโอกาสฝึกซ้อมกีฬาด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการกีฬาของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะ และเพิ่มขีดศักยภาพให้สูงขึ้นจนสามารถต่อยอดก้าวสู่การเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมืออาชีพทั้งในระดับชาติและระดับโลกในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของเอไอเอในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมไทย ตลอดจนสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยมีนายกฤช ธีรสุข ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต ภูมิภาค 4 และนายนครินทร์ ทองเฟื่อง ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เขต 15 เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ ณ ห้องรับขวัญ โรงแรมบายาสิตา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

เช็คอินย่านเที่ยว “อิสตันบูล” เมืองสวย วิวดี คนรักการถ่ายรูปห้ามพลาด

13/06/2024

ใครรักการถ่ายรูป หรืออยากได้รูปสวยๆ ห้ามพลาด “อิสตันบูล” กับจุดเช็คอินไฮไลต์ ไปเดินชิลๆ ชมวิว แวะถ่ายรูประหว่างทาง รับรองว่าจะต้องตกหลุมรักเมืองสวยแห่งนี้แม้ว่า “อิสตันบูล” จะไม่ใช่เมืองหลวงของตุรกี (ทูร์เคีย) แต่กลับเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมเมืองนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของตุรกี (ก่อนจะเปลี่ยนเมืองหลวงเป็น “กรุงอังการา” ในปี ค.ศ.1923) เป็นหนึ่งในเมืองไม่กี่แห่งในโลกที่มีพื้นที่ตั้งครอบคลุมอยู่ระหว่างทวีป คือ ทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย กั้นกลางด้วยผืนน้ำสีครามของทะเลมาร์มาราเดินถ่ายรูปตามตึกสวยๆวิวสวยของอิสตันบูลและด้วยความที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ผ่านแต่ละยุคสมัยจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้สถาปัตยกรรมในอิสตันบูลมีการผสมผสานอย่างหลากหลาย ทั้งความงดงามในแบบดั้งเดิม และความสวยงามทันสมัย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปยอดนิยมของคนจากทั่วโลกสำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูป รับรองว่าจะต้องติดใจอิสตันบูล เพราะไม่ว่าในมุมไหนของเมืองก็ถ่ายรูปสวยๆ ได้ ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหนก่อน ขอแนะนำเส้นทางจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยที่ “อิสตันบูล” ที่เริ่มต้นจากจัตุรัสใจกลางเมือง แล้วเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เที่ยวสนุกกันได้ทั้งวันเดินเที่ยวในบรรยากาศดีๆGalata tower“หอคอยกาลาตา” ถือว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของอิสตันบูลที่นักท่องเที่ยวจะต้องไปเยือน หอคอยหินสไตล์โรมันแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1384 แทนที่หอคอยเก่า เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกที่จะรุหรานเข้ามาทางทะเล ความสูงของหอคอยประมาณ 67 เมตร ภายในมี 9 ชั้น โดยที่ชั้นที่ 7-9 มีหน้าต่างที่สามารถมองออกไปชมวิวด้านนอกได้ ซึ่งชั้นบนนี้จะมีร้านอาหารและคาเฟ่ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเมืองอิสตันบูลและทะเลมาร์มารา (ปัจจุบันกำลังมีการปรับปรุงหอคอย จึงไม่เปิดให้ขึ้นชมด้านบน – ข้อมูลเดือน พ.ค.67)สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งบริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปกันตลอดทั้งวัน ใครที่อยากได้รูปสวยๆ นักท่องเที่ยวน้อยๆ แนะนำให้รีบมาตั้งแต่เช้า ถ่ายรูปเสร็จแล้วแวะพักนั่งคาเฟ่ จิบเตอร์กิชคอฟฟี่และเตอร์กิชที ชมวิวหอคอยแบบชิลๆGalata towerGalata towerแวะนั่งคาเฟ่ชมวิวหอคอยGalata tower หนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองTaksim Square“จัตุรัสทักซิม” เป็นย่านรวมที่ชอปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงสุดคึกคัก เรียกว่าใครมาอิสตันบูลแล้วไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง บริเวณจัตุรัสทักซิม เริ่มตั้งแต่ Republic Monument ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์การก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี ในปี ค.ศ.1923ถนนที่อยู่ติดกับอนุสาวรีย์ ชื่อว่า ถนน Istiklal เป็นถนนสายหลักของเมือง ขนาบข้างด้วยอาคารในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าที่มีสาขาทั่วโลก โรงภาพยนตร์ ไปจนถึงคาเฟ่ นอกจากนี้ตามตรอกซอกซอยของถนนยังมีบาร์ ร้านขายของโบราณ ไปจนถึงร้านอาหารบนดาดฟ้าและสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากซื้อหาของฝาก บนถนนสายนี้ก็มีของฝากขึ้นชื่อจากตุรกีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมบัคลาวา ขนมหวานของตุรกี หรือที่เรียกรวมๆ ว่า เตอร์กิช ดีไลต์ ถั่วต่างๆ โคมไฟสวยๆ กาต้มชา เป็นต้นTaksim Squareอนุสาวรีย์การก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีถนน Istiklalถนน Istiklalขนมหวานของตุรกี มีให้เลือกซื้อมากมายNostalgic Tram Line“Nostalgic Tram Line” เป็นรถรางโบราณที่วิ่งในระยะทางสั้นๆ ราว 1.7 กิโลเมตร วิ่งไป-กลับบนถนน Istiklal ถนนชอปปิ้งชื่อดังในย่าน Taksim คนท้องถิ่นรู้จักกันในชื่อ Taksim-Tünel Nostalgia Tramway หรือรถรางสาย T2 เอกลักษณ์ของรถรางสายนี้คือตัวรถรูปทรงโบราณสีแดง ที่ให้บริการเพียงหนึ่งขบวนสั้นๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปช่วงทศวรรษที่ 50-60 เพราะนอกจากตัวรถจะเป็นรถรางโบราณแล้ว สองข้างทางก็ยังเป็นตึกสวยๆ สถาปัตยกรรมในยุคเก่าอีกด้วยใครอยากลองขึ้นรถรางโบราณสายสั้นๆ นี้ สามารถขึ้นได้ที่ต้นทางหรือปลายทาง แต่อาจจะต้องแย่งชิงพื้นที่กันสักหน่อย เพราะนักท่องเที่ยวที่มาย่านนี้ต่างก็อยากลองนั่งกันดูสักครั้ง และหากว่าอยากถ่ายรูปคู่กับรถรางโบราณสีแดงขบวนนี้ แนะนำช่วงเช้าๆ เพราะมีนักท่องเที่ยวไม่มาก จะถ่ายรูปได้สะดวกกว่าNostalgic Tram LineNostalgic Tram LineCukurcuma“Cukurcuma” เป็นย่านชิลๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสทักซิม เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านนั่งชิล ช่วงเย็นๆ หรือวันหยุด จะมีผู้คนแวะเวียนมาย่านนี้กันคึกคัก ส่วนร้านค้าต่างๆ ก็นับว่ามีเสน่ห์ ชวนให้แวะเข้าไปชมอย่างยิ่ง บางจุดเป็นย่านร้านขายของเก่า เสื้อผ้า และสินค้าวินเทจ มีแกลลอรีจัดแสดงงานศิลปะ พิพิธภัณฑ์ สปา และโรงอาบน้ำแบบดั้งเดิมของตุรกีย่าน Cukurcumaย่าน Cukurcumaย่าน Cukurcumaย่าน CukurcumaGalata Bridge“สะพานกาลาตา” ถือว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และการค้า เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อการค้าขายมาตั้งแต่สมัยโบราณ กระทั่งในปัจจุบัน ก็ยังเป็นสะพานหลักๆ ในการสัญจรทางบกและทางน้ำ รวมถึงยังเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของอิสตันบูล ซึ่งภาพที่คุ้นเคยก็คือการมีผู้คนมายืนตกปลาอยู่บนสะพาน จนกลายเป็นอีกภาพจำของอิสตันบูลไปแล้วบริเวณบนสะพาน ก็ถือเป็นอีกจุดชมวิวเมืองอิสตันบูลที่สวยไม่แพ้ที่อื่น สามารถมองเห็นเมืองทั้งสองฝั่งที่คั่นกลางด้วยทะเลมาร์มารา มองเห็นทั้งหอคอยกาลาตาอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ รวมถึงมัสยิด Yeni Cami กับ มัสยิด Suleymaniye สุดวิจิตรที่ตระหง่านงามอยู่ฝั่งตรงข้ามบริเวณเชิงสะพานทั้งสองฝั่งเป็นท่าเรือสำหรับการล่องเรือท่องเที่ยว มีโปรแกรมยอดนิยม คือ การล่องเรือไปตามช่องแคบบอสฟอรัส ผืนน้ำที่คั่นกลางทวีปยุโรป-เอเชีย นอกจากนี้ บริเวณใต้สะพานก็ยังเป็นที่ตั้งร้านอาหารทะเลหลากหลายร้าน ให้นั่งชิมเมนูเด่นของย่านนี้ ไปพร้อมๆ กับการชมวิวGalata BridgeGalata Bridgeวิวสวยยามค่ำจากบนสะพานGrand Bazaar“Grand Bazaar” เป็นหนึ่งในตลาดในร่มขนาดใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน เพื่อให้เป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าในเส้นทางสายไหม จากกรุงคอนสแตนติโนเปิล (ชื่อเก่าของอิสตันบูล) ไปยังประเทศจีน โดยในภายหลัง ผ่านการเปลี่ยนแปลง และมีวิวัฒนาการมาหลายครั้งจนกระทั่งถึงปัจจุบันพื้นที่ตลาดมีความกว้างใหญ่มาก มีทางเข้าออกกว่า 20 ทาง และร้านค้ากว่า 3,000 ร้าน โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ สินค้าที่ขายก็มีตั้งแต่พรมเปอร์เซีย กระเบื้องลายอิซนิก เครื่องเทศ ชา กาแฟ ถั่ว เตอร์กิชดีไลต์ เครื่องทองเหลือง เสื้อผ้า งานหัตถกรรมต่างๆ เป็นต้นส่วนบริเวณใกล้กันก็เป็น “Spice Market” หรือตลาดเครื่องเทศ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งในยุคนั้นอียิปต์เป็นเพียงหนึ่งจังหวัดของจักรวรรดิออตโตมัน และยังต้องจ่ายภาษีให้กับออตโตมัน ทำให้อียิปต์ต้องสร้างตลาดนี้ขึ้นมา ตลาดนี้จึงมีอีกชื่อเรียกว่า Egyptian Bazaar ซึ่งปัจจุบันที่ตลาดเครื่องเทศ นอกจากจะมีเครื่องเทศต่างๆ ก็ยังมีสมุนไพร ชา กาแฟ ถั่ว ผลไม้อบแห้ง และของฝากอื่นๆ ด้วยทางเข้า Grand BazaarGrand BazaarSpice Marketเครื่องเทศสีสันสวยงามถั่วละผลไม้อบแห้งชาแบบต่างๆแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000049511

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวทั่วไป

เพราะอะไร? คนเชื่อมั่นในตัวเองถึงมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากว่าคนอื่น

12/06/2024

“ความสำเร็จ” เป็นเส้นทางมุ่งหวังที่ใครหลายคนอยากจะทำให้ได้สักครั้งกับเรื่องราวที่ตั้งเป้าหมายไว้ในชีวิต เพราะมันคือความคุ้มค่ากับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความพยายามองค์ประกอบพื้นฐานประการหนึ่ง และมักถูกประเมินต่ำเกินไป นั่นคือ “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” เพราะเป็นคำที่ถูกพูดบ่อยมากจนเบื่อหู และมองว่าหากมั่นใจมากจนเกินไปจะกลายเป็นการหลงตัวเองไปในที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่า “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาแล้วมากมายเราจะมาหาคำตอบกัน เพราะเหตุใด “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” ถึงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ และคุณจะมีวิธีปลูกฝังกรอบความคิดที่สำคัญนี้ได้อย่างไรต้องบอกก่อนว่าชีวิตเต็มไปด้วยความท้าทาย, อุปสรรค และความพ่ายแพ้ หากปราศจากความเชื่อมั่นในตัวเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นดูจะผ่านไปได้ยาก เพราะเรายอมแพ้ไปแล้ว ในทางกลับกัน การเชื่อมั่นในตัวเองจะสร้างความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจที่พร้อมเผชิญเรื่องราวที่อยู่ข้างหน้า เมื่อคุณเชื่อมั่นในความสามารถ คุณก็สามารถหาแนวทางแก้ปัญหา และอดทนกับช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้นอกจากนี้ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณออกจาก comfort zone ไม่ว่าจะเป็น การเริ่มต้นธุรกิจ, การหาอาชีพใหม่ ๆ, การจัดการกับเป้าหมายส่วนตัว โดยความเชื่อมั่นในตนเองจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญ เพราะเมื่อคุณมีสิ่งนี้คุณก็จะมีโอกาสมากขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จได้อีกทั้ง ความเชื่อมั่นในตนเองจะเป็นเกราะป้องกันความสงสัยในตนเอง และความกลัวที่จะล้มเหลว ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้คุณสามารถฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ และเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณ โดยคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมักจะมองความล้มเหลวเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่ามากกว่าที่จะมองว่าเป็นความล้มเหลว ที่เป็นตัวบ่งชี้คุณค่าของคุณ เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในระยะยาว เพราะความพ่ายแพ้เป็นส่วนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สุดท้ายความเชื่อมั่นยังเป็นแม่เหล็ก เมื่อคุณเชื่อมั่นในตัวเอง คุณแสดงความรู้สึกถึงความสามารถ และดึงดูดโอกาสด้านบวกเข้ามา รวมถึงการสนับสนุนจากผู้อื่น เพราะคนมีแนวโน้มที่จะลงทุน และร่วมมือกับผู้ที่แสดงความมั่นใจในตนเองมากกว่าทำงานร่วมกับคนที่ขาดความมั่นใจเห็นข้อดีแบบนี้แล้ว ต่อมาเราควรมาปลูกฝังความเชื่อมั่นในตัวเองว่าต้องทำอย่างไร- การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้คุณรู้ถึงวัตถุประสงค์ และทิศทาง เมื่อคุณรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะบรรลุเป้าหมาย- ให้ความสำคัญกับอินเนอร์ตัวเอง แทนที่การพูดคุยเชิงลบกับตัวเอง เปลี่ยนเป็นความคิดเชิงบวกที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง- รับรู้ และฉลองความสำเร็จของคุณ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ความสำเร็จแต่ละครั้งจะสร้างความเชื่อมั่น และตอกย้ำความสำเร็จให้กับคุณเอง- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนสนับสนุน และยกระดับคุณ สวนทางกับอิทธิพลเชิงลบที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของคุณเอง- ลงทุนในการพัฒนาตัวเอง และเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการเพิ่มพูนความรู้ และทักษะจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ทำให้คุณรู้สึกมีความสามารถมากขึ้นที่มา: linkedinแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ smartsmehttps://www.smartsme.co.th/content/252211

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ประกันภัย

ซื้อรถมือสอง เลือกประกันอย่างไรให้เหมาะกับรถ

30/08/2024

ผู้ใช้รถหลายคนทราบกันดีว่า เมื่อออกรถใหม่ป้ายแดง ประกันภัยชั้น 1 เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นกรณีรถมือสองล่ะ ไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องทำประกันประเภทไหนดี แบบนี้จะเลือกทำประกันรถอย่างไรดีให้ตอบโจทย์การใช้งาน วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ ในการเลือกประกันสำหรับรถมือสองมาฝากกัน รถมือสองอายุ 1-5 ปีหากเป็นการซื้อรถมือสอง ที่มีอายุการใช้งานเพียง 1-5 ปี ที่ต้องบอกว่าสภาพนั้นไม่ต่างกับรถใหม่ป้ายแดง มูลค่าของตัวรถนั้นยังคงสูงอยู่มาก การเลือกทำประกันชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองในการเฉี่ยวชนแบบมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี รวมไปถึงอุบัติเหตุรถหาย ไฟไหม้ โดนน้ำท่วมต่างๆ จึงตอบโจทย์การคุ้มครองการใช้งานมากที่สุดรถมือสองอายุ 5-7 ปีถัดมาที่รถมือสองอายุ 5-7 ปีกันบ้าง ส่วนใหญ่คนที่ซื้อรถอายุขนาดนี้มาใช้งาน จะต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องรถระดับหนึ่ง และต้องมีประสบการณ์ในการขับรถมาพอสมควร การเลือกทำประกันชั้น 2+ ที่ได้รับความคุ้มครองเหมือนกับประกันชั้น 1 เกือบทั้งหมด ยกเว้นการเฉี่ยวชนแบบไม่มีคู่กรณี จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะจะได้รับความคุ้มครองแบบครบจบ แต่มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่านั่นเองรถมือสองอายุมากกว่า 7 ปีแต่ถ้าเป็นการซื้อรถมือสองที่อายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป ที่เรียกว่ามีอายุเก่าขึ้นมาหน่อย และมูลค่าตัวรถอาจจะไม่ได้สูงมากนัก ค่าเบี้ยประกันอาจเป็นปัจจัยหลักของคนใช้รถกลุ่มนี้ ประกันชั้น 3+ ที่ให้ความคุ้มครองทั้งรถผู้ทำประกัน และรถของคู่กรณีจากการเฉี่ยวชน แต่ตัดความคุ้มครองด้านภัยธรรมชาติออก ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน แต่หากอยากได้ค่าเบี้ยประกันที่ถูกลงกว่าเดิมมากๆ และเป็นคนที่มีที่จอดรถเป็นที่ทางอยู่แล้ว การเลือกทำประกันชั้น 3 ที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะรถคู่กรณี ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกันเช่นกันการเลือกทำประกันสำหรับรถมือสอง ต้องบอกว่าไม่มีถูกผิด และไม่มีประกันชั้นไหนคุ้มค่ามากที่สุด เพราะจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้รถเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องค่าเบี้ยประกัน กับความคุ้มครองที่ได้รับ ซึ่งจะต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าตอบโจทย์การใช้รถของตัวเราเองหรือไม่ เพียงเท่านี้ ก็จะได้ประกันที่ตรงใจกันอย่างแน่นอนแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ สยมรัฐออนไลน์https://www.siamrath.co.th/n/539473

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

รูปถ่าย

ดอกไฮเดรนเยีย “คามาคุระ” บานสะพรั่งรับฤดูร้อน

12/06/2024

นอกจาก “ซากุระ” ที่เป็นดอกไม้ยอดนิยมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นแล้ว ในช่วงกลางปีก็ยังมี “ดอกไฮเดรนเยีย” หรือ “อาจิไซ” ดอกไม้งามที่เปรียบเป็นสัญลักษณ์ของฤดูฝนในญี่ปุ่น (ญี่ปุ่นไม่มีฤดูฝน แต่ช่วงเริ่มต้นฤดูร้อน ประมาณ มิถุนายน ก็เป็นช่วงที่เริ่มมีฝนตก และเป็นช่วงดอกไม้บาน)ภาพ: สำนักข่าวซินหัว ( 6 มิ.ย. 2024)ดอกไม้ชนิดนี้ได้รับความชื่นชมจากชาวญี่ปุ่นไม่น้อยไปกว่าดอกบ๊วย หรือดอกซากุระ และการชมดอกไฮเดรนเยียก็นับเป็นเทศกาลอีกอย่างของคนญี่ปุ่นด้วยเช่นกันฤดูดอกไฮเดรนเยียในญี่ปุ่นหรือที่รู้จักกันในชื่อฤดูอาจิไซ มอบประสบการณ์อันน่าหลงใหลสำหรับผู้รักธรรมชาติและเหล่าคนรักการถ่ายภาพ นับเป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง โดยทั่วไปจะเริ่มบานตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นฤดูดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่งทั่วไปในญี่ปุ่นภาพ: สำนักข่าวซินหัว ( 6 มิ.ย. 2024)สำหรับจุดหมายยอดนิยมแห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปสัมผัสความงดงามของดอกอาจิไซ ซึ่งไม่ไกลจากเมืองหลวงโตเกียว ต้องยกให้ “คามาคุระ” เมืองเล็กๆริมทะเลในจังหวัดคานางาวะ ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่ง ทั้งสีฟ้า ชมพู และสีขาวภาพ: สำนักข่าวซินหัว ( 6 มิ.ย. 2024)หนึ่งในจุดชมดอกไม้ ต้องยกให้ วัดเมเกซึอิน (Meigetsuin Temple) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น วัดแห่งดอกไฮเดรนเยีย เลยทีเดียว เพราะในช่วงต้นเดือนมิถุนายน บรรยากาศในวัดนั้นบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้สีสดใสกว่าพันดอกภาพ: สำนักข่าวซินหัว ( 6 มิ.ย. 2024)ภาพ: สำนักข่าวซินหัว ( 6 มิ.ย. 2024)แหล่งที่มาข่าวต้นฉบับผู้จัดการออนไลน์https://mgronline.com/travel/detail/9670000048999

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ท่องเที่ยว

5 วิธีบริหารเงินสำหรับวางแผนเที่ยวทริปในฝัน

12/06/2024

5 วิธีบริหารเงินสำหรับวางแผนเที่ยวทริปในฝัน บทความนี้ช่วยคุณได้นะการเที่ยว อาจดูเป็นกิจกรรมที่ออกจะ “ฟุ่มเฟือย” สำหรับใครหลาย ๆ คน เนื่องจากมันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการเดินทางแต่ละครั้ง ต่อให้เป็นทริปที่ควบคุมค่าใช้จ่ายให้ประหยัดที่สุด รัดเข็มขัดแน่นแค่ไหน แต่มันก็ต้องใช้เงินมากกว่าที่เราใช้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอยู่ดี เงินก้อนหนึ่งหมดไปกับการเที่ยวที่ใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น คนจำนวนไม่น้อยถึงเลือกที่จะพับแผนเที่ยวเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ คืออยากไปแหละ แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเงินไม่พร้อม ไปแบบเสียดายเงินมันก็เหมือนจะสนุกไม่สุด กลับมาก็มานั่งอมทุกข์อีกถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีบริหารเงินเพื่อให้คุณสามารถออกเที่ยวทริปในฝันได้อย่างสบายใจหรอกนะ คนเราทำงานหนักมันก็ควรจะมีช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนบ้าง ถ้าคุณอยากไปเที่ยว แต่สถานการณ์ทางการเงินค่อนข้างมีเงื่อนไขจำกัด คุณก็แค่ต้องวางแผนบริหารเงินให้รัดกุมกว่าคนอื่นเขา ลองมาดูวิธีที่เราจะแนะนำต่อจากนี้ เพื่อที่ว่าคุณจะได้เดินทางไปเที่ยวทริปในฝันอย่างสบายใจ และไม่ต้องเป็นทุกข์เรื่องเงินมากนักสำรวจค่าใช้จ่ายว่าต้องใช้เงินเท่าไรก่อนเริ่มต้นเก็บเงินเที่ยวทริปในฝัน ก็ต้องสำรวจก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในการเดินทาง และจะไปนานกี่วัน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าควรต้องเก็บเงินเท่าไรและจะใช้เวลาเก็บนานแค่ไหน หลัก ๆ แล้วก็มักจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทาง ถ้าจะไปต่างประเทศ ก็มีค่าตั๋วเครื่องบินแล้วแน่ ๆ ถ้าเดินทางในประเทศโดยรถส่วนตัว ก็ต้องนึกถึงค่าน้ำมันตลอดทริป และพวกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าชอปปิง เบ็ดเตล็ด และเงินสำรอง เผื่อกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด นอกจากนี้ อาจลองนึกถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเองระหว่างเที่ยวด้วยก็ได้ว่าอยากจะเที่ยวแบบไหน เน้นกินหรูอยู่แพงฟีลไฮโซ จะอยู่แบบธรรมดา ๆ ก็พอ หรือจะเที่ยวคอนเซปต์ประหยัดเซฟทุกสตางค์ มันมีผลต่อการเก็บเงินทั้งสิ้นวางแผนการเก็บเงินขั้นต่อมา คือการวางแผนเริ่มเก็บเงินว่าจะออมด้วยวิธีไหนดี เพราะการไปเที่ยวมันเป็นกิจกรรมพิเศษ เงินที่จะนำไปเที่ยวควรจะกระทบเงินปกติที่ใช้ในชีวิตประจำวันให้น้อยที่สุด วิธีการออม ก็เลือกวิธีที่ตัวเองถนัดและคิดว่าทำได้ไม่ยาก ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว นอกจากนี้ อาจจะมองหาในเรื่องของการหารายได้เสริมเฉพาะกิจก็เป็นความคิดที่เข้าท่าดีเหมือนกัน เพราะมันเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณเก็บเงินก้อนใหม่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเอาไปเที่ยวได้เร็วขึ้น ลำพังแค่เก็บออมเอาจากรายได้ปกติมันอาจจะทำให้สถานการณ์การเงินของคุณต้องกระเบียดกระเสียรเกินไปหน่อย กว่าจะเก็บได้เพิ่มสักก้อน อาจทำให้คุณท้อแท้ไปก่อนเลยก็ได้บัตรเครดิต มีแล้วต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดบัตรเครดิตอาจเป็นตัวก่อหนี้ชั้นดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบัตรเครดิตทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นเยอะเหมือนกัน เพียงแต่คุณต้องรู้จักใช้มันให้เป็นและรู้จักวางแผนเรื่องการจ่ายหนี้คืน การรูดบัตรเครดิตเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ ถ้าคุณมีรายได้มั่นคงสม่ำเสมอ และยังเพียงพอต่อการใช้จ่ายปกติหลังจากหักจ่ายหนี้บัตรเครดิต การรูดไปก่อนแล้วตามจ่ายหนี้ทีหลังก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร นอกจากนี้ คุณยังสามารถรับความคุ้มค่าเป็นแต้มหรือเครดิตเงินคืนได้ด้วยหลังจากรูดใช้ มีสิทธิพิเศษเป็นโปรโมชันบัตรกับสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และห้างสรรพสินค้า หรือคุณอาจนำแต้มที่สะสมไว้เยอะแยะไปแลกนั่นแลกนี่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางก็ได้เหมือนกันทริปต่างประเทศ วางแผนใช้ travel card อาจคุ้มค่ากว่าTravel Card คือ บัตรสำหรับทำธุรกรรมทางการเงินในต่างประเทศ โดยอาจมีลักษณะเป็นบัตรเดบิตหรือบัตรเติมเงิน รูปแบบหนึ่ง (ไม่ได้ใช้เงินในอนาคตเหมือนบัตรเครดิต) ใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ รูดจ่ายค่าสินค้าและกดเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตทั่วไป โดยมีค่าธรรมเนียมหรืออัตราแลกเปลี่ยนในราคาพิเศษ ซึ่ง Travel Card จะตอบโจทย์นักเดินทางที่ไม่มีบัตรเครดิตหรือคนที่ไม่อยากพกเงินสดจำนวนมากไปไหนมาไหน ไม่ต้องเสียเวลาไปแลกเงิน และสามารถใช้จ่ายทั่วโลกได้สะดวกด้วยบัตรใบเดียว ที่สำคัญ ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.0-2.5% ของยอดใช้จ่าย เหมือนกับการรูดจ่ายด้วยบัตรเครดิตด้วยทำบันทึกรายจ่ายว่าเสียหายไปเท่าไรในช่วงเวลาระหว่างเที่ยว หากมีเวลาเหลือ ๆ ก่อนนอนหรืออาจจะตื่นเช้ากว่าปกตินิดหน่อย ลองเจียดเวลามาทำสรุปเกี่ยวกับเงินรายวันที่คุณใช้ไปกับเที่ยวสักหน่อย แบบว่าทำบันทึกรายจ่ายไว้ว่าการเที่ยวในทริปนี้เราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง แล้วแต่ละรายการมันเป็นเงินเท่าไร โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าชอป ประโยชน์ก็คือ เป็นการวางแผนการเงินในระหว่างทริป คุณจะได้อัปเดตกับตัวเองทุกวันว่าเงินที่เหลืออยู่กับจำนวนวันเที่ยวมันพอดีกันหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเงินหมดก่อนเดินทางกลับ รวมถึงบันทึกไว้เพื่อเก็บเป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนเที่ยวครั้งหน้าว่าจะต้องเตรียมเงินเท่าไรบ้าง แม้ว่าในอนาคตมันอาจจะแพงขึ้น แต่ก็ยังมีข้อมูลไว้อ้างอิงแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับ sanookhttps://www.sanook.com/travel/1448031/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ข่าวการเงิน

หนี้ปลดได้ เริ่มได้ที่ Mindset

11/06/2024

บทความโดย “สมาคมนักวางแผนการเงินไทย”วันที่ 10 มิถุนายน 2567 หนี้…คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้มีใครอยากจะผูกพันกับมันสักเท่าไร แต่ในหลายสถานการณ์ เราก็หลีกหนีมันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิตที่ต้องใช้เงินก็ล้วนอาจก่อให้เกิดหนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นการ ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือซื้อของเล็ก ๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ ในบางสถานการณ์หนี้บางอย่างก็อาจก่อให้เกิดประโยชน์ได้ในอนาคต เช่น เพื่อการศึกษา หรือเพื่อการค้าให้ธุรกิจไปต่อหรือขยายตัวได้ หนี้จึงอยู่รอบ ๆ ตัวเรา หรืออยู่ในชีวิตประจำวันของเราโดยไม่ทันได้ตั้งตัว การที่จะทำให้หนี้หมดไปจากเรา หรือปลดหนี้ให้ได้นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมีบทความมากมายที่พูดถึงการจัดการหนี้ให้ทุกคนได้หาข้อมูลทั้งในเชิง How to หรือเชิงเทคนิค แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนั่นคือเรื่อง ทัศนคติ หรือ Mindset เพราะไม่ว่าจะมีแผนในการจัดการหนี้ดีเพียงใด หรือมีเทคนิคที่วิเศษแค่ไหน แต่ถ้ายังไม่มีทัศนคติที่จะปลดหนี้ ก็ดูจะเป็นเรื่องยากและอาจจะนำพามาสู่การสร้างหนี้ที่ไม่มีวันจบ เราจึงขอนำเสนอ 3 Mindset ที่จะนำพาคุณไปสู่งการปลดหนี้อย่างแท้จริง“ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม”เมื่อเรามีหนี้ที่ต้องชำระ และดอกเบี้ยที่วิ่งตามอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายก็ไม่ควรที่จะใช้จ่ายเหมือนกับตอนที่ยังไม่มีหนี้อาจจะต้องประหยัด หรือออมเงินมากขึ้นเพื่อมาโปะหนี้ให้หมดเร็วขึ้น อีกอย่างคือการมองค่าใช้จ่ายให้เห็นว่าอะไรคือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริง ๆ เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าอาหาร ค่าเดินทางในการทำงาน รวมไปถึงหนี้สินที่ต้องชำระตามงวด เหล่านี้คือค่าใช้จ่ายจำเป็นจริง ๆ ที่เราต้องให้ความสำคัญลำดับแรก ๆ ส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือฟุ่มเฟือยก็อาจจะมองเป็นลำดับหลัง ๆ หรือไม่ใช้เลย อย่าลืมนะว่า ชีวิตเรากำลังไม่เหมือนเดิม“ต้องมีวินัย”การมีวินัยเป็นเรื่องพูดง่าย แต่น่าจะทำยากที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำสม่ำเสมอเพื่อให้ชำระหนี้ได้ตรงงวด ดอกเบี้ยไม่บานปลายและควรคิดเสมอว่า “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” เพราะฉะนั้นพยายามอย่าสร้างหนี้เพิ่ม โดยเฉพาะในยามที่มีหนี้อยู่ อย่าพยายามเอาหนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า นอกเสียจากวางแผนเรื่องดอกเบี้ยไว้ดีแล้ว ค่อยหาแหล่งเงินที่มีดอกเบี้ยน้อยกว่ามาเคลียร์ส่วนที่ดอกเบี้ยมากกว่า ทั้งนี้ก็ต้องดูเงื่อนไขให้ชัดเจนด้วย“สละ”สุดท้ายทัศนคติที่อยากจะพูดถึงคือการ “สละ” หลายครั้งการชำระหนี้ดูจะเป็นไปไม่ได้ เพราะรายได้ไม่ถึง การยอมขาย หรือสละขายอะไรบางอย่างที่มีความจำเป็นน้อยหน่อย (บางครั้งก็เป็นของจำเป็น) มาชำระหนี้ก็เป็นทางออกที่ตรงไปตรงมา เรื่องเหล่านี้เป็นการปรับทัศนคติ หรือ Mindset เพื่อให้แผนการในการปลดหนี้ของคุณนั้นสำเร็จได้ในเร็ววันแหล่งที่มาข่าวต้นฉบับประชาชาติธุรกิจออนไลน์https://www.prachachat.net/finance/news-1582461

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

X